00:00:00 → 00:00:05 มัทฉะคุณภาพดีนะครับ จะมี EGCG มากกว่า ชาเขียวทั่วไปถึงประมาณ 3-10 เท่า ชาเขียว
00:00:05 → 00:00:10 จะเหมาะกับคนทั่วไปที่อยากดื่มแบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารสำคัญที่อาจจะมาก
00:00:10 → 00:00:15 เกินไปถ้าเราดื่มบ่อยขึ้น มัทฉะเหมาะกับคน ที่ต้องการความตื่นตัวในการทำงานครับแต่
00:00:15 → 00:00:20 ว่าเป็นลักษณะการตื่นตัวแบบสงบนิ่งมี สมาธิ เช่นคนที่ต้องทำงานต่อเนื่องใน
00:00:20 → 00:00:26 ลักษณะงานที่ใช้สมาธิสูง สวัสดีครับขอต้อน รับเข้าสู่หมออ๊อกบอกเล่า หลายคนอาจคิดว่า
00:00:26 → 00:00:32 มัจฉะกับชาเขียวก็คล้ายๆกันแหละแค่รูปแบบ การชงที่แตกต่างกันแต่จริงๆแล้วทั้ง 2
00:00:32 → 00:00:37 อย่างมีความแตกต่างกันครับ ตั้งแต่การผลิต ไปจนกระทั่งถึงเรื่องของสารอาหารเลยครับ
00:00:37 → 00:00:43 มัทฉะคือชาเขียวที่มีการปลูกอย่าง พิถีพิถัน มีการคลุมบังแดดไว้ก่อนการเก็บ
00:00:43 → 00:00:49 เกี่ยวประมาณสัก 3 สัปดาห์ เพื่อทำไม ครับ เพื่อกระตุ้นให้ชามีการสะสมพวก
00:00:49 → 00:00:54 คลอโรฟิลแล้วก็สารที่ชื่อ L-theanine ได้มาก ขึ้น สารพวกเนี้ยหมอจะอธิบายอีกทีนะครับ
00:00:54 → 00:00:59 หลังจากนั้นใบชาพวกเนี้ยก็จะถูกนำไปนึ่ง ไปตากแห้ง แล้วก็บดละเอียดเป็นผงของมัทฉะ
00:00:59 → 00:01:05 ซึ่งเวลาที่เราดื่มมัทฉะเนี่ยเราจะดื่มกิน ทั้งใบลงไปแตกต่างกับชาเขียวทั่วไปนะครับ
00:01:05 → 00:01:12 ชาเขียวเราจะชงน้ำร้อนแล้วก็กรองใบชาออก เพราะฉะนั้นการดื่มชาเขียวเราจึงได้รับ
00:01:12 → 00:01:17 สารเฉพาะที่ละลายในน้ำเท่านั้น แล้วมัทฉะกับ ชาเขียวยังแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณ
00:01:17 → 00:01:22 สารสำคัญที่ร่างกายเราจะได้รับด้วยนะครับ อย่างที่เล่าว่ามัทฉะกับชาเขียวคือชาชนิด
00:01:22 → 00:01:28 เดียวกันแหละ แต่มัฉะเนี่ยเราบดดื่มทั้งใบ รวมถึงการผลิตที่พิถีพิถันทำให้เวลาเรา
00:01:28 → 00:01:34 ดื่มมัทฉะเราจะได้สารสำคัญที่สูง กว่าชาเขียว เรามาดูชนิดของสารสำคัญกันนะ
00:01:34 → 00:01:40 ครับ กลุ่ม catechin โดยเฉพาะ EGCG ชื่อเต็ม ของมันก็คือ Epigallocatechin gallate ไม่ต้อง
00:01:40 → 00:01:45 เป็นสวนชื่อยาวนะครับ จำเฉพาะชื่อสั้นๆของ มันคือ EGCG
00:01:45 → 00:01:50 EGCG เป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงมาก มัทฉะ
00:01:50 → 00:01:56 คุณภาพดีนะครับจะมี EGCG มากกว่าชาเขียว ทั่วไปถึงประมาณ 3-10 เท่า สารสำคัญอีกตัว
00:01:56 → 00:02:03 ก็คือ L-theanine ครับเป็นกรดอะมิโน พบมาก กว่าในมัทฉะเหมือนกัน ตัวนี้เนี่ยนะครับมี
00:02:03 → 00:02:08 ฤทธิ์กับสมองโดยตรง ช่วยเพิ่มระดับสารสื่อ ประสาท เพิ่มกาบ้า เพิ่มโดปามีนซึ่งจะทำให้
00:02:08 → 00:02:15 เรารู้สึกผ่อนคลายลดวิตกกังวล นอกจากนี้ แล้วเนี่ยตัว L-theanine นะครับยังช่วยลดผล
00:02:15 → 00:02:20 ข้างเคียงของคาเฟอีน เช่นอาการใจสั่น กระสับกระส่าย ทำให้คนที่ดื่มมัทฉะจะรู้สึก
00:02:20 → 00:02:26 ตื่นตัวนะครับ ตื่นตัวแต่ก็ยังรู้สึกสงบๆ อยู่ไม่ดีดเหมือนการดื่มกาแฟ ต่อมาก็คือ
00:02:26 → 00:02:32 เรื่องของคาเฟอีนอีกแล้วครับ มัทฉะมี คาเฟอีนมากกว่าชาเขียว มัทฉะมีคาเฟอีน
00:02:32 → 00:02:37 ประมาณ 30-70 มก.ต่อถ้วยมากกว่าชาเขียว โดยประมาณ 2 เท่าครับชาเขียวก็อยู่ประมาณ
00:02:37 → 00:02:44 สัก 20-30 มิลลิกรัมต่อถ้วย ตัวคาเฟอีนนะครับ ถ้าทำงานร่วมกับตัว EGCG ที่เราพูดถึง
00:02:44 → 00:02:49 เมื่อกี้ก็จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญ เพราะฉะนั้นคนที่ดื่มประจำเนี่ยบางคนก็
00:02:49 → 00:02:54 สังเกตได้ว่าน้ำหนักลดลงหรือว่ารอบ เอวก็ลดลงได้ จะเห็นนะครับมัทฉะเนี่ยจะมี
00:02:54 → 00:03:00 สารสำคัญ EGCG แล้วก็คาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวครับ แล้วเขา
00:03:00 → 00:03:06 ก็ยังพบว่าการดื่มมัทฉะเป็นประจำจะช่วย เพิ่มคลื่นสมองแอลฟ่า ซึ่งจะช่วยให้มี
00:03:06 → 00:03:11 สมาธิดีขึ้นแล้วก็อาจจะช่วยชะลอการเสื่อม ของระบบประสาทสมอง ซึ่งตรงเนี้ยอาจช่วย
00:03:11 → 00:03:17 ป้องกันอัลไซเมอร์ได้ ตอนนี้เรารู้แล้วนะ ครับว่ามัจฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง คราวนี้
00:03:17 → 00:03:23 เรามาดูกันเลยครับว่า มัทฉะเหมาะกับใคร และชาเขียวเหมาะกับใคร เริ่มจากมัจฉะนะครับ
00:03:23 → 00:03:28 มัทฉะเหมาะกับคนที่ต้องการความตื่นตัว ในการทำงานครับแต่ว่าเป็นลักษณะการตื่น
00:03:28 → 00:03:34 ตัวแบบสงบนิ่งมีสมาธิ เช่นคนที่ต้องทำงาน ต่อเนื่องในลักษณะงานที่ใช้สมาธิสูง อย่าง
00:03:34 → 00:03:39 เช่นนักเรียนนักศึกษา นักเขียน นัก วิเคราะห์ หรือว่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องใช้
00:03:39 → 00:03:45 ความคิดเยอะๆ การที่มัทฉะมีทั้งคาเฟอีนและ L-theanine และ L-theanine ในปริมาณสูง
00:03:45 → 00:03:51 ทำให้สมองเนี่ยตื่นตัวแต่ว่าตื่นตัวแบบ สงบ แล้วมัทฉะยังเหมาะกับคนที่มีประวัติ
00:03:51 → 00:03:57 ครอบครัวเป็นมะเร็งหรือคนที่มีภาวะการ อักเสบเรื้อรังในร่างกาย เช่นเป็นเบาหวาน
00:03:57 → 00:04:01 ไขมันพอกตับ เพราะ EGCG ในมัทฉะมี คุณสมบัติในการลดสิ่งที่เขาเรียกว่า
00:04:01 → 00:04:06 oxidative stress หรือว่าภาวะเซลล์ เครียดที่เกิดจากพวกสารอนุมูลอิสระนั่นเอง
00:04:06 → 00:04:11 แล้วมัทฉะยังเหมาะกับคนที่ต้องการควบ คุมน้ำหนัก แต่ผลเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก
00:04:11 → 00:04:16 ก็อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย นะครับ ส่วนชาเขียวจะเหมาะกับคนทั่วไปที่
00:04:16 → 00:04:21 อยากดื่มแบบสบายๆไม่ต้องกังวลเรื่องสาร สำคัญที่อาจจะมากเกินไปถ้าเราดื่มบ่อย
00:04:21 → 00:04:27 ขึ้นเช่นชาเขียวอาจจะดื่มวันละ 2 แก้ว หรือ 3 แก้วก็ยังได้ โดยอาจจะไม่ต้องกังวล
00:04:27 → 00:04:32 เรื่องคาเฟอีนมากนัก การที่ชาเขียวมี คาเฟอีนน้อยกว่านะครับก็เลยเหมาะกับคนที่
00:04:32 → 00:04:38 มีความดันสูง คนที่ไวกับคาเฟอีน เช่น ดื่มแล้วใจสั่นหรือว่าคนที่ดื่มมัทจฉะแล้ว
00:04:38 → 00:04:43 นอนไม่หลับก็อาจจะลองชาเขียวดูได้ครับ แล้วชาเขียวยังเหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
00:04:43 → 00:04:48 ด้วยนะครับเหมือนมัทฉะครับเพราะว่า ชาเขียวก็ยังมี EGCG อยู่แม้ว่าตัวเนี้ยจะ
00:04:48 → 00:04:54 น้อยกว่าแต่ว่าก็ยังเพียงพอและมีงานวิจัย ว่าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ สุดท้าย
00:04:54 → 00:05:00 ถ้ามีปัญหาเรื่อง ตับเรื่องไต เลือดจาง ความดันโลหิตสูง หรือเป็นคนที่ไวกับ
00:05:00 → 00:05:06 คาเฟอีนครับ กินแล้วใจสั่นนอนไม่หลับ ถ้า เป็นมากดีที่สุดควรปรึกษาหมอประจำตัวก่อน
00:05:06 → 00:05:12 ดื่มนะครับ หมอก็จะดูว่าถ้าค่าตับค่าไตของ เราหรือว่าภาวะหัวใจเป็นระดับไหน ถ้าเป็น
00:05:12 → 00:05:18 ระดับหนึ่งแล้วไม่คุ้มที่จะดื่มหมอจะได้ ให้คำแนะนำได้ครับ ขอบคุณที่รับชมนะครับ
00:05:18 → 00:05:23 พบกันใหม่คลิปหน้า สวัสดีครับ