00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับผมคิดว่าหลายคนนะครับน่าจะเคย
00:00:03 → 00:00:05 ได้ยินเรื่องของอาหารเสริมตัวหนึ่งชื่อ
00:00:05 → 00:00:08 ว่าเซซามินที่มันมีการสกัดมาจากงาดำนั่น
00:00:08 → 00:00:12 แหละครับตัวนี้เนี่ยมีหลายคนให้ความสนใจ
00:00:12 → 00:00:15 เป็นอย่างมากเพราะว่ามันมีสรรพคุณมากมาย
00:00:15 → 00:00:16 หลากหลายแล้วที่สำคัญก็คือมีนัก
00:00:16 → 00:00:19 วิทยาศาสตร์คนไทยคนหนึ่งนะครับที่ทำให้
00:00:19 → 00:00:22 เรื่องนี้เป็นเรื่องโด่งดังเนื่องจากว่าเ
00:00:22 → 00:00:24 ไปค้นพบว่าสารเซซามินเนี่ยมันมีริทธิ์ใน
00:00:24 → 00:00:27 การต้านมะเร็งเรื่องราวมันเป็นยังไงนะ
00:00:27 → 00:00:30 ครับวันนี้เนี่ยผมจะเล่าให้ฟังว่าตัว
00:00:30 → 00:00:33 เซซามินเนี่ยมันดียังไงแล้วมันต้องกินยัง
00:00:33 → 00:00:36 ไงมีอะไรที่เป็นข้อควรระวังบ้างหลักฐาน
00:00:36 → 00:00:39 ทางวิทยาศาสตร์มันมีอะไรมากน้อยแค่ไหน
00:00:39 → 00:00:41 เดี๋ยววันนี้ไปฟังกันนะครับพบกับผมนะครับ
00:00:41 → 00:00:43 นายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:43 → 00:00:45 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:45 → 00:00:49 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับต้องขอ
00:00:49 → 00:00:51 เริ่มก่อนอย่างนี้นะครับว่าเซซามินเนี่ย
00:00:52 → 00:00:54 มันเป็นสารซึ่งสกัดออกมาจากงานะครับงา
00:00:54 → 00:00:57 เนี่ยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า sesamum
00:00:57 → 00:01:00 indicum นะครับในตัวของงาเนี่ยมันก็มี
00:01:00 → 00:01:03 ทั้งงาขาวแล้วก็งาดำทั้ง 2 อย่างนี่นะ
00:01:03 → 00:01:06 ครับงาดำเนี่ยมันจะมีคุณค่าทางโภชนาการ
00:01:06 → 00:01:09 สูงกว่างาขาวนะครับรวมทั้งสารเซซามินก็จะ
00:01:09 → 00:01:12 สูงกว่าด้วยเช่นกันนะครับในตัวงาเนี่ยมัน
00:01:12 → 00:01:14 มีโปรตีนสูงมีไขมันสูงแล้วก็มี
00:01:14 → 00:01:17 คาร์โบไฮเดรตอยู่ในนั้นด้วยนะครับนอก
00:01:17 → 00:01:21 เหนือจากนั้นยังมีสารในกลุ่มินนซึ่งก็คือ
00:01:21 → 00:01:25 สารกลุ่มโพลีฟีนอลของพวกพืชชนิดต่างๆพวก
00:01:25 → 00:01:27 นี้เนี่ยมันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้น
00:01:27 → 00:01:30 ยอดเลยทีเดียวนะครับซึ่งในในงาเนี่ยก็จะ
00:01:30 → 00:01:34 มีเซซามินเป็นหนึ่งในนั้นมีสารเซซกับเซซี
00:01:34 → 00:01:37 เป็นอีก 2 ตัวนะครับนอกเหนือจากนี้ในงา
00:01:37 → 00:01:40 ยังมีวิตามินอีแล้วก็กรดไขมันอย่างอื่น
00:01:40 → 00:01:44 ร่วมด้วยไม่เพียงแค่นั้นครับมันยังมีธาตุ
00:01:44 → 00:01:48 เหล็กมีแคลเซียมมีสังกสีมีทองแดงอยู่ใน
00:01:48 → 00:01:52 นั้นอีกนะครับเราก็จะเห็นได้ว่าการรับ
00:01:52 → 00:01:55 ประทานงาดำเนี่ยหน้าจะทำให้เรามีสุขภาพ
00:01:55 → 00:01:58 ที่ดีเพราะว่ามันมีสิ่งที่มีประโยชน์อยู่
00:01:58 → 00:02:02 ในนั้นมากมายเลยจรินะครับทีนี้เนี่ยผม
00:02:02 → 00:02:07 อยากจะมาเน้นในเรื่องของสารเซซามินว่ามัน
00:02:07 → 00:02:12 ดียังไงนะครับก็เราเนี่ยรู้มานานแล้วนะ
00:02:12 → 00:02:15 ครับว่าสารเซซามินเนี่ยมันมีฤทธิ์ต่างๆ
00:02:15 → 00:02:17 มากมายไม่ว่าจะเป็นการต้านการอักเสบนะ
00:02:17 → 00:02:21 ครับช่วยชะลอการเสื่อมของระบบประสาท
00:02:21 → 00:02:25 สามารถลดไขมันได้นะครับโดยเฉพาะไขมัน ldl
00:02:25 → 00:02:28 ช่วยให้การทำงานของวิตามินอีในร่างกาย
00:02:28 → 00:02:31 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนะครับอาจจะมี
00:02:31 → 00:02:35 ฤทธิ์ในการชะลอมะเร็งนะครับไม่ให้มะเร็ง
00:02:35 → 00:02:39 มันแพร่กระจายอาจจะมีฤทธิ์ในการทำให้เส้น
00:02:39 → 00:02:41 เลือดที่ไปเลี้ยงมะเร็งเนี่ยมันฝ่อลงนะ
00:02:41 → 00:02:45 ครับแก้ไขเรื่องของกระดูกพรุนแก้ไขเรื่อง
00:02:45 → 00:02:49 ของข้อเสื่อมอาจจะมีผลช่วยในเรื่องของโรค
00:02:49 → 00:02:50 ข้ออักเสบ
00:02:50 → 00:02:53 รูมาตอยอาจจะมีผลในแง่ของการช่วยเรื่อง
00:02:53 → 00:02:57 ของอัลไซเมอร์โรคพาร์กินสันและอื่นๆอีก
00:02:57 → 00:03:01 มากมายฟังดูแล้วมันน่าน่าสนใจมาก
00:03:01 → 00:03:06 ครับและที่สำคัญนะครับที่ประเทศไทยเนี่ย
00:03:06 → 00:03:09 มีศาสตราจารย์ดรปรัชญานะครับจาก
00:03:09 → 00:03:12 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับที่เา
00:03:12 → 00:03:15 อ่าได้ทำการทดลองเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
00:03:16 → 00:03:20 นะฮะและมีการทดลองอันนึ่งซึ่งทำให้โด่ง
00:03:20 → 00:03:24 ดังไปทั่วประเทศแล้วก็คิดว่าระดับโลกเลย
00:03:24 → 00:03:28 นั่นก็คือดรปรัชญาเนี่ยเาเอาสารเซซามิน
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยสกัดออกมาแล้วก็ไปทดสอบกับมะเร็ง
00:03:31 → 00:03:34 เต้านมปรากฏว่ามันสามารถที่จะต่อต้าน
00:03:34 → 00:03:38 มะเร็งเต้านมได้นะครับอย่างไรก็ตามดร
00:03:38 → 00:03:40 ปรัชญาเนี่ยพูดไว้ในคลิปที่เขาให้
00:03:40 → 00:03:45 สัมภาษณ์หลายๆที่ว่าสารเซซามินนั้นเป็น
00:03:45 → 00:03:48 เพียงแค่สารที่เอาไว้ช่วยรักษาเสริมไม่
00:03:48 → 00:03:51 ใช่การรักษาหลักมันไม่สามารถมาทดแทนการ
00:03:51 → 00:03:55 รักษาด้วยยาเคมีบำบัดการผ่าตัดการฉายแสง
00:03:55 → 00:03:58 ได้แต่อย่างใดแล้วก็ไม่ได้พูดด้วยนะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ว่ามันสามารถเอาไว้ปป้องกันอะไรได้ทีนี้
00:04:01 → 00:04:04 เนี่ยแน่นอนเวลาที่เราดูเรื่องพวกนี้นะ
00:04:04 → 00:04:08 ครับผมก็ต้องขออ้างอิงงานวิจัยต่างๆซึ่ง
00:04:08 → 00:04:10 งานวิจัยในวันนี้ที่ผมจะมาเอาเอามาอ่าน
00:04:10 → 00:04:14 ให้ทุกคนฟังนะครับก็เป็นงานวิจัยของดร
00:04:14 → 00:04:18 ปรัชญาทั้งหมดเลยเดี๋ยวผมจะขึ้นให้ดูแล้ว
00:04:18 → 00:04:21 ก็จะบอกเลยนะครับว่างานวิจัยแต่ละเรื่อง
00:04:21 → 00:04:26 นั้นเคทำในอะไรกันแน่เพราะว่าส่วนเนี้ยจะ
00:04:26 → 00:04:29 มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าการท
00:04:29 → 00:04:33 ทดลองในคนการทดลองในสัตว์การทดลองในเซลล์
00:04:33 → 00:04:36 การทดลองในหลอดทดลองหรือวิธีอื่นๆมันเอา
00:04:36 → 00:04:40 มาทดแทนกันไม่ได้ถ้าเราทดแทนกันแบบเนี้ย
00:04:41 → 00:04:44 มันก็อาจจะทำให้เราสรุปผิดได้เช่นสมมุติ
00:04:44 → 00:04:47 ว่าเราทดลองอะไรักอย่างในเซลล์แล้วเราบอก
00:04:47 → 00:04:50 ว่ามันได้ผลจะบอกว่าสิ่งๆนั้นเนี่ยเอามา
00:04:50 → 00:04:53 ใช้ในคนแล้วมันจะได้ผลแบบในหลอดทดลองมัน
00:04:53 → 00:04:57 ไม่ถูกต้องครับผมยกตัวอย่างง่ายๆเลยถ้าผม
00:04:57 → 00:05:00 มีเซลล์มะเร็งอยู่ก้อนนึงนะครับเอามาวาง
00:05:00 → 00:05:04 ไว้ข้างนอกอย่างเงี้ยแล้วผมเอาพวกไฟไปเผา
00:05:04 → 00:05:08 มันอย่างเงี้ยนะครับคุณว่าเซลล์ตายมั้ย
00:05:08 → 00:05:11 ตายแต่คุณว่าเอาไฟไปเผา
00:05:11 → 00:05:15 คนคนก็ตายไปด้วยครับมะเร็งก็ตายตายพร้อม
00:05:15 → 00:05:17 คนนั่นแหละครับหรือจะเอาให้มันใกล้เคียง
00:05:17 → 00:05:23 ขึ้นมาหน่อยสมมุติว่าผมเอาตัวเอ่อตัวยา
00:05:23 → 00:05:26 พิษตัวหนึไซยาไนอะไรก็ได้นะครับไซนาย
00:05:26 → 00:05:28 เนี่ยเอาไปหยอดใส่เซลล์มะเร็งที่วางไว้
00:05:28 → 00:05:31 ข้างนอกคุณคิดว่าเซลลมรงเลงตายมั้ยครับ
00:05:32 → 00:05:36 ตายแล้วคุณกินซานเข้าไปได้มั้ยครับไม่ได้
00:05:36 → 00:05:42 นะฮะไม่ได้ดังนั้นเนี่ยการที่เราเห็นสิ่ง
00:05:42 → 00:05:45 ที่เราเอามาทดลองข้างนอกสิ่งมีชีวิตหรือ
00:05:45 → 00:05:48 นอกตัวบุคคลเนี่ยแล้วเราจะบอกว่ามันใช้
00:05:48 → 00:05:53 ได้จังงั้นจริงๆในตัวคนมันไม่ถูกต้องหรือ
00:05:53 → 00:05:56 แม้กระทั่งทดลองในสัตว์ก็ตามเช่นสมมุติ
00:05:56 → 00:05:58 ว่าเราทดลองสักอย่างในสัตว์นะฮะแล้วเรา
00:05:58 → 00:06:01 บอกว่าหุยสัตว์มันดีมะเร็งมันหายนะเรามา
00:06:01 → 00:06:03 ใช้ในคนก็ใช้ไม่ได้ครับจะเปรียบเทียบให้
00:06:03 → 00:06:06 เห็นภาพอย่างหนึ่งตอนนี้เนี่ยมีหลายคนนะ
00:06:06 → 00:06:09 ครับก็กังวลเรื่องของวัคซีนเป็นอย่างมาก
00:06:09 → 00:06:12 ถูกมั้ยครับแล้วก็ต่างคนก็ต่างพูดว่าเฮ้ย
00:06:12 → 00:06:14 ฉันเป็นหนูทดลองหรือ
00:06:14 → 00:06:17 เปล่าอ่าฉันเป็นหนูทดลองหรือเปล่าฟังคำ
00:06:17 → 00:06:22 นี้ดีๆนะครับสมมุติว่าวัคซีนเนี่ยที่ออก
00:06:22 → 00:06:25 มามันมีการทดลองในหลอดทดลองมีการทดลองใน
00:06:25 → 00:06:29 หนูแล้วแต่ยังไม่มีการทดลองในคนคุณจะกล้า
00:06:29 → 00:06:32 รับว่าวัคซีนตัวนั้นมั้ยคุณก็รู้สึกว่า
00:06:32 → 00:06:34 เฮ้ยไม่ได้ไม่ได้ฉันไม่อยากเป็นหนูทดลอง
00:06:34 → 00:06:36 ไปทดลองกับใครก่อนให้เรียบร้อยทดลองให้
00:06:36 → 00:06:38 มันปลอดภัยแน่ๆแล้วฉันค่อยเอามาใช้แต่
00:06:39 → 00:06:41 ทำไมพอเป็นอาหารเสริมปุ๊บเนี่ยทดลองในลอ
00:06:41 → 00:06:44 ทดลองทดลองในหนูโอ้มันได้ผลฉันต้องเอามา
00:06:44 → 00:06:47 ใช้ไม่ถูกต้องเพื่อไม่เป็นการเสียเวลานะ
00:06:47 → 00:06:50 ครับเราไปดูงานวิจัยเกี่ยวข้องกับเซซามิน
00:06:50 → 00:06:54 ของดรปรัชญาทั้งหมดเลยดีกว่าผมค้นมาให้
00:06:54 → 00:06:57 แล้วครับแล้วผมก็เปิดไว้ด้วยนะะอันนี้ผม
00:06:57 → 00:07:00 ค้นจากเว็บไซต์ชื่อับเมนะครับซึ่งเป็น
00:07:00 → 00:07:03 เว็บไซต์งานวิจัยที่เป็นมาตรฐานของโลกนะ
00:07:03 → 00:07:05 ครับทุกคนสามารถเข้าได้หมดไม่จำเป็นจะ
00:07:05 → 00:07:08 ต้องมีพาสเวิร์ดหรือจ่ายตังค์ไปอย่างใดนะ
00:07:08 → 00:07:12 ครับผมก็ค้นหานี่เลยครับดรปรัชญานะครับคง
00:07:12 → 00:07:16 ทวีเลิศนะครับแล้วก็ชื่อศารเซมินปรากฏว่า
00:07:16 → 00:07:21 มีงานวิจัยที่ดรปรัชญาทำไว้ทั้งหมด 16
00:07:21 → 00:07:24 เรื่องนะครับอ่ะเราไปกันทีละเรื่องเลยวัน
00:07:24 → 00:07:26 นี้ผมยังไม่เอาเข้าไปอ่านข้างในนะครับแต่
00:07:26 → 00:07:28 จริงๆผมกดเข้าไปอ่านทุกอันเรียบร้อยแล้ว
00:07:28 → 00:07:32 นะฮะถ้าคนไหนไหนมีเวลาสามารถเสิรชแบบนี้
00:07:32 → 00:07:34 แล้วก็เข้าไปอ่านทีละอันเหมือนผมได้นะ
00:07:34 → 00:07:36 ครับเวลากดเข้าไปอ่านเนี่ยมันจะเปลี่ยน
00:07:36 → 00:07:40 จากสีเอ่อตัวตัวนำอ่ะมันจะจากสีน้ำเงิน
00:07:40 → 00:07:43 กลายไปเป็นสีม่วงนะครับอ่ะอันแรกนะครับ
00:07:43 → 00:07:46 งานวิจัยแรกชื่อว่า Control protective
00:07:47 → 00:07:48 and anti-inflammatory effects of
00:07:49 → 00:07:52 sesamin อันนี้เป็นการทดลองในกระดูกอ่อน
00:07:52 → 00:07:56 ของหมูครับทดลองในเซลล์กระดูกอ่อนหมูไม่
00:07:56 → 00:07:59 ได้ทดลองในคนครับไม่ได้ทดลองแม้แต่ในหมู
00:07:59 → 00:08:02 นะเอากระดูกอ่อนกมามาทดลองอ่าอันที่ 2
00:08:02 → 00:08:05 เราอยากดูซิว่าตกลงแล้วเนี่ยทั้งหมดเนี่ย
00:08:05 → 00:08:08 มีการทดลองในคนมั้ยนะครับมีทดลองในคนมั้ย
00:08:08 → 00:08:11 เพราะถ้ามีทดลองในคนหลายๆคนอันเนี้ยแล้ว
00:08:11 → 00:08:14 ถ้าได้ผลยังไงมันน่าเชื่อถือครับถ้าทดลอง
00:08:14 → 00:08:17 ในคนนะแต่เราไปลองดูเป็นทีละอันว่ามันมีง
00:08:17 → 00:08:20 ไหนบ้างอันที่ 2 นะครับ inhibitory
00:08:20 → 00:08:21 effects of sesamin on Human
00:08:21 → 00:08:25 osteoclast genesis อันนี้ทดสอบในเซลล์
00:08:25 → 00:08:28 กระดูกของคนชื่อว่าออสเตคาสเซลล์ครับไม่
00:08:28 → 00:08:31 ได้ทดลองหลายคนครับเอาเซลล์ออกมาแล้วไปทด
00:08:31 → 00:08:35 ลองนะครับอ่าอันแรกเนี่ยที่บอก contr
00:08:35 → 00:08:38 protective ก็คือเค้าทดลองกับเซลล์
00:08:38 → 00:08:40 กระดูกอ่อนแล้วพบว่ามันสามารถต้านการ
00:08:40 → 00:08:43 อักเสบของกระดูกอ่อนได้ดังนั้นถ้ามันต้าน
00:08:43 → 00:08:46 การอักเสบของกระดูกอ่อนได้น่าจะมีผลดีใน
00:08:46 → 00:08:50 แง่ของการรักษาโรคกระดูกเสื่อมน่าข้อ
00:08:50 → 00:08:53 เสื่อมต่างๆเข่าเสื่อมต่างๆน่าจะนะครับ
00:08:53 → 00:08:56 แต่ยังไม่มีการทดลองครับอันที่ 2 ที่บอก
00:08:56 → 00:09:00 ว่ามันยับยั้งการทำงานของเซลล์กระดูกตัว
00:09:00 → 00:09:03 นึงชื่อว่าออสเตสในมนุษย์ได้ถ้ามันยับ
00:09:03 → 00:09:06 ยั้งได้จริงๆนะครับในมนุษย์นะอันนี้คือทด
00:09:06 → 00:09:08 ลองในเซลล์ยังไม่ได้ทดลองในคนนะครับถ้าทด
00:09:08 → 00:09:11 ลองในคนแล้วมันได้ผลแบบนี้จริงๆมันน่าจะ
00:09:11 → 00:09:14 มีประโยชน์ในแง่ของการรักษาโรคกระดูก
00:09:14 → 00:09:16 พรุ่นครับ
00:09:16 → 00:09:22 อ่าไปต่อกันนะฮะอันที่ 3 นะครับ sesamin
00:09:22 → 00:09:26 attenuates vfa induce angiogenesis
00:09:26 → 00:09:28 via inhibition of sark and F
00:09:28 → 00:09:32 signal in chio allantoic membrane
00:09:32 → 00:09:35 Model and Human endothelial eah hy
00:09:35 → 00:09:40 926 cells อันเนี้ยมันเป็นการทดลองดู
00:09:41 → 00:09:44 สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะว่าเขาใช้
00:09:44 → 00:09:48 ไข่ไก่ครับแล้วมาดูเส้นเลือดนะครับคือแนว
00:09:48 → 00:09:51 คิดคือปกติเนี่ยมะเร็งเนี่ยมันสามารถ
00:09:51 → 00:09:53 สร้างสารตัวหนึ่งชื่อ vascular enderal
00:09:53 → 00:09:56 Grow Factor หรือ VG vegf เพื่อทำให้
00:09:57 → 00:09:59 มีเส้นเลือดเนี่ยมาถึงตัวมันได้มันจะได้
00:09:59 → 00:10:02 เติบโตนะครับถ้าเราสามารถไปต้านไอ้เส้น
00:10:02 → 00:10:06 เลือดพวกนี้ได้มันก็จะทำให้มะเร็งขาด
00:10:06 → 00:10:09 เลือดถูกไหมมครับสารเซซามินเนี่ยเอาไปทด
00:10:09 → 00:10:12 ลองกับไอ้หลอดเลือดพวกเนี้ยปรากฏว่าหลอด
00:10:12 → 00:10:14 เลือดมันฝ่อไปครับทดลองในไข่ไก่ครับไม่
00:10:14 → 00:10:19 ใช่ทดลองในคนถามว่าคนเนี่ยมียาอะไรมที่
00:10:19 → 00:10:22 ใช้ในการต่อต้านเส้นเลือดแบบเนี้ในมะเร็ง
00:10:22 → 00:10:27 มีครับยาตัวเมีชื่อว่า basis Map นะครับ
00:10:27 → 00:10:30 ตัวนี้มีจริงๆได้ใช้ในคนจริงๆจริงแต่ว่า
00:10:30 → 00:10:31 ข้อเสียของมันนะครับ
00:10:32 → 00:10:35 คือมันอาจจะทำให้เกิดเลือดออกรุนแรงได้
00:10:35 → 00:10:38 ดังนั้นต้องมีการระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
00:10:38 → 00:10:40 นี่เป็นการทดลองในไข่ไก่นะครับยังไม่ได้
00:10:40 → 00:10:43 ทดลองในสัตว์แลก็ในคนเลยอ่า 3 งานแล้วนะ
00:10:43 → 00:10:46 ครับไม่มีทดลองในคนไปต่อกันที่งานที่ 4
00:10:46 → 00:10:48 ครับ effects of sesamin on chondroid
00:10:49 → 00:10:51 in sulfate plural glycan synthesis
00:10:51 → 00:10:53 induced by interleukin One Better
00:10:53 → 00:10:54 In Human
00:10:54 → 00:10:58 chid ทดลองในกระดูกอ่อนของคนครับเมื่อ
00:10:58 → 00:11:01 กี้งานแรกทดลองในกระดูกอ่อนของหมูอันนี้
00:11:01 → 00:11:04 ทดลองในกระดูกอ่อนของคนแต่ก็ไม่ได้ทดลอง
00:11:04 → 00:11:07 ในคนครับเอาเซลล์มาตรวจอ่านะครับอันที่ 5
00:11:07 → 00:11:09 นะ sesamin protects against
00:11:09 → 00:11:11 neurotoxicity via inhibition of
00:11:11 → 00:11:13 microg activation Under High
00:11:13 → 00:11:14 glucose circumstances through
00:11:14 → 00:11:17 modulating p38 and jnk signaling
00:11:17 → 00:11:22 pathways อันนี้ทดสอบในเซลล์ตัวนึงชื่อ
00:11:22 → 00:11:26 ว่าไครเกลียวของหนูครับไม่ใช่ของคนของหนู
00:11:26 → 00:11:29 แล้วทดสอบข้างนอกนะครับไอ้ไมโครเกลียว
00:11:29 → 00:11:31 เนี่ยมันเป็นเซลล์ที่อ่าเกี่ยวข้องกับ
00:11:31 → 00:11:34 ภูมิต้านทานภูมิคุ้มกันที่อยู่ในระบบ
00:11:34 → 00:11:36 ประสาทส่วนกลางก็พวกสมองพวกไขสหลังนี่
00:11:36 → 00:11:41 แหละครับแล้วเพบว่าการใช้เซซามินเนี่ยมัน
00:11:41 → 00:11:46 ทำให้ระบบพวกเนี้ยมันดีเค้าก็เลยคิดว่า
00:11:46 → 00:11:48 มันอาจจะช่วยในแง่ของการป้องกัน
00:11:48 → 00:11:51 อัลไซเมอร์ป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆของ
00:11:51 → 00:11:55 ระบบประสาทครับคิดว่าอาจจะแต่ยังไม่มีการ
00:11:55 → 00:11:58 พิสูจน์ครับในคนอันนี้เป็นการทดลองในหล่อ
00:11:58 → 00:12:01 ทดลองด้วยการเอาเซลล์เซลล์หนูด้วยไม่ใช่
00:12:01 → 00:12:04 เซลล์คนอ่านี้ 5 งานแล้วนะครับยังไม่มี
00:12:04 → 00:12:07 อะไรที่ทดลองในสัตว์เลยมีแต่ทดลองในหลอด
00:12:07 → 00:12:10 ทดลองครับงานที่ 6 sesamin stimulate
00:12:10 → 00:12:11 osto blast differentiation through
00:12:11 → 00:12:14 p38 and erk
00:12:14 → 00:12:17 1/2 MK signal pathways อันนี้เป็น
00:12:17 → 00:12:21 การทดลองในเซลล์ของคนครับคนเนี่ยเขาเอา 2
00:12:21 → 00:12:24 เซลล์เซลล์ตัวแรกเนี่ยคือเซลล์กระดูกชนิด
00:12:24 → 00:12:27 หนึ่งชื่อว่าอสสนะครับเซลล์อสอสเนี่ยมัน
00:12:27 → 00:12:30 มีหน้าที่สร้างกระดูกนะครับส่วนเซลล์ออสอ
00:12:30 → 00:12:33 คลาสเมื่อกี้มีหน้าที่สลายกระดูกกระดูก
00:12:33 → 00:12:35 ของเราต้องมีความสมดุลระหว่างการสร้างและ
00:12:35 → 00:12:37 การสลายนะครับถ้าสร้างมากกว่าเออก็ดี
00:12:37 → 00:12:40 กระดูกหนานะครับแต่หนาเกินไปก็มีปัญหาถ้า
00:12:41 → 00:12:43 ทำลายมากกว่ามากๆกระดูกมันก็พรุ่นนะครับ
00:12:43 → 00:12:48 เค้าก็ทดสอบนี้ปรากฏว่าไอ้เซลล์ไอ้เซลล์
00:12:48 → 00:12:51 ออสเตสเนี่ยเวลาได้เสินไปมันมันแบ่งตัวดี
00:12:51 → 00:12:55 มันทำหน้าที่ดีก็เลยคิดว่าน่าจะช่วยทำให้
00:12:55 → 00:12:59 เราเอาไปรักษากระดูกพรุ่นได้น่าจะนะนะ
00:12:59 → 00:13:01 ครับแต่ทดลองในหลอกทดลองไม่ได้ทดลองในคน
00:13:01 → 00:13:04 นะครับข้อที่ 7 อันเนี้ยผมจะไม่เสียเวลา
00:13:04 → 00:13:07 อ่านให้แล้วนะฮะเอ่ออันที่ 7 ก็เป็นการทด
00:13:08 → 00:13:11 สอบในเซลล์ไมโครเกลียวที่เมื่อกี้ผมบอก
00:13:11 → 00:13:14 เหมือนกันเอาของหนูมาทำนะครับของหนูเออ
00:13:14 → 00:13:16 แต่อันที่ 8 นี่น่าอ่านเหมือนกันอันที่ 8
00:13:16 → 00:13:18 นี่ inhibition of Program Cell Death
00:13:18 → 00:13:20 like and one expression in breast
00:13:20 → 00:13:22 cancer cells by sesamin อันนี้แหละ
00:13:22 → 00:13:25 ที่เป็นตัวทำให้อาจารย์ปรัชญาเนี่ยโด่ง
00:13:25 → 00:13:29 ดังไปทั่วโลกนะครับเพราะว่าแกเอาเซลล์
00:13:29 → 00:13:32 มะเร็งเต้านมมาแล้วก็ทดลองกับเซซามินคือ
00:13:32 → 00:13:36 ใส่สารเซซามินเข้าไปปรากฏว่ามันสามารถต่อ
00:13:37 → 00:13:40 ต้านสิ่งๆนึงชื่อว่าโปรแกรม Cell Death
00:13:40 → 00:13:45 lian 1 ได้ซึ่งต้องขอบอกอย่างนี้ครับ
00:13:45 → 00:13:47 มะเร็งเต้านมไม่ใช่มะเร็งเต้านมอะไรก็ได้
00:13:47 → 00:13:51 ครับมันต้องเป็นมะเร็งเต้านมที่มีการแพร่
00:13:51 → 00:13:54 กระจายและเป็น Triple Negative breast
00:13:54 → 00:13:58 cancer หมายความว่ามันไม่มี 3 อย่าง 1
00:13:58 → 00:14:01 เอจ receptor progesterone receptor
00:14:01 → 00:14:04 และ her Tool นะครับ 3 อย่างเนี้ยมัน
00:14:04 → 00:14:07 เป็นสิ่งที่เราตรวจเวลาที่เราเป็นมะเร็ง
00:14:07 → 00:14:10 เต้านมนะครับปรากฏว่ามันจะมีมะเร็งเต้านม
00:14:10 → 00:14:12 บางอย่างไม่มีทั้ง 3 อย่างนี้พอไม่มีทั้ง
00:14:12 → 00:14:15 3 อย่างนี้เนี่ยมันจะใช้ยาที่ไปมุ่งเป้า
00:14:15 → 00:14:18 ไอ้ 3 อย่างนี้ไม่ได้นะครับดังนั้นก็เลย
00:14:18 → 00:14:21 เป็นปัญหาโลคแตกที่ว่าเราจะรักษา Triple
00:14:21 → 00:14:24 Negative breast cancer ได้อย่างไร
00:14:24 → 00:14:26 แล้วอาจารย์แกก็เห็นช่องโหวตรงนี้ว่าเฮ้ย
00:14:26 → 00:14:29 เออเราต้องมาอุดช่องโหวด้วยกันการทดลอง
00:14:29 → 00:14:32 อะไรสักอย่างแล้วสารเซซามินเนี่ยปรากฏว่า
00:14:32 → 00:14:35 มันไปต้านตรงนี้ได้อย่างไรก็ตามนี่คือการ
00:14:35 → 00:14:39 ทดลองในหลอดทดลองครับไม่ได้ทดลองในคนแต่
00:14:39 → 00:14:42 ผมว่ามันก็เป็น 91 เลยแหละที่ทำให้เรา
00:14:42 → 00:14:45 เนี่ยเข้าใกล้สิ่งที่เราอาจจะเอามาใช้ใน
00:14:45 → 00:14:48 การรักษาโรคได้นะครับแต่สรุปว่ามันรักษา
00:14:48 → 00:14:51 มะเร็งเต้านมไม่ได้ครับนะและอีกอย่างนึง
00:14:51 → 00:14:53 ต้องบอกอย่างนี้สำหรับคนที่เข้าใจเรื่อง
00:14:53 → 00:14:58 ลึกๆมะเร็งเต้านมต้องเป็นชนิด Triple
00:14:58 → 00:15:01 Negative เท่านั้นหรือส่วนใหญ่ก็ต้อง
00:15:01 → 00:15:04 เป็นแบบนี้ที่มันจะมีโปรแกรม Cell Death
00:15:04 → 00:15:08 lian 1 ถ้าเป็นมะเร็งเต้านมชนิดอื่นอาจ
00:15:08 → 00:15:11 จะไม่มีครับแล้วก็มักจะไม่มีด้วยนี่ฮะแล
00:15:11 → 00:15:14 ถ้าไม่มีแปลว่าเซซินมันอาจจะไม่ได้ผลกับ
00:15:14 → 00:15:16 ของพวกนั้นครับเพราะว่ามันไม่ได้ทดลองกับ
00:15:16 → 00:15:18 มะเร็งเต้านมชนิดอื่นแต่มันทดลองกับ
00:15:18 → 00:15:22 มะเร็งเต้านมชนิดนี้เท่านั้นน่านะฮะอ่ะไป
00:15:22 → 00:15:25 ต่อกันอันที่ 9 นะครับงานที่ 9 จาก 16
00:15:25 → 00:15:29 งานนะครับอันงานที่ 9 นี่ sess promot
00:15:29 → 00:15:31 ne Out Growth Under insufficient
00:15:31 → 00:15:32 nerve Growth Factor conditions in
00:15:32 → 00:15:36 pc1 Cell through erk 1/2 pathway
00:15:36 → 00:15:39 and CT One modulation อันเนี้ย
00:15:39 → 00:15:44 เป็นการทดลองในเซลล์มะเร็งของหนูมะเร็ง
00:15:44 → 00:15:49 ชื่อว่าโมไซเซลล์มะเร็งมะเร็งหนูไม่
00:15:49 → 00:15:52 เกี่ยวอะไรกับคนครับนะทดลองในมะเร็งหนูนะ
00:15:52 → 00:15:56 ครับอ่าแล้วก็ทดลองในหลอดทดลองด้วยอันที่
00:15:56 → 00:15:58 10 sesamin induce Human leukemic
00:15:58 → 00:16:01 Cell proptosis via mondal and
00:16:01 → 00:16:03 endoplasmic reticulum stress pathway
00:16:03 → 00:16:05 ทดลองในเซลล์ลิวคีเมียของคนเพราะว่ามัน
00:16:05 → 00:16:09 สามารถต้านลิวคีเมียในคนได้แต่ทดลองใน
00:16:09 → 00:16:11 หลอดทดลองอีกแล้วครับยังไม่เจออะไรที่ทด
00:16:11 → 00:16:14 ลองแม้กระทั่งในสัตว์เลยนะคลิปนี้จะนาน
00:16:14 → 00:16:15 หน่อยนะครับเพะผมจะเล่าทุกอย่างแล้วก็ที่
00:16:15 → 00:16:19 สำคัญมากๆคือตอนสุดท้ายของคลิปผมจะบอกว่า
00:16:19 → 00:16:21 จะต้องกินไอ้งาดำพวกนี้ยังไงเลือกยังไงนะ
00:16:21 → 00:16:26 ครับถ้าจะกินนะอ่าอันนี้เราไปเร็วๆอ่างาน
00:16:26 → 00:16:31 ที่ 11 12 10 11 กับ 12 อันเนี้ย
00:16:31 → 00:16:35 ก็ทดลองในหลอทดลองเหมือนกันอันที่ 13 ก็
00:16:35 → 00:16:38 ทดลองในหลอทดลองเช่นกันนะครับแต่งานที่ 13
00:16:38 → 00:16:41 เนี่ยมันมีความเจ๋งอย่างนึงตรงที่ว่าเรา
00:16:41 → 00:16:46 ไปเจอว่าไอ้ตัวสารเซซินเนี่ยอาจจะมีฤทธิ์
00:16:46 → 00:16:48 ในการเสริมฤทธิ์กับสารตัวอื่นในการต้าน
00:16:48 → 00:16:51 โควิดครับอาจจะนะยังไม่มีการทดลองในคน
00:16:52 → 00:16:54 ครับงานที่
00:16:54 → 00:16:59 14 และ 15 เอาอีกแล้วก็ทดลองในเซลล์ครับ
00:16:59 → 00:17:02 มีงานสุดท้ายนั่นแหละงานที่ 16 ที่ออกมา
00:17:02 → 00:17:05 ปี 2021 นะครับคือ Sesame Extract
00:17:05 → 00:17:08 promot kimo preventive effect of
00:17:08 → 00:17:11 hesperidin on Early Phase of dith
00:17:11 → 00:17:28 nitrosamine initiated hepatocarcinoma
00:17:28 → 00:17:31 เท่านั้นเองดังนั้นแปลว่า
00:17:31 → 00:17:35 อะไรแปลว่าจากงานวิจัยทั้งหมดเนี่ยที่เรา
00:17:35 → 00:17:38 บอกว่าสารเซซามินเนี่ยมันช่วยต้านอนุมูล
00:17:39 → 00:17:41 อิสระมันสามารถจะแก้ไขเรื่องของ
00:17:41 → 00:17:44 อัลไซเมอร์เรื่องของพาร์กินสันเรื่องของ
00:17:44 → 00:17:48 โรคเสื่อมทางอ่าระบบประสาทช่วยเรื่องของ
00:17:48 → 00:17:50 กระดูกที่มันเสื่อมไม่ให้มันเสื่อมมากไป
00:17:50 → 00:17:52 กว่านี้ช่วยเรื่องกระดูกพรุนช่วยเรื่อง
00:17:52 → 00:17:54 มะเร็งชนิดต่าง
00:17:54 → 00:17:58 ๆไม่มีหลักฐานขนาดนั้นครับเพราะว่ามันไม่
00:17:58 → 00:18:01 ได้ได้ทดลองในคนครับในายสัตว์ก็ยังแทบไม่
00:18:01 → 00:18:05 ได้ทดลองเลยมีแค่งานเดียวทงาที่ทดลองและ
00:18:05 → 00:18:08 บางคนก็อาจจะบอกว่าอ้าวแล้วผมไม่ไปอ่าน
00:18:08 → 00:18:11 งานวิจารของคนอื่นเหรอผมอ่านแล้วครับแล้ว
00:18:11 → 00:18:14 ก็ได้ความแบบเดียวกันนี่แหละทดลองในคน
00:18:14 → 00:18:18 เพื่อที่จะดูแบบเนี้ยไม่มีไม่มีเลยนะมี
00:18:18 → 00:18:20 แต่ทดลองในคนเพื่อที่จะดูว่ามันมีผลข้าง
00:18:20 → 00:18:22 เคียงอะไรมยซึ่งผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนะ
00:18:22 → 00:18:26 ครับมีการทดลองเยอะแยะไปหมดนะฮะทุกอย่าง
00:18:26 → 00:18:29 เนี่ยเป็นการทดลองแค่ในเซลล์ในหลอดทดลอง
00:18:29 → 00:18:31 บางอันมีการทดลองในสัตว์แต่ก็ไม่เยอะเท่า
00:18:31 → 00:18:35 ไหร่แต่ยังไม่มีการทดลองใหญ่ๆในคนดังนั้น
00:18:35 → 00:18:37 ใครที่บอกว่าโอผลของเซซามิมันดีอย่างนั้น
00:18:37 → 00:18:40 อย่างนี้ผมออกมาต่อต้านอะไรพวกเนี้ยเพื่อ
00:18:40 → 00:18:42 ว่าผมจะได้ขายยาอย่างอื่นใช่มยเป็นหมอ
00:18:42 → 00:18:45 ตะวันตกหมออเมริกาใช่มยก็ไม่ใช่ครับแต่
00:18:45 → 00:18:47 มันไม่มีข้อมูลเพียงพอให้ผมออกมาแล้วก็
00:18:47 → 00:18:50 พูดอย่างมั่นใจว่าศาเซมินมันทำแบบนั้นได้
00:18:50 → 00:18:51 จริงๆ
00:18:51 → 00:18:55 อ่ะในเมื่อเราไม่เราไม่มีหลักฐานว่ามัน
00:18:55 → 00:18:57 เป็นจริงอย่างงั้นน่ะแต่มันอาจจะโอเคเรา
00:18:57 → 00:19:01 ก็มีความหวังละทีนี้คำถามต่อมาถ้าเราจะ
00:19:01 → 00:19:05 กินน่ะมันมีผลข้างเคียงอะไรป่ะเออก็ต้อง
00:19:05 → 00:19:08 บอกอย่างนี้ครับว่าสารเซซามินเนี่ยมันไม่
00:19:08 → 00:19:10 ค่อยมีผลข้างเคียงอะไรครับเป็นสิ่งที่โชค
00:19:10 → 00:19:14 ดีมากนะเป็นอะไรที่โชคดีมากคุณกินเข้าไป
00:19:14 → 00:19:17 เยอะๆเนี่ยก็มักจะไม่ค่อยเกิดอะไรขึ้นแต่
00:19:17 → 00:19:19 สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นได้นะครับบางคนเนี่ย
00:19:19 → 00:19:23 ท้องอืดท้องอืดแน่นท้องท้องเสียได้บางคน
00:19:23 → 00:19:26 มีปวดหัวได้ส่วนคนที่แพ้งาอ่ะแน่นอนอัน
00:19:26 → 00:19:29 นี้กินไม่ได้แพ้แพ้ถั่วอะไรอย่าเงี้ยถ้า
00:19:29 → 00:19:32 แพ้ถั่วกินถั่วมันก็แย่ได้แพ้งากินงาก็
00:19:32 → 00:19:35 แย่ได้นะครับซึ่งโอกาสจะแพ้งาเนี่ยมันเจอ
00:19:35 → 00:19:37 ได้น้อยมากนะครับแต่มันก็มีคนที่แพ้
00:19:37 → 00:19:40 เหมือนกันอ่าแน่นอนคนที่แพ้ก็กินไม่ได้
00:19:40 → 00:19:44 แต่ผมตลกตรงนี้อันนี้ผมไม่สามารถเอาขึ้น
00:19:44 → 00:19:47 เอาขึ้นโชว์ได้นะผมตลกตรงนี้มันมี
00:19:47 → 00:19:50 เว็บไซต์อันนึงขายเซซามินนี่แหละเป็น
00:19:50 → 00:19:53 อาหารเสริมแล้วบอกว่าบางคนกินแล้วจะเกิด
00:19:53 → 00:19:57 อาการกระทุ้งพิษอ่าอาการกระทุ้งพิษแล้ว
00:19:57 → 00:19:59 เค้าก็บอกว่าเนี่ยอาการที่อาจจะเกิดขึ้น
00:19:59 → 00:20:02 ได้เช่นอ่อนเพลียง่วงนอนท้องผูกท้องเสีย
00:20:02 → 00:20:05 บวมเหงื่อออกเจ็บตามข้อปวดตามบั้นเอวเจ็บ
00:20:06 → 00:20:08 คอคอแห้งเห่อมีลมพิษและคันคันบริเวณตาคัน
00:20:09 → 00:20:12 จมูกมีไข้ปัสสาวะขาดมึนปวดศีรษะปิสามาก
00:20:12 → 00:20:13 อาเจียนมีแก๊สในกระเพาะอาหารอุจจาระมี
00:20:13 → 00:20:15 เลือดเบื่ออาหารโอ้โหมหาศาลมาก
00:20:15 → 00:20:21 มายอาการกระทุ้งพิษเนี่ยไม่มีจริงครับไม่
00:20:21 → 00:20:23 มีจริงไม่เกี่ยวอะไรกับสารเซซามินเลยผมก็
00:20:23 → 00:20:26 ไม่รู้ว่าเขาเอาข้อมูลนี้มาจากตรงไหนผม
00:20:26 → 00:20:29 พยายามจะหาและว่าใช้เซซามินแล้วมันจะมี
00:20:29 → 00:20:31 ปัญหาไอ้พวกเนี้ย
00:20:31 → 00:20:34 มยไม่มีงานวิจัยตัวไหนบอกว่ามันมีเช่นนี้
00:20:34 → 00:20:36 ครับผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเว็บไซต์เเค้า
00:20:36 → 00:20:39 ไปเอาพวกนี้มาจากไหนแล้วไปบอกได้ยังไงว่า
00:20:39 → 00:20:41 สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยเกี่ยวอะไรกับ
00:20:41 → 00:20:45 เซซินเพราะมันไม่มีนะครับเนี่ยเวลาที่เรา
00:20:45 → 00:20:48 ไปดูเว็บไซต์ที่เขาคขายของต้องระวังตรง
00:20:48 → 00:20:51 นี้มากๆนะฮะระวังมากๆแล้วถ้าเกิดคุณซื้อ
00:20:51 → 00:20:53 มาแล้วคุณกินเข้าไปแล้วเกิดเรื่องพวกนี้อ
00:20:53 → 00:20:55 แน่นอนต้องหยุดแต่มันไม่ใช่อาการกระทุ้ง
00:20:55 → 00:20:57 พิษแต่อย่างใดบางคนบอกว่าเฮ้ยกระทุ้งพิณ
00:20:57 → 00:21:00 เนี่ยดีกินต่อไปอ่ะลดขนาดลงมาแล้วค่อยๆ
00:21:00 → 00:21:03 เพิ่มไม่ได้ครับอันเนี้ยอาจจะเป็นอาการ
00:21:03 → 00:21:05 ที่เกิดผลข้างเคียงที่มีปัญหาแล้วก็ได้
00:21:05 → 00:21:11 ดังนั้นก็ระมัดระวังนะฮะอ่ะมาถึงคนตอนนี้
00:21:11 → 00:21:15 เราทราบและมันอาจจะมีผลดีแต่ยืนยันไม่ได้
00:21:15 → 00:21:17 เพราะว่าข้อมูลไม่มีเพียงพอให้เรายืนยัน
00:21:17 → 00:21:21 ผลเสียเนี่ยถ้าถามผมนะแทบไม่มีเลยถ้าคุณ
00:21:21 → 00:21:23 ไม่กินมันเยอะจนเกินไปเกินกว่าที่เขา
00:21:23 → 00:21:26 กำหนดข้างกระปุกนะอแล้วต่อไปเนี้ยสมมุติ
00:21:26 → 00:21:29 เรารู้ตรงนี้และถ้าเราจะกิน
00:21:29 → 00:21:32 กินยังไงอ่าตรงนี้ต้องแยกให้ชัดเจนนะครับ
00:21:32 → 00:21:37 บางคนจะกินจากงาดำจริงๆงาดำที่เป็นเม็ดๆ
00:21:37 → 00:21:40 เนี่ยบางคนจะกินจาก Sesame Oil ก็คือตัว
00:21:40 → 00:21:43 น้ำมันงานะครับแล้วบางคนก็อยากจะกินไอ้
00:21:43 → 00:21:46 สารสกัดเซซามินตรงๆเลยเนี่ยมันต่างกันยัง
00:21:46 → 00:21:53 ไงอ่ะแน่นอนงาดำน้ำมันงามีเซซามินแน่ๆแต่
00:21:53 → 00:21:56 มันมีไม่เยอะนะครับงาดำถ้าจะกินให้ได้
00:21:56 → 00:21:59 เซซามินเยอะที่สุดก็คือต้องพยายามทำให้
00:21:59 → 00:22:02 มันแตกเป็นผงๆขึ้นมานะฮะแล้วอย่าไปโดน
00:22:02 → 00:22:04 ความร้อนอะไรเยอะนะเพราะถ้าโดนความร้อน
00:22:05 → 00:22:08 สารมันเสียไปะนะครับเราก็ต้องกินไปทั้ง
00:22:08 → 00:22:10 อย่างนั้นนัแหละถึงจะได้คุณค่าทางสาร
00:22:10 → 00:22:13 อาหารครบถ้วนรวมทั้งได้เซซามินอย่างสูง
00:22:13 → 00:22:16 ที่สุดแต่การกินงาดำเนี่ยต้องระมัดระวัง
00:22:16 → 00:22:19 ถ้าเกิดคุณกินเยอะเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้น
00:22:19 → 00:22:23 นะครับมันมีสารออกซาเลตเยอะออกซาเลตทำให้
00:22:23 → 00:22:26 เกิดนิ่วในทางเดิมปัสสาวะถ้าเกิดคุณกินงา
00:22:26 → 00:22:30 ดำเนี่ย 3-4 ช้อนโต๊ะเลยทุกวันอะไรเงี้ย
00:22:30 → 00:22:32 คุณอาจจะเป็นนิ่วก็ได้ถ้าใครเป็นนิ่วคุณ
00:22:32 → 00:22:36 ต้องระมัดระวังการกินงาดำครับนี่รวมไปถึง
00:22:36 → 00:22:38 สารสกัดจากงาดำด้วยเพราะมันจะติดออกซาเลต
00:22:38 → 00:22:41 ออกมานั่นแหละนะครับสิ่งที่คุณต้องระวัง
00:22:41 → 00:22:47 นะอ่าน้ำมันงาคุณก็กินได้นะฮะแต่ถ้าอยาก
00:22:47 → 00:22:50 จะเป็นน้ำมันงาที่มันมีสารเซซามินสูงก็
00:22:50 → 00:22:52 ต้องเป็นน้ำมันงาที่เป็นโพสนะครับถ้าคุณ
00:22:52 → 00:22:55 ไปให้ความร้อนหรือไปผ่านกระบวนการอย่าง
00:22:55 → 00:22:58 อื่นที่ไม่ใช่แค่โพสหรือสกัดเย็นเนี่ย
00:22:58 → 00:23:01 เซซามินก็เสียไปแล้วครับเซซามินนี่มันมี
00:23:01 → 00:23:04 ไม่เยอะหรอกครับในเม็ดงาเนี่ยนะดังนั้น
00:23:04 → 00:23:06 คุณไปทำอะไรกับมันมันเสียไปเรียบร้อยะ
00:23:06 → 00:23:09 อย่างมากมันก็มีแค่ประมาณสัก 1% น่ะ 1 -
00:23:09 → 00:23:14 1.2% นี่คือเยอะแล้วนะของน้ำหนักงานะฮะ
00:23:14 → 00:23:17 เนี่ยคือสิ่งที่เราคิดได้ต่อมาถ้าเกิดคุณ
00:23:17 → 00:23:20 จะกินสารสกัดเซซามินเลยอ่ะที่เค้าวางขาย
00:23:20 → 00:23:24 กันทั่วไปปัญหาใหญ่มีข้อนึงเลย
00:23:24 → 00:23:28 ครับเวลาที่เค้าเขียนนะฮะเค้าจะโฆษณา
00:23:28 → 00:23:31 เขียนตัวใหญ่ๆว่าเซซามินแต่เวลาคุณไปดู
00:23:31 → 00:23:36 ฉลากข้างหลังเค้าจะเขียนว่าเซซามิ Seed
00:23:36 → 00:23:40 Extract ไม่เหมือนกันครับเซซามิ Seed
00:23:40 → 00:23:44 Extract คือคุณเอาเมล็ดงาเนี่ยมาสกัด
00:23:44 → 00:23:47 แล้วสกัดมันได้อะไรออกมาล่ะครับอันหนึใน
00:23:47 → 00:23:49 นั้นเป็นเซซามินแต่ก็จะมีสารอื่นเช่น
00:23:49 → 00:23:53 วิตามินอีกรดไขมันนะฮะออกซาเลตและอะไร
00:23:53 → 00:23:57 เต็มไปหมดจะไม่ใช่เซซามินเพียวๆครับจะไม่
00:23:57 → 00:23:59 ใช่
00:23:59 → 00:24:02 และทีนี้นี่แหละปัญหาใหญ่เลยคือคุณจะรู้
00:24:03 → 00:24:06 ได้ยังไงว่าในนั้นมีเซซินกี่
00:24:06 → 00:24:09 มิลลิกรัมไม่มีทางรู้ครับถ้าเขาบอกมาว่า
00:24:09 → 00:24:12 มันคือ sesi Seed Extract ไม่มีทางรู้
00:24:13 → 00:24:16 อย่างงี้เท่ากับคุณกำลังโดนหลอก 2 ชั้นนะ
00:24:16 → 00:24:18 ข้างหน้าเขียนว่าเซซามินแต่จริงๆมันไม่
00:24:18 → 00:24:20 ใช่เซซามินมันคือเซซามิ Seed Extract
00:24:20 → 00:24:24 สารสกัดงาดำแล้วสารสะกัดงาดำไม่ยอมบอกอีก
00:24:24 → 00:24:28 ต่างหากว่ามีเซมินอยู่กี่มิลลิกรัมคุณ
00:24:28 → 00:24:31 กำลังโดนหลอก 2 ต่อนะเวลาคุณจะไปซื้อไม่
00:24:31 → 00:24:32 ว่ายี่ห้ออะไรก็ตามซึ่งผมไม่สามารถบอก
00:24:33 → 00:24:35 ยี่ห้อคุณได้คุณต้องไปดูเอาเองดูส่วน
00:24:35 → 00:24:37 ประกอบว่ามันเขียนว่าเซซามินตรงๆหรือ
00:24:37 → 00:24:41 เปล่าแต่ผมคิดว่าอย่างนี้ครับโอกาสที่จะ
00:24:41 → 00:24:46 ได้แสนเซซามินมาตรงๆเนี่ยแทบไม่มีทำไมรู้
00:24:46 → 00:24:50 มั้ยขั้นตอนการสกัดสารเซซามินออกมาจากงา
00:24:50 → 00:24:53 ให้มันบริสุทธิ์มากๆเนี่ยมันจะได้เป็นผง
00:24:53 → 00:24:54 สีขาว
00:24:54 → 00:25:01 ๆซึ่งแพงมากแแพงแพงมากๆเลยแหละโลงเป็นแสน
00:25:01 → 00:25:05 น่ะนะครับแพงมากก็ต้องมาดูว่ามีใครใจปล้ำ
00:25:05 → 00:25:08 ทำออกมาได้หรือเปล่าแล้วมีใครกล้าที่จะ
00:25:08 → 00:25:10 เขียนว่าเซซินของตัวเองข้างหลังประกอบไป
00:25:10 → 00:25:13 ด้วยสารเซซามินจริงๆที่สำคัญคือไม่มีทาง
00:25:13 → 00:25:15 รู้นะครับว่ามันจะมีอย่างนั้นจริงๆต่อให้
00:25:15 → 00:25:18 เคเขียนก็ตามเพราะว่าคุณจะต้องเอาไปให้
00:25:18 → 00:25:20 หน่วยงานอิสระตรวจสอบก่อนว่ามันมีจริง
00:25:20 → 00:25:24 หรือเปล่านะครับนี่แหละคือสิ่งที่สุดยอด
00:25:24 → 00:25:28 จะสำคัญที่ผมไปเปิดหามาทุกยี่ห้ออที่ผมกด
00:25:28 → 00:25:31 ดูดูของของไทยอ่ะหาหายี่ห้อที่ข้างหลัง
00:25:31 → 00:25:34 เขียนว่าเป็นเซซามีนกี่มิลลิกรัมไม่มีเลย
00:25:34 → 00:25:38 อ่ะไม่มีนะครับบอกว่ามีแต่ Sesame Seed
00:25:38 → 00:25:41 Extract เท่าไหร่ซึ่ง Sesame Seed
00:25:41 → 00:25:43 Extract อย่างที่บอกไม่ใช่เซซามินมันไม่
00:25:43 → 00:25:46 เท่ากันเซมิ Extract มีเซซามินจริงแต่มี
00:25:46 → 00:25:48 เท่าไหร่ไม่รู้ส่วนใหญ่ก็จะมีน้อยซะด้วย
00:25:48 → 00:25:53 นะครับและมากไปกว่านั้นเมื่อตะกี้ที่ผม
00:25:53 → 00:25:56 ติดบอกว่ามันมีการทดลองในมนุษย์นะครับจะ
00:25:56 → 00:26:00 ทดลองอะไรเทดลองดูว่าเรากินไปเยอะๆจะมีผล
00:26:00 → 00:26:03 เสียไหมเรากินไปแล้วมันจะดูดซึมอะไรยังไง
00:26:03 → 00:26:07 บ้างนะครับอะไรที่เราได้มาจากการทดลอง
00:26:07 → 00:26:11 ครั้งนี้ต้องบอกอย่างนี้ครับว่าเค้าให้คน
00:26:11 → 00:26:14 ที่เข้าการทดลองเนี่ยกินเซซามีนจริงๆไม่
00:26:14 → 00:26:17 ใช่ Sesame Seed Extract นะ 50 มิลกรัม
00:26:17 → 00:26:19 ต่อวันไปเรื่อยๆปรากฏว่าไม่ได้เจอปัญหา
00:26:19 → 00:26:23 อะไรสามารถกินได้ถึง 200 มกต่อวันก็ไม่มี
00:26:23 → 00:26:26 ปัญหาใดๆทั้งสิ้นนะครับแต่ในทางทฤษฎีสิ่ง
00:26:27 → 00:26:29 ที่เราต้องกังวลก็คือ
00:26:29 → 00:26:33 คนที่ให้นำบุตคนที่ตั้งท้องอยู่ยังไม่มี
00:26:33 → 00:26:36 งานวิจัยตรงนี้ถ้าจะกินก็คิดเอาเองว่ามัน
00:26:36 → 00:26:38 อาจจะเกิดอะไรขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดอะไร
00:26:38 → 00:26:43 ขึ้นก็ได้อันนี้บอกไม่ได้นะครับคนที่มี
00:26:43 → 00:26:46 โรคต่างๆที่ต้องกินยาละลายลิ่มเลือดหรือ
00:26:46 → 00:26:49 ยาต้านเกล็ดเลือดเพราะว่าสารเซมินอาจจะทำ
00:26:49 → 00:26:52 ให้คุณเลื่อนออกได้ง่ายมากขึ้นอาจจะนะยัง
00:26:52 → 00:26:56 ไม่มีการบอกชัดเจนและอันที่ 3 คนที่มีโรค
00:26:56 → 00:26:59 ความดันโลหิตสูงที่กินยาลดความดันโลหิต
00:26:59 → 00:27:02 อยู่การได้สารเซมินอาจจะไปทำให้ความดัน
00:27:02 → 00:27:05 โรหิตของคุณลดกว่าปกติก็ได้แต่ส่วนใหญ่ก็
00:27:05 → 00:27:07 ไม่ค่อยหรอกครับถ้าเกิดคุณไม่ได้กินเข้า
00:27:07 → 00:27:10 ไปเป็นกำรๆนะถ้าถามผมก็คงจะปลอดภัยนะฮะ
00:27:10 → 00:27:13 อันนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องควรรู้นะว่าใคร
00:27:13 → 00:27:16 บ้างที่จะต้องระมัดระวังเวลาที่จะกิน
00:27:16 → 00:27:20 เซซามินเข้าไปนะการทดลองนี้เไม่ได้เจอว่า
00:27:20 → 00:27:23 ใครมีผลค้างเคียงจากเซซามินอย่างไรนะ
00:27:23 → 00:27:26 ฮะและอีกการทดลองนึงคือกินไซซินเข้าไป
00:27:26 → 00:27:30 แล้วไงต่อเซซามินเนี่ยมันเป็นสารที่ไม่
00:27:31 → 00:27:34 ละลายน้ำครับพอมันไม่ละลายน้ำปุ๊บเกิด
00:27:34 → 00:27:36 อะไรขึ้นมันดูดซึม
00:27:36 → 00:27:39 ยากแล้วไม่เพียงแค่นั้นครับมันดูดซึมแล้ว
00:27:39 → 00:27:42 เนี่ยมันต้องผ่านตับมันจะเจอตับทำลายมัน
00:27:42 → 00:27:47 ทิ้งซะโอกาสที่เซซามีนจะเข้าสู่กระแส
00:27:47 → 00:27:51 เลือดน้อยมากดังนั้นแล้วถ้าคุณได้อาหาร
00:27:51 → 00:27:54 เสริมเซซามินที่มันไม่ใช้เซซามินจริงๆ
00:27:54 → 00:27:56 ข้างหลังมันเขียนว่าเซซามิน Seed Extract
00:27:56 → 00:28:00 หรือสารสกัดงาดำในนั้นมีเซซามีนอยู่เท่า
00:28:00 → 00:28:02 ไหร่คุณไม่รู้แต่ส่วนใหญ่มันจะน้อยถ้ามัน
00:28:02 → 00:28:05 น้อยแล้วเข้าไปในทางเดินอาหารดูซึมได้
00:28:05 → 00:28:07 น้อยกว่าเดิมเหลือจิ๊ดเดียวจิ๊ดเดียวนี่
00:28:07 → 00:28:12 ผ่านตับโดนทำลายหายไปหมดเลยสรุปผมไม่รู้
00:28:12 → 00:28:14 ว่าคุณได้เซซามินจริงๆเข้ากระแสเลือนไป
00:28:14 → 00:28:17 จริงหรือเปล่าคุณอาจจะไม่ได้เลยก็ได้หรือ
00:28:17 → 00:28:19 อาจจะได้น้อยจนกระทั่งมันไม่เกิดผลอะไร
00:28:19 → 00:28:21 เลยก็ได้เพราะคุณต้องอย่าลืมนะครับการทด
00:28:21 → 00:28:23 ลองในหลอดทดลองสมมุติเรื่องของการต้าน
00:28:23 → 00:28:26 มะเร็งคุณเอาสารเซซามีนเนี่ยหยดลงไปที่
00:28:26 → 00:28:29 เซลล์มะเร็งตรงๆ
00:28:29 → 00:28:33 นะแต่ในคนคุณจะหยดเข้าไปที่มะเร็งไม่ได้
00:28:33 → 00:28:37 คุณต้องกินมันเข้าไปดูดซึมก็ผ่านตับผ่าน
00:28:37 → 00:28:39 ทุกอย่างเลือดวิ่งไปถึงเซลล์มะเร็งอ้าว
00:28:39 → 00:28:41 มันหายไปซะแล้วไม่มีสารเซซามินไปถึง
00:28:41 → 00:28:44 มะเร็งมะเร็งคุณก็ไม่หายครับคุณอาจจะต้อง
00:28:44 → 00:28:47 คิดถ้ามันมีปัญหาอย่างนี้อย่างงั้นก็อาจ
00:28:47 → 00:28:51 จะต้องไปออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สารเซซามิน
00:28:51 → 00:28:53 เนี่ยมันมีอาจจะมีลายปิดนาโนพาริหุ้มอะไร
00:28:53 → 00:28:56 มาสักอย่างอยู่ทำให้การดูซึมดีขึ้นหรือ
00:28:56 → 00:28:58 คุณอาจจะต้องทำเป็นแบบรูปแบบฉีดแล้วฉีด
00:28:58 → 00:29:01 เข้าไปที่มะเร็งตรงๆเลยก็ได้แต่ยังไม่มี
00:29:01 → 00:29:05 ใครคิดแบบนั้นครับดังนั้นถ้าถามผมนะ
00:29:05 → 00:29:08 เซซามินเนี่ยอาหารเสริมทั่วไปที่เราเห็น
00:29:08 → 00:29:11 น่ะมันหลอกเราหลายชั้นมากตั้งแต่ชื่อที่
00:29:11 → 00:29:13 มันเขียนว่าตัวมันเองคือเซซามินเรียบร้อย
00:29:13 → 00:29:16 แล้วหรือบางคนก็เขียนชื่ออย่างอื่นแต่พอ
00:29:16 → 00:29:18 ไปดูข้างหลังปุ๊บเซซามิ Seed Extract
00:29:19 → 00:29:21 แล้วบวกนั่นบวกนี่บวกโอเมก้า 3 + E ceg
00:29:21 → 00:29:25 บวกเยอะแยะไปหมดนะฮะแต่ไม่บอกว่ามี
00:29:25 → 00:29:28 เซซามินกี่มิลลิกรัม
00:29:28 → 00:29:30 แล้วถ้ามันมีน้อยเข้าไปปุ๊บดูดซึมไม่ได้
00:29:30 → 00:29:34 เพราะว่ามันไม่ละลายในไขมันเอ้ยมันไม่
00:29:34 → 00:29:38 ละลายในน้ำมันละลายในไขมันดูซึมยากดูดซึม
00:29:38 → 00:29:40 เข้าไปแล้วโดนตับทำลายตับทำลายแล้วมัน
00:29:40 → 00:29:43 เหลือเหลือแค่ไหนกันไปทำให้เกิดประโยชน์
00:29:43 → 00:29:47 ต่อสมองต่อกระดูกต่ออะไรหรือเปล่าไม่รู้
00:29:47 → 00:29:49 ไม่รู้นะครับ
00:29:49 → 00:29:52 อ่าดังนั้นเนี่ยตอนเนี้ยผมคิดว่าหลายคนนะ
00:29:52 → 00:29:54 ครับคงจะเข้าใจมันมากขึ้นในเรื่องของ
00:29:54 → 00:29:58 เซซามีนนะครับว่าในทางทฤษฎีแล้วก็ในใน
00:29:58 → 00:30:00 ห้องปฏิบัติการที่ทดลองกับหลอดทดลองเนี่ย
00:30:00 → 00:30:02 เราเจอว่าสารเซซินเนี่ยมันน่าจะมี
00:30:02 → 00:30:05 ประโยชน์แต่การทดลองในคนมันยังไม่มีดัง
00:30:05 → 00:30:07 นั้นการที่ผมจะมาบอกว่าเซซามีนเป็น
00:30:07 → 00:30:10 ประโยชน์ในคนนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้อย่างไร
00:30:10 → 00:30:13 ก็ตามมันไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไรมากนัก
00:30:13 → 00:30:15 เท่าไหร่ถ้าเราจะกินมันเข้าไปก็จะมีแค่
00:30:15 → 00:30:18 ท้องอืดท้องเสียบางคนก็อาจจะมีปวดหัวนิดๆ
00:30:18 → 00:30:20 หน่อยๆเท่านั้นแต่ว่าไม่ได้ถือว่าอันตราย
00:30:20 → 00:30:22 แล้วเราจำเป็นจะต้องหยุดคนที่จะต้องระมัด
00:30:22 → 00:30:26 ระวังก็คือคนท้องคนที่ตั้งครรภ์แล้วก็อาจ
00:30:26 → 00:30:29 จะให้นมบุตนะฮะคนที่มีมีการกินยาลดความ
00:30:29 → 00:30:32 ดันอยู่คนที่มีการกินยาหรือมีโรคอะไรที่
00:30:32 → 00:30:35 ทำให้เลือดออกง่ายอันนี้อาจจะต้องระวัง
00:30:35 → 00:30:37 แต่ก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไรเลยก็ได้ถ้าจะ
00:30:37 → 00:30:40 กินก็ต้องสังเกตตัวเองดีๆนะครับส่วนการจะ
00:30:40 → 00:30:43 กินก็ไปดูแล้วกันว่าแต่ละยี่ห้อมันบอก
00:30:43 → 00:30:45 อะไรไว้บ้างนะครับเพราะว่าการดูดซึมเข้า
00:30:45 → 00:30:47 ร่างกายของเราเนี่ยมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ
00:30:47 → 00:30:49 มันอาจจะไม่ได้ดูดซึมเยอะขนาดนั้นด้วยซ้ำ
00:30:50 → 00:30:52 ไปจนกระทั่งทำให้การดูซึมเข้าไปในร่างกาย
00:30:52 → 00:30:53 เราน้อยแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
00:30:53 → 00:30:56 กับร่างกายสรุปแล้วเราอาจจะเสียเงินฟรี
00:30:56 → 00:30:58 เลยก็ได้ดนั้นแนะนำ
00:30:58 → 00:31:02 ท่านไปดูอาหารเสริมที่ท่านซื้อทุกยี่ห้อ
00:31:02 → 00:31:05 แล้วคลิกดูข้างหลังถ้ามันเขียนว่าสาร
00:31:05 → 00:31:08 เซซามินตรงๆเนี่ยอันเนี้ยท่านอาจจะเชื่อ
00:31:08 → 00:31:11 เขาได้แต่ถ้ามันเขียนเซซามิ Seed Extract
00:31:11 → 00:31:13 แล้วไม่บอกว่าสารเซซามินมีกี่มิลลิกรัมใน
00:31:13 → 00:31:16 นั้นนะผมมองว่าไม่ค่อยคุ้มค่าเงินของท่าน
00:31:16 → 00:31:19 แล้วครับแต่ถ้าท่านยังจะกินมันต่อไปเพราะ
00:31:19 → 00:31:21 ว่าหวังว่าเอ้ยเราอาจจะโชคดีก็ได้นะได้
00:31:21 → 00:31:23 สารตัวนี้แล้วมันดูซึมเข้าไปได้ดีป้องกัน
00:31:23 → 00:31:25 มะเร็งในอนาคตหรือว่าใช้เป็นการรักษา
00:31:25 → 00:31:27 เสริมไปกับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน
00:31:28 → 00:31:31 อันเนี้ยก็ต้องเป็นสิ่งที่ท่านตัดสินใจ
00:31:31 → 00:31:34 ด้วยตัวเองแล้วครับนะข้อมูลในมนุษย์ยัง
00:31:34 → 00:31:36 ไม่เพียงพอให้ผมบอกว่ามันดีหรือไม่ดีขนาด
00:31:36 → 00:31:39 นั้นนะครับวันนี้ก็เล่าให้ฟังเพียงเท่า
00:31:39 → 00:31:42 นี้นะครับยังไงถ้าใครสงสัยอะไรก็สอบถามมา
00:31:42 → 00:31:46 นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ