00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือสัยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:18 → 00:00:22 ลงพี่อ้อยครับช่วงที่ผ่านมาเนี่ยในช่วง
00:00:22 → 00:00:25 นี้เลยนะพี่อ้อยจะเห็นปรากฏการณ์อันนึงนะ
00:00:25 → 00:00:30 ก็คือเวลาที่เาโดยเฉพาะตามร้านอาหารค่ะเ
00:00:30 → 00:00:32 จะมีการแบบว่าเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมา
00:00:32 → 00:00:35 ใช่มั้ยอเขาคก็เลยจะต้องแปลเมนูภาษาไทย
00:00:35 → 00:00:39 อ่ะอ๋อให้เป็นเมนูอาหารภาาหลายภาษาภาษา
00:00:39 → 00:00:43 อังกฤษอหรือบางทีก็แปลจากภาษาอังกฤษเออมา
00:00:43 → 00:00:45 เป็นภาษาไทยอะไรอย่าเงี้ยแต่พี่อ้อยเคย
00:00:45 → 00:00:47 เห็นมั้ยร้านบางร้านที่เขาไม่ได้มีความ
00:00:47 → 00:00:50 รู้ในการแปลอือเขาคก็เลยจะแปลเวลาที่เขา
00:00:50 → 00:00:54 จะแปลเมนูนะอ๋อเขาคก็ไปถาม Google ออใช่
00:00:54 → 00:00:56 ค่ะแล้วพอ Google แปลมาปุ๊บเราไปอ่านนี่
00:00:56 → 00:01:00 เราขำกลิ้งเลยนะขำมากค่ะมีแปลผิดเยอะมาก
00:01:00 → 00:01:03 เลยค่ะเอแปลแบบคนละความหมายแล้วมันก็ขำไง
00:01:04 → 00:01:05 ความหมายเลยใช่ค่ะแต่อันนี้เนี่ยมันเป็น
00:01:05 → 00:01:09 การแปลแล้วแปลผิดแล้วขำอืแต่ว่าวันนี้นี่
00:01:09 → 00:01:13 ผมพบอะไรบางอย่างว่าบางทีเนี่ยการแปลผิด
00:01:13 → 00:01:16 แต่ไม่ขำเนี่ยมีนะอืเพราะอะไรรู้มั้ยครับ
00:01:17 → 00:01:20 ค่ะเพราะคนในยุคนี้หลายคนนะครับพี่พี่
00:01:20 → 00:01:24 อ้อยค่ะอยู่ในอาการทุกข์ท่วมหัวเพราะแปร
00:01:24 → 00:01:26 มั่วนี่
00:01:26 → 00:01:32 แหละพี่อ้อยคิดว่ามันมีมั้ยอ่ะอืมทุกข์
00:01:32 → 00:01:36 ท่วมหัวเพราะแปรมั่วเออมีมั้ยก็น่าจะต้อง
00:01:36 → 00:01:39 มีนะคะใช่มั้ยเพราะว่าอย่างเมื่อกี้ที่
00:01:39 → 00:01:42 เราเริ่มต้นรายการมาเราชวนคุยเรื่องกับ
00:01:42 → 00:01:46 ทุกข์ทุเอ้ยไม่ได้ทุกข์ิขำนะฮะอืแปลมั่ว
00:01:46 → 00:01:49 แล้วขำไงก็เพราะว่ามันเราเห็นแล้วก็ขำๆไง
00:01:49 → 00:01:52 ออือๆแต่ว่าปรากฏการณ์ที่เราเจอในสังคม
00:01:52 → 00:01:56 ปัจจุบันเนี่ยถ้าบอกว่าแปลมั่วหรือตีความ
00:01:56 → 00:01:59 มั่วก็ได้นะค่ะแล้วทำให้เราเป็นทุกข์
00:01:59 → 00:02:02 เนี่ยพี่อ้อยนึกถึงอะไรอ่ะเออ
00:02:02 → 00:02:06 อ๋อนึกออกละพี่วีเออๆนึกถึงเรื่องของตัว
00:02:06 → 00:02:10 เองค่ะเอ้าเลยละโดนเ้าโดนก่อนเลยคืออัน
00:02:10 → 00:02:14 นี้อันนี้โดนมากเพราะว่าแบบดักหน่วงค่ะอื
00:02:14 → 00:02:18 เออที่ที่บอกว่าเป็นทุกข์เนี่ยเนาะค่ะก็
00:02:18 → 00:02:21 ก็ใช้เครื่องมือตัว Google Translate
00:02:21 → 00:02:26 นี่แหละเออๆๆๆอภาษาอังกฤษอ่อนแอค่ะอ้า
00:02:26 → 00:02:31 แล้วก็ดันไปเรียนโค้ชที่แบบต้องส่ง Report
00:02:31 → 00:02:34 เป็นภาษาอังกฤษอ๋อไปต่างประเทศต้องส่งการ
00:02:34 → 00:02:36 บ้านเป็นภาษาอังกฤษใช่มั้ยใช่ค่ะเพื่อ
00:02:36 → 00:02:40 เพื่อต่อใบเซอร์ทุกปีครับๆแล้วก็แต่ละปี
00:02:40 → 00:02:43 ก็จะเกิดอาการนี้แหละคือแบบโอ๊ยไม่ไหว
00:02:43 → 00:02:46 แล้วแย่แล้วแล้วก็แล้วก็ขอไปนอนแป๊บนึง
00:02:46 → 00:02:49 แล้วก็กลับมาแปลใหม่อะไรอย่างเงี้ยแบบ
00:02:49 → 00:02:51 แล้วก็ใช้ Google Translate เนี่ยเป็น
00:02:51 → 00:02:55 ตัวช่วยคือเอ่อตัวรายงานที่ทำเราจะต้องไป
00:02:55 → 00:03:00 เอ่อเขียนเป็นเคสที่เราออกไปทำแล้วก็
00:03:00 → 00:03:03 มันก็ยากแล้วเพราะมันมีรายละเอียดเนาะ
00:03:03 → 00:03:05 แล้วเราก็ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษเราก็ให้
00:03:05 → 00:03:08 Google นี่แหละช่วยแปลแปลออกมานี่
00:03:08 → 00:03:11 ข้าพเจ้าแบบกุมหัวแบบโอมันจะอ่านรู้
00:03:11 → 00:03:14 เรื่องมนี่อะไรอย่างเงี้ยนะคะแล้วก็เราก็
00:03:14 → 00:03:16 เลยต้องมาเค้าเรียกว่าอะไรต้องปรับใหม่
00:03:16 → 00:03:19 ทั้งๆที่เราก็ไม่มีความสามารถในภาษา
00:03:19 → 00:03:22 อังกฤษดีพอเออเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็เลยทำ
00:03:22 → 00:03:25 ให้เราทุกข์เพราะว่าเครื่องมือที่เราใช้
00:03:25 → 00:03:29 เนี่ยมันไม่ดีพอค่ะพี่วีอมันแปลมั่วมัน
00:03:29 → 00:03:33 แปลมั่วอเราต้องทำใหตล 4 ตลแล้วไปถามแบบ
00:03:33 → 00:03:35 คนที่เก่งภาษาอังกฤษว่าอย่างี้ถูกยอะไ
00:03:35 → 00:03:39 อย่างงี้อีกๆๆนี่แหละค่ะทุกปีต้องเจอแสดง
00:03:39 → 00:03:42 ว่าอันนี้มันเป็นเรื่องของความทุกข์ซึ่ง
00:03:42 → 00:03:46 เกิดจากการที่เราสับสนเรื่องการแปรใช่มย
00:03:46 → 00:03:48 ใช่ค่ะแต่ในความเป็นจริงที่ผมนึกถึงนะพี่
00:03:49 → 00:03:51 อ้อยตอนเนี้ยผมมีความรู้สึกว่าอันนั้นก็
00:03:51 → 00:03:55 เรื่องนึงนะแต่ว่าเราจะสามารถที่จะเอ่อ
00:03:55 → 00:03:57 มันเป็นความทุกข์ที่เราเกิดจากการที่เรา
00:03:57 → 00:03:59 ไม่มีความรู้เรื่องภาษาอย่างงี้ใช่ๆแต่
00:03:59 → 00:04:02 ว่าอันนี้มันแปลจากภาษานึงไปอีกภาษาหนึ่ง
00:04:02 → 00:04:07 อ่ะค่ะแต่ผมเจอว่าคนในสังคมปัจจุบันเนี่ย
00:04:07 → 00:04:09 หรือในโลกยุคนี้เนี่ยนะอีกอันนึงที่ผมเจอ
00:04:09 → 00:04:15 เนี่ยค่ะก็คือไม่ต้องข้ามภาษาเลยอืภาษา
00:04:15 → 00:04:18 เดียวกันนี่แหละค่ะไทยเป็นไทยเนี่ยนะฮะ
00:04:18 → 00:04:21 แต่ว่าเออไทยเป็นไทยนี่แหละค่ะแต่ว่ามัน
00:04:21 → 00:04:25 ไม่ได้เกิดจากการแปรมั่วบางทีมันเกิดการ
00:04:25 → 00:04:30 แปลแบบคลาดเคลื่อนอืบิดเบี้ยวอือฮึผิด
00:04:30 → 00:04:35 เพี้ยนอือฮึด้วยภาษาเดียวกันนี้เลยแต่มัน
00:04:35 → 00:04:37 จะเรียกว่ามั่วก็ไม่ได้นะมันเกิดจากการตี
00:04:37 → 00:04:41 ความบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนอืค่ะแล้วทำให้เรา
00:04:41 → 00:04:44 เกิดทุกข์ออค่ะพี่อ้อยพอจะนึกถึงแล้วเอา
00:04:44 → 00:04:47 อย่างงี้อันดับแรกเลยผมนึกถึงอะไรรู้มั้ย
00:04:47 → 00:04:50 ครับค่ะของการตีความอ่ะการแปลก็คือการตี
00:04:50 → 00:04:54 ความใช่มั้ยฮะใช่อันนึงที่ผมนึกถึงพอพูด
00:04:54 → 00:04:56 ถึงเรื่องนี้ผมนึกถึงเลยนะพี่อ้อยก็คือ
00:04:56 → 00:04:58 ค่ะผม
00:04:58 → 00:05:00 เคยตอนตอนนั้นผม
00:05:00 → 00:05:05 ไปไปประเทศอินเดียอืไปประชุมค่ะเสร็จแล้ว
00:05:05 → 00:05:08 เนี่ยถ้าคนที่เคยไปอินเดียเนี่ยจะนึกออก
00:05:08 → 00:05:12 เลยว่าเวลาที่เราเดินทางบนท้องถนนใน
00:05:12 → 00:05:17 อินเดียเนี่ยออหปวดประสาทมากเลยบีบแตรกัน
00:05:17 → 00:05:21 สนั่นหวั่นไหวเลยอืใช่ๆพี่น้อยเคยไป
00:05:21 → 00:05:23 อินเดียใช่มั้ยฮะเคยไปค่ะแล้วเบีบแตกกัน
00:05:23 → 00:05:28 ป้อนแปนๆแๆๆๆทั้งถนนเลยค่ะจนเราแบบโอ้ไม่
00:05:28 → 00:05:31 ไหวตรงห้ามกับเมืองไทยเนี่ยยังง่ายๆอย่าง
00:05:31 → 00:05:34 วันนี้เดินทางมาเนี่ยขับรถมาเนี่ยไม่บีบ
00:05:34 → 00:05:37 เลยไม่ได้ยินเสียงแตรเลยสักกระปิ้นนึงใช่
00:05:37 → 00:05:40 ๆไม่ได้ยินเลยค่ะแต่ของเค้าเนี่ยบรีบแตร
00:05:40 → 00:05:43 กันเยอะมากอืเพราะอะไรเพราะว่าที่อินเดีย
00:05:43 → 00:05:46 เนี่ยเ้ามีอันนี้เป็นชีวิตเา้าเป็น
00:05:46 → 00:05:49 วัฒนธรรมเาก็คือรถในอินเดียเขาจะไม่ใช้
00:05:49 → 00:05:53 กระจกข้างอือย่างเรานี้ถ้าเกิดพี่อ้อยขับ
00:05:53 → 00:05:56 รถแล้วกระจกข้างไม่มีเนี่ยขับได้มั้ยไม่
00:05:56 → 00:05:59 ได้ค่ะไม่ได้เพราะว่ามันเราเหมือนกับเรา
00:05:59 → 00:06:02 มีแต่กระจกหลังอย่างเดียวมันไม่พอนะไม่พอ
00:06:02 → 00:06:06 ค่ะขนาดมีแล้วบางทียังยังยังแบบเฉียดๆนิด
00:06:06 → 00:06:10 นึงเลยอเพราะถึงแม้เราดูมองไม่รอบเราดู
00:06:10 → 00:06:13 กระจกข้างนี่เค้าเเรียกว่าเจะบอกว่ามันมี
00:06:13 → 00:06:17 จุดบอดนะกระจกข้างมีใช่มีจุดบอดถ้าเรา
00:06:17 → 00:06:20 ปรับไม่ดีเนี่ยเราจะมองไม่ครบใช่ค่ะแต่
00:06:20 → 00:06:22 เ้าเนี่ยไม่มีเลยกระจกข้างไม่มีเลยอ้า
00:06:22 → 00:06:24 แล้วทำไมเถึงไม่มีไม่มีใช่มั้ยเป็นเพราะ
00:06:24 → 00:06:28 ว่าในอินเดียเนี่ยถนนเขแคบแล้วรถเเยอะมาก
00:06:28 → 00:06:31 อืจะวิ่งเบียดกันชิดกันจนกระทั่งกระจก
00:06:31 → 00:06:34 ข้างมันจะตีกันน่ะอย่างงี้ไม่ชนกันก่อน
00:06:34 → 00:06:38 หร่ะค่ะอืมเค้าก็เลยคือเค้าจะขับชิดกัน
00:06:38 → 00:06:40 มากกว่า
00:06:40 → 00:06:43 นั้นเราอาจจะงงๆนะเพราะเราไม่เข้าใจหรอก
00:06:43 → 00:06:46 แต่ว่าใช่เพราะงั้นเพื่อป้องกันปัญหานี้
00:06:46 → 00:06:50 ก็คือเค้าก็เลยเอากระจกข้างออกเลยอืมันจะ
00:06:50 → 00:06:53 ได้ไม่ตีกันหรือถ้ารถคันไหนยังมีกระจก
00:06:53 → 00:06:57 ข้างเนี่ยเค้าจะปิดอืจะพับทิ้งเลยอือมัน
00:06:57 → 00:06:59 จะได้ไม่ตีกันนะฮะอันนี้เป็นเพราะเพราะ
00:06:59 → 00:07:02 สถานการณ์บังคับก็คือถนนเขาแคบมากค่ะจึง
00:07:02 → 00:07:05 เป็นที่มาของวัฒธรรมนึงก็คือถ้าพี่อ้อ
00:07:05 → 00:07:09 สังเกตนี่นะทีแรกผมก็สงสัยเกิดอะไรขึ้น
00:07:09 → 00:07:13 โดยเฉพาะท้ายรถคันใหญ่ๆรถรถบรรทุกรถใหญ่ๆ
00:07:13 → 00:07:16 นี่นะท้ายรถบรรทุกเนี่ยบ้านเราก็จะมี
00:07:16 → 00:07:17 เขียนคำว่าอะไรนะ
00:07:17 → 00:07:21 เอ่อเมียสั่งมาอะไรเป็นใช่ๆเป็นวรรณกรรม
00:07:21 → 00:07:25 ท้ายรถนะใช่ค่ะแต่ของเขาเนี่ยท้ารถมาทุกๆ
00:07:25 → 00:07:30 แทบจะทุกคันเลยนะจะเขียนคำว่า hor พีอ๋อ
00:07:30 → 00:07:34 บีบแตรกรุณาบีบแตรอืคือถ้าเราไปขับรถหลัง
00:07:34 → 00:07:37 รถบรรทุกเนี่ยต้องบีบแตรเพื่อจะได้เขาจะ
00:07:37 → 00:07:42 ได้รู้ว่าข้างหลังมีรถตามมาอืนะฮะเพราะเ
00:07:42 → 00:07:44 มองไม่เห็นหรอกอือฮึเขาคจะได้ระวังนะฮะ
00:07:44 → 00:07:47 ค่ะอันนี้กลายเป็นวัฒนธรรมเป็นธรรมเนียม
00:07:47 → 00:07:52 ปฏิบัติค่ะเขาก็เลยบีบแตกันกระจายเลยอื
00:07:52 → 00:07:54 ที่พูดมาซะยืดยาวเนี่ยเพราะอะไรเพราะว่า
00:07:54 → 00:07:57 ในเมืองไทยเนี่ยเราจะเงียบกริ๊บเลยใช่ค่ะ
00:07:57 → 00:08:02 เพราะเราตีความความการแปรหรือการตีความ
00:08:02 → 00:08:06 ว่าเสียงแตรคืออะไรครับพี่อ้อยก็คือในใน
00:08:06 → 00:08:10 มุมของตัวเองนะคะสอนลูกเลยเเออย่าเที่ยว
00:08:10 → 00:08:13 ซี้ซับีบนะบีบแตรเนี่ยเพะเออเพราะอะไรฮ
00:08:13 → 00:08:16 ไม่มีมารยาทนี่ไงแต่ว่าถ้าสมมุติว่าจวน
00:08:16 → 00:08:20 ตัวแบบดูแล้วอันตรายตรงนั้นน่ะบีบเออแต่
00:08:20 → 00:08:23 ถ้าอยู่ๆแบบเที่ยวบีบไปทั่วคุณไม่มี
00:08:23 → 00:08:26 มารยาทเห็นป่ะอันนี้คือเราตีความว่าเสียง
00:08:26 → 00:08:30 แคือไม่การบีบแปคือไม่มีมารยาาพี่อ้อย
00:08:30 → 00:08:34 เห็นความการตีความมั้ยค่ะการแปรความค่ะใน
00:08:34 → 00:08:37 ในชีวิตประจำวันถ้าถ้าไม่บีบในอินเดียนี่
00:08:37 → 00:08:40 อาจจะชนเละเทะเละเทะเลยแต่บ้านเราถ้าถ้า
00:08:40 → 00:08:44 บีบแปรเมื่อกี้นี้มีคำนึงแล้วนะการบีบแปร
00:08:44 → 00:08:47 คือไม่มีมารยาทค่ะกับอีกอันนึงคือการบรีบ
00:08:47 → 00:08:50 แตนเนี่ยประมาณว่าขออนุญาตใช้คำำสามัญนะ
00:08:50 → 00:08:53 ครับคุณผู้ฟังค่ะถ้าเกิดเราขับรถอยู่แล้ว
00:08:53 → 00:08:57 มีคนสักคนนึงบีบแตนเนี่ยเรามีความรู้สึก
00:08:57 → 00:09:01 ด่าเราป่าเนี่ยอ่าใช่ใช่ใช่ป่ะแล้วในท้อง
00:09:02 → 00:09:06 ถนนบ้านเราเนี่ยการบีบแตเนี่ยถึงขั้นจอด
00:09:06 → 00:09:10 รถแล้วลงมายิงๆทำร้ายร่างกายกันยิงกันเลย
00:09:10 → 00:09:12 ใช่ค่ะเพราะว่าตีความว่าเมื่อกี้ผมบอกว่า
00:09:12 → 00:09:16 ขออนุญาตใช้คำสามัญแล้วนะต้องพูดเลยพอได้
00:09:16 → 00:09:20 ยินเสียงแตะปุ๊บมึงด่ากูเหรอก็คือถ้า
00:09:20 → 00:09:23 สมมุติว่าขับไปเนี่ยแล้วแล้วมีได้ยิน
00:09:23 → 00:09:26 เสียงแตรอยู่ด้านหลังเนี่ยมันบีบใครวะ
00:09:27 → 00:09:30 เหลาเป่าด่าเรารือเปล่า
00:09:30 → 00:09:33 ค่ะคุณผู้ฟังครับคุณผู้ฟังเห็นการตีความ
00:09:33 → 00:09:37 มั้อืตีความจากเสียงแตรเนี่ยค่ะของ
00:09:37 → 00:09:40 อินเดียบอกว่ามีข้างหลังนะครับโปรดทราบนะ
00:09:40 → 00:09:44 ค่ะแต่ของเราคือมันคือการด่ากันน่ะค่ะ
00:09:44 → 00:09:48 เสียงแตเราก็เลยเงียบกริ๊บเรามักจะยกเว้น
00:09:48 → 00:09:52 เราจะบีบน้อยมากอย่างที่พี่อ้อยสอนลูกก็
00:09:52 → 00:09:55 คือจวนตัวต้องบีบอะไรอย่างเงี้ยใช่มั้ยก็
00:09:55 → 00:09:57 บางทีก็ต้องยอมอ่ะถ้าเกิดเขาจะว่าด่าก็
00:09:58 → 00:10:00 ได้แล้วแล้วแต่แต่ว่าว่าอือวินาทีนั้นมัน
00:10:00 → 00:10:04 ต้องเตือนใช่มั้อืออันนี้คือการตีความ
00:10:04 → 00:10:08 หรือค่ะธรรมเนียมหรือว่าการตีความเรื่อง
00:10:08 → 00:10:11 บีบแตอีกอันนึงที่ผมไปเห็นมานะในเวียดนาม
00:10:11 → 00:10:15 ค่ะโอ้โหสนั่นถนนเหมือนกันเลยอืใช่
00:10:15 → 00:10:18 เวียดนามก็บีบสนั่นเพราะเพราะอะไรใช่มั้ย
00:10:19 → 00:10:21 เพราะเวียดนามเนี่ยในยุคนั้นที่ผมไปนะตอน
00:10:21 → 00:10:23 นี้ไม่รู้เปลี่ยนแปลงหรือยังนะคนเวียดนาม
00:10:23 → 00:10:26 เนี่ยชอบขี่มอเตอร์ไซค์มากใช่ๆอู้หูเป็น
00:10:26 → 00:10:31 แมงหวี่เยอะคืนเย็นวันอาทิตย์ค่ะเค้าจะ
00:10:31 → 00:10:35 เป็นกิจกรรมการขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ไปไหน
00:10:35 → 00:10:39 ไปเที่ยวไปขี่เล่นๆอ๋อเต็มถนนไปหมดเลยออ
00:10:39 → 00:10:41 แล้วมอเตอร์ไซค์เนี่ยเวลาสี่แยกใน
00:10:41 → 00:10:45 เวียดนามเนี่ยค่ะไฟดงไฟแดงเ้าไม่สดเลยนะ
00:10:45 → 00:10:48 อ้าจริงเหรอคะเออเค้าเค้าใช้การฝ่าไฟแดง
00:10:48 → 00:10:50 เหรอคะเออฝ่าไฟแดงกันมั่วไปหมดเลยเอ้า
00:10:50 → 00:10:53 เพราะฉะนั้นเนี่ยดูเอาเองจับก็ไม่ไม่ไม่
00:10:53 → 00:10:56 พอจับพอเจับไม่ไหวเออมวไปหมดเลยเพราะ
00:10:56 → 00:11:00 ฉะนั้นเจะบีบแตกปๆสอค่ะการอันนี้คือการตี
00:11:00 → 00:11:04 ความเรื่องการบีบแตรอืแต่บ้านเราถ้าบีบ
00:11:04 → 00:11:09 แตรขนาดนั้นสงสัยโอ้ตายๆไม่ไหวค่ะแล้วพอ
00:11:09 → 00:11:11 เรามาพูดถึงประเด็นนี้แล้วพี่อ้อยลองพอ
00:11:11 → 00:11:14 นึกออกมั้ยครับว่าไอ้การทุกข์ท่วมหัว
00:11:14 → 00:11:17 เพราะอืเพราะการตีความมั่วเนี่ยค่ะของเรา
00:11:17 → 00:11:19 เนี่ยยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ยผมอยากชวนผู้
00:11:19 → 00:11:22 ฟังจังเลยว่าตอนนี้ลองจินตนาการดูนะครับ
00:11:22 → 00:11:27 ว่าในชีวิตเราเนี่ยเราเคยตีความอะไรบาง
00:11:27 → 00:11:32 อย่างคือใครทำอะไรบางอย่างแล้วเราก็เลยตี
00:11:32 → 00:11:35 ความแล้วเพราะการตีความนั้นเนี่ยทำให้เรา
00:11:35 → 00:11:39 เกิดความทุกข์อือฮึอนอกจากบีบแตแล้วมี
00:11:39 → 00:11:43 อะไรมั้ยในชีวิตน่ะพี่อ้อยคือเมื่อกี้นี้
00:11:43 → 00:11:47 เอ่อตอนต้นน่ะพี่วีพูดถึงว่าอแปลเ่ออะไร
00:11:47 → 00:11:50 นะเราพูดถึงเรื่องการแปลใช่มั้ยคะแล้วก็
00:11:50 → 00:11:54 เอ่อมาถึงการตีความซึ่งพี่วีพูดถึงว่าไทย
00:11:54 → 00:11:57 เป็นไทยนี่แหละอือไม่ต้องไปไปภาษาอื่น
00:11:57 → 00:12:02 หรอกนะคะก็เลยสงสัยว่าไทยเป็นไทยใช่มยเออ
00:12:02 → 00:12:09 แล้วมันมันตีความแล้วก็ผิดเพี้ยนไปอืออ่า
00:12:09 → 00:12:12 ทำให้เป็นทุกข์อือก็เลยมานึกว่าเอ๊มันมี
00:12:12 → 00:12:17 เคสอะไรนะก็เลยก็เลยนึกถึงเอ่อเคสที่ตัว
00:12:17 → 00:12:21 เองเคยเคยมีประสบการณ์นะคะก็เป็นเครือ
00:12:21 → 00:12:26 ญาตินี่แหละฮคะเออถ้าเป็นอย่างเอ่อลูก
00:12:26 → 00:12:30 เนาะถ้าเป็นอย่างลูกคนคใกล้ตัวอย่าเงี้ย
00:12:30 → 00:12:31 ค่ะก็คือ
00:12:31 → 00:12:35 เอ่อเมื่อก่อนเราเราจะมี 2 เวอร์ชั่นค่ะ
00:12:35 → 00:12:38 พี่วี่ะเวอร์ชั่นก่อนที่ยังไม่ได้ปรับ
00:12:38 → 00:12:41 ปรุงตัวเองใช่มั้ยฮะปรับปรุงตัวเองนะคะ
00:12:41 → 00:12:44 ไม่ใช่ปรับปรุงลูกปรับปรุงตัวเองเนี่ยก็
00:12:44 → 00:12:49 คือสิ่งที่ที่ทำผิดพลาดซ้ำๆบ่อยๆอืก็คือ
00:12:49 → 00:12:52 การไม่ได้ปิดบันเกล็ดหน้าต่างแล้วเปิด
00:12:52 → 00:12:56 แอร์อือ่าแล้วค่าฝ่ายก่อนหน้านี้มันจะแพง
00:12:56 → 00:13:01 มากขึ้นๆๆทุกเดือนฮะๆอ่าก็ลูกลูกก็จะแบบ
00:13:01 → 00:13:05 เหมือนกับแม่เอาอีกแล้วนะเออๆอ่าเปิดแอร์
00:13:05 → 00:13:07 แล้วไม่ปิดบรเกร็ดอ่ะเอออย่างเงี้ยนะคะ
00:13:07 → 00:13:12 ลูกก็จะักแบบนี้เอๆแม่ก็ปรี๊ดว่าเอ้ยมา
00:13:12 → 00:13:16 ว่าฉันอีกละลืมแค่นี้เองอะไรอย่างเงี้ย
00:13:16 → 00:13:19 แล้วก็เลยบอกว่าค่าไฟฉันก็เป็นคนจ่ายเธอ
00:13:19 → 00:13:21 จะมาบ่นทำไมเนี่ยอะไรอย่าเงี้อย่างงี้เลย
00:13:21 → 00:13:24 นะคะแล้วก็แบบว่าคราวนี้ก็ก็หงุดหงิดกัน
00:13:24 → 00:13:30 ทั้งคู่อือ่าก็เกิดความไม่พอใจอนี้พอเรา
00:13:30 → 00:13:35 มาเอ่อปรับปรุงตัวเองเราก็บอกว่าพอพอลูก
00:13:35 → 00:13:38 ทักเนี่ยพอพอเราปรับปรุงตัวเองเนี่ยปรากฏ
00:13:38 → 00:13:41 ลูกก็ซอฟลงแทนที่เบอกเอาอีกแล้วนะแม่อะไร
00:13:41 → 00:13:45 อย่างเงี้ยลูกก็จะทักใหม่ว่าอ้าวทำไมถึง
00:13:45 → 00:13:49 ไม่ได้ปิดบรเก็ดล่ะอือ่าบอกลืมอีกแล้ว
00:13:49 → 00:13:53 เหรออืดูๆมันโทนมันซอฟลงมาเออใช่ใช่มั้ย
00:13:53 → 00:13:57 คะแล้วเอ่อครั้งล่าสุดเนี่ยพี่อ้อยก็บอก
00:13:57 → 00:14:01 ว่าเออเออแม่ลืมจริงๆด้วยอันเนี้ยเออขอ
00:14:01 → 00:14:05 โทษนะเออๆให้อภัยได้มั้ยอ่ะแท้าหน้าเจะ
00:14:05 → 00:14:09 ไม่ทำแล้วแหละแถวหน้าเจะดูดีๆนะอะไรอย่าง
00:14:09 → 00:14:12 เงี้ยแล้วแล้วก็อ่ะเรา 2 คนก็ก็ยิ้มแล้ว
00:14:12 → 00:14:18 ลูกก็ปิดให้เอออืแต่มีเคสที่แบบเอ่อคนรู้
00:14:18 → 00:14:21 จักเป็นเรื่องเรื่องเล็กมากเลยพี่วีีอ
00:14:21 → 00:14:24 อยากถามพี่วีว่าถ้าเป็นเคสแบบเนี้ยพี่วี
00:14:24 → 00:14:29 จะจะตีความว่ายังไงเออๆก็คือเคสเรื่อง
00:14:29 → 00:14:33 เหมือนทิ้งขยะในบ้านนี่แหละอืเออทิ้งขยะ
00:14:33 → 00:14:37 แล้วก็มันไม่ลงถังทั้งหมดคือมันมีบางส่วน
00:14:37 → 00:14:38 กระเด็นออกมาอยู่ข้างนอกหรืออะไรอย่าง
00:14:38 → 00:14:43 เงี้ยภรรยาทิ้งออเออๆๆอืสามีมาเห็นสามีก็
00:14:43 → 00:14:48 บอกว่าอ้าวเธอทำไมทิ้งขยะไม่ลงถังล่ะอืๆๆ
00:14:48 → 00:14:52 ภรรยาก็ปรี๊ดโกรธขึ้นมาเลยว่าโหเรื่อง
00:14:52 → 00:14:56 เล็กเรื่องน้อยแค่นี้ก็ก็บ่นอืก็เก็บก็
00:14:56 → 00:14:59 มันอยู่นอกถังอ่ะก็ช่วยเก็บให้หน่อยดิอ
00:14:59 → 00:15:02 ไม่เห็นต้องมาว่ากันเลยอะไรประมาณนี้ออือ
00:15:02 → 00:15:06 ๆแล้วแล้วมันก็ขุ่นกันทั้งคู่อืนะคะแต่
00:15:06 → 00:15:10 คู่นี้เค้าเเลือกเงียบแต่ว่าไอ้เงียบ
00:15:10 → 00:15:13 เนี่ยมันขุ่นไปแล้วไงพี่วีก็เลยอยากถาม
00:15:13 → 00:15:16 พี่วีถ้าถ้าเป็นพี่วีเเนี่ยถ้ามีคนทักว่า
00:15:16 → 00:15:20 เอ้าทิ้งขยะไม่ลงถังอ่ะทำไมทำอย่าเงี้อ่ะ
00:15:20 → 00:15:24 อือพี่วีจะแปลว่าอะไรค่ะแล้วทำยังไงโเป็น
00:15:25 → 00:15:27 คำถามที่ดีมากเลยค่ะเพราะอะไรรู้มั้ไม่
00:15:27 → 00:15:30 ต้องสมมุติว่าเป็นผมเลยอ้นี้เหมือนกับพี่
00:15:30 → 00:15:32 อ้อยเอาเรื่องผมไปเล่าป่า
00:15:32 → 00:15:36 เนี่ยแบบแกล้งสวมตัวละครใหม่ใช่มเอเหมือน
00:15:36 → 00:15:39 กับเอ๊ะพี่อ้อยรู้ความลับเราได้ยังไง
00:15:39 → 00:15:41 เนี่ยคือประเด็นที่สำคัญก็คืออย่างงี้พี่
00:15:41 → 00:15:44 อ้อยถ้าจะถ้าจะถามว่ารู้สึกยังไงนี่นะก็
00:15:44 → 00:15:48 ต้องถามเหมือนกับพี่อ้อยเลยอือที่เรามี 2
00:15:48 → 00:15:52 เวอร์ชั่นค่ะถ้าเอาเวอร์ชั่นของจริงนะค่ะ
00:15:52 → 00:15:56 ถ้าเราเป็นคนที่เอาของจริงเลยเนี่ยเป็นคน
00:15:56 → 00:15:58 ถ้าเราเป็นคนที่แบบว่า perfectionist ึม
00:15:58 → 00:16:03 อ่ะค่ะเป๊ะอคือประมาณว่าเรามีความเชื่อ
00:16:03 → 00:16:06 ว่าเรามีหลักปฏิบัติในชีวิตว่าทุกอย่าง
00:16:06 → 00:16:10 มันต้องมีที่ของมันอ่าเพราะฉะนั้นถ้าเรา
00:16:10 → 00:16:13 เป็นคนระดับนี้เลยนะค่ะแล้วเราเข้าใจว่า
00:16:13 → 00:16:17 ทุกอย่างต้องมีที่ของมันคนแบบนี้เวลาที่
00:16:17 → 00:16:19 เจออะไรบางอย่างที่ไม่ได้อยู่ในที่ของมัน
00:16:19 → 00:16:24 นะอ่าฮจะแบบอื้อหืออุณหภูมิขึ้นสูงมากอื
00:16:24 → 00:16:27 จะปรี๊ดเลยแหละค่ะจะรับไม่ได้เลยแหละอือ
00:16:27 → 00:16:29 แต่พอ
00:16:29 → 00:16:33 อันนี้เราตีความไงค่ะว่าเฮ้ยทำไมไม่ใส่ใจ
00:16:33 → 00:16:36 เลยประมาณอย่างงี้ใช่มั้เราจะแบบแรงมาก
00:16:36 → 00:16:40 อือแต่ว่าพอสักระยะนึงเนี่ยถ้าเราสังเกต
00:16:40 → 00:16:44 แล้วเรานิ่งพอนะเราจะเห็นอะไรบางอย่างค่ะ
00:16:44 → 00:16:50 แล้วเราก็จะลดดีกรีของความเป็นพวกเป๊ะอ่ะ
00:16:50 → 00:16:54 ลดดีกรีความเป๊ะอลดความเป๊ะเออแล้วก็จะ
00:16:54 → 00:16:57 คล้ายๆเหมือนกับที่พี่อ้อยเจอกับลูกเลย
00:16:57 → 00:17:01 ค่ะพอพอเราลดดีกรีความเป๊ะลงเนี่ยเราก็จะ
00:17:01 → 00:17:05 ลดลดมาตรฐานลงทุกอย่างอ่ะค่ะโดยใช้ความ
00:17:05 → 00:17:10 ความเข้าใจว่าคนบางคนน่ะบางทีเนี่ยเขา
00:17:10 → 00:17:13 อยู่กับอะไรบางอย่างมาตลอดชีวิตไงค่ะพูด
00:17:13 → 00:17:16 ง่ายๆคือใช้ความเข้าใจมานอกเหนือจากการตี
00:17:16 → 00:17:19 ความตามที่เราเข้าใจแล้วเนี่ยค่ะอาศัย
00:17:19 → 00:17:22 ความเข้าใจที่เรามีต่อเค้าเนี่ยมาช่วยตี
00:17:22 → 00:17:26 ความด้วยอืแล้วเราก็จะพอเราลดลดทุกอย่าง
00:17:26 → 00:17:29 ลงเนี่ยเราก็ใช้ความเข้าใจมากขึ้นเนี่ย
00:17:29 → 00:17:34 ค่ะมันจะลดดีกรีความความปรี๊ดลงงอ่ะอื
00:17:34 → 00:17:36 แล้วมันก็จะค่อยๆเข้า
00:17:36 → 00:17:40 ใจเพราะสังเกตว่าอะไรรู้มั้ยว่าเวลาที่
00:17:40 → 00:17:42 มันมีบางอย่างมันไม่เป๊ะตามที่เราต้องการ
00:17:42 → 00:17:46 นะพี่อ้อยแล้วเราก็ใส่ใส่อุณหภูมิเข้าไป
00:17:46 → 00:17:51 เยอะอ่ะค่ะเราสังเกตว่าเฮ้ยเราก็เป็นแบบ
00:17:51 → 00:17:54 นี้มาตั้งนานแล้วนะอืแต่เค้าก็ยังเหมือน
00:17:54 → 00:17:59 เดิมว่ะอืมเค้าก็ยังไม่เปลี่ยนค่ะแล้วนอก
00:17:59 → 00:18:01 จากไม่เปลี่ยนแล้วเนี่ยทุกครั้งที่เราใช้
00:18:01 → 00:18:04 มาตรฐานเรายิงไปที่เ้าเนี่ยอือนอกจากไม่
00:18:04 → 00:18:08 เปลี่ยนแล้วเนี่ยเขายังตีกลับมาด้วยค่ะก็
00:18:08 → 00:18:11 เลยอ้าในเมื่อมันไม่ช่วยอะไรอืเราลอง
00:18:11 → 00:18:14 เปลี่ยนวิธีมั้ยอ่ะค่ะค่ะเปลี่ยนเปลี่ยน
00:18:14 → 00:18:18 วิธีด้วยการลดความเป๊ะอืแล้วก็แบบเมื่อ
00:18:18 → 00:18:21 กี้เลยแบบที่เมื่อกี้นี้พอได้ยินพี่อ้อย
00:18:21 → 00:18:25 ว่าบเปลี่ยนเป็นแบบมุกตลกอ่ะค่ะหรือ
00:18:25 → 00:18:28 เปลี่ยนเป็นความท้าทายเปลี่ยนคือยังไงก็
00:18:28 → 00:18:33 ตามทีเนี่ยลดให้มันซอฟลงอืพอซอฟลงแล้ว
00:18:33 → 00:18:38 ปรากฏว่าดีขึ้นอืเออค่ะออันนี้พี่วีกำลัง
00:18:38 → 00:18:42 พูดถึงขาส่งเนาะใช่แล้วขารับล่ะถ้าเกิดมี
00:18:42 → 00:18:46 คนเพราะเราควบคุมคนอื่นไม่ได้ไงอ่าๆๆๆอ่า
00:18:46 → 00:18:51 ถ้าเราเป็นขารับอ่ะคะแล้วคนมาเหมือนฟังดู
00:18:51 → 00:18:55 คำพูดเหมือนเชิงตำหนิเเออเราจะแปลว่าอะไร
00:18:55 → 00:18:58 หรือตีความว่าอะไรดีค่ะคือคือถ้าเราเป็น
00:18:58 → 00:19:02 ขาลับนะคราวนี้เราเป็นฝ่ายโดนบ้างใช่เรา
00:19:02 → 00:19:06 โดนถ้าเป็นปกติคนแบบนี้เหมือนเดิมเลยพี่
00:19:06 → 00:19:10 อ้อยถ้าโดนบ้างนะค่ะจะแบบ
00:19:10 → 00:19:13 อื้อหือเค้าเรียกว่าอะไรดีอ่ะเหมือนเป็น
00:19:14 → 00:19:17 น้ำเดือดน่ะใช่ๆเหมือนเป็นน้ำเดือดเลยอ่ะ
00:19:17 → 00:19:20 แล้วแวนออกหัวค่ะแวันออกหูใช่ๆประมาณนี้
00:19:21 → 00:19:24 เลยค่ะแล้วถ้าถามผมเนี่ยผมเคยโดนแบบนี้
00:19:24 → 00:19:27 มั้ยก็โดนนะอืโดนเสร็จปุ๊บก็โดนทุกคนแหละ
00:19:27 → 00:19:29 อือพอโดนเสร็จแล้วแล้ว
00:19:29 → 00:19:34 เราคือความโชคดีของเราก็คือว่าเราจะพอเรา
00:19:34 → 00:19:37 มีอาการอย่างนี้ปุ๊บเราจะนิ่งนิดนึงค่ะพอ
00:19:38 → 00:19:41 นิ่งนิ่งเสร็จแล้วเนี่ยเราก็จะพอในความ
00:19:41 → 00:19:46 นิ่งเ่ะพี่อ้อยเราจะเห็นอืมนิ่งก่อนนะคะ
00:19:46 → 00:19:49 คือผมจะนิ่งวิธีที่ผมใช้คือพอเรานิ่งปึ๊บ
00:19:49 → 00:19:52 แล้วเราจะเห็นว่าเฮ้ยๆตอนนี้น้ำเรากำลัง
00:19:52 → 00:19:56 เดือดอ๋อเห็นตัวเองเออเราเห็นอืแล้วเรา
00:19:57 → 00:19:58 ว่าตอนเรารู้สึกว่าตอนนี้น้ำเรากำลัง
00:19:58 → 00:20:02 เดือดอือฮึเราก็จะปรอดจะแตกละเออเราก็จะ
00:20:02 → 00:20:05 ต้องรีบลดอุณหภูมิก่อนอ่าเหมือนกับเวลา
00:20:06 → 00:20:09 หม้อน้ำเดือดน่ะพี่อ้อยอฮเค้าบอกว่าเวลา
00:20:09 → 00:20:12 หม้อน้ำเดือดนะถ้าเกิดว่าเข็มในรถน่ะมัน
00:20:12 → 00:20:15 บอกว่าเครื่องร้อนเกินไปแล้วนะค่ะแล้ว
00:20:15 → 00:20:19 เวลาหม้อน้ำเดือดเนี่ยเ้าบอกว่าข้อห้าม
00:20:19 → 00:20:23 คืออย่าเปิดเดี๋ยวนั้นเปิดเดี๋ยวนั้นมัน
00:20:23 → 00:20:27 จะพุ่งจนเราอันตรายโอโหอันตรายเลยค่ะหรือ
00:20:27 → 00:20:30 เมีเทคนิคคือถ้าจะเปิดเดี๋ยวนั้นนะเอาผ้า
00:20:30 → 00:20:34 มาคลุมก่อนค่ะแล้วมันพุ่งเนี่ยเอาผ้า
00:20:34 → 00:20:37 เปียกมาคลุมเอาผ้าเปียกมาคลุมก่อน
00:20:37 → 00:20:40 อันเนี้ยคือกระบวนการที่ผมรู้สึกว่าเคล็ด
00:20:40 → 00:20:43 ลับสำคัญคืออ้าโอเคถ้าเราไม่ตกอยู่ใน
00:20:44 → 00:20:47 อาการแบบนี้นะอเราจะต้อง
00:20:47 → 00:20:51 มีมีเครื่องมือช่วยในการที่ทำให้เราเท่า
00:20:51 → 00:20:54 ทันอารมณ์ตัวเองค่ะว่าตอนนี้เราร้อนแล้ว
00:20:54 → 00:20:58 นะค่ะอย่างรถมันร้อนมันจะมีมิตเตอร์ค่ะ
00:20:58 → 00:21:01 บอกตัวชี้วัดบอกใช่มั้ยฮะถ้าเรารู้ปึ๊บ
00:21:01 → 00:21:05 เนี่ยเราจะมีวิธีการที่ทำให้มันไม่ระเบิด
00:21:05 → 00:21:09 น่ะอือค่ะแล้วมันก็จะดีขึ้นฮะอืแต่ถ้า
00:21:09 → 00:21:12 สมมุติว่าเรายังเอ่อจะบอกว่าอะไรอ่ะเรา
00:21:12 → 00:21:15 ฝึกใหม่ๆเรายังไม่รู้หรอกว่าเครื่องมือ
00:21:15 → 00:21:20 คืออะไรอ่าเราก็นิ่งซะก่อนใช่มั้ยคะโอเคอ
00:21:20 → 00:21:23 ใช่อันเนี้ยเป็นตัวช่วยค่ะเพราะในความ
00:21:24 → 00:21:27 นิ่งอ่ะพี่อ้อยผมผมผมจะถือหลักนี้เสมอว่า
00:21:27 → 00:21:30 ถึงแม้ว่าในวินาทีนั้นเรายังไม่รู้นะค่ะ
00:21:30 → 00:21:33 ว่าเราจะทำยังไงนะค่ะแต่นิ่งไว้ก่อนอื
00:21:33 → 00:21:36 นิ่งไว้ก่อนแต่นิ่งนี่ไม่ใช่เก็บกดนะพี่
00:21:36 → 00:21:39 วีอ่าไม่เหมือนกันเอ่อนิ่งกับเก็บกฎนี่คน
00:21:39 → 00:21:42 ละแบบอย่าเข้าใจผิดค่ะเออมันจะไม่เก็บกฎ
00:21:42 → 00:21:45 เอาไว้ค่ะอือเพราะตอนนี้เนี่ยเรากำลัง
00:21:45 → 00:21:48 กลายเป็นว่าผมผมมีความรู้สึกว่าตอนนี้นะ
00:21:48 → 00:21:51 วันนี้นะพี่อ้อยเรากำลังพูดถึงเรื่องของ
00:21:51 → 00:21:56 การตีความอืที่พอเราตีความผิดเพี้ยนบิด
00:21:56 → 00:21:58 เบี้ยวไปจากที่มันควรจะเป็นแล้วทำให้ให้
00:21:58 → 00:22:02 เราทุกข์ท่วมหัวค่ะเพราะฉะนั้นวิธีแก้ก็
00:22:02 → 00:22:05 คือเหมือนกับว่าเราเราต้องฝึกสังเกตนะฝึก
00:22:05 → 00:22:08 สังเกตค่ะถ้าเราไม่สังเกตเราก็จะทุกขท่วม
00:22:08 → 00:22:10 หัวไปอยู่อย่างงั้นแหละใช่จนท่วมอ่ะจน
00:22:10 → 00:22:13 กระทั่งแบบมันอัดจนต้องถึงวันนึงต้อง
00:22:13 → 00:22:16 ระเบิดแน่อย่างเงี้ยค่ะแต่ถ้าเราสังเกต
00:22:16 → 00:22:20 อือฮึวิธีแก้ก็คือนิ่ง
00:22:21 → 00:22:25 อืแล้วค่อยๆหาหนทางค่ะผมผมชอบเมื่อกี้นี้
00:22:25 → 00:22:28 พอผมเล่าให้พี่อ้อยฟังแล้วผมก็มีความรู้
00:22:28 → 00:22:31 สึกว่าช่วงนึงที่ผมพูดอะไรบางอย่างไปแล้ว
00:22:31 → 00:22:34 พี่อ้อยก็เอาคำนั้นไปซ้ำเนี่ยผมมีความรู้
00:22:34 → 00:22:37 สึกว่าเฮ้ยแสดงว่ากระบวนการเมันน่าจะมี
00:22:37 → 00:22:40 ประโยชน์ก็คืออหม้อน้ำที่มันกจะระเบิดน่ะ
00:22:40 → 00:22:44 ค่ะเอาผ้าชุบน้ำเย็นน่ะค่ะไปปิดไว้ก่อนไป
00:22:44 → 00:22:47 ปิดไว้ก่อนค่ะเออไอ้ผ้าชุบน้ำเย็นในชีวิต
00:22:47 → 00:22:51 เรานี่มันคืออะไรอ่ะพี่อ้อยผ้าชุบน้ำเย็น
00:22:51 → 00:22:55 คืออะไรเวลาที่เราโกรธน่ะเวลาโกรธก็คือ
00:22:55 → 00:22:58 สติอ่าใช่มั้ย
00:22:58 → 00:23:02 เอาไปคลุมไว้ก่อนอือแล้วมันก็จะลดความ
00:23:02 → 00:23:05 เย็นลงไปมันจะไม่หายไปในทันทีอ่าอืต้อง
00:23:05 → 00:23:08 อย่าไปคาดหวังว่ามันจะมีเครื่องช่วยที่
00:23:08 → 00:23:12 แบบพอเราทุบท่วมหัวเพราะตีความปึ๊บหายไม่
00:23:12 → 00:23:16 มีอค่ะแต่มันเหมือนกับหม้อน้ำที่มันร้อน
00:23:17 → 00:23:21 น่ะค่ะต้องค่อยๆใช้เวลาใช้ความนิ่งแล้ว
00:23:21 → 00:23:23 อุณหภูมิมันจะค่อยๆลดอือ
00:23:23 → 00:23:28 ฮึฝึกแปรใหม่พอเรานิ่งเสร็จแล้วอ่ะแล้ว
00:23:28 → 00:23:31 เราก็มาฝึกฝึกแปลใหม่อ่าใช่เออย่างเช่น
00:23:31 → 00:23:35 สั้นๆออถ้าบอกว่าพูดแล้วพูดอีกเคยปรี๊ด
00:23:35 → 00:23:40 เอ่าเปลี่ยนเอ่อลองแปลซิว่าอ๋อเคแปลว่า
00:23:40 → 00:23:41 รู้แล้ว
00:23:41 → 00:23:45 ครับเออใช่ๆใช่มั้คะพูดอีกรู้แล้วครับไม่
00:23:45 → 00:23:48 ต้องพูดอีกอย่าเงี้เอออย่างเงี้ยใช่มั้ย
00:23:48 → 00:23:52 ค่ะเพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับไอ้เราลองหา
00:23:52 → 00:23:55 สถานการณ์ในชีวิตแล้วเราจะพบว่าจริงๆแล้ว
00:23:55 → 00:23:59 เนี่ยการที่เราทุกๆท่วมหัวแล้วเพราะว่า
00:23:59 → 00:24:03 แปรมั่วเนี่ยก็คือการตีความใครบางคนมี
00:24:03 → 00:24:05 พฤติกรรมบางอย่างแล้วเราตีความอย่างบาง
00:24:05 → 00:24:08 อย่างแล้วมันทำให้เราทุกข์อืทำให้เรา
00:24:08 → 00:24:10 เดือดเนื้อร้อนใจทำให้เราโกรธทำให้เรา
00:24:10 → 00:24:15 โมโหเนี่ยอพี่อ้อยให้เทคนิคว่าลองฝึกแต่
00:24:15 → 00:24:18 ต้องนิ่งก่อนนะพอนิ่งปึ๊บลองฝึกตีความ
00:24:18 → 00:24:23 ใหม่ค่ะว่าที่เาพูดแบบนั้นเนี่ยเค้าเคด่า
00:24:23 → 00:24:27 เราหรือเขาคว่าเราอ้าอ๋อเปล่าเค้าแค่จะ
00:24:28 → 00:24:31 บอกจะบอกเราค่ะบีบแตกปิ้นๆเนี่ยเฮ้ยดา
00:24:32 → 00:24:35 แล้วเหรอเปล่าเแค่เตือนว่าระวังเออมีรถมา
00:24:35 → 00:24:39 ข้างๆระวังนิดนึงค่ะเไม่ได้ด่าเ้าแค่เแค่
00:24:39 → 00:24:43 สะกิดเแค่เตือนค่ะอันนี้เป็นเทคนิคที่พี่
00:24:43 → 00:24:45 อ้อยให้วันนี้ใช่มั้ยครับอใช่ค่ะเพราะ
00:24:45 → 00:24:48 ฉะนั้นคุณผู้ฟังครับวันนี้ลองสังเกตใน
00:24:48 → 00:24:52 ชีวิตเราว่ามันอาจจะมีสถานการณ์อีกมากมาย
00:24:52 → 00:24:57 ไก่กองนะที่ลองสังเกตดูว่าวันนึงเป็นร้อย
00:24:57 → 00:24:58 ๆครั้ง
00:24:58 → 00:25:01 โอ้โหแล้วเป็นร้อยๆเรื่องด้วยนะค่ะที่เรา
00:25:01 → 00:25:04 ตีตีเราทุกข์ก่อนเริ่มจากทุกข์อือพอ
00:25:04 → 00:25:07 สังเกตว่าเราทุกข์เราขุ่นมัวปุ๊บถามตัว
00:25:07 → 00:25:10 เองว่าเป็นเพราะว่าเราตีความสิ่งนั้นว่า
00:25:10 → 00:25:13 ยังไงค่ะแล้วพอเราเจอปุ๊บหลังจากนั้น
00:25:13 → 00:25:15 เนี่ยเราจะเกิดการตีความ
00:25:15 → 00:25:19 ใหม่พอตีความใหม่เมื่อไหร่ปึ๊บไอ้ทุกข์
00:25:19 → 00:25:21 ที่บอกเคยท่วมหัวมันจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
00:25:21 → 00:25:24 พี่อ้อยฝากคำเดียวก่อนจบคำเดียวคือ
00:25:24 → 00:25:29 translate into ใจโอ้โห
00:25:29 → 00:25:33 ค่ะถูกต้องเลยครับคุณฟังครับพี่น้อยฝาก
00:25:33 → 00:25:37 ว่า translate into ใจใจสังเกตที่ใจเรา
00:25:37 → 00:25:40 แล้วก็แปลที่ใจเราใหม่เพราะฉะนั้นคุณผู้
00:25:40 → 00:25:42 ฟังครับสันกรรมความสุขในวันนี้นะครับ
00:25:42 → 00:25:46 translate into ใจแล้วทุกข์จะไม่ท่วม
00:25:46 → 00:25:48 หัวอีกต่อไปนะครับค่ะวันนี้ผมวีรพงษ์
00:25:49 → 00:25:51 ทวีศักดิ์ต้องลาไปก่อนครับและพี่อ้อยด้วย
00:25:51 → 00:25:54 ครับสวัสดีครับสวัสดี
00:25:54 → 00:25:58 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:25:58 → 00:26:01 Application ของ Thai PBS podcast
00:26:01 → 00:26:03 spotify soundcloud Google podcast
00:26:03 → 00:26:06 Apple podcast และ YouTube Channel
00:26:06 → 00:26:10 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:26:10 → 00:26:14 View the world via The
00:26:14 → 00:26:22 [เพลง]
00:26:22 → 00:26:25 Voice