00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:09 Voice โดยปกติคนถ้าเกิดว่าจะดำรงชีพอยู่
00:00:09 → 00:00:11 ได้ก็ต้องกินอาหารเข้าไปใช่มั้ยครับเสร็จ
00:00:11 → 00:00:15 แล้วก็มีการย่อยอาหารเพื่อที่จะนำสาร
00:00:15 → 00:00:17 อาหารเข้ามาในร่างกายโรคนี้เนี่ยมันเป็น
00:00:18 → 00:00:20 ความไม่สมดุลกันนะครับระหว่างการที่เรา
00:00:20 → 00:00:24 รับประทานอาหารเยอะกว่าที่เราใช้ออกไปมัน
00:00:24 → 00:00:27 จะเหลือเก็บเยอะเกินกว่าที่เราควรจะเป็น
00:00:27 → 00:00:30 พอมันเกิดการเหลือเก็บเยอะปุ๊บเนี่ยในตัว
00:00:30 → 00:00:33 ไขมันของเราเนี่ยครับมันก็เริ่มทำให้ร่าง
00:00:33 → 00:00:36 กายของเราเนี่ยมันมีระบบการใช้น้ำตาลผิด
00:00:36 → 00:00:40 ปกติไปอก็อาจจะนำมาสู่โรคต่างๆเช่นเบา
00:00:40 → 00:00:43 หวานโรคไตโรคหัว
00:00:43 → 00:00:48 ใจฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:48 → 00:00:51 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:52 → 00:00:54 This Is tha PBS
00:00:54 → 00:00:56 podcast สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับ
00:00:56 → 00:00:59 เข้าสู่รายการโรงหมอทางไทย PBS podcast
00:00:59 → 00:01:01 ค่ะสำหรับในวันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:02 → 00:01:04 ของโรคเมตาบอลิกในมนุษย์นะคะกับผู้ช่วย
00:01:04 → 00:01:07 ศาสตราจารย์ดรนายแพทย์เฉลิมชัยมิตรพันธ์
00:01:07 → 00:01:10 อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาชีวเคมีคณะ
00:01:10 → 00:01:13 แพทยศาสตร์สิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
00:01:13 → 00:01:17 ค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคาครับสวัสดีครับค่ะ
00:01:17 → 00:01:19 คุณหมอคะก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความเข้าใจ
00:01:19 → 00:01:21 ให้กับคุณผู้ฟังกันหน่อยนะคะถึงเรื่องของ
00:01:21 → 00:01:24 โรคเมตาบอลิกในมนุษย์เนี่นะคะมาทำความ
00:01:24 → 00:01:27 เข้าใจว่ามันคืออะไรมันมีผลยังไงกับร่าง
00:01:27 → 00:01:31 กายของเรากันบ้างคะคุณหมอคะโรค metabolic
00:01:31 → 00:01:34 Syndrome นะครับเป็นโรคที่เกิดจากการเผา
00:01:34 → 00:01:39 ผลาญในรของร่างกายที่ผิดปกติไปนะครับโดย
00:01:39 → 00:01:42 ปกติคนถ้าเกิดว่าจะดำรงชีพอยู่ได้ก็ต้อง
00:01:42 → 00:01:45 กินอาหารเข้าไปใช่มั้ยครับเสร็จแล้วก็มี
00:01:45 → 00:01:47 การย่อยอาหารเพื่อที่จะนำสารอาหารเข้ามา
00:01:47 → 00:01:52 ในร่างกายก็อาหารที่เ่อสารอาหารปกติที่นำ
00:01:52 → 00:01:57 ไปใช้เอ่อเป็นการทำให้ร่างกายเอ่อทำ
00:01:57 → 00:02:00 กิจกรรมต่างๆได้นะครับหลายอย่างก็จะเป็น
00:02:00 → 00:02:04 พวกกลุ่มพวกแป้งน้ำตาลคาร์โบไฮเดรตนะครับ
00:02:04 → 00:02:06 แล้วก็ถ้าเกิดว่าของที่มันเหลือใช้มันก็
00:02:06 → 00:02:10 จะเก็บสะสมในรูปของเอ่อไขมันนะครับเก็บ
00:02:10 → 00:02:14 ไว้ในเ่อตัวพงของเราหรือว่าเป็นตัวไขมัน
00:02:14 → 00:02:17 รอบเอวนะครับผมอทีนี้เนี่ยเอ่อโรคนี้
00:02:17 → 00:02:20 เนี่ยมันเป็นความไม่สมดุลกันนะครับ
00:02:20 → 00:02:23 ระหว่างการที่เราอาจจะรับประทานอาหารเยอะ
00:02:23 → 00:02:27 กว่าที่เราใช้ออกไปค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:02:27 → 00:02:30 มันจะเหลือเก็ดเยอะเกินกว่าที่เราควรจะ
00:02:30 → 00:02:34 เป็นพอมันเกิดการเหลือเก็บเยอะปุ๊บเนี่ย
00:02:34 → 00:02:37 ในตัวไขมันของเราเนี่ยครับมันก็เริ่มเอ่อ
00:02:37 → 00:02:40 ทำให้ร่างกายของเราเนี่ยมันมีระบบการใช้
00:02:40 → 00:02:44 น้ำตาลผิดปกติไปอก็อาจจะนำมาสู่โรคต่างๆ
00:02:44 → 00:02:49 เช่นเบาหวานโรคไตโรคหัวใจนะครับค่ะก็ก็
00:02:49 → 00:02:52 อันนี้เป็นสั้นๆคร่าวๆครับอืก็คือมันคือ
00:02:52 → 00:02:55 ตัวเหมือนกับว่าตัวพื้นฐานโดยที่เราก็รู้
00:02:55 → 00:02:57 ข้อมูลกันตรงนี้อยู่ในส่วนที่เรามักจะ
00:02:57 → 00:03:00 เข้าใจว่าอ่ะกินเข้าไปเยอะนะเอ่อมันก็จะ
00:03:00 → 00:03:03 อ้วนลงพุงได้อะไรอย่างงี้ได้ใช่มคะถ้าแบบ
00:03:03 → 00:03:05 ทำทำตามความเข้าใจของโดยทั่วไปแต่จริงๆ
00:03:05 → 00:03:08 แล้วเนี่ยถ้าคุยในเชิงวิชาการมันก็จะคือ
00:03:08 → 00:03:12 โรคเมตาบอลิกในมนุษย์นั่นเองซึ่งก็เอา
00:03:12 → 00:03:14 แหละหลายคนถ้าสมมุติว่าร่างกายของเรา
00:03:14 → 00:03:16 อย่างงี้ค่ะที่เคยได้ยินอันนี้ไม่แน่ใจ
00:03:16 → 00:03:19 ว่าจะเกี่ยวมนะคะคุณหมอคะว่าอย่างบางคน
00:03:19 → 00:03:23 ที่อาจจะเอ่อระบบเผาผลาญไม่ดีด้วยมีโรค
00:03:23 → 00:03:25 ประจำตัวอย่างอื่นอย่างเช่นโรคไทรรอยด์
00:03:25 → 00:03:27 หรืออะไรก็แล้วแต่ต่างๆเหล่าเนี้ยมันก็
00:03:27 → 00:03:30 เป็นส่วนหนึ่งในเป็นในการเป็นโรคไม่บิอัน
00:03:30 → 00:03:32 นี้ด้วยหรือเปล่าคะที่ทำให้ระบบ Power
00:03:32 → 00:03:35 plan เนี่ยมันไม่ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
00:03:35 → 00:03:39 อืนะครับคือคือในเรื่องของระบบเอ่อ
00:03:39 → 00:03:42 metabolic เอ่อ Syndrome เวลาที่ที่ที่
00:03:42 → 00:03:45 คุยเมื่อกี้ที่ฟังคร่าวๆคือระบบการที่เรา
00:03:45 → 00:03:49 จะนำพลังงานไปใช้นำพลังงานที่ที่เอาไป
00:03:49 → 00:03:52 บริหารนะครับส่วนเกินคือนำไปเก็บทีนี้
00:03:52 → 00:03:56 เนี่ยในการที่มันนำไปใช้เหมือเ่อที่คุณ
00:03:56 → 00:03:59 เ่อผู้ำนวนในการแนะนำนะครับว่ามันมี
00:03:59 → 00:04:02 เรื่องของไทรรอยด์มันก็จะเป็นการเพิ่ม
00:04:02 → 00:04:06 อัตราการใช้พลังงานของตัวเซลล์อันนั้นก็
00:04:06 → 00:04:10 จะเป็นอีกปัจจัยนึงที่จะทำให้อัตราการเผา
00:04:10 → 00:04:12 ผลาอาหารของเราเนี่ยเปลี่ยนไปเพราะฉะนั้น
00:04:12 → 00:04:16 ถ้าคนที่บอกว่ามีไทรรอยเยอะกว่าปกติก็จะ
00:04:16 → 00:04:19 เกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันเหมือนกันแต่
00:04:19 → 00:04:22 ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกับการกับการ
00:04:22 → 00:04:24 กินแต่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการใช้เป็น
00:04:24 → 00:04:29 หลักครับผมอ๋องั้นแสดงว่าคือถ้าอย่างคน
00:04:29 → 00:04:31 อายุมันมันสัมพันธ์กับอายุด้วยยคะคุณหมอ
00:04:31 → 00:04:34 อย่างเช่นว่าคนอายุมากๆระบบเผาผลานเริ่ม
00:04:34 → 00:04:37 จะไม่ค่อยดีและจะพลาผลานได้น้อยลงกว่าใน
00:04:37 → 00:04:39 วัยหนุ่มเาวแบบเนี้ยอันนี้ก็คือปัจจัยนึง
00:04:39 → 00:04:42 ที่มันอยู่ในส่วนองค์ประกอบตัวนี้ด้วยไคะ
00:04:42 → 00:04:45 เรื่องของก็ด้วยครับคือในในในการที่มี
00:04:45 → 00:04:49 อายุที่เพิ่มมากขึ้นบางทีก็จะมีไขมันที่
00:04:49 → 00:04:51 มันเข้าไปสะสมอาจจะมีทั้งอันที่เรามอง
00:04:51 → 00:04:54 เห็นได้ด้วยตาแล้วก็เราอาจจะอันที่มันเรา
00:04:54 → 00:04:57 มองไม่เห็นได้ด้วยตาโดยที่ไขมันตนังเหล่า
00:04:57 → 00:05:00 นี้เนี่ยครับมันก็จะเหมือนกับปับปับจูน
00:05:00 → 00:05:04 การใช้พลังงานของตัวเอ่อของของตัวที่เรา
00:05:04 → 00:05:07 กินเข้าไปเหมือนกันครับผมอือายุก็มีส่วน
00:05:07 → 00:05:10 ครับโอ้ฟังแบบนี้แล้วเริ่มจับรอบเอวตัว
00:05:10 → 00:05:14 เองแล้วค่ะไม่แน่ใจว่าเอ๊ะเป็นเกี่ยวกับ
00:05:14 → 00:05:16 เราเป็นโรคเมตาบอลิกอะไรอย่างนี้หรือ
00:05:16 → 00:05:18 เปล่านะคะคืออันเนี้ยมันเป็นเรื่องของ
00:05:18 → 00:05:21 ระบบเผาผลานที่ผิดปกติแล้วมันก็นำไปสู่
00:05:21 → 00:05:23 การเป็นโรคอ้วนแล้วก็โรคอื่นๆตามมาอีก
00:05:23 → 00:05:26 เยอะแยะมากมายเลยใช่มคะมีมีอะไรบ้างคะคุณ
00:05:26 → 00:05:30 หมอคะอ่อโรคต่างๆเหล่านี้ก็หลังจากที่มัน
00:05:30 → 00:05:33 มีเริ่มมีโรคอ้วนนะครับมันจะเกิดภาวะใน
00:05:33 → 00:05:36 การที่นำน้ำตาลไปใช้ได้ไม่ดีนะครับก็คือ
00:05:36 → 00:05:39 น้ำตาลมันไปค้างอยู่ในเลือดเยอะก็จะเป็น
00:05:39 → 00:05:42 อาจจะเป็นปัญหาเรื่องของเบาหวานนะครับ
00:05:42 → 00:05:46 แล้วก็ถ้าเบาหวานที่เป็นไปนานๆนะครับก็
00:05:46 → 00:05:49 เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงพวกตาหรือเส้นเลือด
00:05:49 → 00:05:52 ที่ไปเลี้ยงพวกไตก็จะผิดปกติรวมถึงภาวะ
00:05:52 → 00:05:55 ตัวอ้วนเองเนี่ยก็จะทำให้ไตเนี่ยผิดปกติ
00:05:55 → 00:05:59 ด้วยก็อาจจะเป็นโรคเอ่อไตวายเป็นักลักษณะ
00:06:00 → 00:06:03 ลักษณะเป็นเหมือนกับไตวายเอ่อเรื้อรงได้
00:06:03 → 00:06:06 นะครับแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องของโรคหัวใจ
00:06:06 → 00:06:08 นะครับที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือว่าจะเป็น
00:06:08 → 00:06:11 เรื่องที่เป็นไขมันออกตับซึ่งอาจจะเคยพอ
00:06:11 → 00:06:14 ได้ยินอยู่บ้างอือก็มีแต่ละโรคที่แบบน่า
00:06:14 → 00:06:16 กลัวน่ากลัวทั้งนั้นเลยค่ะที่สัมพันธ์
00:06:16 → 00:06:19 เกี่ยวกับเรื่องของความอ้วนนี่แหละค่ะที
00:06:19 → 00:06:22 นี้คุยกันว่าเป็นโรคอ้วนโรคอ้วนอย่างนี้
00:06:22 → 00:06:24 ค่ะคุณหมอหลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่าเอ๊ะ
00:06:25 → 00:06:28 แบบไหนถึงเรียกว่าอ้วนเพราะแต่ละคนอาจจะ
00:06:28 → 00:06:30 มีโครงร่างร่างกายเระที่ไม่เหมือนกัน
00:06:30 → 00:06:32 อย่างเงี้ค่ะบางคนดูตัวใหญ่เอ้ยแต่เขาก็
00:06:32 → 00:06:35 ไม่ได้ดูอ้วนแต่บางคนดูตัวเล็กอ้ามีลงพุง
00:06:35 → 00:06:38 อะไรแบบนี้ค่ะแบบอยังไงถึงเรียกว่าอ้วน่ะ
00:06:38 → 00:06:43 คะคือด้วยความที่เอ่อมันอย่างที่เอ่อคุณ
00:06:43 → 00:06:47 เ่อคุณเแกนบอกนะครับว่ามันมีความสูงที่
00:06:47 → 00:06:49 ไม่เท่ากันเนาะก็เลยเเลยทำเป็นเหมือนกับ
00:06:50 → 00:06:53 ดัชนีมวลกายอ่ะครับว่าเอ่อใช้ความสูงนะ
00:06:53 → 00:06:55 ครับแล้วก็ที่เป็นที่เป็นเมตรแล้วก็หาร
00:06:55 → 00:06:59 ด้วยน้ำหนักเอ่อน้ำหนักโทษทีนะครับใช้น้ำ
00:06:59 → 00:07:01 หนักครับแล้วก็หารความสูงในส่วนที่เป็น
00:07:01 → 00:07:04 เมตรยกกำลัง 2 มันจะได้ตัวเลขออกมาตัวเลข
00:07:04 → 00:07:08 นึงนะครับซึ่งเขาจะให้ใช้ตัวเลขเนี้ยว่า
00:07:08 → 00:07:11 ขีดจำกัดที่บอกว่าเราเอ่อเริ่มอ้วนแล้วนะ
00:07:11 → 00:07:13 หรือว่าอันนี้เนี่ยมันอาจจะเป็นการอ้วน
00:07:13 → 00:07:16 ที่เป็นอันตรายครับอค่ะเพราะว่าว่าเรียก
00:07:16 → 00:07:18 ว่าเป็นดัชนีมวลกายอ๋อคือถ้าเช็คจากดัชนี
00:07:18 → 00:07:21 มวลกายเนี่ยจะจะชัดเจนจะค่อนข้างเอ่อเอา
00:07:22 → 00:07:24 ไปเทียบกับตัวเลขที่เขามีการทำเป็นตาราง
00:07:24 → 00:07:28 เอาไว้ในระยะต่างๆใช่มั้ยคะหมายถึงว่า
00:07:28 → 00:07:30 ความเอ่อเค้าเรียกอะไรรอบเอวหรืออะไรต่าง
00:07:31 → 00:07:34 ๆเหล่านี้น้ำหนักใช่คือคือว่าเวลาเวลามัน
00:07:34 → 00:07:37 มันจะเป็นภาษาเอ่อตรงกลางอ่ะครับว่าบอก
00:07:37 → 00:07:40 ว่าพพูดเลขนี้ปุ๊บทุกคนก็จะเข้าใจตรงกัน
00:07:40 → 00:07:44 ว่าอ๋อโอเคระดับความอ้วนเนี่ยเป็นประมาณ
00:07:44 → 00:07:47 เท่าไหร่ว่าอ้วนมากหรืออ้วนนอนค่ะเคยเคย
00:07:47 → 00:07:50 เจอแบบนี้ด้วยค่ะคุณหมอเป็นสายวัดสายวัด
00:07:50 → 00:07:53 ที่ทุกคนใช้กันโดยปกติค่ะแต่อันนี้สายวัด
00:07:53 → 00:07:56 เนี่ยที่เคยเห็นเนี่ยค่ะตรงแถบมันจะมีสี
00:07:56 → 00:07:59 ส้มสีแดง
00:07:59 → 00:08:02 ถ้ารอบเอวมาถึงสีส้มแล้วเอ้ยต้องระวังละ
00:08:02 → 00:08:05 ถ้าสีแดงนี่แสดงว่าอ้วนแล้วอัน
00:08:05 → 00:08:10 นี้เอออยากได้แบบนี้อาจจะไม่ได้สัมพันธ์
00:08:10 → 00:08:14 กับความสูงแต่ว่ามีการมีการมีการเตือน
00:08:14 → 00:08:16 จริงค่ะคุณหมอตอนนั้นน่ะคือเคยไปตรวจร่าง
00:08:16 → 00:08:20 กายแล้วก็ต้องวัดดัชนีมวลกายแล้วก็มีมี
00:08:20 → 00:08:22 ตัวนี้ล่ะค่ะแล้วก็รู้สึกว่าโอ้ไอตอนนั้น
00:08:22 → 00:08:26 น่ะมันก็ยังยังดูแบบวัยรุ่นสาวๆอยู่นะคะ
00:08:26 → 00:08:29 ยังไม่มีอะไรแต่ตอนนี้ไม่กล้าวัดโดยวัด
00:08:29 → 00:08:33 จากอือันนี้เลยค่ะกางเกงที่ใช้อยู่ครับ
00:08:33 → 00:08:36 ถ้ามันเริ่มแน่นอ่ะเปลี่ยนไซส์นี่เอา
00:08:36 → 00:08:40 เริ่มละเริ่มอ้วนแน่ๆแน่ๆแล้วนะคะโอ้ยก็
00:08:40 → 00:08:43 เป็นอินดิเคเตอร์ที่ดีที่จะทำให้เราเริ่ม
00:08:43 → 00:08:46 ตื่นตัวออกกำลังกายเป็นประจำเพิ่มมากขึ้น
00:08:46 → 00:08:48 ไม่แต่เขาบอกว่าการแก้ปัญหาที่ดีคือการ
00:08:48 → 00:08:51 ซื้อกางเกงตัวใหม่
00:08:51 → 00:08:56 ค่ะเออก็ได้เนาะอันนี้แต่ว่ามันเป็นเป็น
00:08:56 → 00:08:58 โรคอ้วนที่เอาจริงๆนะคุณผู้ฟังคือก็ไม่
00:08:58 → 00:09:01 ได้อยากจะให้ให้ใครที่แบบว่าต้องมามี
00:09:01 → 00:09:03 สุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงเพราะว่าราย
00:09:03 → 00:09:05 การเราส่งเสริมเรื่องสุขภาพกันอยู่แล้วนะ
00:09:05 → 00:09:08 คะถ้าใครแข็งแรงได้นะคะแล้วก็เอ่อร่างกาย
00:09:08 → 00:09:11 พอวัดดัชนีมวลกายออกมาแล้วเนี่ยไม่ได้
00:09:11 → 00:09:13 อ้วนเกินไปไม่ได้เกินมาตรฐานอะไรอย่าง
00:09:13 → 00:09:16 เงี้ยนะเาจะมีแยกเป็นเชัแบบชายกับหญิง
00:09:16 → 00:09:19 ด้วยใช่มั้คะเ่าเพราะว่ามันอ่าร่างกายของ
00:09:19 → 00:09:22 ผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกันด้วยอ่ะ
00:09:22 → 00:09:25 เนาะคุณหมอเนาะอืมครับผมก็อาจจะใช้เกณฑ์
00:09:25 → 00:09:28 แยกกันน่ะนะคะก็ลองไปตรวจวัดดูเดี๋ยวนี้
00:09:28 → 00:09:31 หาได้ใน Google นะคะคุณฟังคะทีนี้คือการ
00:09:31 → 00:09:33 ที่เป็นโรคอ้วนเนี่ยค่ะคุณหมอถ้าอย่าง
00:09:33 → 00:09:37 สมมุติว่าอย่างบางคนเนี่ยค่ะอยู่ๆก็มี
00:09:37 → 00:09:41 ภาวะความอ้วนแบบไม่อยู่ๆไม่เคยจะอ้วนง่าย
00:09:41 → 00:09:44 มาก่อนอยู่ๆวันนึงอ่าอาจจะไม่ได้เกี่ยว
00:09:44 → 00:09:46 กับเรื่องของอายุหรืออะไรอย่าเงี้นะคะอัน
00:09:46 → 00:09:48 นี้เราต้องมีอะไรที่เราต้องกังวลมั้ยคะ
00:09:48 → 00:09:51 ว่าเอ๊ะทำไมอยู่ๆทำไมน้ำหนักเราขึ้นกว่า
00:09:51 → 00:09:54 ปกติทำไมเดี๋ยวนี้เสื้อผ้าใส่แล้วมันคับ
00:09:54 → 00:09:56 มากมันมันมีนัยยะอะไรที่จะบอกได้มยคะว่า
00:09:56 → 00:09:59 เอ้ยเราเริ่มเข้าสู่ภาวะของความคามอ้วน
00:09:59 → 00:10:03 แล้วนะเราต้องระวังแล้วก็ถ้าจะให้ดีลดได้
00:10:03 → 00:10:06 ก็ลดอะไรอย่างเงี้ยค่ะคุณหมออืครับส่วน
00:10:06 → 00:10:10 ส่วนใหญ่คือถ้าเกิดว่าการที่เอ่ออยู่ใน
00:10:10 → 00:10:12 น้ำหนักเพิ่มต้นมากขึ้นเนี่ยที่ต้องระวัง
00:10:12 → 00:10:16 เนี่ยจริงๆคือจะเป็นของที่เราอาจจะกิน
00:10:16 → 00:10:18 อยู่เป็นประจำแต่ว่าเราไม่ค่อยได้นึกถึง
00:10:18 → 00:10:22 เช่นพวกเครื่องดื่มอครับผมจริงๆเอ่อสังคม
00:10:22 → 00:10:25 เราเนี่ยจริงๆบริโพกเครื่องดื่มพวกกาแฟ
00:10:26 → 00:10:28 หรือว่าเป็นพวกโซดาพวกอะไรอย่างเงี้ยเยอะ
00:10:28 → 00:10:31 มากเลยครับค่ะทีนี้เนี่ยในในในน้ำ 1 แก้ว
00:10:32 → 00:10:33 บางทีเราก็เข้าใจว่าเอออย่างงี้รสชาติ
00:10:33 → 00:10:36 อย่างงี้มันอร่อยแต่ว่าจริงๆน้ำตาลมัน
00:10:36 → 00:10:39 เป็นมันเป็นน้ำตาลที่เยอะมากอืหรือว่าถ้า
00:10:39 → 00:10:42 ถ้าบางทีเนี่ยอย่างเช่นสมมุติว่าอาจจะไม่
00:10:42 → 00:10:46 รู้ตัวแค่เอ่อนั่งแล้วก็ทุกเช้าก็วันละ
00:10:46 → 00:10:49 แก้วแล้วยิ่งถ้าเกิดว่าไม่ค่อยได้ขยับออก
00:10:50 → 00:10:53 จากโต๊ะไปไหนค่ะมันจะเห็นมันจะเห็นชัด
00:10:53 → 00:10:55 ขึ้นมากเลยครับว่าว่าตอนเมันเริ่มมัน
00:10:55 → 00:10:57 เริ่มน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นหวายเหมือนคุณ
00:10:58 → 00:11:00 หมอเห็น
00:11:00 → 00:11:04 สภาพนี้เลยค่ะกาแฟแค่แก้วเดียวเองนะคะไม่
00:11:04 → 00:11:08 ได้เยอะเลยใช่แต่ว่าบางทีมันมันอือมันถ้า
00:11:08 → 00:11:11 อย่างเงี้มันหวานมันอร่อยมันก็จะตามมา
00:11:11 → 00:11:14 ด้วยน้ำตาลที่มาเต็มครับนี่ขนาดเก็บภาษี
00:11:14 → 00:11:18 น้ำหวานแล้วนะบางๆพวกเครื่องดื่มในที่
00:11:18 → 00:11:20 บรรจุขวดหรืออะไรอย่างเงี้นะคะก็แต่มันก็
00:11:21 → 00:11:24 ยังแบบมีความหวานจากอย่างอื่นด้วยใช่มั้
00:11:24 → 00:11:27 คะกับโงกับข้าวอ่าขนมหวานเบเกอรี่อ่ะทุก
00:11:28 → 00:11:30 อย่างหวานหมดแหละคนไทยชอบกินหวานอยู่แล้ว
00:11:30 → 00:11:33 ใช่มั้ยคะครับอือันนี้ก็เป็นเป็นสิ่ง
00:11:33 → 00:11:35 หนึ่งที่นี่แหละคือจุดเริ่มต้นว่าเอ๊ะ
00:11:35 → 00:11:39 ทำไมทางคณะอาจารย์เองเอ่อคณะคุณหมอเอง
00:11:39 → 00:11:41 เนี่ยค่ะแล้วก็ทางมหาวิทยาลัยมหิดลเนี่ย
00:11:41 → 00:11:46 ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้โมเดลของปลา
00:11:46 → 00:11:49 ม้าลายเหรอคะคุณหมอปลาม้าลายใช่ครับม้า
00:11:49 → 00:11:54 ลายตัวน่ารักๆของเราเนี่ยนะคะปลามลายก็
00:11:54 → 00:11:57 เป็นเป็นเป็นปลาที่ตัวเล็กๆอ่ะครับผมขนาด
00:11:57 → 00:11:59 ประมาณเท่านิ้วก้อยอ่ะครับผมนี้คือเป็น
00:12:00 → 00:12:04 ตัวโตเต็มวัยขนาดที่เป็นตัวไข่เนี่ยจะสัก
00:12:04 → 00:12:07 ประมาณ 1 มิลลิเมตรนะครับแล้วก็เราก็คือ
00:12:07 → 00:12:10 เราก็คือเลี้ยงเจนโตเนาะทีนี้เนี่ยพอถาม
00:12:10 → 00:12:13 เหตุผลว่าเอ๊ทำไมต้องเป็นปลานะครับเพราะ
00:12:13 → 00:12:16 ว่าปลาเนี่ยจริงๆเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสัน
00:12:16 → 00:12:19 หลังนะครับเป็นตามพัฒนาการจะเป็นชนิดแรก
00:12:20 → 00:12:22 ที่เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังค่ะแล้วก็
00:12:22 → 00:12:26 เอ่อสัตว์ที่มีกระดูสหลังแล้วเ้าเอ่อมี
00:12:26 → 00:12:30 การเ่อนำเอาตัวเอ่อปลเนี่ยครับไปแล้วก็
00:12:30 → 00:12:34 สกัดเอา DNA ออกมาแล้วหาลำดับเบสของตัว
00:12:34 → 00:12:37 ปลาทั้งหมดก็พบว่าจริงๆมันมีความใกล้
00:12:37 → 00:12:41 เคียงกับับเบสของมนุษย์เนี่ยพอสมควรอืแล
00:12:41 → 00:12:43 ในความใกล้เคียงเหล่านั้นเนี่ยเมื่อเวลา
00:12:43 → 00:12:49 เขาเอาไปเอ่อทำการไม่เอ่อใช้เทคนิคบาง
00:12:49 → 00:12:51 อย่างที่ทำให้การแสดงออกของยีนเหล่านั้น
00:12:51 → 00:12:55 เนี่ยมันไม่แสดงออกมันมีลักษณะที่ละมาย
00:12:55 → 00:12:58 คล้ายคึงกับโรคที่เกิดขึ้นในมนุษย์ครับ
00:12:58 → 00:13:00 ค่ะเลยคิดว่าเอ๊ะอันนี้เนี่ยน่าจะเป็น
00:13:00 → 00:13:03 โมเดลที่ดีนะในการที่เราจะสามารถที่จะ
00:13:03 → 00:13:07 เอ่อใช้ในการศึกษาในการวิจัยทาง
00:13:07 → 00:13:08 วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวเป็นโรคเกี่ยวกับ
00:13:08 → 00:13:12 มนุษย์ได้ครับผมอืส่วนใหญ่เราจะได้ยินถ้า
00:13:12 → 00:13:15 จะเป็นเอามาทดลองเนี่ยก็จะเป็นหนูเป็น
00:13:15 → 00:13:17 อะไรพวกนี้ใช่มั้ยคะแต่อันนี้คือเป็นปรา
00:13:17 → 00:13:20 มาลยเพราะว่าเอ่อด้วยหลายๆอย่างในโครง
00:13:20 → 00:13:23 สร้างของเขาเนี่ยเหมือนคล้ายๆกับมนุษย์
00:13:23 → 00:13:27 นั่นเองอุ๊ยแต่เคตัวเล็กมากเลยนะใช่ก็มี
00:13:27 → 00:13:30 ใช่ครับก็ตัวตัวเล็กเนี่ยครับจริงๆก็เป็น
00:13:30 → 00:13:32 ข้อดีอีก1ึอย่างเพราะว่าจริงๆหนูเนี่ย
00:13:32 → 00:13:35 เป็นเป็นที่นิยมเพราะว่าก็เป็นสัตว์ที่
00:13:35 → 00:13:38 ใช้ศึกษามานานแล้วก็มีความใกล้เคียงกับ
00:13:38 → 00:13:41 มนุษย์เนี่ยมากกว่าปลาแต่ว่าในการที่จะ
00:13:41 → 00:13:44 เลี้ยงหนูเนี่ยครับก็มีค่าใช้จ่ายต่อกรง
00:13:44 → 00:13:48 เนี่ยที่สูงกว่าในการที่ดูแลปลาค่ะที่เรา
00:13:48 → 00:13:51 มีอยู่เนี่ยใช้พื้นที่ไม่เยอะมากค่ะต้อง
00:13:51 → 00:13:55 ประมาณซักประมาณ 4 เมตคณ 4 มตเนี่ยครับก็
00:13:55 → 00:13:57 สามารถเลี้ยงปลาได้เป็น 1000 ตัวอืทีนี้
00:13:57 → 00:14:01 เนี่ยเราก็สามารถที่จะใช้เอ่อปลาที่เรานำ
00:14:01 → 00:14:05 ไปแบ่งกลุ่มแล้วก็ทดลองได้นะครับอันที่ 1
00:14:05 → 00:14:09 อันที่ 2 เนี่ยตัวปลาเองตอนที่ช่วงที่เขา
00:14:09 → 00:14:12 เ่อเป็นเป็นไข่ออกมาเพราะว่าปลาเนี่ยครับ
00:14:12 → 00:14:16 มันมีการการเ่อพัฒนาการของตัวอ่อนเนี่ย
00:14:16 → 00:14:19 นอกร่างกายนะครับเราสามารถจะเห็นการ
00:14:19 → 00:14:23 พัฒนาการในช่วงที่เป็นตัวอ่อนได้ทุกขั้น
00:14:23 → 00:14:27 ตอนเลยนะครับแล้วก็เราสามารถนำเค้าใส่
00:14:27 → 00:14:31 เข้าไปในกล้องแล้วก็ดูพัฒนาการอืติดตาม
00:14:31 → 00:14:34 พัฒนาการได้ครับค่ะสิ่งที่จะเป็นข้อดี
00:14:34 → 00:14:38 ก่อนอ๋อก็คือด้วยความที่เา้ามีเอ่อลักษณะ
00:14:39 → 00:14:41 โรคที่เกิดขึ้นในมนุษย์ที่อย่างข้อมูลของ
00:14:41 → 00:14:45 อาจารย์คือได้ถึงร้อยละ 80 เลยที่มัน
00:14:45 → 00:14:48 เหมือนๆกับมนุษย์ใช่มั้ยคะแล้วก็ก็เอามา
00:14:48 → 00:14:51 ทดลองที่มีความใกล้เคียงมากมากกว่าหนู
00:14:51 → 00:14:54 ด้วยเพราะว่าหนูเป็นสัตว์เลือดอุ่นใช่
00:14:54 → 00:14:57 มั้ยคะสัตว์เลือดอุ่นแต่จริงๆจริงๆหนู
00:14:57 → 00:14:59 เนี่ยใกล้เคียงกว่านะครับแต่ว่าออันนี้
00:14:59 → 00:15:03 เนี่ยมันคือเป็นที่นำมาใช้ได้แล้วก็เอ่อ
00:15:03 → 00:15:08 หลังจากที่มีการเอ่อนำมาเอ่อใช้เทคนิคที่
00:15:08 → 00:15:11 จะยับยั้งการสนวของยีนแล้วมันสามารถที่จะ
00:15:11 → 00:15:15 เอ่อทำให้มันเห็นลักษณะที่คล้ายกับการ
00:15:15 → 00:15:18 เป็นโรคที่เกิดขึ้นในคนได้เราก็เลยคิดว่า
00:15:18 → 00:15:20 นำมันมาใช้เป็นโมเดลได้ครับอ๋อทีนี้เอามา
00:15:21 → 00:15:23 ทำเนี่ยค่ะเราเราใช้เแบบเหมือนกับว่าเรา
00:15:23 → 00:15:29 จะทดลองเขาในรูปแบบไหนคะคุณหมอคะอืในมของ
00:15:29 → 00:15:31 โรคอ้วนเนี่ยครับมันใช้เป็นเหมือนกับใช้
00:15:31 → 00:15:35 อาหารเ่อ overfeeding เหมือนกับของของคน
00:15:35 → 00:15:38 เลยครับถ้าเกิดว่าคนกินเยอะก็เอ่อมีน้ำ
00:15:38 → 00:15:40 หนักเพิ่มมากขึ้นอันนี้เราก็แบ่งปลาออก
00:15:40 → 00:15:43 เป็น 2 กลุ่มครับแล้วก็เป็นกลุ่มที่เ่อ
00:15:43 → 00:15:48 เป็นปลาที่กินปกติแล้วก็กลุ่มปลาที่กิน
00:15:48 → 00:15:52 อาหารมากกว่าปกติครับแล้วก็วัดน้ำหนักกับ
00:15:52 → 00:15:55 เอ่อช่างน้ำหนักกับวัดขาดความยาวทุกๆ 2
00:15:55 → 00:15:58 สัปดาห์นะครับแล้วก็ติดตามดูว่าขนาดเนี่ย
00:15:58 → 00:16:01 เพิ่มขึ้นนะครับจากนั้นเนี่ยพอครบเวลา
00:16:01 → 00:16:06 ประมาณ 10 สัปดาห์เราก็เอ่อใช้เอ่อความ
00:16:07 → 00:16:09 ได้เปรียบในการที่เเป็นเป็นโมเดลของสัตว์
00:16:09 → 00:16:12 ทดลองเนาะก็คือเราอยากจะศึกษาเรื่องของ
00:16:12 → 00:16:15 อ่าตับหรือเรื่องของไตหรือเรื่องของตัวไข
00:16:15 → 00:16:18 มันเองเราก็สามารถที่จะนำเอาชิ้นเนื้อนะ
00:16:18 → 00:16:21 ครับไปแล้วก็ตรวจทดสอบในสิ่งที่เรา
00:16:21 → 00:16:23 ต้องการอยากรู้ได้ครับอืคือเอามาขุ่นให้
00:16:23 → 00:16:27 อ้วนนั่นเองเป็นปใช่ครับผมปลามะลายอ้วน
00:16:27 → 00:16:31 อวบเลยใช่ใช่อุแล้วเจะยังว่ายน้ำไหวอยู่
00:16:31 → 00:16:35 มยคะหางจะยังกอดอยู่ใช่มั้ยยังยังยังได้
00:16:35 → 00:16:39 อยู่ครับก็คือจริงๆเมีมีถุงลมมีในส่วนที่
00:16:39 → 00:16:43 เป็นครีบข้างครีบหลังที่อะไสว่า้อยู่ได้
00:16:43 → 00:16:47 ครับอโอแต่แต่แบบนึกถึงหน้าตาของปลามลาย
00:16:47 → 00:16:50 แล้วคือเขาปากเล็กๆเงี้ยค่ะโอ้เขาคกินได้
00:16:50 → 00:16:53 ขนาดที่เาคุณหมอให้เขาคอ้วนขนาดนั้นได้
00:16:53 → 00:16:57 เลยท้องเจะบลักษณะท้องป่องๆเลยมั้ยคะแบบ
00:16:57 → 00:16:59 หรือว่าตัวเขาจะขยายขึ้นไปทั้งตัวเลยอ่ะ
00:16:59 → 00:17:04 คะเ่อก็ท้องท้องป่องด้วยครับแล้วก็ตัว
00:17:04 → 00:17:09 ขนาดความยาวก็คือคือคือในช่วงที่ 10 กว่า
00:17:09 → 00:17:12 สัปดาห์ก็คือก็คือยาวขึ้นครับเป็นเป็น
00:17:12 → 00:17:14 เป็นหลักมิลลิเมตรแต่ว่าก็คือวัดได้ยาว
00:17:14 → 00:17:17 ขึ้นออ๋อจากขนาดนิ้วก้อยตัวปกติไซส์ปกติ
00:17:17 → 00:17:21 ที่คุณหมอเอามาทดลองนี่คือก็จะใหญ่ขึ้น
00:17:21 → 00:17:23 ขึ้นมาอีกนิดนึงครับก็ก็ยาวขึ้นแล้วก็
00:17:23 → 00:17:26 ท้องป่องขึ้นก็จะเป็นเหมือนกับเหมือนกับ
00:17:26 → 00:17:28 เหมือนกับเป็นรอบเอวเหมือนรอบพงของของของ
00:17:28 → 00:17:31 คนเรานี่แหละครับผมอารมณ์เดียวกันเลยครับ
00:17:31 → 00:17:35 เออนึกึจินตนาการตามแล้วก็โอ๊ยก็น่ารัก
00:17:35 → 00:17:37 กว่าเดิมอีกอ่ะนะคะอ่ะแต่ว่ามันก็แต่มัน
00:17:37 → 00:17:42 ก็มันก็มีความอ้วนมีความแบบไขมันของเขาค
00:17:42 → 00:17:44 เนี่ยก็เยอะขึ้นเหมือนเหมือกับคนเลยที่
00:17:44 → 00:17:47 เราที่คุณหมอจะไปเอาเนื้อเยื่อจากตับไตไข
00:17:47 → 00:17:50 มันอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะมาวิจัยทีนี้พอ
00:17:50 → 00:17:53 เอามาวิจัยเอาเอาส่วนหนึ่งของเเนี่ยมามา
00:17:53 → 00:17:57 วิจัยแล้วเนี่ยเราเห็นอะไรบ้างคะ
00:17:57 → 00:18:01 อืคือในในขั้นตอนขั้นตอนที่เราที่เราทำ
00:18:01 → 00:18:06 เนี่ยก็คือเราพัฒนาวิธีการวัดเ่อตัวไขมัน
00:18:06 → 00:18:10 อ่ะนะครับโดยที่ไขมันเนี่ยถ้าเกิดฟังชื่อ
00:18:10 → 00:18:12 เอ่อก็คือเหมือนกับอองน้ำมันพืชอ่ะครับก็
00:18:12 → 00:18:16 ผสมกับน้ำมันก็จะไม่ค่อยละลายน้ำเนาะ
00:18:16 → 00:18:18 เพราะว่ามันมันไม่ค่อยชอบน้ำแต่ว่าในจริง
00:18:18 → 00:18:21 ๆในส่วนของไขมันเองอ่ะครับมันมีส่วนที่เ
00:18:21 → 00:18:25 เรียกว่ามีขั้วกับส่วนที่ไม่มีขั้วส่วน
00:18:25 → 00:18:27 ที่มีขั้วหมายถึงว่ามันจะเป็นส่วนที่มัน
00:18:27 → 00:18:30 เ่อสามารถละลายน้ำได้บางส่วนกับส่วนที่
00:18:30 → 00:18:34 ไม่มีขั้วเนี่ยมันจะไม่ชอบละลายน้ำค่ะที
00:18:34 → 00:18:38 นี้เนี่ยเอ่อเราสนใจเอ่อในการพัฒนาวิธี
00:18:38 → 00:18:42 การกับแบ่งไขมันที่เราเ่อตัวอย่างที่เรา
00:18:42 → 00:18:45 ได้ออกมาแบ่งชนิดไขมันออกเป็นชนิดที่มี
00:18:45 → 00:18:49 ขั้วกับชนิดที่ไม่มีขั้วแล้วเราก็เอาชนิด
00:18:49 → 00:18:52 ที่มีขั้วเนี่ยมาทดสอบดูว่าเอ่อมันมีความ
00:18:52 → 00:18:55 เปลี่ยนแปลงยังไงที่ถามว่าเอ๊ะแล้วทำไม
00:18:55 → 00:18:58 ต้องมานั่งแยกนะก็เพราะว่าปกติเนี่ยครับ
00:18:58 → 00:19:00 ในไขมันจะเห็นว่าส่วนใหญ่มันก็ไม่ชอบน้ำ
00:19:00 → 00:19:03 ฉะนั้นจริงๆในส่วนที่มีขั้วเนี่ยเอ่อไข
00:19:03 → 00:19:05 มันในส่วนที่มีขั้วเนี่ยมันจะไม่ได้เยอะ
00:19:05 → 00:19:08 มากค่ะแต่ว่ามีความสำคัญทีนี้เราต้องแยก
00:19:08 → 00:19:11 ในส่วนของของที่ไม่มีขั้วเนี่ยออกไปก่อน
00:19:11 → 00:19:14 ของที่ไม่มีขั้วเนี่ยอย่างเช่นอาจจะเคย
00:19:14 → 00:19:18 ได้ยินว่าตกีสลอะไรอย่างเงี้ครับผมครับก็
00:19:18 → 00:19:20 จะเป็นพวกที่ไม่มีคั้วแต่ถ้าเกิดว่าเป็น
00:19:21 → 00:19:25 พวกที่มีขั้วก็นอกจากจะทำหน้าที่ในการเ่อ
00:19:25 → 00:19:28 เก็บพลังงานแล้วยังมีส่วนในการที่จะ
00:19:28 → 00:19:32 เหมือนกับส่งสัญญาณบ่งบอกซึ่งในการส่ง
00:19:32 → 00:19:35 สัญญาณบ่งบอกเนี่ยครับถ้ามันผิดปกติไปมัน
00:19:35 → 00:19:41 ก็อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้พัฒนาในการเกิด
00:19:41 → 00:19:44 ความผิดปกติที่อวัยวะนั้นๆเช่นการเกิดไข
00:19:44 → 00:19:48 มันพอกตาบหรือว่าการเกิดเ่อเรื่องของของ
00:19:48 → 00:19:51 ไตที่ที่มันมีปัญหาเรื่องระบบการกรองที่
00:19:51 → 00:19:54 ตัวไตเองครับค่ะอืก็คืออันนี้แหละได้ได้
00:19:55 → 00:19:59 มาดูถึงว่ามันเป็นสาเหตุอะไรยังไงได้บ้าง
00:19:59 → 00:20:01 บ้างอ่ะนะคะแล้วก็อันนี้เอามาเชื่อมโยง
00:20:01 → 00:20:04 กับมนุษย์ยังไงคะคุณหมอว่าอ่าเรารู้ละใน
00:20:04 → 00:20:07 ม้าลายเนี่ยมันมีลักษณะเป็นแบบนี้พอมา
00:20:07 → 00:20:09 เชื่อมโยงกับมนุษย์มันก็จะเป็นคล้ายๆกัน
00:20:09 → 00:20:12 ถ้าเกิดว่ามันมีไขมันที่มากเกินไปอย่าง
00:20:12 → 00:20:16 ไตรกีซาไลน์หรือว่าไขมันตัวร้ายเ ldl ใช่
00:20:16 → 00:20:20 มั้ยคะถ้าตัวดีก็ hdl ใช่มั้ยคะเออถ้าถ้า
00:20:20 → 00:20:22 เกิดตัวไม่ดีมันเยอะในร่างกายของเรามันก็
00:20:22 → 00:20:25 จะนำไปสู่โรคที่คุณหมอบอกมาเอ่อภาวะไขมัน
00:20:25 → 00:20:31 พอกตับเบาหวานความดันครับหัวใจครับอืครับ
00:20:31 → 00:20:35 แล้วอันนี้มันตค่ะคือถามถามว่าอันนี้มัน
00:20:35 → 00:20:39 มันต่อเนื่องยังไงเพราะว่าในในของเอ่อ
00:20:39 → 00:20:42 ชิ้นเนื้อที่ที่ที่ที่ได้ออกมาเนี่ยครับ
00:20:42 → 00:20:46 มันจะช่วยบอกว่าเอ่อขั้นตอนในการดำเนิน
00:20:46 → 00:20:49 โรคเนี่ยมันเกิดขึ้นยังไงเพราะว่าเอ่อที่
00:20:49 → 00:20:52 คุณสุรีพรเ่อว่าว่ามาเนี่ยมันเป็นเหมือน
00:20:52 → 00:20:53 กับ
00:20:53 → 00:20:56 เอ่อไขมันที่มันอยู่ในในกระแสเลือดอ่ะ
00:20:56 → 00:20:59 ครับแล้วมันก็คือเหมือนกับถูกพาเพราะว่า
00:20:59 → 00:21:02 ไขมันเวลาที่เรากินนะครับถ้าเกิดขึ้นจาก
00:21:02 → 00:21:05 อาหารเนี่ยมันจะดูดซึมผ่านก็ทางลำไส้อื
00:21:05 → 00:21:09 แล้วมันจะถูกส่งต่อไปที่ตับค่ะตอนที่มัน
00:21:09 → 00:21:12 จะถูกส่งต่อไปที่ตัเครับมันจะแตกตัวแล้ว
00:21:12 → 00:21:16 ก็ใส่ไปเป็นเ่อเหมือนกับเอ่อตัวโมเลกุล
00:21:16 → 00:21:20 ที่มีการผสมกันที่เมื่อกี้พูดถึง hdl ldl
00:21:20 → 00:21:24 vldl ที่ว่าไขมันตัวดีตัวร้ายที่ว่ามา
00:21:24 → 00:21:26 ครับค่ะก็คือว่ามันจะทำหน้าที่ในการ
00:21:26 → 00:21:31 ลำเลียงไขมันแต่ตัวลำไส้ไปสูตัดทีนี้มัน
00:21:31 → 00:21:33 ก็ประมวลแล้วว่าเอ๊ะมันต้องการใช้มากใช้
00:21:33 → 00:21:36 น้อยถ้าเกิดว่าต้องการใช้มากมันก็จะถูก
00:21:36 → 00:21:39 แบ่งนำไปใช้ในส่วนที่เหลือเก็บมันก็จะถูก
00:21:39 → 00:21:43 ลำเรียงแล้วนำไปส่งเก็บไว้ที่ตัวเอ่อไข
00:21:43 → 00:21:48 มันที่สะสมอยู่รอบๆภูมิค่ะทีนี้ก็คือว่า
00:21:48 → 00:21:51 ขั้นตอนในการเกิดอ่ะครับกับความความที่
00:21:51 → 00:21:54 มันเป็นปกติกับไขมันที่มันเกินขึ้นมา
00:21:54 → 00:21:59 เนี่ยครับมันก็คือจะทำให้เอ่อ
00:21:59 → 00:22:03 เกิดการทำให้เกิดโรคที่ที่เอ่อความปกติ
00:22:03 → 00:22:05 ที่เกิดขึ้นอย่างเช่นไผิดปกติไปหรือว่าตั
00:22:05 → 00:22:09 ผิดปกติไปการนำเอาชิเนื้อตรงนี้มาครับผม
00:22:09 → 00:22:12 มันจะบอกถึงในรายละเอียดว่าเอ่อสุดท้าย
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเวลาที่เอ่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเอ่อ
00:22:16 → 00:22:20 เหมือนกับเราจะเดินจากจากเอ่อบ้านไปโรง
00:22:20 → 00:22:23 เรียนเนี่ยครับมันต้องผ่านทางไหนบ้างผ่าน
00:22:23 → 00:22:26 สี่แยกอะไรบ้างและในแต่ละสี่แยกนี้เนี่ย
00:22:26 → 00:22:30 สมมุติว่าถ้าเราบอกว่าไม่อยากให้สุดท้าย
00:22:30 → 00:22:32 แล้วเนี่ยถ้าเทียบกันการเกิดโรคคือการ
00:22:32 → 00:22:34 เดินจากบ้านไปโรงเรียนเราไม่อยากให้ไปถึง
00:22:34 → 00:22:38 โรงเรียนเราอาจจะไปบล็อกตามสี่แยกต่างๆ
00:22:38 → 00:22:40 ค่ะแต่ก่อนจะไปบล็อกตามสี่แยกต่างๆเนี่ย
00:22:40 → 00:22:42 คือเราก็ต้องรู้ก่อนว่ามันมีสี่แยกไหน
00:22:42 → 00:22:43 บ้าง
00:22:43 → 00:22:47 อืคือทีนี้ในการศึกษาเรื่องของของการเกิด
00:22:47 → 00:22:50 ขึ้นในทิชชูเหล่านี้ครับก็คิดว่าถ้าเกิด
00:22:50 → 00:22:53 ว่าเรารู้แล้วว่าอ๋อสี่แยกนี้มันไปแล้ว
00:22:53 → 00:22:55 เนี่ยมันจะไปึงโรงเรียนเร็วขึ้นอ๋อเราไป
00:22:55 → 00:22:59 บล็อกทางนี้ดีมทำให้เอ่อชะลอกันเกิดโรค
00:22:59 → 00:23:02 หรือว่าถ้าจะดีก็คือว่าจุดการเกิดโรคนั้น
00:23:02 → 00:23:05 ไปเลยครับค่ะโออันนี้ถ้าอย่างงี้เนี่ย
00:23:05 → 00:23:08 ต้องสนับสนุนการวิจัยอันนี้เลยค่ะเพราะ
00:23:08 → 00:23:11 ว่าภาวะอ้วนเป็นกันเยอะมากแล้วก็เดี๋ยว
00:23:11 → 00:23:14 นี้ด้วยคุณหมอน่าจะเห็นเนาแบบอาหารการกิน
00:23:14 → 00:23:18 ของเราเนี่ยมีความหลากหลายมีความเชื้อ
00:23:18 → 00:23:22 เชื้อเชิญเชิญชวนด้วยหน้าตาหรือการจะ
00:23:22 → 00:23:24 รีวิวของ
00:23:24 → 00:23:27 เอ่อหลายๆคนหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยมันมี
00:23:27 → 00:23:30 ความน่ากินมากขึ้นเราก็อาจจะกินกันเพลิน
00:23:30 → 00:23:34 จนเราลืมไปเลยว่ามันมีโรคอื่นๆที่มันอาจ
00:23:34 → 00:23:37 จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคตได้จากการกินของ
00:23:37 → 00:23:40 เรานี่แหละนะคะเพราะฉะนั้นคือถ้าอย่างนี้
00:23:40 → 00:23:43 เนี่ยคุณหมอคะคือก็หมายความว่าในร่างกาย
00:23:43 → 00:23:45 ของเราเนี่ยอย่างที่ทุกปีหลายคนที่ได้มี
00:23:46 → 00:23:48 การตรวจสุขภาพอนะคะก็จะมีการเจาะเลือด
00:23:48 → 00:23:51 เพื่อไปตรวจหาค่านู้นนี่นั่นในในส่วนหนึ
00:23:51 → 00:23:53 เบื้องต้นแต่มันก็เป็นค่าตัวเลขเบื้องต้น
00:23:53 → 00:23:55 ที่เราให้ได้เห็นว่าอ่ะอันเนี้ยเราเริ่ม
00:23:55 → 00:23:58 ต้องเริ่มระวังละมันมีไตรกีสไลไขมันมัน
00:23:58 → 00:24:01 ไม่ดีมันเยอะเกินไปละแต่ของคุณหมอเนี่ย
00:24:01 → 00:24:04 มันเป็นการวิจัยระดับที่ลงลึกเข้าไปใน
00:24:04 → 00:24:07 ร่างกายของเราในเซลล์ของเราเลยว่าอถ้ามัน
00:24:07 → 00:24:10 อยู่ตรงนี้เนี่ยถ้ามันไปทางเส้นทางนี้มัน
00:24:10 → 00:24:13 จะนำไปสู่อะไรโรคอะไรได้บ้างเพราะฉะนั้น
00:24:13 → 00:24:15 ก็คือเป็นการป้องกันเหมือนกับร่างกายของ
00:24:15 → 00:24:18 เราเป็นโกดังเลยมั้คะคุณหมอว่าแบบสะสมไข
00:24:18 → 00:24:22 มันเอาไว้แล้วก็สะสมได้ถูกที่ด้วยพุงบ้าง
00:24:22 → 00:24:26 ใช่่มั้ยคะหน้าท้องท้องแขนอืเพราะว่าจริง
00:24:26 → 00:24:29 ๆจริงๆเรื่องเรื่องสะสมตรงไหนนี่ก็เป็น
00:24:29 → 00:24:31 เรื่องนึงคือเป็นเรื่องของความสวยงามของ
00:24:31 → 00:24:34 การอันเป็นเป็นลุคที่เกิดขึ้นว่าโอเคมี
00:24:34 → 00:24:37 ใครมันสตงที่ตรงนั้นแต่ว่าอันนึงที่สำคัญ
00:24:37 → 00:24:40 ก็คือว่าเขาระบบเขาค่อนข้างค่อนข้างซับ
00:24:40 → 00:24:43 ซ้อนในแง่ที่ว่าบอกอ๋อจะใช้ก็เกิดขึ้นที่
00:24:43 → 00:24:45 นึงเหมือนกับในสังคมเราเี้มันก็จะมี
00:24:45 → 00:24:50 กระดังเก็บของมีโรงงานไฟฟ้าแล้วก็เวลาจะ
00:24:50 → 00:24:53 ลำเลียงของก็ต้องลำเลียงผ่านถนนค่ะทีนี้
00:24:53 → 00:24:55 คือในในระบบต่างๆเนี่ยครับร่างกายค่อน
00:24:56 → 00:24:59 ข้างซับซอนแต่ว่าในการที่จะเปลี่ยนจาก
00:24:59 → 00:25:03 สภาวะเช่นเมืองที่ปกติดีกับเป็นเมืองที่
00:25:03 → 00:25:06 อาจจะขาดแคนไฟฟ้าใช้หรือว่าเทียบกันแล้ว
00:25:06 → 00:25:09 ก็อาจจะเป็นโรคที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วทำ
00:25:09 → 00:25:11 อันตรายต่อต่อเมืองนั้นในที่สุดเนี่ยอเรา
00:25:11 → 00:25:15 จะไปยับยั้งเส้นทางการลำเลียงอันไหนหรือ
00:25:15 → 00:25:18 ว่าไปเพิ่มในส่วนไหนที่จะทำให้เอ่อเหตุ
00:25:19 → 00:25:21 การณ์ในการเปลี่ยนแปลงจากเมืองที่น่าอยู่
00:25:21 → 00:25:23 กลายเป็นเมืองที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เนี่ยมัน
00:25:23 → 00:25:25 มันจะเกิดขึ้นช้าเหรหรือว่าไม่มีวันนั้น
00:25:25 → 00:25:28 เกิดขึ้นเลยครับผมอือก็ต้องเลือกแล้วค่ะ
00:25:28 → 00:25:30 คุณหมอถ้าอย่างงั้นทำยังไงดีคะเราไม่อยาก
00:25:30 → 00:25:33 จะมานั่งรักษาไม่อยากจะไปรบกวนคุณหมอเยอะ
00:25:33 → 00:25:38 ต้องมาไปหาคุณหมออะไรหรือไปนั่งรออยู่ที่
00:25:38 → 00:25:40 โรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกสัก
00:25:40 → 00:25:42 เท่าไหร่เราสามารถที่จะดูแลตัวเองใน
00:25:42 → 00:25:45 เบื้องต้นได้ไหมที่เราจะไม่ได้เป็นโรค
00:25:45 → 00:25:48 อ้วนหรือโรคเมตาบอลิกในอนาคตที่อาจจะนำมา
00:25:48 → 00:25:50 สู่โรคต่างๆที่เราคุยไปตั้งแต่ตอนต้นได้
00:25:50 → 00:25:55 คะคุณหมออืจริงๆจริงๆที่ดีที่สุดเลยครับ
00:25:55 → 00:25:59 ผมว่าก็กินก็เรื่องนึงที่เราที่เราอ่าควบ
00:25:59 → 00:26:02 คุมได้แต่ว่าอาจจะลำบากแต่ว่าถ้าเกิดว่า
00:26:02 → 00:26:05 เราปรับเรื่องพฤติกรรมด้วยอ่ะครับผมคือ
00:26:05 → 00:26:09 เริ่มมีการออกกำลังกายหรือว่ามีการขยับ
00:26:10 → 00:26:12 โดยที่การออกกำลังกายเนี่ยอาจจะต้องออก
00:26:12 → 00:26:15 กำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอนิดนึงนะครับผม
00:26:16 → 00:26:18 เพื่อที่จะทำให้มันมีการเหมือนกับพวก
00:26:18 → 00:26:20 เบิรนพวกแฟตเอ่อเป็นส่วนเกินออกไปนะครับ
00:26:20 → 00:26:25 ผมค่ะมันก็จะทำให้เอ่อการใช้เนี่ยมันมัน
00:26:25 → 00:26:28 ไปลดของสะสมในโกดังที่มันอาจจะทำให้เกิด
00:26:28 → 00:26:32 ความไม่ดีขึ้นในในในอนาคตผมว่าตรงนี้ก็จะ
00:26:32 → 00:26:34 ช่วยได้มากเลยครับผมเพราะว่านอกจากที่ลด
00:26:34 → 00:26:37 จากไขมันแล้วเนี่ยมันจะไปช่วยเรื่องของ
00:26:37 → 00:26:40 การใช้น้ำตาลด้วยทำให้เหมือนกับกล้าม
00:26:40 → 00:26:44 เนื้อเราใช้น้ำตาลได้ดีขึ้นก็จะทำให้
00:26:44 → 00:26:48 เอ่อโดยรวมคือการใช้น้ำตาลการเก็บสะสม
00:26:48 → 00:26:51 เนี่ยมีเพียงพอที่เราใช้โดยที่ไม่ได้ทำ
00:26:51 → 00:26:54 ให้เกิดอันตรายเกิดขึ้นในอนาคตครับค่ะอัน
00:26:54 → 00:26:57 นี้ก็จริงๆเป็นแนวทางนะคะเอาเข้าน่ะง่าย
00:26:57 → 00:26:59 ค่ะแล้วมันอยู่กับเรานานด้วยแล้วตอนเอา
00:26:59 → 00:27:03 ออกมันยากมากนะคะเราก็ไม่อยากจะต้องไป
00:27:03 → 00:27:06 เอ่อเรียกว่าถึงเวลาแล้วกลายเป็นโรคไป
00:27:06 → 00:27:09 ต่างๆเหล่านี้นะคะนี้ก็เป็นการทำความเข้า
00:27:09 → 00:27:11 ใจนะคะว่าโรคเมตาบลิในมนุษย์เนี่ยนะคะ
00:27:11 → 00:27:14 แล้วก็เอ่อในงานวิจัยของมหินเองที่เอาปลา
00:27:14 → 00:27:16 ม้าลายที่มาในการที่จะวิจัยเรื่องนี้
00:27:16 → 00:27:18 เนี่ยมันมีส่วนสัมพันธ์ยังไงแล้วทำไมเรา
00:27:18 → 00:27:21 ถึงต้องวิจัยเพื่ออะไรในอนาคตนั่นเองแต่
00:27:21 → 00:27:23 เบสิคเบื้องต้นคือการดูแลสุขภาพกันเบื้อง
00:27:23 → 00:27:27 ต้นก่อนนะคะก็กินให้ถูกต้องนะคะแล้วก็ออก
00:27:27 → 00:27:29 กำลังกายเพราะคนคนไทยออกกำลังกายน้อยจริง
00:27:29 → 00:27:31 ๆนี่สัมพัคุณหมอนี่ยืนอยู่เลยนะคะเลิก
00:27:31 → 00:27:32 นั่งเลย
00:27:32 → 00:27:36 ค่ะคุณหมอบอกห้ามนั่งนานๆเลยกลัวเลยนะคะ
00:27:36 → 00:27:38 เอาล่ะวันนี้ได้ข้อมูลกันนะคะก็เต็มที่
00:27:38 → 00:27:40 เลยสำหรับเ่อเรื่องราวในวันนี้ขอบคุณคุณ
00:27:40 → 00:27:42 หมอเฉลิมชัยด้วยนะคะที่มาร่วมพูดคุยในราย
00:27:43 → 00:27:45 การนะคะขอบคุณค่ะครับขอบคุณครับผมสวัสดี
00:27:46 → 00:27:48 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะหมดเวลา
00:27:48 → 00:27:50 แล้วนะคะกับรายการโรงหมอทางไทย PBS
00:27:50 → 00:27:52 podcast ค่ะแล้วกลับมาพบกันใหม่ครั้ง
00:27:52 → 00:27:55 หน้านะคะขอบคุณที่ติดตามรับฟังสวัสดีค่ะ
00:27:55 → 00:27:58 This Is Toy PBS podcast ระดับความ
00:27:58 → 00:28:00 อ้วนของสัตว์เลี้ยงมีทั้งหมด 5 ระดับเรา
00:28:00 → 00:28:02 จะรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์เลี้ยงของเราผอม
00:28:02 → 00:28:05 หรืออ้วนผู้ช่วยศาสตราจารย์นายศตวแพทย์ดร
00:28:05 → 00:28:07 รดิ์รุ่งเรืองกิไกลจากจุฬาลงกรณ์
00:28:07 → 00:28:11 มหาวิทยาลัยมาเล่าให้ฟังครับบางทีบางคนจะ
00:28:11 → 00:28:13 บอกว่าอ้วนหรือเปล่าเนี่ยดูที่น้ำหนักบอก
00:28:13 → 00:28:15 ไม่ได้เลยถามว่าเนี่ยสุนัขที่บ้านน้ำหนัก
00:28:15 → 00:28:19 17 กลกอ้วนมยหลายๆคนงงถ้าเป็นพูเดล 17
00:28:19 → 00:28:22 กลนี่อ้วนมากอ๋อถ้าเป็นหมาพันธุ์เล็กแต่
00:28:22 → 00:28:24 ถ้าเป็นแบบเอ่อพันธุ์โกเด้นรีเวอร์ 17 กล
00:28:25 → 00:28:27 นี่โอ้โหเป็นหมาผอมแห้งเลยเพราะฉะนั้น
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยอการอ้วนการอะไรต่างๆจะดูที่น้ำหนัก
00:28:30 → 00:28:32 อย่างเดียวไม่ได้ต้องดูที่สายพันธุ์แล้ว
00:28:32 → 00:28:35 ก็ดูที่ต้องใช้คำว่า Body score คือการ
00:28:35 → 00:28:39 ให้คะแนนของสภาพร่างกายของเขาว่าอ้วนหรือ
00:28:39 → 00:28:42 ผอมซึ่งโดยปกติแล้วเนี่ยการดูสภาพร่างกาย
00:28:42 → 00:28:46 ของตัวสุนัขไม่ว่าจะเป็นสุนัขสุกรแมวอะไร
00:28:46 → 00:28:49 ก็แล้วแต่เนี่ยเขาจะกำหนดค่ามาตรฐานกัน
00:28:49 → 00:28:52 คร่าวๆจากภาพที่เรามองเห็นเบื้องต้นโดย
00:28:52 → 00:28:54 ทั่วไปแล้วเนี่ยเขาจะแบ่งเป็นคะแนนฮะแบ่ง
00:28:54 → 00:28:58 เป็นคะแนนว่าแบ่งเป็น 1 2 3 4 5
00:28:58 → 00:29:00 เบื้องต้นนี่จะประมาณ 1-5 แต่จริงๆแล้ว
00:29:00 → 00:29:02 อ่ะถ้าวัดแบบละเอียดขึ้นก็จะแบ่งเป็น 9
00:29:02 → 00:29:05 ระดับซึ่งไอ้ตรงนั้นน่ะอาจจะทำให้เป็นการ
00:29:05 → 00:29:07 ยากสำหรับเจ้าของนะครับเบื้องต้นเนี่ยเรา
00:29:07 → 00:29:09 แบ่งเป็น 5 ระดับได้เลยว่าสุนัขของเรา
00:29:09 → 00:29:12 อ้วนหรือเปล่าถ้าคะแนนร่างกายของเขาได้ 1
00:29:12 → 00:29:15 เนี่ยคือเป็นลักษณะที่ผอมค่อนข้างแบบโอห
00:29:15 → 00:29:18 ผอมเกร็งขาดอาหารและจนกระทั่งถึงระดับ 5
00:29:18 → 00:29:21 ระดับ 5 นี่คืออ้วนระดับที่ 1 เนี่ยเป็น
00:29:21 → 00:29:24 ภาวะของการผอมขาดอาหารเวลามองจากทางด้าน
00:29:24 → 00:29:28 บนเนี่ยเราจะมองเห็นว่าเอวเนี่ยคลอดเลย
00:29:28 → 00:29:31 แล้วก็มองเห็นกระดูกสันหลังแต่ละชิ้นแต่
00:29:31 → 00:29:33 ละชิ้นเนื่องจากไขมันกับกล้ามเนื้อมัน
00:29:33 → 00:29:35 น้อยส่วนในระดับที่ 2 ก็คือเป็นวรรคผอม
00:29:35 → 00:29:38 เป็นลักษณะที่น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานอัน
00:29:38 → 00:29:40 นี้คือ Under average นะครับตรงเนี้ย
00:29:40 → 00:29:43 เวลาที่เรามองลักษณะลำตัวของเขาเนี่ยเรา
00:29:43 → 00:29:46 จะเห็นว่าเห็นกระดูกซี่โครงค่อนข้างชัด
00:29:46 → 00:29:48 แต่ก็ยังพอเห็นมีไขมันกับกล้ามเนื้อคลุม
00:29:48 → 00:29:51 อันที่ 3 คือหุ่นดีใช้คำว่าหุ่นดีหุ่นได้
00:29:51 → 00:29:53 มาตรฐานทีนี้ระดับที่ 4 กับระดับที่ 5
00:29:53 → 00:29:56 เนี่ยก็ถือว่าเป็นภาวะของน้ำหนักเกินหรือ
00:29:56 → 00:30:01 วรเวทกับอ้วนสดระับอ ob นะครับเลยเนี่ย
00:30:01 → 00:30:05 ตรงเมองซโครงก็ไม่เห็นคำก็ต้องแบบกดเข้า
00:30:05 → 00:30:08 ไปแบบลึกมากๆถึงจะเจอถ้าลักษณะนั้นถือว่า
00:30:08 → 00:30:12 ผิดปกติถือว่าผิดปกติ
00:30:12 → 00:30:16 มาก This Is Toy PBS
00:30:16 → 00:30:20 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:30:20 → 00:30:23 แอพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:30:23 → 00:30:25 spotify Sou Cloud Google podcast
00:30:25 → 00:30:28 Apple podcast และ YouTube YouTube
00:30:28 → 00:30:31 Channel Thai PBS podcast Thai PBS
00:30:31 → 00:30:34 podcast View the world via The
00:30:34 → 00:30:35 Voice
00:30:35 → 00:30:40 [เพลง]