00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:04 → 00:00:07 Voice เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย
00:00:08 → 00:00:11 เนี่ยมันขึ้นอยู่กับสภาวะโรคด้วยหลักๆเลย
00:00:11 → 00:00:13 เราแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโรคนะกลุ่มโรคแรก
00:00:13 → 00:00:17 ก็คือกลุ่มโรคติดเชื้อเช่นเป็นหวัดไข้
00:00:17 → 00:00:20 หวัดใหญ่โควิดไข้หวัดสายพันธุ์นู่นนี่
00:00:20 → 00:00:23 นั่นมันจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการกับโรคไร้
00:00:23 → 00:00:25 เชื้อส่วนใหญ่มันจะเป็นโรคเรื้อรังเป็น
00:00:25 → 00:00:27 แล้วไม่ค่อยหายเหมือนเป็นเบาหวานเป็นความ
00:00:27 → 00:00:30 ดันเป็นอะไรพวกนี้เมื่อไหรก็ตามที่เราปย
00:00:30 → 00:00:32 ยิ่งเราแมอยู่ที่โรงพยาบาลเราจะกินได้
00:00:32 → 00:00:35 น้อยะก็จะมีปัญหาเรื่องของการขาดสารอาหาร
00:00:35 → 00:00:37 สารอาหารภาวะโภชนาการก็จะไม่ค่อยดี
00:00:37 → 00:00:39 และช่วงนั้นเนี่ยส่วนใหญ่จะมีภาวะที่เรา
00:00:39 → 00:00:43 เรียกว่า mut หรือภาวะทุบโภชนาการส่วน
00:00:43 → 00:00:46 ใหญ่มักจะขาดสารอาหาร
00:00:46 → 00:00:50 กันฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:50 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:59 PS เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังติดตามกันในวันนี้
00:00:59 → 00:01:02 กับรายการโรงหมอของเรานะคะถึงเรื่องของ
00:01:02 → 00:01:06 การฟื้นฟูร่างกายคนป่วยกินอะไรดีน่านะคะ
00:01:06 → 00:01:09 เพราะว่าช่วงนี้มีเอ่อคนใกล้ตัวป่วยหลาย
00:01:09 → 00:01:12 คนเลยทีเดียวนะคะแล้วก็ดูแบบว่ายังไม่
00:01:12 → 00:01:16 ค่อยสดชื่นยังดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงนะคะ
00:01:16 → 00:01:18 กินอะไรดีคุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร
00:01:18 → 00:01:21 เอกราชบำรุงพืชจากวิทยาลัยการแพทย์
00:01:21 → 00:01:23 บูรณาการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตค่ะ
00:01:23 → 00:01:26 สวัสดีค่ะอาจารย์คะครับสวัสดีครับผมโอ
00:01:26 → 00:01:28 ช่วงนี้ก็สล่
00:01:28 → 00:01:33 เสลบางคนคก็ป่วยบางคนก็เพิ่งหายป่วยก็แบบ
00:01:33 → 00:01:36 เนี่ยจะเห็นมเหมือนออกแนวซอมบี้กันนิดนึง
00:01:36 → 00:01:40 ดูไรเรี่ยวแรงไม่สดชื่นถึงแม้จะหายป่วย
00:01:40 → 00:01:43 แล้วก็เถอะยังคงแบบเหมือนกินอะไรได้น้อย
00:01:44 → 00:01:47 อยู่เงี้ยค่ะแต่ว่าเอ๊ะเราเห็นแล้วก็เออ
00:01:47 → 00:01:50 กินอะไรดีน้าที่จะช่วยแบบฟื้นฟูให้แบบเรา
00:01:50 → 00:01:54 สามารถกลับมาสดใสร่าเริงมีแรงมีพลังได้
00:01:54 → 00:01:57 เหมือนเดิมคะอาจารย์ครับผมก่อนอื่นต้อง
00:01:57 → 00:02:01 บอกก่อนเนาว่าเอ่อป่วยเนี่ยอ่าต้องมาดู
00:02:01 → 00:02:03 ว่าเอ๊ะส่วนใหญ่เนี่ยเป็นจากอะไรเวลาเรา
00:02:03 → 00:02:05 เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายเนี่ยมันขึ้นอยู่
00:02:05 → 00:02:09 กับสภาวะโรคด้วยนะครับอ่าแต่ส่วนใหญ่แล้ว
00:02:09 → 00:02:12 เนี่ยอาจจะเป็นโรคหลักๆเลยเราแบ่งออกเป็น
00:02:12 → 00:02:15 2 กลุ่มโรคนะกลุ่มโรคแรกก็คือกลุ่มโรค
00:02:15 → 00:02:20 ติดเชื้อเช่นเป็นหวัดอ่าไข้หวัดใหญ่โควิด
00:02:20 → 00:02:22 นะไข้หวัดสายพันธุ์นู่นนี่นั่นนะหรือติด
00:02:23 → 00:02:26 เชื้อท้องทรงท้องเสียท้องร่วงนะอ่าติด
00:02:26 → 00:02:28 เชื้อไวร้งไวรัสหรือแบคทีเรียก็ตามแต่
00:02:28 → 00:02:32 อันเนี้ยก็จะแบบทุกโรคเนี่ยมันจะส่งผลต่อ
00:02:32 → 00:02:34 ภาวะโภชนาการต่ออาหารการกินหมดโดยอาจารย์
00:02:34 → 00:02:37 บอกอันนี้คือกลุ่มของโรคติดเชื้อนะอ่ากับ
00:02:37 → 00:02:40 โรคไร้เชื้อก็เช่นแบบว่าเอ้ยเนี่ยไร้
00:02:40 → 00:02:42 เชื้อส่วนใหญ่มันจะเป็นโรคเรื้อรังอืนะ
00:02:42 → 00:02:44 เป็นแล้วไม่ค่อยหายเหมือนเป็นเบาหวานเป็น
00:02:44 → 00:02:48 ความดันเป็นอะไรพวกนี้นะแต่เราเนี่ยวัน
00:02:48 → 00:02:51 นี้ที่เราพูดคุยเนี่ยจะมักจะเป็นกลุ่มโรค
00:02:51 → 00:02:55 ที่ป่วยก็คือแบบติดเชื้อค่ะนะแล้วก็แบบ
00:02:55 → 00:02:58 เฮ้ยเพิ่งหายเออกว่าจะมาฟื้นร่างกายเลยใช
00:02:58 → 00:03:01 มาฟื้นฟูร่างกายเพราะมันมีผลหมดเลยแหละ
00:03:01 → 00:03:03 เมื่อไหร่ก็ตามที่เราป่วยยิ่งเราแอดมิ
00:03:03 → 00:03:06 อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะอาจารย์บอกเลยว่าส่ง
00:03:06 → 00:03:09 ผลเพราะไอ้เจ้าพญาที่ิสภาพของโรคเนี่ย
00:03:09 → 00:03:12 เวลามันติดเชื้อเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย
00:03:12 → 00:03:15 ขึ้นมาเนี่ยเราจะกินได้น้อยและอืนะเพราะ
00:03:15 → 00:03:17 งั้นเราจะเห็นเลยว่าส่วนใหญ่คนไข้จะกิน
00:03:17 → 00:03:20 ได้น้อยก็จะมีปัญหาเรื่องของการขาดสาร
00:03:20 → 00:03:22 อาหารสารอาหารภาวะโภชนาการก็จะไม่
00:03:22 → 00:03:24 ค่อยดีและหรือบางคนกินไม่ได้เลยเราก็ต้อง
00:03:24 → 00:03:28 ให้อะไรครับเป็นไอ้น้ำเกลือน้ำเกลืออ่า
00:03:28 → 00:03:30 เพราะว่าโอหกินไม่ได้เลยอ่ะค่ะเพื่อให้
00:03:30 → 00:03:32 อย่างน้อยคุณได้น้ำคุณได้แร่ธาตุ
00:03:32 → 00:03:34 อิเล็กโตรไลต์ต่างๆไม่ให้แบบว่าเ้ยมัน
00:03:34 → 00:03:37 เพลียนะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยสารอาหาร
00:03:37 → 00:03:39 หลักที่คุณควรจะกินทั้ง 5 หมู่เนี่ยคุณ
00:03:39 → 00:03:41 อาจจะกินได้น้อยกินได้ไม่กี่คำเพราะมัน
00:03:41 → 00:03:44 เบื่อมันไม่อยากกินอาหารเหมือนเวลาเรา
00:03:44 → 00:03:46 เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายอย่างเงี้ยบางคนแบบ
00:03:46 → 00:03:51 ว่าแบบเฮ้ยเจ็บคอกลืนลำบากอย่างเงี้ยนะ
00:03:51 → 00:03:55 ปากแห้งนะมันก็ยิ่งแบบไปกันใหญ่เลยแล้ว
00:03:55 → 00:03:57 กินได้แต่พวกอาหารอ่อนๆน่ะมันไม่ได้แบบ
00:03:57 → 00:03:58 ว่าจะกินอะไรได้
00:03:58 → 00:04:02 เยอะพลังงานและสารอาหารในช่วงที่เราป่วย
00:04:02 → 00:04:04 เนี่ยช่วงนั้นเนี่ยส่วนใหญ่จะมีภาวะที่
00:04:04 → 00:04:07 เราเรียกว่า mal นิวตริหรือภาวะทุบ
00:04:07 → 00:04:11 โภชนาการอืซึ่งส่วนใหญ่มักจะขาดสารอาหาร
00:04:11 → 00:04:14 กันค่ะนะครับสมมุติว่าคุณรีป่วยไปเป็น
00:04:14 → 00:04:17 อาทิตย์บางทีน้ำหนักลดนะอุ้ยดีไม่ใช่ดี
00:04:17 → 00:04:20 เลยใช่มั้ยบางคนแบบอู้ยดีเลยอาจารย์นะรถ
00:04:20 → 00:04:23 แบบนี้ไม่ค่อโอเคค่ะใช่เพราะเราขาดไงขาด
00:04:23 → 00:04:26 ขาดขาดพลังงานและสารอาหารแล้วพวกตอนนั้น
00:04:26 → 00:04:29 น่ะเราติดลบอทุกสารอาหารแหละส่วนใหญ่แล้ว
00:04:29 → 00:04:32 เรากินข้าวได้น้อยเรากินโปรตีนได้น้อยนะ
00:04:32 → 00:04:36 ผักผลไม้ก็ไม่อยากกินปากแห้งนะแล้วก็รู้
00:04:36 → 00:04:40 สึกแบบเบื่ออาหารเออด้วยสภาวะโรคค่ะเอง
00:04:40 → 00:04:44 พยาธิสภาพของโรคเองนะั้นแล้วพอเราติดลบ
00:04:44 → 00:04:47 อ่ะอาจารย์อยากให้เห็นภาพกว้างว่าอ๋อ
00:04:47 → 00:04:50 เนี่ยช่วงที่เราไม่สบายนะคุณติดลบอยู่ค่ะ
00:04:50 → 00:04:52 อ่าไม่งั้นน้ำหนักคุณไม่ลดหรอกหรือสาร
00:04:52 → 00:04:55 อาหารบางอย่างคุณพร่องลงไปในร่างกายซึ่ง
00:04:55 → 00:05:00 คุณไม่รู้บางคนแบบว่าเอ้ยทำไมผมร่วงอือ่า
00:05:00 → 00:05:03 ทำไมอ่อนเคียผิวแห้งอย่างเงี้ยก็จะมี
00:05:03 → 00:05:06 ปัญหาแบบเฮ้ยไม่สดชื่นไม่แีไม่กระปี้
00:05:06 → 00:05:08 กระเป๋าเลยเพราะว่าแบบเพิ่งหายป่วยมาบาง
00:05:08 → 00:05:11 คนเนี่ยภูมิคุ้มกันไม่ดีนะเวลาป่วยทีนึง
00:05:11 → 00:05:15 เนี่ยโอหแบบ 2-3 อาทิตย์ซมเลยกว่าจะฟื้น
00:05:15 → 00:05:19 ฟูธาตุขันขึ้นมาได้อ่าต้ององอย่างงี้เลยพ
00:05:19 → 00:05:22 จะฟื้นฟูธาตุขันขึ้นมาได้เนี่ยคือแบบเออ
00:05:22 → 00:05:26 แล้วแบบทีนี้มันจะต้องกินยังไงใช่มเพราะ
00:05:26 → 00:05:28 ว่าเรารู้แล้วว่าเฮ้ยเราติดรบเราก็ต้อง
00:05:28 → 00:05:32 กลับมานะประเมินว่าเอ๊ยไอ้ที่เราติดๆรบไป
00:05:32 → 00:05:34 เนี่ยเรารู้แล้วร่างกายของเราเนี่ยมันไม่
00:05:34 → 00:05:36 เหมือนเดิมแล้วมันสะท้อนออกมาถึงความอ่อน
00:05:36 → 00:05:40 เพียนะความอาการแสดงต่างๆที่เราแบบเฮ้ย
00:05:40 → 00:05:43 ตื่นมาไม่สดชื่นไม่แจ่มใสเลยอะไรอย่าง
00:05:43 → 00:05:46 เงี้ยเพราะว่าเราภูมิคุ้มกันมันดรอปลงไป
00:05:46 → 00:05:49 แล้วเราก็ต้องฟื้นฟูสารอาหารต่างๆเนี่ย
00:05:49 → 00:05:52 มันช่วยได้เลยนะโดยตรงเลยนะบางคนเฮ้ยเพีย
00:05:52 → 00:05:55 ๆอย่างเงี้ยอุ๊ยทำไมฉันรู้สึกว่าเอ้ยฉัน
00:05:55 → 00:05:58 หลังจากกินโปรตีนเข้าไปค่ะอ่ารู้สึกมี
00:05:58 → 00:06:00 เรี่ยวมีแรงขึ้นอืแล้วสารอาหารแรกที่
00:06:00 → 00:06:03 สำคัญเลยในการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายก็คือ
00:06:03 → 00:06:07 เป็นกลุ่มของโปรตีนครับอ๋ออ่าต้องกินให้
00:06:07 → 00:06:11 พอกินให้ถึงค่ะนะกินให้พอกินให้ถึงก็คือ 1
00:06:11 → 00:06:14 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กกร 1 กรัมต่อ 1 น้ำ
00:06:14 → 00:06:17 หนักตัว 1 กกรใช่ครับแล้วถ้ายิ่งหลังป่วย
00:06:18 → 00:06:21 เนี่ยอาจจะไปที่ 1.2 ถึง 1.5 เพราะอะไร
00:06:21 → 00:06:24 เพราะว่าเราติดลบมาค่ะอ๋อก็เพื่อให้มัน
00:06:24 → 00:06:28 เท่าเดิมแบบก็ต้องถูกต้องอ่าแล้วเราก็
00:06:28 → 00:06:32 ต้องคูณไปเช่นถ้าคุณีหนัก 50 อือฮึอ่าคูณ
00:06:32 → 00:06:36 เข้าไปสมมุติว่าเอ่อ 1.2 อ่าหรือเอาแค่ 1
00:06:36 → 00:06:39 กรัมนี่แหละอ่ะก็ 50 กรัมนะต่อวันที่ครุ
00:06:40 → 00:06:42 ลีต้องการ 50 กรอแล้วแล้วถ้าคุลีกินไข่ 1
00:06:42 → 00:06:45 ฟองก็จะให้โปรตีน 7 กรัมค่ะกินเนื้อสัตว์
00:06:45 → 00:06:47 2 ช้อนโต๊ะให้โปรตีน 7 กรัมก็คือ 1 ส่วน
00:06:47 → 00:06:50 โอเคคิดว่าอาจารย์จะให้กินไข่ไม่อย่าง
00:06:50 → 00:06:52 เดียวเลยไม่ไหวกินไข่อย่างเดียวเลยก็
00:06:52 → 00:06:55 เดี๋ยวเอ่อไข่แดงเกินไปอีกนะแล้วไข่แดง
00:06:55 → 00:06:58 วันละแค่ 1 ฟอร์มพอแล้วกำลังสวยก็แสดงว่า
00:06:58 → 00:07:01 มีไข่มีเนื้อสัตว์อ่าเนื้อสัตว์ที่ไม่ติด
00:07:02 → 00:07:04 มันติดด้วยเพราะถ้าติดมันปุ๊บมันจะมีพวก
00:07:04 → 00:07:07 กลุ่มของไขมันอิ่มตัวแฝงเข้ามาค่ะซึ่งไอ้
00:07:07 → 00:07:10 เจ้าไขมันอิ่มตัวกินมากไปก็ไม่ดีต่อระบบ
00:07:10 → 00:07:13 หัวใจและหล่อดือดอืออ่างั้นเราเรากินไข่
00:07:13 → 00:07:17 กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมันกินนมนะเช่นนมนม
00:07:17 → 00:07:21 พืชก็ได้นะจะกินนมถั่วเหลืองกินนมเอ่อ
00:07:21 → 00:07:24 อัลมอนอะไรต่างๆอย่างเงี้ยก็ได้เพราะก็จะ
00:07:24 → 00:07:27 ได้ในกลุ่มของโปรตีนอ๋อเพราะว่าถ้าเมื่อ
00:07:27 → 00:07:29 กี้กินไข่เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าได้กี่กรม
00:07:29 → 00:07:33 นะไขกินไข่ 1 เอ่อการนับโปรตีนง่ายๆนะ
00:07:33 → 00:07:36 สำหรับผู้บริโภคนะทั่วไปที่ไม่ใช่นัก
00:07:36 → 00:07:38 วิชาการอาจารย์ก็จะสอนง่ายๆเลยว่า 1 ส่วน
00:07:38 → 00:07:40 ของโปรตีนเนี่ยอาหารประเภทโปรตีนเนี่ยจะ
00:07:41 → 00:07:45 ให้ปริมาณ 7 กรัมของโปรตีนอ่าเช่นไข่ 1
00:07:45 → 00:07:47 ฟองก็ให้โปรตีน 7 กรัมอย่างเงี้ยเมื่อ
00:07:47 → 00:07:50 เช้าอาจารย์กินไข่มาแล้ว 1 ฟองก็ได้แล้ว
00:07:50 → 00:07:53 1/7 กรัมอาจารย์กินเนื้อสัตว์ 2 ช้อน
00:07:54 → 00:07:56 โต๊ะก็ได้และอีก 1 ส่วนอาจารย์กินนมมา 1
00:07:57 → 00:07:59 กล่องก็ได้ 1 ส่วนแล้วก็ 3 ส่วน
00:07:59 → 00:08:03 11 กลางวันอาจารต้องกินได้อย่าอีกเย็นก็
00:08:03 → 00:08:06 ได้อย่างอีกอ๋อก็คือ 1 วันเนี่ยคือเฉลี่ย
00:08:06 → 00:08:10 ๆได้เฉี่ยเลยใช่ถ้าคุณลีหนัก 50 วันนึงก็
00:08:10 → 00:08:12 ต้องการ 7 ส่วนของโปรตีนเพราะ 7 * 7
00:08:12 → 00:08:16 ได้ 49 อ่าก็ประมาณ 50 อแล้วคุณลีก็ต้อง
00:08:16 → 00:08:18 แบ่งต่อมื้อเนี่ยเ้ยอย่างน้อยเนี่ยมื้อ
00:08:18 → 00:08:22 นึงเี่ต้องได้โปรตีนและ 2-3 ส่วนค่ะอ่า
00:08:22 → 00:08:25 เพื่อจะได้เพียงพอแล้วยิ่งคนไข้ที่เพิ่ง
00:08:25 → 00:08:29 หายป่วยมาเขาต้องใช้โปรตีนในการเสริม
00:08:29 → 00:08:32 สร้างซ่อมพังอ่าซ่อมแซมกล้ามเนื้อและ
00:08:32 → 00:08:36 โปรตีนเองจะเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญใน
00:08:36 → 00:08:40 การสร้างสารในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
00:08:40 → 00:08:43 ค่ะพวกแอนติบอดี้ทั้งหลายแหล่เพราะมัน
00:08:43 → 00:08:45 โอ้โหมันใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคมาเต็มที่
00:08:45 → 00:08:47 เลยถูกมั้ครับแม้กระทั่งเม็ดเลือดเองก็
00:08:48 → 00:08:50 ต้องอาศัยโปรตีนเป็นส่วนประกอบงั้นแล้ว
00:08:50 → 00:08:53 เราต้องฟื้นฟูธาตุขันธ์หรือร่างกายของเรา
00:08:53 → 00:08:57 เนี่ยด้วยโปรตีนค่ะอ่าถ้าคนที่แบบเฮยกิน
00:08:57 → 00:08:59 จากอาหารไม่พอเพราะยังเบื่ออยู่คุณจะกิน
00:08:59 → 00:09:02 เป็นโปรตีนชงเสริมอาจารย์ไม่ได้ห้ามนะแต่
00:09:02 → 00:09:06 คุณต้องสังเกตว่าน้ำตาลเกินมอ๋อห่่วงตรง
00:09:06 → 00:09:08 เรื่องของน้ำตาลที่แต่ถ้าเกิดคุณกินแบบ
00:09:08 → 00:09:12 จากธรรมชาติจากไข่จากปลาอย่างเงี้ยมัน
00:09:12 → 00:09:15 ย่อยง่ายครับค่ะอ่าจากปลาจากไข่เนื้อ
00:09:15 → 00:09:19 สัตว์ไม่ติดมันจากถั่วอย่างเงี้ยอ่าพืช
00:09:19 → 00:09:22 ทั้งหลายแหล่ที่ที่เป็นแหล่งของโปรตีน
00:09:22 → 00:09:24 อย่างเงี้ยธัญญพืชถั่วทั้งหลายแหละ
00:09:24 → 00:09:27 อันเนี้ยอคุณก็ไม่ต้องกลัวว่าแบบเฮ้ยมัน
00:09:27 → 00:09:30 จะเหมือนพวกผลิตภัณฑ์เหล่านั้นถ้าผ์เห่า
00:09:30 → 00:09:33 นั้นคุณก็ต้องสังเกตน้ำตาลแฝงมอ่าไขมัน
00:09:33 → 00:09:35 แฝงอยู่สูงมั้ยงั้นแสดงว่าไม่ว่าจะเป็น
00:09:35 → 00:09:38 ไข่หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมันจะเป็นปลาถ้า
00:09:38 → 00:09:41 นึ่งต้มอะไรอย่างเงี้ยช่วงแรกก่อนตอนที่
00:09:41 → 00:09:43 เราฟื้นฟูอ่ะจะดีไม่ใช่ไปกินไก่ธงไก่ทอด
00:09:44 → 00:09:45 อะไรขนาด
00:09:45 → 00:09:49 นั้นอยากไงเพิ่งออกจากโรงพยาบาลโออยาก
00:09:49 → 00:09:54 อยากอาจารอามี 1 เมนูที่อาจารย์อาจารย์
00:09:54 → 00:09:57 เอ่อชอบรับประทานแล้วเห็นว่าเฮ้ยโปรตีน
00:09:57 → 00:09:59 มันสูงแล้วมันเหมาะเลยเพราะว่าพึ่งออกจาก
00:09:59 → 00:10:04 โรงพยาบาลนะโจ๊กไข่ขาวอออ๋อเดี๋ยวนี้ที่า
00:10:04 → 00:10:06 เอาไข่ขาวที่เป็นแกลอนที่อาจารย์บอกครับ
00:10:06 → 00:10:09 มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปเลยซื้อมา
00:10:09 → 00:10:11 แล้วค่ะเยใช่มยซื้อแล้วคเทลงหม้อไปพรวด
00:10:11 → 00:10:15 ตวงน้ำเท่ากันเขี้ยวเป็นไงครับหม้อไหม้
00:10:15 → 00:10:18 เคี้ยวไฟอ่อนๆสัก 5 นาทีนะแล้วจะใส่เนื้อ
00:10:18 → 00:10:22 ปลารวกเข้าไปใส่ขิงเข้าไปจะใส่เอ่อผัก
00:10:22 → 00:10:26 เข้าไปนะแล้วก็ต่อไข่ลงไปอีก 1 ฟองก็ได้
00:10:26 → 00:10:28 เพื่อจะได้ไข่แดงด้วยอันเนี้ยอเป็นโจ๊ก
00:10:28 → 00:10:32 ไข่ขาวจะให้ปริมาณโปรตีนสูงเหมาะมากและดู
00:10:32 → 00:10:34 ซึมแล้วไปใช้ประโยชน์ได้ดีด้วยนะเออดีอ่ะ
00:10:34 → 00:10:37 เอจริงๆกินง่ายด้วยโซสปืดๆดๆนึกเมื้อเช้า
00:10:37 → 00:10:40 น่าจะโอเคนะคะอาจารย์ถูต้องให้โปรตีนสูง
00:10:40 → 00:10:43 และดูซึมแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ได้ดีเอาไป
00:10:43 → 00:10:47 ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆในร่างกายนะเอาโปรตีนนี่
00:10:47 → 00:10:50 มีมีคุณสมบัติมีคุณประโยชน์เยอะมากโดย
00:10:50 → 00:10:53 เฉพาะคนหลังจากเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย
00:10:53 → 00:10:56 เพราะคุณขาดสารอาหารน่ะคุณกินอาหารได้
00:10:56 → 00:10:59 น้อยเนี่ยร่างกายของเราเนี่ยคุณรีรู้มั้ย
00:10:59 → 00:11:02 ครับว่ามันไม่มันไม่ได้มีแหล่งพลังงาน
00:11:02 → 00:11:05 สำรองที่เป็นโปรตีนเหมือนกับเอ่อเหมือน
00:11:05 → 00:11:09 กับพวกคาร์โบเดรตที่เรามีไกลโคเจนถังเก็บ
00:11:09 → 00:11:12 แป้งที่ตับที่กล้ามเนื้อเราไม่มีไขมันเออ
00:11:12 → 00:11:15 เรากินคาร์โบไฮเดรตเยอะเรากินไขมันมากค่ะ
00:11:15 → 00:11:17 มันกลายไปเป็นไตรกีสไลเก็บสะสมต้นแขนต้น
00:11:17 → 00:11:19 ขันหน้าท้องช่องพุงของเราแต่เรากินโปรตีน
00:11:19 → 00:11:22 เยอะๆเนี่ยเราขับออกฉี่ออกหมดเลยนะอไม่มี
00:11:22 → 00:11:24 เก็บเลยไม่มีเก็บเลยเว้นไว้เสียแต่ว่าอ่ะ
00:11:24 → 00:11:26 สิ่งที่เรามีคือม้วนกล้ามเนื้อซึ่งเราไม่
00:11:26 → 00:11:30 อยากสลายเอามาใช้ไงงอ่าฮะอ่านะแล้วถ้าคุณ
00:11:30 → 00:11:33 ไม่สบายเนี่ยแล้วกินโปรตีนไม่พอค่ะกล้าม
00:11:33 → 00:11:36 เนื้อของคุณจะถูกสลายอืโปรตีนจากกล้าม
00:11:36 → 00:11:39 เนื้อจะถูกสลายแล้วเราก็ต้องซ่อมแซมกลับ
00:11:39 → 00:11:44 คืนไปโดยการเติมเต็มโปรตีนกลับไปนะให้
00:11:44 → 00:11:47 เพียงพอเพื่อฟื้นฟูสุขภาพร่างกายในการ
00:11:47 → 00:11:49 สร้างมวลกล้ามเนื้อในการสร้างสาร
00:11:49 → 00:11:53 แอนติบอดี้สารสารต่างๆในระบบภูมิคุ้มกัน
00:11:53 → 00:11:56 ของร่างกายนะที่มันโอ้โหถูกโปรตีนก็ถูก
00:11:56 → 00:12:00 สลายช่วงที่ไม่สบายนะจากกล้ามเนื้อใช่ไอ้
00:12:00 → 00:12:03 เจ้าภูมิคุ้มกันก็ทำงานเต็มเยอะแยะนะครับ
00:12:03 → 00:12:06 ั้นแล้วในกลุ่มของโปรตีนก็สำคัญนะมาเลย
00:12:06 → 00:12:10 ว่าเฮ้ยคุณต้องชดเชยแหละสิ่งที่คุณขาดไป
00:12:10 → 00:12:14 ยามที่คุณเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายอ่ากับอีก
00:12:14 → 00:12:17 1 โปรนะก็คือที่เราพูดเป็นประจำแล้วเป็น
00:12:17 → 00:12:21 ประเด็น OT อิชชูกันก็คือพวกโปรไบโอติก
00:12:21 → 00:12:24 อ๋อถามว่าทำไมมันต้องเสริมละอาจารย์มัน
00:12:24 → 00:12:29 ไม่ใช่สารอาหารนะแต่มันมันมีคุณประโยชน์
00:12:29 → 00:12:32 ในการที่จะช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
00:12:32 → 00:12:34 ของร่างกายเพราะมันเป็นหนึ่งในภูมิคุ้ม
00:12:34 → 00:12:36 กันของร่างกายที่เราเรียกว่า innate
00:12:36 → 00:12:38 immunity หรือภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่
00:12:38 → 00:12:42 กำเนิดเกิดขึ้นมาเรามีโปรติกอยู่ที่ลำไส้
00:12:42 → 00:12:44 ของเราเนี่ยอนะจากเราได้รับเข้าไปเนี่ย
00:12:44 → 00:12:47 งั้นแล้วมันช่วยปกป้องเชื้อโรคบางคนเนี่ย
00:12:47 → 00:12:52 เฮ้ยเพิ่งหายไม่ทันไรเลยกลับมาเป็นซ้ำอีก
00:12:52 → 00:12:55 อ๋ออ่าเพราะมันแบบระบบภูมิคุ้มกันมันยัง
00:12:55 → 00:12:57 ทำงานได้ไม่ดีครับเราก็ต้องเติมไอ้พวก
00:12:57 → 00:13:01 เนี้ยเข้าไปโปรไบโอติกเข้าไป้าไปจะเป็น
00:13:01 → 00:13:05 โยเกิร์ตก็ได้วันละถ้วยนะเอ่อจะเป็นโ
00:13:05 → 00:13:08 โยเกิร์ตเนี่ยบางคนอาจจะแบบอาถ้าแพ้นมวัว
00:13:08 → 00:13:11 ก็เอาเป็นโยเกิร์ตนมพืชเพราะปัจจุบันนี้
00:13:11 → 00:13:13 มีโยเกิร์ตนมพืชเยอะมากนะนมถั่วเหลือง
00:13:13 → 00:13:15 เอ้ยอะไรเอ่ยพวกนี้เราก็จะได้โปรตีนและ
00:13:15 → 00:13:19 ได้โปรไบโอติกด้วยนะมันก็จะช่วยในการฟื้น
00:13:19 → 00:13:22 ฟูสุขภาพร่างกาย 2 โปรแล้วนะที่สำคัญนะ
00:13:22 → 00:13:25 นอกจากนี้แล้วเนี่ยในกลุ่มของสารอาหารที่
00:13:25 → 00:13:28 ให้พลังงานก็สำคัญครับเพราะเราเนี่ย
00:13:28 → 00:13:30 โปรตีนเนี่ยร่างกายไม่ได้ใช้เป็นพลังงาน
00:13:30 → 00:13:32 เป็นหลักล่ะมันจะใช้เสริมสร้างมวลกล้าม
00:13:32 → 00:13:34 เนื้อระบบภูมิคุ้มกันสร้างเอ่อเอนทรง
00:13:34 → 00:13:37 เอนไซม์ต่างๆในร่างกายนะสารที่ให้พลังงาน
00:13:37 → 00:13:39 เป็นหลักในร่างกายก็คือกลุ่มพวก
00:13:39 → 00:13:42 คาร์โบไฮเดรตแล้วก็ไขมันั้นแล้วแน่นอนเรา
00:13:42 → 00:13:45 ก็ต้องกินคาร์โบไฮเดรตมันก็ต้องมีข้าวมี
00:13:45 → 00:13:48 แป้งกันบ้างอใช่มีข้าวมีแป้งนะแต่ก็กิน
00:13:48 → 00:13:51 ให้พอดีแล้วก็ข้าวแป้งที่ไม่ขัดสีนะเพราะ
00:13:51 → 00:13:55 ว่าเดี๋ยวเรากินพวกนั้นน้ำตาลขึ้นสูงมาก
00:13:55 → 00:13:57 เกินอีกนะครับอแล้วเนี่ยยังไงคะกลุ่มของ
00:13:57 → 00:14:00 หมวดหมู่ของคนะโดยเฉพาะคบเดดเชิงซ้อน
00:14:00 → 00:14:03 เนี่ยก็ต้องกินอนะเพื่อให้พลังงานเราไม่
00:14:04 → 00:14:08 กินน้ำตาลได้นะค่ะชีวิตเราอ่ะขาดน้ำตาล
00:14:08 → 00:14:10 ได้ถ้าคุณ
00:14:10 → 00:14:14 ไหวคุณไปไปได้แต่คุณขาดคาร์โบไฮเดรตไม่
00:14:14 → 00:14:18 ได้ใช่เออนึกออกมั้ยครับยิ่งคนเพิ่งหาย
00:14:18 → 00:14:21 เจ็บไข้ได้ป่วยมาอย่างเงี้ยนะคุณก็ต้อง
00:14:21 → 00:14:25 กินคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้พลังงานอือ่าอ่ะ
00:14:25 → 00:14:29 แต่ไม่ขัดสีนะเอถูกต้องก็เลือกคาร์บเชิง
00:14:29 → 00:14:32 ซ้อนนะไม่ขัดสีนะกับกลุ่มไขมันที่ดีไขมัน
00:14:33 → 00:14:36 ดีโดยเฉพาะโอเมก้า 3 มันจะช่วยเสริมภูมิ
00:14:36 → 00:14:41 คุ้มกันต้านการอักเสบของร่างกายบางคน
00:14:41 → 00:14:45 เนี่ยครับป่วยไม่สบายนะเป็นไข้หวัดใหญ่นะ
00:14:45 → 00:14:47 ตอนนี้ระบาดกันเยอะมากเลยก็คือพวกสาย
00:14:47 → 00:14:50 พันธุ์เอ่ออินฟลูเอนซ่าสายพันธุ์ A ค่ะนะ
00:14:50 → 00:14:52 ครับอ่าหรือติดเชื้อนู่นนี่นั่นอะไรเงี้ย
00:14:52 → 00:14:56 ใช่แล้วหายแล้วนะหมายความว่าไม่ไม่ไม่มี
00:14:56 → 00:15:01 เชื้อแล้วแหละแต่ซากศพของเชื้อยังอยู่อื
00:15:01 → 00:15:04 มันก็มีปัญหาแบบพวกรองโควิดอ่ะเหมือนซาก
00:15:04 → 00:15:08 ศพของของเชื้อโควิดนทยังอยู่เออจริงว่า
00:15:08 → 00:15:12 ทำไมแบบโอ๊ยตื่นเช้ามาเสมหะยังเยอะค่ะยัง
00:15:12 → 00:15:15 มีอาการไอไม่หายซะทีแต่ว่าไข้อ่ะไม่มี
00:15:15 → 00:15:19 แล้วเอแต่สวมาปุ๊บไม่มีแล้ว 2 ขีดอ่ะแต่
00:15:19 → 00:15:22 อย่างไออยู่เจ็บคอยังแบบอะไงมันยังมีอยู่
00:15:23 → 00:15:27 อันนี้แหละคืออาจารย์จะบอกว่ามันก็ต้อง
00:15:27 → 00:15:31 อาศัยพวกไขมันที่ดีพวกโอเมก้า 3 ในการที่
00:15:31 → 00:15:35 ช่วยลดการอักเสบบรรเทาอาการเอ่อผลที่เรา
00:15:35 → 00:15:38 เรียกว่ารองโควิดเนี่ยค่ะอ่าหรือว่ารอง
00:15:38 → 00:15:40 เอ่อไข้หวัดใหญ่ทั้งหลายแหละที่ยังคงแบบ
00:15:40 → 00:15:42 เฮ้ยทำไมยังมีอาการอยู่ทำไมยังไม่หายดี
00:15:42 → 00:15:45 แต่บางคนหายขาดเลยก็มีอก็มีเลยแบบเฮ้ย
00:15:45 → 00:15:48 ภูมิคุ้มกันฉันดีเนี่ยฉันเป็นไข้มาปุ๊บ
00:15:49 → 00:15:53 เอ่อ 3 วันฉันออกมาฉันกลับมาสูปกติปกติ
00:15:53 → 00:15:55 ได้นั่นคือภูมิคมกันที่เขาดูแลดีไม่ใช่
00:15:55 → 00:15:59 แค่อาหารการกินนะการนอนการออกกำลังกาย
00:15:59 → 00:16:02 อารมณ์ความเครียดทุกอย่างมีผลต่อระบบภูมิ
00:16:02 → 00:16:05 คุมกันของร่างกายการฟื้นฟูธาตุขันธของเรา
00:16:05 → 00:16:07 หลังจากเจ็บป่วยมันต้องประสานกันทุก
00:16:07 → 00:16:10 จิ๊กซอทุกชิ้นนะไม่ใช่โออาหารดีเนี่ยก็
00:16:10 → 00:16:13 กินอย่างที่อาจารย์บอกแต่คุณนอนดึกอ่ะอื
00:16:13 → 00:16:16 นะ 2300 นเที่ยง 1 2 คุณยังไม่นอนภูมิ
00:16:16 → 00:16:20 คุ้มกันคุณลดลงค่ะอ่าออกกำลังกายคุณก็ไม่
00:16:20 → 00:16:22 ค่อยได้ออกกำลังกายไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย
00:16:22 → 00:16:24 ไม่ได้อย่างน้อยเดินก็ได้อ่ะนะเพื่อให้
00:16:24 → 00:16:27 มันระบบคุมคุ้มกันระบบไหลเวียนโลหิตทำงาน
00:16:27 → 00:16:30 ได้ดีอย่างเี้อือเครียดอย่างเงี้ยคุณแบบโ
00:16:30 → 00:16:33 เครียดภูมิคุ้มกันก็ยิ่งตกใช่แล้วจะต่อ
00:16:33 → 00:16:36 ให้คุณกินดีแค่ไหนแต่จิ๊กซอส่วนอื่นๆของ
00:16:36 → 00:16:39 คุณเนี่ยมันไม่ดีอ่ะชิ้นส่วนอื่นมันไม่ดี
00:16:39 → 00:16:43 อ่ะภาพรวมมันก็ออกมาไม่ดีและค่ะอ่าฉะนั้น
00:16:43 → 00:16:46 แล้วเนี่ยมันก็ต้องดูแลแบบผสานกันไปนะ
00:16:46 → 00:16:48 กลุ่มของไขมันดีพวกโอเมก้า 3 เนี่ยก็พบ
00:16:48 → 00:16:52 มากในพวกอปลานะปลาทั้งหลายแหล่คุณจะกิน
00:16:52 → 00:16:55 ปลาอะไรก็ได้นะปลาทูก็ได้หาง่ายๆอาจารย์
00:16:55 → 00:16:58 บอกเลยว่าแบบเฮ้ยกินได้ทุกวันยิ่งดีหรือ
00:16:58 → 00:17:01 วันเว้นวันได้ยิ่งดีอนะครับแล้วพวกแหล่ง
00:17:01 → 00:17:03 ของโอเมก้า 3 เนี่ยนะมันก็ช่วยต้านการ
00:17:03 → 00:17:07 อักเสบแล้วก็ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้ทำ
00:17:07 → 00:17:10 งานได้ดีขึ้นแกร่งขึ้นเห็นมั้ยครับอแล้ว
00:17:10 → 00:17:14 ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนโปรไบโอติก 2 โปรนะ
00:17:14 → 00:17:17 แล้วก็ปลุ่มพวกกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ไม่
00:17:17 → 00:17:20 ขัดสีเชิงซ้อนที่เป็นพลังงานไขมันเรา
00:17:20 → 00:17:22 เลือกไขมันเราก็ให้พลังงานนะอแล้วไขมัน
00:17:22 → 00:17:25 เนี่ยให้พลังงานสูงกว่าพวกคาร์โบไฮเดรต
00:17:25 → 00:17:28 ด้วยนะค่ะเพราะ 1 กรัมของไขมันให้พลังงาน
00:17:28 → 00:17:32 9 กแคลอรี่อออ่าแล้วมันก็ต้องฟื้นฟูกลับ
00:17:32 → 00:17:35 มาค่ะนะยกเว้นคนที่แบบว่าเฮ้ยอ้วนอาศัย
00:17:35 → 00:17:39 จังหวะนี้จะได้แบบว่าน้ำหนักลดลงหน่อยเลง
00:17:39 → 00:17:42 อคุณจะไม่ได้ชดเชยแควแต่คุณก็ต้องชดเชย
00:17:42 → 00:17:46 ส่วนของโปรตีนชดเชยส่วนของสารอาหารต่างๆ
00:17:46 → 00:17:49 นะวิตามินทั้งหลายแหล่พวกไฟเบอร์พืชผัก
00:17:49 → 00:17:51 ผลไม้คุณกินได้น้อยบางคนแบบเฮ้ยเจ็บไข้
00:17:52 → 00:17:54 ได้ป่วยมาระบบขับถ่ายไม่เหมือนเดิมและ
00:17:54 → 00:17:57 เพราะคุณกินได้น้อยลงใช่อ่าคุณก็จะต้อง
00:17:57 → 00:18:01 กินพืชผักผลไม้ให้เพียงพออย่างน้อยอ่ะ
00:18:01 → 00:18:04 ครึ่งนึงของมื้ออาหารนะอย่างที่เราบอกผัก
00:18:04 → 00:18:07 ครึ่งนึงอย่างอื่นครึ่งนึงถ้าเราผักไม่
00:18:07 → 00:18:09 ถึงครึ่งหลังมื้ออาหารนั้นต้องไปหาผลไม้
00:18:09 → 00:18:15 มาเติมคุณจะกินผลไม้ 3 สหายสับปะรสมะละกอ
00:18:15 → 00:18:19 แตงมูอก็ได้นึกออกมั้ยเอ๊เหมือนเหมือนจาก
00:18:19 → 00:18:22 ร้านอาหารไหนสักอย่างจะมีพวกนี้มาตลอดเลย
00:18:22 → 00:18:26 หรือเดินไปเนี่ยตามออฟฟิศที่ทำงานหรือตลง
00:18:26 → 00:18:29 ตลาดเรากินได้มะละกออย่างเงี้ยอืนะบางคน
00:18:29 → 00:18:31 น่ะติดหวานหลังมื้ออาหารอาจารย์แนะนำเลย
00:18:31 → 00:18:35 มะละกอเนี่ยมันก็จะให้ความหวานจากแบบพิ
00:18:35 → 00:18:39 ธรรมชาติแล้วมันมีเอนไซม์พวกปาเปนช่วย
00:18:39 → 00:18:42 ย่อยอืออ่าฉะนั้นแล้วเนี่ยเราได้ไฟเบอร์
00:18:42 → 00:18:45 นะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายช่วยใน
00:18:45 → 00:18:48 เรื่องของเป็นพรีไบโอติกแล้วเรามีเอนไซม์
00:18:48 → 00:18:50 ในการช่วยย่อยบางทีเอ้ยมันย่อยได้ไม่ดี
00:18:50 → 00:18:52 แล้วช่วยในระบบขับถ่ายของเราได้เป็นอย่าง
00:18:52 → 00:18:55 ดีอืออ่านะแล้วเราก็ต้องกินพวกพืชผัก
00:18:55 → 00:18:57 ผลไม้นี่แหละเป็นแหล่งของไฟเบอร์แล้วก็
00:18:57 → 00:19:01 วิตามินค่ะทั้งหลายแหล่เพื่อชดเชยที่เรา
00:19:01 → 00:19:06 แบบขาดหายไปอ่ะค่ะถ้าเราท้องเสียเห็นมั้ย
00:19:06 → 00:19:09 เรายังมีต้องผงน้ำตาลเกลือแรกเกือแรกใช่
00:19:09 → 00:19:11 อ่าเพื่อชดเชยที่เราเสียไปแต่อันนี้ถ้า
00:19:11 → 00:19:13 เราไม่ได้ท้องเสียเราแบบเฮ้ยเจ็บไข้ได้
00:19:13 → 00:19:16 ป่วยไม่สบายเป็นไข้ติดงติดเชื้อออกมามัน
00:19:16 → 00:19:20 ก็ต้องชดเชยนะอือ่าก็ต้องชดเชยเข้าไปนะ
00:19:20 → 00:19:23 จากพวกพืชผักผลไม้ทั้งหลายแหล่เพราะนอก
00:19:23 → 00:19:25 จากไฟเบอร์เรายังได้วิตามินแร่ธาตุ
00:19:25 → 00:19:28 เอนไซม์ต่างๆจากพืชผักผลไม้นะที่มาช่วย
00:19:28 → 00:19:32 ย่อยสัปรก็ได้ในการช่วยย่อยอย่างเงี้ยแต่
00:19:32 → 00:19:34 ผลไม้บางอย่างบางคนบอกจารยกินแล้วท้องอืด
00:19:34 → 00:19:37 หลังมื้ออาหารเราก็ต้องเลือกให้เหมาะสมนะ
00:19:37 → 00:19:41 ไม่ใช่กินฝรั่งแบบแข็งๆแบบนึกออกไครับบาง
00:19:41 → 00:19:43 คนกินแล้วแบบอาจารย์ทำท้องอืดหลังมื้อ
00:19:43 → 00:19:46 อาหารย่อยได้ไม่ดีคุณก็ต้องเลี่ยงนะเพราะ
00:19:46 → 00:19:47 ว่าการแพทย์ปัจจุบันมันเป็นลักษณะ
00:19:47 → 00:19:51 Personal แล้วเราก็ต้องดูด้วยโดย General
00:19:51 → 00:19:55 เนี่ยคือเขาแนะนำอยู่แล้วแหละนะให้กินผัก
00:19:55 → 00:19:59 ผลไม้แต่เราก็ต้องดูสิว่าแบบอคนอย่าเงี้
00:19:59 → 00:20:01 อาจารย์มีมะละกอติดบ้านหลังมื้ออาหารกิน
00:20:01 → 00:20:04 มะละกอกินสับปะรดอย่างเงี้อ่ะก็ขับถ่าย
00:20:04 → 00:20:07 ได้โอเคสะดวกแอปเปิ้ลติดบ้านอย่างเงี้ยนะ
00:20:07 → 00:20:11 ครับงั้นแล้วเราก็กินกินให้มันเหมาะสมกับ
00:20:11 → 00:20:14 ตัวเราอ่าเราก็จะรู้แะไม่มีใครรู้หรอกว่า
00:20:14 → 00:20:17 ว่าตัวเราบางคนกินฝรั่งมากทำไมแบบเอ่อ
00:20:17 → 00:20:20 ท้องอืดแล้วก็เลี่ยงไปนะให้มันให้มัน
00:20:20 → 00:20:22 เหมาะสมอย่างเงี้ยเราก็จะรู้และเราก็จะ
00:20:22 → 00:20:25 ได้สารอาหารทั้งหลายแหละที่จำเป็นครบถ้วน
00:20:25 → 00:20:27 แล้วอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญเลยที่เรา
00:20:27 → 00:20:33 จำเป็นที่ที่จะต้องได้รับก็คือน้ำครับอ๋อ
00:20:33 → 00:20:36 อ่าบางคนลืมพูดถึงอาหารหลัก 5 หมู่แต่เรา
00:20:36 → 00:20:39 ลืมว่าสารอาหารน่ะมี 6 กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
00:20:39 → 00:20:43 โปรตีนไขมันวิตามินและ่ธาตุและน้ำค่ะอัน
00:20:43 → 00:20:45 นั้นน้ำมีความสำคัญมากยิ่งคนที่ท้องผุขับ
00:20:45 → 00:20:48 ถ่ายไม่ดีต้องไปดูซิว่าคุณกินน้ำน้อยมอ
00:20:48 → 00:20:51 ตัวเลขง่ายๆที่อาจารย์มันมีหลายสูตรในการ
00:20:51 → 00:20:54 คำนวณอาจารย์บอกง่ายๆเลยเฮ้ยน้ำเนี่ย
00:20:54 → 00:20:59 ปริมาณน้ำเนี่ย 30 คูณด้วยน้ำหนักตัวอ๋อ
00:20:59 → 00:21:03 ปริมาณน้ำถูกมิตใชมอ่าเป็นมิลลิลิตหรือ
00:21:03 → 00:21:07 ซีซีนี่แหละนะเอา 30 คูณด้วยน้ำหนักตัว
00:21:07 → 00:21:11 เราก็จะรู้เลยว่าเฮ้ยวันนึงเนี่ยร่างกาย
00:21:11 → 00:21:13 ต้องการน้ำโดยประมาณเท่าไหร่ถ้าสมมุติเรา
00:21:13 → 00:21:16 หนัก 60 อ่ะวันนึงเนี่ยเราก็ต้องการวันละ
00:21:16 → 00:21:22 1,800 ซีซีก็ขวดใหญ่ขวดนึงนะอ้าใช่มใช่ๆ
00:21:22 → 00:21:25 ถูกต้องครับงั้นแล้วเนี่ยเราก็จะแบบกะ
00:21:25 → 00:21:29 ประมาณได้และอืเอเพราะกินมากไป
00:21:29 → 00:21:32 ก็ไม่ดีนะอุ๊ยดื่มน้ำเยอะๆทุกอย่าง
00:21:32 → 00:21:35 อาจารย์บอกเลยว่ามันมีเพดานเสมอคุณไม่ใช่
00:21:35 → 00:21:37 อุ๊ยหล้างป่วยมาอุ๊ยกินน้ำเยอะๆกินน้ำ
00:21:37 → 00:21:40 เยอะๆอย่าลืมนะมันมีเคสบางเคสที่ลงข่าว
00:21:40 → 00:21:44 เลยอ่ะอ่ากินน้ำเยอะแล้วแร่ธาตุในร่างกาย
00:21:44 → 00:21:44 เจอ
00:21:44 → 00:21:49 จังวูบเป็นลมหรือไม่สบายแอดิขึ้นมาเลย
00:21:49 → 00:21:52 เพราะมันไปไดลูทอมินอลในร่างกายเห็นมครับ
00:21:52 → 00:21:55 ออกหมดไม่มีอะไรดีที่สุดไม่มีอะไรเลวที่
00:21:55 → 00:21:59 สุดทางสายกลางค่ะมีแต่ความเหมาะสมทางกลาง
00:21:59 → 00:22:03 เราก็ต้องปรับจูนให้มันเอ่อเหมาะสมกับ
00:22:03 → 00:22:06 สุขภาพร่างกายของเราเราก็เห็นว่าบางคนกิน
00:22:06 → 00:22:08 กาแฟทำไมกินได้่ะวันละต้อง 2 แก้ว 3 แก้ว
00:22:08 → 00:22:12 ทำไมฉันจิบไปแค่นิดเดียวฉันแบบนอนไม่หลับ
00:22:12 → 00:22:16 ตาค้างอ่าเพราะนี่ไงเพราะคือคุณนึกออก
00:22:16 → 00:22:19 มั้ยมันเฉพาะตัวถูกต้องครับผมเพราะแล้ว
00:22:19 → 00:22:20 ทุกวันนี้มันไม่ใช่ you are what you
00:22:20 → 00:22:22 E อย่างเดียวแล้วอาจารย์พูดเสมอมันคือ
00:22:22 → 00:22:25 you eat what you are อืคุณกินใน
00:22:25 → 00:22:29 สิ่งที่คุณต้องอ๋อเป็นเออ
00:22:29 → 00:22:32 ค่ะคุณกินในสิ่งที่คุณเป็นอแล้วถ้าคุณ
00:22:32 → 00:22:34 เป็นแบบไหนคุณก็ต้องกินให้มันเหมาะสมกับ
00:22:34 → 00:22:38 สุขภาพร่างกายของคุณเป็นคนหวานค่ะ
00:22:38 → 00:22:42 อ่าแล้วหวานก็ต้องอ่อนหวานครับหาอ่อนหวาน
00:22:42 → 00:22:43 เราต้องมีความแบบอ่อนหวานเนี่ยดีกับทุก
00:22:44 → 00:22:48 สิ่งทุกคนที่เป็นเลยบอกเลยนึกออกมยต่อให้
00:22:48 → 00:22:51 คุณบอกว่าอออาจารย์เนี่ยเขามีเจเนติกมี
00:22:51 → 00:22:55 ยีนแบบนี้อ่าอาจารย์แชร์ให้ฟังช่วงท้าย
00:22:55 → 00:22:58 เนี่ยเขาเอาช็อกโกแลตลาวชิบูยะฮันนี้มา
00:22:58 → 00:23:01 นั่งกินกัน 2 คนคุณลีกินกับอาจารย์เอกราช
00:23:01 → 00:23:03 กินหลั่งมื้ออาหารอค่ะน้ำตาลในเลือดของ
00:23:03 → 00:23:06 อาจารย์เอกราชกับคุณลีขึ้นเท่ากันมั้ยเ่า
00:23:06 → 00:23:10 ไม่เท่าเพราะยีนในการดูดซึมน้ำตาลต่างกัน
00:23:10 → 00:23:13 อืเพราะจุลินทรีย์ที่ลำไส้เรามีผลต่อการ
00:23:13 → 00:23:15 ดูดซึมน้ำตาลต่างกันกันอืเข้าสู่กระแส
00:23:15 → 00:23:18 เลือดต่างกันอแล้วคุณลีอาจจะกินเข้าไป
00:23:18 → 00:23:21 แล้วน้ำตาลในเลือดเป็นไงครับุงปี๊ดอ้า
00:23:21 → 00:23:24 อาจารย์อาจจะแบบว่าชิวๆชิวๆน้อยกว่าหลัง
00:23:24 → 00:23:26 มืออาหารน้อยกว่าั้นแล้วเนี่ยไม่ใช่ว่า
00:23:26 → 00:23:28 น้อยกว่าแล้วแบบฉันชล่าใจฉันกินเต็มที่
00:23:29 → 00:23:32 เลยนึกออกมั้ยครับมันก็ไม่ได้อ่ามันก็ไม่
00:23:33 → 00:23:35 ได้้าแล้วเนี่ยมันท้ายที่สุดปุ๊บเนี่ย
00:23:35 → 00:23:37 อย่างที่บอกมันปรับเพื่อความเหมาะสมแต่
00:23:37 → 00:23:39 ไม่ใช่ว่าอะไรเรากินได้เยอะแล้วเราก็จะ
00:23:39 → 00:23:43 ใส่เต็มแม็กอืเออเราก็ต้องอยู่ในเพดานเั
00:23:43 → 00:23:47 ด้วยแต่คนที่เเอ่อต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
00:23:47 → 00:23:50 เราก็จะได้รู้ตัวไงว่าฉันเนี่ยต้องเฝ้า
00:23:50 → 00:23:52 ระวังเป็นพิเศษเพราะฉันกินหวานที่ไรน้ำ
00:23:52 → 00:23:55 ตาลฉันจะพุ่งปี๊ดมากกว่าสามัญชนคนปกติ
00:23:55 → 00:23:58 ทั่วไปค่ะเออ่อนไหวกับความหวานเหลือเกิน
00:23:58 → 00:24:02 ถูกเพราะะนั้นอันยคือเป็นสำหรับฟื้นฟูใน
00:24:02 → 00:24:05 ช่วงแรกฟื้นฟูใช่ครับผมไม่ได้บอกว่าโห
00:24:05 → 00:24:09 ต้องกินเป็นถาวรกันขนาดนั้นเอากคุณเริ่ม
00:24:09 → 00:24:11 มีแรงเน้นตรงนี้แหละเพื่อให้เรากลับมาใช้
00:24:11 → 00:24:15 ชีวิตปกติแต่ใช้ชีวิตปกติได้ก็พยายามดูแล
00:24:15 → 00:24:17 สุขภาพให้ถูกต้องเหมาะสมตามหลักโภชนาการ
00:24:17 → 00:24:19 ไม่งั้นเนี่ยท้ายที่สุดคุณกลับมาป่วยอีก
00:24:19 → 00:24:21 เพราะอะไรครับทุกครั้งที่เราป่วยนั่นคือ
00:24:21 → 00:24:24 ร่างกายของเราไม่สมดุลถ้าแพทย์แผนจีนคือ
00:24:24 → 00:24:27 หยินหยางออ่าใช่ความสมดุลอ่าฉะนั้นแล้ว
00:24:27 → 00:24:29 เมื่อมาไรก็ตามที่สมดุนร่างกายมันสูญเสีย
00:24:29 → 00:24:32 ไปอ่ะภูมิคุ้มกันตกเชื้อมันบุกลุกเข้ามา
00:24:32 → 00:24:35 เป็นไงครับติดเชื้อไม่สบายเลยตื่นมาทำไม
00:24:35 → 00:24:38 เจ็บคอวันนี้ยพยายามสู้กับมันนึกออกมั้ย
00:24:38 → 00:24:41 เพราะเราเนี่ยอาจจะมีจิ๊กซอชิ้นใดชิ้น
00:24:41 → 00:24:43 หนึ่งพร่องไปหรือ 2 ชิ้นก็ได้วันนี้กิน
00:24:43 → 00:24:46 เค้กเยอะคุ้มกันดกตกเพราะน้ำตาลมันไปแช่
00:24:46 → 00:24:48 อิ่มเเลือดขาวขณะเดียวกันไม่ได้กินเค้ก
00:24:48 → 00:24:53 เยอะเฉยๆนะฉันนอนดึกด้วยเออบเครด้วยฉันก็
00:24:53 → 00:24:55 ดรอปเลยทั้งๆที่ได้รับเชื้อมาเนี่ยปกติ
00:24:56 → 00:25:00 ฉันจะไม่เป็นไรเออใช่แงเอรักษาระบบภูมิ
00:25:00 → 00:25:04 คุ้มกันให้ดีนะเราก็จะมีสุขภาพที่ดีีวี
00:25:04 → 00:25:07 ที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพครับอ่ะปิดท้ายได้
00:25:07 → 00:25:12 สวยมากขอบคุณอาจารย์เอกราชค่ะค่ะสวัสดี
00:25:12 → 00:25:15 ค่ะครับสวัสดีครับเอาแหละหมดเวลาแล้วนะคะ
00:25:15 → 00:25:16 คุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะกับรายการ
00:25:17 → 00:25:19 โรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไป
00:25:19 → 00:25:23 ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Toy pvs
00:25:23 → 00:25:26 podcast โลกนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่เพศ
00:25:26 → 00:25:29 ชายและหญิงตามเพศสภาพเท่านั้นยังมีกลุ่ม
00:25:29 → 00:25:30 อัตลักษณ์ทางเพศอะไรบ้างผู้ช่วย
00:25:31 → 00:25:33 ศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิลกสัมพันธ์ผู้
00:25:33 → 00:25:35 เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัวมา
00:25:35 → 00:25:38 เล่าให้ฟังครับ
00:25:38 → 00:25:41 lgbtq เนี่ยนะคะตัวแรกเลยคือตัว L เนี่ย
00:25:41 → 00:25:44 มาจากคำว่าเลสเบียนพูดง่ายๆคือกลุ่มผู้
00:25:44 → 00:25:47 ที่ผู้หญิงรักผู้หญิงตัวที่ 2 คือตัว G
00:25:47 → 00:25:50 มาจากคำว่าเกก็คือกลุ่มผู้ชายรักผู้ชาย
00:25:50 → 00:25:54 อันที่ 3 B มาจากคำว่า bisexual นะคะพวก
00:25:55 → 00:25:57 นี้คือกลุ่มที่รักได้ทั้งผู้หญิงรักได้
00:25:57 → 00:25:59 ทั้งผู้ชายแหละก็คือเป็นใบคือ 2 รักได้
00:25:59 → 00:26:03 ทั้ง 2 เพศอืแล้วตัว T T คำนี้มาจากคำ
00:26:03 → 00:26:06 ว่า transgender นะคะคือกลุ่มคนที่ข้าม
00:26:06 → 00:26:10 เพศเช่นเกิดมามีอวัยวะเพศเป็นชายแต่มา
00:26:10 → 00:26:13 แปลงเพศเป็นหญิงค่ะกลุ่มที่เกิดมามีอวัยว
00:26:13 → 00:26:15 เพศเป็นหญิงแต่แปลงเพศเป็นชายอันนี้คือ
00:26:15 → 00:26:18 แปลงแล้วนะคะเราจะเรียกว่ากลุ่มทรานส
00:26:18 → 00:26:22 เจนเดอร์อือและกลุ่ม Q Q ตัวนี้มาจากคำ
00:26:22 → 00:26:25 ว่าเวียเป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจต่อเพศ
00:26:25 → 00:26:27 ใดเพศหนึ่งโดยไม่ได้จำกัดเรื่องเพศหรือ
00:26:27 → 00:26:31 ความรักนะคะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างจะเสรี
00:26:31 → 00:26:33 คือพูดง่ายๆไม่ได้อยู่ใน 4 กลุ่มแรกที่
00:26:33 → 00:26:36 ชัดเจนว่าเ้าเป็นอย่างนั้นทีนี้ในทั้งหมด
00:26:36 → 00:26:40 เนี่ยนะคะในทั้ง 5 ตัวเนี่ยมันก็จะมีอีก
00:26:40 → 00:26:42 ศัพท์อีกคำนึงที่เคคนิยามศัพท์เป็นสากล
00:26:42 → 00:26:47 คือคำว่าเพศวิถีหรือ sexual orientation
00:26:47 → 00:26:50 นะคะเพศวิถีนี่แปลว่าอะไรก็แปลว่าความรู้
00:26:50 → 00:26:54 สึกหรือรสนิยมทางเพศรวมไปถึงความพึงพอใจ
00:26:54 → 00:26:57 ทางเพศที่มีต่อบุคคลอื่นด้วยซึ่งมีอยู่
00:26:57 → 00:27:02 ด้วยกัน 4 ลักษณะอืลักษณะที่ 1 ก็คือรัก
00:27:02 → 00:27:07 ต่างเพศหรือเทรกในภาษาอังกฤษนะคะก็คือ
00:27:07 → 00:27:10 กลุ่มคนที่มีรสนิยมชื่นชอบเพศตรงข้ามหรือ
00:27:10 → 00:27:13 บุคคลต่างเพศกับตัวเองกลุ่มที่ 2 เรา
00:27:13 → 00:27:17 เรียกว่ารักเพศเดียวกันหรือโฮโมเซ็กชวลนะ
00:27:17 → 00:27:21 ฮะโฮโมเซ็กชวลนี่ก็คือคนที่มีรสนิยมชื่น
00:27:21 → 00:27:25 ชอบเพศเดียวกันนะคะมี 2 กลุ่มใหญ่ๆที่
00:27:25 → 00:27:27 เป็นเราเรียกว่ากลุ่มหลักนะฮะ 2 กลุ่ม
00:27:27 → 00:27:31 ใหญ่ๆก็คือเลสเบียนกับเกยเอ่อนักจิตวิทยา
00:27:31 → 00:27:34 หรือว่าเอ่อจิตแพทย์หรืออะไรหลายๆคนเนี่ย
00:27:34 → 00:27:37 ก็ออกมายืนยันว่ากลุ่มเนี้ยน่ะค่ะจะให้
00:27:37 → 00:27:39 เขากลับมารักเพศตรงข้ามเี่เป็นเรื่องยาก
00:27:39 → 00:27:44 มากลักษณะที่ 3 ของเพศวิถีก็คือไซกนะฮะ
00:27:44 → 00:27:47 พวกนี้ก็จะเป็นพวกที่มีรสนิยมชื่นชอบทั้ง
00:27:47 → 00:27:50 เพศหญิงและเพศชายนะฮะโดยที่มีอารมณ์
00:27:50 → 00:27:52 เสน่หาได้ทั้งกับคนที่เป็นเพศเดียวกันและ
00:27:52 → 00:27:55 เพศตรงข้ามได้ด้วยกลุ่มที่ 4 กลุ่มนี้ไม่
00:27:55 → 00:27:58 ฝักใฝทางเรื่องเพศนะคะก็คือว่าเป็นผู้ที่
00:27:58 → 00:28:01 ไม่สนใจในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์แต่
00:28:01 → 00:28:04 เพียงรู้สึกสนิทสนมหรือผูกพันกับคนบุคคล
00:28:04 → 00:28:07 ใดบุคคลอื่นแต่ว่าไม่ไม่ได้สนใจในเรื่อง
00:28:07 → 00:28:10 ของการมีเพศสัมพันธ์นักเพราะฉะนั้นรสนิยม
00:28:10 → 00:28:12 ทางเพศเนี่ยเรามักจะปรากฏนะคะตั้งแต่วัย
00:28:13 → 00:28:16 เด็กก็คือช่วงประถมอายุ 8-11 เนี่ยมันจะ
00:28:16 → 00:28:19 เริ่มจะเริ่มแสดงออกและค่ะแล้วก็จะเห็น
00:28:19 → 00:28:24 ได้ชัดมากขึ้นก็คือในช่วงวัยรุ่นตอนต้นนะ
00:28:24 → 00:28:30 คะ This Is Toy PBS podcast
00:28:30 → 00:28:33 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:28:33 → 00:28:36 ของ Thai PBS podcast spotify
00:28:36 → 00:28:38 soundcloud Google podcast Apple
00:28:38 → 00:28:42 podcast และ YouTube Channel Thai PBS
00:28:42 → 00:28:45 podcast tha PBS podcast View the
00:28:45 → 00:28:47 world via The
00:28:47 → 00:28:55 [เพลง]
00:28:55 → 00:28:58 Voice