00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:25 เครียด เศร้า มีความทุกข์
00:00:25 → 00:00:29 หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะคุยกับใคร
00:00:29 → 00:00:32 อยากให้ทุกคนมาฟังมหิดลแชนแนลพอดแคสต์
00:00:32 → 00:00:36 ที่จะมาช่วยคุณในการจัดการ ปัญหาสุขภาพทางใจ
00:00:36 → 00:00:41 ในรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต สำรวจอารมณ์ความคิด
00:00:42 → 00:00:45 เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:00:45 → 00:00:48 กับผม อาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง
00:00:48 → 00:00:51 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:52 → 00:00:55 ยินดีต้อนรับสู่รายการ Re-Mind
00:00:55 → 00:00:57 กับผมอาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง
00:00:57 → 00:01:00 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ
00:01:00 → 00:01:02 ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาครับ
00:01:02 → 00:01:06 เรามักจะได้ยินข่าว เกี่ยวกับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:01:06 → 00:01:09 แล้วก็นำไปสู่การฆ่าตัวตาย
00:01:09 → 00:01:12 เราพบว่าอายุของคนกลุ่มนี้ครับ
00:01:12 → 00:01:15 น้อยลงไปถึงกลุ่มที่เป็นอายุ 10-19 ปี
00:01:16 → 00:01:18 วันนี้ครับ เราจะได้คุยกับคุณหมอหลิวครับ
00:01:19 → 00:01:22 คุณหมอหลิวคือ ผศ.นพ.สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:01:22 → 00:01:24 อาจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์
00:01:25 → 00:01:28 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลครับ
00:01:28 → 00:01:29 คุณหมอหลิวครับ สวัสดีครับ
00:01:29 → 00:01:32 สวัสดีครับอาจารย์เต้ สวัสดีครับ คุณผู้ชมครับ
00:01:32 → 00:01:37 คุณหมอหลิวครับ มีตัวเลขข้อมูลสถิติ จากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
00:01:37 → 00:01:39 ผ่านการทำสำรวจ
00:01:39 → 00:01:42 ผ่านแอปพลิเคชัน Mental Health Check In
00:01:42 → 00:01:48 ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564
00:01:48 → 00:01:53 มีผู้ที่ทำแบบสำรวจ ประมาณ 180,000 กว่าคนนะครับ
00:01:53 → 00:01:57 พบว่าวัยรุ่นมีความเครียดสูงถึง 28%
00:01:58 → 00:02:00 อาการเสี่ยงซึมเศร้า 32%
00:02:01 → 00:02:05 แล้วก็มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงถึง 22%
00:02:05 → 00:02:09 ดูเหมือนว่าโรคซึมเศร้า จะเป็นปัจจัยหลักเลยล่ะ
00:02:09 → 00:02:14 ในการที่จะทำให้วัยรุ่นคนหนึ่ง เด็กคนหนึ่ง ที่คิดที่จะฆ่าตัวตายครับ
00:02:15 → 00:02:18 วันนี้คำถามที่น่าที่จะต้องได้คุยกันก็คือว่า
00:02:19 → 00:02:21 เราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่
00:02:21 → 00:02:25 เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นผู้ปกครอง เป็นครูบาอาจารย์
00:02:25 → 00:02:27 เราจะดูแลเด็กเหล่านี้อย่างไร
00:02:28 → 00:02:29 อะไรที่เป็นสัญญาณเตือน
00:02:30 → 00:02:32 และเราจะทำอะไรได้บ้าง
00:02:33 → 00:02:35 คุณหมอหลิวครับ อันดับแรกเลย
00:02:35 → 00:02:39 อาการซึมเศร้าหรือโรคซึมเศร้านี่มันคืออะไร
00:02:39 → 00:02:40 เรามาคุยกันตรงนี้ก่อน
00:02:40 → 00:02:44 โรคซึมเศร้านี่ จริง ๆ มันเป็นโรคทางจิตเวชโรคหนึ่ง
00:02:44 → 00:02:44 ครับ
00:02:44 → 00:02:49 โรคทางจิตเวชทุก ๆ โรค ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์เท่านั้น
00:02:49 → 00:02:50 ครับ
00:02:50 → 00:02:53 ดังนั้น การที่จะบอกว่า เป็นโรค หรือไม่เป็นโรค
00:02:53 → 00:02:54 ต้องไปหาหมอก่อนเนอะ
00:02:54 → 00:02:58 แต่ทีนี้ คำที่คนทั่วไปมักจะมาพูดกันเยอะ ๆ ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นโรค
00:02:58 → 00:03:02 คือคนที่มีอาการซึมเศร้า หรือมีอารมณ์ซึมเศร้าเท่านั้น
00:03:02 → 00:03:07 ซึ่งแบบนั้นน่ะ ผมคิดว่าคุณผู้ชมทางบ้าน ก็คงจะรู้สึกเหมือนกันว่า
00:03:07 → 00:03:09 เออ...เราอาจจะเคยเศร้า
00:03:09 → 00:03:13 รู้สึกแย่ รู้สึกว่าแบบ...อารมณ์มันไม่ค่อยมีความสุข
00:03:13 → 00:03:16 ซึ่งอันนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องของ อารมณ์ซึมเศร้าเฉย ๆ
00:03:16 → 00:03:17 แต่ถ้าเป็นตัวโรค
00:03:17 → 00:03:19 อย่างที่บอกเลยครับอาจารย์
00:03:19 → 00:03:22 มันจะมีเกณฑ์วินิจฉัยอยู่ โดยที่คุณหมอจะเป็นคนบอก
00:03:22 → 00:03:25 ว่าอันนี้ใช่โรค หรือไม่ใช่โรคครับอาจารย์
00:03:25 → 00:03:25 ครับ
00:03:25 → 00:03:27 พอพูดถึงวัยรุ่น
00:03:27 → 00:03:32 อะไรบ้างที่จะเป็นเหตุและปัจจัยที่จะทำให้ เด็กคนหนึ่ง วัยรุ่นคนหนึ่งนี่
00:03:32 → 00:03:35 มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าครับ
00:03:35 → 00:03:37 ครับ เวลาที่วัยรุ่นคนหนึ่ง จะมีความเสี่ยงหรือไม่นี่
00:03:37 → 00:03:38 ก็เหมือนผู้ใหญ่ครับอาจารย์
00:03:39 → 00:03:41 เราก็ต้องไปดูทั้งในเรื่องของร่างกาย
00:03:41 → 00:03:44 ในเรื่องของจิตใจ ในเรื่องของสังคมของเขานะครับ
00:03:44 → 00:03:49 ร่างกายนี่ จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า ถ้าอาจารย์ลงมาดูที่เด็กนี่
00:03:49 → 00:03:52 วัยนี้จริง ๆ แล้วสมองเขายังพัฒนาไม่เต็มที่
00:03:52 → 00:03:52 อืม
00:03:52 → 00:03:54 วัยรุ่นสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่
00:03:54 → 00:03:56 แต่วัยรุ่นที่เป็นซึมเศร้านี่
00:03:56 → 00:03:58 เขาก็จะมีการหลั่งของสารเคมี
00:03:59 → 00:04:01 ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
00:04:01 → 00:04:03 ซึ่งมันมีตัวกระตุ้นนะครับอาจารย์
00:04:03 → 00:04:03 ครับ
00:04:03 → 00:04:09 เช่น เด็กวัยรุ่นที่มีครอบครัวที่มีพันธุกรรม เรื่องของโรคซึมเศร้า
00:04:10 → 00:04:11 หรือโรคทางจิตเวชอยู่นี่
00:04:11 → 00:04:12 อืม
00:04:12 → 00:04:14 ก็อาจจะส่งผลให้วัยรุ่นคนนั้น
00:04:14 → 00:04:18 เสี่ยงต่อการที่จะเป็นซึมเศร้าได้มากกว่า วัยรุ่นทั่วไปนะครับ
00:04:18 → 00:04:21 ในเรื่องของจิตใจและสังคม พบเจอว่า
00:04:21 → 00:04:26 วัยรุ่นที่มีลักษณะบุคลิกภาพ ในแบบที่เราเรียกง่าย ๆ ว่า Perfectionist
00:04:26 → 00:04:28 ทำอะไรต้องเป๊ะ ต้องดี
00:04:29 → 00:04:33 ก็เสี่ยงต่อการที่จะเป็นซึมเศร้าได้เช่นกัน
00:04:33 → 00:04:35 นอกจากนั้นแล้วนะครับอาจารย์ พบเจอว่า
00:04:35 → 00:04:41 วัยรุ่นที่มีลักษณะของความรู้สึกภาคภูมิใจ ในตัวเองในระดับที่ต่ำครับอาจารย์
00:04:41 → 00:04:41 อืม
00:04:42 → 00:04:44 หรือว่าถ้าเป็น term ก็จะเป็น low self-esteem
00:04:45 → 00:04:45 อืม
00:04:45 → 00:04:47 กลุ่ม low self-esteem นี่
00:04:47 → 00:04:49 โอ้โฮ ผมคิดว่าอันนี้สำคัญเลย เพราะว่า
00:04:49 → 00:04:52 มันจะไปเกี่ยวข้องกับช่วงวัยที่มา ก่อนที่จะเป็นวัยรุ่น
00:04:52 → 00:04:52 อืม
00:04:52 → 00:04:55 คือตั้งแต่เด็กยังเป็นเด็กเล็กเลยนะครับ
00:04:55 → 00:04:56 ครับผม
00:04:56 → 00:05:01 พ่อแม่เป็นคนสำคัญในการสร้างความภาคภูมิใจ ในตนเอง หรือว่า self-esteem ให้กับเด็ก
00:05:01 → 00:05:01 อืม
00:05:01 → 00:05:04 ถ้าเด็กคนนั้น เขาเป็นเด็กที่ self-esteem มีน้อย
00:05:04 → 00:05:06 ความภาคภูมิใจมีน้อย
00:05:06 → 00:05:12 โตขึ้นมา เขาก็จะเป็นวัยรุ่นที่ ทำอะไรก็จะรู้สึกว่าแบบ...อืม ทำดีหรือเปล่า
00:05:12 → 00:05:13 อืม
00:05:13 → 00:05:15 ที่ทำนี่…ดีพอไหม
00:05:15 → 00:05:15 อืม
00:05:15 → 00:05:18 หรือว่า…มันไม่โอเค
00:05:18 → 00:05:20 คือถึงแม้ใคร ๆ จะบอกว่าดี
00:05:20 → 00:05:22 แต่ตัวเองเขารู้สึกว่า เขาไม่มั่นใจในตัวเอง
00:05:22 → 00:05:23 มันก็ไม่ดี
00:05:23 → 00:05:27 กลุ่มนี้ก็จะมีโอกาสที่จะเสี่ยง ที่จะเป็นซึมเศร้าได้มากขึ้น
00:05:27 → 00:05:28 ครับ
00:05:28 → 00:05:29 และในเรื่องของสังคม
00:05:29 → 00:05:32 ทั้งสังคมในหมู่เพื่อนฝูงที่โรงเรียน
00:05:32 → 00:05:34 หรือแม้แต่สังคมออนไลน์นี่
00:05:34 → 00:05:37 มันมีปัจจัยขนาดไหน ในการที่จะทำให้คน ๆ หนึ่ง
00:05:37 → 00:05:38 เด็กคนหนึ่ง วัยรุ่นคนหนึ่ง
00:05:39 → 00:05:40 กลายเป็นโรคซึมเศร้า
00:05:40 → 00:05:41 ต้องบอกอย่างนี้เลยครับอาจารย์
00:05:41 → 00:05:44 ผมคิดว่า เขาจะวนเวียนอยู่กับเรื่องพวกนี้
00:05:44 → 00:05:44 อืม
00:05:44 → 00:05:47 แล้วเด็กและวัยรุ่นส่วนหนึ่ง อย่างที่เราบอกไปเมื่อกี้นะครับว่า
00:05:47 → 00:05:51 เขาก็อาจจะเข้าไปใช้สื่ออะไรพวกนี้ ได้เยอะกว่าคนปกติ
00:05:51 → 00:05:54 การใช้สื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียทุก ๆ แพลตฟอร์ม
00:05:54 → 00:05:55 ครับ
00:05:55 → 00:05:59 ล้วนส่งผลให้มากระทบในเรื่องของ self-esteem
00:05:59 → 00:06:05 ล้วนส่งผลต่อเรื่องของโรคซึมเศร้า หรือปัญหาทางจิตเวชที่มากยิ่งขึ้น
00:06:06 → 00:06:08 เพราะว่าอะไรครับ เพราะว่าเวลาที่คนเราเข้าไปใช้สื่อตรงนี้
00:06:09 → 00:06:10 สื่อส่วนใหญ่นะครับ
00:06:11 → 00:06:12 ก็จะโชว์ด้านดีใช่ไหม
00:06:13 → 00:06:15 ถ้าถามผม ใช่ครับ
00:06:15 → 00:06:19 แล้วจะโชว์เป็นด้านดีว่า โอ้โฮ อันนี้ชีวิตดียังไง
00:06:19 → 00:06:20 ไปกินอะไรอร่อยมา
00:06:21 → 00:06:22 ได้เที่ยวที่ไหน
00:06:22 → 00:06:24 มีของแบรนด์เนมอะไร
00:06:24 → 00:06:26 - ใช่ไหมครับ - ใช่เลย
00:06:26 → 00:06:27 ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะนั้น
00:06:27 → 00:06:28 ดังนั้น ก็จะมีเหมือนกันว่า บางที...
00:06:29 → 00:06:31 เวลาที่วัยรุ่นที่เข้าไปใช้สื่อ
00:06:31 → 00:06:32 จะรู้สึกว่าเปรียบเทียบ
00:06:32 → 00:06:35 จะรู้สึกว่า โอ้...ฉันไม่ดีเท่าเขา ฉันไม่โอเคเท่าเขา
00:06:35 → 00:06:35 อืม
00:06:35 → 00:06:36 ใช่ไหมครับ
00:06:36 → 00:06:39 แล้วบางสื่อจะเป็นที่สำหรับระบาย
00:06:39 → 00:06:40 ระบายอารมณ์ด้านลบ
00:06:40 → 00:06:42 อา...
00:06:42 → 00:06:44 ซึ่งอีกนั่นแหละ พอระบายอารมณ์ด้านลบ
00:06:44 → 00:06:46 มักจะมีคนที่เข้ามาเหมือนจะ support
00:06:46 → 00:06:47 เหมือนจะให้กำลังใจ
00:06:47 → 00:06:50 แต่บางที กลับกลายเป็นซ้ำเติมก็มี
00:06:50 → 00:06:51 อืม
00:06:51 → 00:06:55 หรือบางทีกลับกลายเป็นทำให้เรื่องราวนี่ มันยิ่งดำดิ่ง
00:06:56 → 00:06:57 ยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ
00:06:57 → 00:07:00 ดังนั้น การใช้สื่อมีผลเอามาก ๆ เลย
00:07:00 → 00:07:02 ชีวิตมันเกิดการเปรียบเทียบอยู่ตลอด
00:07:02 → 00:07:06 ชีวิตมันเคลื่อนที่ไวมากนะครับอาจารย์
00:07:06 → 00:07:09 ส่งผลให้รูปแบบต่าง ๆ ของ การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
00:07:09 → 00:07:10 มันรวดเร็วมาก
00:07:10 → 00:07:13 แล้วเด็กหรือวัยรุ่น ที่เสี่ยงจะเป็นซึมเศร้าอยู่แล้วนี่
00:07:14 → 00:07:16 ก็จะมีระดับความสุขที่ลดลง
00:07:16 → 00:07:19 เกี่ยวข้องกับสารเคมีโดยตรงไปด้วยกัน เช่นเดียวกันครับ
00:07:19 → 00:07:23 ทีนี้ในฐานะที่เป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือเป็นครูบาอาจารย์นี่
00:07:23 → 00:07:26 เราสามารถที่จะเห็นสัญญาณเตือนอะไร ได้บ้างไหมครับว่า
00:07:27 → 00:07:29 ตอนนี้ดูเหมือนว่าลูกหลานของเรา
00:07:29 → 00:07:30 ลูกศิษย์ของเรา
00:07:31 → 00:07:34 น่าจะต้องได้รับการดูแลแล้วล่ะ
00:07:34 → 00:07:37 ผมอยากให้สัญญาณเตือนไว้ทั้งหมด 6 สัญญาณเตือนนะครับอาจารย์
00:07:37 → 00:07:39 6 สัญญาณเตือนของคนที่จะเป็นโรคซึมเศร้า
00:07:39 → 00:07:39 ครับ
00:07:39 → 00:07:43 อันแรกครับก็คือ เป็นเรื่องของอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
00:07:43 → 00:07:43 ครับ
00:07:43 → 00:07:45 คือในคนทั่วไปที่เป็นผู้ใหญ่นี่
00:07:45 → 00:07:48 อารมณ์เปลี่ยนแปลง เราก็จะมักจะนึกถึงว่าเขาเศร้าเนอะ
00:07:48 → 00:07:50 เศร้า ไม่ค่อยมีความสุข
00:07:50 → 00:07:52 รู้สึกเบื่อหน่าย
00:07:52 → 00:07:54 ในวัยรุ่นนี่ อาจจะหงุดหงิดก็ได้
00:07:54 → 00:07:57 พ่อแม่พูดอะไรนิดนึงก็… เฮ้ย ไม่เข้าหูน่ะ
00:07:57 → 00:07:58 ใช่ไหม
00:07:58 → 00:08:02 จากเดิม เรียก 2 ครั้ง ลูกก็ยังมาทำ
00:08:02 → 00:08:05 แต่กลับกลายเป็นเรียก 2 ครั้ง ลูกขึ้น ลูกตวาดใส่
00:08:06 → 00:08:07 อันนี้ต้องดูนะว่า
00:08:07 → 00:08:09 อาจจะเป็นเรื่องของอารมณ์หงุดหงิด
00:08:09 → 00:08:13 เพราะว่าส่วนนี้ก็จะต่างจากตัวผู้ใหญ่
00:08:13 → 00:08:16 แต่ว่าถ้าเกิดว่าเป็นส่วนอื่นก็อาจจะเป็น เศร้าทั่ว ๆ ไปครับ
00:08:16 → 00:08:17 เศร้า เบื่อหน่าย
00:08:18 → 00:08:20 เซ็ง ไม่ค่อยอยากทำอะไรนะครับ
00:08:20 → 00:08:22 อันนี้ก็จะเป็นในเรื่องของ อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
00:08:22 → 00:08:25 ส่วนอย่างที่ 2 ครับอาจารย์ครับ เป็นเรื่องของเก็บเนื้อเก็บตัว
00:08:26 → 00:08:26 อืม
00:08:26 → 00:08:28 เก็บเนื้อเก็บตัวนี่ก็คือหมายความว่า
00:08:28 → 00:08:31 จากเดิม เขาออกมามีกิจกรรม
00:08:31 → 00:08:32 ทานอาหารด้วยกัน
00:08:32 → 00:08:36 ไปชอปปิงด้วยกัน หรือว่ามีขอไปบ้านเพื่อนบ้าง
00:08:36 → 00:08:39 ไปเจอะเจอ ไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง
00:08:39 → 00:08:41 กลับกลายเป็นไม่ครับ
00:08:41 → 00:08:42 อยู่ในห้องตัวเอง
00:08:43 → 00:08:44 ล็อกห้อง
00:08:44 → 00:08:48 แล้วอย่ามายุ่งกับฉัน บอกพ่อแม่ว่า ไม่ต้องมายุ่ง วันนี้ไม่โอเค
00:08:49 → 00:08:51 หนูไม่ไหว พ่อแม่อย่าเพิ่งมายุ่ง
00:08:52 → 00:08:54 อันนี้ก็คือเก็บเนื้อเก็บตัว ก็คืออย่างที่สองนะครับอาจารย์
00:08:54 → 00:08:59 ส่วนอย่างที่สามนี่คือในเรื่องของ ผลการเรียนของเขาที่มันแย่ลง
00:09:00 → 00:09:03 จากเดิมสมมุติว่า โอ้โฮ ทะลุกว่านี้ แบบเกรด 3.5
00:09:03 → 00:09:04 มาเหลือ 3.0 ก็ตาม
00:09:05 → 00:09:07 ส่วนนี้ครับ การเรียนที่แย่ลงนี่
00:09:07 → 00:09:11 มันจะสัมพันธ์กับเรื่องของคนที่เป็นซึมเศร้า วัยรุ่นที่เป็นซึมเศร้าได้เช่นกัน
00:09:11 → 00:09:13 สัญญาณเตือนที่ 4 ครับอาจารย์ครับ
00:09:13 → 00:09:18 มีในเรื่องของการใช้สารเสพติด หรือมีพฤติกรรมเสพติด
00:09:18 → 00:09:19 การใช้สารเสพติดในวัยรุ่น
00:09:19 → 00:09:22 แน่นอนครับ ที่เยอะที่สุดที่เราเจอ ปัจจุบันก็ยังเป็นบุหรี่อยู่ดี
00:09:23 → 00:09:23 อืม
00:09:23 → 00:09:27 บุหรี่ เหล้า หรือสารอื่น ๆ ที่วัยรุ่นจะหาได้
00:09:27 → 00:09:29 อาจจะเห็นว่า คนเป็นซึมเศร้าไปใช้เยอะขึ้น
00:09:29 → 00:09:32 หรืออีกอันหนึ่งคือ ไม่ใช่สารแล้วล่ะ
00:09:32 → 00:09:35 อันนี้อาจจะสังเกตยากหน่อยเพราะว่า บางทีพ่อแม่เข้าไปเห็นไม่ได้
00:09:35 → 00:09:37 คือพฤติกรรมติดต่าง ๆ
00:09:37 → 00:09:40 เด็กผู้ชายมักจะติดเกม เด็กผู้หญิงมักจะติดสื่อสังคมออนไลน์
00:09:41 → 00:09:42 พฤติกรรมติดเหล่านี้
00:09:42 → 00:09:43 ที่บอกว่าสังเกตยาก หมายความว่า
00:09:43 → 00:09:45 บางทีพ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกทำอะไรอยู่ในจอ
00:09:45 → 00:09:48 ก็จะบอกว่าลูกใช้มือถือทั้งวันเลยคุณหมอ
00:09:48 → 00:09:49 ไม่ค่อยทำอะไร
00:09:49 → 00:09:53 ซึ่งก็ต้องไปถามอีกล่ะว่า แล้วมันเยอะกว่าแต่ก่อนไหม
00:09:53 → 00:09:56 คือถ้ามันเยอะกว่าแต่ก่อนแบบต่างกันชัดเจนนี่
00:09:56 → 00:09:57 ก็เริ่มเป็นสัญญาณที่จะเตือนแล้วว่า
00:09:58 → 00:10:00 อาจจะเป็นซึมเศร้าก็ได้
00:10:01 → 00:10:02 มันมีความเกี่ยวข้องกัน
00:10:02 → 00:10:05 เพราะว่าพอเวลาที่คนเป็นซึมเศร้าใช้สารเสพติด
00:10:05 → 00:10:07 หรือว่ามีพฤติกรรมเสพติดเหล่านี้นี่
00:10:07 → 00:10:10 สารเคมีในสมองแห่งความสุขมันจะหลั่งเยอะขึ้น
00:10:10 → 00:10:10 อืม
00:10:11 → 00:10:13 แล้วส่งผลต่อเรื่องของอารมณ์ของเขา
00:10:13 → 00:10:14 อืม
00:10:14 → 00:10:16 สัญญาณที่ 5 ครับอาจารย์ครับ
00:10:16 → 00:10:18 เป็นเรื่องของการทำร้ายตัวเอง
00:10:18 → 00:10:19 อืม
00:10:19 → 00:10:22 ทำร้ายตัวเองในที่นี้ที่ฮอตฮิตเลย แล้วเราจะเยอะเลยนะครับอาจารย์
00:10:22 → 00:10:23 ครับ
00:10:23 → 00:10:23 กรีดข้อมือ
00:10:24 → 00:10:25 อืม
00:10:25 → 00:10:28 ซึ่งการกรีดข้อมือนี้ จริง ๆ แล้วมันมีหลากหลาย
00:10:28 → 00:10:32 บางคนเป็นการกรีดเพื่อให้เจ็บเฉย ๆ ไม่ได้อยากตาย
00:10:32 → 00:10:33 อืม
00:10:33 → 00:10:36 แต่บางคนก็คือ กรีดหรือว่าทำเพื่อให้อยากตาย
00:10:36 → 00:10:39 เอาเป็นว่าถ้าพ่อแม่เริ่มเห็น ว่ามันมีสัญญาณแบบนั้น
00:10:40 → 00:10:43 สงสัยสักหน่อยว่า ลูกกำลังเสี่ยงเป็นซึมเศร้าหรือเปล่า
00:10:43 → 00:10:45 และสัญญาณเตือนสุดท้ายคือสัญญาณเตือนที่ 6
00:10:45 → 00:10:49 เรื่องของอาการทางกาย ปวดต่าง ๆ นะครับ
00:10:50 → 00:10:52 ปวดศีรษะ ปวดท้อง
00:10:52 → 00:10:56 ปวดคอ ปวดกล้ามเนื้อโดยอธิบายสาเหตุไม่ได้
00:10:56 → 00:10:57 ครับ
00:10:57 → 00:11:01 ถ้าลูกเริ่มมาบ่นว่าช่วงนี้ปวดโน่นปวดนี่ ปวดจนนอนไม่หลับ
00:11:01 → 00:11:02 มาบอกว่าให้พาไปหาหมอ
00:11:02 → 00:11:06 แล้วสมมุติว่าพาไปหาหมอแล้วหมอก็บอกว่า ตรวจไม่ได้เจออะไรจำเพาะ
00:11:06 → 00:11:09 อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของเรื่องของ ซึมเศร้าเหมือนกันครับอาจารย์
00:11:09 → 00:11:10 ก็มีทั้งหมด 6 สัญญาณครับ
00:11:11 → 00:11:12 สำคัญเลยคือ ต้องรู้ว่า
00:11:12 → 00:11:16 พื้นฐานเดิมตอนที่เขาเป็นเด็กปกติ ที่อารมณ์ดี ๆ นี่
00:11:16 → 00:11:16 อืม
00:11:16 → 00:11:18 เขาใช้ชีวิตยังไง
00:11:18 → 00:11:20 เขาใช้สารเสพติดไหม
00:11:21 → 00:11:24 เขามีอาการป่วยต่าง ๆ ที่อธิบายไม่ได้หรือเปล่า
00:11:24 → 00:11:26 อันนี้ต้องสงสัยแล้วว่า
00:11:26 → 00:11:27 อาจจะเป็นซึมเศร้า
00:11:27 → 00:11:29 ดังนั้น พ่อแม่ต้องรู้ baseline
00:11:29 → 00:11:32 แล้วก็ต้องรู้ด้วยว่าสังคมของลูก พฤติกรรมที่ลูกใช้เป็นยังไงครับอาจารย์
00:11:33 → 00:11:36 จริง ๆ แล้วสัญญาณเตือนพวกนี้ทั้ง 6 ข้อนี่ มันไม่ใช่เกณฑ์วินิจฉัย
00:11:36 → 00:11:39 เพียงแต่ว่าถ้าเราไปเสิร์ชข้อมูล
00:11:39 → 00:11:40 เราจะไปเจอเกณฑ์วินิจฉัย 9 ข้อ
00:11:40 → 00:11:42 แล้วเราก็บอกว่า 5 ใน 9 ข้อ
00:11:42 → 00:11:44 ซึ่งอันนี้จิตแพทย์จะเป็นคนที่บอก
00:11:44 → 00:11:45 อืม
00:11:45 → 00:11:47 แต่สัญญาณเตือนที่วันนี้เราคุยกันนี่
00:11:47 → 00:11:51 ผมพยายามถอดออกมาจากสิ่งที่เราพบเจอ
00:11:51 → 00:11:53 และสิ่งที่มาพบแพทย์บ่อย ๆ
00:11:53 → 00:11:53 อืม
00:11:53 → 00:11:54 แต่ถ้าเกิดอาจารย์ถามว่า
00:11:54 → 00:11:58 สัญญาณเตือนไหนนะที่แบบอันตราย และผมคิดว่าต้องได้รับการช่วยเหลือเร็ว ๆ
00:11:58 → 00:12:00 ผมคิดว่าถ้าให้เลือกมาอันเดียวนี่
00:12:00 → 00:12:02 ผมคิดว่าเรื่องของการทำร้ายตัวเอง
00:12:02 → 00:12:06 ทำร้ายโดยที่อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ที่จะตายก็ตาม
00:12:06 → 00:12:08 ผมคิดว่าส่วนหนึ่งของการทำแบบนี้
00:12:08 → 00:12:13 มันเป็นวิธีการที่เด็กหรือวัยรุ่นคนนั้น พยายามจะบอก พยายามจะสื่อสารออกมาว่า
00:12:13 → 00:12:14 เฮ้ย ไม่ไหวแล้ว
00:12:15 → 00:12:18 แบบ…ใครก็ได้…ช่วยฉันหน่อย ฉันไม่ไหวแล้ว
00:12:18 → 00:12:20 ในข่าวเราก็จะเห็นว่า
00:12:20 → 00:12:23 คนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการซึมเศร้า
00:12:24 → 00:12:27 หลาย ๆ คนมักจะเลือกในการที่จะฆ่าตัวตาย
00:12:27 → 00:12:29 เป็นทางออกต่อไป
00:12:29 → 00:12:33 เราจะมีสัญญาณเตือนหรือว่ามีอะไร ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง
00:12:33 → 00:12:35 ในฐานะที่เราเป็นครูบาอาจารย์
00:12:35 → 00:12:37 อะไรบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนว่า
00:12:37 → 00:12:40 นี่นะ อาจจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้
00:12:40 → 00:12:43 จริง ๆ อาจจะต้องไปเข้าใจว่า
00:12:43 → 00:12:46 พฤติกรรมที่ลูกทำ หรือวัยรุ่นคน ๆ นั้นทำนี่
00:12:46 → 00:12:49 ช่วงนี้ หนึ่งก็คือว่าถ้าเป็นซึมเศร้า
00:12:49 → 00:12:51 สมมุติถ้าเป็นซึมเศร้าอยู่แล้วนี่
00:12:51 → 00:12:52 ครับ
00:12:52 → 00:12:54 ต้องดูเลยว่าไปหาหมอต่อเนื่องไหม
00:12:54 → 00:12:55 อืม
00:12:55 → 00:12:56 กินยาสม่ำเสมอหรือเปล่า
00:12:56 → 00:12:57 อืม
00:12:57 → 00:13:01 เพราะวัยรุ่นนี่ครับอาจารย์ มักจะดูแลเรื่องกินยาของเขาเอง
00:13:01 → 00:13:03 พ่อแม่ไม่ต้องมาสนใจเท่าไหร่แล้ว
00:13:03 → 00:13:05 พบเจอว่าเด็กส่วนหนึ่งที่มีการฆ่าตัวตาย
00:13:05 → 00:13:07 ส่วนหนึ่งคือกินยาไม่สม่ำเสมอ
00:13:07 → 00:13:08 อืม
00:13:08 → 00:13:09 ดังนั้น ต้องดูก่อนว่า
00:13:09 → 00:13:12 ไปหาหมอต่อเนื่องไหม กินยาต่อเนื่องไหมนะครับ
00:13:12 → 00:13:13 อันถัดมาคือ
00:13:13 → 00:13:16 เขาเอง เขามีพูดถึงเรื่องการตายซ้ำ ๆ หรือเปล่า
00:13:17 → 00:13:18 อืม
00:13:18 → 00:13:19 พูดเรื่องการตายว่า
00:13:19 → 00:13:23 ถ้าหนูไม่อยู่วันนี้ จะยังไง หรือพูดเหมือนสั่งเสียอย่างนี้นะครับ
00:13:23 → 00:13:24 ครับ
00:13:24 → 00:13:28 หรือบางทีก็ต้องไปสอดส่องใน โซเชียลมีเดียของเขาบ้าง
00:13:28 → 00:13:31 มีอะไรอยู่บ้าง ถ้ามันเกี่ยวข้องนี่
00:13:31 → 00:13:34 ผมคิดว่าอันนี้เป็นสัญญาณที่น่ากังวล
00:13:34 → 00:13:35 อันถัดมาคือ
00:13:36 → 00:13:39 อาจจะต้องลองคุยกับเพื่อน หรือคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวของลูก
00:13:39 → 00:13:41 หรือถ้าลูกมีแฟนหรืออะไรก็ตามนี่ว่า
00:13:42 → 00:13:46 ช่วงนี้เขามีพูดหรือมีบอกอะไร ที่เกี่ยวกับเรื่องของความตาย
00:13:46 → 00:13:50 หรือในทำนองที่ว่าสั่งเสียแบบนั้นหรือเปล่า
00:13:50 → 00:13:50 อืม
00:13:50 → 00:13:53 ถ้ามีนี่ ผมก็คิดว่าพ่อแม่ก็ยิ่งต้องระวัง
00:13:53 → 00:13:56 ว่าอาจจะมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น
00:13:56 → 00:13:58 อาจารย์หลิวแตะคำว่าสื่อเนอะ
00:13:58 → 00:13:58 ครับ
00:13:58 → 00:14:00 การที่เสพสื่อ
00:14:00 → 00:14:04 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่นำเสนอเรื่องของ การฆ่าตัวตาย
00:14:04 → 00:14:04 ครับ
00:14:04 → 00:14:07 มันจะเป็นจุดที่เป็นจุดกระตุ้นได้ไหมว่า
00:14:07 → 00:14:12 จะทำให้เด็กคนหนึ่ง ที่อยู่ในสภาวะที่มันแย่แล้ว
00:14:12 → 00:14:15 ก็เห็นคนดังที่เราชื่นชอบเขาทำแบบนี้
00:14:15 → 00:14:18 เราก็เลยคิดว่า เอ๊ะ มันอาจจะเป็นหนทางที่จะไปของเรา
00:14:18 → 00:14:21 ตัวนั้นมันเป็นปัจจัยสำคัญไหมครับ ในการที่จะทำให้คน ๆ หนึ่ง
00:14:21 → 00:14:23 ตัดสินใจที่จะทำอะไร
00:14:23 → 00:14:24 ครับ เป็นปัจจัยสำคัญครับอาจารย์
00:14:24 → 00:14:31 เพราะว่า จะบอกว่าบางคนนี่ เขาเหมือนกับก้ำกึ่งว่าจะทำ/ไม่ทำอยู่แล้ว
00:14:32 → 00:14:33 แล้วพอเห็นต้นแบบนี่
00:14:34 → 00:14:36 แล้วยิ่งถ้าเกิดเป็นคนที่เขาชื่นชอบด้วยนะ
00:14:36 → 00:14:36 อืม
00:14:36 → 00:14:38 โอ้โฮ บางทีมันไปเลย
00:14:39 → 00:14:40 แบบ...ตามไปเลยทันที
00:14:40 → 00:14:41 ครับ
00:14:41 → 00:14:42 สื่ออาจจะไม่ได้ระวัง
00:14:42 → 00:14:44 หรือบางทีเขาก็ไม่รู้ว่าเขาต้องทำยังไง
00:14:44 → 00:14:48 ผมคิดว่า บางทีพ่อแม่หรือตัวเด็กที่อยู่ ในบ้าน วัยรุ่นที่อยู่ในบ้านนี่
00:14:48 → 00:14:50 อาจจะเป็นคนที่ต้องช่วยเหลือกัน
00:14:50 → 00:14:51 อืม
00:14:51 → 00:14:54 ถ้าพ่อแม่เริ่มเห็นว่า ช่วงนี้มันมีข่าวฆ่าตัวตายเยอะ ๆ
00:14:54 → 00:14:57 ลูกเราเสี่ยงเป็นซึมเศร้าหรืออะไรอยู่แล้วนี่
00:14:58 → 00:14:59 พ่อแม่มอนิเตอร์หน่อยเนอะ
00:14:59 → 00:15:03 กำกับนิดนึงหน่อยเนอะว่า ช่วงนี้ลูกดูเรื่องพวกนี้เยอะไหม
00:15:03 → 00:15:06 ถ้าเข้าไปดู เริ่มทำเยอะ ต้องชวนลูกไปทำอย่างอื่นแล้วนะ
00:15:07 → 00:15:09 ต้องชวนลูกไปมีกิจกรรมอื่น ๆ ไปกินของอร่อย ๆ
00:15:09 → 00:15:12 ไปเที่ยวในที่ที่ลูกอยากไปมากขึ้น
00:15:12 → 00:15:13 เรียกมาพูดคุยกัน
00:15:13 → 00:15:14 อืม
00:15:14 → 00:15:15 ช่วงนี้อารมณ์จิตใจเป็นยังไง
00:15:15 → 00:15:19 เพื่อที่ว่าจะคอยทำให้ ลูกไม่ต้องตกอยู่ในอารมณ์
00:15:19 → 00:15:21 หรือความรู้สึกที่มันจะดาวน์
00:15:22 → 00:15:25 แล้วก็อาจจะมีความคิดเชิงลบ แล้วก็อาจจะอยากฆ่าตัวตายครับอาจารย์
00:15:25 → 00:15:30 ผู้ใหญ่เองก็คงจะเป็นคนที่สำคัญอย่างมากเลย ในการที่ถ้าเห็นสัญญาณเตือนแล้ว
00:15:30 → 00:15:32 เราคงจะต้องให้ความช่วยเหลือแล้วล่ะ
00:15:32 → 00:15:36 อาจจะเริ่มจากการพูดคุย หรือแม้แต่พาไปหาจิตแพทย์
00:15:36 → 00:15:39 ในการที่จะพูดคุยแล้วก็ดูแลรักษาต่อไป
00:15:39 → 00:15:40 ใช่ครับอาจารย์
00:15:40 → 00:15:44 เวลาที่เราเป็นพ่อแม่ เป็นผู้ปกครอง เป็นครูบาอาจารย์นี่ครับ
00:15:44 → 00:15:46 ถ้าเราเห็นสัญญาณเตือนแล้วล่ะ
00:15:46 → 00:15:50 ว่าน่าจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า
00:15:50 → 00:15:53 หรือแม้แต่สัญญาณเตือนในการที่เขาจะฆ่าตัวตาย
00:15:54 → 00:15:54 ครับ
00:15:54 → 00:15:57 เราควรจะเข้าไปยื่นมือไปขัดขวางเลยไหม
00:15:57 → 00:15:59 หรือเราจะ support เขาอย่างไรดีครับ
00:15:59 → 00:16:01 คีย์เวิร์ดมันคือความไว้วางใจครับอาจารย์
00:16:01 → 00:16:05 คือถ้าลูกหรือวัยรุ่นนี่ เขาไว้วางใจเราอยู่แล้ว
00:16:05 → 00:16:05 อืม
00:16:05 → 00:16:07 ผมคิดว่าการเข้าถึงเขาเรื่องนี้
00:16:08 → 00:16:09 ไม่ยาก
00:16:09 → 00:16:11 แต่ถ้าเดิมไม่ค่อยไว้ใจกันนี่
00:16:11 → 00:16:13 อันนี้ท้าทายสักนิดหนึ่ง
00:16:14 → 00:16:18 อาจจะต้องหาวิธีเข้าหา ที่ทำให้ลูกไม่รู้สึกตกใจ
00:16:18 → 00:16:19 อืม
00:16:19 → 00:16:22 ลูกไม่รู้สึกว่าเขากำลังเป็นภาระ
00:16:22 → 00:16:22 ครับ
00:16:22 → 00:16:24 เพราะว่าคนที่เป็นซึมเศร้าส่วนหนึ่ง
00:16:24 → 00:16:26 เขารู้สึกว่าเขาเป็นภาระของคนรอบข้าง
00:16:26 → 00:16:27 อืม
00:16:27 → 00:16:29 บางทีการที่เข้าไป
00:16:29 → 00:16:30 แล้วทำให้เขารู้สึกว่า
00:16:30 → 00:16:32 อีกแล้ว เขากำลังทำผิดอีกแล้ว
00:16:32 → 00:16:33 นี่
00:16:33 → 00:16:37 มันก็ทำให้เขายิ่งไม่ขอความช่วยเหลือครับ
00:16:37 → 00:16:37 อืม
00:16:38 → 00:16:42 ประเด็นนี้น่าสนใจที่บอกว่า เขามีความรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา
00:16:42 → 00:16:45 นั่นก็แปลว่า การที่เราทรีตเขา หรือดูแลเขาเป็นพิเศษ
00:16:45 → 00:16:48 จะยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไหมครับ
00:16:48 → 00:16:51 มันคงต้องพอดีครับอาจารย์
00:16:51 → 00:16:53 การที่เยอะเกินไปบางอย่าง
00:16:53 → 00:16:54 ก็เหมือนกันว่า
00:16:54 → 00:16:57 ผมได้รับคำถามนี้บ่อยมากครับอาจารย์ ตรงที่ว่า
00:16:57 → 00:16:59 อาจารย์มหาวิทยาลัยนี่นะ
00:16:59 → 00:17:00 บางทีก็มาถามว่า
00:17:01 → 00:17:02 จะคุยกับเด็กที่เป็นซึมเศร้าอย่างไร
00:17:02 → 00:17:05 หรือเพื่อนที่อยู่รอบตัวก็มาถามว่า
00:17:05 → 00:17:06 นี่หมอ ผมมีเพื่อนเป็นซึมเศร้า
00:17:06 → 00:17:07 ต้องอยู่กับเขายังไง
00:17:07 → 00:17:08 อืม
00:17:08 → 00:17:10 คนซึมเศร้าเกือบทั้งหมดมักจะตอบว่า
00:17:10 → 00:17:13 อยากให้ทำกับเขา เหมือนเขาเป็นคนที่ไม่ได้เป็นอะไร
00:17:13 → 00:17:16 ไม่ต้องมาทรีตเขาในแบบที่มันพิเศษเกิน
00:17:16 → 00:17:17 อืม
00:17:17 → 00:17:19 แต่ธรรมชาติมนุษย์เช่นกันครับอาจารย์ มนุษย์เรานี่ใจดี
00:17:19 → 00:17:21 เวลาที่เจอเพื่อนที่เป็น หรือลูกศิษย์ที่เป็นนี่
00:17:22 → 00:17:26 เราก็จะรู้สึกว่า เราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้คนที่เป็นซึมเศร้า
00:17:26 → 00:17:27 อาการเขายิ่งแย่ลง
00:17:27 → 00:17:28 อืม
00:17:28 → 00:17:29 ก็จะระวัง
00:17:29 → 00:17:31 ก็จะไม่กล้าพูดบางอย่าง จะไม่กล้าทำบางอย่าง
00:17:31 → 00:17:33 ผมคิดว่า มันเป็นกรณี
00:17:33 → 00:17:38 คือถ้าในกรณีที่ โรคซึมเศร้า ก็เป็นโรค ๆ หนึ่งซึ่งมันสงบได้นะครับ
00:17:38 → 00:17:39 แล้วมันก็หายได้
00:17:39 → 00:17:39 อืม
00:17:39 → 00:17:40 ช่วงที่โรคสงบ
00:17:40 → 00:17:41 ช่วงที่อาการไม่มีอะไร
00:17:42 → 00:17:46 ผมคิดว่าเราสามารถทำกับเขา ในแบบที่มนุษย์ควรจะทำด้วยกัน
00:17:46 → 00:17:48 เพียงแต่ว่าเวลาที่โรคซึมเศร้ามันกำเริบ
00:17:49 → 00:17:51 เขาอาจจะ sensitive มากกว่าปกติ
00:17:52 → 00:17:55 ท่าทีบางอย่าง หรือคำพูดบางคำ
00:17:55 → 00:17:58 เขาอาจจะมากกว่าคนอื่นบ้าง
00:17:58 → 00:18:00 เราก็ระวังในช่วงนั้นเท่านั้นเองครับ
00:18:00 → 00:18:03 เมื่อสักครู่หมอหลิวพูดถึงคำว่าโรคมันสงบ
00:18:03 → 00:18:04 หรือโรคมันหายได้
00:18:04 → 00:18:05 ครับ
00:18:05 → 00:18:08 โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นนี่ครับ มีโอกาสที่จะหายได้เองไหม
00:18:08 → 00:18:09 หรือต้องรับการรักษา
00:18:09 → 00:18:12 อืม ต้องบอกอย่างนี้ครับอาจารย์ว่า โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นนี่
00:18:12 → 00:18:14 อยากแนะนำอย่างนี้เลยว่า
00:18:14 → 00:18:17 ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งหายเร็ว
00:18:17 → 00:18:20 ดังนั้น ถ้าใครฟังอยู่ ถ้าเป็นน้อง ๆ วัยรุ่น นักศึกษาฟังอยู่
00:18:20 → 00:18:22 ถ้ารู้สึกว่าไม่โอเค ก็รีบไปหาหมอ
00:18:22 → 00:18:23 อืม
00:18:23 → 00:18:26 แต่ถ้าเกิดคุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นว่า ลูกมีสัญญาณเตือน 6 อย่าง อย่างที่บอก
00:18:26 → 00:18:28 ให้รีบพาไปหาหมอ
00:18:28 → 00:18:30 ถ้าเกิดว่าคุณหมอวินิจฉัยแล้วว่าเป็นซึมเศร้า
00:18:30 → 00:18:32 ก็จะแนะนำ ให้คำแนะนำ
00:18:32 → 00:18:34 แบ่งการรักษา เป็นการรักษาด้วยยาก่อนครับอาจารย์
00:18:34 → 00:18:34 อืม
00:18:35 → 00:18:36 การรักษาด้วยยาอย่างแรกนี่
00:18:36 → 00:18:38 ก็คือจะเป็นการให้ยาต้านเศร้า
00:18:38 → 00:18:42 ยาต้านเศร้าก็จะช่วยปรับสารเคมีในสมอง ให้มันเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้นนะครับ
00:18:43 → 00:18:47 ในส่วนของการรักษาถัดไป เป็นเรื่องของการรักษาทางจิตใจและสังคม
00:18:47 → 00:18:50 การรักษาทางจิตใจนี่ ก็จะเป็นเรื่องของการทำจิตบำบัด
00:18:50 → 00:18:53 ซึ่งจิตบำบัด ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นะครับ
00:18:53 → 00:18:56 ที่มารองรับว่ารักษาโรคซึมเศร้า ในปัจจุบันได้นี่
00:18:56 → 00:18:57 ก็จะมีที่คนพูดถึงเยอะ
00:18:57 → 00:18:59 ก็จะมี เราเรียกว่า CBT
00:18:59 → 00:19:03 หรือว่าย่อมาจาก Cognitive Behavioral Therapy
00:19:03 → 00:19:07 แปลเป็นไทยก็คือ การรักษาแบบบำบัด ความคิดและพฤติกรรม
00:19:07 → 00:19:12 ซึ่งก็จะมีจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้เชี่ยวชาญที่ทำเรื่องนี้
00:19:12 → 00:19:13 เขาก็จะให้การรักษาได้นะครับ
00:19:14 → 00:19:15 นอกจากนั้นแล้วนี่
00:19:15 → 00:19:18 ในวัยรุ่นมีประเด็นเฉพาะลงไปอีกครับ ตรงที่ว่า
00:19:18 → 00:19:21 บางเรื่องที่เข้ามากระทบกับตัววัยรุ่นนี่
00:19:21 → 00:19:23 มันจะเป็นเรื่องในครอบครัว
00:19:24 → 00:19:26 มันจะเป็นเรื่องในโรงเรียน มหาวิทยาลัย
00:19:27 → 00:19:29 มันจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเพื่อน
00:19:30 → 00:19:35 บางทีตัวจิตแพทย์เองก็อาจจะขอในการประเมิน
00:19:35 → 00:19:38 ในการพูดคุยกับบุคคลอื่น ที่นอกจากวัยรุ่นคนนั้น
00:19:38 → 00:19:39 อ๋อ
00:19:40 → 00:19:45 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังยึดในเรื่องของ ความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลักอยู่ดี
00:19:46 → 00:19:47 ถ้าตัววัยรุ่นเองรู้สึกว่า
00:19:47 → 00:19:51 ไม่น่ะ…หมอ หนูไม่โอเค ในการที่จะให้เป็น contact คนนั้นคนนี้
00:19:52 → 00:19:53 พวกเราก็ทำไม่ได้แล้วนะ
00:19:53 → 00:19:55 เราก็จะยังไม่ทำในตอนนั้น
00:19:55 → 00:19:58 แต่ว่ายังไงก็ตาม พ่อแม่ที่มาวันนั้น
00:19:58 → 00:20:00 เราก็มักจะสื่อสารและก็จะพูดคุยด้วย
00:20:00 → 00:20:06 เพราะเราเชื่อว่าพ่อแม่เป็นคนสำคัญ ที่จะต้องกลับไปดูแลวัยรุ่นคนนั้น
00:20:06 → 00:20:10 จำเป็นไหมที่คุณพ่อคุณแม่ จะต้องเป็นคนพาเด็กหรือวัยรุ่นคนนี้
00:20:10 → 00:20:11 ไปพบจิตแพทย์
00:20:12 → 00:20:16 เด็กเอง วัยรุ่นเอง สามารถที่จะเข้าไปพบ จิตแพทย์เอง อย่างนี้ทำได้ไหมครับ
00:20:16 → 00:20:16 ครับ
00:20:17 → 00:20:19 ในปัจจุบัน กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
00:20:19 → 00:20:21 ก็ได้ออกประกาศมาแล้วครับอาจารย์ว่า
00:20:21 → 00:20:24 วัยรุ่นหรือว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี
00:20:25 → 00:20:30 สามารถที่จะไปพบจิตแพทย์เพื่อขอทำการรักษา โรคทางจิตเวชได้ด้วยตนเอง
00:20:31 → 00:20:33 แล้วก็สามารถรับการรักษาได้
00:20:33 → 00:20:35 แต่ว่าถ้าเกิดว่าจะต้อง...
00:20:35 → 00:20:39 คุณหมอเขาประเมินแล้วว่าจะต้อง มีการรับเป็นผู้ป่วยในหรืออะไรอย่างนี้
00:20:39 → 00:20:41 อาจจะต้องมีการติดต่อผู้ปกครองเกิดขึ้น
00:20:41 → 00:20:42 อืม
00:20:42 → 00:20:45 แต่อย่างไรก็ตามครับอาจารย์ครับ ผมคิดว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่นี่
00:20:45 → 00:20:47 เข้าใจ แล้วก็อยากจะพามา
00:20:47 → 00:20:47 ครับ
00:20:47 → 00:20:51 เพียงแต่บางที วัยรุ่นอาจจะต้องใช้วิธีสื่อสารในเชิงบวก
00:20:51 → 00:20:53 แต่ถ้าเกิดว่า โอ้โฮ สื่อสารกันแล้วยังไงก็ไม่ได้
00:20:53 → 00:20:56 ผมคิดว่ามาก่อน มาหาหมอก่อน แล้วเดี๋ยวว่ากันอีกที
00:20:56 → 00:21:00 ที่เราพูดกันมานี่ มันจะเป็นลักษณะของ การที่มีสัญญาณเตือนแล้ว
00:21:00 → 00:21:01 แล้วนำไปสู่การรักษาแล้ว
00:21:01 → 00:21:04 มันมีวิธีอะไรในการที่จะป้องกันไหมครับ
00:21:04 → 00:21:06 จริง ๆ ถ้าจะพูดถึงป้องกันนี่ครับอาจารย์
00:21:06 → 00:21:09 โอ้โฮ ต้องถอยไปตั้งแต่...ยังเป็นเด็กเล็ก
00:21:09 → 00:21:09 โอ้โฮ ครับ
00:21:10 → 00:21:13 ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กเลย ถ้าเราพูดถึงตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กว่า
00:21:13 → 00:21:15 พ่อแม่เลี้ยงลูกในเชิงบวก
00:21:16 → 00:21:18 พ่อแม่เลี้ยงลูกในเชิง ที่จะทำให้ลูกเขารู้สึกว่า
00:21:18 → 00:21:20 เขาเป็นคนมีคุณค่า
00:21:20 → 00:21:20 อืม
00:21:20 → 00:21:22 เขาเป็นคนที่มี Self-esteem ที่ดี
00:21:22 → 00:21:23 อืม
00:21:23 → 00:21:25 อันนี้คือคีย์สำคัญ
00:21:25 → 00:21:28 เป็นเกราะป้องกันสำคัญ ที่เด็กจะไม่เป็นซึมเศร้าในอนาคต
00:21:28 → 00:21:31 แต่ถ้าเขาโตขึ้นมากว่านั้น เช่น เริ่มเข้าโรงเรียนประถม
00:21:31 → 00:21:33 เริ่มมาอยู่ในช่วงก่อนเป็นวัยรุ่นนี่
00:21:33 → 00:21:36 อะไรล่ะที่จะไปสร้าง Self-esteem ให้เขาได้
00:21:36 → 00:21:39 เขารู้ได้ไหมล่ะ ว่าเขาเป็นเด็กที่มีคุณค่าในตัวเอง
00:21:39 → 00:21:41 เขารู้ไหมว่าเขาเก่งอะไร เขาดีอะไร
00:21:41 → 00:21:43 เช่น เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ
00:21:43 → 00:21:45 เขาเป็นคนซื่อสัตย์
00:21:45 → 00:21:46 เขาเป็นคนมีน้ำใจ
00:21:47 → 00:21:50 สิ่งเหล่านี้ คุณลักษณะภายในเนื้อในตัวเขาเหล่านี้
00:21:50 → 00:21:51 พ่อแม่ต้องช่วยหา
00:21:51 → 00:21:52 อืม
00:21:52 → 00:21:55 คุณครูที่โรงเรียนต้องช่วยหา
00:21:55 → 00:21:56 อืม
00:21:56 → 00:21:57 และช่วยสะท้อนให้เด็กได้รู้ว่า
00:21:58 → 00:22:00 ฉันมีดีอย่างนี้ อย่างนี้ ๆ
00:22:00 → 00:22:03 เพื่อเป็นเหมือนกระปุกออมสิน
00:22:04 → 00:22:06 เอาไว้ใช้ในวันที่ใจมันเหี่ยว
00:22:07 → 00:22:11 ในวันที่เรื่องราวมันเยอะเหลือเกิน ฉันจะเป็นซึมเศร้าอยู่แล้ว
00:22:11 → 00:22:14 มันจะมีคำพูดเหล่านี้ ที่มันสะท้อนกลับเข้ามาว่า
00:22:14 → 00:22:15 เฮ้ย ฉันดีนี่นา
00:22:15 → 00:22:17 เฮ้ย ฉันเป็นเด็กดีของพ่อแม่นี่นา
00:22:18 → 00:22:20 ฉันมีน้ำใจนี่นา
00:22:20 → 00:22:20 อืม
00:22:20 → 00:22:23 แล้วฉันจะเศร้าไปทำไม ฉันจะแย่ได้อย่างไร
00:22:23 → 00:22:24 ส่วนเหล่านี้ครับ
00:22:24 → 00:22:26 มันจะช่วยเป็นเกราะป้องกัน
00:22:26 → 00:22:28 ในช่วงสุดท้ายนี้ครับ
00:22:28 → 00:22:30 คุณหมอหลิวครับ มีอะไรที่อยากที่จะฝากให้กับคุณผู้ชม
00:22:31 → 00:22:32 คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง
00:22:32 → 00:22:35 หรือแม้แต่ตัวเด็ก ๆ และวัยรุ่นเอง
00:22:35 → 00:22:36 ในเรื่องของโรคซึมเศร้าครับ
00:22:37 → 00:22:39 โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นมีอยู่จริงนะครับ
00:22:39 → 00:22:40 คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็น้อง ๆ วัยรุ่น
00:22:40 → 00:22:44 เป็นเรื่องของสารเคมี เป็นเรื่องของชีวภาพ
00:22:44 → 00:22:49 ไม่ใช่เรื่องที่วัยรุ่นแกล้งทำ หรือว่าเขาอยากเป็นขึ้นมาเอง
00:22:49 → 00:22:53 ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพ่อคุณแม่ เริ่มได้ยินว่าลูกเขาอยากหาหมอ
00:22:53 → 00:22:55 หรือตัววัยรุ่นเองอยากไปหาหมอ
00:22:55 → 00:22:59 เพื่อไปรักษาเรื่องเกี่ยวกับโรคทางจิตเวช หรือไปปรึกษาว่าเขาเศร้านี่
00:23:00 → 00:23:01 รีบพาไปเถอะนะครับ
00:23:01 → 00:23:03 มีช่องทางมากมายนะครับ
00:23:03 → 00:23:07 ถ้ายังไม่แน่ใจ อาจจะ เอ๊ย…ใช่/ไม่ใช่ ปรึกษาก่อนนิดนึง
00:23:07 → 00:23:10 สายด่วนสุขภาพจิตก็ได้ 1323
00:23:10 → 00:23:12 หรือว่าเดี๋ยวนี้มีเว็บไซต์ มีแชทบอต
00:23:12 → 00:23:16 มีเรื่องราวมากมายเลยให้เข้าไปดู ให้เข้าไปเช็กสุขภาพจิตตัวเอง
00:23:17 → 00:23:18 ทำช่องทางเหล่านั้นก่อนก็ได้
00:23:18 → 00:23:21 ผมเชื่อว่าถ้าดูแลได้เร็ว
00:23:21 → 00:23:22 รักษาได้เร็ว
00:23:22 → 00:23:23 โรคหาย
00:23:23 → 00:23:26 ป้องกันการสูญเสียถึงชีวิตได้แน่ ๆ ครับ
00:23:26 → 00:23:29 วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้คุยกับคุณหมอหลิว อีกครั้งหนึ่งนะครับ
00:23:29 → 00:23:34 โอกาสต่อไปคงจะได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณหมอหลิวกันอีกในหัวข้ออื่น ๆ นะครับ
00:23:34 → 00:23:38 วันนี้ขอบคุณ ผศ.นพ.สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:23:38 → 00:23:40 อาจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์
00:23:40 → 00:23:43 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลครับ
00:23:44 → 00:23:45 คุณผู้ชม คุณผู้ฟังครับ
00:23:45 → 00:23:47 แล้วกลับมาพบกันใหม่กับรายการ Re-Mind
00:23:47 → 00:23:49 ในทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.
00:23:49 → 00:23:50 วันนี้สวัสดีครับ
00:23:51 → 00:23:55 พบกับรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:23:55 → 00:24:00 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:24:00 → 00:24:03 ทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.
00:24:03 → 00:24:05 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:05 → 00:24:08 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:08 → 00:24:09 YouTube Mahidol Channel
00:24:10 → 00:24:11 Apple Podcasts
00:24:11 → 00:24:12 Spotify
00:24:12 → 00:24:13 Anchor
00:24:13 → 00:24:14 Blockdit
00:24:14 → 00:24:15 Joox
00:24:19 → 00:24:21 Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:24:21 → 00:24:26 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว