00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:24 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:24 → 00:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:29 → 00:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:31 → 00:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:35 → 00:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:40 → 00:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:42 → 00:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:46 → 00:00:49 [เสียงดนตรี]
00:00:49 → 00:00:53 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ โรคกระดูกพรุนนะคะ
00:00:53 → 00:00:56 โรคกระดูกพรุนเองนี่ ถือว่าเป็นภัยเงียบนะคะ
00:00:56 → 00:00:57 ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอาการอะไรเลย
00:00:58 → 00:01:00 เจอได้ทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย
00:01:00 → 00:01:02 แต่ว่าจะเจอในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
00:01:02 → 00:01:06 อายุที่เราจะเจอกันบ่อย ๆ ก็จะเป็นประมาณสัก 50 ปีขึ้นไป
00:01:06 → 00:01:10 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มมีการ หมดประจำเดือนแล้วนะคะ
00:01:10 → 00:01:12 ในผู้ชายเองก็เจอได้เหมือนกันนะคะ
00:01:12 → 00:01:15 แต่ว่าอาการจะเกิดช้ากว่าผู้หญิงนิดนึง
00:01:15 → 00:01:21 ทีนี้สำหรับสาว ๆ ที่กำลังเข้าสู่วัย สว. หรือว่าเริ่มจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว
00:01:21 → 00:01:25 ก็อาจจะต้องมาเตรียมตัว เตรียมพร้อม สำหรับการป้องกัน
00:01:25 → 00:01:28 หรือแม้กระทั่งการดูแลตัวเอง ถ้าเกิดว่ามีภาวะนี้แล้วค่ะ
00:01:28 → 00:01:31 สำหรับโรคกระดูกพรุน เหมือนที่บอกค่ะ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว
00:01:31 → 00:01:34 ในกระดูกเรา มันจะมีความกลวง
00:01:34 → 00:01:38 กระดูกเรามันไม่ได้เป็นแบบ กระดูกที่มันเป็นแท่งตัน ๆ นะคะ
00:01:38 → 00:01:41 ลองนึกภาพเวลาเรากินไก่ทอด แล้วเรากัดที่กระดูกไก่
00:01:41 → 00:01:44 แล้วเราจะรู้สึกว่ามันกร๊อบ มันกรอบใช่ไหมคะ
00:01:44 → 00:01:47 ข้างในค่ะ โครงสร้างที่มันอยู่กันนี่
00:01:47 → 00:01:49 โครงสร้างตรงนี้นี่
00:01:49 → 00:01:52 มันจะมีความหนาแน่นของกระดูกในระดับหนึ่ง
00:01:52 → 00:01:54 แต่พอเวลาเราอายุมากขึ้นนี่
00:01:54 → 00:01:57 ความหนาแน่นพวกนี้ของโครงสร้าง มันก็จะลดลง
00:01:57 → 00:02:01 ทำให้กระดูกมันเปราะ บาง แล้วก็หักง่าย
00:02:01 → 00:02:04 ดังนั้นกระดูกพรุนนี่ มันจะเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
00:02:04 → 00:02:07 ด้วยเหตุผลที่ว่าฮอร์โมนลดลง
00:02:07 → 00:02:10 โดยเฉพาะผู้หญิงก็คือฮอร์โมนเอสโตรเจน
00:02:10 → 00:02:12 ถ้างั้นถามว่าแล้วทำให้มันเกิดอะไรขึ้น
00:02:13 → 00:02:15 เมื่อมีกระดูกพรุนปั๊บนี่ สิ่งที่ตามมาก็คือ
00:02:15 → 00:02:18 กระดูกอันนั้นก็จะมีความเปราะ ความกรอบ
00:02:18 → 00:02:21 แล้วก็สามารถที่จะหักง่ายขึ้น
00:02:21 → 00:02:24 มีแรงกระแทกนิดหน่อย ก็อาจจะทำให้เกิดกระดูกหัก
00:02:24 → 00:02:26 ทีนี้กระดูกหักในบางตำแหน่งนี่
00:02:26 → 00:02:27 มันจะทำให้เราเดินไม่ได้ เรานอนติดเตียง
00:02:28 → 00:02:30 ซึ่งอันนี้จะมีอันตรายนะคะ
00:02:30 → 00:02:33 ถ้าสมมุติกระดูกหักที่ข้างหลัง ก็จะทำให้เราเตี้ยลง
00:02:33 → 00:02:36 กระดูกหักที่สะโพก แล้วเราขยับไม่ได้ เราเดินไม่ได้
00:02:37 → 00:02:40 ถ้าบางคนไม่ได้รับการผ่าตัด ก็อาจจะต้องนอนติดเตียง อย่างนี้เป็นต้น
00:02:40 → 00:02:42 ทำให้คุณภาพชีวิตเราแย่ลงนะคะ
00:02:42 → 00:02:46 เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้กระดูกเราพรุนแล้วนะคะ
00:02:46 → 00:02:48 อันแรกที่เราเห็น แล้วเราไม่ได้ตรวจ เราเจอบ่อย ๆ
00:02:48 → 00:02:50 ก็คือเราจะรู้สึกว่า เอ๊ะ เมื่อเราอายุมากขึ้นนี่
00:02:51 → 00:02:52 ส่วนสูงเราจะลดลง
00:02:52 → 00:02:54 อันนี้แสดงว่าอาจจะเริ่มมีแล้วค่ะ
00:02:54 → 00:02:58 คือกระดูกสันหลังเรานี่ มันจะมีกระดูกพรุน แล้วก็เริ่มมีการสึก
00:02:58 → 00:03:00 หรือว่าการหักของกระดูกสันหลัง
00:03:00 → 00:03:03 แต่ถ้าเราอยากจะตรวจ แล้วทำให้ทราบได้ชัดเจน
00:03:03 → 00:03:08 เราจะมีวิธีการวัด ที่เราเรียกว่าวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก
00:03:08 → 00:03:10 วัดความหนาแน่นของมวลกระดูกนี่
00:03:10 → 00:03:13 วิธีการที่เป็น Standard หรือเป็นมาตรฐานนี่
00:03:13 → 00:03:16 ก็คือวัดที่โรงพยาบาล โดยใช้เครื่องที่เรียกว่า DEXA
00:03:16 → 00:03:18 เวลาที่เราจะวัดมวลกระดูกนี่นะคะ
00:03:18 → 00:03:22 ร่างกายของเรานี่ จะมีช่วงเวลาที่มวลกระดูกมากที่สุด
00:03:22 → 00:03:24 ก็คือช่วงประมาณอายุ 20-30
00:03:24 → 00:03:25 มวลกระดูกเราจะมากที่สุดในช่วงนี้
00:03:26 → 00:03:27 และหลังจากนั้นจะค่อย ๆ คงที่ก่อน
00:03:28 → 00:03:29 แล้วก็ค่อย ๆ ลดลงนะคะ
00:03:30 → 00:03:33 เวลาที่เราจะรู้ว่ามวลกระดูกของเรา อันนี้มันบางแล้วนะ
00:03:33 → 00:03:34 หรือว่ากระดูกมันพรุนแล้วนะ
00:03:34 → 00:03:37 เราจะเปรียบเทียบจากช่วงอายุประมาณ 20-30
00:03:38 → 00:03:41 ถ้าสมมุติว่า ตอนนี้กระดูกเราเท่าอายุ 20-30
00:03:41 → 00:03:43 อันนี้ไม่มีปัญหาแน่นอนนะคะ
00:03:43 → 00:03:45 แต่ถ้าสมมุติว่ามันลดลงไปเรื่อย ๆ
00:03:45 → 00:03:47 เทียบกับมาตรฐานตอนอายุ 20-30
00:03:47 → 00:03:50 ตรงนี้ค่ะ เราก็จะบอกว่าตอนนี้เริ่มมีกระดูกบาง
00:03:50 → 00:03:51 บางคือลดลง
00:03:51 → 00:03:53 กระดูกพรุนนี่มันลดลงหนักเข้าไปอีก
00:03:53 → 00:03:57 แล้วจุดที่เราเรียกว่ากระดูกพรุน คือความเสี่ยงที่จะหัก มันมีมากขึ้น
00:03:57 → 00:04:01 เวลาที่พอประจำเดือนหมดใช่ไหมคะ
00:04:01 → 00:04:04 มันจะทำให้มีการสูญเสียของเนื้อกระดูก ค่อนข้างรวดเร็ว
00:04:04 → 00:04:07 ทำให้เสี่ยงกับการที่จะเกิดกระดูกพรุนมากขึ้น
00:04:08 → 00:04:12 ดังนั้นคำแนะนำก็คือ ในผู้หญิงที่เป็นวัยหมดประจำเดือน
00:04:12 → 00:04:16 ก็ควรที่จะมีการตรวจเรื่องของ ความหนาแน่นมวลกระดูก
00:04:16 → 00:04:21 หรือบางท่านอาจจะแบบ เอ๊ะ เราแค่ล้มนิดเดียวแต่กระดูกเราหักนะคะ
00:04:21 → 00:04:24 ซึ่งแรงกระแทก มันไม่สมเหตุสมผล
00:04:24 → 00:04:27 อันนี้ก็อาจจะเป็นคนที่มีปัญหา เรื่องของกระดูกบางนะคะ
00:04:27 → 00:04:28 ก็ควรจะไปตรวจ
00:04:28 → 00:04:31 หรือว่าผู้หญิงที่บอกว่าพออายุมากขึ้นปั๊บ
00:04:31 → 00:04:33 แล้วส่วนสูงมันลดลงไปเรื่อย ๆ
00:04:33 → 00:04:36 หรือแม้กระทั่งเราฟิล์มเอกซเรย์แล้ว เราเจอว่ามีกระดูกสันหลังมันยุบ
00:04:36 → 00:04:38 อันนี้ก็ควรที่จะไปตรวจดูว่า
00:04:38 → 00:04:41 ตอนนี้เรามีกระดูกบางแล้วหรือยังค่ะ
00:04:41 → 00:04:46 [เสียงดนตรี]
00:04:46 → 00:04:48 สำหรับปัจจัยเสี่ยงในการเกิดกระดูกพรุนนี่
00:04:48 → 00:04:50 เราก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มนะคะ
00:04:50 → 00:04:52 กลุ่มแรกก็คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
00:04:52 → 00:04:55 กับอันที่สองก็คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้
00:04:56 → 00:04:58 สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
00:04:58 → 00:05:00 ยกตัวอย่างเช่น อายุนะคะ อายุมาก
00:05:00 → 00:05:03 หรือว่าหมดประจำเดือนเร็ว เช่น เร็วกว่า 45
00:05:03 → 00:05:06 อันที่ 2 ก็จะเป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้นะคะ
00:05:06 → 00:05:09 ยกตัวอย่างเช่น คนผอมหรือว่าโครงร่างเล็ก
00:05:09 → 00:05:13 อันนี้มวลกระดูก จะน้อยกว่าคนที่น้ำหนักตัวเยอะหรือว่าคนอ้วน
00:05:13 → 00:05:16 คนที่สูบบุหรี่ หรือว่าคนที่ดื่มเหล้านะคะ
00:05:16 → 00:05:19 แล้วก็มีพวกของกาเฟอีน ที่กินอยู่เป็นประจำนะคะ
00:05:19 → 00:05:22 อันนี้ก็จะทำให้มีการสูญเสีย เรื่องของแคลเซียมไปทางปัสสาวะ
00:05:22 → 00:05:27 อันถัดไปก็คือคนที่มีปัญหาเรื่องของ การขาดแคลเซียมหรือว่าวิตามินดี
00:05:27 → 00:05:32 จะทำให้การสร้างโครงสร้างของตัวกระดูก ลดลงนะคะ
00:05:32 → 00:05:34 ขาดการออกกำลังกายนะคะ
00:05:34 → 00:05:36 หรือว่ามียาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์
00:05:36 → 00:05:40 คนไข้ที่มีโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ยกตัวอย่างเช่น รูมาตอยด์
00:05:40 → 00:05:42 อันนี้ก็จะถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง
00:05:42 → 00:05:44 ที่จะทำให้เกิดเรื่องของกระดูกพรุน
00:05:44 → 00:05:48 สำหรับคุณผู้ชาย ถ้ามีปัญหาเรื่องของ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ
00:05:49 → 00:05:52 อันนี้ก็ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด เรื่องของกระดูกพรุนเช่นกันค่ะ
00:05:52 → 00:05:57 [เสียงดนตรี]
00:05:57 → 00:06:00 เมื่อเรามีการตรวจเรื่องของมวลกระดูกแล้วนะคะ
00:06:00 → 00:06:03 ก็จะแยกออกมาว่าเป็นกระดูกบาง หรือว่ากระดูกพรุนนะคะ
00:06:03 → 00:06:06 ในแง่ของการรักษา เราจะมีการคำนวณ
00:06:06 → 00:06:09 เป็นลักษณะของการดูว่า เราเสี่ยงที่จะกระดูกหักไหม
00:06:09 → 00:06:11 ถ้าเราเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก
00:06:11 → 00:06:14 คุณหมออาจจะมีเรื่องของการให้ยานะคะ
00:06:14 → 00:06:16 ที่จะป้องกันเรื่องของกระดูกหัก
00:06:16 → 00:06:19 ในขณะที่บางคนมีปัญหาเรื่องของกระดูกบาง หรือว่ากระดูกพรุน
00:06:19 → 00:06:20 แต่ว่ามีไม่มาก
00:06:20 → 00:06:23 อันนี้คุณหมอเขาจะพิจารณาที่จะให้ดูเรื่องของ
00:06:23 → 00:06:25 วิตามินดี แล้วก็เรื่องของแคลเซียม
00:06:25 → 00:06:26 แล้วก็จะมียาให้
00:06:26 → 00:06:29 ซึ่งรายละเอียดของการรักษา จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคลค่ะ
00:06:29 → 00:06:32 สำหรับการป้องกันกระดูกพรุนนะคะ ก็มี 2 ส่วน
00:06:32 → 00:06:34 ส่วนแรกก็เรื่องของอาหารนะคะ
00:06:34 → 00:06:37 ก็จะเน้นว่าจะต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
00:06:37 → 00:06:40 ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมนะคะ
00:06:40 → 00:06:44 แล้วก็กินอาหารที่มีแคลเซียม หรือวิตามินดีที่เพียงพอนะคะ
00:06:44 → 00:06:48 ในส่วนของการออกกำลังกาย จริง ๆ เราแนะนำให้เป็นออกกำลังกายกลางแจ้ง
00:06:48 → 00:06:52 โดยที่จะมีผลทางอ้อม ก็คือเราจะได้รับวิตามินดีด้วย
00:06:52 → 00:06:55 การออกกำลังกายมีทั้งส่วนที่เป็นแอโรบิก
00:06:55 → 00:06:59 แล้วก็ส่วนที่เป็นเรื่องของการสร้าง กล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงนะคะ
00:06:59 → 00:07:04 แล้วก็เน้นว่าการออกกำลังกายควรจะมี แรงกระแทกอยู่บนกระดูกและข้อต่อ
00:07:04 → 00:07:07 เพื่อจะเสริมสร้าง ให้มีการสร้างกระดูกได้ดีขึ้นค่ะ
00:07:08 → 00:07:13 [เสียงดนตรี]
00:07:13 → 00:07:17 สำหรับอาหารที่เราจะเน้นในคนที่มีปัญหา เรื่องกระดูกพรุนหรือกระดูกบาง
00:07:17 → 00:07:19 ก็จะเป็นเรื่องของแคลเซียมนะคะ
00:07:19 → 00:07:22 ในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 50 ปีนะคะ
00:07:22 → 00:07:24 มีความต้องการแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัม
00:07:24 → 00:07:26 ถ้าอายุมากกว่า 50 ปี
00:07:26 → 00:07:29 ความต้องการแคลเซียมจะสูงขึ้น เป็น 1,200 มิลลิกรัมค่ะ
00:07:29 → 00:07:32 อีกอันนึงก็คือจะเป็นเรื่องของวิตามินดี
00:07:32 → 00:07:36 แต่ต้องบอกว่า ในอาหารเองนี่ วิตามินดีเองนี่จะมีน้อยนะคะ
00:07:36 → 00:07:39 ก็จะมาจากพวกเห็ดได้นะคะ หรือว่าสาหร่ายได้
00:07:39 → 00:07:43 แต่หลัก ๆ นี่ เราได้รับวิตามินดีจากแสงแดด
00:07:43 → 00:07:46 เพราะฉะนั้นถามว่าจะได้รับวิตามินดี เพียงพอหรือเปล่า
00:07:46 → 00:07:48 ก็ต้องดูว่า หนึ่ง เราตากแดดมากพอไหม
00:07:48 → 00:07:52 สอง เราใส่เสื้อแขนยาวขายาว เวลาที่ตากแดดหรือเปล่า
00:07:52 → 00:07:54 เพราะอันนี้มันจะทำให้การสร้างวิตามินดีลดลง
00:07:55 → 00:07:57 สาม เราทากันแดดหรือเปล่านะคะ
00:07:57 → 00:08:00 ถ้าสมมุติว่าเราได้รับวิตามินดี ไม่เพียงพอจากอาหาร
00:08:00 → 00:08:02 หรือว่าแม้กระทั่งกลางแดดนะคะ
00:08:02 → 00:08:06 เราก็จะต้องมีการเสริมวิตามินดี ในรายที่มีวิตามินดีต่ำ
00:08:06 → 00:08:08 ซึ่งอันนี้ก็ต้องไปตรวจเพิ่มเติม
00:08:08 → 00:08:13 [เสียงดนตรี]
00:08:13 → 00:08:16 แหล่งที่มาของแคลเซียมในอาหาร ก็จะแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ
00:08:16 → 00:08:19 กลุ่มแรกก็จะเป็นกลุ่มของผลิตภัณฑ์จากนม
00:08:20 → 00:08:23 ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มของนม กลุ่มของชีส หรือว่าโยเกิร์ต
00:08:23 → 00:08:26 พวกนี้ก็จะอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส
00:08:26 → 00:08:30 ซึ่งมีความจำเป็น ในเรื่องของการเสริมสร้างกระดูกนะคะ
00:08:30 → 00:08:32 ทีนี้ถามว่าเวลาที่จะเลือกนี่
00:08:32 → 00:08:34 ก็แนะนำว่าควรจะเลือกเป็น...
00:08:34 → 00:08:36 อย่างเช่นนมนะคะ ก็อาจจะเลือกเป็น low fat
00:08:36 → 00:08:41 เพราะว่าในหลาย ๆ ท่านอาจจะมีปัญหา เรื่องของคอเลสเตอรอลหรือว่ามีน้ำหนักตัวเกิน
00:08:41 → 00:08:45 อันที่สอง ถ้าเป็นโยเกิร์ต เราก็แนะนำให้กินเป็นโยเกิร์ตธรรมชาติ
00:08:45 → 00:08:47 แต่ถ้าอยากจะเสริมพวกผลไม้นี่
00:08:47 → 00:08:51 แทนที่จะกินเป็นโยเกิร์ตที่มันเป็นรสชาติ ซึ่งมันมีความหวานมาก ๆ
00:08:51 → 00:08:56 เราก็จะใช้ผลไม้สดมาวางอยู่กับโยเกิร์ต แล้วเราก็สามารถจะรับประทานได้
00:08:56 → 00:08:59 อันนี้ก็จะได้เรื่องของไฟเบอร์ วิตามิน
00:08:59 → 00:09:02 รวมกับพวกของแคลเซียม ฟอสฟอรัสเช่นกันนะคะ
00:09:02 → 00:09:05 ทีนี้ถ้าสมมุติว่า เราต้องการแคลเซียมมากกว่านั้นนี่
00:09:05 → 00:09:09 เราอาจจะเลือกดูอันที่ฉลากโภชนาการ เขียนไว้ว่าเป็นแคลเซียมสูง
00:09:09 → 00:09:13 ซึ่งอันนี้เขาอาจจะ มีการเสริมแคลเซียมลงไปนะคะ
00:09:13 → 00:09:15 อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มของเนื้อสัตว์นะคะ
00:09:15 → 00:09:19 ในเนื้อสัตว์ที่จะมีแคลเซียมเยอะ ๆ ก็จะเป็นส่วนของกระดูกเนอะ
00:09:19 → 00:09:23 เพราะฉะนั้นก็จะเป็นปลาตัวเล็กตัวน้อย หรือว่ากุ้งตัวเล็ก ๆ นะคะ
00:09:23 → 00:09:25 ซึ่งเราจะกินไปทั้งกระดูกเลยนะคะ
00:09:25 → 00:09:28 อันนี้ก็จะทำให้เราได้รับแคลเซียมมากพอ
00:09:28 → 00:09:32 ทีนี้ถ้าเกิดเราเอากุ้งตัวเล็ก ๆ มาทำเป็นกะปิหรือว่าเป็นเคยอย่างนี้ค่ะ
00:09:32 → 00:09:37 อันนี้ก็จะทำให้เราได้รับแคลเซียมด้วย ถ้าเราเอากะปิมาทำอาหารนะคะ
00:09:37 → 00:09:39 อีกกลุ่มหนึ่ง อย่างเช่นแซลมอนนะคะ
00:09:39 → 00:09:41 ตัวนี้หรือว่าปลาที่มันมีไขมันเยอะ ๆ
00:09:41 → 00:09:45 พวกนี้อาจจะแคลเซียมไม่ได้เยอะ แต่ว่าจะมีวิตามินดี
00:09:45 → 00:09:49 ซึ่งวิตามินดีจะมีความสำคัญ ในเรื่องของการช่วยดูดซึมแคลเซียม
00:09:49 → 00:09:51 ดังนั้นเวลาที่เรารับประทานอาหารนี่
00:09:52 → 00:09:54 เราก็อาจจะต้องมีทั้งแคลเซียมและวิตามินดี
00:09:54 → 00:09:58 นอกเหนือจากแซลมอน หรือว่าปลาที่มันจะมีไขมันอยู่นี่นะคะ
00:09:58 → 00:10:00 พวกของสาหร่ายหรือว่าพวกเห็ด
00:10:01 → 00:10:02 โดยเฉพาะเห็ดหอมที่ตากแห้ง
00:10:02 → 00:10:05 พวกนี้ก็จะมีวิตามินดีค่อนข้างเยอะนะคะ
00:10:05 → 00:10:09 การกินร่วมกัน ก็จะช่วยทำให้ได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ
00:10:09 → 00:10:12 มีวิตามินดี ซึ่งช่วยในเรื่องของการดูดซึมแคลเซียมค่ะ
00:10:12 → 00:10:16 แล้วก็อีกกลุ่มหนึ่ง ก็จะเป็นแคลเซียมที่มีอยู่ในพืชผัก
00:10:16 → 00:10:20 ในพืชผักมีอะไรบ้าง ผักใบเขียวค่ะ สีเขียวเข้ม ๆ นะคะ
00:10:20 → 00:10:23 เช่น บรอกโคลี พวกของผักคะน้า ใบยอ
00:10:23 → 00:10:25 พวกนี้ก็จะมีแคลเซียมค่อนข้างสูง
00:10:25 → 00:10:27 ในส่วนของแคลเซียมที่มีในผักนี่
00:10:27 → 00:10:31 ไม่สูญเสียไป เวลาที่เราทำให้มันเกิดความร้อนนะคะ
00:10:31 → 00:10:34 ไม่ต้องกลัวว่าเวลาเอาไปต้มแล้ว เดี๋ยวผักฉันจะแคลเซียมหาย
00:10:34 → 00:10:36 ไม่หายนะคะ
00:10:36 → 00:10:41 แล้วก็จะเป็นพวกของถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วแดง และงาดำ
00:10:41 → 00:10:45 อันนี้ก็จะเป็นแหล่งแคลเซียม ที่มีปริมาณมากในอาหารไทยค่ะ
00:10:45 → 00:10:50 อันนี้ก็จะเป็นตัวอย่างของอาหาร ที่จะเสริมสร้างแคลเซียมและป้องกันกระดูกพรุน
00:10:50 → 00:10:51 แล้วก็หลาย ๆ เองนะคะ
00:10:51 → 00:10:55 พอเรามองดูในอาหารที่เรารับประทานเองก็ตาม หรือแม้กระทั่งการเสริม
00:10:55 → 00:10:59 ผู้ใหญ่บางคนก็กินนมไม่ได้ ก็ไม่อยากกินนม
00:10:59 → 00:11:00 กินนมแล้วท้องเสียอะไรอย่างนี้นะคะ
00:11:00 → 00:11:03 การกินนมแล้วท้องเสีย อาจจะเปลี่ยนมาเป็นโยเกิร์ตก็ได้
00:11:03 → 00:11:07 แต่ว่าผู้ใหญ่บางคนก็บอกว่า โยเกิร์ตไม่ใช่อาหารที่ฉันชอบกินนะคะ
00:11:07 → 00:11:11 ถ้าลองทุกทางแล้ว แล้วก็อาจจะเริ่มมีปัญหาแล้วด้วย
00:11:11 → 00:11:14 แล้วก็คิดว่าได้รับแคลเซียมจากอาหารไม่พอ
00:11:14 → 00:11:17 หลายคนก็จะมุ่งมาสู่แคลเซียมที่มันเป็นเม็ด
00:11:17 → 00:11:21 ในการที่จะเสริมปริมาณแคลเซียม ในอาหารในแต่ละวัน
00:11:21 → 00:11:24 จะมีคำถามยอดฮิตที่เจอบ่อยมาก ข้อที่ 1
00:11:24 → 00:11:28 ถามว่า กินแคลเซียมแล้ว ทำให้เกิดหินปูนในตัวหรือเปล่า
00:11:28 → 00:11:30 กินแคลเซียมมาก ๆ แล้วเพิ่มหินปูนไหม
00:11:30 → 00:11:33 ต้องบอกว่าหินปูนในที่ต่าง ๆ ในร่างกายนี่
00:11:33 → 00:11:36 หลาย ๆ ครั้งนี่ มันเกิดจากความเสื่อมในร่างกาย
00:11:36 → 00:11:39 ต่อให้เราไม่กินแคลเซียม มันก็เกิด
00:11:39 → 00:11:40 การรับประทานแคลเซียมนี่
00:11:40 → 00:11:44 มันจำเป็น ถ้าในกรณีที่เรากินแคลเซียมไม่เพียงพอ
00:11:44 → 00:11:47 อันที่สอง ถามว่าเราจะเลือกแคลเซียมอย่างไรดี
00:11:47 → 00:11:50 แคลเซียมที่เป็นเม็ดที่อยู่ในรูปเกลือนี่
00:11:50 → 00:11:53 จริง ๆ แล้ว การดูดซึมไม่เท่ากันนะคะ
00:11:53 → 00:11:55 ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมคาร์บอเนต
00:11:55 → 00:11:57 ถ้าเรากินเข้าไป 100 นี่
00:11:57 → 00:12:01 เราจะได้รับเข้าไปในร่างกาย แค่ประมาณ 40 ไม่ถึงครึ่งนะคะ
00:12:01 → 00:12:03 เพราะฉะนั้น เรากินแคลเซียมคาร์บอเนต 1,000
00:12:03 → 00:12:05 จริง ๆ เราก็ได้เข้าไป 400
00:12:05 → 00:12:08 ถ้าเรากินกับอาหารได้ 500 ถูกไหมคะ
00:12:08 → 00:12:11 มันก็จะประมาณ 1,000 พอดีเลยนะคะ
00:12:11 → 00:12:13 หรือถ้าใครกินจากอาหารได้น้อยกว่านั้นอีกนะคะ
00:12:13 → 00:12:17 ก็อาจจะต้องกินแคลเซียมคาร์บอเนต ที่โดสเยอะกว่านี้นะคะ
00:12:17 → 00:12:20 แคลเซียมเม็ดฟู่กับไม่ใช่เม็ดฟู่ มีความต่างกันไหม
00:12:20 → 00:12:23 เวลาที่มันเป็นเม็ดฟู่ มันอาจจะเสริมวิตามินดี
00:12:23 → 00:12:27 มันอาจจะเสริมตัวโน้นตัวนี้ แล้วก็ทำให้กินได้ง่ายขึ้นนะคะ
00:12:27 → 00:12:30 แคลเซียมเป็นเม็ดเองนี่ มีข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ
00:12:30 → 00:12:33 หลาย ๆ คนกินแล้วนี่ ปริมาณเยอะ ๆ อาจจะทำให้เกิดเรื่องของท้องผูก
00:12:33 → 00:12:35 วิธีแก้ไข อาจจะต้องดื่มน้ำให้เยอะขึ้น
00:12:35 → 00:12:38 กินไฟเบอร์ หรือว่ากินพวกผักมากขึ้น
00:12:38 → 00:12:43 ซึ่งอันนี้มันก็จะมีผลทางอ้อม เห็นไหมคะ ก็จะทำให้เราได้รับแคลเซียมเพิ่มขึ้นอีก
00:12:43 → 00:12:47 ถ้าสมมุติว่าไม่ไหวจริง ๆ ก็จะมีคนบอกว่า การกินแคลเซียมเม็ดฟู่นี่
00:12:47 → 00:12:49 โอกาสเกิดท้องผูกอาจจะน้อยกว่า
00:12:49 → 00:12:53 แต่ว่าอันนี้ก็แล้วแต่นะคะ ยังไม่ได้มีข้อมูลว่ามันน้อยกว่าอย่างชัดเจน
00:12:53 → 00:12:58 แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ กินแคลเซียมแล้วมีปัญหาว่าท้องผูกนะคะ
00:12:58 → 00:13:01 ทีนี้เวลาที่เราจะดู เราก็ไปดูว่า
00:13:01 → 00:13:03 ในแคลเซียมแต่ละเม็ด มันมีปริมาณเท่าไหร่
00:13:04 → 00:13:09 ส่วนใหญ่ก็จะใช้เป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งจะดูดซึมได้ประมาณ 40% นะคะ
00:13:09 → 00:13:12 แคลเซียมคาร์บอเนตเวลาจะดูดซึมได้ดีนี่
00:13:12 → 00:13:13 มันจะต้องอยู่ในที่ ๆ เป็นกรด
00:13:13 → 00:13:18 ดังนั้นนี่เราจะเห็นว่า ในเม็ดแคลเซียม มักจะมีวิตามินซีเพื่อเพิ่มกรด
00:13:18 → 00:13:22 เพิ่มวิตามินดี เพื่อจะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมนะคะ
00:13:22 → 00:13:25 อันนี้ก็เป็นแค่ gimmick เวลาที่เขาจะขายของเนอะ
00:13:26 → 00:13:27 เพราะฉะนั้นเรามักจะเห็นมันไปด้วยกัน
00:13:28 → 00:13:29 ส่วนถามว่าโดสเท่าไหร่
00:13:29 → 00:13:32 เหมือนที่บอกเมื่อกี๊ค่ะ ถ้าอยู่ในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนตเนอะ
00:13:32 → 00:13:35 ก็ 100 ก็เข้าไปประมาณ 40 นะคะ
00:13:35 → 00:13:40 ถ้าเป็นแคลเซียมตัวอื่น เช่น แคลเซียมซิเตรต หรือแคลเซียมกลูโคเนตอะไรก็ตามนี่
00:13:40 → 00:13:43 แคลเซียมซิเตรตก็จะลดลงไปกว่านี้นะคะ
00:13:43 → 00:13:46 ดังนั้นที่นิยมมากที่สุดในท้องตลาด มัก จะเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตค่ะ
00:13:46 → 00:13:51 [เสียงดนตรี]
00:13:51 → 00:13:54 จากข้อมูลการสำรวจการบริโภคอาหารในคนไทยนะคะ
00:13:54 → 00:13:56 ก็พบว่า จากอาหารไทยนี่
00:13:56 → 00:14:01 โดยเฉลี่ย เราได้รับแคลเซียมจากอาหารอยู่ที่ ประมาณ 300-500 มิลลิกรัม/วันเท่านั้นเอง
00:14:02 → 00:14:03 ซึ่งมันไม่เพียงพอ
00:14:03 → 00:14:07 เพราะเมื่อกี๊เล่าไปแล้ว ว่าเราต้องการอยู่ ประมาณ 1,000-1,200 ในผู้ใหญ่ใช่ไหมคะ
00:14:07 → 00:14:12 ดังนั้นก็มักจะมีคำแนะนำ ให้ไปรับประทานนมเพิ่มบ้างล่ะ
00:14:12 → 00:14:14 ไปรับประทานเป็นแคลเซียมเสริมบ้างล่ะ
00:14:14 → 00:14:17 ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นกับในแต่ละท่าน
00:14:17 → 00:14:20 ทีนี้ถามว่าในกรณีของ การที่เราจะไปเลือกนมเสริมนี่
00:14:20 → 00:14:22 เราก็อาจจะไปดูนิดนึงว่า
00:14:22 → 00:14:24 ในนมนี่ ดูจากฉลากโภชนาการนะคะ
00:14:24 → 00:14:28 ว่านมอันนั้นมีแคลเซียมปริมาณเท่าไรนะคะ
00:14:28 → 00:14:29 ถ้าสมมุติว่าเรากินเข้าไปแล้ว
00:14:29 → 00:14:32 แล้วเราก็เฉลี่ยว่า เออ...ที่เรากินกับอาหารปริมาณเท่านี้
00:14:32 → 00:14:33 เรารับจากนมเท่านี้
00:14:33 → 00:14:34 ถ้ามันเพียงพอ
00:14:34 → 00:14:39 อันนี้เราก็ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องไปกินแคลเซียมเป็นเม็ดเพิ่ม
00:14:39 → 00:14:42 ข้อเสียของการกินแคลเซียมเป็นเม็ดเพิ่ม
00:14:42 → 00:14:43 ก็คืออาจจะทำให้ท้องผูกนะคะ
00:14:43 → 00:14:46 หลาย ๆ ท่านนี่โดนบังคับให้กินแคลเซียม
00:14:46 → 00:14:50 เสร็จแล้วก็จะมีปัญหาว่าท้องผูกอยู่เป็นประจำ
00:14:50 → 00:14:55 อีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะมีความสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเรื่องของวิตามินดีนะคะ
00:14:55 → 00:14:59 เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเช็กค่ะว่า วิตามินดีที่เราได้อยู่ในแต่ละวันนี่
00:14:59 → 00:15:00 จากแสงแดดก็ตาม
00:15:00 → 00:15:02 การออกกลางแจ้งก็ตาม
00:15:02 → 00:15:05 หรือแม้กระทั่งในอาหารนี่ มันเพียงพอหรือเปล่านะคะ
00:15:05 → 00:15:09 เราเคยคิดค่ะว่าประเทศไทยนี่ อยู่ในประเทศเขตร้อน
00:15:09 → 00:15:13 แต่ในความเป็นจริงก็คือ การสำรวจหรือการวัดปริมาณวิตามินดีนี่
00:15:13 → 00:15:14 ของคนไทยนี่
00:15:14 → 00:15:17 ยังไม่เพียงพออยู่เป็นปริมาณมากเลยทีเดียวค่ะ
00:15:17 → 00:15:21 [เสียงดนตรี]
00:15:22 → 00:15:26 สำหรับกระดูกพรุนป้องกันได้ไหม ต้องบอกว่าจริง ๆ ป้องกันได้นะคะ
00:15:26 → 00:15:31 จริง ๆ แล้ว ต้องเริ่มตั้งแต่ว่าเราต้องมี แคลเซียม แล้วก็วิตามินดีที่เพียงพอ
00:15:31 → 00:15:34 แล้วก็ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อเรา แข็งแรงตั้งแต่ต้นนะคะ
00:15:35 → 00:15:36 อย่างที่พูดไปตอนต้นค่ะ
00:15:36 → 00:15:39 ว่าความหนาแน่นของมวลกระดูกเรานี่
00:15:39 → 00:15:42 จะพีคหรือว่าจะเยอะที่สุด ตอนช่วงประมาณ 20-30 ปี
00:15:43 → 00:15:46 เพราะฉะนั้นนี่ การที่เราจะไปเสริมสร้างความแข็งแรง
00:15:46 → 00:15:49 เราต้องเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่อายุน้อยนะคะ
00:15:49 → 00:15:54 แล้วก็ทำให้มวลกระดูกเรามีความแข็งแรง ตั้งแต่ประมาณอายุ 20-30 นะคะ
00:15:54 → 00:15:58 แล้วหลังจากนั้น มันก็จะมีของสะสมเยอะอยู่นะคะ
00:15:58 → 00:16:00 การลดลง มันก็จะค่อย ๆ น้อยลง
00:16:00 → 00:16:05 ในขณะเดียวกัน เราก็จะไม่ทำให้ร่างกายเรา ขาดแคลเซียมหรือวิตามินดี
00:16:05 → 00:16:09 ไม่อย่างนั้น ร่างกายจะดึงเอาแคลเซียม ในกระดูกออกมา แล้วกระดูกมันก็จะบางนะ
00:16:09 → 00:16:14 ดังนั้นตลอดระยะเวลา เราควรจะได้รับ วิตามินดีและแคลเซียมที่เพียงพอ
00:16:14 → 00:16:16 มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
00:16:16 → 00:16:19 เพื่อกระตุ้นให้ร่างกาย มีการสร้างกระดูกที่สมบูรณ์ค่ะ
00:16:19 → 00:16:24 [เสียงดนตรี]
00:16:24 → 00:16:26 ยกตัวอย่างเมนูอาหารประจำวัน
00:16:26 → 00:16:29 สำหรับในกรณีที่เราต้องการจะเสริมแคลเซียม
00:16:29 → 00:16:33 เช่น ตอนเช้านี่เราอาจจะดื่มนม เป็นนมไฮแคลเซียม
00:16:33 → 00:16:35 หรือว่าจะใช้เป็นโยเกิร์ตก็ได้นะคะ
00:16:35 → 00:16:38 โยเกิร์ตก็อาจจะใส่ผลไม้เข้าไปก็ได้นะคะ
00:16:38 → 00:16:42 เสร็จแล้วถ้าเกิดเป็นมื้อเป็นอาหาร เราก็จะใช้เป็นสลัดนะคะ
00:16:42 → 00:16:43 อาจจะเป็นสลัดถั่วอย่างนี้
00:16:43 → 00:16:48 แล้วก็โรยปลาตัวเล็กตัวน้อย ใช้น้ำสลัดเป็นน้ำสลัดงาดำนะคะ
00:16:48 → 00:16:52 ส่วนพอถึงมื้อเที่ยงปั๊บ เราก็จะใช้เป็นข้าวกล้องแล้วนะคะ
00:16:52 → 00:16:54 อาจจะใช้เป็นลักษณะของผัดคะน้า
00:16:54 → 00:16:57 โรย topping บนข้าวเหมือนกับผงโรยข้าวญี่ปุ่น
00:16:57 → 00:17:00 แต่ว่าใช้เป็นงาโรย อะไรอย่างนี้เป็นต้นนะคะ
00:17:00 → 00:17:03 เราก็พอถึงมื้อเย็น เราก็เลือกใช้เป็นเต้าหู้ทรงเครื่อง
00:17:03 → 00:17:05 ร่วมกันกับ...จะใช้เป็นผัดไทยก็ได้นะคะ
00:17:05 → 00:17:10 ผัดไทยที่เราจะใส่แบบเป็นผัดไทยที่อาจจะ เป็นใส่เส้นหรือไม่ใส่เส้นก็ได้
00:17:10 → 00:17:14 แล้วก็ใส่เป็นพวกเต้าหู้ที่เป็นเต้าหู้แข็ง เอามาผัด อย่างนี้ค่ะ
00:17:14 → 00:17:17 ก็จะมีตัวแคลเซียมเยอะพอสมควรนะคะ
00:17:17 → 00:17:19 หรือว่าจะใช้เป็นนมถั่วเหลือง
00:17:19 → 00:17:22 หรือว่าเป็นนมไฮแคลเซียมอีกมื้อนึง สำหรับมื้อว่างก็ได้ค่ะ
00:17:22 → 00:17:25 สำหรับตัวกระดูกพรุนเองนี่ หลาย ๆ ครั้ง เราก็ไม่สนใจ
00:17:25 → 00:17:27 เพราะว่ามันไม่มีอาการนะคะ
00:17:27 → 00:17:29 ก็จะยกตัวอย่างให้ดูเลย
00:17:29 → 00:17:31 จะมีผู้ป่วยอยู่คนหนึ่งนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 ซึ่งอันนี้ท่านก็จะเป็นผู้สูงอายุนิดนึง อายุประมาณ 80 กว่า ๆ
00:17:35 → 00:17:37 ก็ใช้ชีวิตอยู่บ้านปกติเลย
00:17:37 → 00:17:38 แล้วก็เลี้ยงหมาอยู่ที่บ้าน
00:17:38 → 00:17:43 มีอยู่วันนึงนี่ค่ะ แค่หมากระโจนใส่ แล้วก็คุณป้าก็ล้มลง
00:17:43 → 00:17:44 พอล้มลงเสร็จปุ๊บนี่
00:17:44 → 00:17:47 ก็ขยับขาไม่ได้ แล้วบอกปวดขามาก
00:17:47 → 00:17:49 เอามาถึงโรงพยาบาล เอกซเรย์ไปนี่
00:17:49 → 00:17:53 ก็เจอว่ากระดูกสะโพก ตรงหัวสะโพกหักนะคะ
00:17:53 → 00:17:55 ก็จะเจ็บพอสมควรเลยทีเดียว
00:17:55 → 00:17:58 ถามว่าในผู้สูงอายุค่ะ เวลาที่กระดูกหักนี่
00:17:58 → 00:17:59 เราควรจะผ่าตัด
00:17:59 → 00:18:02 เพราะว่าไม่อย่างนั้น ถ้าจะรอให้กระดูกติดเองนี่
00:18:02 → 00:18:05 มันต้องนอนติดเตียงนานมากนะคะ
00:18:05 → 00:18:07 คนนี้ก็เลยต้องเซตผ่าตัด
00:18:07 → 00:18:09 เวลาเซตผ่าตัดที่จะเข้าไปนี่
00:18:09 → 00:18:12 เขาก็จะต้องมีการใส่เหล็กอะไรอย่างนี้นะคะ
00:18:12 → 00:18:16 ต้องบอกเลยว่าเวลาที่ผ่าตัด เรื่องของกระดูกนี่
00:18:16 → 00:18:18 มันมีความเสี่ยงอันหนึ่งก็คือ
00:18:18 → 00:18:22 อาจจะมีลิ่มเลือดที่จะหลุดเข้าไป แล้วก็ไปอุดที่บริเวณของปอดได้
00:18:23 → 00:18:28 หลังผ่าตัดอาจจะมีความเสี่ยง ที่จะทำให้เรื่องของออกซิเจนมันลดลง
00:18:28 → 00:18:33 หรือว่าถ้าบางรายที่เป็นมากนี่ ความดันตก หรือถึงกับเสียชีวิตได้เลยนะคะ
00:18:33 → 00:18:35 สำหรับรายนี้ก็ต้องไปผ่าตัด
00:18:35 → 00:18:37 พอผ่าตัดเสร็จแล้วปั๊บนี่
00:18:37 → 00:18:38 ก็ต้องมาพักฟื้น
00:18:38 → 00:18:40 ทำกายภาพ
00:18:40 → 00:18:44 จากคนที่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ดี ตอนนี้ก็ต้องมีคนดูแลแล้วนะคะ
00:18:44 → 00:18:48 แล้วกว่าที่จะพักฟื้นจนกระทั่ง กลับมาเดินได้เป็นปกติก็ใช้เวลานานอีก
00:18:48 → 00:18:49 เพราะว่าในผู้ใหญ่นี่ค่ะ
00:18:50 → 00:18:53 เราให้นอนติดเตียงนาน ๆ กล้ามเนื้อก็จะลีบถูกไหมคะ
00:18:53 → 00:18:55 ต้องทำกายภาพ ต้องมีการดูแล
00:18:55 → 00:18:58 เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่คนเดียวที่ไม่สบาย
00:18:58 → 00:19:00 แต่กลายเป็นว่าทุกคนในบ้านนี่
00:19:00 → 00:19:01 ก็จะต้องมาคอยดูแล
00:19:01 → 00:19:03 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเนอะ
00:19:03 → 00:19:07 ทั้งจ้างคนดูแล ทั้งเรื่องของอาหาร อะไรทุกอย่างเลยค่ะ
00:19:07 → 00:19:09 เพราะฉะนั้นนี่ ถ้ามันป้องกันได้
00:19:09 → 00:19:14 หรือว่าดูแลได้ ไม่ให้มันเกิดกระดูกพรุน หรือว่าทำให้กระดูกพรุนช้าที่สุด
00:19:14 → 00:19:17 หรือว่าป้องกันกระดูกพรุนไปแล้ว ป้องกันไม่ให้กระดูกหัก
00:19:18 → 00:19:19 อันนี้น่าจะดีที่สุดนะคะ
00:19:20 → 00:19:22 ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุที่อายุมาก ๆ
00:19:22 → 00:19:25 แต่ว่าคนที่อายุน้อย ๆ หรือมีโรคประจำตัว
00:19:25 → 00:19:29 แล้วจำเป็นต้องได้รับยาบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น สเตียรอยด์นะคะ
00:19:29 → 00:19:31 อันนี้ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกัน
00:19:31 → 00:19:34 ที่จะทำให้เรื่องของกระดูกบาง แล้วก็กระดูกพรุน
00:19:34 → 00:19:36 แล้วก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหัก
00:19:36 → 00:19:40 เพราะฉะนั้น ถ้าใครที่ต้องได้รับ สเตียรอยด์อยู่เป็นระยะเวลานานนะคะ
00:19:40 → 00:19:42 ก็ต้องคุยกับคุณหมอที่ดูแล
00:19:42 → 00:19:46 หรือว่าจะต้องมีการตรวจ เรื่องของมวลกระดูกเป็นระยะ ๆ ด้วยค่ะ
00:19:46 → 00:19:50 แล้วก็ต้องมั่นใจว่าเขาได้รับวิตามินดี และแคลเซียมที่เพียงพอ
00:19:50 → 00:19:53 ในคนที่มีความเสี่ยง ที่จะเกิดเรื่องของกระดูกพรุนนะคะ
00:19:53 → 00:19:56 ก็ควรจะได้รับการตรวจ เรื่องของความหนาแน่นของมวลกระดูก
00:19:56 → 00:20:00 เพื่อประเมินว่าตอนนี้ เรามีภาวะเรื่องของกระดูกพรุนแล้วหรือยัง
00:20:00 → 00:20:03 นอกเหนือจากเรื่องของ ความหนาแน่นของมวลกระดูกแล้วนี่
00:20:03 → 00:20:08 ก็ควรจะได้รับการประเมินระดับของแคลเซียม วิตามินดี ฟอสฟอรัสนะคะ
00:20:08 → 00:20:11 เพื่อจะดูให้มันเป็นระดับที่เหมาะสมนะคะ
00:20:11 → 00:20:16 แล้วก็ควรจะได้รับอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดีที่เพียงพอนะคะ
00:20:16 → 00:20:19 ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำแล้วก็สม่ำเสมอ
00:20:19 → 00:20:21 เพื่อจะทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงค่ะ
00:20:22 → 00:20:26 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:20:26 → 00:20:29 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:20:29 → 00:20:31 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:20:31 → 00:20:33 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:20:33 → 00:20:35 YouTube Mahidol Channel
00:20:35 → 00:20:36 Apple Podcasts
00:20:36 → 00:20:37 Spotify
00:20:37 → 00:20:38 Anchor
00:20:38 → 00:20:39 Blockdit
00:20:41 → 00:20:46 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:20:46 → 00:20:49 [เสียงดนตรี]