00:00:00 → 00:00:03 อาหารที่ทำร้ายคุณโดยไม่รู้ตัววันนี้นะคะ
00:00:03 → 00:00:06 หมอนี้ก็จะมาเล่าให้ฟังนะว่า 5 อาหารที่
00:00:06 → 00:00:08 เรากินกันอยู่ทุกวันเนี้ยอาจจะทำร้าย
00:00:08 → 00:00:11 สุขภาพเราโดยที่ไม่รู้ตัวนะหมอก็เคยกินมา
00:00:11 → 00:00:14 ก่อนนะแต่ว่าตอนเนี้ยเป็นสิ่งที่หมอหยุด
00:00:14 → 00:00:16 กินหมดแล้วค่ะคุณรู้มั้คะว่าอาหารเช้า
00:00:16 → 00:00:20 เนี่ยเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดของแต่ละ
00:00:20 → 00:00:23 วันเลยนะเพราะว่าเราจะเริ่มต้นอะไรถ้าเรา
00:00:23 → 00:00:26 เริ่มต้นตอนเช้าเลยก็ดีที่สุดใช่มั้ยคะ
00:00:26 → 00:00:28 เพราะฉะนั้นเนี่ยคุณรู้มั้ยคะว่าสิ่งที่
00:00:28 → 00:00:30 เราเอาเข้าปากเนี่ยมันมีผลกับเราทั้งวัน
00:00:30 → 00:00:33 เลยนะคะก่อนที่จะไปเล่าให้ฟังนะคะก็อย่า
00:00:33 → 00:00:37 ลืมกดไลค์กด Subscribe ให้หมอเนอ
00:00:38 → 00:00:41 ก็จะมาเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่คุ้นเคยกันก็
00:00:41 → 00:00:44 คืออาหารเช้าที่ทุกคนต้องกินนะคะวันนี้
00:00:44 → 00:00:47 เราจะมาอธิบายโดยโดยที่เอางานวิจัยมาเล่า
00:00:47 → 00:00:51 ให้ฟังด้วยนะคะว่าอะไรที่มีผลบ้างนะคะอ่า
00:00:51 → 00:00:55 คุณกินยังไงชีวิตคุณก็จะเป็นจากสิ่งที่
00:00:55 → 00:00:59 คุณกินนั่นแหละนะคะการที่เรามีลำไส้ที่ดี
00:00:59 → 00:00:59 เนี่ย
00:00:59 → 00:01:02 ลำไส้ทำหน้าที่ตั้งแต่ควบคุมภูมิคุ้มกัน
00:01:02 → 00:01:05 ของร่างกายนะคะถึง 70% เลยนะคะแล้วก็
00:01:05 → 00:01:08 ฮอร์โมนต่างๆนะคะพลังงานอาหารเช้าเนี่ย
00:01:08 → 00:01:11 เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากๆเลยค่ะเรามา
00:01:11 → 00:01:15 เริ่มที่เมนูแรกกันเลยดีกว่านะคะอาหารที่
00:01:15 → 00:01:19 1 นะคะก็คือเป็นกาแฟเย็นกับปลาตงโก๋ค่ะ
00:01:19 → 00:01:21 ไม่ได้รวมถึงกาแฟเย็นอย่างเดียวบางคนก็
00:01:21 → 00:01:26 กินชาเขียวบ้างชาเย็นบ้างนะคะเมนูที่ดู
00:01:26 → 00:01:29 เบาๆนะคะแต่พลังงานมันไม่เบาเอาแบบที่คิด
00:01:29 → 00:01:34 เลยนะเรามาดูกันทีละตัวก่อนนะคะหลายๆคน
00:01:34 → 00:01:36 เนี่ยมีความรู้สึกว่าถ้าไม่กินกาแฟมันจะ
00:01:36 → 00:01:41 ไม่ตื่นมันจะไม่สดชื่นไม่สามารถทำให้แบบ
00:01:41 → 00:01:44 productivity ไม่ทำงานได้ดีใช่มั้ยคะหมอ
00:01:44 → 00:01:47 ก็เป็นคนนึงนะปัจจุบันก็ยังกินกาแฟอยู่นะ
00:01:47 → 00:01:50 คะการที่เรากินกาแฟเนี่ยคุณรู้มั้คะว่า
00:01:50 → 00:01:54 บางทีเนี่ยเขาใส่น้ำตาลถึง 3-4 ช้อนชานะ
00:01:54 → 00:01:57 ครีมเทียมหรือว่าไขมันทานนะคะในกรณีที่
00:01:57 → 00:02:00 คุณกินพวกทริ inone ใช่มั้ยคะแต่บางคน
00:02:00 → 00:02:04 เนี่ยก็รู้สึกว่าเห็นเขาเติมนมข้นใช่ป่ะ
00:02:04 → 00:02:08 คะนมข้นเนี่ยพลังงานเยอะมากนะบวกกับคุณ
00:02:08 → 00:02:11 กินปลาต้องโก๋อีกใช่มั้ยคะอ่ะเรามาดูกัน
00:02:11 → 00:02:14 ทีละอันก่อนเนาะการที่เรากินน้ำตาลที่มัน
00:02:14 → 00:02:18 ใส่นมข้นเนาะเราก็จะได้น้ำตาลเพียวๆบวก
00:02:18 → 00:02:22 กับน้ำมันเลยนะคะอันนี้คือนมข้นเนาะแล้ว
00:02:22 → 00:02:26 ก็ปลาตุ้งโก๋มีอะไรบ้างนะคะปลาตุ้งโก๋
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยผ่านการทอดด้วยเราเรียกว่า deep f
00:02:28 → 00:02:32 นะคะก็คือทอดด้วยความร้อนสูงนะพวกนี้มัน
00:02:32 → 00:02:35 มีผลอะไรนะคะมันจะทำให้น้ำมันนะคะซึ่ง
00:02:35 → 00:02:38 เป็นสารไฮโดรคาร์บอนกลุ่มนึงเนี่ยมันก็จะ
00:02:38 → 00:02:42 มีผลนะคะเปลี่ยนเป็นพวกเอ่ออัลดีไฮด์นะคะ
00:02:42 → 00:02:45 คล้ายๆกลุ่มพวกฟอร์มีนนะคะก็จะกระตุ้นการ
00:02:45 → 00:02:47 อักเสบแล้วก็ทำลายจุลินทรีย์ในลำไส้เรา
00:02:47 → 00:02:51 ด้วยนะคะแล้วนี่ยังไม่นับที่แบบคนทอดปลา
00:02:51 → 00:02:54 ตุ้งโกหม้อใหญ่ๆก็มีการใช้น้ำมันเยอะใช่
00:02:54 → 00:02:57 มั้ยคะเพราะว่าการทอดอาหารพวกนี้เนี่ยมัน
00:02:57 → 00:03:00 จะต้องใช้แบบอุณหภูมิที่เยอะนะคะบางทีใช้
00:03:00 → 00:03:05 ถึง 180 องศเซซียเลยนะคะมันก็จะปล่อยสาร
00:03:05 → 00:03:08 ไฮโดรคาร์บอนตัวร้ายพวกนี้ออกมาได้เลยนะ
00:03:08 → 00:03:13 คะมาดูที่อ่าแป้งปลาตุ้งโก๋อีกใช่มั้ยคะ
00:03:13 → 00:03:16 นอกจากนั้นนะแป้งเราก็จะได้แป้งแบบเพียวๆ
00:03:16 → 00:03:18 ไปเลยนะพลังงานที่แบบโอ้โหดูเหมือนไม่มี
00:03:19 → 00:03:22 อะไรแต่พลังงานเยอะมากนะคะสุดท้ายคือนม
00:03:22 → 00:03:25 ข้นหวานนะคะนมข้นหวานเนี่ย 1 ช้อนโต๊ะนะ
00:03:25 → 00:03:30 คะให้พลังงานประมาณ 60 กแควเลย 60 กแคว
00:03:30 → 00:03:33 นี่มันประมาณไหนนะคะประมาณนมมันเนย 1
00:03:33 → 00:03:37 กล่องนะคะก็เยอะเหมือนกันนะคะแล้วก็มันก็
00:03:37 → 00:03:40 จะเพิ่มภาวะที่เรียกว่าดื้ออินซูลินเนาะ
00:03:40 → 00:03:43 ก็ทำให้เกิดเบาหวานได้เดี๋มอจะเล่าต่อให้
00:03:43 → 00:03:46 ฟังนะคะว่าภาวะดื้ออินซูลินเนี่ยมันน่า
00:03:46 → 00:03:50 กลัวขนาดไหนเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยหมอก็แนะ
00:03:50 → 00:03:54 นำว่าถ้าใครติดกาแฟแล้วก็ปลาต้มโกนะคะลอง
00:03:54 → 00:03:57 เปลี่ยนเป็นกาแฟดำนะคะหรือกินชามาเขียว
00:03:57 → 00:04:00 พวกผงมัฉะไม่ใส่นมนะคะนะคะก็มีสารพวก
00:04:00 → 00:04:03 โพิฟีนอลนะคะซึ่งจุลินทรีย์ในร่างกายเรา
00:04:03 → 00:04:07 ชอบด้วยนะคะก็จะทำให้คุณตื่นได้เหมือนกัน
00:04:07 → 00:04:09 นะคาเฟอีนมันจะออกมาทั้งวันไม่ค่อยเหมือน
00:04:09 → 00:04:12 กาแฟนะคะ
00:04:12 → 00:04:15 กลุ่มที่ 2 ค่ะน้ำผลไม้ค่ะหลายๆคนก็รู้
00:04:15 → 00:04:19 สึกว่ามันคืออาหารสุขภาพนะคะแต่จริงๆแล้ว
00:04:19 → 00:04:22 น้ำผลไม้เนี่ยโดยเฉพาะถ้าเป็นแบบกล่องเลย
00:04:23 → 00:04:27 นะคะพวกนี้จะถูกอ่าเป็นผ่านการสังเคราะห์
00:04:27 → 00:04:31 มาแล้วนะคะต่อให้เขียนว่าไม่ปรุงแต่งรส
00:04:31 → 00:04:33 ธรรมชาติอันนั้นจริงๆแล้วก็มีสารเคมีอยู่
00:04:33 → 00:04:38 เยอะแล้วนะคะมันมีน้ำตาลมากถึง 5 ช้อนชา
00:04:38 → 00:04:40 ในกล่องนึงเลยนะคะแล้วยังไม่ได้ไฟเบอร์
00:04:40 → 00:04:45 ด้วยแล้วกินน้ำผลไม้คั้นสดได้มั้หมอนะคะ
00:04:45 → 00:04:48 การกินน้ำผลไม้คั้นสดเนี่ยมันก็จะได้แต่
00:04:48 → 00:04:50 น้ำตาลเหมือนกันนะคะเพราะว่าเราไม่ได้
00:04:50 → 00:04:53 ไฟเบอร์หรือว่ากากใยที่อยู่ในผลไม้เลยนะ
00:04:53 → 00:04:55 คะไฟเบอร์หรือกากใยในผลไม้เนี่ยเป็นตัว
00:04:55 → 00:04:59 การสำคัญที่ช่วยในการทำงานของร่างกายค่ะ
00:04:59 → 00:05:02 แล้วพอเรากินแต่น้ำตาลนะคะน้ำผลไม้อย่าง
00:05:02 → 00:05:05 เดียวมันก็จะได้แต่น้ำตาลเนาะก็จะเพิ่ม
00:05:05 → 00:05:07 ความเสี่ยงในการเป็นไขมันพ่อตับคนที่เป็น
00:05:07 → 00:05:10 เบาหวานก็จะแย่ขึ้นด้วยนะคะนี่ไม่นับน้ำ
00:05:10 → 00:05:13 ผลไม้กรอกที่ผ่านการพาสเจอร์ไลหรือผ่าน
00:05:13 → 00:05:17 อะไรที่วิตามินซีมันจะหายไปด้วยนะคะต่อ
00:05:17 → 00:05:19 ให้เราเป็นน้ำผลไม้ธรรมชาตินะวิตามินซีก็
00:05:19 → 00:05:23 แทบจะไม่มีเหลือแล้วนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:05:23 → 00:05:26 การที่เรากินน้ำผลไม้อย่างเดียวจะเพิ่ม
00:05:26 → 00:05:28 ความเสี่ยงทำให้เราเป็นเบาหวานมากขึ้นนะ
00:05:28 → 00:05:32 คะถึง 20% เลยนะคะเพราะฉะนั้นก็เยอะมากนะ
00:05:33 → 00:05:36 คะถ้าใครเป็นคนที่แบบชอบกินน้ำผลไม้หรือ
00:05:36 → 00:05:39 ติดหวานจริงๆนะให้ลอง 1 ลองกินน้ำเปล่า
00:05:39 → 00:05:43 ก่อนจะดีสุดค่ะ 2 กินผลไม้ทั้งลูกเลยนะคะ
00:05:43 → 00:05:45 1 ส่วนนะคะก็คือประมาณ 1 ลูกนั่นก็คือ
00:05:45 → 00:05:49 เพียงพอแล้วนะคะหรือเราเรียกอีกอย่างนึง
00:05:49 → 00:05:52 ว่า infield water คือการใส่เศษของผัก
00:05:52 → 00:05:55 ผลไม้นะคะลงไปในน้ำนะทำให้เรารู้สึกสด
00:05:55 → 00:05:58 ชื่นขึ้นเวลากินอย่างเช่นใส่เลมอนลงไปค่ะ
00:05:58 → 00:06:01 เราก็จะได้สารต้านอนุมูลอิสระแบบที่ไม่
00:06:01 → 00:06:04 เพิ่มน้ำตาลด้วยนะคะแต่ว่าถ้าอยากได้
00:06:04 → 00:06:07 ไฟเบอร์ไม่ต้องซื้อแบบน้ำผลไม้ผสมไฟเบอร์
00:06:07 → 00:06:11 ยังไงไม่มีคุณค่าเท่ากับการกินผลไม้ทาง
00:06:11 → 00:06:15 ลูกแน่นอนค่ะสำหรับอาหารอย่างที่ 3 นะคะ
00:06:15 → 00:06:20 ก็คือขนมปังนะคะเอ่อหมอเจอคนไข้เยอะมากนะ
00:06:20 → 00:06:22 คะแบบเอ่อเนื่องจากเราหมอเป็นหมอ
00:06:22 → 00:06:24 อายุรแพทย์เนาะแล้วก็เป็นหมอทางเดินอาหาร
00:06:24 → 00:06:27 ด้วยใช่มั้คะเราก็ดูกับคนไข้มาเนี่ยเป็น
00:06:27 → 00:06:29 10 ปีแล้วนะคะคนไข้ที่คุมเบาหวานไม่ได้
00:06:29 → 00:06:32 ส่วนใหญ่บอกว่าไม่กินอะไรเลยหมอไปถามดีๆ
00:06:32 → 00:06:35 กินขนมปังนะคะเป็นอาหารที่ชอบมากเลยนะ
00:06:35 → 00:06:38 เอ่อขนมปังแผ่นหมูหยองนะสมมุติอันนี้เป็น
00:06:38 → 00:06:41 กรณีขนมปังหมูหยองเนาะอ่ะก็จะได้สารอะไร
00:06:41 → 00:06:45 บ้างนะคะ 1 มันเค็มนะคะแล้วการที่ผ่าน
00:06:45 → 00:06:48 กระบวนการถอมอาหารพวกนี้มันต้องใส่น้ำตาล
00:06:48 → 00:06:50 เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมแล้วนะคะเราก็จะ
00:06:50 → 00:06:54 ได้ทั้งความดันที่ขึ้นเบาหวานที่ขึ้นโดย
00:06:54 → 00:06:57 ที่ไม่รู้ตัวนะคะน้ำตาลก็จะสวิงด้วยส่วน
00:06:57 → 00:07:00 ขนมปังเนี่ยมันก็ผ่านเป็นแป้งที่ผ่านการ
00:07:00 → 00:07:04 ขัดสีนะคะพวกนี้ดัชนีน้ำตาลมันสูงคำว่า
00:07:04 → 00:07:07 ดัชนีน้ำตาลมันสูงคืออะไรดัชนีน้ำตาลมัน
00:07:07 → 00:07:10 สูงคือกินเข้าไปปุ๊บร่างกายดูดซึมปุ๊บ
00:07:10 → 00:07:12 เหมือนน้ำหวานอย่างเงี้ยค่ะเวลาเราแบบโอ้
00:07:12 → 00:07:14 ไม่ไหวแล้วอย่าเงี้ยเรากินน้ำหวานแล้วก็
00:07:14 → 00:07:17 จะรู้สึกว่าเราสดชื่นอย่างรวดเร็วเลยนะคะ
00:07:17 → 00:07:20 แต่มันก็มีผลนะคะพอเรากินอย่างเงี้ยน้ำ
00:07:20 → 00:07:24 ตาลก็ลังพรวดขึ้นมาเลยนะคะแล้วมันก็ตกนะ
00:07:24 → 00:07:27 คะมันก็เลยทำให้พลังงานเราสวิงนะคะมันก็
00:07:27 → 00:07:31 จะหิวใหม่ได้ง่ายขึ้นนะคะอ่ะเดี๋ยวเรามา
00:07:31 → 00:07:34 ดูกราฟนะคะกราฟนี้ก็เป็นกราฟที่แสดง 2
00:07:34 → 00:07:38 อันนะคะอ่ะกราฟสีแดงนะคะเป็นกราฟที่แสดง
00:07:38 → 00:07:42 ถึงคนที่กินเอ่อพวกขนมปังธรรมดานะคะกับ
00:07:42 → 00:07:45 กลุ่มที่เป็นสีเขียวคือกลุ่มที่กินพวก
00:07:45 → 00:07:48 ธัญพืชนะคะจะเห็นได้ว่าเอ่อดูจุดเส้นประ
00:07:48 → 00:07:51 นะคะจุดเส้นประเเนี่ยก็จะเป็นการตอบสนอง
00:07:51 → 00:07:54 ของอินซูลินหรือฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ในการ
00:07:54 → 00:07:57 ควบคุมน้ำตาลนะเป็นตัวการนึงที่ทำให้เกิด
00:07:57 → 00:07:59 เบาหวานและทำให้อ้วนโดยที่ไม่รู้ตัวด้วย
00:07:59 → 00:08:04 นะคะในกลุ่มที่กินเอ่อขนมปังเนาะน้ำตาลก็
00:08:04 → 00:08:08 จะพุ่งพรวดเลยนะคะอินซูลินก็พุ่งตามด้วย
00:08:08 → 00:08:10 แบบนี้ไม่ดีแล้วก็ระดับน้ำตาลในเลือดนะคะ
00:08:10 → 00:08:14 มันก็จะต่ำลงมาอย่างรวดเร็วเลยนะคะแล้ว
00:08:14 → 00:08:17 มันก็พุ่งๆอย่างเงี้ยเรื่อยๆกลุ่มนี้จะ
00:08:17 → 00:08:19 เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานมากกว่า
00:08:19 → 00:08:22 คนที่ปล่อยให้น้ำตาลระดับใกล้เคียงกัน
00:08:22 → 00:08:25 ทั้งวันนะคะแต่ว่าถ้าเรากินพวกธัญพืชอ่ะ
00:08:25 → 00:08:28 ดูสีเขียวนะคะเส้นทึบเนี่ยก็เป็นน้ำตาล
00:08:28 → 00:08:31 ที่เกิดจากการที่เรากินพวกธัญพืชน่ะน้ำ
00:08:31 → 00:08:33 ตาลมันก็จะไม่ขึ้นในเลือดเร็วมากนะคะค่อย
00:08:33 → 00:08:36 ๆปล่อยออกมาเนาะอินซูลินก็ค่อยๆถูก
00:08:36 → 00:08:39 กระตุ้นขึ้นมาเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นก็
00:08:39 → 00:08:42 จะทำให้ระดับน้ำตาลเราเนี่ยคงที่แล้วก็
00:08:42 → 00:08:47 สามารถอยู่ได้ทั้งวันเลยนะคะอ่ะเรามาดู
00:08:47 → 00:08:49 อย่างอื่นนะคะนอกจากนั้นเนี่ยการที่เรา
00:08:49 → 00:08:52 กินขนมปังเนาะยังมีผลกระจุรินทรีย์บาง
00:08:52 → 00:08:55 ชนิดนะอย่างเช่นที่เราเคยได้ยินบ่อยๆใน
00:08:55 → 00:08:58 โฆษณาก็พวกใบฟีโดคทีเรียมเนี่ยลดลงนะคะก็
00:08:58 → 00:09:01 จะมีผลกับเยื่อบุลำไส้แล้วก็ภูมิคุ้มกัน
00:09:01 → 00:09:05 ของร่างกายด้วยหลายๆคนก็ไปหาไบฟีโอเอ่อ
00:09:05 → 00:09:08 แบคทีเรียมากินนะคะแต่สุดท้ายแล้วคุณทำ
00:09:08 → 00:09:12 ให้มันหายไปทุกวันเลยนะคะอ่ะตะกี้หมอได้
00:09:12 → 00:09:14 พูดถึงกรณีคนที่กินขนมปังหมูหยองแล้วใช่
00:09:14 → 00:09:18 มั้ยถ้าคนที่กินขนมปังแห้มขนมปังไส้กรอก
00:09:18 → 00:09:21 กลุ่มนี้ก็จะได้พวกสารกันบูดมาด้วยนะเดี๋
00:09:21 → 00:09:24 หมอจะไปเล่าให้ฟังโดยละเอียดอีกทีในอาหาร
00:09:24 → 00:09:28 ต่อไปเลยนะคะอ่ะเพราะฉะนั้นถ้าใครชอบกิน
00:09:28 → 00:09:30 แซนดวิชตอนเช้านะเราลองเปลี่ยนมาเลือก
00:09:30 → 00:09:33 โปรตีนที่มีคุณภาพอย่างเช่นอกไก่กินปลา
00:09:33 → 00:09:37 ไข่ต้มดีกว่านะคะถ้ารู้สึกว่าอยากได้แป้ง
00:09:37 → 00:09:40 นิดหน่อยก็กินธัญพืชเช่นงาดำถั่วต้มอะไร
00:09:40 → 00:09:43 แบบเนี้ยแทนจะได้พรีไบโอติกโปรไบโอติก
00:09:43 → 00:09:46 ด้วยนะคะแต่ว่าสิ่งที่ต้องระวังนิดหน่อย
00:09:46 → 00:09:50 คือในคนที่ไม่เคยกินอาจจะท้องอืดได้นะคะ
00:09:50 → 00:09:53 สำหรับอาหารที่ 4 นะคะคือแฮมไส้กรอกเบคอน
00:09:53 → 00:09:56 ซึ่งเราได้พูดไปแล้วนะพวกนี้เป็นโปรตีน
00:09:56 → 00:09:59 แฝงรูปนะคะที่พาสารอักเสบเข้าสู่ร่างกาย
00:09:59 → 00:10:02 เลยหลายๆคนก็รู้สึกว่ากินแฮมเบคอนก็
00:10:02 → 00:10:04 เหมือนกินเนื้อสัตว์นั่นแหละแต่จริงๆแล้ว
00:10:04 → 00:10:06 กลุ่มพวกนี้เราเรียกว่าเป็น process food
00:10:06 → 00:10:08 นะคะหรือว่าอาหารแปรรูปเนาะพวกเนี้ยเต็ม
00:10:08 → 00:10:11 ไปด้วยโซเดียมนะคะก็ทำให้ความดันขึ้นได้
00:10:11 → 00:10:15 ในไตรนะคะหรือว่าสารกันบุดนะพวกนี้ไม่ทำ
00:10:15 → 00:10:17 ให้จุลินทรีย์เสียสมดุลอย่างเดียวนะคะแต่
00:10:17 → 00:10:21 มันเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้
00:10:21 → 00:10:25 ในอนาคตได้นะคะแล้วก็ถือว่าเป็นสารก่อ
00:10:25 → 00:10:29 มะเร็งอันดับ 1 เลยนะคะแถมบางคนชอบกิน
00:10:29 → 00:10:33 เบคอนใช่มั้ยเบคอนเนี่ยผ่านการรมควันการ
00:10:33 → 00:10:36 ทอดมานะคะมันก็จะมีไขมันอิ่มตัวเยอะ
00:10:36 → 00:10:40 คอเลสเตอรอลเยอะสารอนุมอิสระก็ถูกทำลายไป
00:10:40 → 00:10:44 หมดที่สำคัญทั้งหมดนี้เลยนะคะมันมีผลกับ
00:10:44 → 00:10:47 เยื่อบุลำไส้ทำให้จุลินทรีย์ในร่างกายที่
00:10:47 → 00:10:50 มันดินซึ่งมันจะสร้างสารที่มีประโยชน์ให้
00:10:50 → 00:10:54 กับร่างกายเนี่ยน้อยลงปัจจุบันข้อมูลของ
00:10:54 → 00:10:57 เอ่ออาหารแปรรูปพวกนี้นะคะเรารู้แล้วว่า
00:10:57 → 00:11:01 มันลิงก์กับการเกิดมะเร็งลำไส้และมีผลกับ
00:11:01 → 00:11:04 การเกิดพวกโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังหรือโรค
00:11:04 → 00:11:08 จากภูมิคุ้มกันต่างๆนะเพราะฉะนั้นถ้าถาม
00:11:08 → 00:11:11 หมอนะเป็นสิ่งที่หมอไม่กินเลยนะคะไม่ว่า
00:11:11 → 00:11:15 จะเป็นเช้ากลางวันเย็นนะคะสำหรับไส้เกราะ
00:11:15 → 00:11:19 แฮมเบคอนค่ะทางเลือกที่ดีกว่าก็ไปกินปลา
00:11:19 → 00:11:23 ไก่ไข่ดีกว่านะคะเนาะ
00:11:23 → 00:11:27 สำหรับอาหารสุดท้ายค่ะแม่ๆกำลังทำลายลูก
00:11:27 → 00:11:29 โดยไม่รู้ตัวด้วยการให้ลูกกินซีเรียลหรือ
00:11:29 → 00:11:32 เปล่านะคะถ้าคุณไปดูไอ้ซีเรียลของเด็ก
00:11:32 → 00:11:35 ส่วนใหญ่นะสิ่งแรกที่เป็นส่วนประกอบคือ
00:11:35 → 00:11:38 น้ำตาลหรือว่าเป็นพวกคอนไซลับนะคะแป้งขัด
00:11:38 → 00:11:44 ขาวสีผสมอาหารสารแต่งกลิ่นนะคะมันบอกว่า
00:11:44 → 00:11:47 เสริมแร่ธาตุเพิ่มโปรไบโอติกบ้างนะคะแต่
00:11:47 → 00:11:50 จริงๆแล้วพวกเนี้ยคือพลังงานที่ได้ไป
00:11:50 → 00:11:53 เปล่าและเพิ่มความเสี่ยงกับการเกิดโรคนะ
00:11:53 → 00:11:56 คะและยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเนี่ยมัน
00:11:56 → 00:11:59 ขึ้นสูงอย่างรวดเร็วด้วยนะคะมีการศึกษาใน
00:11:59 → 00:12:03 ลำไส้อักเสบนะคะก็คือเขาไปสอบถามประวัติ
00:12:03 → 00:12:06 มานะจริงๆแล้วอ่ะคนที่เกิดโรคลำไส้อักเสบ
00:12:06 → 00:12:10 บางคนที่ต้องตัดลำไส้เลยนะคะเป็นรุนแรง
00:12:10 → 00:12:14 มากนะคะแบบบางคนเนี่ยโหมีผนังมีถุงอยู่
00:12:14 → 00:12:15 ที่หน้าท้องอย่างเงี้ยนะคะเค้าไปสืบดู
00:12:15 → 00:12:18 ประวัติค่ะเค้าบอกว่าตอนเด็กๆคนพวกเนี้ย
00:12:18 → 00:12:22 ชอบกินพวกอาหารแปรรูปไม่ว่าจะเป็นพวก
00:12:22 → 00:12:25 ซีเรียลนะคะหรือว่าสารกันบูดต่างๆพวกนี้
00:12:25 → 00:12:28 เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าเราอาจจะไม่รู้
00:12:28 → 00:12:31 ตัวนะคะแต่เด็กเขาจะเริ่มเป็นในอายุ 30
00:12:32 → 00:12:35 40 นะคะซึ่งเมื่อก่อนน่ะเราเจอพวกนี้
00:12:35 → 00:12:38 เยอะมากนะคะในฝั่งตะวันตกโลกพวกนี้เนาะ
00:12:38 → 00:12:42 แต่ในช่วงประมาณสซัก 5-10 ปีที่ผ่านมาค่ะ
00:12:42 → 00:12:45 เราเจอมากขึ้นเรื่อยๆในคนเอเชียเนาะเพราะ
00:12:45 → 00:12:47 ฉะนั้นหมอก็ไม่อยากให้เป็นเนาะเพราะบางคน
00:12:47 → 00:12:50 เป็นรุนแรงมากเลยนะถ่ายเป็นเลือดปวดท้อง
00:12:50 → 00:12:52 ที่หนักสุดคือต้องตัดลำไส้ต้องมีถุงหน้า
00:12:53 → 00:12:56 ท้องนะคะอันนี้ก็ไม่ดีเหมือนกันนะคะเพราะ
00:12:56 → 00:13:00 ฉะนั้นเนี่ยการหลีกเลี่ยงนะคะพวกเอ่อ
00:13:00 → 00:13:03 ซีเรียลพวกนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆเลยนะ
00:13:04 → 00:13:07 คะแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบา
00:13:07 → 00:13:10 หวานด้วยนะคนอเมริกาค่ะก่อนที่เขาจะถูก
00:13:10 → 00:13:13 เอาอาหารพวกนี้มากินน่ะเค้าไม่ได้เจอโรค
00:13:13 → 00:13:15 อ้วนเยอะขนาดนี้นะคะแต่ว่าพอเขาเริ่มกิน
00:13:15 → 00:13:18 ซีเรียลกินอะไรแบบเนี้ยมากขึ้นโรคเขาก็
00:13:18 → 00:13:20 เยอะขึ้นนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยหมอก็ไม่ได้
00:13:20 → 00:13:23 อยากให้กินนะคะถ้าใครชอบกินพวกนี้จริงๆ
00:13:23 → 00:13:26 ลองเปลี่ยนมากินเป็นข้าวโอ๊ตนะคะน่าจะได้
00:13:26 → 00:13:30 ประโยชน์มากกว่านะคะแล้วยังทำให้ระดับน้ำ
00:13:30 → 00:13:32 ตาลมันสวิงด้วยนะพวกนี้อย่างที่หมอพูดไป
00:13:32 → 00:13:36 นะคะเพราะฉะนั้นยังไงก็ควรลดดีกว่าเนาะก็
00:13:36 → 00:13:39 ลองมากินพวกธัญพืชกินข้าวกล้องแทนอย่าง
00:13:39 → 00:13:42 ที่หมอบอกนะคะถ้าคุณเริ่มต้นในเช้าวัน
00:13:42 → 00:13:45 ใหม่ด้วยอาหารที่เหมาะสมไม่หวานจัดไม่แปร
00:13:45 → 00:13:48 รูปมีไฟเบอร์เยอะนะคะคุณก็กำลังเลี้ยงจุ
00:13:48 → 00:13:51 จุลินทรีย์ในลำไส้ให้โตขึ้นนะคะพอ
00:13:51 → 00:13:54 จุลินทรีย์ในลำไส้ดีอารมณ์ก็จะดีขึ้นจาก
00:13:54 → 00:13:57 สารเซโรโทนินที่จุลินทรีย์ในลำไส้สร้าง
00:13:57 → 00:14:00 ขึ้นนะคะคุณก็จะมีสมาธิมากขึ้นจดจ่ออยู่
00:14:00 → 00:14:03 กับงานที่ทำนะคะเห็นมั้คะว่าอาหารเช้ามี
00:14:03 → 00:14:07 ประโยชน์ขนาดไ