00:00:00 → 00:00:03 This is Thai PBS podcast vi the
00:00:03 → 00:00:06 world by the voice.
00:00:06 → 00:00:08 ไอ้เจ้าสารกันบูดหรือสารกันเสียเนี่ยใช้
00:00:08 → 00:00:11 เพื่อการถนอมอาหารมันจะไปยับยั้งการเจริญ
00:00:11 → 00:00:15 เติบโตของจุลินทรีย์ทั้งแบคทีเรียทั้งยีส
00:00:15 → 00:00:19 ทั้งลาเพบว่ากินอาหารแปรรูปที่ใส่สารการ
00:00:19 → 00:00:22 บูดกันเสียเหล่าเนี้ยมันจะส่งผลเสี่ยงต่อ
00:00:22 → 00:00:26 การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 30% มันมี
00:00:26 → 00:00:28 ความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งลำไส้บาง
00:00:28 → 00:00:32 ทีมีการคลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวถ่ายท้อง
00:00:32 → 00:00:35 ดังคำกล่าวที่ว่าถ้าคุณอยากที่จะอายุยืน
00:00:35 → 00:00:38 ยันคุณต้องกินอาหารที่อายุสั้นถ้าคุณอยาก
00:00:38 → 00:00:41 ที่จะอายุสั้นคุณต้องกินอาหารที่อายุยืน
00:00:41 → 00:00:43 คืออาหารที่มันเก็บไว้ได้นานๆน่ะเพราะมัน
00:00:43 → 00:00:48 ใส่สารการบูดการเสียมาเต็มแม็กเลย
00:00:48 → 00:00:51 >> ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:51 → 00:00:55 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:57 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:58 → 00:01:00 >> คุณผู้ฟังวันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง
00:01:00 → 00:01:03 ของสารกันเสียในอาหารหรือสารกันบูดนั่น
00:01:03 → 00:01:07 เองเดี๋ยวจะงงกันนะคะเราเจอในอาหารหลาก
00:01:07 → 00:01:10 หลายประเภทเลยเนาะบางทีเจอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยที่ไม่มีสารกันบูดมากยิ่งขึ้นเออมัน
00:01:13 → 00:01:15 เกี่ยวข้องกับอะไรกับสุขภาพหรือเปล่าพวก
00:01:15 → 00:01:18 สารพวกนี้ที่อยู่ในอาหารต่างๆเหล่านี้นะ
00:01:18 → 00:01:20 คะคุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.เอกราช
00:01:20 → 00:01:23 บำรุงพืชจากวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ
00:01:23 → 00:01:25 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:25 → 00:01:25 อาจารย์คะ
00:01:25 → 00:01:26 >> สวัสดีครับ
00:01:26 → 00:01:29 >> เดี๋ยวนี้ก็กินอาหารอะไรต่างๆเนี่ยมันก็
00:01:29 → 00:01:33 มีส่วนผสมของสารกันบูดสารกันเสียอะไรเยอะ
00:01:33 → 00:01:34 แยะมากมายเต็มประโมทค่ะ
00:01:34 → 00:01:37 >> จนรู้สึกว่าเออถ้าต่อไปเรา
00:01:37 → 00:01:41 >> อะไรไปเนี่ยไม่ต้องฉีดฟอร์มารีนและ
00:01:41 → 00:01:44 >> ไม่เน่าไม่เปื่อยได้อยู่อะไรประมาณนี้
00:01:44 → 00:01:47 เพราะกินไปเยอะมากอ่ะถามอาจารย์ก่อนเพื่อ
00:01:47 → 00:01:52 เป็นความรู้เริ่มต้นกันเลยว่าสารบำนี่
00:01:52 → 00:01:56 แหละว่ามันคือสารอะไรแล้วมันมีผลอะไรยัง
00:01:56 → 00:01:59 ไงคะอาจารย์ก่อนอื่นต้องบอกคุณผู้ฟังก่อน
00:01:59 → 00:02:01 นะว่าไอ้เจ้าสารกันบูดหรือสารกันเสีย
00:02:01 → 00:02:04 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยภาษาวิชาการเขาเรียก
00:02:04 → 00:02:07 preservative ใช้เพื่อการถนอมอาหารเติม
00:02:07 → 00:02:10 ลงไปในอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆเพื่อ
00:02:10 → 00:02:14 ยืดอายุการเก็บรักษาให้เก็บไว้ได้นานขึ้น
00:02:14 → 00:02:17 โดยคุณสมบัติของสารกันบูดหรือสารกันเสีย
00:02:17 → 00:02:20 เนี่ยมันจะไปยับยั้งการเจริญเจอเติบโตของ
00:02:20 → 00:02:24 จุลินทรีย์ทั้งแบคทีเรียทั้งยีสทั้งลานะ
00:02:24 → 00:02:27 ครับเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเนี่ยมันเน่า
00:02:27 → 00:02:29 เสียหรือเสื่อมสภาพซึ่งการเสื่อมสภาพของ
00:02:29 → 00:02:33 อาหารเนี่ยมีทั้งทางเคมีที่เสื่อมสภาพไป
00:02:33 → 00:02:36 จากตัวอาหารเองและจุลินทรีย์ที่เราเห็น
00:02:36 → 00:02:40 ว่าแบบเอ๊ะทำไมมันมีกลิ่นแปลกๆและกลิ่นตุ
00:02:40 → 00:02:45 และหรือมันเริ่มแบบเฮ้ยมีเชื้อรา
00:02:45 → 00:02:48 >> ทิ้งไว้แล้วมันเสียแล้วลาขึ้นนะครับแล้วเ
00:02:48 → 00:02:51 ก็จะมีการเติมพวกพวกสารเหล่าเนี้ยลงไป
00:02:51 → 00:02:54 เพื่อใช้ในการถนอมอาหารอ่าคำว่าถนอมอาหาร
00:02:54 → 00:02:56 คุณผู้ฟังดูดีเนาะ
00:02:56 → 00:02:59 >> ถนอมไว้ไม่ให้มันบูดเน่าเสียนะซึ่งไอ้
00:02:59 → 00:03:02 เจ้าสารการบูดการเสียเหล่าเนี้ยนะครับมัน
00:03:02 → 00:03:04 จะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเลยซึ่งแต่ละกลุ่ม
00:03:04 → 00:03:09 แต่ละชนิดมันก็จะมีข้อจำกัดหรือคุณสมบัติ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยที่แตกต่างกันไปนะอ่าอาจารย์เล่าให้
00:03:12 → 00:03:15 ฟังถึงสารกันเสียก่อนว่าเฮ้ยถ้าแบ่งตาม
00:03:15 → 00:03:18 ทางเคมีและการออกฤทธิ์ในอุตสาหกรรมอาหาร
00:03:18 → 00:03:20 ตอนเนี้ยที่ใช้กันอยู่เนี่ยจะแบ่งออกเป็น
00:03:20 → 00:03:23 4 กลุ่มใหญ่เลยกลุ่มแรกเนี่ยพวกกรด
00:03:23 → 00:03:26 อินทรีย์ได้ยินคำว่ากรดกรดเนาะก็มีความ
00:03:26 → 00:03:29 เป็นกรดและแล้วเนี่ยไอ้ความเป็นกรดเนี้ย
00:03:29 → 00:03:31 มันจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของ
00:03:31 → 00:03:34 จุลินทรีย์ไม่ว่าจะเป็นกรดเบนโซอิค
00:03:34 → 00:03:37 โซเดียมเบนโซเอateพวกนี้จะใช้ในเครื่อง
00:03:37 → 00:03:39 ดื่มน้ำผลไม้หรือซอส
00:03:40 → 00:03:43 >> น้ำผลไม้ก็ต้องมีนะครับไม่งั้นเรา
00:03:43 → 00:03:46 >> ตั้งไว้อ่าบูเน่าเสียได้หรือซอสต่างๆนะ
00:03:46 → 00:03:49 ครับอันนี้กลไกการออกฤทธิ์ของกลุ่มพวกกรด
00:03:49 → 00:03:52 เบนโซอิคเนี่ยก็จะช่วยยับยั้งการเจริญ
00:03:52 → 00:03:55 เติบโตของจุลินทรีย์นะครับอีกกรดนึงก็คือ
00:03:55 → 00:03:59 กรดซอบิอ่าซอบิเนี่ยจะใช้ในพวกผลไม้แปร
00:03:59 → 00:04:03 รูปหรือน้ำสลัดโอ้ฟังดูเฮ้ยน้ำสลัดกินกับ
00:04:03 → 00:04:06 สลัดHealตี้นี่นาแต่มีสารการบูดการเสียนะ
00:04:06 → 00:04:07 ครับ
00:04:07 → 00:04:10 >> เพื่อขัดขวางการเจริญเติบโตของเชื้อรา
00:04:10 → 00:04:14 กลุ่มที่ 2 คือไนเตรตไนไตรท์อ่าบางคนคุ้น
00:04:14 → 00:04:17 กลุ่มนี้อาจารย์ไนเตรตไนไตรท์เนี่ยเขาใช้
00:04:17 → 00:04:20 ในการถนอมอาหารนะครับไม่ให้มันบูดเน่า
00:04:20 → 00:04:23 เสียเนี่ยนะครับเก็บได้นานขึ้นเนี่ยในพวก
00:04:23 → 00:04:27 เนื้อสัตว์แปรรูปเช่นไส้กรอกแฮมเบคอน
00:04:27 → 00:04:28 >> อื
00:04:28 → 00:04:30 >> อ่าพวกอาหารแปรรูปเนี่ยแหละครับ
00:04:30 → 00:04:31 >> ค่ะไนเตรตไนไต
00:04:31 → 00:04:35 >> ใช่จะใช้ไนเตรตไนไตเยอะแล้วมันช่วยในการ
00:04:35 → 00:04:38 ที่จะยับยั้งการเจริญเติบโตของพวกเชื้อ
00:04:38 → 00:04:40 แบคทีเรียนะที่จะทำให้อาหารบู่เน่าเสีย
00:04:40 → 00:04:43 แล้วเนี่ยมันยังให้สารสีแดงสวย
00:04:43 → 00:04:47 >> อ๋ออ่าสีแบบว่าดูแบบเฮ้ยเบคอนสวยแฮมอ่ะ
00:04:47 → 00:04:52 นะสวยงามมากทอดมาโอ้โหบางๆกรอบนะแต่อุดม
00:04:52 → 00:04:55 ไปด้วยไนเตรตไนไตรท์นะครับซึ่งเดี๋เราจะ
00:04:55 → 00:04:57 มาพูดว่าเฮ้ยมันมีสิ่งที่ต้องพึงระวังผล
00:04:57 → 00:05:00 กระทบกับสุขภาพอะไรบ้างนะครับกลุ่มที่ 3
00:05:00 → 00:05:01 เป็นกลุ่ม
00:05:01 → 00:05:04 >> ซันไฟกลุ่มเนี้ยจะใช้ในผลไม้แห้งจะใช้
00:05:04 → 00:05:08 เยอะเพื่อยับยั้งพวกปฏิกิริยาออกซิเดชันะ
00:05:08 → 00:05:11 บางทีผลไม้มันมีการเปลี่ยนสีมันมีการ
00:05:11 → 00:05:13 เสื่อมไม่น่ารับประทานและกลุ่มสุดท้ายคือ
00:05:13 → 00:05:16 พาราเบนอันนี้ใช้ในเครื่องสำอางด้วยนะใน
00:05:16 → 00:05:18 อาหารก็มีการใช้เพราะไปขัดขวางการเจริญ
00:05:18 → 00:05:21 เติบโตของพวกเชื้อแบคทีเรียพวกเชื้อรามัน
00:05:21 → 00:05:23 ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารแล้วจะเห็นว่าอ
00:05:23 → 00:05:26 มันมีหลากหลายเลยแต่อาหารแปรรูปเนี่ยคนจะ
00:05:26 → 00:05:28 นึกถึงไนเตรตไตรกันเยอะมากเพราะทุกวัน
00:05:28 → 00:05:32 เนี้ยกระแสเรื่องของ process foodra
00:05:32 → 00:05:35 food ยังไม่แรงเท่าระดับของอาหารแปรรูป
00:05:35 → 00:05:39 มีหลายระดับนะครับถ้าแปลขั้นสุดเลยคือ
00:05:39 → 00:05:41 Food ที่เราพูดถึงกันเนี่ยนะครับคือพวก
00:05:41 → 00:05:45 ไส้กรอกแฮมเบคอนบางคนนึกถึงโอ้ไส้กรอกแดง
00:05:45 → 00:05:47 หน้าโรงเรียนอาจารย์
00:05:47 → 00:05:48 อุย
00:05:48 → 00:05:51 >> เ้าถึงบอกว่าพวกเนี้ยอร่อยรวงตาย
00:05:51 → 00:05:53 >> อ่า
00:05:53 → 00:05:56 >> มีความจริงที่ซ่อนอยู่ในอาหารแปรรูปเหล่า
00:05:56 → 00:05:59 นี้ที่เรากินเข้าไปแล้วมันแปรรูปอ่ะคุณรี
00:05:59 → 00:05:59 นึกออกมั้ครับว่า
00:05:59 → 00:06:00 >> อือฮึ
00:06:00 → 00:06:03 >> มันจะต้องมีการเติมสารเหล่าเนี้ยเข้าไป
00:06:03 → 00:06:07 เพื่อให้มันอายุยาวขึ้นอาหารนะไม่ใช่คนนะ
00:06:07 → 00:06:11 >> อ่าดั่งคำกล่าวที่ว่าถ้าคุณอยากที่จะอายุ
00:06:11 → 00:06:13 ยืนยาวคุณต้องกินอาหารที่อายุสั้น
00:06:13 → 00:06:14 >> อ่า
00:06:14 → 00:06:16 >> ถ้าคุณอยากที่จะอายุอายุสั้นคุณต้องกิน
00:06:17 → 00:06:19 อาหารที่อายุยืนคืออาหารที่มันเก็บไว้ได้
00:06:19 → 00:06:21 นานๆน่ะเพราะมันใส่สารการบูดการเสียมา
00:06:21 → 00:06:22 เต็มแม็กเลย
00:06:22 → 00:06:23 >> เออ
00:06:23 → 00:06:24 >> นึกออกมั้
00:06:24 → 00:06:27 >> อ้าไม่ได้ช่วยให้เรายาวเหรอคะมันยิ่งยิ่ง
00:06:27 → 00:06:30 ใส่เยอะอย่างเงี้ยในอาหารแปรรูปขั้นสูง
00:06:30 → 00:06:32 เนี่ยโหมันส่งผลกับสุขภาพเราเยอะแยะมาก
00:06:32 → 00:06:36 มายเลยมีงานวิจัยออกมานะครับของ WHO กับ
00:06:36 → 00:06:38 ที่ Harvard Medical School เนี่ยเขาพบ
00:06:38 → 00:06:41 ว่ากินอาหารแปรรูป Ultra Por food แปร
00:06:41 → 00:06:44 รูปขั้นสุดที่ใส่สารการบูดกันเสียเหล่า
00:06:44 → 00:06:47 เนี้ยมันจะส่งผลเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
00:06:47 → 00:06:50 ก่อนวัยอันควรถึง 30%
00:06:50 → 00:06:52 Mortality rate หรือ MENG rate เนี่ย
00:06:52 → 00:06:57 สูงขึ้นครับ 30% เลยนะที่เรากินๆๆกัน
00:06:57 → 00:06:57 เนี่ย
00:06:57 → 00:06:59 >> ไวไปมั้ยเร่งให้ไวไปมั้เนี่ย
00:07:00 → 00:07:02 >> เยอะครับแม้กระทั่งแบบถ้าเรากินอาหารแปร
00:07:02 → 00:07:05 รูปเหล่าเนี้ยเยอะๆวันนึงเนี่ยมีงานวิจัย
00:07:05 → 00:07:07 ตัวเลขถึงขั้นที่ว่า 4 ครั้งต่อวันบางคน
00:07:08 → 00:07:10 กินแบบนั้นจริงๆนะกุลีเพราะเช้ามาเข้า
00:07:10 → 00:07:11 ร้านสะดวกซื้อ
00:07:11 → 00:07:12 >> เออๆใช่
00:07:12 → 00:07:13 >> นึกออกมั้
00:07:13 → 00:07:18 >> เวฟๆๆนะไส้ก่งไส้กรอกลูกชงลูกชิ้นพวกแปร
00:07:18 → 00:07:21 รูปอาหารกระป๋องบะหมี่กึงสำเร็จรูปนี่กับ
00:07:21 → 00:07:23 คเซปู้ดเหมือนกันหมดเลยนะ
00:07:23 → 00:07:26 >> อ่าแล้วก็กินซ้ำๆเนี่ยก็เสี่ยงต่อการเสีย
00:07:26 → 00:07:28 ชีวิตเนี่ยสูงขึ้นเสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:07:28 → 00:07:30 เรื้อรังสูงขึ้น
00:07:30 → 00:07:32 >> ตัวอย่างอาหารพวกที่ใส่สารกันบูดกันเสีย
00:07:32 → 00:07:35 หรือแปรรูปขั้นสุดเนี่ยโอหมีเยอะมากพวก
00:07:35 → 00:07:37 นี้เนี่ยอย่างที่เราบอกไปเนี่ยใส่ก่อแคม
00:07:37 → 00:07:41 เบคอนผ่านการแปรรูปใส่สารไนเทตไนไตซึ่ง
00:07:41 → 00:07:43 มันมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งลำ
00:07:44 → 00:07:47 ไส้นะหรือขนมขบเคี้ยวทั้งหลายแหล่บะหมี่
00:07:47 → 00:07:52 กึงสำเร็จรูปน้ำอัดลมน้ำผลไม้นะครับพวก
00:07:52 → 00:07:55 เนี้ยมันใส่สารกันบูดกันเสียหมดเลยนะชา
00:07:55 → 00:07:58 พร้อมดื่มเบอร์เกอร์สำเร็จรูปเค้กคุกกี้
00:07:58 → 00:08:01 ขนมเจลลี่ลูกอมหมักฝรั่ง
00:08:01 → 00:08:05 >> นะอาหารพร้อมรับประทานนะแช่แข็งไมโครเวฟ
00:08:05 → 00:08:06 กันบูดหมดเลยนะโ
00:08:06 → 00:08:09 >> อาจารย์จะบอกว่าเคยให้นักศึกษา
00:08:09 → 00:08:12 >> แอนทิ aging นี่แหละนะปริญญาโทศึกษาวิจัย
00:08:12 → 00:08:16 เก็บตัวอย่างอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน
00:08:16 → 00:08:18 >> ที่เรามาอุ่นไมโครเวฟอ่ะ
00:08:18 → 00:08:18 >> อื
00:08:18 → 00:08:23 >> 20 ตัวอย่างจากร้านสะดวกซื้อที่ทุกคนก็
00:08:23 → 00:08:27 ทราบกันดีพบว่าเจอครับแต่เจอในระดับที่
00:08:27 → 00:08:28 ยังปลอดภัยอยู่
00:08:29 → 00:08:29 >> ออ
00:08:29 → 00:08:32 >> อ่าแต่ถ้าคุณกินซ้ำๆๆๆอ่าฮ
00:08:32 → 00:08:34 >> มันก็จะสะสมนะไม่ใช่ไปเชียร์ให้กินว่า
00:08:34 → 00:08:37 เอ้ยเจอแต่เจอในระดับที่ปลอดภัย
00:08:37 → 00:08:40 >> แต่ในขณะเดียวกันสารการบูดการเสียบางที
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยถ้าไม่ได้อยู่ในการผลิตที่ภายใต้การ
00:08:43 → 00:08:45 ควบคุมที่มันเป็นมาตรฐานอ่ะจากงานวิจัย
00:08:45 → 00:08:47 แล้วกันต้องอ้างอิงอย่างอย่างี้ที่เขามี
00:08:47 → 00:08:50 การสำรวจไม่ใช่ว่าแบบเฮ้ยอาจารย์คิดพูด
00:08:50 → 00:08:53 ขึ้นมาจากความรู้สึกนะเช่นในน้ำพริกแกง
00:08:53 → 00:08:56 บางคนไม่นึกถึงมันก็บุนะน
00:08:56 → 00:08:59 >> อ่าที่มีงานวิจัยว่าแบบเฮ้ยเจอเกินเกณฑ์
00:08:59 → 00:09:03 หรือขนมหวานหรือโรตีสายไหม
00:09:03 → 00:09:04 >> อะไรอ่ะจ๊ะ
00:09:04 → 00:09:07 >> อ่าที่เจอนานๆกินทีได้เพราะบางทีเขาขาย
00:09:07 → 00:09:10 ไม่ได้ขายแบบดีทุกร้านไม่ได้ขายหมดอ่ะ
00:09:10 → 00:09:13 >> หมดอ่าก็มาในแต่ละวันอย่างเงี้แล้วอากาศ
00:09:13 → 00:09:15 บ้านเราประเทศไทยอากาศเป็นไงครับ
00:09:15 → 00:09:18 >> ร้อนร้อนมากร้อนที่สุด 3 หน้าที่เหลือก็
00:09:18 → 00:09:20 ฝนนะ
00:09:20 → 00:09:23 >> ถูกมั้ครับ 4 ฤดูเนี่ยร้อนร้อมากร้อนที่
00:09:23 → 00:09:24 สุดแล้วก็ฝน
00:09:24 → 00:09:24 >> อฮ
00:09:24 → 00:09:28 >> อ่าฉะนั้นแล้วโอกาสในการบูดเน่าเสียก็จะ
00:09:28 → 00:09:28 ง่าย
00:09:28 → 00:09:29 >> อื
00:09:29 → 00:09:32 >> อย่างเงี้ยขนมวงขนมหวานทั้งหลายแหละมัก
00:09:32 → 00:09:35 ที่จะเจอในอาหารบางทีการผลิตเหล่าเนี้ย
00:09:35 → 00:09:37 พ่อค้าแม่ขายเนี่ยอันนี้ต้องฝากไว้เนาะ
00:09:37 → 00:09:41 อ่าด้วยความหวังดีนะฮะเพราะว่ามันก็ส่งผล
00:09:41 → 00:09:45 กระทบกับผู้บริโภคเองนะครับอ่าแล้วพวกที่
00:09:45 → 00:09:48 ทำโดยที่บางทีเนี่ยคือผลิตแล้วไม่ได้ช่าง
00:09:48 → 00:09:50 ตรงวัดละเอียดไง
00:09:50 → 00:09:50 >> ค่ะ
00:09:50 → 00:09:52 >> มันไม่เหมือนกับอุตสาหกรรมอาหารที่เป็น
00:09:52 → 00:09:55 โรงงานบางทีเนี่ยเขามีเครื่องชั่งเครื่อง
00:09:55 → 00:09:57 อะไรมันก็อยู่ในเกณฑ์กฎหมายกำหนดแต่บางที
00:09:57 → 00:10:02 แบบพ่อค้าแม่ขายบางรายที่แบบเฮ้ยวิท
00:10:02 → 00:10:04 >> ก็ใส่ไปเนี่ยไม่ให้มันบูดคือ
00:10:04 → 00:10:07 >> สมมุติว่าอาจารย์ขายขนมปากกิมไข่เต่า
00:10:07 → 00:10:09 >> ออกขายตั้งแต่เช้าเลย 5:00 น.เข็นรถขาย
00:10:09 → 00:10:10 แหละ
00:10:10 → 00:10:10 >> ค่ะ
00:10:10 → 00:10:12 >> ยัน 15:00 น. 16:00 น.คุณดีคิดว่ามันจะ
00:10:12 → 00:10:14 เหลือรอดมั้ล่ะ
00:10:14 → 00:10:14 >> อ๋อ
00:10:14 → 00:10:15 >> กระทงกะทิ
00:10:15 → 00:10:17 >> อ่าที่มันบูดง่ายอย่างเงี้ย
00:10:17 → 00:10:17 >> อือ
00:10:18 → 00:10:20 >> มันก็ไม่เหลือนะหมายความว่ามันก็จะบูด
00:10:20 → 00:10:23 หรือบางอย่างอย่างเงี้ยมันก็เป็นขนมอ่ะ
00:10:23 → 00:10:26 ที่มีกะทิมีแป้งพวกเนี้ยมันเหมาะ
00:10:26 → 00:10:26 >> อ
00:10:26 → 00:10:29 >> เป็นอาหารอันโอชะโอชาของเชื้อจุลินทรีย์
00:10:29 → 00:10:30 เลย
00:10:30 → 00:10:30 >> ค่ะ
00:10:30 → 00:10:32 >> มันก็จะเน่าบูดเสียได้ง่าย
00:10:32 → 00:10:35 >> เขาก็มีการใส่โดยที่เขาไม่ได้มานั่งดู
00:10:35 → 00:10:39 หรอกว่าห้ามเกิน 0.1% 1% มิลลิกรัมของ
00:10:40 → 00:10:42 อาหารนู่นนี่นั่นนึกออกมั้ครับ
00:10:42 → 00:10:44 >> ไปเ้าไปหาซื้อตาหมายถึงว่าไปเดินไปหาซื้อ
00:10:44 → 00:10:47 มาได้ขายทั่วไปครับคุณลีรีคือสารที่ใช้ใน
00:10:47 → 00:10:50 การสนอมอาหารเนี่ยมันก็มีเป็นวัตถุเจือปน
00:10:50 → 00:10:52 อาหารที่ใช้ในการใส่ในอาหารอยู่แล้ว
00:10:52 → 00:10:55 >> อ๋อคือเราตาสีตาสาเพิ่งแบบ
00:10:55 → 00:10:57 >> อ๋พ่อค้าแม่ขายเก็ใส่คนขายน้ำพริกแกงคน
00:10:57 → 00:11:02 ขายขนมจีนคนขายขนมหวานไปซื้อได้ตามปกติ
00:11:03 → 00:11:03 ครับ
00:11:03 → 00:11:05 >> เอ้านี่คือเ้าคือเขใส่
00:11:06 → 00:11:07 >> มันไม่ใช่ว่าไม่ใส่ไม่ได้นะไม่งั้นร้าน
00:11:07 → 00:11:10 สะดวกซื้อ 20 ยี่ห้อเนี่ยเขาจะไปซื้อที่
00:11:10 → 00:11:13 ไหนมาใส่ล่ะคนละเจ้ากันด้วยนะผู้ผลิตอ่ะ
00:11:13 → 00:11:15 >> ถ้าอย่างในอุระบบอุตสาหกรรมอันนี้เข้าใจ
00:11:15 → 00:11:19 ได้อาจเออแต่ว่ากำลังรู้สึกว่าแบบเฮ้ยเรา
00:11:19 → 00:11:21 สมมุติเราเพิ่งหัดทำอาหารแล้วแบบจะขาย
00:11:21 → 00:11:21 อย่างเงี้ย
00:11:21 → 00:11:24 >> คุณลีไปซื้อมาใส่ได้ครับผลิตภัณฑ์โotทop
00:11:24 → 00:11:27 หลายที่เลยเขาก็ใส่วัตถุการเสียแต่แค่ว่า
00:11:27 → 00:11:29 เราไม่ได้สนใจ
00:11:29 → 00:11:31 >> เราไม่ได้สนใจแล้วบางทีไอ้วัตถุการเสีย
00:11:31 → 00:11:35 เหล่านั้นน่ะมันเขียนข้างฉลากเป็นรหัส
00:11:35 → 00:11:37 >> อ่าเราก็เลยไม่รู้ว่าก็เลยไม่รู้เพราะมัน
00:11:37 → 00:11:39 เป็นตัวเลขรหัสนู่นรหัสนี้อย่างเงี้ยครับ
00:11:40 → 00:11:42 เราไม่รู้ว่าอ้าจริงๆแล้วมันคือวัตถุกัน
00:11:42 → 00:11:45 เสียวัตถุสีสังเคราะห์ปรุงแต่งเหล่าเนี้ย
00:11:45 → 00:11:48 เพียบเลยยิ่งอาหารแปรรูปเนี่ยยิ่งมีเยอะ
00:11:48 → 00:11:48 มาก
00:11:48 → 00:11:51 >> คือถ้าเกิดว่าอย่างในอาหารแปรรูปหรือที่
00:11:51 → 00:11:53 เขามาขายกันโดยที่ไม่ได้เป็นระบบ
00:11:53 → 00:11:55 อุตสาหกรรมอ่ะทั่วไปอย่างเงี้ยค่ะอาจารย์
00:11:55 → 00:11:58 หรือเป็นผลิตภัณฑ์ใดๆก็แล้วแต่เวลาระบุ
00:11:58 → 00:11:58 เนี่ย
00:11:58 → 00:12:00 >> เค้าต้องระบุว่า
00:12:00 → 00:12:01 >> เอ่อมีวัตถุกันเสีย
00:12:02 → 00:12:03 >> มีครับมีอยู่บนฉลากอาหารเลย
00:12:03 → 00:12:06 >> จะเป็นแค่คำอย่างนี้เลยใช่มั้คะซื้อขนม
00:12:06 → 00:12:09 ปัง 1 ก้อนเนี่ยครูลีเห็นได้เลยมันจะมี
00:12:09 → 00:12:11 เลยมีเขียนโอหูมาเป็นชุดเลย
00:12:11 → 00:12:13 >> วัตถุกันเสียอะไรมาก
00:12:13 → 00:12:15 >> อ่ามีอะไรมาเป็นชุดเลยสารให้ทดแทนความ
00:12:15 → 00:12:18 หวานอะไรสีสังเคราะห์อะไรมีเป็นตัวเลขวง
00:12:18 → 00:12:19 เล็บรหัสเลย
00:12:19 → 00:12:19 >> ต้องระบุ
00:12:20 → 00:12:21 >> ต้องไปสังเกตดู
00:12:21 → 00:12:24 >> อ่ามันคือกฎหมายอาหารเลยที่ถ้าคุณทำฉลาก
00:12:24 → 00:12:26 อาหารแล้วขึ้นทะเบียนขออย.ยังไงคุณก็ต้อง
00:12:26 → 00:12:29 มีเหล่านี้เว้นไว้เสียแต่ว่าอ้าก็ฉันขาย
00:12:29 → 00:12:32 แบบเหมือนอารมณ์แบบโotทopอ่ะ
00:12:32 → 00:12:34 >> หรือพ่อค้าแม่ขายทั่วไปอ่ะครัวเรือนถูก
00:12:34 → 00:12:36 ต้องครับแล้วเนี่ย
00:12:36 → 00:12:38 >> เค้าก็สามารถที่จะวิใส่ได้โดยที่ไม่ได้มี
00:12:38 → 00:12:40 การชั่งตรงวัดใดๆ
00:12:40 → 00:12:40 >> อ๋อ
00:12:40 → 00:12:42 >> นึกออกมั้ยครับฉะนั้นแล้วเนี่ยมันก็ไม่
00:12:42 → 00:12:46 เสียนะเค้าก็ยังขายได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น
00:12:46 → 00:12:48 >> โดยที่แกงเขียวหวานหม้อเนี้ยไม่เสียเว้น
00:12:48 → 00:12:51 ไว้เสียแต่ว่าบางร้านไม่ใส่ก็ดีไป
00:12:51 → 00:12:51 >> ค่ะ
00:12:51 → 00:12:53 >> เ้าก็จะมีการอุ่นร้อนอยู่บนเตาอยู่ตลอด
00:12:53 → 00:12:56 ถูกต้องแล้วมัน
00:12:56 → 00:12:59 หลายเทคนิคมากหลายวิธีการที่จะถนอมอาหาร
00:13:00 → 00:13:02 หรือรักษาอาหารไม่ให้บูดเน่าเสียหรือ
00:13:02 → 00:13:04 อาหารบางอย่างเราแบบทำไมเราซื้อแกงกะทิ
00:13:04 → 00:13:07 อันนี้มาเนี่ยแกะถุงออกมากลิ่นมันเริ่ม
00:13:07 → 00:13:08 แบบ
00:13:08 → 00:13:10 >> ไม่โอเคละกลิ่นไม่ได้เออโอเอันนี้ก็คือ
00:13:10 → 00:13:12 ควรทิ้งไปเลยนะเพราะเรามองไม่เห็นด้วยตา
00:13:12 → 00:13:16 เปล่าเรากินเข้าไปเนี่ยท้องเสียได้เลยนะ
00:13:16 → 00:13:16 >> อ้า
00:13:16 → 00:13:17 >> ถ่ายท้องอุจจาระร่วงได้เลย
00:13:17 → 00:13:19 >> แต่ถ้าสมมุติว่าเราไปซื้ออาหารมาอย่างงี้
00:13:19 → 00:13:23 ค่ะอาจารย์แบบว่าเออมันกลิ่นมันก็นิดเอ๊ะ
00:13:23 → 00:13:26 ยังไงยังไงนิดๆไม่ต้องเอาไม่ไม่กินเลยดี
00:13:26 → 00:13:27 กว่า
00:13:27 → 00:13:28 >> ทิ้งหมดเลยเนาะ
00:13:28 → 00:13:31 >> ถูกต้องบางคนเสียดายยิ่งผู้สูงอายุนะ
00:13:31 → 00:13:34 อาจารย์เจอประจำเสียดายไม่เป็นไรหรือขนม
00:13:34 → 00:13:36 ปังขึ้นลานิดนึง
00:13:36 → 00:13:39 >> ก็เอาเฉพาะที่ขึ้นลาฝั่งอื่นไม่ขึ้นก็นี่
00:13:39 → 00:13:42 ไงเห็นข้างบนส่วนข้างไอ้ตรงไหนขึ้นก็
00:13:42 → 00:13:46 >> เอ่อบิดมันทิ้งซะเฉือตัดมันทิ้งซะ
00:13:46 → 00:13:48 >> นะหรือแผ่นที่ขึ้นก็เอาออกซะส่วนอันอื่น
00:13:48 → 00:13:49 ก็ยังกินได้
00:13:49 → 00:13:50 >> เออ
00:13:50 → 00:13:52 >> มันมองไม่เห็นมันยังไม่เห็นด้วยตาเปล่า
00:13:52 → 00:13:54 แต่มันเจริญเติบโตแบบมัน
00:13:54 → 00:13:57 >> ฟูขึ้นมาแล้วลาเนี่ยขึ้นมาแล้วแล้วมันก็
00:13:57 → 00:13:59 ส่งผลกระทบเสียกับสุขภาพ
00:13:59 → 00:13:59 >> อื
00:13:59 → 00:14:02 >> ของเราแบบอาการท้องส่งท้องเสียก็เกิดขึ้น
00:14:02 → 00:14:05 ได้หรือเราได้รับสารอัฟราท็อกซินอย่าง
00:14:05 → 00:14:07 เงี้ยที่เป็นสารก่อมะเร็งอย่างเงี้ยแล้ว
00:14:07 → 00:14:09 ได้รับเป็นประจำบ่อยๆมันก็ไม่โอเคและมัน
00:14:10 → 00:14:12 เหมือนดาบสังคมอ่ะการบูดกันเสียก็ไม่ให้
00:14:12 → 00:14:15 >> สารพิษมันเกิดขึ้นในอาหารแต่ตัวมันเองก็
00:14:15 → 00:14:16 >> มีพิษออ
00:14:17 → 00:14:19 >> อ่าถ้าเราได้รับซึ่งมันก็จะมีปริมาณที่
00:14:20 → 00:14:23 เขาเรียกว่าค่า ADI คือ acipable dairy
00:14:23 → 00:14:25 inake ว่าปริมาณในแต่ละวันที่เรารับได้
00:14:25 → 00:14:28 เนี่ยไม่ควรเกินเท่าไหร่แต่ละอย่างเนี่ย
00:14:28 → 00:14:30 มันจะมีตัวเลขออกมาเลยในอุตสาหกรรมอาหาร
00:14:30 → 00:14:34 ในสารการบูดการเสียเหล่าเนี้ยว่าเฮ้ยห้าม
00:14:34 → 00:14:36 ใช้เกินกี่มิลลิกรัม
00:14:37 → 00:14:37 >> อื
00:14:37 → 00:14:37 >> อ่า
00:14:38 → 00:14:40 >> ก็ไม่เกินวันนี้ไม่เกินพรุ่งนี้ไม่เกิน
00:14:40 → 00:14:43 ที่ผ่านมาก็ไม่เกินไม่เกินเกินถกินบ่อย
00:14:43 → 00:14:45 กินทุกวันแล้วยิ่งเฉพาะในผู้สูงอายุ
00:14:46 → 00:14:46 >> อ่า
00:14:46 → 00:14:50 >> ในเด็กเล็กอ่ายิงตั้งครรภ์
00:14:50 → 00:14:52 >> ให้นมบุตรซึ่งกลุ่มเหล่าเนี้ยเป็นกลุ่ม
00:14:52 → 00:14:55 ที่เensitiveต้องบอกอย่างงี้เพราะว่า
00:14:55 → 00:14:58 โอกาสของเขาในการที่จะเกิดความเป็นพิษกับ
00:14:58 → 00:15:01 สารเหล่าเนี้ยมันไม่เหมือนคนปกติวัยรุ่น
00:15:01 → 00:15:02 หนุ่มสาวแบบเรา
00:15:02 → 00:15:02 >> อ่าแข็งแรงอยู่
00:15:03 → 00:15:05 >> อ่ายังแข็งแรงดีอยู่พออายุเยอะปุ๊บเนี่ย
00:15:05 → 00:15:08 กระบวนการกำจัดสารพิษหรือทoxification
00:15:08 → 00:15:09 ของร่างกายเนี่ย
00:15:09 → 00:15:09 >> มันน้อยลง
00:15:09 → 00:15:10 >> มันน้อยลงไง
00:15:10 → 00:15:11 >> อื
00:15:11 → 00:15:13 >> ต่อให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยแต่คุณกินถี่
00:15:13 → 00:15:16 กินบ่อยมันก็อาจจะไม่ปลอดภัยและแล้วมันก็
00:15:16 → 00:15:19 จะส่งผลกระทบกับสุขภาพแล้วบางคนเนี่ยแบบ
00:15:19 → 00:15:22 เฮ้ยไม่รู้เลยทุกอย่างอาจารย์บอกเลยนะว่า
00:15:22 → 00:15:25 เรากินซอสปรุงรสซอสมะเขือเทศมายองเนสน้ำ
00:15:25 → 00:15:29 จิ้มไก่ต่างๆเนี่ยขนมต่างๆที่มันเป็น
00:15:29 → 00:15:31 >> พูดง่ายๆว่าเอาท่าพอเศษฟู้เนี่ยมันมีสาร
00:15:31 → 00:15:33 การบูดหมดเลยเพราะไม่งั้นมันไม่ใส่เนี่ย
00:15:34 → 00:15:37 มันมันไม่ได้นมปรุงแต่งรสตั้งหลายแหล่ขนม
00:15:37 → 00:15:38 ปัง
00:15:38 → 00:15:40 >> ที่เราเห็นเนี่ยโฮวีโอ้
00:15:40 → 00:15:41 >> อ่าเพื่อสุขภาพเลย
00:15:41 → 00:15:45 >> เพื่อสุขภาพถูกต้องแต่บางแบรนด์บางยี่ห้อ
00:15:46 → 00:15:49 ใส่สารกันบูดกันเสียหลายยี่ห้อเลยแต่บาง
00:15:49 → 00:15:52 ยี่ห้อไม่ใส่นะคุณลีก็ต้องดูบางทีอ่ะเก็บ
00:15:52 → 00:15:54 ได้ไม่กี่วันน่ะต้องทิ้งแล้วอ่ะ
00:15:54 → 00:15:55 >> ขนมปังสด
00:15:55 → 00:15:57 >> กินได้วัน 2 วันแต่บางยี่ห้อเนี่ยโอโห
00:15:57 → 00:15:58 เก็บได้นาน
00:15:58 → 00:15:59 >> เออ
00:15:59 → 00:16:03 >> พอเขาใส่นะนี่แหละถึงบอกว่าอยากอายุยืนก็
00:16:03 → 00:16:05 ต้องกินอาหารที่อายุสั้นอายุสั้นก็ต้อง
00:16:05 → 00:16:08 กินอาหารที่อายุยืนยาว
00:16:08 → 00:16:10 >> อ้าวมันกลายเป็นอย่างงี้ค่ะอาจารย์ใน
00:16:10 → 00:16:12 เมื่ออาหารหลายๆประเภทเนี่ยมันมีเอ่อสาร
00:16:13 → 00:16:15 กันบูดกันเสียเนี้ยเยอะไปหมดเลยมันก็กลาย
00:16:15 → 00:16:17 เป็นว่าอ้ามันก็เกินได้เหมือนกันนะแต่ละ
00:16:17 → 00:16:20 วันน่ะอย่างในขนมปังเนี่ย
00:16:20 → 00:16:21 >> ขนมปังเออใช่
00:16:21 → 00:16:24 เป็นตอนเช้าเข้าร้านสะดวกซื้อรีบอยาก
00:16:24 → 00:16:27 >> อันถูกต้องเลยใช่เลยเหมือนกับอันนี้ไม่
00:16:28 → 00:16:32 ใช่สารการบูดการเสียอะไรนะชาที่เขามี
00:16:32 → 00:16:34 เซอร์เวย์มาล่าสุดอ่ะที่ออกเป็นโซชal
00:16:34 → 00:16:38 โซเชียลอะไรแบบโหเต็มไปหมดเลยที่ตรวจ
00:16:38 → 00:16:40 วิเคราะห์สีสังเคราะห์อันนั้นไม่ใช่สาร
00:16:40 → 00:16:43 การบูดนะว่าเกินมั้หลายยี่ห้อเกิน
00:16:43 → 00:16:44 >> ไว้ตายแล้ว
00:16:44 → 00:16:47 >> ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอ่ะเขาสำรวจออก
00:16:47 → 00:16:50 มาฮะแล้วก็เป็นกระแสว่าเฮ้ยก็ยังไม่เป็น
00:16:50 → 00:16:52 ไรนะยังกินได้เพราะคูณน้ำหนักตัวแล้วแต่
00:16:52 → 00:16:55 ละคนต่างกันค่านะครับเพราะเขาจะแบบเป็น
00:16:55 → 00:16:57 ตัวเลขว่าไม่เกินกี่มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก
00:16:57 → 00:16:58 ตัว 1 กก.อื
00:16:58 → 00:17:00 >> ถ้าเราหนัก 60 ก็เอา 60 คูณตัวเลขนั้นว่า
00:17:00 → 00:17:03 วันนึงไม่เกินเท่าไหร่แล้วฉันกินชาย
00:17:03 → 00:17:06 อันเนี้ยอยู่ทุกวันเลยอ่ะชานมไข่มุก
00:17:06 → 00:17:08 อันเนี้อยู่ทุกวันก็ไม่เห็นเกินเลยนี่
00:17:08 → 00:17:10 อาจารย์แต่เราไม่ได้รับมาจากแหล่งเดียวไง
00:17:10 → 00:17:12 อย่างคุณลีว่าเลยอ่ะสารกันบูดเราไม่ได้
00:17:12 → 00:17:13 รับมาจากแหล่งเดียวนะ
00:17:13 → 00:17:14 >> เออนั่นน่ะสิ
00:17:14 → 00:17:18 >> เรากินอื่นๆเนี่ยอาหารแปรรูป foodra food
00:17:18 → 00:17:20 เนี่ยสังคบบุญหมดเลย
00:17:20 → 00:17:21 >> อื
00:17:21 → 00:17:25 >> ฉะนั้นเนี่ยมันก็ส่งผลกระทบต่างๆกับโอ๋
00:17:25 → 00:17:29 สุขภาพร่างกายของเราเนี่ยแบบเยอะนะผล
00:17:29 → 00:17:31 กระทบกับสุขภาพเนี่ยของการได้รับสารการ
00:17:31 → 00:17:35 บูดเนี่ยมันมีทั้งระยะสั้นและระยะยาวระยะ
00:17:35 → 00:17:39 สั้นส่วนใหญ่จะพบแบบเกินน่ะใส่เกิน
00:17:39 → 00:17:41 >> ออใส่เกินนี่มันไม่ได้มีรสชาติหรือหรือ
00:17:41 → 00:17:43 กลิ่นหรืออะไรที่มันให้รู้สึกชุลีก็ยัง
00:17:43 → 00:17:44 กินอร่อยเหมือนเดิม
00:17:44 → 00:17:45 >> ออ
00:17:45 → 00:17:48 >> อ่าแต่เราอ่ะไม่รู้เลยฉะนั้นแล้วเวลาเรา
00:17:48 → 00:17:52 เลือกเนี่ยถึงบอกว่ามาตรฐานคุณภาพแหล่ง
00:17:52 → 00:17:55 >> ก็สำคัญนะว่าเราก็ต้องเลือกยี่ห้อที่เอ่อ
00:17:55 → 00:17:58 ผู้ผลิตเชื่อถือได้มีคุณภาพภาพมาตรฐานใน
00:17:58 → 00:18:01 การผลิตอ่าเพราะบางทีเนี่ยเราแบบไปได้รับ
00:18:02 → 00:18:04 เข้าไปแล้วแบบเฮ้ยได้รับเยอะบางทีมีการ
00:18:04 → 00:18:09 คลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวถ่ายท้องนะครับ
00:18:09 → 00:18:10 หรือผื่นขึ้นอย่างเงี้ย
00:18:10 → 00:18:12 >> เราไม่รู้เลยเอ๊ะทำไมเรากินแล้วอยู่ๆแบบ
00:18:12 → 00:18:14 เรากินขนมปังนี่แล้วผื่นขึ้น
00:18:14 → 00:18:15 >> คิดว่าแพ้ขนมปัง
00:18:15 → 00:18:21 >> อ่าแพ้แบบขนมปังหรือแบบเต้นเออะไรเอยใช่
00:18:21 → 00:18:23 แต่บางทีอาจจะ
00:18:23 → 00:18:25 >> จากซันไฟท์อย่างเงี้ยก็เกิดขึ้นได้จากสาร
00:18:25 → 00:18:26 การบูด
00:18:26 → 00:18:27 >> โอ้โหที่เใส่
00:18:27 → 00:18:29 >> ซึ่งแล้วมันใส่เกินไงแล้วถามว่าผู้บริโภค
00:18:29 → 00:18:30 รู้มั้ย
00:18:30 → 00:18:31 >> จะรู้มั้ล่ะเออนั่นไง
00:18:31 → 00:18:34 >> ไม่รู้เลยอันเนี้คือระยะสั้นก็ออกผลระยะ
00:18:34 → 00:18:38 สั้นทำไมวันนี้รู้สึกแบบเออคลื่นไส้
00:18:38 → 00:18:41 อาเจียนเวียนหัวเอ๊ะหรือว่าจะมีข่าวดีเออ
00:18:41 → 00:18:43 ไม่ใช่ขีดเดียวอยู่เลยขีดเดียวอยู่เลย
00:18:44 → 00:18:48 >> คือคืออ๋อคุณได้รับสารกันบูดอาจจะเกินโดย
00:18:48 → 00:18:50 ที่เราไม่รู้รู้ตัว
00:18:50 → 00:18:54 >> นะและระยะยาวระยะยาวเนี่ยพวกไนเตรตไนไต
00:18:54 → 00:18:54 เนี่ย
00:18:54 → 00:18:56 >> มันสามารถที่จะแปรสภาพถ้าเป็นไนโตรซามีน
00:18:56 → 00:19:01 ได้บางคนชอบกินมากไส้กรอกแฮมเบคอนไส้กรอก
00:19:01 → 00:19:02 แฮมเบคอน
00:19:02 → 00:19:03 >> อาหารเช้า
00:19:03 → 00:19:07 >> อาหารเช้าของชาวเรานะแบบนึกว่าอยู่โรงแรม
00:19:07 → 00:19:10 อ่ะนะกินทุกเช้าไส้กรอกแฮมเบคอน
00:19:10 → 00:19:12 >> นะแล้วก็น้ำสลัด
00:19:12 → 00:19:16 >> จุกๆอสารการบูดไนเตนไตแล้วก็สารการบูดที่
00:19:16 → 00:19:20 อยู่ในน้ำสลัดอีกซึ่งไนเตนไตในอาหารเนื้อ
00:19:20 → 00:19:23 สัตว์แปรรูปเหล่าเนี้ยนะครับเวลาร่างกาย
00:19:23 → 00:19:25 เราได้รับแล้วเนี่ยไปเจอกรดในร่างกายแล้ว
00:19:25 → 00:19:29 นะนะครับมันจะไปทำปฏิกิริยาแล้วทำให้
00:19:29 → 00:19:32 เปลี่ยนสภาพเป็นสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสาร
00:19:32 → 00:19:36 ก่อมะเร็งอ่าที่อยู่ในหลักฐานระดับเดียว
00:19:36 → 00:19:40 กันกับพวกที่สูบบุหรี่เป็นประจำได้รับแร่
00:19:40 → 00:19:43 ใยหินแอสเบสตอสได้อะไรอย่างเงี้ยหลักฐาน
00:19:43 → 00:19:44 ค่อนข้างจะสรอง
00:19:44 → 00:19:45 >> อื
00:19:45 → 00:19:48 >> นะไม่ใช่ว่ากินเหล่านี้แล้วเท่ากับแบบ
00:19:48 → 00:19:52 >> เฮ้ยเหมือนกับคนแบบร้ายแรงเท่ากับ
00:19:52 → 00:19:56 ซูบุหรี่แต่จะบอกว่าถ้าเรากินเป็นประจำ
00:19:56 → 00:19:56 ทุกวัน
00:19:56 → 00:19:57 >> อื
00:19:57 → 00:19:59 >> โอกาสในการเสี่ยงมะเร็งก็จะสูงขึ้น
00:19:59 → 00:20:00 >> อื
00:20:00 → 00:20:04 >> อ่านานๆทีได้เช่นคุณลีแบบเอ้ยเอ่อช่วงนี้
00:20:04 → 00:20:07 พักร้อนไปโรงแรมอุ๊ยฉันอยากจะกินไส้กรอก
00:20:07 → 00:20:08 สักอันเบคอนสักชิ้น
00:20:09 → 00:20:13 >> อ่าก็ยังพอโอเคก็คือแล้วคุณก็กินพวก
00:20:13 → 00:20:17 >> พืชผักผลไม้สดวิตามินซีวิตามินซีจะไปยับ
00:20:17 → 00:20:19 ยั้งการเปลี่ยนไนเตรตไนไตท์ไปเป็น
00:20:19 → 00:20:22 ไนโตรซามีนนั่นคือยับยั้งการเกิดสารก่อ
00:20:22 → 00:20:23 มะเร็ง
00:20:23 → 00:20:25 >> อแต่ต้องกินให้ถึงมั้วิตามินซีต้องกินให้
00:20:25 → 00:20:26 ถึง
00:20:26 → 00:20:28 >> ก็กินให้หลากหลายนี่แหละครับกินให้ถึงใช่
00:20:28 → 00:20:30 บางคนจะกินเป็นเม็ดเสริมอะไรอาจารย์ก็ไม่
00:20:30 → 00:20:32 ได้ว่าแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนบางคนก็
00:20:32 → 00:20:36 อ่าเน้นที่กินผักกินผลไม้อย่างเงี้ยนะก็
00:20:36 → 00:20:39 ต้องให้มันเพียงพอนะครับแต่ว่ามันมีงาน
00:20:39 → 00:20:42 วิจัยว่าเอ้ยมันลดโอกาสนะในการเกิดสารก่อ
00:20:42 → 00:20:46 มะเร็งได้เนี่ยพวกเนี้ยหรือสารซันไฟทที่
00:20:46 → 00:20:50 อาจารย์บอกเนี่ยจะไปกระตุ้นอาการห่อผืด
00:20:50 → 00:20:53 ได้ด้วยนะอ่าบางคนกินพวกอ
00:20:53 → 00:20:56 >> ผลไม้แห้งอย่างเงี้ยบางคนชอบผลไม้แห้ง
00:20:56 → 00:20:57 เฮ้ยมันหวานดี
00:20:57 → 00:20:57 >> อ่า
00:20:57 → 00:21:01 >> อ่าพวกเนี้ยก็จะมีพวกสารกันบูดพวกซันไฟท
00:21:01 → 00:21:04 อยู่เนาะซึ่งมันก็จะทำให้เกิดปัญหาเรื่อง
00:21:04 → 00:21:08 หอผืดได้หรือบางอย่างเนี่ยมีผลทำให้เด็ก
00:21:08 → 00:21:10 อ่ะได้รับประจำเนี่ยมีโอกาสทำให้เกิด
00:21:10 → 00:21:13 สมาธิสั้นได้มันส่งผลกระทบกับร่างกายของ
00:21:13 → 00:21:16 เราเนี่ยแบบค่อนข้างเยอะมากมันมีงานวิจัย
00:21:16 → 00:21:19 เอ่อซันไฟทนี่แหละนะครับสัมพันธ์กับการ
00:21:19 → 00:21:21 เกิดหอบหืดในเด็ก
00:21:21 → 00:21:21 >> ออ
00:21:21 → 00:21:24 >> อ่าแล้วสารกันเสียบางอย่างนะครับรบกวนการ
00:21:24 → 00:21:27 ทำงานของตับไตเห็นมั้ยคือมันถือว่ามัน
00:21:27 → 00:21:30 เป็นสิ่งแปลกปลอมอ่ะแต่ร่างกายได้รับได้
00:21:30 → 00:21:33 มั้ได้รับได้ในปริมาณที่ไม่ได้เยอะ
00:21:33 → 00:21:33 >> ขับออกได้
00:21:33 → 00:21:35 >> เยอะมากน้อยแค่ไหนถูกต้องเราก็ยังมี
00:21:35 → 00:21:38 ศักยภาพในการขับออกได้แต่อย่าลืมนะครับ
00:21:38 → 00:21:39 ว่า
00:21:39 → 00:21:42 >> ขับออกได้เนี่ยประสิทธิภาพในการขับออกของ
00:21:42 → 00:21:43 แต่ละคนเนี่ย
00:21:43 → 00:21:44 >> แตกต่างกัน
00:21:44 → 00:21:47 >> เออนั้นแล้วก็ต้องฝากเนาะคุณผู้ฟังไว้ว่า
00:21:47 → 00:21:53 เฮ้ยแนวทางในการเลือกบริโภคพวกอาหารนะแปร
00:21:53 → 00:21:56 รูปแปรรูปโดยเฉพาะแปรรูปขั้นสุดนะครับที่
00:21:57 → 00:21:58 มักจะมีสาร
00:21:58 → 00:21:59 >> อ
00:21:59 → 00:22:01 >> preservative หรือการบูดกันเสียอยู่
00:22:01 → 00:22:05 เนี่ยให้อ่านฉลากตรวจสอบซิว่าเฮ้ยมันมี
00:22:05 → 00:22:07 วัตถุการเสียมากน้อยแค่ไหน
00:22:07 → 00:22:10 >> นะแล้วเลือกอาหารที่
00:22:10 → 00:22:12 >> ไม่ใส่วัตถุการเสียได้อันเนี้ดีที่สุด
00:22:12 → 00:22:13 >> ค่ะ
00:22:13 → 00:22:16 >> อ่าหรือใส่แต่น้อยนะครับหลีกเลี่ยงแปรรูป
00:22:16 → 00:22:17 อ่ะ
00:22:17 → 00:22:19 >> ส่วนใหญ่วัตถุการเสียอยู่ในอาหารแปรรูป
00:22:19 → 00:22:23 >> อ้าพอ Food ทั้งหลายนี่แหละนะครับมันมัน
00:22:23 → 00:22:26 ก็จะทำให้เราเนี่ยได้รับน้อยลงโอกาสที่จะ
00:22:26 → 00:22:29 เกิดความเป็นพิษหรือการสะสมเราชอบพูดภาษา
00:22:29 → 00:22:33 ชาวบ้านเฮ้ยมันสะสมมั้ยสะสมมั้ยนะเวลาเรา
00:22:33 → 00:22:35 กินไอ้พวกวิตามินน่ะ
00:22:35 → 00:22:36 >> ค่ะ
00:22:36 → 00:22:38 >> เราจะถามคำถามเหล่านี้เสมอ
00:22:38 → 00:22:39 >> ซึ่งวิตามินมีประโยชน์กับร่างกายนะ
00:22:39 → 00:22:40 >> สะสมมั้ยอ่ะ
00:22:40 → 00:22:43 >> อ่าแล้วเอ้ยสะสมมั้ยแต่เวลาเรากินน้ำหวาน
00:22:43 → 00:22:45 น้ำอารมณ์ชานมไข่มุก
00:22:45 → 00:22:45 >> ไม่ทั้ง
00:22:45 → 00:22:47 >> หรืออาหารแปรรูป
00:22:47 → 00:22:50 >> ทำไมเราไม่ถามเลยว่ามันสะสมมั้ยซึ่งมัน
00:22:50 → 00:22:53 มันคือสิ่งที่มีความเป็นพิษแต่เราแบบอูย
00:22:53 → 00:22:58 กินไส้กรอกแคมเบคอนลูกชิ้นทอดเรากินแบบ
00:22:58 → 00:23:00 นึกออกมั้ครับอาหารแปรรูปเยอะมาก
00:23:00 → 00:23:01 >> อื
00:23:01 → 00:23:03 >> นะครับคุกกี้เบอร์เกอรี่โนัทน้ำหวานน้ำ
00:23:03 → 00:23:07 อัดลมแต่เราแบบไม่กลัว
00:23:07 → 00:23:08 >> อื
00:23:08 → 00:23:11 >> อ่าแต่พอเราไปจะกินวิตามินเรากลัวแล้ว
00:23:11 → 00:23:11 สะสมมั้ย
00:23:11 → 00:23:13 >> สะสมมั้เป็นปัญหากับไตมั้ย
00:23:13 → 00:23:16 >> เป็นปัญหากับไตมั้ยอีที่เป็นปัญหาหนักกับ
00:23:16 → 00:23:18 ไตเนี่ยคือสิ่งเหล่านี้แหละ
00:23:18 → 00:23:21 >> อ่าที่มันแฝงอยู่ในอาหารซึ่งอาจารย์บอก
00:23:21 → 00:23:23 เลยว่ามันเป็นภัยเงียบแฝง
00:23:23 → 00:23:23 >> อื
00:23:23 → 00:23:26 >> อ่าที่ฝากคุณผู้ฟังไว้ว่าเอ้ยสังเกตฉลาก
00:23:26 → 00:23:30 โภชนาการแล้วก็เลือกแหล่งเนาะที่มีคุณภาพ
00:23:30 → 00:23:32 มาตรฐานนะครับ
00:23:32 → 00:23:34 >> ทุกวันนี้อ่านจนแบบว่าจนเพื่อนต้องถามว่า
00:23:34 → 00:23:37 จะยืนอีกนานมั้
00:23:37 → 00:23:39 ยืนอ่านอยู่นั่นแหละอะไรอย่างงี้นะคะแต่
00:23:39 → 00:23:41 ว่าสงสัยต้องเพิ่มรายละเอียดเข้าไปมาก
00:23:41 → 00:23:44 ขึ้นว่าอ่ะวัตถุกันเสียมีสารกันเสียอะไร
00:23:44 → 00:23:46 ยังไงบ้างก็จะได้ระวังมากขึ้นแต่ไม่ถึง
00:23:46 → 00:23:49 ขนาดว่าโอ้โหชีวิตนี้ฉันก็ต้องกิน
00:23:49 → 00:23:53 >> โอ้โหไม่ได้มาให้ตื่นตูมตกใจ
00:23:53 → 00:23:54 ก็น้อยลง
00:23:54 → 00:23:57 >> ให้ตระหนักบ้างอย่าตระหนกไปเนาะแต่ก็ต้อง
00:23:57 → 00:23:59 มีความตระหนักว่าเฮ้ยดูฉลากว่าเฮ้ยสารกัน
00:23:59 → 00:24:02 บูดกันเสียคือถ้าพูดง่ายๆนะว่าถ้าคุณผู้
00:24:02 → 00:24:06 ฟังเลี่ยงอาหารอัลต้าพาออเสดคืออาหารแปร
00:24:06 → 00:24:07 รูปอ่ะ
00:24:07 → 00:24:07 >> ค่ะ
00:24:07 → 00:24:09 >> แปรรูปชัดๆเลยอ่ะเออ
00:24:09 → 00:24:12 >> พวกเนี้ยคือคุณก็จะเลี่ยงพวกสารการบุกกัน
00:24:12 → 00:24:15 เสียได้แล้วในระดับนึงมันก็จะทำให้สุขภาพ
00:24:15 → 00:24:17 >> ของเราเนี่ยดีขึ้น
00:24:17 → 00:24:19 >> นะครับอายุเราก็จะยืนยาวอย่างมีคุณภาพมาก
00:24:19 → 00:24:20 ขึ้น
00:24:20 → 00:24:24 >> ใช่ค่ะไม่ใช่ยาวไปแล้วนอนแมบอันนี้ก็ไม่
00:24:24 → 00:24:27 ไหวนะคะขอบคุณอาจารย์เอกราชค่ะขอบคุณค่ะ
00:24:27 → 00:24:28 สวัสดีค่ะ
00:24:28 → 00:24:29 >> สวัสดีครับ
00:24:29 → 00:24:30 >> หมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้ง
00:24:30 → 00:24:33 หน้ากับรายการโรงหมอทาง Thai PBS
00:24:33 → 00:24:36 Podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:24:36 → 00:24:38 >> This is Thai PBS Podcast
00:24:39 → 00:24:41 >> การจากเป็นกับการจากตายจากแบบไหนที่ทำให้
00:24:41 → 00:24:43 คนเรารู้สึกเจ็บปวดมากกว่ากันความรู้สึก
00:24:43 → 00:24:45 นี้ขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้างผู้ช่วย
00:24:45 → 00:24:48 ศาสตราจารย์ดร.จันทวิภายืนสัมพันธ์ผู้
00:24:48 → 00:24:50 เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัวมา
00:24:50 → 00:24:52 เล่าให้ฟังครับ
00:24:52 → 00:24:54 >> ความรักเนี่ยไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน
00:24:54 → 00:24:58 แบบพ่อแม่ลูกญาติพี่น้องหรือแม้แต่คนรัก
00:24:58 → 00:25:00 หรือสามีภรรยาเนี่ยมันก็เป็นเรื่องของ
00:25:00 → 00:25:01 ความเจ็บปวด
00:25:01 → 00:25:04 >> เพราะว่าเราแชร์ในสิ่งเหล่านี้ร่วมกันมา
00:25:04 → 00:25:06 ทีนี้จากเป็นหรือจากตายอะไรดีกว่ากันคำ
00:25:06 → 00:25:10 ตอบมันก็อยู่ในตัวแล้วขึ้นอยู่กับคนยกตัว
00:25:10 → 00:25:12 อย่างเช่นสมมุติว่าคนที่เรารักที่สุด
00:25:12 → 00:25:14 เนี่ยเค้าตายจากไปเราก็ไม่อยากให้เขาค้า
00:25:14 → 00:25:19 ไปหรอกแต่ณวันที่เขาจะตายเนี่ยเขาทรมานมา
00:25:19 → 00:25:21 เยอะแล้วด้วยโรคภัยไข้เจ็บเราก็คงจะบอก
00:25:21 → 00:25:23 ว่าถ้าอย่างงั้นน่ะ
00:25:23 → 00:25:26 >> ไปเลยดีกว่าอย่าทรมานเลยแต่ถ้าเขายังดีๆ
00:25:26 → 00:25:30 อยู่ยังมีความสดชื่นมีอะไรต่ออะไรแต่มา
00:25:30 → 00:25:32 ปุ๊บปั๊บตายด้วยอุบัติเหตุมันก็เป็นความ
00:25:32 → 00:25:33 เจ็บปวดอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน
00:25:33 → 00:25:34 >> อื
00:25:34 → 00:25:38 >> หรือการจากลากันแบบไม่ค่อยดีอ่ะจากกัน
00:25:38 → 00:25:40 ทั้งรักอ่ะสมมุติรักกันอยู่เงี้ยแต่มันมี
00:25:40 → 00:25:43 ความจำเป็นที่ต้องแยกจากกันน่ะเช่นสมมุติ
00:25:43 → 00:25:45 ว่าเจะต้องไปรับผิดชอบคนอื่นค่ะด้วยความ
00:25:45 → 00:25:48 จำเป็นหรือมันก็เป็นความเจ็บปวดที่แสน
00:25:48 → 00:25:51 สาหัสเหมือนกันเพราะฉะนั้นอันไม่มีใคร
00:25:51 → 00:25:55 ชั่งน้ำหนักได้ว่าอะไรมากอะไรน้อยขึ้น
00:25:55 → 00:25:57 อยู่กับตัวบุคคลและขึ้นอยู่กับวิธี
00:25:57 → 00:26:00 เยียวยาของแต่ละคนด้วยเพราะนั้นการสูญ
00:26:00 → 00:26:01 เสียบุคคลเป็นที่รักเนี่ยมันเป็นเรื่อง
00:26:01 → 00:26:05 ที่ยากค่ะที่จะเผชิญหน้ากับมันเพราะว่า
00:26:05 → 00:26:08 มันเจ็บปวดและเศร้าโศกเนี่ยมันสูงมากความ
00:26:08 → 00:26:10 รู้สึกเนี้ยยิ่งคนนั้นเนี่ยเรารักมากเท่า
00:26:10 → 00:26:13 ไหร่ผูกพันด้วยมากเท่าไหร่ความเจ็บปวดมัน
00:26:13 → 00:26:15 ยิ่งมากเท่านั้นทีนี้บางคนก็ต้องใช้เวลา
00:26:15 → 00:26:18 ที่นานทีเดียวที่จะเป็นตัวยอมรับได้นะคะ
00:26:18 → 00:26:20 ต้องเยียวยากันนานทีเดียวนะฮะเพื่อให้
00:26:21 → 00:26:23 ชีวิตสามารถดำเนินไปอย่างปกติได้สิ่ง
00:26:23 → 00:26:25 เหล่าเนี้ยเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่อง
00:26:26 → 00:26:28 เยียวยาเราได้เพราะฉะนั้นบางคนก็อาจจะถึง
00:26:28 → 00:26:30 ขั้นภาวะซึมเศร้าก็ได้เพราะฉะนั้นวิธีการ
00:26:30 → 00:26:33 เผชิญสูญเสียเนี่ยการแสดงออกถึงความเจ็บ
00:26:33 → 00:26:35 ปวดของความเสียใจของแต่ละคนเนี่ยมันต่าง
00:26:35 → 00:26:39 กันนะบางคนก็อาจจะหูตีอกชกหัวพิราบพิราบ
00:26:39 → 00:26:42 รำพันมากมายแต่บางคนก็นิ่ง
00:26:42 → 00:26:42 >> อือๆ
00:26:42 → 00:26:44 >> นะฮะนิ่งและเก็บกฎอยู่ข้างในบอกไม่ได้
00:26:44 → 00:26:47 หรอกนะฮะเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้อาจจะ
00:26:47 → 00:26:49 ช่วยให้เราปรับตัวแล้วก็ก้าวผ่าน
00:26:49 → 00:26:52 สถานการณ์นั้นไปได้อยากให้ยอมรับความรู้
00:26:52 → 00:26:54 สึกที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ
00:26:55 → 00:26:57 เศร้าเสียใจความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น
00:26:57 → 00:27:00 น่ะเป็นสิ่งปกติไม่ต้องไปเก็บกฎมันให้ยอม
00:27:00 → 00:27:03 รับความรู้สึกของตัวเองอย่าไปทำเป็นว่า
00:27:03 → 00:27:06 ฉันอยู่ได้ไปเก็บกฎอะไรเงี้ไม่ใช่นะคะ
00:27:06 → 00:27:09 >> ทีนี้ระบายนะฮะพูดคุยหรือระบายความรู้สึก
00:27:09 → 00:27:12 กับคนที่เรารักหรือคนที่เราเข้าใจหรือ
00:27:12 → 00:27:21 สมาชิกในครอบครัวอื
00:27:21 → 00:27:24 คนที่เราเข้าใจเราได้รับฟังให้กำลังใจผู้
00:27:24 → 00:27:27 อื่นด้วยทั้งๆที่เราก็แย่นะแต่เราต้องหัด
00:27:27 → 00:27:30 ให้กำลังใจผู้ที่กำลังเผชิญความสูญเสีย
00:27:30 → 00:27:33 เหมือนกันสุดท้ายนะคะก็คือจดจำและระลึก
00:27:33 → 00:27:35 ถึงคนที่จากไป
00:27:35 → 00:27:38 >> อันนี้ต่างกันถ้าคนที่ตายจากเราก็นึกนึก
00:27:38 → 00:27:41 ถึงเก็บภาพที่เค้ารับไว้ช่วงเวลาที่เรามี
00:27:41 → 00:27:43 ความสุขร่วมกันเพื่อย้ำเตือนให้เขาอยู่ใน
00:27:43 → 00:27:46 ความทรงจำดีๆของเราตลอดเวลาแต่ไม่ใช่มาทำ
00:27:46 → 00:27:49 ให้ทุกข์แล้วเสียดาย
00:27:49 → 00:27:51 [เพลง]
00:27:51 → 00:27:55 >> This is Thai PBS Podcast
00:27:55 → 00:27:58 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:27:58 → 00:28:00 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:28:00 → 00:28:02 thapodcast.com
00:28:02 → 00:28:06 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:28:06 → 00:28:09 ผ่าน podcast ช่องทางอื่นๆ Spotify
00:28:09 → 00:28:14 YouTube Apple Podcast และ Soundcloud
00:28:14 → 00:28:17 [เพลง]