00:00:01 → 00:00:03 อาหารทอดมีอเคระไมเสี่ยงมะเร็งจริงหรือ
00:00:03 → 00:00:06 ไม่เดี๋ยววันนี้มีคำตอบ
00:00:06 → 00:00:10 ครับจากที่ได้รับชมในคลิปที่แล้วนะครับมี
00:00:10 → 00:00:13 การพูดถึงเรื่อง 4 อาหารนะครับที่ว่าเอา
00:00:13 → 00:00:16 ไปค้างคืนแล้วนะครับแล้วก็จะมีความเสี่ยง
00:00:16 → 00:00:19 ต่อการเป็นมะเร็งนะผมจะไม่ย้อนนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะเราไปดูในคลิปที่แล้วได้ผมได้พูดไป
00:00:21 → 00:00:24 แล้ว 3 หัวข้อนะครับอย่างค้างอีก 1 หัว
00:00:24 → 00:00:27 ข้อก็คือเรื่องเกี่ยวกับอาหารทอดซึ่งในบท
00:00:27 → 00:00:30 ความนั้นบอกว่ามีการทอดแล้วจะทำให้เกิด
00:00:30 → 00:00:33 สารอคีลมายนะครับแล้วตรงนี้เนี่ยมันมี
00:00:33 → 00:00:36 ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งดังนั้นคนก็จะ
00:00:36 → 00:00:39 คิดต่อว่าดังนั้นเนี่ยเราจึงไม่ควรทาน
00:00:39 → 00:00:41 อาหารทอดเพราะว่าอาหารทอดนั่นมีสารก่อ
00:00:41 → 00:00:45 มะเร็งเดี๋ยวผมจะค่อยๆไล่ทีละประเด็นนะ
00:00:45 → 00:00:48 ครับเริ่มต้นจากประเด็นที่ 1 ก่อนนะครับ
00:00:48 → 00:00:51 อคีลไมลคืออะไรครับข้อมูลนี้ผมนำมาจาก
00:00:51 → 00:00:54 สำนักงานอาหารนะครับของสิงคโปร์นะครับ
00:00:55 → 00:00:58 เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการนะครับได้พูด
00:00:58 → 00:01:01 ถึงเรื่องของอคิลมว่าอไมคืออะไรนะครับ
00:01:01 → 00:01:05 แล้วก็มีความเสี่ยงมนะครับโดยผมได้นำรูป
00:01:05 → 00:01:07 ภาพอันนี้มาเนื่องจากดูแล้วเข้าใจง่ายนะ
00:01:07 → 00:01:11 ครับก็คือว่าอคีลามไมเนี่ยเป็นสารเคมีที่
00:01:11 → 00:01:14 เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำตาลที่
00:01:14 → 00:01:17 อยู่ในกรด
00:01:17 → 00:01:21 อะมิโนอซิดและต้องมาบวกกับการทำอาหารที่
00:01:21 → 00:01:24 มีอุณหภูมิสูงนะครับแล้วก็จะเกิดเป็นสาร
00:01:24 → 00:01:27 อคีลไมด์ครับซึ่งมีข้อมูลนะครับว่า
00:01:27 → 00:01:30 อคีลไมด์เนี่ยทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทด
00:01:30 → 00:01:33 ลองได้ครับดังนั้นใครที่ได้รับฟังข้อมูล
00:01:33 → 00:01:37 นี้แล้วก็จะต้องกังวลใจว่าอ้าวแล้ว
00:01:37 → 00:01:41 อย่างี้เนี่ยอาหารที่ผ่านความร้อนเยอะๆนะ
00:01:41 → 00:01:46 ครับไม่ว่าจะเป็นการทอดนะครับการปิ้งนะ
00:01:46 → 00:01:49 ครับหรือว่าจะเป็นการอบนะครับทุกอย่างทำ
00:01:49 → 00:01:52 ให้เกิดอากิไมยได้หมดเลยอย่างี้เราก็ต้อง
00:01:52 → 00:01:55 งดอาหารพวกนี้ทั้งหมดเลยหรือเปล่านะ
00:01:55 → 00:01:58 ครับก่อนอื่นต้องดูก่อนนะครับว่าข้อมูล
00:01:58 → 00:02:01 ที่อยู่ในมนุษย์เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ย
00:02:02 → 00:02:04 อากิลมอะไรเสี่ยงมะเร็งหรือเปล่านะครับ
00:02:04 → 00:02:06 ข้อมูลอันแรกนะครับผมนำมาจาก American
00:02:06 → 00:02:10 Cancer Society นะครับซึ่งก็เป็นสมาคม
00:02:10 → 00:02:13 โรคมะเร็งของอเมริกานะครับก็ได้พูดถึง
00:02:13 → 00:02:15 เรื่องเกี่ยวกับอคีลไมอันนี้นะครับว่า
00:02:15 → 00:02:19 อคีลไมตัวนี้เนี่ยจริงๆน่ะมีการทดลองนะ
00:02:19 → 00:02:24 ครับที่อยู่ในสัตว์นะครับแต่ไม่มีการทด
00:02:24 → 00:02:28 ลองที่เกี่ยวกับในมนุษย์เลยนะนะครับดัง
00:02:28 → 00:02:30 นั้นเนี่ยข้อมูลจากหลายๆองค์กรไม่ว่าจะ
00:02:30 → 00:02:35 เป็น FDA WHO หรือองค์กรความปลอดภัยของ
00:02:35 → 00:02:38 ยุโรปนะครับแล้วก็หลายๆองค์กรเนี่ยได้
00:02:38 → 00:02:41 สรุปในหัวข้อนี้เหมือนกันนะครับว่าจริงๆ
00:02:41 → 00:02:43 แล้วเนี่ยข้อมูลตรงนี้มันยังไกลเกินไปนะ
00:02:43 → 00:02:46 ครับเพราะว่าจากการพยายามที่จะไปเก็บข้อ
00:02:46 → 00:02:51 มูลจากกลุ่มประชากรนะครับบอกว่าอคีลามไม
00:02:51 → 00:02:54 ที่อยู่ในอาหารเนี่ยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
00:02:54 → 00:02:57 ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งนะครับนี้
00:02:57 → 00:02:59 เนี่ยคงจะต้องพยายามหาข้อมูลเรื่องเกี่ยว
00:02:59 → 00:03:04 กับอคีลไมดระดับของมันที่อยู่ในแล้วก็
00:03:04 → 00:03:06 เสี่ยงต่อความเชื่อมโยงของการเป็นมะเร็ง
00:03:06 → 00:03:09 ในมนุษย์นะครับซึ่งอันนี้ก็แปลความว่าณ
00:03:09 → 00:03:12 ตอนเนี้ยข้อมูลยังไม่สามารถยืนยันได้นะ
00:03:12 → 00:03:15 ครับว่าอคีลไม้เนี่ยที่อยู่ในอาหารเนี่ย
00:03:15 → 00:03:18 ทำให้เป็นมะเร็งในมนุษย์ครับข้อมูลต่อมา
00:03:18 → 00:03:21 นะครับมาจาก World Cancer Research
00:03:21 → 00:03:24 Fund นะครับก็เป็นองค์การที่ทำการวิจัย
00:03:24 → 00:03:26 เรื่องเกี่ยวกับมะเร็งนะครับ World
00:03:26 → 00:03:28 Cancer รีเสิร์ชฟันนะครับได้พูดถึงหัว
00:03:28 → 00:03:30 ข้อเกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อมโยง
00:03:30 → 00:03:33 ระหว่างอะคีลไมกับมะเร็งนะครับโดยเขาบอก
00:03:33 → 00:03:37 ว่าการศึกษาเนี่ยที่เกิดขึ้นในหนูเนี่ย
00:03:37 → 00:03:40 ได้บอกว่าอคีลมาเนี่ยมีความเชื่อมโยงกับ
00:03:40 → 00:03:44 มะเร็งนะครับแต่อันนั้นน่ะเป็นการทดลอง
00:03:44 → 00:03:47 ที่ไม่ได้มีในมนุษย์เลยนะครับดังนั้น
00:03:47 → 00:03:50 เนี่ยการทดลองในสัตว์ทดลองเนี่ยไม่สามารถ
00:03:50 → 00:03:55 ที่จะเอามาเปรียบเทียบหรือแปรผลในคนได้นะ
00:03:55 → 00:03:57 ครับหรือพูดให้เข้าใจง่ายๆอีกทีนึงครับ
00:03:57 → 00:04:02 ว่าโดยสรุปแล้วเนี่ยการศึกษาอคิลไมกับ
00:04:02 → 00:04:06 มะเร็งในมนุษย์นะครับบอกว่าจำนวนของ
00:04:06 → 00:04:08 อคิลไมลที่อยู่ในอาหารที่เรารับประทาน
00:04:08 → 00:04:12 อยู่เนี่ยไม่น่าจะทำให้เราเพิ่มความ
00:04:12 → 00:04:15 เสี่ยงของการเป็นมะเร็งได้อย่างชัดเจนนะ
00:04:15 → 00:04:18 ครับดังนั้นเค้าก็แนะนำให้ทานอาหารให้
00:04:18 → 00:04:22 เหมาะสมนะครับกินพืชกินผักให้เพียงพอนะ
00:04:22 → 00:04:25 ครับกินอาหารให้เพียงพอนะครับซึ่งเรื่อง
00:04:25 → 00:04:28 การก็ได้รับอคีลไมที่คุณกินเข้าไปเนี่ย
00:04:28 → 00:04:31 มันน้อยมากนะครับทีนี้ไปที่ยุโรปบ้างนะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับว่ายุโรปจะพูดถึงอคิลมยว่ายังไงนะ
00:04:34 → 00:04:37 ครับก็เป็นองค์กรความปลอดภัยหรือตัวย่อก็
00:04:37 → 00:04:40 คือ EFSA นะครับหรือย่อมาจาก European
00:04:40 → 00:04:43 Food Safety Authority นะครับแล้วก็
00:04:43 → 00:04:46 ได้พูดว่าอากีลไมที่อยู่ในอาหารเนี่ยมัน
00:04:46 → 00:04:48 จะทำให้เราพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้หรือ
00:04:48 → 00:04:51 เปล่านะครับเขาบอกว่าข้อมูลณปัจจุบันนี้
00:04:51 → 00:04:55 นะครับการศึกษาในมนุษย์เนี่ยยังมีจำกัด
00:04:55 → 00:04:59 นะครับและก็ไม่มีข้อมูลที่สรุปได้ว่า
00:04:59 → 00:05:02 อคีลไมที่อยู่ในอาหารเนี่ยเพิ่มความ
00:05:02 → 00:05:04 เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในมนุษย์ครับข้อ
00:05:04 → 00:05:07 มูลจาก mderson นะครับก็ได้สรุปนะครับบอก
00:05:07 → 00:05:12 ว่าการศึกษานะครับมีความชัดเจนว่าอะคีลไม
00:05:12 → 00:05:16 เนี่ยทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้แต่
00:05:16 → 00:05:20 มีข้อสังเกตนะครับว่ามันต้องใช้ระดับของ
00:05:20 → 00:05:24 อคิลไมที่สูงมากๆนะครับดังนั้นเนี่ยข้อ
00:05:24 → 00:05:27 มูลที่อยู่ในมนุษย์เนี่ยเราใช้วิธีการ
00:05:27 → 00:05:29 เก็บข้อมูลไม่ใช่การทดลองนะครับซึ่งตรง
00:05:29 → 00:05:32 นี้เนี่ยไม่สามารถเชื่อมโยงได้เลยว่า
00:05:32 → 00:05:36 อาหารที่กินเข้าไปเนี่ยจะทำให้เกิดมะเร็ง
00:05:36 → 00:05:39 ได้นะครับก็คืออาคีลไมที่อยู่ในอาหาร
00:05:39 → 00:05:41 เนี่ยไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งในมนุษย์นะ
00:05:41 → 00:05:44 ครับซึ่งข้อมูลเนี่ยเขาดูมาแล้วประมาณ 20
00:05:44 → 00:05:47 กว่าปีแล้วก็ยังไม่ได้เจอนะครับว่ามันมี
00:05:48 → 00:05:50 ความเชื่อมโยงกันนะครับและมีอีกอันนึงที่
00:05:50 → 00:05:54 น่าสนใจเบอกว่าถึงแม้การศึกษาที่อยู่ใน
00:05:54 → 00:05:56 สัตว์เนี่ยทดลองเนี่ยจะบอกว่ามันเชื่อม
00:05:57 → 00:06:01 โยงกันแต่ว่าในการทดลองนั้นเนี่ยมีความ
00:06:01 → 00:06:03 เข้มข้นของ
00:06:03 → 00:06:07 อะคิลม 1,000 ถึง 100,000 เท่าของ
00:06:07 → 00:06:11 อะคีลไมลที่เราได้จากอาหารนะครับดังนั้น
00:06:11 → 00:06:14 สรุปนะครับไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากใน
00:06:14 → 00:06:18 American Cancer Society MD Anderson
00:06:18 → 00:06:20 นะครับแล้วก็ข้อมูลจากฝั่งของทางด้าน
00:06:20 → 00:06:24 ยุโรปนะครับก็คือข้อมูลจาก EFSA A นะ
00:06:24 → 00:06:28 ครับหรือข้อมูลจากทางด้านของอังกฤษก็คือ
00:06:28 → 00:06:31 World Cancer Research Fund นะครับ
00:06:31 → 00:06:35 สรุปตรงกันหมดเลยนะครับก็คือว่าไม่มีความ
00:06:35 → 00:06:38 เชื่อมโยงนะครับหรือไม่สามารถพิสูจน์ได้
00:06:38 → 00:06:42 ว่าอาคีลไมลที่เราได้รับในอาหารเนี่ยทำ
00:06:42 → 00:06:44 ให้เราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งแน่นอนก็
00:06:44 → 00:06:46 ต้องมีคนก็ตั้งคำถามว่าถ้างั้นเราเลิกกิน
00:06:46 → 00:06:50 อาหารทอดอาหารอบอาหารย่างอะไรพวกนี้ได้
00:06:50 → 00:06:53 มั้เพราะว่ามันมีสารอคีลมตรงนี้ผมนำข้อ
00:06:53 → 00:06:56 มูลมาจาก FDA ของอเมริกานะครับก็ได้ตอบ
00:06:57 → 00:07:00 อย่างชัดเจนเลยนะครับว่าเราควรจะหยุดกิน
00:07:00 → 00:07:04 อาหารที่มันเป็นอาหารทอดอาหารปิ้งหรือ
00:07:04 → 00:07:07 อาหารอบซึ่งพวกนี้เนี่ยมันทำให้เกิด
00:07:07 → 00:07:11 อะเคระไมได้นะครับเบอกว่าไม่ไม่จำเป็นนะ
00:07:11 → 00:07:14 ครับเพราะว่าเขาบอกว่าเน้นย้ำว่าจริงๆ
00:07:14 → 00:07:16 แล้วการทานอาหารเนี่ยเราทานอาหารให้มัน
00:07:16 → 00:07:19 หลากหลายและครบถ้วนก็เพียงพอแล้วนะครับ
00:07:19 → 00:07:23 ไม่จำเป็นที่เราจะต้องหยุดทานอาหารที่
00:07:23 → 00:07:26 เป็นอาหารทอดอาหารย่างหรือว่าเป็นอาหารอบ
00:07:27 → 00:07:30 นะครับซึ่งมันมีอคีลมายนะครับดังนั้นโดย
00:07:30 → 00:07:34 สรุปนะครับอาหารทอดอาหารปิ้งหรือว่าอาหาร
00:07:34 → 00:07:37 ที่อบนะครับที่มีอคิลมเนี่ยก็ยังสามารถ
00:07:37 → 00:07:40 รับประทานได้นะครับทีนี้หลายคนยังอาจจะ
00:07:40 → 00:07:44 ติดใจอีกว่าอ้าก็มันมีอาคีลไมนี่แล้ว
00:07:44 → 00:07:47 อาคีลไมนี่มันเป็นสารกอมะเร็งเมื่อกี้จำ
00:07:47 → 00:07:50 ข้อมูลของ MDSON ได้มั้ครับผมจะเอามาขึ้น
00:07:50 → 00:07:53 มาให้ดูอีกทีนึงเขาได้บอกนะครับว่าในงาน
00:07:53 → 00:07:56 ทดลองเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยเค้าใช้อคีลไม
00:07:56 → 00:08:02 เนี่ยที่มีความเข้มข้นสูงนะครับประมาณ
00:08:02 → 00:08:05 1,000 ถึง 100,000 เท่าของอาหารที่เรา
00:08:05 → 00:08:08 กินเข้าไปถ้ายังไม่เข้าใจผมยกตัวอย่างนะ
00:08:08 → 00:08:11 ครับทุกคนรู้จักผัดกะเพราใช่มั้ยครับผัด
00:08:11 → 00:08:15 กะเพรา 1 จานเนี่ยเราใส่พริกกี่เม็ดครับ
00:08:15 → 00:08:19 โดยเฉลี่ยนะบางคนก็อาจจะ 3 เม็ด 5 เม็ด
00:08:19 → 00:08:22 แต่ของผมก็อาจจะเป็น 5-10 เม็ดอ่ะสมมุติ
00:08:22 → 00:08:24 ว่าผมเฉลี่ยว่าของผม 10 เม็ดก็แล้วกันนะ
00:08:24 → 00:08:27 ครับแปลว่าผมกินอย่างนี้ของผมมาเป็นประจำ
00:08:27 → 00:08:31 เนี่ย 10 เม็ดทีนี้ผมจะทดลองว่าแล้วพริก
00:08:31 → 00:08:35 เนี่ยมันเป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือเปล่านะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับโดยผมทดลองนะครับผมทำอาหารให้มีความ
00:08:38 → 00:08:41 เผ็ดเหมือนกับพริกเนี่ยจากเดิมที่ผมกิน 10
00:08:41 → 00:08:44 เม็ดเนี่ยเปลี่ยนมาเป็นให้เป็นความเผ็ด
00:08:44 → 00:08:49 ของพิษเท่ากับ 10,000 ถึง 1 ล้านนะครับก็
00:08:49 → 00:08:53 คือประมาณ 1,000 ถึง 100,000 เท่าแล้วก็
00:08:53 → 00:08:56 ลองให้คนกินดูนะครับปรากฏว่าคนกินเข้าไป
00:08:56 → 00:09:00 แล้วเนี่ยปากเปิกพองหมดเลยเป็นแผลเปื่อย
00:09:00 → 00:09:03 เน่าหมดเลยนะครับแล้วก็คลื่นไส้อาเจียน
00:09:03 → 00:09:06 ถ้าคนที่ทานลงไปเข้าไปไหวเนี่ยก็จะคลื่น
00:09:06 → 00:09:09 ไส้อาเจียนท้องเสียปั่นป่วนนะครับจน
00:09:09 → 00:09:13 กระทั่งช็อกหมดสติแล้วก็เสียชีวิตคนที่
00:09:13 → 00:09:16 รับประทานพริกเข้าไปเนี่ยในปริมาณขนาด
00:09:16 → 00:09:20 เนี้ยทนไม่ไหวนะครับไม่บาดเจ็บล้มไม่บาด
00:09:20 → 00:09:23 เจ็บก็อาจจะต้องตายเลยนะครับดังนั้นผมจึง
00:09:23 → 00:09:27 สรุปว่าเราไม่ควรทานพริกในชีวิตประจำวัน
00:09:27 → 00:09:30 ครับผมสรุปถูกต้องมั้ครับถ้าผมสรุปถูก
00:09:30 → 00:09:34 ต้องเราก็เลิกทานอาหารทอดกันครับหมอหมู
00:09:34 → 00:09:40 เช็คให้ใครอยากเป็นเหยื่อก็เชื่อกันต่อไป