00:00:00 → 00:00:04 กินอาหารคลินคุณอาจจะพังได้มากกว่าปกติ
00:00:04 → 00:00:08 หลายๆคนนะคะก็มีคำถามมานะคะว่าแบบเอ๊ะเรา
00:00:08 → 00:00:12 จะเลือกกินอาหารประเภทไหนดีนะแบบเอ่อไข
00:00:12 → 00:00:17 มั่นต่ำหรือว่าเป็นแบบขาบต่ำนะคะโลขาบดี
00:00:17 → 00:00:20 อ่านะคะหลายๆคนก็สงสัยเนาะแต่หมอจะบอกว่า
00:00:20 → 00:00:24 จริงๆแล้วอ่ะค่ะบางคนกินอาหารเหมือนกันนะ
00:00:25 → 00:00:28 แต่สุขภาพกลับไม่เหมือนกันค่ะบางคนเนี่ย
00:00:28 → 00:00:32 เขาต้องกินข้าวน้อยๆเนาะก็ไปต้องไปทำแบบ
00:00:32 → 00:00:36 diอetนะคะไปทำเอ่อเรื่องของคีโตจนิคdiอet
00:00:36 → 00:00:41 นะคะแต่บางคนกลับต้องกินอาหารที่ไขมันต่ำ
00:00:41 → 00:00:44 ถึงจะลดน้ำหนักได้ดีกว่าหรือสุขภาพดีกว่า
00:00:44 → 00:00:48 นะคะแล้วจริงๆอาหารแบบไหนมันดีที่สุดใช่
00:00:48 → 00:00:51 มั้คะหลายๆคนก็สงสัยว่าเอ๊ะแล้วอาหารแบบ
00:00:51 → 00:00:55 ไหนมันดีสุดนะเพราะบางคนน่ะกินน้ำตาลปุ๊บ
00:00:55 → 00:00:59 โหแบบน้ำหนักจะขึ้นพวดเลยนะคะบางคนกินผัก
00:00:59 → 00:01:02 แล้วก็ท้องอืดกินนมแล้วท้องเสียอะไรอย่าง
00:01:02 → 00:01:06 เงี้ยนะคะบางคนกินได้ทุกอย่างเลยค่ะวัน
00:01:06 → 00:01:09 นี้หมอเนนะคะแพทย์หญิงนัชพรนวพรนะคะก็
00:01:09 → 00:01:11 เป็นอายุรแพทย์แล้วก็เป็นหมอโรคทรินอาหาร
00:01:11 → 00:01:14 นะคะก็จะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าร่างกายของคน
00:01:14 → 00:01:17 เราเนี่ยมันมีความแตกต่างกันนะแล้วเราจะ
00:01:17 → 00:01:21 เลือกอาหารยังไงให้เหมาะกับตัวเองค่ะสิ่ง
00:01:21 → 00:01:24 ที่เราต้องไม่ลืมเลยนะคะว่าจริงๆแล้วไม่
00:01:24 → 00:01:27 มีอาหารอะไรเลยนะคะที่จะเหมาะกับทุกคนนะ
00:01:27 → 00:01:31 คะก็มีการศึกษาที่แซนฟอร์ดน่ะค่ะบอกว่า
00:01:31 → 00:01:34 เค้าได้ทำการเทียบกันนะคะระหว่างคนที่กิน
00:01:34 → 00:01:39 อาหารโขาบนะกับคนที่กินอาหารโลแฟชนะคะ
00:01:39 → 00:01:43 เค้าดูเรื่องของแบบเอ่อการลดน้ำหนักภายใน
00:01:43 → 00:01:46 1 ปีนะคะพบว่าทั้ง 2 กลุ่มเนี่ยการได้ผล
00:01:47 → 00:01:50 ในการลดน้ำหนักเนี่ยไม่แตกต่างกันเลยนะคะ
00:01:50 → 00:01:54 ผ่านไป 1 ปีนะแล้วก็ยังไงก็ตามเค้าก็ได้
00:01:54 → 00:01:57 ไปดูว่าอ้าวแล้วมันไม่แตกต่างกันแล้วทำไม
00:01:57 → 00:02:01 บางคนน้ำหนักลดบางคนน้ำหนักเพิ่มล่ะเค้า
00:02:01 → 00:02:04 ก็ได้ไปศึกษาดูนะคะเค้าก็พบว่าบางคนที่มี
00:02:04 → 00:02:07 น้ำหนักขึ้นทำไมบางคนน้ำหนักลงใช่มั้คะ
00:02:07 → 00:02:10 จริงๆแล้วมันอาจจะเกี่ยวกับเรื่องของความ
00:02:10 → 00:02:13 ไวในการตอบสนองกับฮอร์โมนที่ควบคุมน้ำตาล
00:02:13 → 00:02:16 นะคะหรือว่าอินซูลินเนาะเกี่ยวกับ
00:02:16 → 00:02:19 จุลินทรีย์ในลำไส้นะคะแล้วก็เกี่ยวกับ
00:02:19 → 00:02:23 กรรมพันธ์นะคะแต่จริงๆเค้าไปดูแบบย่อยๆ
00:02:23 → 00:02:26 เลยนะคะว่าอ้าวแล้วคนที่ลดน้ำหนักได้เยอะ
00:02:26 → 00:02:30 ๆเนี่ยมันเป็นเพราะอะไรทำไมบางคนกินคลีน
00:02:30 → 00:02:33 เหมือนกันนะน้ำหนักไม่ค่อยลดนะคะอันนี้ก็
00:02:33 → 00:02:36 เป็นสิ่งที่ไปดูมานะคะจริงๆแล้วเขาบอกว่า
00:02:36 → 00:02:39 มันไม่ใช่ชนิดของอาหารเลยค่ะว่าคุณจะ
00:02:39 → 00:02:43 เลือกกินคลีนแบบไขมันต่ำหรือกินคลีนแบบ
00:02:43 → 00:02:48 ขาบต่ำนะคะแต่สิ่งที่มีผลจริงๆแล้วคือการ
00:02:48 → 00:02:51 เปลี่ยนไปเป็นการกินอาหารแบบ whole food
00:02:51 → 00:02:55 นะคะหรืออาหารทั้งหมดนะคะอาหารที่ผ่านการ
00:02:55 → 00:02:59 ปรุงแต่งน้อยนะคะโดยที่บางคนนะคะกินอาหาร
00:02:59 → 00:03:02 คลีนแบบไปกินวีแกนอย่างเงี้ยค่ะไปกินแบบ
00:03:02 → 00:03:06 เอ่อโปรตีนพืชใช่มั้คะแต่ดันกินโปรตีนพืช
00:03:06 → 00:03:10 ที่แช่แข็งนะคะกลุ่มนี้เนี่ยก็น้ำหนักไม่
00:03:10 → 00:03:13 ลงเหมือนกันนะคะเพราะฉะนั้นสิ่งที่หมอจะ
00:03:13 → 00:03:17 บอกคือสูตรแต่ละคนเนี่ยมันไม่มีตายตัวนะ
00:03:17 → 00:03:20 คะตะกี้ที่เราบอกไปแล้วว่าร่างกายแต่ละคน
00:03:20 → 00:03:24 นะคะตอบสนองต่ออาหารแต่ละอย่างแตกต่างกัน
00:03:24 → 00:03:28 นะคะมันเป็นเพราะว่าอะไรนะคะสิ่งแรกก็คือ
00:03:28 → 00:03:30 เป็นเพราะจุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณค่ะ
00:03:30 → 00:03:32 จุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณเนี่ยมีอยู่
00:03:32 → 00:03:36 ประมาณร้อยล้านล้านตัวเลยนะคะมันก็เหมือน
00:03:36 → 00:03:38 ลายนิ้วมือนะคะที่มนุษย์แต่ละคนเนี่ยมี
00:03:38 → 00:03:41 ไม่เหมือนกันมันขึ้นกับตั้งแต่สิ่งที่เรา
00:03:41 → 00:03:46 เกิดมาเลยนะคะก็คือตอนคลอดเลยนะแบบบางคน
00:03:46 → 00:03:48 เนี่ยที่คลอดธรรมชาติก็จะมีจุลินทรีย์ใน
00:03:48 → 00:03:52 ลำไส้ที่เยอะกว่าคนที่ได้รับการผ่าตัด
00:03:52 → 00:03:55 คลอดลูกนะคะหมายถึงว่าเด็กที่แบบแม่ผ่า
00:03:55 → 00:03:59 ท้องอ่ะเนาะเพราะว่าในช่องคลอดแม่ก็มี
00:03:59 → 00:04:02 จุลินทรีย์พวกแลกโตบาซิรัสด้วยนะเด็กก็จะ
00:04:02 → 00:04:05 เกลินน้ำค่ำแล้วก็เกินแบบสารคั้นหลังลงไป
00:04:05 → 00:04:08 เลยจะมีจุลินทรีย์พวกนี้นะคะอาหารที่กิน
00:04:08 → 00:04:11 คนในบ้านเดียวกันอาจจะมีจุลินทรีย์คล้ายๆ
00:04:11 → 00:04:15 กันเพราะว่ากินอาหารเหมือนกันนะคะหรือว่า
00:04:15 → 00:04:19 ประเทศเดียวกันอาจจะมีจุลินทรีย์ที่คล้าย
00:04:19 → 00:04:22 ๆกันนะคะอย่างถ้าไปเปรียบเทียบประเทศเรา
00:04:22 → 00:04:24 กับประเทศอเมริกาสุรินทรีย์ก็ไม่เหมือน
00:04:24 → 00:04:28 กันเลยนะคะพันธุกรรมเนี่ยมันมีผลนะคะ
00:04:28 → 00:04:32 เรื่องยีนบางตัวที่อาจจะมีผลต่อการย่อยไข
00:04:32 → 00:04:35 มันนะคะหรือการตอบสนองเมื่อกินน้ำตาลนะคะ
00:04:35 → 00:04:38 อันนี้เป็นสิ่งที่สามารถตรวจได้นะคะใน
00:04:38 → 00:04:40 ปัจจุบันเนาะแต่ว่าจะต้องตรวจระดับ DNA
00:04:40 → 00:04:43 นะคะหรือสิ่งสุดท้ายคือเรื่องของฮอร์โมน
00:04:43 → 00:04:46 อย่างเช่นอินซูลินนะคะคนที่ดื้ออินซูลิน
00:04:46 → 00:04:50 หมายถึงว่าอินซูลินสูงมากในเลือดนะคะแต่
00:04:50 → 00:04:53 ว่ามันทำงานไม่ค่อยดีกลุ่มนี้นะคะก็คือ
00:04:53 → 00:04:56 เป็นกลุ่มที่จะพัฒนาพัฒนาเป็นเบาหวานชนิด
00:04:56 → 00:04:59 ที่ 2 นะคะซึ่งเป็นเบาหวานที่พบได้บ่อย
00:04:59 → 00:05:03 เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าคนที่อ่าเป็นเบาหวาน
00:05:03 → 00:05:06 นะเป็นคนที่กินน้ำตาลเยอะนะคะเป็นคำถาม
00:05:06 → 00:05:08 ที่หมอเจอบ่อยมากเหมือนกันว่าทำไมคนนี้
00:05:09 → 00:05:11 กินหวานจะตายไม่เห็นเป็นเลยเพราะว่า
00:05:11 → 00:05:14 อินซูลินเขายังทำงานได้ดีนะคะไม่หลังเยอะ
00:05:14 → 00:05:17 เกินไปและก็ตอบสนองได้ดีไม่มีภาวะดื้อ
00:05:17 → 00:05:20 อินซูลินนะคะภาวะดื้ออินซูลินเนี่ยก็
00:05:20 → 00:05:22 สัมพันธ์กับเซลล์ไขมันที่เยอะด้วยนะยิ่ง
00:05:22 → 00:05:26 เซลล์ไขมันยิ่งเยอะภาวะดื้ออินซูลินยิ่ง
00:05:26 → 00:05:30 เยอะนะคะแล้วเราจะรู้ได้ยังไงใช่มั้คะ
00:05:31 → 00:05:33 หลายๆคนก็อืแล้วเราจะรู้ได้ไงอ่ะหมอคือ
00:05:33 → 00:05:35 ปัจจุบันนะคะก็จะมีการตรวจตั้งแต่การตรวจ
00:05:35 → 00:05:38 อุจจาระการตรวจ DNA เนาะอย่างของหมอเนี่ย
00:05:38 → 00:05:41 หมอหมอก็เคยไปตรวจมานะคะก็เอ่อรู้ว่าจริง
00:05:41 → 00:05:44 ๆแล้วตัวเองเป็นคนที่มีภาวะดื้ออินซูลิน
00:05:44 → 00:05:48 เหมือนกันนะคะแต่ว่าจริงๆแล้วอ่ะเราก็
00:05:48 → 00:05:51 สามารถเลือกได้เองนะคะสิ่งที่ดูได้ง่ายนะ
00:05:51 → 00:05:55 คะคือใช้ตัวเองเป็นตัววัดเลยค่ะถ้าสมมุติ
00:05:55 → 00:05:58 ว่าเรากินอาหารบางชนิดแล้วรู้สึกว่าท้อง
00:05:58 → 00:06:01 อืดท้องบวมมากขึ้นนะคะหรือว่าบางคนมีท้อง
00:06:01 → 00:06:05 เสียเราอาจจะมีความไวกับอาหารกลุ่มนั้น
00:06:05 → 00:06:07 แสดงว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ของเราอ่ะค่ะอาจ
00:06:07 → 00:06:10 จะมีปัญหาในการย่อยอาหารประเภทนั้นอย่าง
00:06:10 → 00:06:14 เช่นในบางคนที่มีปัญหาในการย่อยนมนะคะ
00:06:14 → 00:06:18 กลุ่มนี้จะมีท้องเสียหลังกินนมนะคะแต่
00:06:19 → 00:06:22 อาหารที่เป็นผักผลไม้หลายๆอย่างเลยค่ะคน
00:06:22 → 00:06:24 บางคนกินแล้วท้องอืด
00:06:24 → 00:06:28 ยิ่งคนที่มีปัญหากินแล้วท้องอึดมากนะคะ
00:06:28 → 00:06:31 แปลว่าจุลินทรีย์ที่ย่อยผักผลไม้พวกนั้น
00:06:31 → 00:06:35 คุณไม่มีเหลืออยู่เลยนะคะเพราะฉะนั้นคุณ
00:06:35 → 00:06:38 จะต้องค่อยๆใส่อาหารประเภทนั้นเข้าไปนะคะ
00:06:39 → 00:06:41 เพื่อทำให้จุดอินทรีย์ในลำไส้คุณเนี่ย
00:06:41 → 00:06:45 สามารถที่จะมีและย่อยมันได้นะคะยิ่งถ้าลด
00:06:45 → 00:06:48 นะคะมันก็จะดีกับอาการค่ะแต่ถ้าลดไป
00:06:48 → 00:06:52 เรื่อยๆก็จะกินไม่ได้อีกเลยนะคะก็ต้อง
00:06:52 → 00:06:54 เลือกนะแต่ถ้าถามหมอหมอแนะนำว่าให้กิน
00:06:54 → 00:06:56 กลับเข้าไปเพื่อให้จุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:06:56 → 00:07:01 คุณหลากหลายจะดีกว่านะคะหมอก็ขอแนะนำหลัก
00:07:01 → 00:07:04 การ 5 อย่างง่ายๆนะคะที่จะเลือกว่าอาหาร
00:07:04 → 00:07:09 อะไรดีกับคุณและเป็นอาหารคลีนนะคะสิ่งแรก
00:07:09 → 00:07:12 คือเลือกอาหารที่เป็นอาหารจริงๆก่อนอย่าง
00:07:12 → 00:07:16 เช่นกินเนื้อไก่กินเนื้อหมูไปเลยดีกว่า
00:07:16 → 00:07:19 กินไส้กรอกกินลูกชิ้นนะคะอันนี้เป็นสิ่ง
00:07:19 → 00:07:23 ที่ดีที่สุดอาหารยิ่งผ่านการแปรรูปน้อย
00:07:23 → 00:07:27 ที่สุดยิ่งดีกับคุณนะคะสิ่งที่ดูง่ายๆเลย
00:07:27 → 00:07:32 อาหารแปรรูปนะคะถ้าอยู่ได้เกิน 3 เดือน
00:07:32 → 00:07:34 โดยเฉพาะถ้าไม่ต้องแช่ก็อยู่ได้เกิน 3
00:07:34 → 00:07:36 เดือนกลุ่มนี้เป็นอาหารแปรรูปนะคะเพราะ
00:07:36 → 00:07:38 ว่ามันมีการใส่สารกันบุดอะไรเข้าไปเยอะ
00:07:38 → 00:07:40 มากค่ะ
00:07:40 → 00:07:44 แล้วก็เลือกอ่ะสมมุติว่าเราเลือกเนื้อ
00:07:44 → 00:07:47 สัตว์ไปแล้วเนาะในกรณีของแป้งนะคะหรือ
00:07:47 → 00:07:50 ข้าวเนาะก็พยายามกินอะไรที่เป็นแบบอย่าง
00:07:50 → 00:07:52 เช่นข้าวกล้องกับข้าวขาวก็เลือกกินข้าว
00:07:52 → 00:07:55 กล้องนะคะหรือกินมันไปเลยดีกว่านะคะหัว
00:07:55 → 00:08:00 มันเป็นลูกๆไปเลยกินเผือกไปเลยนะคะกิน
00:08:00 → 00:08:03 ถั่วกินธัญพืชไปเลยก็จะดีกว่าการกินเส้น
00:08:03 → 00:08:05 ค่ะ
00:08:05 → 00:08:07 แล้วก็อันที่ 2 นะคะให้สังเกตอาการหลัง
00:08:07 → 00:08:09 อาหารค่ะบางคนเนี่ยกินข้าวเหนียวแล้วรู้
00:08:09 → 00:08:12 สึกว่าง่วงนะคะกินนมแล้วท้องเสียอันนี้จด
00:08:12 → 00:08:14 ไว้นะคะเป็นแพทเทิร์นเนาะถ้าเป็นพวกน้ำ
00:08:14 → 00:08:17 ตาลแนะนำให้หยุดไปเลยอ่ะค่ะนมวัวจริงๆเรา
00:08:17 → 00:08:20 สามารถมีอย่างอื่นที่ทดแทนได้นะคะบางคน
00:08:20 → 00:08:23 กินนมวัวแล้วจะเกิดการอักเสบเล็กๆในลำไส้
00:08:23 → 00:08:26 ได้เหมือนกันนะคะเรายังมีตัวช่วยอย่าง
00:08:26 → 00:08:29 เช่นการกินปลาตัวเล็กๆนะคะที่ได้แคลเซียม
00:08:29 → 00:08:35 เหมือนนมนะนะคะ 3 ค่ะคุณค่อยๆปรับทีละ
00:08:35 → 00:08:39 อย่างค่อยๆหาไปนะคะไม่จำเป็นจะต้องรีบนะ
00:08:39 → 00:08:43 เน้นกินผักผลไม้กินเนื้อสัตว์นะคะแต่ว่า
00:08:43 → 00:08:45 เราค่อยๆใส่เข้าไปทีละอย่างเพื่อให้เรา
00:08:46 → 00:08:48 รู้ว่าตัวไหนกันแน่ที่เป็นตัวที่ทำให้เรา
00:08:48 → 00:08:53 มีปัญหาได้นะคะสำหรับข้อที่ 4 ค่ะอย่าไป
00:08:53 → 00:08:56 เชื่อตามแฟชั่นมากค่ะบางคนเนี่ยเชื่อการ
00:08:56 → 00:09:00 กินคีโตเจนิคนะคะกินนะคะพอกินแต่เนื้อ
00:09:00 → 00:09:03 สัตว์นะคะมันไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับทุก
00:09:03 → 00:09:06 คนและไม่ใช่ทุกคนที่จะลดได้ด้วยการกิน
00:09:06 → 00:09:09 อาหารประเภทใดประเภทหนึ่งนะคะเพราะฉะนั้น
00:09:09 → 00:09:13 สิ่งที่คุณควรทำคือให้สังเกตตัวเองดีกว่า
00:09:13 → 00:09:17 เลือกกินอาหารให้หลากหลายและเป็นอาหารแบบ
00:09:17 → 00:09:21 ไม่ปรุงแต่งดีที่สุดนะคะสำหรับข้อสุดท้าย
00:09:21 → 00:09:25 นะคะหมอคงแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการกิน
00:09:25 → 00:09:29 อาหารแปรรูปนะรวมทั้งพวกน้ำตาลเทียมด้วย
00:09:29 → 00:09:33 นะคะขนาดนมนะคะการกินนมที่ไม่ใช่
00:09:33 → 00:09:36 มันเนยยังดีกว่านมพร่องมันเนยเลยนะคะ
00:09:36 → 00:09:40 เพราะว่าอาหารใดๆก็ตามที่ผ่านกระบวนการนะ
00:09:40 → 00:09:44 คะมันไม่ดีเท่าอาหารธรรมชาติเนาะการกิน
00:09:44 → 00:09:47 อาหารที่ปรุงน้อยๆนะคะส่วนใหญ่ถ้าหมอแนะ
00:09:47 → 00:09:50 นำคนไทยหมอก็จะแนะนำให้กินต้มนึ่ง
00:09:50 → 00:09:54 ย่างนะคะถ้ายำก็ต้องใส่โซเดียมใส่น้ำปลา
00:09:54 → 00:09:57 ให้น้อยนะคะน้ำตาลให้น้อยแบบนี้เป็นต้นนะ
00:09:57 → 00:10:01 คะการกินอาหารทอดโดยเฉพาะอาหารทอดที่เป็น
00:10:01 → 00:10:04 ฟเนี่ยก็คือทอดแบบน้ำมันร้อนๆอย่างเงี้ย
00:10:04 → 00:10:07 นะคะยิ่งส่งผลกระทบกับร่างกายคุณเยอะมาก
00:10:07 → 00:10:12 นะประเทศฝั่งอเมริกาที่อาหารแปรรูปเยอะๆ
00:10:12 → 00:10:15 นะยุโรปอย่างเงี้ยนะคะที่กินพวกเอ่อไส้
00:10:15 → 00:10:18 กรอกกินอะไรแบบนี้เยอะๆนะคะเค้ามีโรคเยอะ
00:10:18 → 00:10:21 กว่าเราเยอะเยอะมากๆนะคะไม่ว่าจะเป็นโรค
00:10:21 → 00:10:25 อ้วนเนาะโรคเบาหวานไขมันนะคะเจอเยอะกว่า
00:10:25 → 00:10:29 เรามากๆความเสี่ยงกับโรคอ้วนทั้งหมดเลยนะ
00:10:29 → 00:10:32 คะลำไส้อักเสบนะจริงๆแล้วมันก็เป็นเพราะ
00:10:32 → 00:10:35 อาหารนะคะในสมัยก่อนที่เขากินอาหารธรรมดา
00:10:35 → 00:10:38 เนี่ยเค้าก็ไม่เคยเกิดโรคพวกนี้นะแต่จน
00:10:38 → 00:10:40 กระทั่งที่เขาเริ่มมีฟาฟู้ดการกินฟาฟู้ด
00:10:40 → 00:10:43 มากขึ้นมีอุตสาหกรรมอาหารที่เข้ามา
00:10:43 → 00:10:46 เปลี่ยนแปลงอาหารมากขึ้นนะคะมันก็เลยทำ
00:10:46 → 00:10:48 ให้สุขภาพคนในประเทศเขาอ่ะแย่ลงกว่าเดิม
00:10:48 → 00:10:52 นะเพราะฉะนั้นหมอก็ไม่อยากให้คนไทยแบบมี
00:10:52 → 00:10:56 สุขภาพที่แย่ลงนะคะนอกจากจะได้แบบโอ๊ย
00:10:56 → 00:10:59 อาหารที่เป็นสารกันบุดแล้วคุณได้ทั้งน้ำ
00:10:59 → 00:11:03 ตาลไขมันแปรรูปสารปรุงแต่งบางครั้งอ่ะค่ะ
00:11:03 → 00:11:08 มันเขียนว่าเอ่อไม่ใช้สารกันเสียบางครั้ง
00:11:08 → 00:11:12 ก็เขียนว่าทำด้วยวัสดุธรรมชาติเนาะแต่
00:11:12 → 00:11:14 จริงๆมันก็ไม่ได้ธรรมชาติจริงๆนะคะเพราะ
00:11:14 → 00:11:17 ฉะนั้นหมอเน้นอีกทีนะถ้าอาหารที่เกิน 3
00:11:17 → 00:11:21 เดือนถือว่าเป็นอาหารแปรรูปรุนแรงเลยนะคะ
00:11:21 → 00:11:24 ค่ะวันนี้ก็เลยมาแนะนำนะคะว่าไม่มีอาหาร
00:11:24 → 00:11:27 อะไรที่มันเหมาะกับคุณนะคะอย่ากินตาม
00:11:27 → 00:11:30 แฟชั่นสิ่งที่ดีที่สุดคือกินอาหารทั้งหมด
00:11:30 → 00:11:33 หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปปรุงให้น้อยที่สุด
00:11:33 → 00:11:36 นะคะการใส่ซอสน้ำจิ้มพวกนั้นก็มีโทษกับ
00:11:36 → 00:11:39 ร่างกายคุณได้เหมือนกันค่ะถ้าใครชอบสาระ
00:11:39 → 00:11:43 ดีๆแบบเนี้ยก็อย่าลืมกด Subscribe กดไลค์
00:11:43 → 00:11:46 ให้หมอด้วยนะ А