น้ำมะนาวที่คนแชร์ว่าเป็นน้ำด่างเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง มีคุณสมบัติเป็นด่างจริงหรือไม่

น้ำด่าง ช่วยลดกรดในเลือดได้จริงหรือ | Top to Toe EP.75

จากช่อง : THE STANDARD PODCAST


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 คว้าโอกาสล่าอนาคตล้วง Inside The

00:00:0300:00:06 Standard Economic forum

00:00:0600:00:10 2023 Future เร Thailand เศรษฐกิจไทย

00:00:1000:00:14 ไล่ล่าอนาคตรวมผู้นำระดับโลกและไทยกว่า 40

00:00:1400:00:18 คนไว้ในงานเดียวพบกับเศรษฐาทวีศิลป์บรร

00:00:1800:00:20 ทุนล่ำซำเศรษฐพุฒิสุทธิวาทนฤพุฒิ

00:00:2000:00:23 สุรเกียรติเสถียรไทยศุภชัยเจียรวนนท์

00:00:2300:00:26 ศุภวุฒิส่ายเชื้อกอบศักดิ์ภูตระกูลพยง

00:00:2600:00:30 ศรีวนิชขัติยาอินทรวิชัยสมโภชอหุในธนาธร

00:00:3000:00:36 จึงรุ่งเรือนกิติิซาโนพบกันวันที่ 23-25

00:00:3600:00:40 พฤศจิกายน 2566 จัด 3 วันเต็มณศูนย์การ

00:00:4000:00:42 ประชุมแห่งชาติสิริกิติซื้อบัตร Early

00:00:4200:00:46 Bird ราคา 2,500 บาทได้แล้ววันนี้ถึง 31

00:00:4600:00:50 ตุลาคมเท่า

00:00:5000:00:54 นั้นกินน้ำด่างแล้วจะช่วยทำให้เลือดของ

00:00:5400:00:56 เราเนี่ยลดความเป็นกรดทำให้เลือดเราเนี่ย

00:00:5600:00:59 ปรับสมดุลมีความเป็นด่างมากขึ้นและทำให้

00:00:5900:01:02 ลดโอกาสการเป็นมะเร็งเคยได้ยินมครับคน

00:01:0200:01:05 แชร์เรื่องราวเหล่านี้มาหรือว่าการกินน้ำ

00:01:0500:01:09 มะนาวผสมในน้ำเย็นหรือว่าการฝานมะนาวเป็น

00:01:0900:01:11 แว่นแล้วก็ใส่ในน้ำแล้วก็ดื่มเนี่ยเป็น

00:01:1100:01:14 การทำน้ำด่างที่ราคาถูกง่ายๆที่บ้านกิน

00:01:1400:01:17 เข้าไปปึ๊บเหมือนกันปรับสมดุลเลือดให้

00:01:1700:01:19 เลือดของเราเนี่ยลดความเป็นกรดแล้วก็มี

00:01:1900:01:21 สรรพคุณมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือการลด

00:01:2100:01:24 การเป็นมะเร็งด้วยไอ้คำแชร์เหล่าเนี้ยที่

00:01:2400:01:26 แชร์ต่อๆกันมาเนี่ยมันเป็นจริงหรือเปล่า

00:01:2600:01:29 วันนี้ To To จะมาคุยเรื่องนี้กันครับ

00:01:2900:01:32 this is the Standard podcast Eye

00:01:3200:01:34 Opening for your

00:01:3400:01:38 ears Top to Toe podcast สุขภาพที่

00:01:3800:01:42 ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด

00:01:4200:01:46 เท้าคำตอบสั้นๆเลยนะครับการกินน้ำด่าง

00:01:4600:01:50 เพื่อลดความเป็นกรดในเลือดไม่จริงครับ

00:01:5000:01:53 แล้วเลือดของคนทั่วไปเลือดของคนปกติทั่ว

00:01:5300:01:57 ไปมีความเป็นกรดก็ไม่จริงครับแล้วการที่

00:01:5700:02:00 บอกว่าจะลดกรดในเลือดแล้วจะช่วยทำทำให้

00:02:0000:02:02 เรามีโอกาสเป็นมะเร็งลดลงก็ไม่จริงครับ

00:02:0200:02:04 ไม่มีอะไรจริงเลยครับในเครมเหล่านั้นที่

00:02:0400:02:07 กำลังแชร์อยู่ในโลกโซเชียลนะครับทุกคน

00:02:0700:02:10 เดี๋ยววันนี้มาเล่าให้ฟังทีละสเต็ปเลยว่า

00:02:1000:02:13 ทำไมที่พูดมามันถึงไม่จริงนะครับอย่างแรก

00:02:1300:02:16 เรามารู้จักกับน้ำด่างก่อนแล้วกันว่ามัน

00:02:1600:02:19 คืออะไรนะครับคือต้องเริ่มจากน้ำเลยนะ

00:02:1900:02:23 ครับเคมี 101 ครับน้ำคือ H2O ก็คือ

00:02:2300:02:26 โมเลกุลของน้ำเนี่ยจะมีอะตอมของไฮโดรเจน 2

00:02:2600:02:29 อะตอมแล้วก็ออกซิเจน 1 อะตอมนะครับโดย

00:02:2900:02:32 ปกติแล้วน้ำจะมีค่าพีเป็นกลางคือพีอยู่

00:02:3200:02:35 ที่ประมาณ 7 นะครับถ้าเกิดว่าทางเคมีเนาะ

00:02:3500:02:37 ถ้าเกิดสารละลายหรือสารอะไรก็ตามเนี่ยมัน

00:02:3700:02:41 มีพีที่ต่ำกว่า 7 ก็คือเนี่ย 1 2 3 4

00:02:4100:02:43 5 เนี่ยมันก็จะมีความเป็นกรดยิ่งตัวเลข

00:02:4300:02:45 น้อยมันก็ยิ่งกรดมากครับแล้วถ้าเกิดว่า

00:02:4500:02:48 สารไหนก็ตามเนี่ยมีค่าพีชสูงกว่า 7 ไปถึง

00:02:4800:02:51 14 นะคือ 8 9 10 12 ยิ่งตัวเลขเยอะก็

00:02:5100:02:53 มีความเป็นเบสหรือมีความเป็นด่างสูงนะ

00:02:5300:02:56 ครับทีนี้น้ำโดยปกติแล้วเนี่ยเจ้า H2O

00:02:5600:03:00 เนี่ยมันสามารถที่จะแตกตัวไปเป็นส่วนที่

00:03:0000:03:01 มีความเป็นกรดมากกว่ากับส่วนที่มีความ

00:03:0100:03:03 เป็นด่างมากกว่าส่วนที่มีความเป็นกรดก็

00:03:0300:03:06 คือ H + หรือว่าไฮโดรเจนไอออนและส่วนที่

00:03:0700:03:09 เป็นลบก็คือ Oh ลบหรือว่าไฮดรอกไซด์เนี่ย

00:03:0900:03:11 ก็เป็นพารทที่มีความเป็นด่านะครับซึ่งน้ำ

00:03:1100:03:15 โดยปกติจะมีปริมาณของ H + และ Oh ลบใน

00:03:1500:03:18 ปริมาณที่เท่ากันก็คือทำให้น้ำเนี่ยมี

00:03:1800:03:21 ความเป็นกลางนั่นเองนะฮะแล้วไอ้เจ้าน้ำ

00:03:2100:03:23 ด่างเนี่ยมันเกิดขึ้นมาได้ยังไงครับมัน

00:03:2300:03:26 สามารถจะเกิดได้ 2 รูปแบบคือเกิดตาม

00:03:2600:03:28 ธรรมชาติกับเกิดจากการสังเคราะห์คือ

00:03:2800:03:30 artificial นะครับตามธรรมชาติก่อนแล้ว

00:03:3000:03:32 กันครับน้ำที่อยู่ในตามธรรมชาติเครับถ้า

00:03:3200:03:35 มันไหลไปตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติแล้วก็มัน

00:03:3500:03:38 ไปเจอหินแล้วมันก็ไปกัดเซาะเอาแร่ธาตุจาก

00:03:3800:03:40 หินเนี่ยให้มันมาเจือปนอยู่ในน้ำมากขึ้น

00:03:4000:03:43 แล้วบางทีอ่าเจ้าแร่ธาตุเหล่านั้นเนี่ย

00:03:4300:03:45 ครับมันสามารถที่จะให้ประจุที่มีความเป็น

00:03:4500:03:50 Oh ลบก็คือประจุลบที่ทำให้ตัวน้ำ overall

00:03:5000:03:52 เนี่ยครับมีความเป็นด่างมากขึ้นเราก็จะ

00:03:5200:03:55 ได้น้ำแร่มาดื่มกันนะครับหรือว่ามีการนำ

00:03:5500:03:58 น้ำแร่จากทางธรรมชาติเครับมาผลิตแล้วก็

00:03:5800:04:00 บรรจุขวดขาแล้วก็เคลมว่าเนี่ยเป็นน้ำแร่

00:04:0000:04:04 จากธรรมชาติแล้วก็มีพีที่ค่อนข้างค่อนไป

00:04:0400:04:06 ทางด่างนะครับนี่คือน้ำจากธรรมชาตินะครับ

00:04:0600:04:09 ในขณะที่น้ำทั่วไปที่มีความเป็นกลางเนี่ย

00:04:0900:04:12 ครับผู้ผลิตสามารถใช้กระบวนการทางเคมีนะ

00:04:1200:04:14 ครับเรียกว่า electrolysis ในการทำให้

00:04:1400:04:16 เป็นน้ำด่างได้ด้วยนะครับคือการทำให้

00:04:1600:04:18 โมเลกุลของน้ำเนี่ยมันแตกตัวตู้มนะครับ

00:04:1800:04:21 เป็นพารทที่เป็น H + ก็คือเป็นกรดกับ Oh

00:04:2100:04:24 ลบนะครับที่มีความเป็นด่างแล้วก็กำจัดไอ้

00:04:2400:04:27 ตัว H + component ที่เป็นกรดเนี่ยออก

00:04:2700:04:30 ไปนะครับก็จะทำให้มีค ent ที่เป็น Oh ลบ

00:04:3100:04:33 หรือที่เป็นด่างเนี่ยเยอะขึ้นในน้ำนั้น

00:04:3300:04:36 น้ำนั้นก็จะกลายเป็นมีความเป็นน้ำด่างมาก

00:04:3600:04:39 ยิ่งขึ้นคือพีจะสูงขึ้นกว่า 7 นั่นเองนะ

00:04:3900:04:42 ครับนี่คือวิธีการที่ผู้ผลิตเนี่ยผลิตน้ำ

00:04:4200:04:44 ด่างออกมาขายเราๆนะครับนี่พอเห็นภาพเนาะ

00:04:4400:04:47 ว่าน้ำด่าเนี่ยมันเกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ

00:04:4700:04:50 ครับแล้วทีนี้เคลมที่สำคัญมากนะครับบอก

00:04:5000:04:53 ว่าการกินน้ำด่างเข้าไปแล้วจะช่วยทำให้

00:04:5300:04:57 เลือดของเราเนี่ยมีความเป็นกรดลดลงแล้วก็

00:04:5700:04:59 จะทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค

00:04:5900:05:02 มะเร็งเนะครับทีนี้มันไม่จริงยังไงอ่ะไป

00:05:0200:05:04 ทีละประเด็นเนาะประเด็นที่ 1 นะครับไม่

00:05:0400:05:06 ว่าคุณจะกินอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรก็

00:05:0600:05:08 ตามรวมไปถึงน้ำด่างเนี่ยครับกินเข้าไป

00:05:0800:05:10 แล้วเนี่ยครับมันไม่กระเทือนพีชของเลือด

00:05:1000:05:13 ของเราเลยครับเพราะว่าร่างกายเครับมีความ

00:05:1400:05:16 สามารถในการที่จะ maintain หรือว่าทำให้

00:05:1700:05:19 พีของเลือดเนี่ยมันคงที่แล้วก็มันไม่

00:05:1900:05:22 แกว่งเยอะนะครับเพราะถ้าเกิดว่าพีของ

00:05:2200:05:23 เลือดเราเนี่ยมันแกว่งแล้วเราก็ร่างกายมี

00:05:2300:05:26 ปัญหาแน่ๆโดยปกตินะครับในเลือดของเรานะ

00:05:2600:05:31 ครับจะมีพีอยู่ที่ประมาณ 7.3 5 ถึง 7.45

00:05:3100:05:33 นะครับมีความเป็นกลางเนี่ยอาจจะค่อนไปทาง

00:05:3300:05:37 ด่างนิดเดียวด้วยซ้ำไปนะครับและมนุษย์ทุก

00:05:3700:05:39 คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทั่วไปเนี่ย

00:05:3900:05:41 เลือดจะมีพีอยู่เท่านี้นะครับไม่ใช่คน

00:05:4100:05:44 ทั่วไปจะมีเลือดเป็นกรดนะครับยกเว้นเป็น

00:05:4400:05:47 โรคร้ายบางอย่างที่ทำให้เลือดมีภาวะเป็น

00:05:4700:05:49 กรดซึ่งแบบ rare มากๆนะครับแล้วร่างกาย

00:05:4900:05:52 เนี่ยก็จะมีทีมงานในการปรับสมดุลของพีชใน

00:05:5200:05:55 เลือดให้มันวิ่งอยู่ที่ 7.35 - 7.45

00:05:5500:05:58 ตลอดนะครับทีมงานมีใครบ้างมี 3 คนนะครับ 1

00:05:5800:06:01 คือตัวเลือดเองนะครับครับ 2 คือปอด 3 คือ

00:06:0100:06:04 ไตทั้ง 3 อย่างจะช่วยกันทำงานในการปรับ

00:06:0400:06:07 สมดุลเลือดให้เลือดมีความเป็นกรดดังที่พอ

00:06:0700:06:09 ดีนะครับขอเล่าให้ฟังนิดนึงนะครับตัวแรก

00:06:0900:06:11 คือเลือดในเลือดของเรามีระบบที่เรียกว่า

00:06:1100:06:14 บัฟเฟอร์คือพแกว่งปุ๊บไอ้เจ้าบัฟเฟอร์นี้

00:06:1400:06:17 จะทำงานทันทีในระดับ Second หรือระดับ

00:06:1700:06:21 วินาทีจนถึงระดับไม่กี่นาทีนะครับคือ

00:06:2100:06:23 คาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเลือดเราเนี่ย

00:06:2300:06:25 ครับจะเป็นตัวปรับสมดุลของพีครับคือ

00:06:2500:06:27 คาร์บอนไดออกไซด์เนี่ยครับมันสามารถจะ

00:06:2700:06:31 ละลายน้ำได้เป็น H 2 co3 ก็คือกรด

00:06:3100:06:33 คาร์บอนิกซึ่งไอ้เจ้ากรดคาร์บอนิกเนี่ย

00:06:3300:06:37 มันสามารถจะแตกตัวเป็นส่วนที่เป็นปจุบวก

00:06:3700:06:39 มีความเป็นกรดกับส่วนที่เป็นประจุลบที่มี

00:06:3900:06:41 ความเป็นด่างนะครับไอ้ตัวประจุบวกกับลบ

00:06:4100:06:43 เนี่ยมันสามารถจะไปวิ่งจับสารที่มันมี

00:06:4400:06:45 ความเป็นกรดถ้ามันมีกรดเยอะไปก็เอาตัว

00:06:4600:06:48 ด่างไปจับถ้าเกิดว่าในเลือดมันมีสารที่

00:06:4800:06:50 มันมีความเป็นด่างเยอะขึ้นก็จะเอาตัวที่

00:06:5000:06:52 เป็นกรดไปจับนะครับเพื่อจะทำให้พีเนี่ย

00:06:5200:06:55 มันไม่แกว่งนั่นคือระบบบัฟเฟอร์ในเลือดนะ

00:06:5500:06:58 ครับทีนี้ปอดก็ทำงานในการช่วยปรับพีชใน

00:06:5800:07:00 เลือดเช่นกันนะครับอย่างเช่นเวลาที่เรา

00:07:0000:07:02 ออกกำลังกายเยอะๆเนี่ยครับกล้ามเนื้อมัน

00:07:0200:07:04 อาจจะผลิตกรดออกมาเยอะเนาะอาจจะทำให้

00:07:0400:07:06 เลือดเราเนี่ยพอาจจะดรอปลงนิดนึงเพราะ

00:07:0600:07:09 งั้นร่างกายเนี่ยก็จะสั่งแล้วเฮ้ยปอดหาย

00:07:0900:07:12 ใจเร็วๆหน่อยดิจะได้กำจัด

00:07:1200:07:15 คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายเยอะๆเยอะๆ

00:07:1500:07:17 นะครับก็เป็นการปรับพีให้สูงขึ้นนั่นเอง

00:07:1700:07:21 นะครับปอดเนี่ยจะทำงานในหลักนาทีนะครับที

00:07:2100:07:23 นี้ไตเนี่ยก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่ช่วยใน

00:07:2300:07:26 การปรับพีชของเลือดนะครับโดยเวลาเลือด

00:07:2600:07:28 เนี่ยมันวิ่งเข้าไปที่ไตนะครับมันก็จะคอย

00:07:2800:07:30 ดูว่าเอ๊ะตอนนี้ในเลือดของเราเนี่ยมันมี

00:07:3000:07:32 แร่ธาตุสารอาหารอะไรที่มีความเป็นกรดหรือ

00:07:3200:07:34 ว่ามีความเป็นด่างเยอะไปหรือเปล่าถ้ามัน

00:07:3400:07:36 เยอะเกินไปเนี่ยไตจะทำหน้าที่กรองแล้วก็

00:07:3600:07:39 กำจัดไอ้เจ้าสารเหล่านั้นเนี่ยออกไปจาก

00:07:3900:07:42 ร่างกายนะครับถ้าเกิดมีกรดเยอะไตก็กำจัด

00:07:4200:07:44 กรดออกไปเยอะถ้าเกิดว่ามีด่างเยอะไตก็

00:07:4400:07:47 กำจัดไอ้เจ้าสารที่เป็นด่างออกไปเยอะ

00:07:4700:07:48 เพราะฉนั้นปัสสวะเราก็จะมีความเป็นกรด

00:07:4800:07:50 เป็นด่างตามของที่เรากินเข้าไปนั่นเองนะ

00:07:5100:07:53 ครับโดยไตเนี่ยอาจจะทำงานช้าหน่อยคืออาจ

00:07:5300:07:55 จะต้องเป็นสเกลของระดับชั่วโมงเพราะว่า

00:07:5500:07:57 กว่าที่เราจะกินอาหารกว่าจะ process กว่า

00:07:5700:07:59 จะเข้าห้องน้ำทีนึงนะครับเป็นหลักชั่วโมง

00:07:5900:08:02 งั้นทั้งเลือดทั้งปอดทั้งไตจะช่วยกันทำ

00:08:0200:08:08 งานเพื่อให้พของเลือดเราอยู่ที่ 7.35 และ

00:08:0800:08:11 7.45 ตลอดเวลาเพื่อ maintain การทำงาน

00:08:1100:08:13 ของร่างกายให้มันเป็นปกตินะครับไม่ว่าคุณ

00:08:1300:08:17 จะกินอะไรเข้าไปก็ตามเลือดพีจะไม่แกว่ง

00:08:1700:08:19 ครับเท่านั้นยังไม่พอนะครับอวัยวะแต่ละ

00:08:1900:08:22 อวัยวะของร่างกายเนี่ยก็จะมีพีในการทำงาน

00:08:2200:08:24 ที่เหมาะสมด้วยครับยกตัวอย่างง่ายๆเลยคือ

00:08:2400:08:27 กระเพาะอาหารของคนเราครับกระเพาะอาหารของ

00:08:2700:08:30 คนเราเนี่ยมีความเป็นกรดกนข้างสูงพีชอยู่

00:08:3000:08:33 ที่ประมาณ 2-3 นะครับเพราะฉะนั้นคุณกิน

00:08:3300:08:37 น้ำด่างเข้าไปตึ๊งเข้าไปเจอกระเพาะอาหาร

00:08:3700:08:39 ที่มีภาวะเป็นกรดนะครับเพราะว่าเซลล์ใน

00:08:3900:08:41 กระเพาะเนี่ยจะหลั่งกดไฮโดรคลอลิกออกมา

00:08:4100:08:43 ตลอดเวลาเลยนะครับเจอกรดไฮโดรคลอลิกปึ๊บ

00:08:4300:08:46 มันก็จะนวรตู้มทำให้เป็นกลางนะครับยิ่ง

00:08:4600:08:48 คุณกินน้ำด่างเข้าไปเยอะปึ๊บเนี่ยครับ

00:08:4800:08:49 เซลล์มันก็จะรู้สึกว่าเฮ้ยทำไมมันมีความ

00:08:4900:08:51 เป็นด่างเยอะจังไม่ได้กระเพาะมันต้องเป็น

00:08:5100:08:53 กรดมันก็จะหลั่งกรดไฮดรอลิคเข้ามาเพิ่ม

00:08:5300:08:55 ขึ้นเพิ่ขึ้นเพื่อปรับให้กระเพาะอาหารของ

00:08:5500:08:58 เราเนี่ยมีความเป็นกรดอยู่เสมอเพราะว่าพ2

00:08:5800:09:01 3 เนี่ยจำเป็นมากกับการทำงานของเอนไซมใน

00:09:0100:09:04 การย่อยโปรตีนนะครับพวกตระกูลโปรตีเอส

00:09:0400:09:06 ทั้งหลายเนี่ยนั้นมันก็จะ maintain ให้

00:09:0600:09:08 กับพอหารมีความเป็นกรดอยู่ดีต่อให้คุณกิน

00:09:0800:09:10 น้ำดังหรืออะไรก็ตามที่มันมีความเป็นดัง

00:09:1000:09:12 เข้าไปเยอะๆนั่นเองนะครับและเอาจริงๆแล้ว

00:09:1200:09:14 เนี่ยครับทั้งในกระเพาะอาหารและก็ในระบบ

00:09:1400:09:17 ปัสสาวะเนี่ยมีการศึกษามาเลยนะครับว่าตัว

00:09:1700:09:20 ระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินปัสสาวะ

00:09:2000:09:22 เนี่ยครับควรจะมีความเป็นกรดด้วยซ้ำไปนะ

00:09:2300:09:25 ครับเพราะว่าจะลดโอกาสที่เกิดการติดเชื้อ

00:09:2500:09:27 จากแบคทีเรียครับเมื่อไหร่ก็ตามที่ทาง

00:09:2700:09:29 เดินปัสสาวะของเราเครับมีความเป็นด่าง

00:09:3000:09:33 เพิ่มขึ้นมีโอกาสที่เราจะติดเชื้อโรคได้

00:09:3300:09:35 ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไปนะครับเพราะ

00:09:3500:09:39 ฉะนั้นกินอาหารเพื่อปรับพีชของเลือดผิด

00:09:3900:09:41 แน่นอนครับไม่เป็นความจริงนะครับมาถึง

00:09:4100:09:43 ประเด็นที่ 2 นะครับว่าเฮ้ยถ้าเกิดว่า

00:09:4300:09:45 เลือดของเราเป็นกรดเนี่ยมันจะมีโอกาสทำ

00:09:4600:09:48 ให้เกิดมะเร็งมากยิ่งขึ้นนะครับประเด็น

00:09:4800:09:50 นี้ก็ผิดเหมือนกันนะครับเดี๋ยวมาเล่าให้

00:09:5000:09:53 ฟังว่าไอ้ที่มาที่ไปของความเชื่อว่าเลือด

00:09:5300:09:55 เป็นกรดจะทำให้เกิดมะเร็งเนี่ยมันมาจาก

00:09:5500:09:58 ไหนนะครับจริงๆเนี่ยมันต้องย้อนไปประมาณ

00:09:5800:10:00 ศตวรรษที่ 10 19 นะครับในช่วงปี 1900

00:10:0000:10:04 กว่าๆเนี่ยนะครับมีอ่านัก physiologist

00:10:0400:10:07 แล้วก็เป็นคุณหมอท่านหนึงนะครับชื่อว่าดร

00:10:0700:10:10 ออต wbg นะครับท่านเนี้ยเขาได้รับรางวัล

00:10:1000:10:13 โนเบลด้วยนะครับเขาเจอว่าอ่าเซลล์มะเร็ง

00:10:1300:10:15 เนี่ยสามารถที่จะอยู่อาศัยในภาวะที่

00:10:1500:10:19 ออกซิเจนต่ำแล้วก็มีภาวะที่เป็นกรดได้นะ

00:10:1900:10:21 ครับแล้วเจ้าเซล์มะเร็งเนี่ยจะใช้น้ำตาล

00:10:2100:10:23 เป็นแหล่งพลังงานแล้วก็สามารถสร้างพลัง

00:10:2300:10:26 งานจากน้ำตาลได้เหมือนกับยีสโดยใช้วิธี

00:10:2600:10:29 การที่คล้ายๆกับการหมักนั่นคือองค์ความ

00:10:2900:10:33 รู้ในปี 1900 กว่าๆแลทำให้เ่านัก

00:10:3300:10:35 วิทยาศาสตร์ท่านนี้เนี่ยได้รับรางวัล

00:10:3500:10:38 โนเบลนะครับแต่อย่าลืมครับว่าวิทยาศาสตร์

00:10:3800:10:41 คือความจริงที่พิสูจน์แล้วเป็นความจริง

00:10:4100:10:45 ที่พิสูจน์ได้ณช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นนะ

00:10:4500:10:49 ครับถ้าเกิดว่าในอนาคตมีชุดข้อมูลใหม่

00:10:4900:10:52 ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากขึ้นได้ข้อมูล

00:10:5200:10:55 เพิ่มเติมมากขึ้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์

00:10:5500:10:58 หรือว่า FA ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์

00:10:5800:11:00 เนี่ยมันก็สาสามารถที่จะเปลี่ยนไปได้ตาม

00:11:0000:11:03 กาลเวลาตามข้อมูลที่มีการค้นเจอมากยิ่ง

00:11:0300:11:05 ขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นด้วยเทคนิคทาง

00:11:0500:11:07 วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนะครับได้องค์ความ

00:11:0700:11:10 รู้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์มะเร็งแล้ว

00:11:1000:11:13 ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับแทบจะตรงกันข้ามเลย

00:11:1300:11:15 นะครับว่าไม่ใช่เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดีใน

00:11:1500:11:18 ภาวะที่เป็นกรดแต่แท้จริงแล้วนะครับเซลล์

00:11:1800:11:20 มะเร็งนะครับก็ไม่ต่างกับเซลล์ทั่วไป

00:11:2000:11:23 เซลล์มะเร็งต้องการออกซิเจนครับทุกคน

00:11:2300:11:27 เพราะว่าออกซิเจนเนี่ยจำเป็นกับทุกๆเซลล์

00:11:2700:11:29 แล้วก็จำเป็นในการสร้างพลังงานนะครับที

00:11:2900:11:31 นี้จะเห็นได้เลยว่าเซลล์มะเร็งอยู่ได้

00:11:3100:11:34 เนี่ยต้องมีเส้นเลือดนะครับเจริญเติบโต

00:11:3400:11:36 แล้วก็วิ่งไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็งเพื่อ

00:11:3600:11:39 นำพาอาหารไปให้พวกเขานะครับแต่ปัญหามัน

00:11:3900:11:42 อยู่ที่ว่าเซลล์มะเร็งเนี่ยครับมันเติบโต

00:11:4200:11:45 เร็วมากมันแบ่งตัวมันเพิ่มจยนได้รวดเร็ว

00:11:4500:11:47 มากบางทีเนี่ยเร็วเกินกว่าที่เส้นเลือด

00:11:4700:11:49 เส้นเลือดฝอยเนี่ยมันจะเจริญเติบโตแล้วก็

00:11:4900:11:52 สามารถจะนำอาหารไปให้เซลล์มาเร็งได้มาก

00:11:5200:11:55 เพียงพอทีนี้ก็เกิดปัญหาแลเฮ้ยออกซิเจน

00:11:5500:11:57 มันวิ่งมาหาเซลล์มะเร็งได้ไม่ทันการไม่

00:11:5700:12:00 ทันใช้อ่ะเจ้าเซลลมะเร็งครับมันก็เลยมี

00:12:0000:12:02 ความจำเป็นต้องปรับตัวแทนที่เซลล์มะเร็ง

00:12:0200:12:05 เนี่ยมันจะสร้างพลังงานจากกลูโคสหรือว่า

00:12:0500:12:07 น้ำตาลโดยอาศัยออกซิเจนนะครับด้วยกระบวน

00:12:0700:12:11 การ oxidative เฟิชไม่จำเป็นต้องดูคำศัพท

00:12:1100:12:12 นะครับคือง่ายๆคือการสร้างพลังงานมันต้อง

00:12:1300:12:15 มีหายใจออกซิเจนเข้าไปอ่ะเปลี่ยนกลูโคส

00:12:1500:12:17 ให้เป็นพลังงานได้ปริมาณเยอะๆเนี่ยมันไม่

00:12:1700:12:20 ทันการครับเซลล์มะเร็งมันปรับตัวโดยการ

00:12:2000:12:23 สามารถจะเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงาน

00:12:2300:12:27 ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยออกซิเจนนั่นเอง

00:12:2700:12:29 นะครับก็จะเร็วกว่าแล้วก็ก็ได้พลังงานมา

00:12:2900:12:31 อย่างรวดเร็วทันกินทันใช้อ่ะนะครับนั่น

00:12:3100:12:34 คือความสามารถของเซลล์มะเร็งทีนี้พอมัน

00:12:3400:12:37 สามารถจะเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นพลังงานโดย

00:12:3700:12:39 ไม่ต้องอาศัยออกซิเจนได้เนี่ยผลพลอยได้ก็

00:12:3900:12:42 คือมันจะสร้างกรดตัวนึงขึ้นมาครับคือกรด

00:12:4200:12:46 แลคติกครับทุกคนเจ้ากรด lactic เนี่ยมัน

00:12:4600:12:48 มีประโยชน์กับเซลล์มะเร็งด้วยนะคือมันมี

00:12:4800:12:49 คุณสมบัติเป็น

00:12:4900:12:51 immunosuppressive คือมันสามารถที่จะ

00:12:5100:12:54 เป็นเกราะป้องกันอิมมูนเซลล์ไม่ให้มันจัด

00:12:5400:12:56 การกับเซลล์มะเร็งได้ครับเท่านั้นยังไม่

00:12:5600:12:59 พอเจ้ากรดแลคติกเนี่ยมันยังสามารถไป

00:12:5900:13:01 กระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างหลอดเลือด

00:13:0100:13:03 ให้มันเยอะๆเยอะๆๆหรือว่ากระบวนการ

00:13:0300:13:06 angiogenesis คือถ้าเกิดมันมีเลือดเกิด

00:13:0600:13:08 ขึ้นเยอะมันก็เป็นผลดีกับเซลล์มะเร็งถูก

00:13:0800:13:10 มั้ยเพราะฉะนั้นจริงๆเซลล์มะเร็งเนี่ย

00:13:1000:13:13 ครับเป็นคนที่สร้างกรดแลคติกแล้วทำให้

00:13:1300:13:16 เกิดกรดขึ้นมาในสิ่งแวดล้อมหรือในเลือด

00:13:1600:13:18 เราด้วยซ้ำไปนะครับแต่ต่อให้เซลล์มะเร็ง

00:13:1800:13:21 เนี่ยมันจะผลิตกรดแลคติกเข้ามาเยอะแยะแค่

00:13:2100:13:24 ไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนพีของ

00:13:2400:13:27 เลือดเราได้ง่ายขนาดนั้นเพราะร่างกายเรา

00:13:2700:13:29 มีปอดร่างกายเรามีไตร่างกายเรามีระบบ

00:13:2900:13:31 บัฟเฟอร์ในเลือดนะครับที่จะ maintain ให้

00:13:3100:13:34 พีเนี่ยมันคงที่ไม่ค่อยแกว่งนั่นเองนะ

00:13:3400:13:36 ครับเพราะฉะนั้นความเชื่อที่ว่าเฮ้ยเลือด

00:13:3600:13:39 เป็นโกรธมันจะทำให้มะเร็งเติบโตได้ดีและ

00:13:3900:13:42 อันตรายกับร่างกาย No จ้ะมันรวสด้วยซ้ำไป

00:13:4200:13:45 จริงๆมะเร็งเนี่ยนะเป็นคนผลิตกรดนะครับ

00:13:4500:13:48 แต่กรดที่ไอ้เจ้าเซลล์มะเร็งมันผลิตไม่

00:13:4800:13:51 สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพีของเลือดได้นะ

00:13:5100:13:53 ครับมีการศึกษาด้วยนะครับว่าเอ๊ลองเอาคน

00:13:5300:13:57 เราเนี่ยมาลองกินผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

00:13:5700:13:59 อย่างส้มหรือมะนาวนะครับปริมาณมันเยอะมาก

00:13:5900:14:02 แบบ 8 กกถ้าผมจำไม่ผิดนะครับซึ่งปริมาณ

00:14:0200:14:05 กรดเยอะขนาดนั้นเนี่ยตามหลักแล้วเฮ้ยอัด

00:14:0500:14:07 เข้าไปในเลือดมันควรจะปรับให้เลือดเนี่ย

00:14:0700:14:09 พีต่ำลงเยอะๆแล้วมีความเป็นกรดถูกมั้ยแต่

00:14:0900:14:11 สิ่งที่เขาเจอนะครับต่อให้กินผลไม้ที่มี

00:14:1100:14:12 รดเปรี้ยวขนาดนั้นเนี่ยพีส่งเลือดยังลดมา

00:14:1200:14:15 เพียงแค่ 0.2 คือน้อยมากๆเลยนะครับเพราะ

00:14:1500:14:17 ฉะนั้นเนี่ยการกินน้ำด่างเข้าไปอ่ะเพียง

00:14:1700:14:20 ทีละขวดหรือเพียงทีละแก้ว 2 แก้วเนี่ยมัน

00:14:2000:14:23 ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนพีของเลือดเราได้เลย

00:14:2300:14:25 ครับต่อมาครับเกี่ยวกับมะนาวครับจริงๆ

00:14:2500:14:28 เป็นสิ่งที่ผมอยากจะแชร์มากเลยเพราะว่าไถ

00:14:2800:14:30 ดูในโซเชียลมีเดียโอ้โหมีคนแชร์เยอะมาก

00:14:3000:14:32 เลยวิธีการทำน้ำด่างง่ายๆที่บ้านด้วย

00:14:3200:14:34 มะนาวนะครับแล้วก็บอกว่ากินไปแล้วเนี่ย

00:14:3400:14:36 ช่วยมะเร็งแล้วตัดเรื่องการกินน้ำด่าง

00:14:3600:14:38 รักษามะเร็งไปแล้วนะผมเคลียร์ไปแล้วแต่มา

00:14:3800:14:41 คุยกันนิดนึงครับเบอกว่าน้ำมะนาวเนี่ยมี

00:14:4100:14:43 คุณสมบัติเป็นด่างครับซึ่งในความเป็นจริง

00:14:4300:14:46 แล้วเนี่ยนะครับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวส้ม

00:14:4600:14:48 มะนาวเนี่ยครับมันมี component หรือส่วน

00:14:4800:14:50 ประกอบที่เป็นกรดครับโดยเฉพาะกรดิรกอยู่

00:14:5100:14:53 เยอะครับไม่มีทางเป็นด่างไปได้เลยนะครับ

00:14:5300:14:56 ตัวมันเองมีความเป็นกรดมีความเป็นกรดอยู่

00:14:5600:14:59 เยอะมากๆนะครับทุกคน PS อาจจะ 2-3 เท่าๆ

00:14:5900:15:00 กับกระเพาะเลยนะครับซึ่งกินเข้าไปแล้ว

00:15:0100:15:03 อย่างที่บอกมันก็ไม่สามารถที่จะปรับพีช

00:15:0300:15:06 ของเลือดได้นะครับแต่การกินมะนาวเนี่ยมัน

00:15:0600:15:08 ไม่ได้ให้โทษครับมันมีผลพลอยได้อยู่อย่าง

00:15:0800:15:11 นึงครับคือในมะนาวเนี่ยครับอย่างที่บอกไป

00:15:1100:15:15 มันมีกดซิตริกเนาะเมื่อเลือดที่มันมีกด

00:15:1500:15:18 ซิตริกเนี่ยวิ่งไปที่ไตนะครับแล้วไตจะ

00:15:1800:15:21 ต้องกำจัดกดิริออกไปจากร่างกายนะครับมัน

00:15:2100:15:24 จะมีการ process หรือมี metabolism

00:15:2400:15:28 เปลี่ยนเจ้ากดิรกเนี่ยครับให้ไปเป็นแคลด

00:15:2800:15:30 cit คือง่ายๆมันกลายเป็นซิเตรตซึ่งเจ้า

00:15:3000:15:33 ซิเตรตนี่แหละครับมันจะทำให้น้ำปัสสาวะ

00:15:3300:15:37 ของเราเนี่ยครับมีความเป็นด่างขึ้นมานิด

00:15:3700:15:41 นึงคือมันมีคุณสมบัติที่สามารถจะไปจับกับ

00:15:4100:15:44 ไอออนอย่างแคลเซียมไอออนได้นะครับกลาย

00:15:4400:15:47 เป็นแคลเซียมซิเตรตนะครับซึ่งเจ้าซิเตรต

00:15:4700:15:52 เนี่ยมันจะไปแข่งขันกับออกซาเลตในการแย่ง

00:15:5200:15:54 จับแคลเซียมนะครับเพราะถ้าแคลเซียมจับกับ

00:15:5400:15:57 ออกซาเลตเมื่อไหร่กลายเป็นแคลเซียม

00:15:5700:16:00 ออกซิเดจะเกิดหินปูนแล้วทำให้เกิดนิ่ว

00:16:0000:16:02 ขึ้นมาได้เพราะฉะนั้นการกินน้ำมะนาวที่มี

00:16:0200:16:05 ซิตริ Acid ที่เมื่อผ่าน process ที่ไต

00:16:0500:16:08 แล้วได้ซิเตรตเนี่ยครับมันจะไปช่วยทาง

00:16:0800:16:11 อ้อมในการป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้นะ

00:16:1100:16:14 ครับเพราะว่ามันจะไปแย่งจับกับแคลเซียม

00:16:1400:16:16 แล้วก็ป้องกันการเกิดหินปูนสะสมได้นั่น

00:16:1600:16:18 เองแต่อยากให้ทุกคนเข้าใจนะครับว่าน้ำ

00:16:1800:16:21 มะนาวหรือผลไม้รดเปรี้ยวตัวมันเองมีฤทธิ์

00:16:2100:16:23 เป็นกรดนะครับแค่เผอิญว่าตัวมันเองเนี่ย

00:16:2400:16:26 มีสารที่เมื่อวิ่งไปถึงไตและผ่าน process

00:16:2700:16:29 แล้วมันได้ bu Product ที่มีคุณสมบัติ

00:16:2900:16:31 เป็นด่างเท่านั้นเองครับสุดท้ายครับถาม

00:16:3100:16:33 ว่าอ้าแล้วจริงๆแล้วเราควรจะดื่มน้ำอะไร

00:16:3300:16:37 นะคำตอบง่ายๆครับน้ำดื่มทั่วไปครับที่

00:16:3700:16:39 recom ให้ดื่มเลยนะครับคือมีพีชอยู่ที่

00:16:3900:16:43 6.5 - 8.5 นะครับและต่อให้คุณจะดื่ม

00:16:4300:16:47 น้ำที่มีพีชต่ำหรือสูงกว่าค่านี้นะครับ

00:16:4700:16:49 จริงๆแล้วเนี่ยร่างกายก็สามารถที่จะปรับ

00:16:4900:16:52 สมดุลของพีได้อยู่แล้วนะครับแล้วน้ำด่าง

00:16:5200:16:55 ที่มีขายทั่วไปอ่ะดื่มได้มยผมก็ตอกได้เลย

00:16:5500:16:57 ว่าน้ำด่างที่มีขายก็ดื่มได้ครับทุกคน

00:16:5700:17:01 ตราบใดที่น้ำเหล่านั้นเนี่ยถูกผลิตขึ้นมา

00:17:0100:17:03 อย่างมีมาตรฐานก็คือสะอาดนะครับเพราะ

00:17:0300:17:07 เพราะว่าการกินน้ำที่มีประจุโลบไอออนแร่

00:17:0700:17:10 ธาตุต่างๆไม่ว่าจะจากธรรมชาติหรือว่าจาก

00:17:1000:17:13 การที่ผู้ผลิตเนี่ยเติมเข้าไปนะครับแร่

00:17:1300:17:15 ธาตุเหล่านั้นเนี่ยร่างกายเนี่ยก็ได้ใช้

00:17:1500:17:17 อยู่แล้วสิ่งเดียวที่อยากจะย้ำคือกินได้

00:17:1700:17:19 แต่ไม่ใช่กินเพราะเชื่อว่ากินเข้าไปแล้ว

00:17:1900:17:22 เนี่ยมันจะทำให้เลือดของเราเนี่ยลดกรด

00:17:2200:17:24 แล้วก็จะช่วยในการต้านมะเร็งนะครับแต่

00:17:2400:17:26 จริงๆน้ำเหล่านั้นกินเข้าไปมันเพิ่ม

00:17:2600:17:29 ไฮเดรชั่นคือทำให้ร่างกายเมีความชุ่มชื้น

00:17:2900:17:32 นะครับสิ่งที่สำคัญกว่าคือควรจะกินน้ำที่

00:17:3200:17:35 สะอาดผ่านการต้มผ่านการกัดหรือการผลิตที่

00:17:3500:17:38 มีมาตรฐานและควรจะกินน้ำให้มากเพียงพอถาม

00:17:3800:17:41 ว่ากินน้ำเท่าไหร่ถึงจะมากเพียงพอมีหลาย

00:17:4100:17:43 สำนักมากเลยครับบางคนบอก 2 ลิตร 3 ลิตร 4

00:17:4300:17:46 ลิตรเอาจริงๆ Bottom line คืออย่างน้อย 2

00:17:4600:17:48 ลิตรไว้ก่อนเราควรจะประเมินจากสีของ

00:17:4800:17:50 ปัสสวะของตัวเรานะครับควรจะเป็นสีเหลือง

00:17:5000:17:53 อ่อนและควรรจะประเมินจาก Body Water นะ

00:17:5300:17:55 ครับเวลาที่เราไปชั่งเครื่องชั่งน้ำหนัก

00:17:5500:17:57 ไหนแล้วมันบอกได้ว่าตอนเนี้ยในร่างกายเรา

00:17:5700:17:59 มีน้ำอยู่ที่เท่าไหร่นะครับผู้หญิงควรจะ

00:17:5900:18:02 มีปริมาณน้ำในร่างกายอยู่ที่ประมาณ 45-60

00:18:0200:18:04 per นะครับในขณะที่ผู้ชายเนี่ยควรจะมี

00:18:0400:18:07 ปริมาณน้ำในร่างกายอยู่ที่ประมาณ 50 -

00:18:0700:18:10 65% ถ้าใครเป็นนักกีฬาเนี่ยควรจะมีน้ำใน

00:18:1000:18:12 ร่างกายเพิ่มขึ้นกว่าค่า average อยู่ที่

00:18:1200:18:15 อีก 5% นะครับคือกินน้ำเข้าไปเยอะๆให้

00:18:1500:18:18 ร่างกายไฮเดรตยังไงก็ดีต่อสุขภาพของเรา

00:18:1800:18:20 ครับเพราะฉะนั้นถ้าคุณกินน้ำยี่ห้อไหน

00:18:2000:18:22 แล้วรู้สึกว่าเออกินน้ำยี่ห้อนั้นแล้วมัน

00:18:2200:18:25 ถูกจริตจังเลยกินแล้วรสชาติมันดีกินแล้ว

00:18:2500:18:27 รู้สึกว่ากินได้เรื่อยๆกินได้เยอะๆกินไป

00:18:2700:18:30 เลยครับตราบใดที่น้ำนั้นเป็นน้ำที่สะอาด

00:18:3000:18:34 แล้วก็คุณมีกำลังจ่ายที่จะซื้อน้ำยี่ห้อ

00:18:3400:18:35 นั้นนะ

00:18:3500:18:39 ครับ Top to Toe The Standard

00:18:3900:18:45 podcast Eye Opening for your

00:18:4500:18:48 ears