00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับปัจจุบันนะครับเริ่มมีกระแสของ
00:00:03 → 00:00:07 การดื่มน้ำเขี้ยวกระดูกหรือที่เรียกว่าบน
00:00:07 → 00:00:10 brot เพิ่มมากขึ้นเยอะเลยนะครับดังที่
00:00:10 → 00:00:13 เราจะเห็นการโฆษณาจากหลายๆช่องทางนะครับ
00:00:13 → 00:00:16 ว่าน้ำเขี้ยวกระดูกหรือโนบอเนี่ยมันมีผล
00:00:16 → 00:00:19 ดีต่อร่างกายมากมายเลยทีเดียวนะครับแล้ว
00:00:19 → 00:00:22 ก็แน่นอนครับตามมาด้วยความถามว่ามันดีแบบ
00:00:22 → 00:00:25 นั้นจริงหรือเปล่าต้องกินนแค่ไหนแล้วมัน
00:00:25 → 00:00:28 มีโทษอะไรมถ้าเราจะทำเองมันทำยังไงนะครับ
00:00:28 → 00:00:31 วันนี้ผมจะเล่าให้ทุกคนฟังเลยนะครับพบกับ
00:00:31 → 00:00:33 ผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์
00:00:33 → 00:00:36 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:36 → 00:00:39 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:39 → 00:00:42 เรื่องของน้ำเขี้ยวกระดูกหรือโนบอเนี่ยนะ
00:00:42 → 00:00:44 ครับก็ต้องบอกว่ามันมีมาตั้งแต่โบราณ
00:00:44 → 00:00:47 อาการแล้วนะครับเป็นอาหารในกลุ่มที่เรา
00:00:47 → 00:00:51 เรียกว่า p Diet หรือว่า ancestor Diet
00:00:51 → 00:00:55 นะครับเพราะว่ามันเป็นอาหารที่มีการทำ
00:00:55 → 00:00:58 ตั้งแต่ดึกดำบรสมัยก่อนนี่นะครับคนเรา
00:00:58 → 00:01:01 เนี่ยหาอาหารยากครับดังนั้นเวลาได้อาหาร
00:01:01 → 00:01:04 มาอย่างนึงเนี่ยก็พยายามที่จะกินให้ครบ
00:01:04 → 00:01:09 ทุกส่วนกระดูกเนี่ยมันเป็นส่วนที่มันกิน
00:01:09 → 00:01:12 เข้าไปไม่ได้มันแข็งนะครับดังนั้นเขาคก็
00:01:12 → 00:01:15 เลยมีวิวัฒนาการในสมัยก่อนคือการต้มแล้ว
00:01:15 → 00:01:18 ก็เคี่ยวกระดูกไปเรื่อยๆจนกระทั่งสาร
00:01:18 → 00:01:21 อาหารที่อยู่ภายในเนี่ยมันละลายออกมาใน
00:01:21 → 00:01:24 น้ำซุปนะครับแล้วก็เอานั่นแหละมาดื่มนะ
00:01:24 → 00:01:28 ครับทำให้มีสารอาหารได้ครบถ้วนนะครับนี่
00:01:28 → 00:01:32 จึงเป็นที่มาของน้ำโน broth นะครับทีนี้
00:01:32 → 00:01:35 ในปัจจุบันน่ะก็มีคนพยายามไปศึกษาว่าไอ้
00:01:36 → 00:01:38 ในน้ำเนี่ยมันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างนะครับ
00:01:38 → 00:01:42 แล้วก็ดูว่ามันน่าจะมีผลดีกับร่างกายลายๆ
00:01:42 → 00:01:45 อย่างเลยทีเดียวถ้าเราไปฟังโฆษณาต่างๆนะ
00:01:45 → 00:01:48 ครับเราจะได้ยินว่าน้ำเขี้ยวกระดูกหรือ
00:01:48 → 00:01:51 โบน br เนี่ยนะครับมันทำให้เรามีภูมิต้าน
00:01:52 → 00:01:55 ทานที่สูงขึ้นช่วยเรื่องของการปวดกระดูก
00:01:55 → 00:01:58 นะครับข้อเสื่อมต่างๆช่วยเรื่องของภูมิ
00:01:58 → 00:02:01 ต้านทานช่วยเรื่องการย้อนไวช่วยเรื่องลำ
00:02:01 → 00:02:05 ไส้รั่วหรือว่าลิขี้กัดซดรมนะครับแล้วก็
00:02:05 → 00:02:09 ผลดีอื่นๆอีกมากมายอย่างไรก็ตามมันมีผล
00:02:09 → 00:02:11 อย่างงั้นจริงหรือเปล่าเดี๋ยววันนี้ผมจะ
00:02:11 → 00:02:14 เล่าให้ฟังในรายละเอียดเลยนะครับเวลาที่
00:02:14 → 00:02:17 เราากระดูกเนี่ยนะครับมาเคี่ยวเป็นระยะ
00:02:17 → 00:02:20 เวลานาน Bone br เนี่ยคือเขาจะต้อง
00:02:20 → 00:02:24 เคี่ยวนานเลยครับ 12 ชมงขึ้นไปนะครับบาง
00:02:24 → 00:02:27 ทีก็ 2 วันนะโดยใช้ไฟอ่อนๆไปเรื่อยๆอาจจะ
00:02:27 → 00:02:30 มีข้อยกเว้นก็คือการใช้หม้อความดันซึ่ง
00:02:30 → 00:02:33 แบบนั้นเนี่ยประมาณสัก 6 ชมงก็เรียบร้อย
00:02:33 → 00:02:36 แล้วนะครับอย่างไรก็ตามมันมีความแตกต่าง
00:02:36 → 00:02:40 กับน้ำต้มซุปกระดูกหมูธรรมดานะครับหรือ
00:02:41 → 00:02:43 ที่เราเรียกว่าเป็นน้ำสต๊อกนั่นเองน้ำ
00:02:43 → 00:02:45 สต๊อกเนี่ยเขาจะต้มอยู่ประมาณสัก 4 ชมง
00:02:45 → 00:02:48 2-4 ชมงไม่เกินนะครับแต่ถ้ามันเป็นน้ำ
00:02:48 → 00:02:52 เขี้ยวกระดูกพวกเนี้ยก็จะต้มยาวๆเลยนะ
00:02:52 → 00:02:54 ครับ 12 ชมหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำไปถ้า
00:02:54 → 00:02:58 ไม่นับการใช้หม้ออัดความดันนะครับการที่
00:02:58 → 00:03:01 เราต้มนานขนาดเนี้ยมันทำให้เราสามารถเอา
00:03:01 → 00:03:04 สารอาหารทุกอย่างออกมาจากกระดูกอันนั้น
00:03:04 → 00:03:07 ได้นะครับแล้วสารอะไรที่อยู่ในนั้นแน่นอน
00:03:07 → 00:03:09 ครับทุกคนก็คงจะรู้ว่ากระดูกของเราประกอบ
00:03:09 → 00:03:12 ไปด้วยแคลเซียมฟอสฟอรัสแมกนีเซียมเยอะนะ
00:03:12 → 00:03:15 ครับหรือบางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า
00:03:15 → 00:03:17 แคลเซียม hydroxy appetite นะครับก็คือ
00:03:17 → 00:03:20 สารกลุ่มพวกนี้นี่แหละดังนั้นในน้ำต้ม
00:03:20 → 00:03:23 กระดูกนะครับไม่ว่าจะเป็นกระดูกตัวอะไรก็
00:03:23 → 00:03:25 แล้วแต่จะเป็นไก่จะเป็นหมูจะเป็นปลาเนี่ย
00:03:25 → 00:03:27 ก็จะมีสารพวกเนี้ยนะครับมีแคลเซียมมี
00:03:27 → 00:03:31 ฟอสฟอรัสมีแมกนีเซียมให้เรามากพอสมควร
00:03:31 → 00:03:33 เนื่องจากว่ามันเป็นส่วนประกอบหลักของ
00:03:33 → 00:03:34 กระดูกนะ
00:03:34 → 00:03:38 ครับแต่มันก็ไม่ได้มีเพียงค่านั้นนะครับ
00:03:38 → 00:03:40 ถ้ามันเป็นพวกกระดูกปลาเนี่ยอาจจะได้รับ
00:03:41 → 00:03:45 ไอโอดีนเพิ่มมากขึ้นด้วยถ้าเป็นปลาที่มี
00:03:45 → 00:03:47 ไขมันแล้วเราติดตัวเนื้อของเขาคอยู่บ้าง
00:03:47 → 00:03:51 เนี่ยเราอาจจะได้โอเมก้า 3 ที่มาจากตัว
00:03:51 → 00:03:54 น้ำมันปลาเข้ามาอยู่ในน้ำซุปที่เราเคี่ยว
00:03:54 → 00:03:58 ด้วยก็ได้นะครับอันนี้เป็นส่วนหนึ่งต่อมา
00:03:58 → 00:04:00 โปรตีนครับ
00:04:00 → 00:04:03 ในน้ำต้มกระดูกเนี่ยนะครับมันมีโปรตีน
00:04:03 → 00:04:05 ค่อนข้างที่จะเยอะถ้าเราเคี่ยวมันไปยิ่ง
00:04:05 → 00:04:08 นานยิ่งนานเท่าไหร่เไอ้โปรตีนตรงเนี้ยมัน
00:04:08 → 00:04:11 ก็จะสลายออกมานะครับโปรตีนก็ประกอบไปด้วย
00:04:11 → 00:04:14 หลายๆอย่างนะครับโดยเฉพาะกรดอะมิโนหลาย
00:04:14 → 00:04:17 ตัวเลยทีเดียวเช่นโพรลีนไลซีนนะครับ
00:04:17 → 00:04:22 อาจีนีนไฮดรอกซีโพรลีนนะครับพวกนี้เนี่ย
00:04:22 → 00:04:24 ก็มีความเชื่อว่ามันน่าจะเข้าไปช่วย
00:04:24 → 00:04:27 เรื่องของกระดูกและข้อของเราได้นะครับ
00:04:27 → 00:04:31 กระดูกและข้อของเราเนี่ยมันมันมีการศึกษา
00:04:31 → 00:04:34 ว่าการได้คอลลาเจนอาจจะช่วยได้อย่างไรก็
00:04:34 → 00:04:37 ตามคอลลาเจนที่มาจากกระดูกพวกนี้เนี่ยนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับพอเราดื่มเข้าไปมันจะโดนย่อยเป็นชิ้น
00:04:40 → 00:04:42 เล็กๆเป็นกรดอะมิโนเล็กๆแล้วเราดูดซึม
00:04:43 → 00:04:45 เข้าไปร่างกายเราต่างหากนะครับจะเป็นคน
00:04:45 → 00:04:48 ตัดสินใจเองว่าจะเอากรดอมิโนที่ย่อยแล้ว
00:04:48 → 00:04:51 ดูซึมเข้าไปได้นั้นไปประกอบเป็นคอลลาเจน
00:04:51 → 00:04:55 ในร่างกายด้วยตัวเองนะครับแต่เขาคอาจจะ
00:04:55 → 00:04:57 ไม่ประกอบเป็นคอลลาเจนก็ได้นั่นหมายความ
00:04:57 → 00:05:00 ว่าอะไรครับหมายความว่าถ้าคุณได้คอลลาเจน
00:05:00 → 00:05:03 ที่มาจากกระดูกพวกเนี้ยเข้าไปในร่างกาย
00:05:03 → 00:05:04 ปุ๊บมันอาจจะไปทำอย่างอื่นที่ไม่ได้สร้าง
00:05:04 → 00:05:06 เป็นคอลลาเจนก็ได้ถ้ามันมีมเยอะเกินไป
00:05:07 → 00:05:09 ร่างกายไม่ได้ใช้ก็ขับทิ้งออกมาครับดัง
00:05:09 → 00:05:12 นั้นเราจะไม่สามารถเอาคอลลาเจนจากกระดูก
00:05:12 → 00:05:14 พวกเนี้ยที่เราเคี่ยวมันไปนานๆเข้าไปเป็น
00:05:14 → 00:05:17 คอลลาเจนในร่างกายเราได้ตรงๆแบบ 100% นะ
00:05:17 → 00:05:22 ครับนอกเหนือจากนี้มันยังมีสารกลูโคซามีน
00:05:22 → 00:05:25 แล้วก็คอนตินซึ่ง 2 ตัวนี้เนี่ยมันเป็น
00:05:25 → 00:05:27 ส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนดังนั้นจึง
00:05:27 → 00:05:30 มีความเชื่อว่า 2 ตัวนี้สามารถที่จะทำให้
00:05:30 → 00:05:33 ข้อเข่าข้อมือข้อต่างๆของเราที่มีอาการ
00:05:33 → 00:05:35 ปวดเจ็บอยู่เนี่ยนะครับหรือว่ามีอาการ
00:05:35 → 00:05:40 เสื่อมมันดีขึ้นได้อย่างไรก็ตามครับไม่มี
00:05:40 → 00:05:43 การศึกษาว่าการที่เอาของพวกนั้นจากน้ำ
00:05:43 → 00:05:45 เคี้ยวกระดูกเข้าไปในร่างกายมันจะเยอะ
00:05:45 → 00:05:49 เพียงพอที่จะทำให้ข้อของเรามันหายบาดเจ็บ
00:05:49 → 00:05:53 ครับนะฮะงั้นตรงนี้มันยังไม่เยอะเพียงพอ
00:05:53 → 00:05:57 นะครับอาจจะไม่ได้จำเป็นที่เราจะต้องใช้
00:05:57 → 00:06:00 น้ำเคี้ยวกระดูกเพื่อการนี้แล้วบางทีถึง
00:06:00 → 00:06:03 แม้ว่าเราจะใช้อาการปวดข้อของเรามันก็อาจ
00:06:03 → 00:06:06 จะไม่ได้ทุเราลงไปไหนเลยก็ได้นะ
00:06:06 → 00:06:09 ครับทีนี้เมื่อกี้บอกว่ามีโปรตีนไปะย่อย
00:06:09 → 00:06:12 เป็นกรดอะมิโนต่างๆนะครับอ่าบางคนก็อาจจะ
00:06:12 → 00:06:14 บอกว่าเอ้ยเมื่อกี้มีเรื่องของภูมิต้าน
00:06:14 → 00:06:17 ทานใช่มั้ยฮะภูมิด้านทานเนี่ยมันมีกรด
00:06:17 → 00:06:19 อะมิโนตัวนึงชื่อว่ากลูตามีนนะครับ
00:06:19 → 00:06:23 กลูตามีนตัวนี้เนี่ยมีความเชื่อว่ามันมี
00:06:23 → 00:06:25 มันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของระบบภูมิต้าน
00:06:25 → 00:06:28 ทานของเรานะครับแต่จริงๆเอาจริงๆนะครับใน
00:06:28 → 00:06:31 หลักฐานทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์เนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 ก็ไม่มีตัวนี้คือกินเข้าไปเนี่ยไม่ได้แปล
00:06:34 → 00:06:37 ว่าภูมิต้านทานของเราจะแข็งแรงขึ้นครับ
00:06:37 → 00:06:40 ดังนั้นมันไม่ตรงไปตรงมานะฮะถ้าเกิดบอก
00:06:40 → 00:06:42 ว่าเราจะกินตัวนี้เพื่อให้ภูมิต้านทานของ
00:06:42 → 00:06:46 เราแข็งแรงก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นนะครับ
00:06:46 → 00:06:50 อีกอย่างนึงเขาบอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับ
00:06:50 → 00:06:54 การช่วยเหลือทำให้ภาวะลำไส้รั่วหรือลี้
00:06:54 → 00:06:58 ขี้กัดดีขึ้นตรงเต้องขออธิบายก่อนครับคำ
00:06:58 → 00:07:01 ว่าลี้ขี้กัด S มนะครับหรือว่าลำไส้ร่วน
00:07:01 → 00:07:03 ในทางการแพทย์เราเนี่ยนะครับยังไม่ถือว่า
00:07:03 → 00:07:07 เป็นการวินิจฉัยนะครับมันเป็นแค่ทฤษฎีแล
00:07:07 → 00:07:11 ก็คอนเซปในทางการแพทย์เนี่ยมีโรคที่เรา
00:07:11 → 00:07:14 ยอมรับว่ามันเป็นลิขี้กัดอยู่ชัดๆคือ 1
00:07:14 → 00:07:18 โรคโรคซีริคซึ่งเป็นโรคที่เราแพ้สาร
00:07:18 → 00:07:21 กลูเตนนะครับถ้าคนที่เป็นโรคซีริคกินสาร
00:07:21 → 00:07:23 กลูเตนเข้าไปเนี่ยลำไส้ของเขาจะเกิดการ
00:07:23 → 00:07:26 อักเสบแล้วพอมันอักเสบปุ๊บเกิดรูรั่วนะ
00:07:26 → 00:07:29 ครับเวลามีรูรั่วเนี่ยเขาก็เชื่อว่าพวกสา
00:07:29 → 00:07:33 สารต่างๆที่มันเป็นพิษจะสามารถผ่านจากใน
00:07:33 → 00:07:36 ลำไส้เราเข้าไปสู่ในกระแสเลือดของเราได้
00:07:36 → 00:07:40 จึงเกิดอาการที่ผิดปกติต่างๆขึ้นมานะครับ
00:07:40 → 00:07:42 โรคอื่นๆที่อาจจะเป็นไปได้ก็คือโรคที่มี
00:07:42 → 00:07:44 การอักเสบของลำไส้โดยตรงนะครับเช่น
00:07:44 → 00:07:47 inflammatory B disease นะครับหรือโรค
00:07:47 → 00:07:50 การติดเชื้อในกระแสเลือดอาจจะมีการที่
00:07:50 → 00:07:54 เชื้อโรคบางอย่างมันเข้าจากในทางเดิน
00:07:54 → 00:07:57 อาหารของเราไปสู่ในกระแสเลือดได้แต่ถ้า
00:07:57 → 00:08:00 นอกเหนือจากภาวะเหล่านี้แล้วลี้ขี้กัดยัง
00:08:00 → 00:08:03 เป็นเพียงแค่ทฤษฎีซึ่งยังต้องรอการ
00:08:03 → 00:08:06 พิสูจน์อยู่ครับดังนั้นถ้าเกิดว่าเราไป
00:08:06 → 00:08:08 ฟังกลุ่ม influencer หลายๆคนนะครับเขบอก
00:08:08 → 00:08:10 ว่าเนี่ยจะต้องป้องกันลี้ขี้กัดซินโดรม
00:08:11 → 00:08:12 เพราะว่ามันทำให้เป็นโรคต่างๆไม่ว่าจะ
00:08:12 → 00:08:15 เป็นโรคซึมเศร้าโรคติดเชื้อในร่างกายโรค
00:08:15 → 00:08:17 อ่อนเพลียที่เราหาสาเหตุไม่ได้ไปหาหมอก็
00:08:17 → 00:08:20 ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะครับหลายๆโรคโรคนอน
00:08:20 → 00:08:24 ไม่หลับทุกอย่างก็โทษลี้คี้กัซินโดรมหมด
00:08:24 → 00:08:27 อันเนี้ยต้องขอบอกนะครับว่ามันยังไม่มี
00:08:27 → 00:08:30 หลักฐานที่จะเป็นเช่นนั้นถ้าถ้าใครที่มี
00:08:30 → 00:08:32 ความมั่นใจว่าพูดไปเป็นแบบนั้นแน่ๆแน่ๆนะ
00:08:32 → 00:08:35 ครับก็ต้องบอกว่ามันไม่ถูกต้องนะครับไม่
00:08:36 → 00:08:38 มีเหตุผลไม่มีหลักฐานใดๆทั้งสิ้นที่มา
00:08:38 → 00:08:41 สนับสนุนความเชื่อดังกล่าวนะครับดังนั้น
00:08:41 → 00:08:44 แล้วเนี่ยนะฮะในเมื่อการวินิจฉัยอันนี้
00:08:44 → 00:08:47 เนี่ยมันยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์
00:08:47 → 00:08:52 หลักฐานก็ไม่มีดังนั้นมันแปลว่าโน bross
00:08:52 → 00:08:54 หรือน้ำเขี้ยวกระดูกจะไปรักษาภาวะที่มัน
00:08:54 → 00:08:57 ยังไม่มีตัวตนจริงมันก็เป็นไปไม่ได้ครับ
00:08:57 → 00:09:00 นะอันนี้เป็นไปไม่ได้นะต้องต้องเข้าใจใน
00:09:00 → 00:09:03 ส่วนนี้ไว้ด้วยนะครับบางคนก็บอกว่าอ้ามัน
00:09:04 → 00:09:06 มีส่วนประกอบหลายๆอย่างที่เป็นกรดอะมิโน
00:09:06 → 00:09:09 ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับนะไลซีนนเป็น
00:09:09 → 00:09:12 ตัวที่บอกว่ามันอาจจะทำให้เรานอนหลับได้
00:09:12 → 00:09:15 ดีนะครับมีการตื่นตัวช่วยดีท็อกซ์ตับนะ
00:09:15 → 00:09:18 ครับก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้เนี่ยหลักฐานใน
00:09:18 → 00:09:21 ทางการแพทย์มันก็ยังไม่ชัดเจนเช่นกันนะ
00:09:21 → 00:09:25 ครับแต่ถามว่าทั้งหมดเนี่ยนะครับถ้าเรา
00:09:25 → 00:09:29 ดื่มเข้าไปมันมีปัญหาอะไรมยคือถ้านับแค่ 3
00:09:29 → 00:09:31 สอาหารที่ผมเล่าไปเมื่อกี้นะครับคือ
00:09:31 → 00:09:33 เรื่องพวกวิตามินเกลือแรกแคลเซียม
00:09:33 → 00:09:36 แมกนีเซียมนะครับอาจจะมีเรื่องของสังกสี
00:09:36 → 00:09:38 มีเซเลเนียมในบางอย่างนะครับอ่า
00:09:38 → 00:09:40 แมกนีเซียมฟอสฟอรัสพวกเนี้ยไม่มีปัญหา
00:09:40 → 00:09:44 อะไรกับร่างกายของเรานะครับแล้วก็พวกกด
00:09:44 → 00:09:46 อะมิโนต่างๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับร่าง
00:09:46 → 00:09:50 กายของเราเหมือนกันนะฮะพวกเนี้ยทั้งหมดดี
00:09:50 → 00:09:53 กลูโคซามีนคอนตินไม่ได้มีปัญหาอะไรเออ
00:09:53 → 00:09:55 แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน
00:09:55 → 00:09:58 ล่ะปัญหามันอยู่ตรงสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไป
00:09:58 → 00:10:02 นี้ครับบน br เกือบทุกอย่างที่เราไปหา
00:10:02 → 00:10:07 ซื้อมามักจะมีโซเดียมที่สูงครับมักจะมี
00:10:07 → 00:10:12 โซเดียมที่สูงแล้วที่สำคัญครับหลายครั้ง
00:10:12 → 00:10:15 ที่ถ้าเราไปดูเนี่ยเค้าจะไม่ได้บอกให้เรา
00:10:15 → 00:10:17 ดื่มแค่ 1
00:10:17 → 00:10:20 แก้วคนทั่วไปที่บอกว่าดื่มเพื่อสุขภาพที่
00:10:21 → 00:10:23 ไม่ได้มีจุดประสงค์ชัดเจนก็บอกโอเคดื่ม 1
00:10:23 → 00:10:26 แก้ว 1 แก้วเนี่ยนะครับมีโซเดียมค่อนข้าง
00:10:26 → 00:10:29 ที่จะเยอะอยู่แล้วบางครั้งเนี่ยเยอะถึง
00:10:29 → 00:10:34 ประมาณ 780 มกร 800 มกรนะครับก็แปลว่าคุณ
00:10:34 → 00:10:37 ดื่ม 3 แก้วมันก็เกินอย่างที่เราต้องการ
00:10:37 → 00:10:39 ในแต่ละวันและนะครับดังนั้นโซเดียมเยอะ
00:10:40 → 00:10:42 มากมันอาจจะมีชนิดที่โซเดียมต่ำก็จะต้อง
00:10:43 → 00:10:46 ไปดูที่ฉลากของแต่ละยี่ห้อเองว่าอันไหน
00:10:46 → 00:10:49 สูงอันไหนต่ำนะครับแล้วถามว่าโซเดียมสูง
00:10:49 → 00:10:54 ใครต้องระวังบ้างคนไข้ที่ไตวายครับเพราะ
00:10:54 → 00:10:55 ว่าน้ำมันเกินในร่างกายได้จากการที่คุณ
00:10:55 → 00:10:57 ได้โซเดียมเข้ามาเยอะๆถ้าเกิดว่าคุณไปฟัง
00:10:58 → 00:11:01 ว่าโอ้กินแล้วรรักษาโรคได้ทำให้ไม่มีลำ
00:11:01 → 00:11:03 ไส้รั่วนะครับพวกนั้นเวลาเขาแนะนำน่ะก็จะ
00:11:03 → 00:11:08 ต้องกิน 4 แก้วต่อวัน 3-4 แก้วต่อวันแล้ว
00:11:08 → 00:11:10 กินเข้าไปขนาดนั้นนะครับโซเดียมคุณเกิด
00:11:10 → 00:11:14 แน่ๆคุณอาจจะมาด้วยอาการขาบวมน้ำท่วมปอด
00:11:14 → 00:11:16 ก็ได้คนไหนที่มีหัวใจวายอยู่แล้วได้รับ
00:11:16 → 00:11:19 โซเดียมขนาดนี้เข้าไปหัวใจวายก็กำเริบได้
00:11:19 → 00:11:22 ครับคนไหนที่มีโรคตับแข็งมีน้ำในท้องอยู่
00:11:22 → 00:11:25 แล้วมีขาบวมอยู่แล้วได้โซเดียมเข้าไปขนาด
00:11:25 → 00:11:29 นั้นก็บวมมากขึ้นน้ำในท้องก็เยอะขึ้นนะ
00:11:29 → 00:11:32 ครับดังนั้นคนไหนก็แล้วแต่ที่มีภาวะน้ำ
00:11:32 → 00:11:35 เกือนในร่างกายได้ง่ายๆนะครับเช่นโรคไต
00:11:35 → 00:11:39 โรคหัวใจนะครับโรคความดาหิตสูงหรือโรคตับ
00:11:39 → 00:11:43 แข็งพวกเนี้ยจะต้องระวังการดื่มโบน br
00:11:43 → 00:11:45 อย่างมากเพราะว่าโซเดียมมัน
00:11:45 → 00:11:50 สูงต่อมาโลหะหนักครับเราหนีไม่พ้นเรื่อง
00:11:50 → 00:11:53 ของโลหะหนักครับเพราะว่าอะไรรู้มั้ยฮะ
00:11:53 → 00:11:55 โลหะหนักโดยทั่วๆไปเนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:11:55 → 00:11:57 แคดเมียมตะกั่วปลอดหรืออะไรพวกเนี้ยสุด
00:11:57 → 00:11:59 ท้ายถ้าเราได้รับเข้าไปในร่างกายเยอะๆมัน
00:11:59 → 00:12:03 จะไปสะสมอยู่ที่กระดูกครับสัตว์ก็เหมือน
00:12:03 → 00:12:06 กันถ้าเกิดว่าอยู่ในถิ่นที่มันมีอาหารที่
00:12:06 → 00:12:08 มีของพวกเนี้ปนเปื้อนอยู่เรื่อยๆเค้ากิน
00:12:08 → 00:12:11 เข้าไปเรื่อยๆทั้งชีวิตมันจะไปอยู่ที่
00:12:11 → 00:12:13 กระดูกเป็นส่วนใหญ่พอมันไปอยู่ที่กระดูก
00:12:13 → 00:12:17 แล้วเกิดอะไรขึ้นคุณเอามันมาเคี่ยวอ่ะ
00:12:17 → 00:12:19 ครับเคี่ยวปุ๊บไอ้โลหะหนังเนี้ยมันก็หลุด
00:12:19 → 00:12:23 ออกมาอยู่ในน้ำซุปนั่นแหละนะครับดังนั้น
00:12:23 → 00:12:25 เนี่ยน่าจะต้องมีการตรวจสอบแล้วแหละว่า
00:12:26 → 00:12:28 ยี่ห้อไหนมันมีโลหะหนักมากน้อยแค่ไหน
00:12:28 → 00:12:31 เพราะว่าถ้าเราดื่มเข้าไปก็อาจจะได้ส่วน
00:12:31 → 00:12:34 นี้เกินโดยเฉพาะถ้าบอกว่าดื่มวันละ 2
00:12:34 → 00:12:37 แก้ว 3 แก้ว 4 แก้ว 5 แก้ว 6 แก้วยิ่ง
00:12:37 → 00:12:42 เยอะๆก็มีโอกาสที่เราจะได้เรื่องของโลหะ
00:12:42 → 00:12:47 หนักมากขึ้นกว่าปกติครับอ่ะทีนี้มีอีก
00:12:47 → 00:12:50 อย่างนึงครับอีกอย่างนึงอย่างสุดท้าย
00:12:50 → 00:12:53 เนี่ยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับคนที่อยาก
00:12:53 → 00:12:59 จะทำบน br ด้วยตัวเองนั่นก็คือสาร his
00:12:59 → 00:13:02 ครับคุ้นๆมั้ครับฮิสตามีนที่เราเคยได้ยิน
00:13:02 → 00:13:05 ยาแอนตี้ฮิสตามีนยาแก้แพ้นั่นแหละครับสาร
00:13:05 → 00:13:08 ฮิสตามีนเนี่ยมันเป็นสารที่ทำให้เราเกิด
00:13:08 → 00:13:11 อาการแพ้ครับไม่ว่าจะเป็นคลื่นไส้อาเจียน
00:13:11 → 00:13:14 นะครับหน้าแดงนะครับบางคนก็ผื่นขึ้นคัน
00:13:14 → 00:13:19 ปากคันมือคันตัวนะครับฮิสตามีนมันมาจาก
00:13:19 → 00:13:22 ไหนนะครับมันมาจากการเปลี่ยนแปลงกรด
00:13:22 → 00:13:26 อะมิโนตัวนึงชื่อว่าฮิสตินนะครับ
00:13:26 → 00:13:31 แบคทีเรียที่อยู่ในกระดูกปูกหรือว่าใน
00:13:31 → 00:13:34 เนื้อมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงฮิสติดีนไป
00:13:34 → 00:13:37 เป็นฮิสตามีนได้แล้วฮิสตามีนเนี่ยมันทน
00:13:37 → 00:13:41 ความร้อนครับต่อให้เราต้มไว้มันก็ไม่สลาย
00:13:41 → 00:13:43 ดังนั้นถ้าเกิดมีฮิสตามีนเยอะๆแล้วเรากิน
00:13:44 → 00:13:46 เข้าไปคนไหนที่ไวต่อฮิสตามีนมากๆนะครับมี
00:13:46 → 00:13:51 หอบหืนมีภูมิแพ้มีผืนขึ้นง่ายมาเลยครับ
00:13:51 → 00:13:53 มันก็เห่อเลยนะ
00:13:53 → 00:13:56 ฮะถามว่าแล้วแบคทีเรียมันมาจากไหนแล้วต้ม
00:13:57 → 00:14:00 แล้วแบคทีเรียไม่ตายเหรอเพราะว่าอย่างงี้
00:14:00 → 00:14:06 ครับถ้าเราเก็บกระดูกไม่ดีคือเอาออกมา
00:14:06 → 00:14:07 แล้วเรากินอาหารเสร็จแล้วเหลือแต่กระดูก
00:14:08 → 00:14:10 เราอยากจะเอามันมาต้มเป็นน้ำเขี้ยวกระดูก
00:14:10 → 00:14:14 นะครับคือถ้าเราทิ้งมันไว้ข้างนอกนะฮะแน่
00:14:14 → 00:14:17 นอนเชื้อโรคมันยิ่งโตยิ่งโตยิ่งเปลี่ยน
00:14:17 → 00:14:20 ฮิสติดีนกลายไปเป็นฮิสตามีนมากขึ้นแล้ว
00:14:21 → 00:14:23 กระดูกทั้งหมดเนี่ยในบรรดาทุกกระดูกนะ
00:14:23 → 00:14:28 กระดูกปลาจะมีฮิสตามีนเยอะที่สุดเยอะที่
00:14:28 → 00:14:31 สุดนะครับปลานี่แหละนะฮะโดยถ้าเราทิ้งมัน
00:14:31 → 00:14:35 ไว้ไม่ดีนะครับทิ้งไว้นานๆอีกอย่างนึงที่
00:14:35 → 00:14:37 เกิดขึ้นได้ก็คือถ้าเราเอามาเคี่ยวยิ่ง
00:14:38 → 00:14:41 เคี้ยวนานเท่าไหร่เนี่ยเราไม่ได้ใช้ไฟสูง
00:14:41 → 00:14:44 ไม่ได้ใช้อุณหภูมิสูงเราใช้อุณหภูมิต่ำๆ
00:14:44 → 00:14:47 แต่เคี่ยวไปเรื่อยๆนะครับเป็นวันเลยเพื่อ
00:14:47 → 00:14:49 ให้สารอาหารทุกอย่างออกมาการที่เคี้ยวด้ว
00:14:50 → 00:14:53 อุณหภูมิขนาดเนี้ยต่ำๆไปเรื่อยๆนานๆเนี่ย
00:14:53 → 00:14:56 มันมีโอกาสที่แบคทีเรียมันจะไม่ตายพอไม่
00:14:56 → 00:14:59 ตายปุ๊บมันก็เปลี่ยนฮิสตินกลไปเป็นิ
00:14:59 → 00:15:01 ฮิสตินอยู่เรื่อยๆแล้วก็มีฮิสตินสะสมใน
00:15:01 → 00:15:05 น้ำนั่นน่ะมหาศาลนะครับแล้วพอเราเสร็จ
00:15:05 → 00:15:08 สิ้นการเคี้ยวบางคนนะครับปล่อยให้มันค่อย
00:15:08 → 00:15:10 ๆเย็นมันเย็นช้าไอ้ช่วงระหว่างที่มันยัง
00:15:10 → 00:15:14 ไม่เย็นนี่แหละเชื้อโรคมันก็โตได้ครับโต
00:15:14 → 00:15:16 แหลกลานเลยเพราะอาหารเยอะมันก็กินแหลก
00:15:16 → 00:15:20 แล้วก็เปลี่ยนแปลงฮิสติดีนให้กลายไปเป็น
00:15:20 → 00:15:23 ฮิสตามีนดังนั้นวิธีถ้าเราจะทำเองแล้วเรา
00:15:23 → 00:15:26 ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้มันมีฮิสตามีนใน
00:15:26 → 00:15:29 นั้นเยอะๆนะครับก็หลังจากที่ที่เราเตรียม
00:15:29 → 00:15:32 กระดูกเสร็จเราต้องรีบเอาไปเคี่ยวนะครับ
00:15:32 → 00:15:34 แล้วอย่าไปเคี่ยวนานถ้าจะเคี่ยวนานแล้ว
00:15:34 → 00:15:37 เราอยากจะให้มันได้ผลดีๆไม่มีปัญหาเนี่ย
00:15:37 → 00:15:41 ใช้หม้อต้มที่มันเป็นหม้ออัดแรงดันนะครับ
00:15:41 → 00:15:44 อันเนี้ยก็จะช่วยย่นระยะเวลาได้แล้วพอเรา
00:15:44 → 00:15:47 เคี่ยวเสร็จปุ๊บนะครับเราเอามาแบ่งใส่
00:15:47 → 00:15:50 ภาชนะเล็กๆเพื่อมันจะได้เย็นเร็วๆแล้วเอา
00:15:50 → 00:15:53 ไปแช่ในตู้เย็นพวกนี้จะเย็นเร็วมากนะครับ
00:15:53 → 00:15:56 อ่าบางคนนไปแช่เสร็จมันจะกลายเป็นเจลาติน
00:15:56 → 00:15:58 เหมือนเป็นวุ้นๆพวกเนี้ยนะครับเราก็ไอ้
00:15:59 → 00:16:00 นั้นยังกินได้นะครับมันไม่ได้ถือว่าเสีย
00:16:00 → 00:16:01 อะไรนะ
00:16:01 → 00:16:04 ครับกระดูกแต่ละชนิดมีความแตกต่างอะไรกัน
00:16:04 → 00:16:06 มั้ยไม่ว่าจะเป็นกระดูกวัวกระดูกหมู
00:16:06 → 00:16:09 กระดูกไก่กระดูกปลามันแตกต่างกันบ้างนะ
00:16:09 → 00:16:12 ครับถ้าเป็นกระดูกวัวเนี่ยนะครับมันก็จะ
00:16:12 → 00:16:14 มีปริมาณของแคลเซียมแมกนีเซียมฟอสฟอรัส
00:16:14 → 00:16:17 ซิงก์แล้วก็ธาตุเหล็กเยอะกว่าอย่างอื่น
00:16:17 → 00:16:19 หน่อยนะครับถ้าเป็นกระดูกหมูก็รองลงมา
00:16:19 → 00:16:22 กระดูกไก่ก็ต่ำกว่านั้นแล้วก็กระดูกปลา
00:16:22 → 00:16:24 เนี่ยต่ำที่สุดในเรื่องของพวกนี้นะครับ
00:16:24 → 00:16:28 แต่มันก็จะมีบ้างนะฮะอ่ากระดูกปลาโดย
00:16:28 → 00:16:30 เฉพาะถ้ามันมันติดหนังติดอะไรพวกนี้มาก็
00:16:30 → 00:16:33 อาจจะได้ส่วนของโอเมก้า 3 หรือว่าไอโอดิน
00:16:33 → 00:16:36 มาได้บ้างโดยเฉพาะปลาทะเลนะครับอมันจะมี
00:16:36 → 00:16:39 ความแตกต่างกันไม่ได้มากขนาดนั้นนะฮะส่วน
00:16:39 → 00:16:42 ปริมาณฮิสตามีนอย่างที่บอกปลาเยอะที่สุด
00:16:42 → 00:16:45 นะครับเนื้อเนี่ยรองลงมาเนื้อวัวนะครับ
00:16:45 → 00:16:49 อ่าหมายความว่ากระดูกวัวนะอาจจะมีกันติด
00:16:49 → 00:16:51 กระดูกอ่อนมีอะไรพวกนี้มาก็คือของวัวก็จะ
00:16:51 → 00:16:53 รองลงมาดังนั้นถ้าจะทำเองก็ต้องคำนึงถึง
00:16:53 → 00:16:57 เรื่องตัวนี้ด้วยคุยมาถึงตรงนี้เนี่ยถาม
00:16:57 → 00:17:01 ว่าน้ำต้มกระดูกมันควรจะต้องกินมนะครับ
00:17:01 → 00:17:05 ถ้าถามผมนะครับผมมองว่ากินได้นะฮะแต่ต้อง
00:17:05 → 00:17:08 ระวังเรื่องของปริมาณโซเดียมโดยเฉพาะคน
00:17:08 → 00:17:11 ที่มีโรคเมื่อตะกี้ที่บอกไปนะครับหัวใจ
00:17:11 → 00:17:15 โรคความดันที่ยังคุมไม่ได้นะครับโรคไต
00:17:15 → 00:17:18 แล้วก็โรคตับแข็งนะครับพวกนี้ต้องระวัง
00:17:18 → 00:17:21 เรื่องพวกนี้ให้มากๆนะครับถ้าเราจะต้มเอง
00:17:21 → 00:17:25 เออก็ดีนะครับเราอาจจะใช้น้ำที่มันใส่ผัก
00:17:25 → 00:17:27 ใส่อะไรเข้าไปต้มด้วยก็เพิ่มคุณค่าทางสาร
00:17:27 → 00:17:30 อาหารให้มันเยอะขึ้นนะครับตรงนี้ก็เป็น
00:17:30 → 00:17:32 สิ่งที่ทำเองได้จะได้ไม่ต้องไปเสียเงิน
00:17:32 → 00:17:36 ซื้อที่อื่นนะครับถ้าเราไปดูตามแหล่งต่าง
00:17:36 → 00:17:39 ๆว่าเค้าให้ดื่มวันละเท่าไหร่นะครับมี
00:17:39 → 00:17:42 หลากหลายเลยฮะไอ้การที่ดื่มเข้าไปเท่า
00:17:42 → 00:17:46 ไหร่นั้นไม่ได้มีหลักฐานทางวิชาการชัดเจน
00:17:46 → 00:17:50 นะครับเค้าก็ดูเลยว่าโอเคเราอยากจะได้สาร
00:17:50 → 00:17:53 กลูโคซามีนคอนตินเข้าไปบำรุงกระดูกคุณอาจ
00:17:53 → 00:17:57 จะต้องกินมัน 3-4 แก้วต่อวันแก้วก็ประมาณ
00:17:57 → 00:17:59 อ่าประมาณแก้วเล็กๆอย่างที่เราเคยกินแก้ว
00:17:59 → 00:18:02 กระเบื้องพวกนั้นน่ะนะฮะก็ประมาณขนาดนั้น
00:18:02 → 00:18:05 ก็ได้นะแต่ก็ต้องระวังอย่างอย่างโซเดียม
00:18:05 → 00:18:08 นะครับถ้าเกิดโซเดียมเยอะก็มีปัญหาได้ถ้า
00:18:08 → 00:18:10 เราต้มของเราเองเนี่ยเราไม่ได้ใส่เกลือ
00:18:10 → 00:18:12 ไม่ได้ใส่อะไรปรุงเข้าไปในนั้นโอกาสที่จะ
00:18:12 → 00:18:16 ได้โซเดียมมันก็จะน้อยลงได้นะครับแล้วก็
00:18:16 → 00:18:18 อาจจะไม่ใช่มีแต่กระดูกอย่างเดียวเราอาจ
00:18:18 → 00:18:20 จะติดพวกกระดูกอ่อนพวกหนังพวกเนื้ออันนี้
00:18:20 → 00:18:24 ก็จะเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารให้เรามากขึ้น
00:18:24 → 00:18:28 นะครับงั้นน้ำต้มหรือน้ำเคี้ยวกระดูกโนบ
00:18:28 → 00:18:30 เนี่ยนะครับไม่ได้มีความจำเป็นที่เราจะ
00:18:30 → 00:18:34 ต้องกินสำหรับผมมันไม่ได้มีดีขนาดที่
00:18:34 → 00:18:37 โฆษณาขนาดนั้นมันไม่ได้สามารถช่วยทำให้
00:18:37 → 00:18:39 ภูมิต้านทานของเราแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้
00:18:39 → 00:18:42 ช่วยทำให้เรื่องของการชะลอวัยมันเกิดขึ้น
00:18:42 → 00:18:44 ไม่ได้ช่วยเรื่องของลี้ขี้กัดซินโดรมหรือ
00:18:44 → 00:18:46 ลำไส้รวบเพราะมันไม่มีภาวะนี้อยู่จริง
00:18:46 → 00:18:49 อยู่แล้วตั้งแต่แรกนะครับถ้าคนเป็นซีริค
00:18:49 → 00:18:51 มากินพวกนี้ลำไส้ไม่ได้แข็งแรงขึ้นครับนะ
00:18:51 → 00:18:55 ฮะการนหลับมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกันแต่ถาม
00:18:55 → 00:18:57 ว่ามันมีข้อดีอะไรอย่างอื่นมยคือข้อดีก็
00:18:58 → 00:19:00 เกิดจากเรื่อง่้าตะกี้อ่ะจะบำรุงกระดูก
00:19:00 → 00:19:03 ได้มีแคลเซียมที่สูงพอนะครับแล้วก็อาจจะ
00:19:03 → 00:19:05 ช่วยเรื่องของการเติมสารอาหารบางอย่าง
00:19:05 → 00:19:08 เข้าไปในร่างกายนะฮะการที่มันมีโปรตีนสูง
00:19:08 → 00:19:11 มันจะทำให้เราที่ดื่มเข้าไปเนี่ยอิ่มง่าย
00:19:11 → 00:19:13 ขึ้นก็อาจจะดีสำหรับการลดน้ำหนักเพราะว่า
00:19:13 → 00:19:15 แคลอรี่มันไม่สูงแต่โปรตีนมันสูงนะครับ
00:19:15 → 00:19:18 มันก็อยู่ท้องแล้วก็ทำให้เราเนี่ยลดน้ำ
00:19:18 → 00:19:21 หนักได้สำเร็จถ้าเราไม่ไปกินจุบกินจิบกิน
00:19:21 → 00:19:23 น้ำตาลกินอะไรเยอะๆนะครับถ้าเกิดว่าคุณ
00:19:23 → 00:19:25 กินทุกอย่างเหมือนเดิมแล้วกินโบนบลอกเข้า
00:19:25 → 00:19:27 ไปเสริมเนี่ยนะครับแน่นอนน้ำหนักคุณก็ไม่
00:19:27 → 00:19:30 ลดดังนั้นการการกินโน br คุณก็ต้องไปตัด
00:19:30 → 00:19:33 ของอย่างอื่นออกนะครับมันตัดง่ายขึ้น
00:19:33 → 00:19:36 เพราะว่ามันอิ่มนานขึ้นแล้วก็ดีขึ้นนั่น
00:19:36 → 00:19:38 เองนะครับโอเควันนี้ก็หวังว่าเรื่องของ
00:19:38 → 00:19:42 Bone br หลายๆคนก็จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
00:19:42 → 00:19:44 นะครับถ้าอยากจะทำเองก็มีสิ่งที่เมื่อกี้
00:19:44 → 00:19:46 เล่าไปแล้วว่าต้องระวังอะไรบ้างถ้าจะไป
00:19:46 → 00:19:49 ซื้อมาแล้วมีเงินในกระเป๋าเพียงพอนะครับ
00:19:49 → 00:19:52 โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่ามันแพงจนเกินไปก็ดู
00:19:52 → 00:19:55 ปริมาณโซเดียมให้ดีๆแล้วกันนะครับโอเควัน
00:19:55 → 00:19:59 นี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ