00:00:00 → 00:00:04 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast talk ความรู้
00:00:04 → 00:00:09 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:09 → 00:00:12 สวัสดีครับวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันเรื่อง
00:00:12 → 00:00:15 คาร์โบไฮเดรตนะครับคือจากข้อมูลที่เรา
00:00:15 → 00:00:19 เห็นกันเนี่ยหลายคนก็มองว่าคาฟมันคือแป้ง
00:00:19 → 00:00:22 คือน้ำตาลพลังงานล้วนๆเลยแต่คำถามคือร่าง
00:00:22 → 00:00:25 กายเราเนี่ยต้องการอะไรจากาฟกันแน่ครับ
00:00:25 → 00:00:29 นอกจากแค่แค่พลังงานอย่างเดียวเป็นคำถาม
00:00:29 → 00:00:32 ที่ดีมากเลยค่ะจริงๆแล้วสิ่งที่ร่างกาย
00:00:32 → 00:00:35 ต้องการหลักๆเลยนะคะจากแหล่งคาร์โบไฮเดรต
00:00:35 → 00:00:38 ดีๆตามธรรมชาติเนี่ยคือสารอาหารที่จำเป็น
00:00:39 → 00:00:42 ค่ะพวกวิตามินเกลือแร่แล้วก็สารพฤกษมี
00:00:42 → 00:00:45 ต่างๆอ่ะค่ะที่บางทีหาไม่ได้ง่ายๆจาก
00:00:45 → 00:00:48 อาหารกลุ่มอื่นอย่างเช่นไฟเบอร์ที่สำคัญ
00:00:48 → 00:00:50 มากๆกับลำไส้เราอันนี้แหละค่ะที่เรียกว่า
00:00:50 → 00:00:53 important cฟหรือฟที่มีคุณค่าเยอะๆคือ
00:00:53 → 00:00:56 ถึงแม้ร่างกายเราจะขาดคาฟได้นะคะแต่สาร
00:00:57 → 00:00:59 อาหารพวกเนี้ยจำเป็นกับความสมดุลระยะยาว
00:00:59 → 00:01:03 มากๆเลยค่ะอ๋อครับเข้าใจแล้วครับคือเน้น
00:01:03 → 00:01:06 ที่สารอาหารก่อนเป็นหลักอืมแต่ทีนี้แล้ว
00:01:06 → 00:01:09 เรื่องพลังงานจากาฟล่ะครับมันมีความสำคัญ
00:01:09 → 00:01:13 ยังไงบ้างครับพลังงานจากคาฟก็สำคัญค่ะถ้า
00:01:13 → 00:01:16 อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะนะคะเป้าหมายแรก
00:01:16 → 00:01:18 เลยเนี่ยคือร่างกายจะเอาไปสะสมเป็น
00:01:18 → 00:01:22 ไกลโคเจนค่ะมันเป็นพลังงานสำรองรูปแบบนึง
00:01:23 → 00:01:25 เก็บที่ตับก่อนเลยอันดับแรกที่ตับก่อนเลย
00:01:25 → 00:01:28 เหรอครับใช่ค่ะที่ตับก่อนส่วนที่เกินจาก
00:01:28 → 00:01:30 นั้นน่ะค่ะถึงจะเอาไปเก็บที่กล้ามเนื้อ
00:01:30 → 00:01:34 ต่อคนที่ทานคาฟน้อยๆส่วนใหญ่แล้วไกลโคเจน
00:01:34 → 00:01:37 ที่ตับมักจะถูกเติมแต่ว่ามันไม่ค่อยลุ้น
00:01:37 → 00:01:41 เกินไปเท่าไหร่ค่ะอืมครับไกลโคเจนที่ตับ
00:01:41 → 00:01:44 นี้น่าสนใจนะครับมันมีหน้าที่เฉพาะอะไร
00:01:44 → 00:01:46 เป็นพิเศษหรือเปล่าครับค่ะไกลโคเจนที่ตับ
00:01:46 → 00:01:49 นี่เปรียบเหมือนเอ่อแหล่งพลังงานด่วน
00:01:49 → 00:01:52 สำรองเลยค่ะมีไว้ให้คอร์ติคอร์ติซอล
00:01:52 → 00:01:54 ฮอร์โมนความเครียดใช่ค่ะฮอร์โมนที่ตอบ
00:01:54 → 00:01:57 สนองต่อความเครียดแล้วก็ช่วยคุมระดับน้ำ
00:01:57 → 00:02:00 ตาลในเลือดเลือดด้วยเขาจะดึงเอาไกลโคเจน
00:02:00 → 00:02:03 ที่ตับเนี่ยไปใช้ช่วงเช้าตรู่เลยค่ะ
00:02:03 → 00:02:05 เหมือนเราเตรียมวัตถุดิบไว้ในครัวตอนกลาง
00:02:05 → 00:02:08 คืนพอเช้ามืดแม่ครัวคือคอร์ติเนี่ยก็มา
00:02:08 → 00:02:12 หยิบไปทำอาหารเช้าได้เลยสะดวกมากอ๋อเข้า
00:02:12 → 00:02:16 ใจภาพเลยครับแต่ว่าก็มีบางคนที่เขากินคาฟ
00:02:16 → 00:02:19 น้อยมากๆหรือว่าคุมคีโตแบบเคร่งๆเลยแล้ว
00:02:19 → 00:02:22 พอตื่นมาตอนเช้าน้ำตาลในเลือดกลับสูงซะ
00:02:22 → 00:02:25 งั้นแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นครับถ้าถ้า
00:02:25 → 00:02:28 ไกลโกเจนที่ตับมันดันไม่พอใช้ล่ะครับนั่น
00:02:28 → 00:02:31 แหละค่ะคือจุดที่อาจจะเกิดปรากฏการณ์ร่วง
00:02:31 → 00:02:34 อรุณหรือที่เรียกว่าฟenนomินอค่ะคือถ้า
00:02:34 → 00:02:37 ไกลโคเจนที่ตับมันน้อยเกินไปแม่ครัวหรือ
00:02:37 → 00:02:40 คอร์ติซอตื่นมาอ้าวไม่มีวัตถุดิบเขาก็จะ
00:02:40 → 00:02:43 เริ่มกระบวนการสร้างพลังงานขึ้นมาเองเลย
00:02:43 → 00:02:45 โดยไปสั่งให้ร่างกายสลายโปรตีนจากกล้าม
00:02:45 → 00:02:47 เนื้อเราเนี่ยแหละค่ะมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
00:02:47 → 00:02:51 แทนโอ้โหสลายกล้ามเนื้อเลยหรอครับใช่ค่ะ
00:02:52 → 00:02:54 ผลก็คือระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้ามันก็
00:02:54 → 00:02:57 เลยสูงขึ้นทั้งๆที่เรายังไม่ได้กินอะไร
00:02:57 → 00:03:00 เข้าไปเลยนะคะตอนนั้นฟังดูขัดๆกันนะครับ
00:03:00 → 00:03:03 รถแต่เตือนมาน้ำตาลสูงเออแล้วแบบนี้ถือ
00:03:03 → 00:03:06 ว่าปกติมั้ครับสำหรับคนที่กินแนวทางนี้
00:03:06 → 00:03:08 เพราะบางคนก็บอกว่าเออไม่เป็นไรหรอกเอ่อ
00:03:08 → 00:03:12 จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะไม่ใช่ภาวะปกติเลยการ
00:03:12 → 00:03:16 ที่น้ำตาลตอนเช้าสูงจากกลไกแบบนี้บ่อยๆ
00:03:16 → 00:03:20 เนี่ยอาจจะส่งผลเสียระยะยาวได้นะคะมันทำ
00:03:20 → 00:03:23 ให้ค่า A1C หรือค่าน้ำตาลสะสมในเลือดที่
00:03:23 → 00:03:26 เป็นตัววัดผลระยะยาวเนี่ยสูงค้างได้เลยนะ
00:03:26 → 00:03:30 คะแม้ว่าจะคุมคาฟอยู่ก็ตามพอคอร์ติซอล
00:03:30 → 00:03:32 สร้างน้ำตาลขึ้นมาใช่มั้ยคะสักพักนึงร่าง
00:03:32 → 00:03:35 กายก็ต้องหลั่งอินซูลินออกมาจัดการอีก
00:03:35 → 00:03:37 อินซูลินนี่เปรียบเหมือนคุณพ่อที่ต้องมา
00:03:37 → 00:03:40 จัดการน้ำตาลกลายเป็นว่าฮอร์โมนมันทำงาน
00:03:40 → 00:03:43 ไม่สมดุลกันทะเลาะกันเองในร่างกายเหมือน
00:03:43 → 00:03:45 พ่อกับแม่ทะเลาะกันแต่เช้าเลยทั้งๆที่เรา
00:03:45 → 00:03:48 ยังไม่ได้ทำอะไรเลยใช่ค่ะประมาณนั้นเลย
00:03:48 → 00:03:50 เกิดความเครียดในระบบร่างกายตั้งแต่ยัง
00:03:50 → 00:03:54 ไม่เริ่มวันเลยค่ะโหชัดเจนเลยครับแสดงว่า
00:03:54 → 00:03:57 การจัดการมื้อเย็นโดยเฉพาะเรื่องปริมาณ
00:03:57 → 00:04:00 คาฟเนี่ยมันมีผลกระทบต่อเนื่องยาวไปถึง
00:04:00 → 00:04:03 เช้าวันถัดไปได้โดยตรงเลยสินะครับพี่รู้
00:04:03 → 00:04:06 ว่าเออมื้อเย็นกินคาฟได้นิดหน่อยแต่ดันไป
00:04:06 → 00:04:09 เลือกกินแต่คาแปรรูปสูงๆอย่างพวกขนมปัง
00:04:09 → 00:04:13 ขาวน้ำหวานเยอะๆอันนี้อาจจะส่งผลให้ระดับ
00:04:13 → 00:04:15 น้ำตาลกับอินซูลินมันพุ่งสูงปรี๊ดตั้งแต่
00:04:15 → 00:04:18 ห่วงค่ำเลยค่ะกลายเป็นสร้างความปั่นป่วน
00:04:18 → 00:04:20 ให้ระบบฮอร์โมนหนักกว่าเดิมอีกไม่ต้องรอ
00:04:20 → 00:04:24 ถึงตอนเช้าเลยโอ้โหยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลยนะ
00:04:24 → 00:04:27 ครับเข้าใจชัดเจนขึ้นเยอะเลยครับสรุปก็
00:04:27 → 00:04:30 คือการมองเรื่องคาร์โบไฮเดรตเนี่ยเราต้อง
00:04:30 → 00:04:33 มองให้ลึกกว่าแค่เรื่องพลังงานจริงๆต้อง
00:04:33 → 00:04:36 ถึงสารอาหารที่จำเป็นด้วยแล้วก็บทบาท
00:04:36 → 00:04:39 สำคัญของไกลโคเจนที่ตับในการรักษาสมดุล
00:04:40 → 00:04:43 ฮอร์โมนตอนเช้าการที่ระบบนี้มันรวนไปโดย
00:04:43 → 00:04:46 เฉพาะจากการกินาฟน้อยไปหรือกินผิดวิธี
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยก็อาจจะส่งผลเสียต่อน้ำตาลสะสมระยะ
00:04:49 → 00:04:52 ยาวได้เลยใช่เลยค่ะประเด็นสุดท้ายที่อยาก
00:04:52 → 00:04:56 ฝากให้ลองกลับไปคิดต่อนะคะคือนอกเหนือจาก
00:04:56 → 00:04:59 เรื่องปริมาณเวลาแล้วก็คุณภาพของคาฟที่
00:04:59 → 00:05:02 คุยกันไปแล้วเนี่ยอยากให้ลองสังเกตดูค่ะ
00:05:02 → 00:05:04 ว่าร่างกายของแต่ละคนเนี่ยตอบสนองกับ
00:05:04 → 00:05:08 คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดต่างกันยังไงคาบแบบ
00:05:08 → 00:05:11 ไหนจากผักผลไม้หรือว่าธัญพืชไม่ขัดสีชนิด
00:05:11 → 00:05:15 ไหนที่ทำให้เรารู้สึกดีมีพลังงานสม่ำเสมอ
00:05:15 → 00:05:17 แล้วก็ไม่สร้างความปั่นป่วนกับระบบร่าง
00:05:17 → 00:05:20 กายของเราเองการหาจุดสมดุลที่มันพอดีพอดี
00:05:20 → 00:05:22 กับตัวเราเองให้เจอเนี่ยน่าจะเป็นคุณใจ
00:05:22 → 00:05:28 สำคัญที่สุดเลยค่ะ
00:05:28 → 00:05:39 [เพลง]