00:00:00 → 00:00:00 ก็
00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:05 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับท่านผู้ชมทุกท่าน
00:00:06 → 00:00:09 เข้าสู่มาให้โดนชนะไลฟ์ค่ะเธอแป๊บเดียว
00:00:09 → 00:00:12 ค่ะวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเดือน
00:00:12 → 00:00:16 สิงหาคมเดือนที่ 8 ของปีแล้วนะคะแล้วปี
00:00:16 → 00:00:19 นี้เนี่ยก็เรียกได้ว่าเป็นปีที่หลายหลาย
00:00:19 → 00:00:21 คนต้อง work from home กันมาอย่างยาว
00:00:21 → 00:00:25 นานมากๆเลยหลายคนค่ะใช้เวลาอยู่หน้าจอวัน
00:00:25 → 00:00:27 นึงเดี๋ยวเรียกว่าตั้งแต่ตื่นเช้าไปจน
00:00:27 → 00:00:30 กระทั่งมืดค่ำดึกดื่นๆก็ยังต้องนั่งอยู่
00:00:30 → 00:00:33 หน้าจอกันอยู่ไม่ได้ออกไปเจอใครบางคนอาจ
00:00:33 → 00:00:36 จะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตในเรื่องของการกิน
00:00:36 → 00:00:38 การออกกำลังกายหรือว่าการขยับเขยื้อนร่าง
00:00:38 → 00:00:42 กายไปนะคะพอรู้ตัวอีกทีมองเห็นตัวเองใน
00:00:42 → 00:00:45 กระจกเอทำไมคนนี้หน้าไม่คุ้นเลยน้ำหนัก
00:00:45 → 00:00:48 เปลี่ยนแปลงไปนะคะทั้งเปลี่ยนขึ้นแล้วก็
00:00:48 → 00:00:52 เปลี่ยนลงค่ะสารภาพกันมาซะดีๆนะคะใครที่
00:00:52 → 00:00:57 ค้นพบว่าตัวเองเนี่ยน้ำหนักขึ้นใครรู้สึก
00:00:57 → 00:01:00 ว่าตัวเองอ้วนขึ้นหรือว่ารู้สึกว่าผอมลด
00:01:00 → 00:01:02 ลงนะคะในช่วงของ work from home ค่ะ
00:01:02 → 00:01:06 คอมเม้นมาในช่องคอมเม้นต์ของเราได้หรือจะ
00:01:06 → 00:01:09 แท็กเพื่อนไม่บุหรี่เพื่อนนะคะแต่ว่าแท็ก
00:01:09 → 00:01:11 เพื่อนมาเรียนรู้เทคนิคค่ะผ้าดีไปด้วยกัน
00:01:11 → 00:01:15 ค่ะเพราะว่าวันนี้รายการมหิดลชนะลายของ
00:01:15 → 00:01:17 เรานะคะได้รับเกียรติจากผู้ช่วย
00:01:17 → 00:01:20 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงดารุณีวัน
00:01:20 → 00:01:23 วโรดมวิจิตรอาจารย์ประจำสาขาวิชาโภชน
00:01:23 → 00:01:26 วิทยาและเคมีทางการแพทย์คณะแพทยศาสตร์โรง
00:01:26 → 00:01:29 พยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลมาร่วม
00:01:29 → 00:01:32 พูดคุยกับพวกเราในหัวข้อที่หลายๆคนสนใจนะ
00:01:32 → 00:01:36 คะนั้นก็คือหัวข้อที่ว่ากินอย่างไรไม่ให้
00:01:36 → 00:01:39 อ้วนในช่วง work from home ค่ะรับรอง
00:01:39 → 00:01:41 ว่าคลิปนี้ก็คุณผู้ชมจะมีความสุขกับการ
00:01:41 → 00:01:43 กินแล้วก็มีสุขภาพดียิ่งขึ้นแน่นอนเลยค่ะ
00:01:43 → 00:01:46 พบกับคุณน้องเอค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอเอ๋
00:01:46 → 00:01:51 สวัสดีค่ะคุณหมอ Mai อาจารย์สวัสดีค่ะว่า
00:01:51 → 00:01:55 หนูสงสัยมากเหมือนกันถามว่าทำไมวันนี้ทีม
00:01:55 → 00:01:58 งานถึงเลือกให้เมย์มาเป็นคนถามคุณหมออาจ
00:01:58 → 00:02:01 จะเร่งให้ว่าเป็นมีผู้ประสบภัย work from
00:02:01 → 00:02:02 home ค่ะคุณหมอ
00:02:02 → 00:02:05 เดี๋ยวเราต้องเป็นผู้ประสบภัยเป็นผู้
00:02:05 → 00:02:08 ประสบภัยจริงต้องถามคุณหมอก่อนค่ะเพราะ
00:02:08 → 00:02:11 ว่าพอรอบอกว่าอ้วนเนี่ยมันเป็นเรื่องความ
00:02:11 → 00:02:13 รู้สึกคือบางคนเนี่ยเรารู้สึกว่าเฮ้ยนี่
00:02:13 → 00:02:15 ก็ดูไม่อ้วนนะทำไมเขาถึงบอกว่าตัวเองอ้วน
00:02:15 → 00:02:19 เอาจริงๆแล้วเนี่ยยังไงคะที่เราเรียกว่า
00:02:19 → 00:02:22 อ้วนก็บอกว่าไอ้อ้วนเนี่ยมันจะต้องบอกว่า
00:02:22 → 00:02:24 หนึ่งไขมันต้องเยอะเนาะแล้วใครมันเยอะ
00:02:24 → 00:02:27 แล้วมีผลอะไรต้องมีผลกับสุขภาพด้วยเพราะ
00:02:27 → 00:02:29 ฉะนั้นเนี่ยอันแรกก็คือจะต้องมีไขมันใน
00:02:29 → 00:02:32 ร่างกายที่มีเยอะเกินไปจนกระทั่งส่งผลกับ
00:02:32 → 00:02:35 สุขภาพนะคะถามว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าตอน
00:02:35 → 00:02:38 นี้ไขมาเราเยอะแล้วเนี่ยค่ะเราก็โอเคนะ
00:02:38 → 00:02:40 ชั่งน้ำหนักเพราะตอนนี้เราโตและเราไม่มี
00:02:40 → 00:02:42 แบบส่วนสูงต้องเพิ่มแล้วเราไม่ต้องขยายละ
00:02:42 → 00:02:46 น้ำหนักขึ้นมันจะออกด้านข้างแทนนะคะเพราะ
00:02:46 → 00:02:48 ฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดคนที่แบบน้ำหนักตัว
00:02:48 → 00:02:50 เยอะขึ้นแล้วก็จะบอกว่าเอาอ้วนแล้วก็ดู
00:02:50 → 00:02:53 ที่น้ำหนักนะคะทีนี้ประเด็นก็คือว่าเอเรา
00:02:53 → 00:02:56 มันเอาแค่ไหนคนก็จะบอกว่าถ้างั้นดูน้ำ
00:02:56 → 00:02:57 หนักเทียบส่วนสูงหรือที่เราเรียกว่าเป็น
00:02:57 → 00:03:01 ดัชนีมวลกายใช่ไหมคะขอขอบคุณคุ้นว่าอะไร
00:03:01 → 00:03:03 เช่นเอาน้ำหนักตั้งแล้วก็หันส่วนสูงที่
00:03:03 → 00:03:06 เป็นเมตร 2 ครั้งนะคะทีนี้ถามว่าถ้าคิด
00:03:06 → 00:03:08 ไม่ออกแล้วคิดว่าเอ็งอ้วนรึยังเอาส่วนสูง
00:03:08 → 00:03:12 ตัวเองเคารพร้อยค่ะแล้วบัวไป 10 ถ้าสมมติ
00:03:12 → 00:03:15 ว่า 260 เนาะอ่ะลบร้อยแล้ว 60 ใช่ไหมคะ
00:03:15 → 00:03:17 แล้วตอนนี้น้ำหนักเกิน 7 ติดอันนี้วันแน่
00:03:17 → 00:03:20 ๆเช็ค
00:03:20 → 00:03:26 หาไม่คะมั้ยคะเหรอคะโอเคถ้าสมมติจะคิด
00:03:26 → 00:03:28 อย่างนั้นก็ถามว่าอันนี้มันแบบปกติเวลา
00:03:28 → 00:03:30 ที่เราจะบอกว่าอ้วนนี้เราจะบอกว่าอาจจะ
00:03:30 → 00:03:33 ชนิดเหมือนกันมากกว่า 25 นะคะแต่ถ้าเรา
00:03:33 → 00:03:35 ใช้วิธีนี้คือเอาส่วนสูงแล้วเรียบร้อยนะ
00:03:35 → 00:03:38 คะระบบไป 10 กิโลเนี่ยอันนี้มันจะเกินแน่
00:03:38 → 00:03:41 นอนนะคะมันจะอยู่ซักประมาณ 26-27 ก็ยังไง
00:03:41 → 00:03:44 ก็อ้วนคืออันนี้เป็นวิธีคิดเข้าข้าวจะไม่
00:03:44 → 00:03:47 ได้ในกรณีที่บับคิดไม่ออกแล้วก็บวกไปอะไร
00:03:47 → 00:03:49 เนี้ยถามว่าถ้าไม่ถึง 10 วันทีก็อาจจะ
00:03:49 → 00:03:51 ต้องมานั่งดูไอ้มันจะเท่าไหร่อะไรเงี้ย
00:03:51 → 00:03:54 ค่ะอ่าแต่ว่าจะเกินสิบเนี่ยตัวอ้วนอะไร
00:03:54 → 00:03:56 แบบเนี้ยหรือบางคนบอกดูกระจกก็รู้สึกแล้ว
00:03:56 → 00:04:00 แหละเพราะว่ามันอ้วนขึ้นเลยวันนี้นะคะมา
00:04:00 → 00:04:02 ที่นี่อีกอันนึงก็คือเวลาที่เราดูแล้วบอก
00:04:02 → 00:04:05 ว่าโอเคอ่าอ้วนขึ้นใช่ไหมคะแล้วก็มีแค่
00:04:05 → 00:04:08 มันมากจนกระทั่งทำให้มีผลเสียกับสุขภาพคำ
00:04:08 → 00:04:10 ถามก็คือว่าเอ๊ะแล้วถ้าสมมติบางคนเนี่ย
00:04:10 → 00:04:13 นอกเหนือจากปริมาณไขมานะคะมันจะอยู่ที่
00:04:13 → 00:04:18 ว่าไขมันไปสะสมตรงไหนมันคงไม่ถ้วนมากก็
00:04:18 → 00:04:20 ได้แต่ว่าถ้ามันจะสมผิดที่เช่นจะอยู่ที่
00:04:20 → 00:04:24 พุงเราเนี้ยมันจะทำให้เราเสี่ยงกับโรคไม่
00:04:24 → 00:04:26 ว่าจะเป็นเบาหวานความดันไขมันซึ่งตรง
00:04:26 → 00:04:28 เนี้ยอ้ะก็เลยเป็นที่มาว่าอ๋อมันไม่ใช่ดู
00:04:28 → 00:04:31 แค่น้ำหนักนะแต่เราดูที่เส้นรอบเอวด้วย
00:04:31 → 00:04:34 อ้าเหมือนกันถ้าเราอยากรู้ว่าตอนนี้ฉัน
00:04:34 → 00:04:37 รับเองหรือโรคอ้วนลงพุงหรือยังนะคะเอา
00:04:37 → 00:04:41 ส่วนสูงตั้งแล้วหาร 2 ค่ะ 160 เมื่อกี้
00:04:41 → 00:04:44 เนาะแล้วก็จะเหลือ 80 cm วัดเลยค่ะรอบ
00:04:44 → 00:04:46 เอวผ่านสะดือก็ได้ค่ะถ้าสมมุติวัดแล้ว
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยมันเกิน 80 แจ้งว่าตอนนี้เราเริ่มมี
00:04:49 → 00:04:51 ว่าลงพุงและ
00:04:51 → 00:04:56 เคยนั่งไม่ไม่ค่ะไม่เหลือเกินใช่มั้ยมาจะ
00:04:56 → 00:05:00 มีไหมเกินโอเคฉันไม่เกินเขาไม่เหลือๆน้ำ
00:05:00 → 00:05:02 ตกเขาเรียกว่าตกเกณฑ์ไปตั้งแต่ตอนด้วย
00:05:02 → 00:05:06 เนี่ยคุณอย่าบอกว่ากูไปวันนั้นน่ะค่ะเขา
00:05:06 → 00:05:09 ก็จะกินน้ำแบบนี้น่ะใช่ค่ะ
00:05:09 → 00:05:12 อัตนัยพูดเลยค่ะก็เอาค่ะคุณหมอบอกว่าต้อง
00:05:12 → 00:05:14 ดูทั้งไม่ได้ดูแค่น้ำหนักอย่างเดียวก็คือ
00:05:14 → 00:05:17 ต้องดูในแง่ของน้ำหนักส่วนสูงๆที่เป็นสม
00:05:17 → 00:05:20 ดวงจันทร์แล้วก็ดูเรื่องของใครมันด้วยใช่
00:05:20 → 00:05:22 ไหมหาเธอที่รักเอาเวลาที่เราดูแล้วจะรู้
00:05:22 → 00:05:25 ว่าปริมาณไขมันเนี่ยมันมีมากไหมใช่ไหมคะ
00:05:25 → 00:05:27 เราไม่สามารถจะเลาะเราอ่ะแล้วแบบล้อทั้ง
00:05:27 → 00:05:30 ตัวแล้วก็เอาไขมันมาวัดได้เราก็จะบอกว่า
00:05:30 → 00:05:33 ดูที่น้ำหนักอันนี้คือปริมาณไขมันนะคะอ่า
00:05:33 → 00:05:36 แต่ถามว่ามันมีโอกาสผิดไหมผิดถ้าสมมติว่า
00:05:36 → 00:05:38 คนคนนี้เป็นนักกีฬาแล้วกล้ามเนื้อเขาเยอะ
00:05:38 → 00:05:41 น้ำหนักเยอะจริงแต่ก็อาจจะไม่ใช่ไขมันนะ
00:05:41 → 00:05:44 คะเนี่ยอันนี่นะอันที่ 2 ไม่ใช่แค่ปริมาณ
00:05:44 → 00:05:47 แค้นมันจะรู้ว่าใครมันที่มีอ่ะค่ะมันจะ
00:05:47 → 00:05:49 อยู่ผิดที่หรือเปล่าผิดที่ในที่นี้คือมัน
00:05:49 → 00:05:52 ไปสะสมที่ที่มันควรจะอยู่มากๆเช่นอยู่ใน
00:05:52 → 00:05:55 ช่องท้องเราอันนี้ก็จะเพิ่มความเสี่ยงนะ
00:05:55 → 00:05:57 คะดังนั้นเวลาที่เค้าจะพูดถึงเรื่องอ้วน
00:05:57 → 00:06:00 นี้เขาจะดู 2 อย่างดูน้ำหนักเทียบส่วนสูง
00:06:00 → 00:06:05 รายการที่ 2 ดูเส้นรอบเอวค่ะค่ะที่นี้มัน
00:06:05 → 00:06:07 ตอนนี้นะคะก็มีท่านผู้ชมคอมเม้นมาหลาย
00:06:07 → 00:06:11 ท่านเลยค่ะมีทั้งคุณอัศวินนะคะบอกว่าน้ำ
00:06:11 → 00:06:14 หนักขึ้น 2 กิโลนะคะแล้วก็คุณปิ่นหยกว่า
00:06:14 → 00:06:18 น้ำหนักขึ้นลงๆนะคะบางท่านะคะคุณวิไลพรก็
00:06:18 → 00:06:20 บอกว่าน้ำหนักลงมา 5 กิโลกรัมอย่างนี้
00:06:20 → 00:06:24 แสดงวอะโมไม่ได้อ้วนอย่างเดียวแสดงว่า
00:06:24 → 00:06:26 ความพร้อมที่ทำให้มีมีผลทำให้น้ำหนัก
00:06:26 → 00:06:28 เปลี่ยนได้จริงๆใช่ไหมคะ
00:06:28 → 00:06:31 อย่าไทยคำว่าความคม
00:06:31 → 00:06:35 มันอาจจะไม่ขึ้นอย่างนี้บางคนน้ำหนักขึ้น
00:06:35 → 00:06:38 ก็จะพูดว่า work ทำผมเป็นเหตุผลแต่จริงๆ
00:06:38 → 00:06:39 แล้วอ่ะค่ะการ work from home เนี่ย
00:06:39 → 00:06:42 ต้องบอกว่ามันแค่เปลี่ยนสถานที่ทำงานมาทำ
00:06:42 → 00:06:45 ที่บ้านนี่กันเนาะอ่ะเพราะฉะนั้นเราจะไม่
00:06:45 → 00:06:49 ได้เสียเวลาในเรื่องของการทำงานสวยคะถ้า
00:06:49 → 00:06:51 สมมติว่าด้วยความเป็นจริงก็คือเราก็จะลด
00:06:51 → 00:06:53 ดับมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นอันนี้แล้วกัน
00:06:53 → 00:06:56 สมมุติสมมุติปกติเราต้องไปเริ่มงานประมาณ
00:06:56 → 00:06:59 8:00 นตอนช่วงเช้า 7:00 นทุกกำลังจะบ้าน
00:06:59 → 00:07:01 หมดแล้วแน่นอนมีแต่ถ้าอย่างนี้เราตื่น
00:07:01 → 00:07:03 แล้วตั้งแต่ 6 โมงอ่ะ 07:00 ถึง 08:00 น
00:07:03 → 00:07:05 ที่เราต้องออกจากบ้านน่ะถ้าเราออกมาออก
00:07:05 → 00:07:08 กำลังกายเราก็ได้เวลาออกกำลังกายเพิ่ม
00:07:08 → 00:07:11 ขึ้นตั้งชั่วโมงนึงเนี่ยอยู่บ้านอ่ะหรือ
00:07:11 → 00:07:13 ว่าเวลาเลิกงานอย่างเงี้ยถ้าสมมุติว่าใคร
00:07:13 → 00:07:16 ที่เลิกงาน 5 โมงเนี้ยปกติ 5 โมงยังไม่
00:07:16 → 00:07:19 เคยถึงบ้านเลยเลิกงาน 5 โมงแล้วจะได้ไปรด
00:07:19 → 00:07:22 น้ำต้นไม้ไปวิ่งออกกำลังกายในสวนหรือหรือ
00:07:22 → 00:07:24 ได้ทำความสะอาดบ้านเลยนะคะจริงๆตรงนี้มัน
00:07:24 → 00:07:27 ก็จะเป็นอันหนึ่งที่สามารถทำให้เราเพิ่ม
00:07:27 → 00:07:31 กิจกรรมได้กระทำว่าถ้าสมมติว่าเราแบบนั่ง
00:07:31 → 00:07:34 นิ่งอยู่กับที่ทั้งวันเลยเนี้ยอันนี้ก็จะ
00:07:34 → 00:07:35 เป็นอะไรที่ทำให้รับ oshi with เมื่อ
00:07:35 → 00:07:38 ก่อนแบบต้องเดินขึ้นรถเมล์ต้องไปนู่นนี่
00:07:38 → 00:07:40 นั่นกลายเป็นอยู่นิ่งทั้งวันนี้กิจกรรม
00:07:40 → 00:07:43 แล้วก็จะลดลงอันนี้สองก็คือเรื่องของการ
00:07:43 → 00:07:46 กินมันจะกลายเป็นว่ามี 2 แบบอันที่ 1 ก็
00:07:46 → 00:07:49 คือพอร้านมันปิดไม่รู้จะสั่งอะไรอ่ะไม่
00:07:49 → 00:07:51 คุ้นเคยกับการสั่งออนไลน์ต้องทำกับข้าว
00:07:51 → 00:07:54 กินเองไม่อร่อยแน่ทำไม่อร่อยคนไข้บอกว่า
00:07:54 → 00:07:55 น้ำหนักลดลง
00:07:55 → 00:07:59 อีกแบบนึงก็บอกโคเอ็นจอยมากเลยซื้อมาตุน
00:07:59 → 00:08:02 เอาไว้ติดตั้งใจจะตุ่นอาทิตย์นึงเอาเฮ้ย
00:08:02 → 00:08:05 ทำไม 2 วันหมดแล้วล่ะที่ตู้นะไว้ต้องไปมา
00:08:05 → 00:08:07 อีกแล้วอะไรอย่างเงี้ยอ้าหรือบางคนก็
00:08:07 → 00:08:08 โทรศัพท์ต่างอยู่นั่นอ่ะเดี๋ยวนี้
00:08:08 → 00:08:12 โปรโมชั่นเยอะอะไรนะคะคือมันคงเป็นมัน
00:08:12 → 00:08:16 เป็นสตินะของคนที่ที่จะบ้าอาจจะกินหรือ
00:08:16 → 00:08:18 ว่าจะใช้ชีวิตยังไงอ่ะถามว่า work from
00:08:18 → 00:08:21 home ทำน้ำหนักขึ้นได้ไหมทำน้ำหนักลดได้
00:08:21 → 00:08:23 ไหมเหมือนที่จะเนเห็นว่ามีคนคอมเม้นมานะ
00:08:23 → 00:08:26 คะอาจจะต้องถามคนที่เขียนว่าน้ำหนักรถนะ
00:08:26 → 00:08:28 คะว่าเอ๊ะแชร์หน่อยไหมว่าตัวเองเป็นยังไง
00:08:28 → 00:08:31 ทำไมน้ำหนักลดหรือใครชิ้นที่อ่อนน้ำหนัก
00:08:31 → 00:08:33 ขึ้นเนี่ยจะแชร์หน่อยมั้ยจริงที่เราจะได้
00:08:33 → 00:08:35 รู้ประสบการณ์ตรงถ้าทำตัวเองตัวเองก็น้ำ
00:08:35 → 00:08:37 หนักลดเอาว่าคือไม่ได้ work from home
00:08:37 → 00:08:40 เนาะทำงานทุกวันค่ะทุกวันชวนท่านผู้ชมนะ
00:08:40 → 00:08:43 คะ longshan ประสบการณ์ของตัวเองว่าตอน
00:08:44 → 00:08:47 นี้น้ำหนักขึ้นหรือน้ำหนักลงแล้วก็มีตัว
00:08:47 → 00:08:49 เองเนี่ยหลังจากที่เวิร์คพอมีพฤติกรรมที่
00:08:49 → 00:08:52 เปลี่ยนแปลงไปยังไงนะคะอย่างคุณซันไชน์
00:08:52 → 00:08:56 ค่ะ comment มาบอกว่าผมกับการคือช่วง work
00:08:56 → 00:08:57 from home a สารอาหารเดลิเวอรี่ตลอด
00:08:57 → 00:09:01 แต่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรก็มีปัญหาทำให้เกิด
00:09:01 → 00:09:02 การเบื่ออาหาร
00:09:02 → 00:09:06 ฝ่ายเป็นเรื่องอาหารแทนเพราะว่าเวลาเรา
00:09:06 → 00:09:08 ต่างเราจะรู้สึกมันซ้ำๆอีกแล้วแล้วเมื่อ
00:09:08 → 00:09:10 ก่อนเวลาเรือไปที่ร้านเนี่ยบางทีเราไปกับ
00:09:10 → 00:09:13 เคลื่อนฉะนั้นสั่งได้หลายอย่างแต่พอเวลา
00:09:13 → 00:09:15 เราจะต้องสั่งมาที่บ้านอย่างนี้ของมายัง
00:09:15 → 00:09:17 ซื้อสั่งมาถึงบ้านก็จะไม่อร่อยหรือว่าของ
00:09:17 → 00:09:20 ไม่อย่างเงี้ยมันแบบถ้าอยู่คนเดียวหรือ
00:09:20 → 00:09:23 สองคนเนี่ยเวลาสั่งมาทีละเยอะมันก็กินไม่
00:09:23 → 00:09:25 หมดเก็บก็ไม่อร่อยเลยอ่ะที่เข้าใจเลยอะ
00:09:25 → 00:09:29 ว่าเออมันก็ไม่รู้สั่งอะไรจริงจริงค่ะแต่
00:09:29 → 00:09:33 อย่างอย่างกรณีของเรื่องของเบื่ออาหารที่
00:09:33 → 00:09:35 คุณหมอมีเทคนิคแนะนำไหมคะ
00:09:35 → 00:09:39 อยากให้ผอมเขาบอกน้ำหนักลดลงไปเลยก็เลย
00:09:39 → 00:09:41 แบบเบื่ออาหารแล้วไม่รู้จะกินอะไรในช่วง
00:09:41 → 00:09:44 เพอร์ฟอร์ม Home คือเออจริงๆแล้วถามว่า
00:09:44 → 00:09:47 ถ้าเบื่อเค้าว่าไม่รู้จะกินอะไรจริงต้อง
00:09:47 → 00:09:49 ถามว่าเขาชอบกินอะไรหรือก็อยากกินอะไรนะ
00:09:49 → 00:09:51 คะเพราะว่าเพราะว่าอันนี้มันเป็นเหมือน
00:09:51 → 00:09:54 สถานการณ์ณแล้วไม่รู้ว่าไม่รู้ว่าจะสั่ง
00:09:54 → 00:09:56 อะไรอาจจะอยู่คนเดียวจะไม่มีเพื่อนอ่ะ
00:09:56 → 00:09:58 อะไรอย่างนี้ค่ะเป็นนี่อาจจะใช้วิธีว่า
00:09:58 → 00:10:02 ของที่เขาเคยชอบเอาของที่เขาแบบกินได้ค่ะ
00:10:02 → 00:10:04 จะต้องซื้อมาเพิ่มขึ้นในเนี้ยหรือว่า
00:10:04 → 00:10:07 เปลี่ยนเป็นแบบป๊กเป็นนมเนี่ยถือว่าเป็น
00:10:07 → 00:10:09 อาหารด้วยกันถ้าหรืออะไรก็ได้ที่ที่รู้
00:10:09 → 00:10:11 สึกว่าตัวเองชอบแล้วกินได้เยอะขึ้นค่ะอัน
00:10:11 → 00:10:13 นี้เชื่อว่าคนที่น้ำหนักขึ้นจะบอกว่าไม่
00:10:13 → 00:10:16 ยากเลยเดี๋ยวจัดการให้ค่ะมาเจอกันอะไม่
00:10:16 → 00:10:19 ใช่ที่นี่เราบอกว่ามาฝั่งของคนที่น้ำหนัก
00:10:19 → 00:10:22 ขึ้นคุณหมอเอาจริงๆแล้วน้ำหนักขึ้นเนี่ย
00:10:22 → 00:10:26 มันมีผลเสียหรือมีอันตรายต่อสุขภาพยังไง
00:10:26 → 00:10:30 บ้างคะมันที่บอกเมื่อสักครู่ค่ะว่าเวลา
00:10:30 → 00:10:33 ที่น้ำหนักเนี่ยมันคือไขมันที่เยอะใช่ไหม
00:10:33 → 00:10:36 คะแล้วส่งผลเสียกับสุขภาพเนอะมันก็จะมี
00:10:36 → 00:10:39 สองตัวนั้นคืออันแรกเนี่ยมันคำว่ามันมี
00:10:39 → 00:10:42 มากเกินไปการที่สองคือมันอยู่ที่เนาะเวลา
00:10:42 → 00:10:45 ที่สอนนักศึกษาจะบอกว่าให้จำเป็น 3M นะคะ
00:10:45 → 00:10:48 M ได้คือเมตตาบาเรตในทำผลิตก็คือโรคที่
00:10:48 → 00:10:51 เกี่ยวข้องกับอ้วนนะคะหรือว่าไขมันเนี่ย
00:10:51 → 00:10:54 มันเกิดผิดที่แล้วมันทำให้เกิดอะไรบ้างยก
00:10:54 → 00:10:57 ตัวอย่างเช่นเบาหวานความดันไขมันทั้งหลาย
00:10:57 → 00:11:00 ที่เรารู้จักกันอ่ะนะคะอันนี้คืออันที่ 1
00:11:00 → 00:11:02 ดีหรือตอนนี้ที่เจอบ่อยๆเช่นแขนมันพอกตับ
00:11:02 → 00:11:04 นะเราก็จะเคยได้ยินอีกละอะไรอย่างเงี้ย
00:11:04 → 00:11:07 หรือว่าโรคของผู้หญิงเช่นเพราะอ้วนมาก
00:11:07 → 00:11:10 ขึ้นอาจจะมีสิวดกขึ้นอ่ะขอโทษทีทำให้ขนดก
00:11:10 → 00:11:13 มีสิวขึ้นประจำเดือนไม่มาเช็คก็ได้ถุงน้ำ
00:11:13 → 00:11:16 ดังขายอันนี้คือกลุ่มนี้นะคะกลุ่มที่สอง
00:11:16 → 00:11:19 คือนะแค่นี้อีกยกตัวอย่างเช่นเรามีไขมัน
00:11:19 → 00:11:23 เยอะเกินไปมันก็เหมือนเราอ่านึกถึงมาสคอต
00:11:23 → 00:11:25 อ่ะคะมันเหมือนเราเป็นคนที่เราแบกมาสคอต
00:11:25 → 00:11:28 ตลอดเวลาเรียนถ้าเราต้องแบกของหนักๆตลอด
00:11:28 → 00:11:30 เนี่ยมันก็จะต้องรับน้ำหนักเยอะเนาะ
00:11:30 → 00:11:33 กระดูกและข้อเราก็แย่แล้วควรล้างปวดขาปวด
00:11:33 → 00:11:37 เอวปวดเข่านะคะรวมทั้งเรื่องของนอนกรนอ่ะ
00:11:37 → 00:11:39 แล้วก็อยู่ไทยใจขณะหลับอันนี้คือ
00:11:39 → 00:11:42 M2M ที่ 3 จะเป็นเรื่องของมะลิกัน 4
00:11:42 → 00:11:44 หรือมะเร็งอันนี้จะต้องบอกนะคะว่าความ
00:11:44 → 00:11:47 อ้วนเองเนี่ยก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้
00:11:47 → 00:11:49 เกิดมะเร็งได้และเล็กควรจะชอบคิดว่าอ๋อ
00:11:49 → 00:11:53 เป็นมะเร็งคือของลงอะไรคนอ้วนนะคะเพิ่ม
00:11:53 → 00:11:55 ความเสี่ยงการเกิดมะเร็งนะคะโดยเฉพาะ
00:11:55 → 00:11:57 มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบบเขาระบบ
00:11:57 → 00:12:01 สืบพันธุ์และกันเนาะมันแอบถ่ายมะเร็งอ๊อด
00:12:01 → 00:12:04 มดลูกนะคะหรือว่ามะเร็งเต้านมนะคะผู้ชาย
00:12:04 → 00:12:06 ก็จะเป็นต่อมลูกหมากเป็นเรื่องของมะเร็ง
00:12:06 → 00:12:09 ลักษณ์ลำไส้บ้างเลยอ่ะ
00:12:09 → 00:12:13 แล้วก็ที่สำคัญตอนนี้ที่ดูซึ่งเค้าวิทย์
00:12:13 → 00:12:15 ใช่ไหมเราได้ยิน Call it เนาะเอาจริงๆ
00:12:15 → 00:12:17 ผิดแล้วก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องของการติด
00:12:17 → 00:12:20 เชื้อแต่เราเจอว่าอันง่ายเราเคยได้ยินว่า
00:12:20 → 00:12:23 ทุกคนที่อ้วนเนี่ยจะเป็นคนกลุ่มเสี่ยงที่
00:12:23 → 00:12:25 จะติดเชื้อหวัดและรุนแรงจำได้ใช่ไหมคะ
00:12:25 → 00:12:28 เนี่ยช่วงหนึ่งที่เรามาพูดกันในเรื่องของ
00:12:28 → 00:12:30 การติดเชื้อที่ปอดเนี่ยส่วนนึงเลยก็คือคน
00:12:30 → 00:12:33 อ้วนปรับได้ปลอดมันขยายได้ดีค่ะมันเหมือน
00:12:33 → 00:12:35 มีอะไรมารับอยู่ที่ตัวนี้เขาไว้แล้วจะ
00:12:35 → 00:12:38 ขยายปุ๊บอ้าปอดก็จะขยายได้ไม่ดีเนาะการ
00:12:38 → 00:12:41 ทำไมของก่อน 9 จะแย่ลงอันที่สองเลยคือคน
00:12:41 → 00:12:44 อ้วนเองเนี่ยเพราะวันมากขึ้นปั๊บเนี่ยเขา
00:12:44 → 00:12:47 จะมีโรคทั้งหลายตามมาในโลกทั้งหมดเนี่ยก็
00:12:47 → 00:12:49 กลายเป็นความเสี่ยงโควิชเหมือนกันใช่ไหม
00:12:49 → 00:12:53 คะอ่าเบาหวานนี้เราก็จะได้ยินบ่อยๆอันที่
00:12:53 → 00:12:55 สามก็คือในกรณีของอ้วนเองนะคะอ้วนมากๆ
00:12:55 → 00:12:58 ขึ้นเนี่ยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายระบบ
00:12:58 → 00:13:01 ภูมิต้านทานเนี่ยก็จะลดลงนี้นะคะแล้วก็จะ
00:13:01 → 00:13:03 มีระบบที่เขาเรียกว่าการอักเสบที่มากขึ้น
00:13:03 → 00:13:06 เรื่อยๆเสื้ออันนี้ก็จะไปส่งผลทำให้โควิช
00:13:06 → 00:13:08 เนี้ยอะหรือว่าการติดเชื้อเนี่ยมันง่าย
00:13:08 → 00:13:11 ขึ้นนะคะอันสุดท้ายเราชื่อว่าตัวเชื้อ
00:13:11 → 00:13:13 เนี่ยมันจะอยู่ในไขมันเพราะฉะนั้นเนี่ยก็
00:13:13 → 00:13:15 จะมีคนพูดอยู่เหมือนกันว่าเอ๊ะมันมีความ
00:13:15 → 00:13:18 เป็นไปได้นะว่าคนอ้วนเนี้ยอาจจะทำให้การ
00:13:18 → 00:13:21 กำจัดเชื้อมันยากขึ้นเล่นๆขึ้นอะไรแบบนี้
00:13:21 → 00:13:24 ล่ะงั้นเราจะเห็นได้ยินประจำเลยบอกว่าโค
00:13:24 → 00:13:26 วิชเนี่ยเอาคนอ้วนก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อ
00:13:26 → 00:13:29 ผลิตเชื้อเสร็จปุ๊บอาการก็จะรุนแรงลงกอด
00:13:29 → 00:13:32 ง่ายแล้วแถมยังเพิ่มความเสี่ยงขอตาตายอีก
00:13:32 → 00:13:37 นะคะหวยฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่ลดไม่ได้
00:13:37 → 00:13:39 แล้วค่ะรู้สึกว่าจะปล่อยให้มันอ้วนขึ้นไป
00:13:39 → 00:13:43 เรื่อยๆเนี่ยเป็นอันตรายจริงๆนะคะถ้า
00:13:43 → 00:13:46 อย่างนั้นถ้าในภาวะที่เราเอ้อพร้อมกันแบบ
00:13:46 → 00:13:49 นี้ค่ะเราจะมีวิธีปฏิบัติตัวยังไงให้เรา
00:13:49 → 00:13:52 มีสุขภาพหมายถึงวิธีการปฏิบัติตัวใน
00:13:52 → 00:13:54 เรื่องของการกินอาหารยังไงให้เรามีสุขภาพ
00:13:54 → 00:13:58 ที่ดีคะคุณหมอมึงแคปก็จริงๆก็ต้องบอกว่า
00:13:58 → 00:14:01 ถ้าเราเอ้อ plump ก็ต้องทำบรรยากาศในบ้าน
00:14:01 → 00:14:03 เราให้มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่เราทำงาน
00:14:03 → 00:14:06 เนอะเราไม่ควรที่จะบอกว่ากินตลอดเวลาเรา
00:14:06 → 00:14:09 ก็ควรจะแบ่งออกเหมือนเก็บกินให้เป็นมื้อ
00:14:09 → 00:14:12 นะคะจริงๆแล้วบอกกับกินให้เป็นมื้อๆอาจจะ
00:14:12 → 00:14:14 มี snack ได้นะคะแต่ว่ามันควรจะเป็นมื้อ
00:14:14 → 00:14:17 คือเวลาที่เรากินของที่เรากินเนี้ยเราควร
00:14:17 → 00:14:20 จะบับเหมือนอะสมมติเวลาจะมีซื้อของมาแล้ว
00:14:20 → 00:14:23 จะเนปอกผลไม้เนี้ยอาจจะไม่ตอบทั้งลูกและ
00:14:23 → 00:14:25 จะมีจะเอามาวางใส่จานละวางอยู่ข้างหน้าจะ
00:14:25 → 00:14:28 มีเลยเลยค่ะกินได้เรื่อยจนกว่าจะหมดถูก
00:14:28 → 00:14:30 ต้องบางครั้งเราอาจจะคิดว่าตอนที่เราบอก
00:14:30 → 00:14:33 เนี่ยเราจะเผื่อคนนั้นเผื่อคนนี้อะไรนี้
00:14:33 → 00:14:35 ใช่มะหรือเปล่าเสร็จแล้วพอเดี๋ยวจะใส่
00:14:35 → 00:14:36 กล่องเอาไว้แล้วเดี๋ยวเราจะกินพรุ่งนี้
00:14:37 → 00:14:39 อะไรอย่างเงี้ยในความเป็นจริงคือไม่เลย
00:14:39 → 00:14:41 เพราะฉะนั้นจริงๆถ้าอยากจะแบ่งหรืออยากจะ
00:14:41 → 00:14:45 กินแค่ไหนอ่ะแค่นั้นออกมาค่ะมากจะเอาออก
00:14:46 → 00:14:48 มาทั้งหมดหรือสมมติเวลาเราซื้อของซื้อขนม
00:14:48 → 00:14:52 ก็ตามเนี้ยค่ะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราอาจ
00:14:52 → 00:14:55 จะชอบแบบเหมือนกับว่าเออเอาออกมาทั้งหมด
00:14:55 → 00:14:57 เพราะฉันจริงแล้วเนี่ยเราแบ่งมาก่อนแล้ว
00:14:57 → 00:14:59 ว่าเราจะกินแค่ไหนสิ่งที่เราจะกินเท่า
00:14:59 → 00:15:01 ไหร่ก็คะแล้วเราก็แบ่งออกมาแล้วเรากินแค่
00:15:01 → 00:15:04 นั้นที่เหลือที่เก็บนะเก็บยาให้เห็นด้วย
00:15:04 → 00:15:07 นะคะเก็บให้เห็นปั๊บเนี่ยมันจะยังมองอยู่
00:15:07 → 00:15:09 มันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็จะเดินไปหยิบมาใหม่
00:15:09 → 00:15:12 อ่ะมีคนเคยทำวิจัยเราเขาบอกว่าถ้าสมมติ
00:15:12 → 00:15:14 ตู้เก็บของที่บ้านเป็นแบบนี้จุ๊บๆเนี้ย
00:15:15 → 00:15:17 เราใส่ของไปอ่ะแล้วเรามองไม่เห็นมันที่
00:15:17 → 00:15:19 อาจจะลืมนะว่าเราใส่อะไรลงไป
00:15:19 → 00:15:22 แต่ถ้าเรามองเป็นตู้แต่ใส่อย่างเงี้ยมัน
00:15:22 → 00:15:23 เห็น
00:15:23 → 00:15:27 มันรู้สึกว่ามันล่อตาล่อใจใช่ไหมคะที่เรา
00:15:27 → 00:15:29 รู้สึกว่าเฮ้ยอันนี้เราไม่เคยแล้วก็ตู้
00:15:29 → 00:15:31 เย็นทีไรหรอก
00:15:31 → 00:15:34 ฉะนั้นบางทีเนี่ยจะต้องแบบนั่งคิดว่าเอ๊ะ
00:15:34 → 00:15:37 เราเราจะต้องแบบมีมีเทคนิคในการที่จะเลิก
00:15:37 → 00:15:41 กินนะคะอันนี้ 2 ทาเวลาจะเน็ตากมาเนี่ยมา
00:15:41 → 00:15:44 ทั้งหมดจะให้ตักจันทร์เล็กๆเพราะถ้าเมื่อ
00:15:44 → 00:15:46 ไรก็ตามที่เราใช้จานใหญ่ปุ๊บของที่ระวัง
00:15:46 → 00:15:49 อยู่เนี่ยมันจะดูน้อยทันทีเลยค่ะ
00:15:49 → 00:15:53 แต่ถ้าสมมุติว่าสมมุติสมมุติเราตัดของมา
00:15:53 → 00:15:55 ชิ้นนึงใช่ปะแต่จานเรามันเป็นการใบใหญ่
00:15:55 → 00:15:58 เวลามองพูดเราจะรู้สึกว่ากินนิดเดียว
00:15:58 → 00:16:01 อ่ะคือแบบมีน้อยมากความรู้สึกจะไม่อิ่มมา
00:16:01 → 00:16:05 ก่อนและสมองจะบอกแล้วว่าไม่อิ่มมันน้อย
00:16:05 → 00:16:07 จังเลยแต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่มันเป็นจาน
00:16:07 → 00:16:10 ที่เล็กหน่อยแล้วเวลาระวังของนะคะเราจะ
00:16:10 → 00:16:12 รู้สึกว่าเออมันเป็นจานเนาะอะไรอย่าง
00:16:12 → 00:16:14 เงี้ยเราก็จะโอเคขึ้น
00:16:14 → 00:16:18 เหมือนการก่อนแก้วเวลาที่เรากินแล้วแก้ว
00:16:18 → 00:16:21 ที่เราใช้อ่ะค่ะแก้วทรงสูงและผอมนะคะเวลา
00:16:21 → 00:16:24 ที่เราตายอ้ะมันจะเป็นปริมาณน้ำที่เท่า
00:16:24 → 00:16:27 กันแต่ว่าเราจะดูเยอะกว่าแก้วที่เป็นอ้วน
00:16:27 → 00:16:30 แล้วเตี้ยเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้จะเป็น
00:16:30 → 00:16:32 เทคนิคในการที่แบบอะเราจะลองดูนะพยายาม
00:16:32 → 00:16:35 กินให้มันเป็นมื้อๆค่ะเพราะว่าถ้าเรากิน
00:16:35 → 00:16:37 ไม่เป็นมือแล้วกินตลอดเวลาอย่างเงี้ยมัน
00:16:37 → 00:16:41 ก็จะทำให้ดับก็ไม่มีใครมองเราเงี้ยอ่ะอีก
00:16:41 → 00:16:43 อันนึงก็คือสมมติเวลาที่เราแต่งตัวไปทำ
00:16:43 → 00:16:45 งานเนี่ยส่วนใหญ่จะกลับเสื้อกระโปรงที่
00:16:45 → 00:16:48 มันจะไม่ได้เป็นอย่างยืดใช่ไหมคะมันจะแบบ
00:16:48 → 00:16:50 นี้นี่เอาเขาจะเป็นชุดที่มันเป็น
00:16:50 → 00:16:53 ยูนิฟอร์มหรือบางคนอาจจะเป็นจริงๆเลย
00:16:53 → 00:16:55 เนี่ยก็อยู่บ้านปั๊บเนี่ยคืออาจจะเป็นชุด
00:16:55 → 00:16:58 นอนน่ะนั่งทำงานอยู่หรือว่าจะใส่แค่ครึ่ง
00:16:58 → 00:17:00 เดียวแล้วก็ล่ะมันเย็นๆขาสั้นเลยเนี่ยก็
00:17:00 → 00:17:03 เป็นก็คือเราจะไม่รู้สึกเลยค่ะว่าเรากิน
00:17:03 → 00:17:04 เยอะ
00:17:04 → 00:17:08 เขามันกินได้เรื่อยๆมันไข่ไอ้ว่าเรื่อยๆ
00:17:08 → 00:17:11 พัฒนาจริงๆแล้วบางคนนี้บอกว่าเออใส่เป็น
00:17:11 → 00:17:13 แบบมันแค่ถ้าเป็นคนผู้หญิงที่ชอบใส่
00:17:13 → 00:17:16 คอนเสร็จหรือใส่สเตย์รัดไว้อ่ะนอกเหนือ
00:17:16 → 00:17:20 จากที่เราจะรู้สึกว่ามันไม่มีผัวออกมา
00:17:20 → 00:17:22 แล้วเนี่ยเวลาที่เรากินเข้าไปเราจะรู้สึก
00:17:22 → 00:17:24 มันแน่นมันอิ่มนะคะมันก็จะรู้สึกตื่นตัว
00:17:24 → 00:17:27 เองแค่นั้นนะคะขณะที่อยู่บ้านหลายคนอาจจะ
00:17:27 → 00:17:31 สบายๆท่อนบนจัดเต็มหน้าเป็นหน้าเต็มมาก
00:17:31 → 00:17:34 ข้างล่างคือขาสั้นใช่ไหมคะมันก็เลยกินได้
00:17:34 → 00:17:37 เรื่อยๆไม่มีลิมิตตอนนี้ค่ะมีผู้ชมถามมา
00:17:37 → 00:17:41 ค่ะคุณวีรวัฒน์ถามว่าทำยังไงเพื่อลดน้ำ
00:17:41 → 00:17:44 หนักจากการกินหน้าอันนี้น่าจะเป็นน่าจะ
00:17:44 → 00:17:46 เป็นหัวใจของการคุยกันวันนี้เลยใช่ไหมคะ
00:17:46 → 00:17:50 ยังไงเพื่อลดน้ำหนักกินมีต้องอย่างค่ะคือ
00:17:50 → 00:17:53 กินให้น้อยลงกันเรื่องกินขอให้กินให้น้อย
00:17:53 → 00:17:56 กับเลือดอีกแล้วก็คือเรารู้อยู่แล้วจะนะ
00:17:56 → 00:17:58 คะว่าของที่เรากินเข้าไปเนี่ยมันก็จะกลาย
00:17:58 → 00:18:00 เป็นแคลอรี่เป็นทางงาน
00:18:00 → 00:18:03 ขอถามเป็นความว่าเราไม่อยากกำลังกายก็ถือ
00:18:03 → 00:18:06 ว่าถ้าไม่อยากกำลังใจสิ่งที่จะกินก็คือ 1
00:18:06 → 00:18:09 จะต้องกินให้น้อยลงให้กินน้อยลงไม่ได้ก็
00:18:09 → 00:18:12 ต้องเลือกกินของถ้วนน้อยหน่อยอ่ะอย่าง
00:18:12 → 00:18:14 นั้นก็ก็เป็นคอนเซ็ปต์แบบนี้กันนะคือจะ
00:18:14 → 00:18:16 บอกว่าไม่กินเลยก็ก็ถูกไม่กินแล้วก็ต้อง
00:18:16 → 00:18:19 ขอมาแต่ว่าเขาอยากจะกินแต่เขายังอยากจะ
00:18:19 → 00:18:21 ผอมอยู่หรือว่าไม่อยากจะอ้วนอย่างนี้ค่ะ
00:18:21 → 00:18:23 ก็จะต้องมานั่งแรกกันอย่างนั้นอย่างที่
00:18:23 → 00:18:39 ที่คุณหมอบอกนะคะก็คือว่าถ้าเกิดว่า
00:18:39 → 00:18:44 สัญญาณทางด้วยว่าอย่างยานี่ก็ค่ะคุณหมอ
00:18:44 → 00:18:46 เมื่อกี้สัญญาณอาจจะหายไปต้องขอโทษด้วยนะ
00:18:46 → 00:18:49 คะคือที่นี้เราบอกว่าคุณหมอบอกว่าจะต้อง
00:18:49 → 00:18:51 กินให้น้อยลงแล้วก็เลือกกินใช่ไหมคะทีนี้
00:18:51 → 00:18:54 วันนี้คุณหมอมีเทคนิคมาฝากเป็นเรื่องของ
00:18:54 → 00:18:57 การกินเรื่องของการกินทั้งอาหารมื้อหลัก
00:18:57 → 00:19:00 อาหารว่างแล้วก็ของหวานเครื่องดื่มต่างๆ
00:19:00 → 00:19:03 ขอเบิ่งต้นถามคุณหมอเรื่องของอาหารจาน
00:19:03 → 00:19:05 หลักหรือมื้อหลักก่อนเลยค่ะว่าเราจะมี
00:19:05 → 00:19:07 วิธีการเลือกกินอาหารมื้อหลักการหลักยัง
00:19:07 → 00:19:11 ไงให้เหมาะสมกับร่างกายคะก็จริงๆต้องบอก
00:19:11 → 00:19:14 ว่าเวลาที่ควรจะวันนั้นน่ะค่ะส่วนหนึ่ง
00:19:14 → 00:19:17 นี้จะบอกว่าอย่าพยายามอดเยอะถ้ากดเยอะ
00:19:17 → 00:19:19 ปุ๊บเนี่ยอ่าต้องบอกว่ามันรถได้ช่วงตั้น
00:19:19 → 00:19:22 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือน้ำหนักก็จะลดลงด้วย
00:19:22 → 00:19:24 อันนี้จะให้ดูนิดนึงถามว่าสมมติว่ามีการ
00:19:24 → 00:19:27 อยู่เนาะอันนี้เนี่ยเป็นจานประมาณ 8-9
00:19:27 → 00:19:30 ลิงนะคะไม่ใช่จานแบบ 20 นิ้วเนี้ยเออแต่
00:19:30 → 00:19:32 เราจะให้แบ่งครึ่งนึงครึ่งนึงก็จะเป็นพวก
00:19:32 → 00:19:35 ของผับใช่ไหมคะเราก็จะได้ยินว่าผักครึ่ง
00:19:35 → 00:19:37 นึงเนอะแล้วก็จะเป็นส่วนที่มันเป็นข้าว
00:19:37 → 00:19:41 แป้งนะคะข้าวแป้งเส้นมีพาสต้าไรเงี้ยอัน
00:19:41 → 00:19:43 นั้นอยู่ประมาณ 1 ใน 4 ที่เราจะตัดมา
00:19:43 → 00:19:46 สำหรับจานนี้นะคะอันที่สามหนึ่งในศิษย์
00:19:46 → 00:19:48 อาจหนึ่งในสี่สุดท้ายก็จะเป็นเนื้อสัตว์
00:19:48 → 00:19:51 นะคะเคยมีคนทำแบบเหมือนกับโจ๊กนิดนึงอ่ะ
00:19:51 → 00:19:54 ค่ะบอกว่า 1 ใน 4 จริงแต่นั่งวางซะสูง
00:19:54 → 00:19:57 ลิ่วเลยอะไรอย่างเงี้ยมันก็อ่าใช่จุดพอ
00:19:57 → 00:19:59 ประมาณเนาะมันก็จะแบบว่าปกติอะไรอย่าง
00:19:59 → 00:20:02 เงี้ยคะและนี่คือไม่จำเป็นต้องงดแป้งอยู่
00:20:02 → 00:20:05 ไหมคะแล้วถ้าค่ะคือจริงๆวิธีการลดน้ำหนัก
00:20:05 → 00:20:07 เหมือนเราจะเดินไปปากซอยอ่ะค่ะเราเดินได้
00:20:07 → 00:20:09 หลายทางมากเลยเราจะเดินอ้อมกับเราจะเดิน
00:20:09 → 00:20:12 ตรงกันและจะปีนข้ามไปล่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:20:12 → 00:20:15 เช็คอยู่วิธีของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน
00:20:15 → 00:20:18 คนบางคนชอบแบบนี้คือไม่อยากจะบับ Extreme
00:20:18 → 00:20:21 ที่จะไปอดนั่นอดนี่อดโน่นแต่ช้าแต่ว่าอา
00:20:21 → 00:20:23 รู้นะว่าฉันจะกินได้แค่ไหนอันนี้เขาเรียก
00:20:23 → 00:20:26 ว่าเป็นพอชั่นคอนโทรลก็คือเลือกว่าจะกิน
00:20:26 → 00:20:29 แค่ไหนนะคะปริมาณอย่างเงี้ยค่ะกับบางคนก็
00:20:29 → 00:20:33 จะบับอดไปเลยเช่นมีคนทำเป็นพวกฟาสติ้ง
00:20:33 → 00:20:35 หลายใช่ไหมคะที่จะมีแต่ถามเมื่อสักครู่
00:20:35 → 00:20:38 อันที่สามก็คือจะมีคนที่จะถามแบบเหมือน
00:20:38 → 00:20:40 กับว่าเอาอดอันนั้นอดอันนี้มันก็จะมีวิธี
00:20:40 → 00:20:44 การทำค่ะอันนั้นแต่ว่าเธอถ้ามองถ้ามองให้
00:20:44 → 00:20:46 มาว่าสมมุติถ้าเราจะกินแล้วและมองว่าจะ
00:20:46 → 00:20:49 หนึ่งของเราเนี่ยแบ่งเป็น 4 ส่วนเนาะให้
00:20:49 → 00:20:51 มีส่วนที่มันเป็นผักอ่ะประมาณครึ่งนึง
00:20:51 → 00:20:54 แล้วอีกหนึ่งในสี่เป็นพวกข้าวแป้งเนาะอ่า
00:20:54 → 00:20:57 ถ้าเลือกได้ก็เลือกเข้าตั้งที่มีคุณภาพ
00:20:57 → 00:21:00 เช่นนั้นไม่ขัดสีอย่างนี้ค่ะโทรไปเบอร์
00:21:00 → 00:21:02 เยอะๆเสร็จแล้วก็อีกหนึ่งในสี่ให้เป็น
00:21:02 → 00:21:05 โปรตีนโปรตีนในที่นี้จะเป็นเนื้อสัตว์ก็
00:21:05 → 00:21:07 ได้จะปฏิบัติสัตว์หรือจะเป็นโปรตีนจากพืช
00:21:07 → 00:21:08 ก็ได้
00:21:08 → 00:21:11 การกำหนดจะส่วนอาหารอย่างที่คุณหมอบอกนี่
00:21:11 → 00:21:15 มันจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ยังไงนะคะ I'm
00:21:15 → 00:21:17 ถ้ากินหนักนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันจะมี
00:21:17 → 00:21:19 ไฟเบอร์ค่อนข้างเยอะนะคะในแง่ของข้อที่ 1
00:21:20 → 00:21:22 คือความหลากหลายในงานของอาหารได้วิตามิน
00:21:22 → 00:21:25 และเกลือแร่และน่าจะครบถ้วนนะคะอันที่สอง
00:21:25 → 00:21:27 ก็คือว่าปริมาณที่กินอันนี้มันก็จะ
00:21:27 → 00:21:30 แคลอรี่ไม่เยอะจนเกินไปแต่ว่าจริงๆแล้ว
00:21:30 → 00:21:33 ต้องบอกว่ามันก็คงจะต้องแบบลงไปในราย
00:21:33 → 00:21:36 ละเอียดนิดหน่อยเช่นอ่าเวลาที่เราเอาของ
00:21:36 → 00:21:39 มาทำกับข้าวอ่ะค่ะวิธีการปรุงก็สำคัญเนอะ
00:21:39 → 00:21:42 เช่นสมมติว่าอันเนี้ยออได้เลยหนึ่งในสี่
00:21:42 → 00:21:45 ขอเป็นเบคอนรั้วเลยนะคะ R เยอะไปนิดนึง
00:21:45 → 00:21:48 อะไรเนี้ยเราก็จะมองว่าของที่เรากินนะคะ
00:21:48 → 00:21:51 มันจะมีพวกต้มนึ่งปิ้งย่างยำอบตุ๋นหรือทำ
00:21:51 → 00:21:54 ออกชนะเสมอจะเอามาปุ๊บวิธีการปรุงเนาะ
00:21:54 → 00:21:57 วิทยานตรงที่เราเติมน้ำมันเพิ่มเช่นผัด
00:21:57 → 00:22:00 หรือทอดเนี้ยอาจจะต้องลดลงอ่ะดีแล้วพูด
00:22:00 → 00:22:02 ให้มันไม่ได้เติมน้ำมันเพิ่มอาหารเนี่ย
00:22:02 → 00:22:04 เราอาจจะแบบเป็นของที่เราเลือกเป็นหลัก
00:22:04 → 00:22:07 เนาะถ้าสมมติเราเลือกไม่ได้แล้วจะกินของ
00:22:07 → 00:22:10 ทอดนานๆจะกินทีก็โอเคนะไม่ใช่ดับทุกมื้อ
00:22:10 → 00:22:14 นึงแบบไหนๆครั้งหลายๆชิ้นเลยเนี้ยแล้วก็
00:22:14 → 00:22:16 ถ้าสมมติจะเป็นพวกของทอดค่ะสิ่งที่อยากจะ
00:22:16 → 00:22:19 ให้หรือระวังก็จะเป็นพวกของชุบแป้งทอดมา
00:22:19 → 00:22:23 ชุบไก่ทอดชุบไข่ทอดชุบแป้งทอดพวกนี้มันจะ
00:22:23 → 00:22:25 บับเหมือนอมน้ำมันและกับตัวไปแล้วกินชิ้น
00:22:25 → 00:22:28 นึงมันจะเหมือนแบบอะมีแป้งอยู่แล้วก็มี
00:22:28 → 00:22:31 น้ำมันแล้วก็ไม่ใช้หมักแล้วก็ไม่โปรตีนนะ
00:22:31 → 00:22:34 คะมันก็จะเยอะไปแล้วแบบวิธีนี้โปรตีนจะ
00:22:34 → 00:22:36 เยอะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันจะทำให้เราอิ่ม
00:22:36 → 00:22:40 ได้ง่ายขึ้นค่ะรวมไปถึงพวกการใส่เครื่อง
00:22:40 → 00:22:43 ปรุงต่างๆด้วยนะคะอาการสังข์ครบลงอันนี้
00:22:43 → 00:22:46 จะบับใครที่ใครที่กินพวกจะรู้ว่ากินรสจัด
00:22:46 → 00:22:49 เนี้ยอ้ะอันที่ 1 เนี่ยมันก็จะทำให้ 1
00:22:49 → 00:22:52 อาหารเนี่ยแบบนี้ฉันควรกินรสจัดมากก็จะ
00:22:52 → 00:22:54 ต้องกินข้าวเยอะขึ้นอ่านวิธีการที่อาจจะ
00:22:54 → 00:22:57 บับบอกว่ากินรสจัดจะปรับเป็นลักษณะของใส่
00:22:57 → 00:23:00 ผู้สมุนไพรเยอะขึ้นนะคะแล้วก็ไม่คะเดี๋ยว
00:23:00 → 00:23:03 ขึ้นอันนี้ก็จะช่วยได้นิดนึงนะอันนี้สอง
00:23:03 → 00:23:05 ก่อนจะทำให้เราได้รับเกลือหาเยอะเกินไป
00:23:05 → 00:23:09 โซเดียมมันอาจจะไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นใน
00:23:09 → 00:23:11 ลักษณะที่เป็นอะไรมานะแต่ว่าเวลาที่เรา
00:23:11 → 00:23:13 กินโซเดียมเข้าไปปุ๊บทุกคนจะรู้ว่ามันจะ
00:23:13 → 00:23:16 บวมน้ำมันจะน้ำหนักขึ้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:16 → 00:23:18 ก็จะทำให้ตัวเลขน้ำหนักสำหรับคนที่อยากลด
00:23:18 → 00:23:23 น้ำหนักไม่ได้แฮปปี้มากค่ะนี่หลายคนเชื่อ
00:23:23 → 00:23:26 ว่าถ้าเรากินอาหารหลายๆมื้ออาจจะวันนึง 5
00:23:26 → 00:23:29 6 มื้อแต่ต้องลดปริมาณด้วยถูกไหมคะคือ
00:23:29 → 00:23:31 สมมติว่าแบ่งเป็นกินน้อยแต่ว่ากินหลายๆ
00:23:31 → 00:23:34 มื้ออันนี้ก็คือจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้
00:23:34 → 00:23:36 จริงไหมคะเหมือนห้องเก็บของคลีนะคะถ้าใคร
00:23:36 → 00:23:39 กินคลีนเขาเล่นคลีนิตติ้งนะคะพรุ่งนี้คน
00:23:39 → 00:23:41 เจ็บของครีมเนี่ยเขาจะกินอะไรมือด้วยเหตุ
00:23:41 → 00:23:44 ผลนี้ค่ะมันจะไม่มีช่วงที่เรากินเยอะเกิน
00:23:44 → 00:23:48 ไปมันก็จะแบบว่าเหมือนกับและที่สำคัญคือ
00:23:48 → 00:23:51 ระยะเวลาหลังระหว่างเมื่อฉัน The ชั่วโมง
00:23:51 → 00:23:53 2 ชั่วโมงก็จะได้กินนะแล้วก็จะรู้สึกว่า
00:23:53 → 00:23:56 มันไม่ทรมานกับการที่จะอดอยู่นานนะคะแต่
00:23:56 → 00:23:59 ว่า Concept คือเขาจะกินแบบปริมาณไม่เยอะ
00:23:59 → 00:24:02 นะคะข้อที่ 2 คือเป็นอาหารที่ไม่ค่อยจะมี
00:24:02 → 00:24:05 การกรุงแตกเยอะๆเอาทาบลงต่างเยอะปั๊ป
00:24:05 → 00:24:08 เนี่ยเดี๋ยวมันจะดับเสีย Concept ของครีม
00:24:08 → 00:24:10 เนาะเวลาที่เค้าจะพูดกันนะคะอันที่ 3 คือ
00:24:10 → 00:24:13 เท่ากินปริมาณน้อยน้ำตาลในเรือเราจะขึ้น
00:24:13 → 00:24:15 ได้สูงมากนะเพราะมันขึ้นไม่สูงมากนะปุ๊บ
00:24:15 → 00:24:17 เนี่ยเราในภาคน้ำตามันขึ้นแล้วมันลงตาม
00:24:17 → 00:24:20 ช่วงมันตกอ่ะน้ำตาลที่มันตกมันจะทำให้เรา
00:24:20 → 00:24:23 รู้สึกผิวอ่าทีนี้ถ้าสมมุติน้ำตาลมันไม่
00:24:23 → 00:24:26 ค่อยแกว่งมันอยู่แบบน้อยอยู่เลยอย่างนี้
00:24:26 → 00:24:28 หลายคนก็จะบอกว่าน่าจะเป็น Concept นึง
00:24:28 → 00:24:32 ที่จะทำให้เราไม่ค่อยหิวอย่างนี้ค่ะก็มี
00:24:32 → 00:24:35 ถาม 5 6 มื้อค่ะอ๋อค่ะแสดงว่าจริงอย่าง
00:24:35 → 00:24:38 คุณหมอบอกก็ไม่มีหลายวิธีล่ะที่ทำได้แต่
00:24:38 → 00:24:41 ต้องเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายเหมาะกับตัว
00:24:41 → 00:24:44 เราด้วยไหมคะถ้าแบบไหนอาจจะไม่เหมือนกัน
00:24:44 → 00:24:48 ค่ะคุณมีรวัฒน์ค้าถามมาคำถามนี้น่าสนใจ
00:24:48 → 00:24:51 มากบอกว่าบางคนบอกว่ากินน้อยลงอ่ะร่างกาย
00:24:51 → 00:24:54 จะปรับการเผาผลาญให้ลดลงก็เลยไม่แน่ใจว่า
00:24:54 → 00:24:58 กินน้อยลงในดีดีหรือเปล่าค่ะถูกค่ะให้ถูก
00:24:58 → 00:25:00 จริงเพราะว่าอย่างนี้ค่ะและร่างกายเรา
00:25:00 → 00:25:03 เนี่ยเขาจะไม่ยอมขาดทุนเนาะฉันสมมติว่า
00:25:03 → 00:25:05 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินลดลงอ่าเวลา
00:25:05 → 00:25:09 น้ำหนักเราลดลงถามว่าอะไรรถนะคะมันลดทั้ง
00:25:09 → 00:25:11 ส่วนที่เป็นไขมันซึ่งเราอยากได้ใช่ไหม
00:25:11 → 00:25:14 แล้วมันก็ลดกล้ามเนื้อเราด้วยเราหรือภาพ
00:25:14 → 00:25:17 คนป่วยที่ไม่สบายนะคะเขาจะไม่มีซิกแพคแน่
00:25:17 → 00:25:20 นอนอันนี้คือจะผอมจะเห็นซี่โครงจะเห็น
00:25:20 → 00:25:23 กระดูกและแบบเนี้ยเอาว่าพวกเนี่ยตามเนื้อ
00:25:23 → 00:25:25 จะไม่ค่อยมีเพราะฉะนั้นพวกนี้จะลดทั้งไข
00:25:25 → 00:25:28 มันแล้วก็ลดทั้งกล้ามเนื้อนะคะโดยเฉลี่ย
00:25:28 → 00:25:31 ที่เขาดูจากงานวิจัยนี้เราคุมอาหารอย่าง
00:25:31 → 00:25:33 เดียวอ่ะค่ะน้ำหนักที่หายไปอ่ะใครมันจะ
00:25:33 → 00:25:36 หายไป 2 ส่วนแล้วข้างจะหายไป 1 ส่วนเนี่ย
00:25:36 → 00:25:39 ฮะเพราะฉะนั้นถ้าระยะยาวเวลาลดแบบนี้ไป
00:25:39 → 00:25:42 ปุ๊บเนี่ยกล้ามเนื้อมันหายไปร่างกายก็จะ
00:25:42 → 00:25:44 ทำให้การผ่านมันลดลงซึ่งมันจะเป็นไปได้
00:25:44 → 00:25:47 ว่าเวลาลดไปซักพักนึงอดอาหารไปสักพักนึง
00:25:47 → 00:25:49 น้ำหนักกว่าจะเริ่มนิ่งแล้วก็จะไม่ลดและ
00:25:49 → 00:25:52 อ่ากินข้าวเดิมก็ไม่ไหวแล้วเนี่ยไหมครับ
00:25:52 → 00:25:55 ที่สำคัญที่มันแย่กว่านั้นคือพอแพ้มันลด
00:25:55 → 00:25:57 ไปเยอะๆค่ะฮอร์โมนบางตัวในร่างกายมันจะ
00:25:57 → 00:26:00 สูงขึ้นแล้วมันจะทำให้เราหิวมากขึ้นล้อ
00:26:00 → 00:26:03 เล่นใครที่อดอาหารเยอะจะรู้ว่ามันได้ระยะ
00:26:03 → 00:26:05 หนึ่งอ่ะที่มันจะทนไหวสักพักนึงน้ำหนัก
00:26:05 → 00:26:08 มันก็จะบับเริ่มนิ่งคนก็จะเริ่มท้อละไว้
00:26:08 → 00:26:12 เนี่ยชั้นทำฉันอดจะตายละนะคะในขณะที่ร่าง
00:26:12 → 00:26:15 กายเค้าจะเพิ่มความหิวในขณะเดียวกันก็จะ
00:26:15 → 00:26:18 ลดกันเขาฐานอันนี้มันถึงบอกว่าเวลาที่ลด
00:26:18 → 00:26:20 น้ำหนักด้วยกันคงมาหามันจะไม่ยั่งยืนค่ะ
00:26:20 → 00:26:24 คือน้อยลงได้คือถ้าเดิมเคยกินเยอะเกินไป
00:26:24 → 00:26:26 ก็คือกินให้น้อยลงแต่ไม่ได้ไหมเข้ามาให้
00:26:26 → 00:26:29 กินแบบกดอาหารใช่ไหมคะไม่ใช่การที่เราจะ
00:26:29 → 00:26:32 ทำให้การตอบฐานเราดีขึ้นอ่ะสมมุติหมาย
00:26:32 → 00:26:34 โอ้ยถ้างั้นถ้าเราอย่างเดียวเมื่อกี้
00:26:34 → 00:26:36 พยายามพูดว่าอันนั้นในกรณีที่เรากินอาหาร
00:26:36 → 00:26:39 เอาคุมอาหารด้วยการลดน้ำหนักขอโทษเราลด
00:26:39 → 00:26:42 น้ำหนักการคุมอาหารอย่างเดียวถูกไหมคะอัน
00:26:42 → 00:26:44 นี้แล้วก็จะทำให้การขอการเราดีขึ้นเนอะ
00:26:44 → 00:26:46 ส่วนใหญ่พวกนี้เราก็จะเพิ่มหน้าถามว่าเรา
00:26:46 → 00:26:49 คงเพิ่มขนาดอย่างอื่นไม่ได้ในอวัยวะเราจะ
00:26:49 → 00:26:51 เพิ่มในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อได้นะคะ
00:26:51 → 00:26:53 เพราะฉะนั้นเนี่ยกันเพิ่มกล้ามเนื้อก็คือ
00:26:53 → 00:26:56 จากการที่เราจะต้องใช้มันนะใช้เยอะมันก็
00:26:56 → 00:26:59 จะมันก็จะโตขึ้นอันที่สองก็คือเราจะต้อง
00:26:59 → 00:27:01 เลี้ยงมันด้วยพี่ปุ๋ยด้วยอ้าปุ๋ยของกล้าม
00:27:01 → 00:27:04 เนื้อคืออะไรคือคือโปรตีนเนี้ยฉันโปรตีน
00:27:04 → 00:27:07 ต้องพอไม่ได้พูดว่าต้องเยอะนะไม่ได้พูด
00:27:07 → 00:27:09 ว่าแบบเขาจะต้องกินแบบมหาศาลกินไก่เป็น
00:27:09 → 00:27:12 ตัวไม่ใช่นะคะกินให้พอนะคะเดี๋ยวจะบอกคือ
00:27:12 → 00:27:15 อะไรแต่ละทีนี้เราก็ต้องออกกำลังด้วยนะไป
00:27:15 → 00:27:17 ซื้อเวย์โปรตีนมากินอย่างนี้แล้วก็นอน
00:27:17 → 00:27:20 นิ่งๆก็ไม่รู้ว่าคงไปขึ้นไม่ออกนะคะเพราะ
00:27:20 → 00:27:22 ฉะนั้นเนี่ยมันก็บอกว่าโอเคเรากินโปรตีน
00:27:22 → 00:27:24 ให้เยอะขึ้นหน่อยใช่ไหมคะเราจะได้อิ่ม
00:27:24 → 00:27:26 ขึ้นและกล้ามเนื้อเราก็จะได้ไม่ได้หายไป
00:27:26 → 00:27:30 และเราก็มีการเพิ่มการขยับตัวอ่ะแต่ว่า
00:27:30 → 00:27:33 เรายอมตายไม่ไหวแล้วก็เพิ่มกันขยับตัว
00:27:33 → 00:27:35 เพื่อด้วยกันได้เราได้ใช้งานนะคะถามว่า
00:27:35 → 00:27:38 โปรตีนต้องกินเท่าไหร่คนทั่วไปประมาณ 0.8
00:27:38 → 00:27:41 ถึง 1 กรัมต่อน้ำหนักกิโลนึงเอาหนึ่งก็
00:27:41 → 00:27:44 ได้ค่ะสมมติเรา 100 ง่ายดีน้ำหนัก 50
00:27:44 → 00:27:50 กิโลใช่ไหมคะก็คือ 5 50 กรัมหัน 10 หนอง
00:27:50 → 00:27:53 หาร 10 จะได้ 5 ต้องการโปรตีนเท่าไหร่กัน
00:27:53 → 00:27:55 แล้วไปหาร 10 นะฮะหาร 10 นะเอ้อได้ตัวเลข
00:27:55 → 00:27:58 นะน้องมาปั๊บเนี่ยมันคือเนื้อสัตว์ที่เรา
00:27:58 → 00:28:01 จะกินเป็นช้อนโต๊ะต่อมื้อสำมีสามมื้อถ้า
00:28:01 → 00:28:04 เราหนัก 50 กิโลกรัมใช่ไหมคะเราต้องการ
00:28:04 → 00:28:06 ประมาณ 50 กรัม
00:28:06 → 00:28:10 59/10 มันก็จะได้ 5 เพราะฉะนั้นเรากิน
00:28:10 → 00:28:13 มื้อนึงประมาณ 5 ช้อนนะคะไหนๆ
00:28:13 → 00:28:16 ไว้ให้ช้อนที่อาจจะกินไปได้เยอะไม่น้อย
00:28:16 → 00:28:20 เลยเยอะๆอันนี้อันนี้คือคิดแบบประเภทไม่
00:28:20 → 00:28:22 แน่ๆนะโปรตีนจากอย่างอื่นเลยนะก็ตีจากนม
00:28:22 → 00:28:25 ก็ไม่คิดไม่คิดว่าไม่กินนมเนี่ยก็คิดว่า
00:28:25 → 00:28:28 แบบเข้าโปรตีนจริงๆเท่านี้โปรตีนอันนี้
00:28:28 → 00:28:30 คือคิดแบบทางเยอะแล้วแหละเพราะฉะนั้นเรา
00:28:30 → 00:28:33 ควรจะบอกว่าคิด 0.8 ก็พอเพราะว่าเดี๋ยว
00:28:33 → 00:28:35 มันจะมีโปรตีนจากคนอื่นๆที่มาอีกอะไรแบบ
00:28:35 → 00:28:38 นี้แล้วแต่ค่ะอยู่ที่มันจุด 8-1 จ่ายค่ะ
00:28:38 → 00:28:42 มีแล้วถ้าบอกว่าไม่กินมื้อเย็นหรือว่ารถ
00:28:42 → 00:28:44 มือเย็นไปเลยเหรอคะอันนี้ช่วยไหมคะอันนี้
00:28:44 → 00:28:46 ก็จะมีคนทำที่เราเรียกว่าเป็น
00:28:46 → 00:28:49 intermittent fasting นะคะเอ่อทำให้
00:28:49 → 00:28:52 ท่านฟาสติ้งก็คือเราอดเหล้าอดเป็นช่วง
00:28:52 → 00:28:54 เวลาคำถามว่าช่วงเท่าไหร่ไม่รู้แต่ที่เขา
00:28:54 → 00:28:57 ทำกันก็คือมากกว่า 12 ชั่วโมงนะคะมากกว่า
00:28:57 → 00:29:00 12 ชั่วโมงในที่นี้คือถ้าอดทั้ง 20 แต่
00:29:00 → 00:29:04 ผมก็อดทั้งวันก็มีคนทำอ่ะมันจะแบ่งเป็น 2
00:29:04 → 00:29:05 กลุ่มนะคะจะไม่เช่นฟาสติ้งก่อนเด้ออ้าย
00:29:05 → 00:29:07 เดี๋ยวให้ดูก่อนว่ามันคืออะไรน้อเดี๋ยวจะ
00:29:08 → 00:29:10 มาเช่นฟาสติ้งนี่คุณหมอคะมันคืออันเดียว
00:29:10 → 00:29:13 กับไอ้ S ไหมคะไทยๆอ๋อบางคนจะรีบมีอยู่ก็
00:29:13 → 00:29:15 หาแต่จริงๆมันก็คือมาจากคำว่า in terms
00:29:15 → 00:29:17 is Ten ชื่อว่าช่วงแล้วก็ฟาสติ้งแต่ว่า
00:29:17 → 00:29:20 อดแล้วคนก็เลยเรียกมันว่าไอ้เอสนะคะทีนี้
00:29:20 → 00:29:23 ตัว i s เนี่ยมันจะมี 2 แบบอันที่ 1 ก็
00:29:23 → 00:29:26 คือเราทุกวันเราจะเรียกว่าเป็น Time
00:29:26 → 00:29:29 rectus ก็คือในแต่ละวันเรามีช่วงเวลาที่
00:29:29 → 00:29:32 อดนะเช่นยกตัวอย่างมาควรจะบอกว่า 16 8
00:29:32 → 00:29:36 ใช่ไหมคะ 56 8 นี่คือเราอด 16 เนาะไม่
00:29:36 → 00:29:40 ใช่กิน 16 เอา 16 แล้วเราก็หาเราก็กิน
00:29:40 → 00:29:43 ข้าว 8 ชั่วโมงเริ่มกินแรกก็นับไปเลย 8
00:29:43 → 00:29:45 ชั่วโมงหลังจากนั้นก็ไม่กินอีกแล้วไม่กิน
00:29:45 → 00:29:48 ในที่นี้คือคำว่าไม่กินในที่นี้คือไม่กิน
00:29:48 → 00:29:51 อาหารที่มีพลังงานคือน้องแคลอรี่ก็เส้น
00:29:51 → 00:29:54 ถามว่าหลังจากหลังจากสิ 8 16 ชั่วโมงที่
00:29:54 → 00:29:56 อดเนี้ยยังกินน้ำได้สมมติจะอยากจะกินกาแฟ
00:29:56 → 00:29:59 ก็กินได้กินชากินได้ที่มันไม่มีพลังงาน
00:29:59 → 00:30:02 อย่างว่ามันจะต่างกันรอมฎอนนิดนึงคือถ้า
00:30:02 → 00:30:05 ใครเป็นมุสลิมแล้วทำเรามาดอนเนี้ยมาดอนจะ
00:30:05 → 00:30:07 เป็นพัดพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกอัน
00:30:07 → 00:30:09 นั้นเขาจะไม่กินอะไรเลยมันจะต่างกันตรง
00:30:09 → 00:30:11 นี้เนาะอันนั้นก็จะไม่น้ำก็ไม่กินเพราะ
00:30:11 → 00:30:14 ว่าถ้าเป็นฟาสติ้งพวกนี้อาย S เนี่ยจะยัง
00:30:14 → 00:30:18 กินได้อยู่อันนี้คือที่ทำทุกวันนะคะแบบ
00:30:18 → 00:30:21 ที่สองคือเวลาอดเนี่ยเขาอดกัน 24 ชั่วโมง
00:30:21 → 00:30:24 อ่ะเค้าจะเรียกว่า
00:30:24 → 00:30:27 5252 นี่คือในอาทิตย์นึงอ่ะค่ะมีสองวัน
00:30:27 → 00:30:31 ที่เขาจะอดหรือนี่แบบนึงก็ได้ว่า adf
00:30:31 → 00:30:34 เทอร์เน็ต A ฟาสติ้งคือบทแล้วก็กินแล้วก็
00:30:34 → 00:30:37 อดหรือกินแล้วอดมากินน่ะสลับวันกันไป
00:30:37 → 00:30:41 อย่างนี้ค่ะก็จะมีคนทำที่นี่ถามว่ามันจะ
00:30:41 → 00:30:43 ช่วยลดน้ำหนักยังไงจริงๆต้องบอกว่าเวลาทำ
00:30:43 → 00:30:46 ให้ f ค่ะมีหลักการอยู่ 2 อย่างที่เขาจะ
00:30:46 → 00:30:50 ใช้อันแรกก็คือเราจะกินน้อยลงนะคะเหตุผล
00:30:50 → 00:30:52 มาว่าระยะเวลากันกินปั้นลง
00:30:52 → 00:30:56 อันที่สองก็คือเขาจะเชื่อว่ามันจะมี
00:30:56 → 00:30:58 เรื่องของ autophagy ที่ซึ่งมันจะเป็น
00:30:58 → 00:31:01 ลักษณะของการกันมีเรื่องอะไรนะเซลล์มัน
00:31:01 → 00:31:03 กินตัวเองเอาง่ายดีกว่าร่างกายออกไปซ่อม
00:31:04 → 00:31:07 แซมอ่ะค่ะเคยได้ยินดีท็อกใช่ไหมคะเรื่อง
00:31:07 → 00:31:09 ที่เค้าพูดดีท็อปแล้วไปอดนอนที่นั่นแล้ว
00:31:09 → 00:31:11 บอกว่านั้นดีอันนี้ดิจริงๆการง่ายมากเลย
00:31:11 → 00:31:14 คือร่างกายเนี่ยช่วงเวลาที่เค้ากินกับ
00:31:14 → 00:31:16 ช่วงเวลาที่เขาอดมันเหมือนเครื่องจักรที่
00:31:16 → 00:31:19 ใช้งานนะคะช่วงเวลาที่เราหยุดใช้งาน
00:31:19 → 00:31:21 เครื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ระบบต้องการจะ
00:31:21 → 00:31:24 เข้ามาแล้วเนี่ยในร่างกายเรานี้จะมีระบบ
00:31:24 → 00:31:27 ในการที่ซ่อมแซมตัวเองนะคะการที่เราหยุด
00:31:27 → 00:31:29 หรือลาฟาร์จเนี่ยจริงๆระบบร่างกายที่ซ่อม
00:31:29 → 00:31:33 ทันเขาก็จะเริ่มมาทำงานแล้วการที่เรากิน
00:31:33 → 00:31:35 อยู่แค่ประมาณ 16 ชั่วโมงเนี่ยจริงๆไม่
00:31:35 → 00:31:37 จำเป็นด้วยนะว่าเราจะกินแค่ 2 มื้อหรือ 3
00:31:37 → 00:31:39 มื้อเลยขอโทษเรากินแค่ 8 ชั่วโมงแล้วมัน
00:31:39 → 00:31:41 ไม่จำเป็นเลยว่าจะกินสองหมื่นสามหมื่นแต่
00:31:41 → 00:31:44 ว่าเอ่อ keyword ที่สำคัญคือเวลาที่เราไป
00:31:44 → 00:31:46 อ่านสังเกตก็จะใช้คำว่าอันลิมิตอุ้มแล้ว
00:31:46 → 00:31:49 ก็คุณหมอกินไม่ยั้งถ้า 8 ชั่วโมงแล้วไป
00:31:49 → 00:31:53 กินบุฟเฟ่ 2 ล้านเนี่ยมันก็ไม่ผอมแนะ
00:31:53 → 00:31:56 ให้ไหมแม่จะไม่ว่าไง
00:31:56 → 00:31:59 ใช่ปะสมมติเดี๋ยวพรุ่งนี้บุฟเฟ่ต์เปิด
00:31:59 → 00:32:02 แล้วฉันจะเอไอเอ็มตัวไปอัดท้ายฉันจะพุ่ง
00:32:02 → 00:32:05 ตัวไป 10:00 ล้านนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวซัก
00:32:05 → 00:32:07 ประมาณเดี๋ยวมาใส่ซองไปอีกร้านนึงโมง
00:32:07 → 00:32:09 ฉะนั้นก็บวกไปอีกแปดชั่วโมง 18:00 นนะ
00:32:09 → 00:32:11 เพราะฉะนั้นเดี๋ยว 4 โมงฉันต้องไปอีกร้าน
00:32:11 → 00:32:14 นึงพอดีเลยสองนั้นเลยเนี่ย
00:32:14 → 00:32:18 ไม่ผอมไม่ใช่อ่ะจริงๆคำว่าอะไรไม่ต้อง
00:32:18 → 00:32:21 หมายถึงว่าเขากินโดยที่เขาไม่ได้ไม่มีข้อ
00:32:21 → 00:32:24 จำกัดในพม่าไงดีล่ะไม่ต้องไปลดนอนไม่ต้อง
00:32:24 → 00:32:27 ไปรถนี่เนี้ยค่ะฉันสมมุติถ้าเข้ากิน
00:32:27 → 00:32:29 เหมือนเดิมเนอะแล้วก็กินได้แค่สองมือพูด
00:32:29 → 00:32:32 ง่ายว่าชาติวันนี้กิน 3 มื้อแล้วลดลง
00:32:32 → 00:32:35 เหลือ 2 Way 3 ยังไงแคลอรี่ก็ลดน้ำหนัก
00:32:35 → 00:32:37 ก็ลดอย่างเงี้ยค่ะแต่ถ้าสมมติว่าบางคนแบบ
00:32:37 → 00:32:41 อุ้ยของกินเยอะๆในช่วงเวลานี้เหมือนเรามา
00:32:41 → 00:32:43 ดอนเมืองควรจะบอกว่าน้ำหนักขึ้นมาคุณว่า
00:32:43 → 00:32:45 เธอบอกว่าน้ำหนักลดอย่างนี้ค่ะเพราะ
00:32:45 → 00:32:46 ฉะนั้นเนี่ยมันอยู่ที่ว่าจะกินตุนไหมอ่ะ
00:32:46 → 00:32:49 ถ้ากินตัวนึงพรุ่งนี้ยังไงก็ไม่ลดอย่าง
00:32:49 → 00:32:52 เงี้ยแต่ถ้ากินเป็นปกติของเขาในช่วงเวลา
00:32:52 → 00:32:55 ที่มันสั้นลงมันก็จะทำให้ว่ากินน้อยลงอัน
00:32:55 → 00:32:57 ที่สองก็คือทำให้มีเวลาให้ร่างกายซ่อมกัน
00:32:57 → 00:33:01 ตัวเองได้ดีขึ้นก็เชื่อว่ามันน่ามีขนใน
00:33:01 → 00:33:05 ระยะยาวกับร่างกายอะไรแบบนี้ค่ะค่ะมีอีก
00:33:05 → 00:33:07 ความเชื่อหนึ่งเหมือนกันค่ะที่บอกว่า
00:33:07 → 00:33:11 เคี้ยวช้าจะทำให้ลดความอยากอาหารได้จริง
00:33:11 → 00:33:15 ไหมคะเขียนเอาจริงๆอันเนี้ยมันเป็นเขาเขา
00:33:15 → 00:33:17 จะเชื่อว่ามันจะผ่าน signal คือเหมือนกับ
00:33:17 → 00:33:20 เวลาที่เรากินนะคะมันมีการส่งสัญญาณกัน
00:33:20 → 00:33:22 เน้อเออเอ่อสมมติมันเริ่มจากเข้าปากวัน
00:33:22 → 00:33:25 นี้ฉันอยู่ละอะพอมันไม่มีอะไรจะกินปั๊บ
00:33:25 → 00:33:28 มันหิวก็หิวพวกนี้สมองก็จะส่งสัญญาณเสร็จ
00:33:28 → 00:33:31 แล้วเราก็จะเริ่มกินกว่าที่เรากินเข้าไป
00:33:31 → 00:33:33 แล้วจนกระทั่งร่างกายเรารับรู้อาหารจะ
00:33:33 → 00:33:36 ต้องผ่านลงไปเอาผ้าลงไปจนถึงลำไส้เล็กค่ะ
00:33:36 → 00:33:39 มันจะเป็นจุดที่เริ่มดูดซึมและอ้าร่างการ
00:33:39 → 00:33:42 และน้ำดื่มอาหารละที่นี้ตรงนี้ค่ะพอร่าง
00:33:42 → 00:33:44 กายได้รับอาหารปุ๊บเขาจะส่งซิกแนวเช่น
00:33:44 → 00:33:47 ทำไมถึงน้ำตาเล็กปุ๊บมันก็จะมีการหลัง
00:33:47 → 00:33:50 ฮอร์โมนตัวนึงไปบอกที่ตับอ่อนว่านี่น้ำ
00:33:50 → 00:33:52 ตาลมาแล้วนะฉันกินแล้วนะเธอตั้งอินซูลิน
00:33:53 → 00:33:56 ได้แล้วแล้วก็ไปบอกสมองว่าณตอนนี้อาหารมา
00:33:56 → 00:33:58 แล้วจ้าไม่ต้องหิวแล้วอ่ะแล้วก็
00:33:58 → 00:34:01 คอมพิวเตอร์จะลดลงใช่ไหม 4 ระยะเวลาเท่า
00:34:01 → 00:34:03 ไหร่กินไปจนถึงข้างล่างเนี่ยที่ลงไปจนถึง
00:34:03 → 00:34:05 กระเพาะไอ้ถึงน้ำใต้เนี่ยมันต้องใช้เวลา
00:34:05 → 00:34:09 ค่ะก็มีคนบอกว่ามัน 20 นาทีเลยเนี้ยเพราะ
00:34:09 → 00:34:11 ฉะนั้น 20 นาทีแรกนะที่หิวในกินเข้าไป
00:34:11 → 00:34:13 เท่าไหร่ก็จะยังไม่รู้สึกเคยไม่รับแบบถึง
00:34:13 → 00:34:16 มากๆแล้วสั่งแบบสมเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือเขา
00:34:16 → 00:34:19 เลยถ้วยชนะ 3 50 ถ้วยคุณกินจริงๆถ้วยอ่ะ
00:34:19 → 00:34:22 แล้วก็ติดถ้วยเสร็จแล้วมันจะรู้สึกว่าโห
00:34:22 → 00:34:24 มันถึงคอมากเลย
00:34:24 → 00:34:28 เมินสั่งมาตามถ้วยแล้วมันอร่อยล่ะตับจะ
00:34:28 → 00:34:30 เรียกอีกปรากฏว่าที่ร้านคนเยอะใช่มั้ยอาจ
00:34:30 → 00:34:33 จะมาไม่ใช่มาจากกินได้แค่ 5 ถ้วยหรือ 6
00:34:33 → 00:34:35 ถ้วยก็อิ่มแล้วอะไรอย่างนี้นะคะเพราะ
00:34:35 → 00:34:37 ฉะนั้นเนี่ยมันก็จะเป็นเทคนิคหนึ่งที่พ่อ
00:34:37 → 00:34:41 เขากินช้าอาจจะมีสติมากขึ้นสัญญาณมึงก็
00:34:41 → 00:34:43 ส่งไปแล้วอันนี้ก็จะได้รู้เอาตอนนี้อิ่ม
00:34:43 → 00:34:47 แล้วนะอะไรแบบนี้ค่ะอันนี้เราพูดถึงอาหาร
00:34:47 → 00:34:50 จานหลักไปแล้วค่ะมาพูดถึงอาหารว่างค่ะ
00:34:50 → 00:34:52 เพราะว่าบางคนก็จะจุ๊บจิ๊บถ้าจะไม่ใช่ตัว
00:34:52 → 00:34:55 ทำงานแล้วจะเป็นตัวคุ้มครวงแล้วตอนนี้ก็
00:34:55 → 00:34:58 คือมีของกินเล่นเต็มโต๊ะไปหมดเลยกรณีของ
00:34:58 → 00:35:01 ว่างขึ้นบ่มีคำแนะนำแต่บางคนหิวระหว่าง
00:35:01 → 00:35:04 วันระหว่างนี้อันและก่อนถ้าต้องถามตัวเอง
00:35:04 → 00:35:08 กันนะว่าหิวหรืออย่างอันนี้สติต้องมาก่อน
00:35:08 → 00:35:09 นะ
00:35:09 → 00:35:12 มันเคยมีเทคนิคของทางจิตวิยานิดนึงอ้ะบอก
00:35:12 → 00:35:15 ว่าถ้าเราจะกินปุ๊บเนี่ยเราให้เราจดไปเลย
00:35:15 → 00:35:18 ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วกินอะไรแล้ว
00:35:18 → 00:35:21 เป็นเพราะเราหิวเราอยากกดมันไม่ต้องสนใจ
00:35:21 → 00:35:24 แล้วจะทั้งวันแล้วมาดูซิว่าตอนเย็นนะคะ
00:35:24 → 00:35:27 สิ่งที่เรากินน่ะมันจะกินด้วยความหิวว่า
00:35:27 → 00:35:30 เท่าไหร่มันน่าจะอยากมีเพื่อนมาให้มันวาง
00:35:30 → 00:35:33 อยู่บนโต๊ะวิของจะหมดอายุแล้วร้านนี้
00:35:33 → 00:35:36 อร่อยอยากกินมา 2 วันแล้วอย่างเงี้ยเนี่ย
00:35:36 → 00:35:39 ไหมคะจะมีรีมาร์คไว้ละให้เรามาดูว่าของ
00:35:39 → 00:35:41 ที่เรากินที่เราได้ว่าเนสเซสเซอรี่คือ
00:35:41 → 00:35:44 จำเป็นคือเราหิวเนี่ยมีเท่าไหร่การที่สอง
00:35:44 → 00:35:48 คือเหมือนเป็นอะไรอ่ะสิมีกันอยากกินอะไร
00:35:48 → 00:35:51 อย่างนี้มีเท่าไหร่เนี้ยอ่ะพอพอเราเห็น
00:35:51 → 00:35:53 ปุ๊บแล้วเราจะรู้ว่าจริงๆแล้วอ่ะถูก Drive
00:35:53 → 00:35:56 หรือถูกแบบกินด้วยความอยากมันเยอะกว่า
00:35:56 → 00:35:59 เพราะฉันสมมุติถ้าเราบอกว่าเราอยู่ที่
00:35:59 → 00:36:01 บ้านเนาะ We Are ของอาจจะบับเราต้องเป็น
00:36:01 → 00:36:04 คนเลือกเข้ามาแล้วเราจะกินแล้วต้องตั้ง
00:36:04 → 00:36:07 บรรยากาศมันต้องแล้วกันว่าไม่ใช่ต้องไม่
00:36:07 → 00:36:10 จะลดพวกมันเมื่อกี้ต้องไปแอบคนที่ 1 เรา
00:36:10 → 00:36:13 เลือกซื้อมาก่อนเช่นสมมติว่าถ้าเราจะไป
00:36:13 → 00:36:15 ซุปเปอร์มาร์เก็ตอาทิตย์ละครั้งเพราะเรา
00:36:15 → 00:36:17 กลัวใช่ไหมคะโควิชโอเคเราซื้อมาเสร็จแล้ว
00:36:17 → 00:36:20 ผมได้เราก็จะแบ่งคิดไว้เลยอย่างเงี้ยเรา
00:36:20 → 00:36:22 ก็แบ่งไว้เป็นชิ้นเล็กๆหรือเราจะซื้อ
00:36:22 → 00:36:25 snack snack box หรือ snap กันถุงเลย
00:36:25 → 00:36:28 เนี้ยไม่รู้คนอื่นจะซื้อถุงละ 20 บาทนี้
00:36:28 → 00:36:29 ฉันจะซื้อถุงละ 5 บาทให้กินแล้วแบบปรืดหา
00:36:29 → 00:36:33 ยากซื้อมาทีละถุงอะไรเงี้ยอ้าก็จะซื้อถุง
00:36:33 → 00:36:35 เล็กไว้หรือไม่ก็เก็บเอาไว้เลยกินนะกินที
00:36:35 → 00:36:38 ละส่วนอะไรแบบนี้ค่ะแล้วก็ตั้งเวลานิดนึง
00:36:38 → 00:36:41 คือคืออาจจะต้องบอกว่าเวลานี้มันเป็นมัน
00:36:41 → 00:36:43 เป็น snack คือถ้าสมมุติว่าเป็นคนที่ดับ
00:36:43 → 00:36:47 มันมีทีท่ามี Coffee Break นะฮะมันก็จะ
00:36:47 → 00:36:49 ต้องเป็นเวลามันไม่ใช่แต่ว่า or the
00:36:49 → 00:36:53 time อะไรแบบนี้ค่ะมีเมนูแนะนำไหมคะไม่
00:36:53 → 00:36:56 รู้แนะนำหมายถึงอาหารว่างหรือว่าไม่ได้
00:36:56 → 00:36:58 ชั่วพวกอาหารว่างอะไรพวกนี้ค่ะที่แบบกิน
00:36:58 → 00:37:00 อาจจะเป็นตัวอย่างเมนูที่แต่พอจะกินเป็น
00:37:00 → 00:37:04 อาหารว่างแล้วเราไม่ไม่ไม่อันตรายกับ
00:37:04 → 00:37:07 สุขภาพมากก็ถ้ามันเป็นพวกมึงก็พูดนะคะก็
00:37:07 → 00:37:10 กินก็พูดทั้งหลายค่ะอันที่หนึ่งเนาะก็ไม่
00:37:10 → 00:37:13 ใช่เป็นของทอดชนะสั่นไม่ใช่ของทอดไม่ใช่
00:37:13 → 00:37:16 แบบพวกของระยะปิ้งย่างไปยังพอได้อย่าง
00:37:16 → 00:37:18 เนี้ยอะที่ให้ดูว่าจะเป็นพวกของตลาดใช่
00:37:18 → 00:37:20 ไหมคะแต่ว่าสลัดอย่างนี้คือทำให้มันเป็น
00:37:20 → 00:37:23 จริงก็กูทำไม่เป็นชิ้นเล็กๆแล้วอันนี้
00:37:23 → 00:37:25 เป็นสลัดทูน่าค่ะแล้วก็ใส่เป็นแป้งเป็น
00:37:25 → 00:37:28 ตอติญ่าอันนี้เรามาหันเป็นชิ้นเล็กๆแล้ว
00:37:28 → 00:37:31 ก็จะได้พอดีคำอย่างนี้ค่ะอ่าถ้าสมมติว่า
00:37:31 → 00:37:33 เราไม่มีแป้งตอติญ่าแล้วจะใช้อะไรเราจะ
00:37:33 → 00:37:35 ใช้เป็นแป้งปอเปี๊ยะก็ได้อ่านนี้เราจะใช้
00:37:35 → 00:37:37 เป็นแบบเหมือนก๋วยเตี๋ยวลุยสวนอย่างนี้
00:37:37 → 00:37:40 ค่ะที่ใช้เป็นแป้งก๋วยเตี๋ยวก็ได้ใช่
00:37:40 → 00:37:43 ลักษณะนี้จะได้หรือว่าถ้าบอกว่าเราถ้ามี
00:37:43 → 00:37:46 ขนมปังหล่ะขนมปังก็ได้ค่ะแต่แล้วก็มาหัน
00:37:46 → 00:37:49 เป็น 4 ชิ้นตามทแยงนะคะเพราะฉะนั้นคู่มัน
00:37:49 → 00:37:51 ก็จะได้ตั้ง 4 ชิ้นเลยเนี้ยเราทำให้มัน
00:37:51 → 00:37:54 เป็นชิ้นเล็กๆแล้วมันจะดูเต็มจานแล้วมัน
00:37:54 → 00:37:57 จะดูเยอะแล้วอย่าใช้ด่านใหญ่เวลาวางแล้ว
00:37:57 → 00:37:59 ก็คิดว่าจะกินแค่นี้เพราะฉะนั้นเนี่ยมัน
00:37:59 → 00:38:01 ก็จะทำให้แม้ว่าฉันจะกินแล้วนะอะไรอย่าง
00:38:01 → 00:38:05 นี้ค่ะหนึ่งทีก็ของที่เลือกควรจะเป็นของ
00:38:05 → 00:38:08 ที่โปรตีนเยอะนิดนึงขอโทษทีมันจะได้ทำให้
00:38:08 → 00:38:11 เราอิ่มขึ้นอย่างนี้ค่ะแต่อย่างโปรตีนจาก
00:38:11 → 00:38:14 ทูน่าเนี่ยถ้าสมุดไปแทนที่ด้วยไม่ใช่
00:38:14 → 00:38:18 ทูน่าเนี่ยคุณหมอแนะนำนะคะไอ้พวกใส่กหมู
00:38:18 → 00:38:21 ยออะไรพวกนี้ที่มันเป็นมันก็จะมีโซเดียม
00:38:21 → 00:38:24 เยอะขึ้นอันที่สองก็คือพวกนี้จะเป็นเขา
00:38:24 → 00:38:25 เรียกว่าเป็นพอเสร็จเป็นอาหารแปรรูปใช่
00:38:25 → 00:38:28 ไหมคะพวกไส้กรองทั้งหลายเนี่ยจริงๆแล้ว
00:38:28 → 00:38:30 มันก็จะมีแบบอับไขมันค่อนข้างเยอะนะที่
00:38:30 → 00:38:32 เรากินแล้วนิ่มๆนะคะเพราะฉะนั้นในส่วนของ
00:38:32 → 00:38:34 ไขมันก็จะมีค่อนข้างเยอะที่สองก็คือมันจะ
00:38:34 → 00:38:36 มีโซเดียมเยอะถ้าใครที่มีโรคประจำตัวอยู่
00:38:36 → 00:38:39 ด้วยเราไม่ได้ต้องการให้มีโซเดียมเยอะๆ
00:38:39 → 00:38:42 เดี๋ยวตัวจะบวมอันนี้ก็ไม่ได้แนะนำนะคะนะ
00:38:42 → 00:38:45 คะแล้วจะเป็นคนนั้นอันนี้ 3 คืนถ้าบอกว่า
00:38:45 → 00:38:47 ให้แนะนำอีกทีหนึ่งก่อนจะเป็นพวกของผลไม้
00:38:47 → 00:38:51 ก็ได้ค่ะเป็นผลไม้ก็น่าจะได้อะหรือว่าถ้า
00:38:51 → 00:38:54 ไม่อย่างนั้นเนี่ยจริงๆถามว่าเป็นลูกชิ้น
00:38:54 → 00:38:56 พอไหวไหมแต่ว่าลูกชิ้นบัญชีก็จะมีแป้งนี้
00:38:56 → 00:39:00 เกลือพอสมควรอะไรแบบนี้ค่ะเป็นผลไม้ก็ก็
00:39:00 → 00:39:05 ได้ค่ะกินฮอดอีกโหสิคะอ๋ออ๋อค่ะอันนี้ 2
00:39:06 → 00:39:09 เดี๋ยวนะจริงๆก็กินทีละนิดอะไรแบบนี้ก็พอ
00:39:09 → 00:39:10 ได้อยู่
00:39:10 → 00:39:14 จ่ายได้ค่ะบางอย่างคะคุณหมอบางคนก็ประเภท
00:39:14 → 00:39:17 ว่าแทบทานที่จะคิดว่าควรจะไม่กินอะไรนะคะ
00:39:17 → 00:39:21 ก็พยายามหาว่าฉันจะกินอะไรดีเพื่อให้ไม่
00:39:21 → 00:39:23 อ้วนนะคะก็จะมีหลายอย่างที่เราเชื่อว่า
00:39:23 → 00:39:25 โอนเป็นคำเป็นคำพูดที่ดีเนาะแทนที่จะคิด
00:39:25 → 00:39:27 ว่าไม่กินอะไร
00:39:27 → 00:39:29 ไม่อยากจะอ่อนหาว่าเล็กกินแล้วไม่อ้วน
00:39:29 → 00:39:34 อยู่พูดแบบพูดแบบจับวงในเลยทีนี้มันมี
00:39:34 → 00:39:36 อะไรหลายๆอย่างที่คนจะเชื่อเขาใช้พวกเลย
00:39:36 → 00:39:39 นะคะนักช็อกโกแลตโยเกิร์ตน้ำผลไม้อะไร
00:39:39 → 00:39:42 พรุ่งนี้ค่ะจริงๆแล้วมันช่วยควบคุมน้ำ
00:39:42 → 00:39:45 หนักได้มากน้อยแค่ไหนคะเอ่อในส่วนของ Dark
00:39:45 → 00:39:47 Chocolate เนอะจริงๆถ้าจะกินอ่ะเขาใจกิน
00:39:47 → 00:39:50 ชิ้นเล็กๆถ้าเกิด in ทั้งๆอะมันก็เยอะ
00:39:50 → 00:39:53 เลือกไหมคะสมมติแพ่งเนี่ยมัน 600 แคลอรี่
00:39:53 → 00:39:56 ใช่ปะแท่งใหญ่ที่เราซื้อมาเนี่ยเวลาเรา
00:39:56 → 00:39:58 หารถ้าเราหันเป็นชิ้นเล็กๆแล้วเรากินทีละ
00:39:58 → 00:40:01 ชิ้นเล็กๆค่ะแต่มันก็ยังพอได้เนาะถามว่า
00:40:01 → 00:40:04 ดีกว่าในกรณีที่เราจะไปกินกับโกโก้เย็น 1
00:40:04 → 00:40:06 แก้วหรือว่าดีกว่าที่เราจะเป็นเรือเป็น
00:40:06 → 00:40:09 Milk Chocolate น้ำยาขาดหรือว่าเป็นพวก
00:40:09 → 00:40:12 ของ Swiss Chocolate จริงๆมันต้องดูอดา
00:40:12 → 00:40:14 ช็อคโแลตเนี่ยถามว่าความดีของมันก็คือมัน
00:40:14 → 00:40:17 จะมีพวกที่เป็นคะเล็กสารต้านอนุมูลอิสระ
00:40:17 → 00:40:19 ใช่ไหมคะคนก็จะบอกว่าช็อกโกแลตดีอ่ะถูก
00:40:19 → 00:40:21 ค่ะแต่เวลาที่เราดูดักครับและดู
00:40:21 → 00:40:23 เปอร์เซ็นต์ช็อกโกแลตด้วยเพราะว่าถ้าเกิด
00:40:23 → 00:40:26 เปอร์เซ็นต์ยิ่งเยอะมันจะยิ่งเข้มยิ่งขม
00:40:26 → 00:40:28 นะครับพรุ่งนี้ก็จะเยอะแต่ว่าอาจจะไม่ได้
00:40:28 → 00:40:30 ถูกปากเราอย่างเงี้ยถ้าเราเปอร์เซ็นต์
00:40:30 → 00:40:33 ต่างๆเช่นบอกว่าเป็นช็อกโกแลตแต่ 30%
00:40:33 → 00:40:35 อย่างเงี้ยอันนี้มันจะเป็น Milk
00:40:35 → 00:40:36 Chocolate ไปและหรือจะเป็นแบบนี้
00:40:36 → 00:40:39 ช็อกโกแลตละผู้ที่มีน้ำตาลค่อนข้างเยอะ
00:40:39 → 00:40:42 เนี้ยค่ะเป็นแทนที่มันจะเป็น 600 มันจะ
00:40:42 → 00:40:45 บวก on top ด้วยตัวของน้ำตาลอีกนะคะเล่น
00:40:45 → 00:40:47 ถามว่าในบรรดาช็อกโกแลตจะกิน Dark Shock
00:40:47 → 00:40:50 และโอเคเนี่ยแคลอรี่ต่ำกว่าในแง่ของการ
00:40:50 → 00:40:53 ที่จะได้พวกของสังขารนั้นไม่สละแต่ว่าจะ
00:40:53 → 00:40:56 ให้ดูท่าว่ากินทั้งแท่งใหญ่ขนาดเนี้ยมัน
00:40:56 → 00:40:58 ก็ได้ 600 แคลอรี่คือเท่ากับข้าวจานนึง
00:40:58 → 00:41:03 แล้วอ่ะตีมาเที่ยวกันโอล่าอ่ะคะว่าเป็น
00:41:03 → 00:41:06 ปลารูปลักษณะของตัวของผลิตภัณฑ์นะคะขึ้น
00:41:06 → 00:41:08 ทรงราชย์กินนี้มันจะมี 2 แบบคือแบบที่มี
00:41:08 → 00:41:11 น้ำตาลก็มีแบบไม่มีน้ำตาลใช่ป่ะถ้ามีน้ำ
00:41:11 → 00:41:14 ตาลแคลอรี่มันก็จะเยอะอีกอ่ะแล้วก็พวกนี้
00:41:14 → 00:41:17 นะคะเวลากินเขาก็สมนมพวกเกินโอลานี้จริงๆ
00:41:17 → 00:41:19 แล้วก็บอกว่าส่วนตัวนั้นจะรู้สึกว่ามัน
00:41:19 → 00:41:21 เป็นของที่จะสำหรับคนที่อยากจะเพิ่มน้ำ
00:41:21 → 00:41:24 หนักในแล้วแต่ที่อาจจะดูว่ามัน Healthy
00:41:24 → 00:41:26 นิดหน่อยเพราะเวลาทำพวกเนี้ยอ้ะมันจะมี
00:41:26 → 00:41:29 พวกที่ณตเตอร์มีพวกเลยมีพวกน้ำผึ้งมีพวก
00:41:29 → 00:41:31 อะไรเงี้ยใส่เข้าไปแล้วก็ใส่ก็ธัญพืชเข้า
00:41:31 → 00:41:34 ไปจะมันก็จะมีไฟเบอร์อย่างนี้ครับแต่ว่า
00:41:34 → 00:41:37 ถามส่วนตัวคงไม่ได้คิดว่าจะเป็นของที่
00:41:37 → 00:41:40 เป็นลดน้ำหนักถ้าถามว่า R สมมุติสมมุตินะ
00:41:40 → 00:41:42 ว่าอยากจะกินแล้วมันดู Healthy หน่อยแล้ว
00:41:42 → 00:41:45 จะใช้อันนี้ใช่ไหมคะกินสองทั้งที่ 200
00:41:45 → 00:41:49 แคลอรี่ค่ะอิ่มไหมอ่ะคะ
00:41:49 → 00:41:52 น่าจะเป็นแบบเหมือนกันละบานเนี่ยมันจะ
00:41:52 → 00:41:55 เป็นของที่แบบคนในกีฬาหายกตัวอย่างเช่น
00:41:55 → 00:41:58 พวกปิ้งใช่มั้ยเอาวิ่งมาราธอนหรือแบบ
00:41:58 → 00:42:00 Power Bar
00:42:00 → 00:42:02 อันนี้จะพกไว้อ่ะค่ะมันจะเป็นเอ่อที่บาร์
00:42:02 → 00:42:07 นะคะแล้วน้ำผลไม้นะคะบางคนบอกเนี่ยสุขภาพ
00:42:07 → 00:42:10 ดีกินน้ำผลไม้ละกันต้มแก้วนี้ใครต้องกี่
00:42:10 → 00:42:13 รูน้ำส้มแก้วนี้จะต้องกินลูกเอาส้อมสดต้น
00:42:13 → 00:42:18 ขั้นเลย 4 ลูก R34 มาเป็นอย่างน้อยหรือ
00:42:18 → 00:42:21 เปล่าน่ารักขึ้นในเวลากิน 3-4 ลูกอิ่มป่ะ
00:42:21 → 00:42:23 ล่ะไม่
00:42:23 → 00:42:26 ให้เรากินเวลาที่เราดื่มน้ำเมื่อกี้บอก
00:42:26 → 00:42:28 ว่านะคะว่าเราต้องการสัญญาณใช่ไหมคะเวลา
00:42:28 → 00:42:31 ที่มันเป็นน้ำปั๊บเนี่ยมันจะลงไปอย่างทัน
00:42:31 → 00:42:35 ทีเลยฉันนี่มันเร็วมากนะว่ามันเร็วปุ๊บ
00:42:35 → 00:42:37 เนี่ยมันยังไม่ทันจะมีซิกน่าอะไรเลยความ
00:42:37 → 00:42:39 จริงจะไม่มีครั้งเดียวก็เพราะเราแล้วก็
00:42:39 → 00:42:42 เพราะเราไม่มีการขยายใดๆเราใช่ไหมครับแต่
00:42:42 → 00:42:44 ถ้าสมมติเรากินต้มมาเป็นลูกส่วนที่เป็น
00:42:44 → 00:42:47 การย้ายช่ายในส่วนที่เป็นกาดใหญ่นะคะแล้ว
00:42:47 → 00:42:49 มันก็ค่อยๆเคี้ยวเหมือนเมื่อกี้บอกเลย
00:42:49 → 00:42:52 ฉลากถ้าใช้หลักการของการเคี้ยวอ้ะกินต้ม
00:42:52 → 00:42:55 ทั้งลูกอ่ะแล้วค่อยกินไปอ่ะมันจะอิ่มเร็ว
00:42:55 → 00:42:58 ที่เราจะกินน้ำส้มนะคะอันนี้สองคือน้ำส้ม
00:42:58 → 00:43:00 แก้วเนี่ยเวลาที่เราค้าแต่ถ้าสมมติเราบอก
00:43:01 → 00:43:03 ว่าน้ำมันลมอ้ะมันมีแคลอรี่เยอะเราก็กิน
00:43:03 → 00:43:06 แล้วอ้วนแคลอรี่จากน้ำผลไม้เพราะๆว่าลง
00:43:07 → 00:43:11 อ่ะอ่ะห้องพอกันไม่ได้ต่างกันมากค่ะเพราะ
00:43:11 → 00:43:13 ว่าอันอย่างนี้สมมุติบอกว่าในกรณีของ
00:43:13 → 00:43:16 บรรจุกล่องเล็กนะคะเนี่ยเก้าสิบเนี่ย
00:43:16 → 00:43:18 กล่องเล็กกับ 2 เล็กคือประมาณ 180 หรือ
00:43:18 → 00:43:21 อะไรอย่างนี้เลยนะคะใช่เลขขณะที่บอกว่า 90
00:43:21 → 00:43:24 แคลอรี่ใช่ปะในการที่น้ำอัดลมอ่ะกระป๋อง
00:43:24 → 00:43:28 นึงอ้ะ 325 นั้น 150 แคลอรี่ก็ไม่ต่างกัน
00:43:28 → 00:43:32 นะคะค่ะโยเกิร์ตค่ะบางคนบอกว่ากินโย
00:43:32 → 00:43:35 เกิร์ตช่วยได้โยเกิร์ตโอเคนะถ้าสมมติมัน
00:43:35 → 00:43:37 เป็นผู้โยเกิร์ตที่เป็นรสธรรมชาติเพราะ
00:43:37 → 00:43:39 ว่ามันจะไม่มีการปรุงแต่งแล้วเราก็จะได้
00:43:39 → 00:43:41 ส่วนที่มันเป็นอันที่หนึ่งแล้วก็จะได้
00:43:41 → 00:43:43 ทั้งเสี้ยมใช่ไหมคะอันนี้ 200 ได้โปรตีน
00:43:43 → 00:43:46 เนาะอันนี้ 3 คือในกรณีของคนที่มีปัญหา
00:43:46 → 00:43:49 เรื่องของน้ำตาลนมย่อยไม่ได้นี้ค่ะกิน
00:43:49 → 00:43:52 แล้วท้องอืดกินแล้วท้องเสียนี่ก็จะได้นะ
00:43:52 → 00:43:55 คะอันนี้ 4 ก็อาจจะได้เรื่องของตัวที่เรา
00:43:55 → 00:43:57 หรือว่าจุลินทรีย์มีชีวิตอ่าซึ่งอาจจะมี
00:43:57 → 00:44:00 ผลดีกับร่างกายอันนี้ต้องบอกว่าดีแล้วก็
00:44:00 → 00:44:02 ต้องกินปริมาณเยอะแล้วแบบมีการเติมโน่น
00:44:02 → 00:44:05 เติมนี่เยอะแยะเช่นเติมน้ำตาลเข้าไปแต่ง
00:44:05 → 00:44:07 รถตรงแต่งเยอะแยะอะไรอย่างเงี้ยก็จะต้อง
00:44:07 → 00:44:10 บอกว่าเออมันก็อาจจะมีปัญหานิดนึงชนิด
00:44:10 → 00:44:12 สมมุติจะกินแบบนี้เนี่ยซื้อเป็นโยเกิร์ต
00:44:12 → 00:44:15 ธรรมชาติค่ะแล้วหันผลไม้นะค่ะเป็นชิ้น
00:44:15 → 00:44:17 เล็กๆน้องเป็นเหมือนลูกเต๋าหรือระยะใส่ลง
00:44:17 → 00:44:21 ไปบวกใส่ผู้ที่เป็นธัญพืชอ่ะใส่ลงไปนิด
00:44:21 → 00:44:23 นึงมันจะทำให้เราอิ่มขึ้นอ่ะแล้วมันก็
00:44:23 → 00:44:27 เป็นของว่างได้เลยค่ะแต่เรานี่ก็จะต่ำมี
00:44:27 → 00:44:30 อีกเมนูหนึ่งที่คนถามเข้ามานะคะโวคาโดค่ะ
00:44:30 → 00:44:31 หมอ
00:44:31 → 00:44:34 เอาคอนโดคนจะเขาบอกว่าโอเคไม่เป็นไรที่
00:44:34 → 00:44:39 มันมีชีวิตมีเยอะนะคะจะบอกมีฮะแล้วก็เป็น
00:44:39 → 00:44:41 ของที่มันๆนิดนึงเพราะฉันพวกนี้จะมี
00:44:41 → 00:44:43 เหมือนกับแฟ้บอยู่พอสมควรแล้วก็จะมี
00:44:43 → 00:44:46 ไฟเบอร์เยอะพอสมควรด้วยแคลอรี่ของโมคาร์
00:44:46 → 00:44:48 โด้ค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะคะถ้าเทียบ
00:44:48 → 00:44:50 เนาะนั้นถ้าสมมติว่าจะทานำคอนโดเนี่ยทาน
00:44:50 → 00:44:52 ได้เอามาเอามาเป็นส่วนประกอบของอาหารแต่
00:44:52 → 00:44:56 ว่าถ้าถามว่ากินลดความอ้วนมั้ยในบางบัง
00:44:56 → 00:44:59 อันนี้ต้องบอกว่าถ้าใครจะกินเนี่ยกับ
00:44:59 → 00:45:03 สไตล์ตัวที่โตค่ะที่อยากจะกินผลไม้กินกิน
00:45:03 → 00:45:05 อารมณ์แบบเหมือนได้ได้กินผักกินผลไม้แต่
00:45:05 → 00:45:08 ว่าไม่มีตังค์ไม่มีน้ำตาลเยอะเขาก็จะกิน
00:45:08 → 00:45:11 อะไรคนนี้ค่ะแต่ถามว่าเอากินแล้วลดน้ำ
00:45:11 → 00:45:14 หนักหรือเปล่าอันนี้จะต้องบอกว่าเนี่ยทาง
00:45:14 → 00:45:17 ลูกก็ 240 แคลอรี่เอาไว้ 40 cal ถามว่า
00:45:17 → 00:45:20 เท่าไหร่ทรงขนาดเท่ากับบ้านผู้หญิงหรือ
00:45:20 → 00:45:24 เท่าลูกแค่นี้ค่ะลูกนึงอ่ะประมาณสัก 60
00:45:24 → 00:45:28 ไม่รู้ยังงั้นหรือว่าถ้าเรามีจะลองเจ้า
00:45:28 → 00:45:31 กาแฟเล็กๆๆเข้าออกนะเออแล้วเราเห็นผลไม้
00:45:31 → 00:45:34 เป็นชิ้นพอดีคำนะวางเรียงกันชั้นเดียวไม่
00:45:34 → 00:45:37 เป็นสังฆภูมิอันนี้จานนึงก็ประมาณ 60
00:45:37 → 00:45:39 แคลอรีเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ลองดูภาพว่าถ้า
00:45:39 → 00:45:42 อย่างเงี้ยเราจะกินทั้งลูกค่ะไปกินผลไม้
00:45:42 → 00:45:45 ที่มันแบบอย่างเงี้ยน่าจะดีกว่าหรือว่า
00:45:45 → 00:45:48 เป็นเงาะสัก 2-3 ลูกอะไรเงี้ยก็พอได้อยู่
00:45:48 → 00:45:51 แต่ผลไม้ก็ต้องเลือกใช่ไหมคะไม่ใช่ว่า
00:45:51 → 00:45:54 ผลไม้ที่แบบทุเรียนเลยคุณหมอบอกว่าใส่จาน
00:45:54 → 00:45:58 มาทุเรียนมามะม่วงอกร่องมาอะไรหวานๆมา
00:45:58 → 00:46:00 อย่างนี้ก็ต้องเลือกเหมือนกันทำงานค่ะ
00:46:00 → 00:46:02 เหมือนที่พี่ยอมบอกเมื่อสักครู่เลยว่ามัน
00:46:02 → 00:46:04 เป็นที่บริมาณคืออย่างนี้ก็เลยคะโวคาโด้
00:46:04 → 00:46:07 ยิงนะคะถ้าถ้าเกิดเราไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก
00:46:07 → 00:46:09 ระหว่างเรียงนะคะหัวเราะหั่นเป็นชิ้นเล็ก
00:46:09 → 00:46:12 ๆเนาะแล้วระวังลิงชั้นเดียวอ้ะมันก็จะได้
00:46:12 → 00:46:16 ประมาณค่อนค่อนค่อนไม่ถึงลูกไม่
00:46:16 → 00:46:18 ถึงลูกพี่เราอย่างนี้ให้ๆและวางเรียงกัน
00:46:18 → 00:46:21 ก็มัน 60 แคลอรีสูงนี้ใช่ไหมคะหรือว่าถ้า
00:46:21 → 00:46:24 เป็นทุเรียนนึงนะคะมันน่าจะต้องแบบว่าเศษ
00:46:24 → 00:46:27 หนึ่งในสี่ฟูเลยอ่ะคือมันน้อยมากจริงๆถ้า
00:46:27 → 00:46:30 ผมจะกินอ่ะใช่ไหมคะเราจะเนี่ยถามว่าถ้าจะ
00:46:30 → 00:46:32 กินก็กินได้อย่างวันนี้มีโควต้าให้กิน
00:46:32 → 00:46:34 ผลไม้ผักผลไม้เนี่ยรวมกัน 5 ส่วนคือ 5
00:46:34 → 00:46:37 กรรมอื่นเงี้ยเออถ้าจะกินก็ยังพอได้อยู่
00:46:37 → 00:46:40 นะแต่ว่าก็จะต้องเป็นรถอย่างอื่นอะไรแบบ
00:46:40 → 00:46:43 นี้ค่ะฉันบอกว่าช่วงนี้บอกว่าอะไรมังคุด 6
00:46:43 → 00:46:46 โหลร้อยอ่ะซื้อมาแล้วบังเอิญแบบช่วยชาว
00:46:46 → 00:46:50 สวนอะพวกนี้หมดแล้วนี้จะจะหกร้อยแล้วทุก
00:46:50 → 00:46:53 วัน 6 โลก็คงไม่ได้เนาะน้ำตาลคงแบบมากมาย
00:46:53 → 00:46:55 ก่ายกองเลยเนี้ยเพราะในปริมาณที่เหมาะสม
00:46:55 → 00:46:59 ค่ะกฎหมายทุกอันแต่ว่าถ้าเป็นไปได้ขอเป็น
00:46:59 → 00:47:02 ผลไม้สดถ้าไม่เอาผลไม้อบแห้งเพราะมีเอา
00:47:02 → 00:47:05 น้ำออกปริมาณมันจะเล็กลงทันทีนึงถ้า
00:47:05 → 00:47:08 ลูกเกตุค่ะเวลาเรากินองุ่นน่ะกว่าจะ
00:47:08 → 00:47:11 ลูกเกดกับมือเราอาจจะเป็นองุ่นทั้งควง
00:47:11 → 00:47:13 เพราะมันทำให้มันเล็กลงเราไม่ออกแต่ไม่อบ
00:47:13 → 00:47:16 แห้งเนอะอันนี้สองก็คือเราไม่เอาพูดอะไร
00:47:16 → 00:47:18 กระป๋องพรุ่งนี้น้ำตาลคนค่อนข้างเยอะกิน
00:47:18 → 00:47:22 หน่อไม้สดค่ะแมวน้ำผลไม้ถ้าเกิดเป็นไม่
00:47:22 → 00:47:26 ได้เคาะเป็นขอเป็นกล่าวเลยเหรอเนี้ยคะบาง
00:47:26 → 00:47:27 คนเหมือน
00:47:27 → 00:47:31 อย่างติดหวานนะคะคือพอรอบอกว่าเนี่ยกิน
00:47:32 → 00:47:35 แล้วก็ชอบกินขนมคุณหมอมีคำแนะนำไหมคะ
00:47:35 → 00:47:38 สำหรับคนที่รู้สึกว่าอยากจะลดน้ำหนักแต่
00:47:38 → 00:47:42 ว่าชอบกินขนมชอบกินของหวานนะคะคือมันมี 2
00:47:42 → 00:47:44 แบบค่ะอันที่ 1 คือบางคนกินข้าวกินของคาว
00:47:44 → 00:47:47 เสร็จแล้วเนี่ยเขาจะต้องแบบอยากทานอะไร
00:47:47 → 00:47:50 ที่มันมีรสชาติหวานขึ้นอาจจะเป็นเพราะว่า
00:47:50 → 00:47:52 อาหารเราลดจากเรือหาเราค่อนข้างเค็มเพราะ
00:47:52 → 00:47:54 ฉะนั้นเนี่ยมันก็เลยทำให้รสชาติเป็นยัง
00:47:54 → 00:47:57 ปิดลิงค์อยู่อย่างเนี้ยค่ะอะไรที่ถ้า
00:47:57 → 00:47:59 สมมตินะว่ากินข้าวเสร็จเป็นอาหารหลัก
00:47:59 → 00:48:01 เสร็จแล้วเอาไปแต่มาดูเอาแปรงฟันเสร็จ
00:48:01 → 00:48:03 แล้วลองมาดูซิว่าเราจะยังอยากเผือกยัง
00:48:03 → 00:48:06 อยากอยู่หรือเปล่ามาคุณก็จะหายไปนะคะอัน
00:48:06 → 00:48:08 นี้ 2 นะถ้าสมมติว่ายังรู้สึกว่าติดหวัง
00:48:08 → 00:48:11 อยู่เนี้ยค่ะให้ใช้วิธีเจือจางมันลงมานิด
00:48:11 → 00:48:12 นึง
00:48:12 → 00:48:15 ยังได้กินอยู่อ่ะหรืออย่างสมมติที่บอกไม่
00:48:15 → 00:48:17 อยากจากที่ชอบกินน้ำผลไม้ขอเป็นผลไม้สด
00:48:17 → 00:48:21 ก่อน 1 ค่ะแล้วพยายามเติมในส่วนที่เป็น
00:48:21 → 00:48:23 น้ำเปล่าเข้าไปเยอะๆบางคนเนี้ยเขาก็ดับ
00:48:23 → 00:48:25 แค่รู้สึกว่าเขาไม่ได้อยากจะกินน้ำหวัง
00:48:25 → 00:48:29 แต่ว่าเขาอยากจะกินน้ำเปล่านะฮะหรือแบบมี
00:48:29 → 00:48:31 ความสุขกับโน่นนี่นั่นเลยเนี้ยก็อาจจะแบบ
00:48:31 → 00:48:35 เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบของอย่างเช่นเป็น
00:48:35 → 00:48:38 สปากี้ Water ก็ได้ค่ะเป็นมงคล NOW ที่
00:48:38 → 00:48:41 มะนาวโซดาแล้วใช่ไหมคะน้ำซ่าแล้วก็มาปิด
00:48:41 → 00:48:43 มะนาวใส่ถ้าก็อย่างได้ว่านิดหนึ่งจะเติม
00:48:43 → 00:48:46 พวกของน้ำตาลเทียมแตกเอ่อลงนิดนึงเลย
00:48:46 → 00:48:48 เนี่ยอ้ะมันก็จะได้หรือจะเป็นชามะนาวที่
00:48:48 → 00:48:52 ทำให้รูปแบบนี้นะคะอ่ะหรือว่าถ้าเกิดไม่
00:48:52 → 00:48:53 อย่างนั้นเนี่ยก็อาจจะเป็นลักษณะของการ
00:48:53 → 00:48:57 มัดใช่ผลไม้ไปแล้วใช่ไหมคะรถในรู้เนาะได้
00:48:57 → 00:49:00 รู้มันลงมาใช่ไหมครับอันนี้ 3 ถ้ามันเป็น
00:49:00 → 00:49:01 มือถือเนี่ยทันที่จะเป็นเครื่องดื่มเย็น
00:49:01 → 00:49:06 ยกตัวอย่างเช่นกินชากินชาเย็นกาแฟเย็นเลย
00:49:06 → 00:49:08 เนี่ยค่ะเปลี่ยนเป็นของร้อนเพราะเวลาที่
00:49:08 → 00:49:10 เรากินเป็นเครื่องดื่มร้อนนะคะอ่อในแง่
00:49:10 → 00:49:13 ของน้ำตาลนี่มันจะลดลงเพราะว่าอันนึงมัน
00:49:13 → 00:49:16 จะไปต้องไปเจือจางกับน้ำแข็งมันจะทำให้
00:49:16 → 00:49:18 เข้มข้นนิดนึงอ้าว่าฉันเท่ากินเครื่อง
00:49:18 → 00:49:21 ดื่มร้อนเนี่ยเราจะเติมน้ำตาลน้อยกว่าจะ
00:49:21 → 00:49:24 นะคะใครที่ชอบกินพวกโกโก้ปิดครีมหรือไร
00:49:25 → 00:49:27 เงี้ยก็เปลี่ยนมาเป็นช็อกโกแลตเป็น Dark
00:49:27 → 00:49:29 Chocolate Bar แท่งเล็กๆจะได้ทำให้รู้
00:49:29 → 00:49:32 สึกว่าเธอฉันให้กินอะไรที่มันดับอย่างนี้
00:49:32 → 00:49:35 นะแล้วก็มีสตินิดนึงคือละกินแล้วแบบเขา
00:49:35 → 00:49:37 เรียกอะไรนะคะดื่มดำกับรสชาตินิดนึงก็จะ
00:49:37 → 00:49:42 แบบปุ๊บแล้วลงไปเลยมันจะแบบไม่ทันกันใช่ๆ
00:49:42 → 00:49:45 ค่อยๆดึงๆก็มานอนอะไรอย่างเงี้ยแบบบางคน
00:49:45 → 00:49:48 ค่อยติดเลยนะฮะเขาจะรู้สึกว่าโอเคขึ้น
00:49:49 → 00:49:51 อะไรแบบนี้ค่ะสุดท้ายถ้าสมมติว่ายังตัด
00:49:51 → 00:49:54 ไม่ได้จริงๆเนี่ยเราจะใช้วิธีลดปริมาณค่ะ
00:49:54 → 00:49:57 อันที่หนึ่งทำให้มันจะจางลงนะเช่นสมมติ
00:49:57 → 00:49:59 ใครเคยกินหวานร้อยเปอร์เซ็นต์หรือ 50
00:49:59 → 00:50:03 เปอร์เซ็นต์ก็จะเป็น 10% แล้วก็ลดความถี่
00:50:03 → 00:50:05 อาทิตย์นั่งกิน 5 ครั้งอ่าตอนนี้เวิร์ค
00:50:05 → 00:50:07 ลำโพงแล้วไม่ต้องสั่งแล้วมันอยู่ที่ทำงาน
00:50:07 → 00:50:10 รอแสตมป์จะเย็นไม่ต้องสั่งก็ได้อาจจะ
00:50:10 → 00:50:13 เหลือแค่อาทิตย์ละครั้งนึงเลยให้โควตาตัว
00:50:13 → 00:50:16 เองเนี้ยค่ะแล้วก็เป็นของที่จะจางลงพอเรา
00:50:16 → 00:50:18 ไม่กินสักพักเลยนะค่ะคือตัวเองเป็นคนที่
00:50:18 → 00:50:20 เคยติดหวังมาก่อนไม่กินน้ำเปล่าเนี้ยค่ะ
00:50:20 → 00:50:23 เราจะบอกว่าเวลาที่เราหยุดมาสักพักนึง
00:50:23 → 00:50:26 ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเช่นสมมติเนาะใครที่
00:50:26 → 00:50:28 เคยซื้อเพราะว่ามันมีขาอยู่ตั้งออฟฟิศและ
00:50:28 → 00:50:31 ช่วงนี้แวะชมผมไม่ได้กินเนาะต้องทำแจ้งดู
00:50:31 → 00:50:33 สิคะถ้าไม่ดับดิ้นรนกระเสือกกระสนไปสั่ง
00:50:33 → 00:50:36 เลยไม่ได้ทำส่วนใหญ่อ่ะเราจะเริ่มรู้สึก
00:50:36 → 00:50:39 แล้วว่าเออมันไม่กินก็ได้นะอย่างเงี้ยค่ะ
00:50:39 → 00:50:41 แล้วก็ถ้าสมมติใครที่ชอบเป็นเครื่องดื่ม
00:50:41 → 00:50:43 เย็นนะคะเปลี่ยนหนังสือนอนก่อนมั้ยฉันติด
00:50:43 → 00:50:46 กาแฟอยู่อ่ะค่ะกินกาแฟร้อนน้ำตาลจะลดลง
00:50:46 → 00:50:50 ทันทีแล้วก็ค่อยๆปรับลงไปนะคะอย่างพวก
00:50:50 → 00:50:53 เครื่องดื่มค่ะถ้าเกิดว่าเมื่อกี้บอกว่า
00:50:53 → 00:50:55 อ่าเครื่องดื่มร้อนก็มีส่วนช่วยและอย่าง
00:50:55 → 00:50:58 ที่เป็นเครื่องดื่มอย่างกาแฟใช่ไหมคะคุณ
00:50:58 → 00:51:02 คุณหมอพูดถึงเรื่องของกาแฟมีแต่ก็กาแฟก็
00:51:02 → 00:51:06 ควรจะต้องเป็นกาแฟดำใช่ไหมคะอย่างนี้ค่ะ
00:51:06 → 00:51:08 ถ้าเป็นกาแฟดำคือแคลอรี่ต่ำที่สุดอันนี้
00:51:08 → 00:51:10 ก่อนเนาะกาแฟดำทางที่ต่ำที่สุดถ้าเราอยาก
00:51:10 → 00:51:13 จะกินกาแฟที่มันหวานหน่อยเป็นอเมริกาโน่
00:51:13 → 00:51:15 เลยเนี่ยเราก็จะเติมน้ำตาลใช่ป่ะมันก็จะ
00:51:15 → 00:51:18 ได้แคลอรี่จากน้ำตาลที่นี่ถ้าสมมติว่าเรา
00:51:18 → 00:51:20 เปลี่ยนน้ำตานั้นเป็นน้ำมันเทียมมันก็จะ
00:51:20 → 00:51:23 ทำให้แคลอรี่ลดลงนี้ก่อนเนาะแต่ถ้าใครกิน
00:51:23 → 00:51:26 ได้จริงๆแล้วก็เป็นประแจนมใช่ไหมคะแทนที่
00:51:26 → 00:51:28 ใส่ครีมทาเนี่ยใส่อะไรเยอะเนี่ยเราก็จะ
00:51:28 → 00:51:31 เป็นใส่นมสดอย่างนี้ค่ะชงกาแฟให้มันเข้ม
00:51:31 → 00:51:33 ข้นขึ้นมานิดนึงแล้วก็เติมนมสดเข้าไปอัน
00:51:33 → 00:51:36 นี้ก็จะโอเคก็ไม่ต้องกินนมแล้วแคลอรี่จะ
00:51:36 → 00:51:39 เข้าลงถ้าสมมติว่าบางคนแบบมีใครเศร้าสูง
00:51:39 → 00:51:42 จะเลือกลงที่ไขมันต่ำอะไรอย่างนี้ค่ะก็จะ
00:51:42 → 00:51:46 ได้หรือว่าใครที่มีปัญหาเรื่องของอ่าน้ำ
00:51:46 → 00:51:49 ตาลย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ก็อาจจะใช้เป็นจะ
00:51:49 → 00:51:51 ใช้นมแป๊บก็ได้แล้วใช้โลตัสก็ได้หรือว่า
00:51:51 → 00:51:53 จะใช้เป็นผู้ที่เป็นซอยมิลค์ก็ได้ได้หมด
00:51:53 → 00:51:56 เลยที่จะทำตรงนี้ได้ทั้งส่วนที่เป็นกาแฟ
00:51:56 → 00:52:00 แล้วก็ชายเนี้ยค่ะคือกาแฟกับชานะคะก็เป็น
00:52:00 → 00:52:03 หลักการเดียวกันเลยแต่ว่าชาส่วนใหญ่จริงๆ
00:52:03 → 00:52:06 กินชาแบบไม่เติมน้ำเราไม่เหมือนอินเดีย
00:52:06 → 00:52:09 เป็นที่หนึ่งที่ชอบเป็นชาเป็นชาที่ใส่นม
00:52:09 → 00:52:13 แต่บ้านเราจีนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยทานมยกเว้น
00:52:13 → 00:52:15 พวกของฉันนมไข่มุกที่เรากินกันเนี้ยอ้ะ
00:52:15 → 00:52:18 ต้องอันแรกก็คือพยายามลดในส่วนที่เป็น
00:52:18 → 00:52:21 ความเข้มแบบความหวานของมันก่อนนะกันอย่าง
00:52:21 → 00:52:24 นี้ค่ะคือบางคนดื่มน้ำอัดลมค่ะแต่ว่าบอก
00:52:24 → 00:52:26 ว่าเป็นนั้นว่าลมที่ 0 แคลอรี่หรือไม่ก็
00:52:26 → 00:52:31 ใส่พวกสันให้ความหวานอื่นๆแท้น้ำตาลนะคะ
00:52:31 → 00:52:34 อันที่ 1 คือถามว่า 0 แคลอรี่มั้ยในจริงๆ
00:52:34 → 00:52:37 ต้องบอกว่ามีค่ะโดยทั่วไปในแง่ของการขึ้น
00:52:37 → 00:52:40 ทะเบียนตรงฉลากเนาะไอ้ตั้มเค้าเรียกอะไร
00:52:40 → 00:52:43 สลับผลิตภัณฑ์นะหนูสักโภชนาการค่ะในความ
00:52:43 → 00:52:45 ว่าหนึ่งส่วนที่เราจะกินต่อ 1 ครั้งเนี่ย
00:52:45 → 00:52:49 ถ้าถ้าเนอะถ้าแคลอรี่มันต่างกับสี่นะคะสี
00:52:49 → 00:52:51 แคลอรี่ not เราจะเขียนว่า 0 แคลอรี่ได้
00:52:51 → 00:52:54 เลยกำลังจะได้ที่ 0 จริงๆก็ได้นะคะหรือ
00:52:54 → 00:52:57 มันจะสูงจริงๆก็ได้แล้วแต่ว่าเขาใช้อะไร
00:52:57 → 00:52:59 เป็นข้อใช้อะไรเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำ
00:52:59 → 00:53:02 ตาลแต่ประเด็นมันมีนิดเดียวค่ะเวลาที่เรา
00:53:02 → 00:53:05 กินของพวกเนี้ยน้ำตาลในเลือดมันจะไม่ขึ้น
00:53:05 → 00:53:08 มันจะได้ให้ความหวานที่ลิ้นเรากินข้าวออก
00:53:08 → 00:53:10 ซะนะคะแต่น้ำตาลมันไม่ขึ้นน่ะค่ะน้ำตาไม่
00:53:10 → 00:53:12 ขึ้นปั๊บเนี่ยมันก็จะทำให้เรารู้สึกว่า
00:53:12 → 00:53:16 มันเหมือนภาษาอังกฤษบอกมันยังไม่สัตว์ที่
00:53:16 → 00:53:19 ทรายยังไม่โอเคมันอยากกินอยู่ค่ะไม่ฟิน
00:53:19 → 00:53:22 น่ะใช่มันยังไม่ฟินเนอะกินอันนี้เสร็จ
00:53:22 → 00:53:24 แล้วเดี๋ยวมันก็ต้องอย่างกินสมรสกินอัน
00:53:24 → 00:53:27 นี้เสร็จใช่ป่ะในอาหารเราอ่ะเราก็จะกิน
00:53:27 → 00:53:30 อะไรเยอะขึ้นส่วนนึงบางคนก็จะสบายใจคือ
00:53:30 → 00:53:34 สมองคิดแต่ว่าโอเคฉันไม่กินนั้นลมละอัน
00:53:34 → 00:53:36 กินเป็นซีโร่แล้วเพราะฉะนั้นเนี่ยแคลอรี่
00:53:36 → 00:53:40 ไม่มีอ้าว Space อะใจแบบมันก็ติดมันเมื่อ
00:53:40 → 00:53:44 กี้ที่จะมีบอกอ่ะเราจะคิดว่าจะกินอะไรก็
00:53:44 → 00:53:46 ฉันนั้นเหมือนกับเราพร่องรอบคล่องแคลอรี่
00:53:46 → 00:53:48 ไปนิดนึงแล้วก็จะไปกินอย่างอื่นได้อย่าง
00:53:48 → 00:53:51 สบายตัวเคยได้สบายใจได้ขณะที่ในขณะที่เซน
00:53:51 → 00:53:53 ซิ่งเรื่องของน้ำตาลเนี่ยมันก็จะยังไม่
00:53:53 → 00:53:56 ขึ้นแล้วเราก็จะรู้สึกว่ากลายเป็นว่าความ
00:53:56 → 00:53:58 ติดหวานของเราอ่ะมันจะยังอยู่แล้วมันทำ
00:53:58 → 00:54:02 ให้อาหารในมื้ออื่นคะหรือว่าในในมืดก็ไป
00:54:02 → 00:54:05 ของเรานี่มันจะยังมีความหวานอยู่ไม่ว่าจะ
00:54:05 → 00:54:08 ด้วยจากตัวข้าวไม่ว่าจะด้วยจากเครื่อง
00:54:08 → 00:54:11 ดื่มอื่นๆผลไม้หรืออะไรแบบเนี้ยค่ะคุณ
00:54:11 → 00:54:13 จิราพรถามมาตรงกับที่คุณหมออธิบายเลยค่ะ
00:54:13 → 00:54:16 คุณจะพรถามว่าเครื่องดื่มที่บอกว่าไม่มี
00:54:16 → 00:54:18 น้ำตาลมีผลกับความอ้วนมั้ยคุณหมอก็ตอบไป
00:54:18 → 00:54:20 แล้วว่าจริงๆนอกจากเรื่องของการไม่มีน้ำ
00:54:20 → 00:54:24 ตาลเนี่ยมันอาจจะเรื่องของสารมันเรื่อง
00:54:24 → 00:54:26 ของปริมาณน้ำตาลในเลือดแล้วนะแต่ว่าในแง่
00:54:26 → 00:54:28 ของความรู้สึกมันก็จะทำให้เราไปกินอย่าง
00:54:28 → 00:54:31 อื่นชดเชยแทนได้เพราะว่ามันยังไม่ฟินนั่น
00:54:31 → 00:54:35 เองนะคะคุณหมอคะวันนี้นะครับหลายคนเลยค่ะ
00:54:35 → 00:54:39 เห็นเพื่อนๆบอกว่าพรุ่งนี้ปลดล็อคและจอง
00:54:39 → 00:54:42 คิวร้านบุฟเฟ่ต์รอไว้ล่วงหน้าเลยหลังจาก
00:54:42 → 00:54:45 ที่คุณหมอแนะนำมาต้องคิดถึงคิดถึงหมู
00:54:45 → 00:54:48 กระทะคิดถึงบุฟเฟ่ต์แล้วเนี่ยพูดถึงการ
00:54:48 → 00:54:50 กินอาหารมาหลายอย่างมากแล้วถ้าอยากไปกิน
00:54:50 → 00:54:54 บุฟเฟ่นะคะเรายังสามารถกินบุฟเฟ่แต่ยังมี
00:54:54 → 00:54:58 สุขภาพดีได้ไหมคะอันและก่อนถามว่าอยากผอม
00:54:58 → 00:55:00 หรือว่าอยากกินบุฟเฟ่ต์อ่าแต่เมื่อคืนนี้
00:55:00 → 00:55:03 นะใช่มั้ยเดี๋ยวของอยากกินปูเป้ก่อนบอก
00:55:03 → 00:55:05 ว่าอ้อมเดี๋ยวอย่างอย่างอ้วนเรื่องกิน
00:55:05 → 00:55:07 บุฟเฟ่ทำไมไม่ได้เอาของแถวอ้วนอยากกิน
00:55:07 → 00:55:09 บุฟเฟ่ต์บอกว่าถ้าไม่อยากอ้วนเพราะฉะนั้น
00:55:09 → 00:55:12 เนี่ย 5 หมดก่อนไปกินบุฟเฟ่ห้างคิดว่ากิน
00:55:12 → 00:55:15 ภูเก็ตเพื่อคุ้มถ้ารู้สึกว่าราคาบุฟเฟ่ต์
00:55:15 → 00:55:17 อันนี้กับของที่เราจะไปเลือกกินเนี่ยยัง
00:55:17 → 00:55:20 ไงเราโอเคอยู่แล้วก็กินก็ไม่ได้ว่าอะไร
00:55:20 → 00:55:23 หน่อยคะกินมากินนอนไม่เกี่ยวนะอันนี้ก่อน
00:55:23 → 00:55:26 นะห้ามอดข้าวก่อนที่จะไปกินบุฟเฟ่นี่คือ
00:55:26 → 00:55:28 กฎข้อแรกข้อที่สองถ้าสมมุติเป็นผู้ใกล้
00:55:28 → 00:55:30 โรงแรมที่เราเดินเข้าไปนะมีหลายอย่างให้
00:55:30 → 00:55:33 เลือกกรุณาเลือกเดินให้ทั่วกันเดินสวสท
00:55:33 → 00:55:36 พวกเขาก็เน้นในบุฟเฟ่ต์อันเนี้ยมันมีอะไร
00:55:36 → 00:55:39 บ้างจะได้รู้ว่าอะไรที่เราชอบมากที่สุดใน
00:55:39 → 00:55:43 แล้วอยากกินมากที่สุดคิดไม่เกาะนะคะแล้ว
00:55:43 → 00:55:46 ของนี้ไปเก็บไว้ที่โต๊ะอ่ะเวลาที่เรานั่ง
00:55:46 → 00:55:49 อ่ะค่ะเราจะมีโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆร้าน
00:55:49 → 00:55:52 บุฟเฟ่ต์ใกล้ๆอาหารหันหน้าเข้าหาไลน์
00:55:52 → 00:55:55 อาหารกรุณาเลือกนั่งให้ไกลนิดนึงเพื่อจะ
00:55:55 → 00:55:58 ให้เรามีช่วงเวลาที่เราเดินไม่ต้องกังวล
00:55:58 → 00:56:01 นะคะ 2 ชั่วโมงยังไงเนี่ยมันก็ก็คือมัน
00:56:01 → 00:56:03 อิ่มอยู่แล้วล่ะน้องไม่ต้องคิดว่าจะกินจน
00:56:03 → 00:56:05 คุ้มขนาดนั้นเพราะไม่งั้นเนี่ยมามาซ่อม
00:56:05 → 00:56:08 สุภาพทีหลังไม่คุ้มกันนะคะอ่านั่งให้ไกล
00:56:08 → 00:56:11 จากไลน์บุฟเฟ่ต์นิดนึงนะคะอันนี้สองถ้า
00:56:11 → 00:56:13 เป็นไปได้อย่านั่งหันหน้าหาไลน์บุฟเฟ่ต์
00:56:13 → 00:56:15 เพราะไม่งั้นเราจะคิดตลอดเวลาว่าเดี๋ยว
00:56:15 → 00:56:17 ฉันจะกินอะไรต่อฉันจะคิดได้ต่อ a line
00:56:17 → 00:56:19 นี้ทำไมแถวมันยาวมันอะไรนั้นจะต้องอร่อย
00:56:19 → 00:56:23 แน่เลยอะไรเงี้ยถ้ากินกับเพื่อนถามเพื่อน
00:56:23 → 00:56:25 นิดนึงก่อนจะไปสั่งอ่ะมันอร่อยมันทีการ
00:56:25 → 00:56:27 ที่ดับมีคนอาจจะคิดเหมือนเราเพื่อนไปลอง
00:56:27 → 00:56:30 แล้วมันไม่อร่อยอ่ะก็ไม่ต้องไปเสียของเรา
00:56:30 → 00:56:32 ไปเสียร่างกับของที่มันไม่อร่อยกินเฉพาะ
00:56:32 → 00:56:36 ของที่อร่อยในพอร์ตใช่ไหมคะสองถ้าสมมุติ
00:56:36 → 00:56:38 ว่าเวลาที่เราไปเลือกเหมือนที่บอกคะถ้า
00:56:38 → 00:56:41 มันมีแก้วแก้วนี้จะต้องพร้อมและสูงอ่ะมัน
00:56:41 → 00:56:43 จะได้ทำให้เรารู้สึกว่าใส่น้ำเข้าไปและ
00:56:43 → 00:56:45 ฉันจะได้รู้สึกอารมณ์แบบประมาณว่ามันเยอะ
00:56:45 → 00:56:48 2 จานที่เลือกค่ะจะเล็กๆอย่าใช้จานใหญ่
00:56:48 → 00:56:52 พัดอันใหญ่ปุ๊บเราใส่เยอะทันทีนะคะอันนี้
00:56:52 → 00:56:54 3 บุฟเฟ่ต์ท่องไว้เสมอว่ายังไงเดี๋ยวเขา
00:56:54 → 00:56:57 จะเอาของมาเติมไม่ต้องกลัวหมดเนาะเพราะ
00:56:57 → 00:57:01 ฉะนั้นเนี่ยสักทีละจ๊ะก็ไม่ต้องมา 3 จาน
00:57:01 → 00:57:04 แล้วไปแล้วว่าจะกินทีเดียวใจเย็นๆเดี๋ยว
00:57:04 → 00:57:06 ของดีๆมันอาจจะออกมาทีหลังเพราะเมื่อกี้
00:57:06 → 00:57:08 มันหมดเนี่ยค่ะหากที่อาจารย์เลือกจานใบ
00:57:08 → 00:57:10 เล็กถ้ามันมีหลายใบเลือกใบดับเล็กๆหน่อย
00:57:10 → 00:57:13 ไม่ต้องไปใหญ่มากเนี้ยฮะแล้วเวลาตากได้
00:57:13 → 00:57:15 อย่างสมัยจะเป็นอาหารจานหลักเนี่ยคำแนะนำ
00:57:15 → 00:57:18 คือพยายามใส่ผักเข้าไปนิดนึงคะเวลาเราใส่
00:57:18 → 00:57:20 ผักเข้าไปในจานอ่ะค่ะมันจะดูเยอะแล้วมัน
00:57:20 → 00:57:23 จะทำให้ Space ที่เราใส่ของมันน้อยลงนะคะ
00:57:23 → 00:57:26 แล้วก็อาจจะมีจานซุปหรือการอะไรก็แล้วแต่
00:57:26 → 00:57:29 แล้วหลักการเหมือนเดิมค่ะแบ่ง 4 ส่วนจะ
00:57:29 → 00:57:31 กินเยอะๆหน่อยแล้วก็จะเป็นผักอย่างอื่นๆ
00:57:31 → 00:57:34 ก็ได้แต่ว่าอย่างนี้เนาะอันสุดท้ายค่ะพวก
00:57:34 → 00:57:37 ของเครื่องจิ้มกับเครื่องดื่มอ่าเมื่อกี้
00:57:37 → 00:57:38 เราคุยกันแล้วที่สุดนิยมน้องเพราะฉะนั้น
00:57:38 → 00:57:41 ของจิ้มทั้งหลายในควรจะลดลงนะคะแล้วก็
00:57:41 → 00:57:44 เครื่องดื่มค่ะเป็นชับที่แบบมีปัญหามาก
00:57:44 → 00:57:47 ที่สุดก็คือกินน้ำเปล่าแล้วเรารู้สึก
00:57:47 → 00:57:49 เหมือนจะได้ตังค์อ่ะเราก็จะชอบไปกินแบบ
00:57:49 → 00:57:51 น้ำหวานเลยเนี้ยเนี่ยนั้นทำให้น้ำหนักเรา
00:57:51 → 00:57:55 เยอะขึ้นเราก็อ้วนมากขึ้นนะคะในกรณีของ
00:57:55 → 00:57:57 กลุ่มที่เป็นพวกหมูกระทะชาบูหรืออะไรก็
00:57:57 → 00:58:00 ตามเนี่ยค่ะก็มึงมันแต่ถ้าเราเลือกได้
00:58:00 → 00:58:03 เนาะเราก็เลือกเนื้อที่มันมีน้ำมันน้อย
00:58:03 → 00:58:06 หน่อยอย่างนี้ค่ะอ้าแต่ถ้าสมมติบอกชอบ
00:58:06 → 00:58:09 หน้าก็ก็ป่วยแรกแต่ว่าระวังในส่วนของใน
00:58:09 → 00:58:11 ตัวเครื่องจริงด้วยพยายามดับกินอะไรที่
00:58:11 → 00:58:14 มันบับลีนิดนึงอ้ะติดมันน้อยหน่อยอะไรแบบ
00:58:14 → 00:58:16 นี้ค่ะแล้วอย่าปิ้งจนกระทั่งมันไม่มาก
00:58:16 → 00:58:18 เพราะเนี่ยจะไม่ใช่เรื่องอ้วนละแต่ว่ามัน
00:58:18 → 00:58:20 ก็จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งอะไรแบบ
00:58:20 → 00:58:24 เนี้ยโอ้โหได้เคล็ดลับเลยนะคะบางคนฟัง
00:58:24 → 00:58:28 แล้วจากที่เคยเดินกดจองคิวชะงักละถามตัว
00:58:28 → 00:58:31 เองว่าไม่ต้องได้แต่ว่าเวลากินมีสตินิด
00:58:31 → 00:58:33 นึงคำถามคือทำไมแล้วอ้วนแล้วอ้ะมันซ่อม
00:58:33 → 00:58:35 มันซ่อมล่างตัวเองยากกว่า
00:58:35 → 00:58:39 ได้เลยค่ะหมู่มันนี้ได้ความรู้เยอะมากเลย
00:58:39 → 00:58:41 ค่ะเราคุยกับคุณหมอนะคะทั้งในเรื่องของ
00:58:41 → 00:58:45 เกณฑ์ที่บอกว่าน้ำหนักเกินหรือเปล่านะคะ
00:58:45 → 00:58:47 ยังไงที่เรียกว่าน้ำหนักเกินนะคะผลเสีย
00:58:47 → 00:58:51 ข้อเสียเป็นยังไงแล้วก็จุดตกใจเลยนะคะว่า
00:58:51 → 00:58:53 จริงๆแล้วความอ้วนอย่างมีผลต่อเรื่องของ
00:58:53 → 00:58:56 โควิชด้วยนะคะที่สำคัญค่ะคุณหมอบอกว่า
00:58:56 → 00:58:59 เพราะอ้วนแล้วนะมีผลต่อร่างกายนะคะทั้งใน
00:58:59 → 00:59:02 เรื่องขอแนะนำผลิตนะคะ mechanic แล้วก็
00:59:02 → 00:59:05 เรื่องของมะเร็งระบบต่างๆของร่างกายด้วย
00:59:05 → 00:59:08 ใช่ไหมคะที่สำคัญนะคะวันนี้คุณหมอได้แชร์
00:59:08 → 00:59:10 เทคนิคมากมายเลยมีการเลือกรับประทานอาหาร
00:59:10 → 00:59:14 ทั้งมื้อหลักทั้งอาหารว่างทางของหวาน
00:59:14 → 00:59:16 ผลไม้แล้วก็เครื่องดื่มดังนั้นจริงๆแล้ว
00:59:16 → 00:59:18 คำสำคัญที่เป็นหมออย่างมากๆเลยก็คือ
00:59:18 → 00:59:21 เรื่องของสตินั่นเองใช่ไหมคะขายอยากให้
00:59:21 → 00:59:24 ลูกเราให้กำลังใจคนที่อยากจะลดน้ำหนักสัก
00:59:24 → 00:59:27 นิดนึงได้ไหมคะเอาบางคนจะบอกว่ามีคะเวลา
00:59:27 → 00:59:30 ที่เราตั้งใจเรามักจะคิดผลระยะสั้นนะคะ
00:59:30 → 00:59:33 ที่ถามว่าเวลาจะถามไรวะอยากจะลดน้ำหนัก
00:59:33 → 00:59:35 อ่ะเข้าข้อแรกคืออยากจะลดแค่ 3 เดือนหรือ
00:59:35 → 00:59:38 ว่าจะลดตลอดไปมีก็ได้เนาะข้อที่ 2 โมง
00:59:38 → 00:59:40 แล้วจะเข้าบอกว่านึกว่าจะได้สิบปีแล้วจะ
00:59:40 → 00:59:42 ลดให้มันได้ภายใน 10 วันเลยหรอมันก็ไม่
00:59:42 → 00:59:45 ใช่ไหมเพราะฉะนั้นเนี่ยเราจะต้องตั้งเป้า
00:59:45 → 00:59:47 หมายที่มันเป็นไปได้เป้าหมายที่เป็นไปได้
00:59:47 → 00:59:50 ในที่นี้ก็คือ 1 เราทำได้กับวันที่ 2 ก็
00:59:50 → 00:59:52 คือเป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ที่มัน
00:59:52 → 00:59:55 จะไปถึงนะคะโดยทั่วไปถ้าเราเอาสุขภาพเป็น
00:59:55 → 00:59:58 หลักเนี่ยเราจะบอกว่าประมาณครึ่งถึงหนึ่ง
00:59:58 → 01:00:02 กิโลกรัมต่อสัปดาห์นี้ดีแล้วดีแล้วนะคะไป
01:00:02 → 01:00:04 ฉันก็ไม่ต้องการแบบหัวที่ละ 5 กิโลสิบ
01:00:04 → 01:00:07 กิโลเลยเนี่ยได้ค่ะมีมีบางเทคนิคที่มันทำ
01:00:07 → 01:00:09 ได้แต่ว่าต้องถามว่ามันจะทำได้ยาวไหมอ่ะ
01:00:09 → 01:00:13 ถ้ามันทำได้ยาวนานต่อเนื่องแบบตลอดไปนี้
01:00:13 → 01:00:15 ก็โอเคใช่ไหมคะที่ตรงนี้ก็จะเป็นแบบนี้
01:00:15 → 01:00:18 ค่ะก็คือที่สำคัญคือทำให้ได้แล้วก็ทำให้
01:00:18 → 01:00:21 ได้ตลอดฝากวิธีไหนก็ได้นะคะแล้วโดยทั่วไป
01:00:21 → 01:00:25 ก็ขอประมาณซัก 0.5 ถึง 1 กิโลกรัมต่อทิศ
01:00:25 → 01:00:27 นะคะน้ำหนักลดลงเนี่ยประมาณตั้งห้า
01:00:27 → 01:00:31 เปอร์เซ็นจริงๆสุขภาพเราก็จะดีขึ้นราค่ะ
01:00:31 → 01:00:33 ขอบคุณมากนะคะคะวันนี้ต้องขอบพระคุณนะคะ
01:00:33 → 01:00:35 คุณหมอ a ค่ะผู้ช่วยศาสตราจารย์ถ้ายิง
01:00:35 → 01:00:38 นรีวรรณวโรดมวิจิตรค่ะอาจารย์ประจำสาขา
01:00:38 → 01:00:41 วิชาโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์คณะ
01:00:42 → 01:00:44 แพทยศาสตร์โรงพยาบาลมหาลงพยาบาลรามาธิบดี
01:00:44 → 01:00:48 มหาวิทยาลัยมหิดลค่าเขาก็คุณค่าสวัสดีค่ะ
01:00:48 → 01:00:53 สวัสดีค่ะในครั้งหน้านะคะทางช่องของมาให้
01:00:53 → 01:00:55 โดน channel ของเราก็จะยังมีไลฟ์แบบนี้
01:00:55 → 01:00:58 อยู่เรื่อยๆนะคะเมื่อสังคมมีประเด็นร้อน
01:00:58 → 01:01:02 และต้องการคำมาเพื่อแก้ไขปัญหาทางช่องของ
01:01:02 → 01:01:05 Mahidol Channel ค่ะก็จะไลค์โดยการเชิญ
01:01:05 → 01:01:07 ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆจากมหาวิทยาลัย
01:01:07 → 01:01:10 มหิดลมาร่วมพูดคุยกันหาทางออกให้แก่สังคม
01:01:10 → 01:01:20 จนกว่าจะพบกันใหม่นะคะสวัสดีค่ะอ่า
01:01:20 → 01:01:23 ม.ค