00:00:00 → 00:00:03 7 ขั้นตอนนะครับ ลดน้ำหนัก 7 วัน ลดไขมันได้ทั้งตัวนะครับ
00:00:03 → 00:00:05 ทำยังไง ดูคลิปนี้ให้จบนะครับ
00:00:05 → 00:00:07 สวัสดีครับ ผมหมอหนึ่ง Healthy Hero นะครับ
00:00:07 → 00:00:10 ลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิต คิดถึง หมอหนึ่ง Healthy Hero นะครับ
00:00:10 → 00:00:14 สำหรับคลิปนี้นะครับ หมอหนึ่งก็จะมาบอกเคล็ดลับดี ๆ นะครับ ที่จะช่วยให้คุณ
00:00:14 → 00:00:16 ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน เร่งด่วนได้นะครับ
00:00:16 → 00:00:19 โดยที่คุณเริ่มต้นทำ 7 วัน 7 อย่างนี้ เท่านั้นนะครับ
00:00:19 → 00:00:23 หลาย ๆ คนเนี่ย พอคิดถึงการเริ่มต้นลดน้ำหนัก ก็ไม่รู้ว่า จะเริ่มทำอะไรก่อนหลัง
00:00:23 → 00:00:26 หมอหนึ่งเรียงมาให้แล้วว่า ในแต่ละวัน จะปรับอะไรบ้างนะครับ
00:00:26 → 00:00:28 ปรับไปทีละ 1 อย่างนะครับ แล้วมันจะง่ายมาก ๆ เลยนะครับ
00:00:28 → 00:00:31 ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การจัดอาหารในการลดน้ำหนัก
00:00:31 → 00:00:33 การจัดเวลาการทาน หรือ แม้กระทั่งการออกกำลังกายนะครับ
00:00:33 → 00:00:36 ว่าทำยังไง คุณถึงจะผอมได้นะครับ
00:00:36 → 00:00:39 แล้วบอกเลยนะครับว่า ถ้าคุณปรับตามนะ มันลดไขมันได้ทั้งตัวเลย
00:00:39 → 00:00:42 ซึ่งหมอหนึ่งยืนยันนะครับ เพราะว่า นักเรียนในกลุ่มลดน้ำหนัก VIP ของหมอหนึ่งเนี่ย
00:00:42 → 00:00:44 เอาไปปรับใช้ได้ผลลัพธ์กันหมดเลยนะครับ
00:00:44 → 00:00:47 อย่างคนแรกเนี่ย ทำตามไปแค่ 5 วันนะครับ
00:00:47 → 00:00:48 ลดน้ำหนักกิโลแรกได้แล้ว
00:00:48 → 00:00:50 คือหลายคนเนี่ย อาจจะเคยท้อมาก่อนนะครับ
00:00:50 → 00:00:53 เพราะว่า เคยลดมาหลายวิธีแล้ว กว่าจะลดได้ 1 กิโลนี่ ยากมากเลย
00:00:53 → 00:00:56 แต่พอทำตามเทคนิคหมอหนึ่งปั๊บ กิโลแรกลดง่ายจังเลย
00:00:56 → 00:00:58 แล้วก็มีกำลังใจจะทำต่อนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 อีกคนนึงนะครับ เอาเทคนิคของหมอหนึ่งไปปรับนะครับ
00:01:00 → 00:01:02 ลดไปแค่ 10 วัน ลดไปแล้ว 3 กิโลเลย
00:01:02 → 00:01:07 คุณก็สามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ตั้งใจฟัง 7 ขั้นตอนนี้ให้ดี ๆ นะครับ
00:01:07 → 00:01:09 ขั้นตอนที่ 1 หรือวันที่ 1 นะครับ
00:01:09 → 00:01:12 คุณจะสามารถลดน้ำหนักเร่งด่วนใน 7 วันได้
00:01:12 → 00:01:15 วันแรก สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายมาก ง่ายที่สุดเลย ก็คือ
00:01:15 → 00:01:19 การที่คุณจะต้อง งดเครื่องดื่ม หรือ ขนมอะไรต่าง ๆ ที่มันมีน้ำตาล
00:01:19 → 00:01:20 เพราะอะไรนะครับ
00:01:20 → 00:01:21 ใครที่เคยฟังคลิปของหมอหนึ่งมานะครับ
00:01:21 → 00:01:25 หรือติดตามเพจ หรือช่อง การลดน้ำหนักของหมอหนึ่งมา จะรู้เลยว่า
00:01:25 → 00:01:26 ผมจะย้ำเรื่องนี้เสมอว่า
00:01:26 → 00:01:29 ร่างกายของคุณ คุณจะลดน้ำหนักได้ คุณต้องเข้าใจระบบพลังงานก่อน
00:01:29 → 00:01:33 ร่างกายของคุณจะใช้พลังงานจากแค่ ไม่น้ำตาลกับแป้ง ก็ใช้ไขมัน ถูกไหมนะครับ
00:01:33 → 00:01:38 เพราะฉะนั้น ถ้าร่างกายของคุณมีน้ำตาลกับแป้ง ร่างกายของคุณจะใช้น้ำตาลกับแป้งก่อน
00:01:38 → 00:01:44 แล้วน้ำตาลกับแป้งส่วนที่คุณใช้ไม่หมดนะครับ จะเอาไปถูกสะสมเป็นไขมัน
00:01:44 → 00:01:45 ดังนั้น หมายความว่าอะไร
00:01:45 → 00:01:50 หมายความว่า ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักได้ดี คุณอยากจะใช้ไขมันที่มันสะสมอยู่ได้เยอะ ๆ
00:01:50 → 00:01:54 คุณจำเป็นจะต้องมีน้ำตาลกับแป้งในร่างกาย น้อยลงหน่อยนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่ 1 ง่ายที่สุดเลยนะครับ หมอหนึ่งเลยบอกว่า
00:01:57 → 00:02:01 ให้คุณเนี่ยวันแรก งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลก่อน
00:02:01 → 00:02:02 ง่าย ๆ ที่สุดนะครับ เช่น
00:02:02 → 00:02:04 เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีน้ำตาล
00:02:04 → 00:02:05 น้ำอัดลม เปลี่ยนเป็น น้ำเปล่า
00:02:05 → 00:02:10 ชา ที่เคยเป็นชานม เปลี่ยนเป็นชาที่ไม่มีน้ำตาลได้ไหม
00:02:10 → 00:02:12 ชาเขียวไม่มีน้ำตาล จะร้อนจะเย็นได้หมดเลยนะครับ
00:02:12 → 00:02:16 แล้วก็พวกกาแฟที่เคยเป็นกาแฟใส่นมใส่น้ำตาล เปลี่ยนเป็นกาแฟดำ ได้ไหม
00:02:16 → 00:02:19 คุณเชื่อไหมว่า แค่วันแรกของคุณ เปลี่ยนแค่ 3 สิ่งนี้นะ
00:02:19 → 00:02:21 ภายใน 3 วัน คุณจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเลยนะครับ
00:02:21 → 00:02:23 เพราะร่างกายของคุณ พอน้ำตาลมันลดลง
00:02:23 → 00:02:24 มันก็ไม่มีอะไรไปสะสมเป็นไขมัน
00:02:24 → 00:02:28 พอน้ำตาลกับแป้งใช้ไม่พอ มันก็ไปเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานด้วย
00:02:28 → 00:02:31 พอเห็นภาพนะครับ ง่ายมาก แต่แต่ก่อนเรามักจะเข้าใจว่า
00:02:31 → 00:02:33 อยากลดน้ำหนัก ต้องงดของมันของทอดใช่มั้ย
00:02:33 → 00:02:35 วันแรก ไปงดน้ำตาลก่อนนะครับ
00:02:35 → 00:02:37 อย่างน้อย งดน้ำตาลจากเครื่องดื่ม หรือพวกขนมได้
00:02:37 → 00:02:40 แต่ส่วนพวกอาหารนะครับ บางคนบอกว่า
00:02:40 → 00:02:42 ไปกินตามร้าน เค้าใส่มาแล้ว ท่องไว้นะครับ
00:02:42 → 00:02:43 ดีที่สุดในจุดที่ทำได้
00:02:43 → 00:02:46 อันไหนที่เราควบคุมไม่ได้ ช่างมัน ไม่เป็นไร
00:02:46 → 00:02:50 ถ้าเขาใส่น้ำตาลในอาหารมา คุณก็เลี่ยงตัวที่เป็นน้ำ ๆ ของมันนะครับ
00:02:50 → 00:02:52 อาหารส่วนใหญ่ น้ำตาลจะละลายอยู่ในน้ำ
00:02:52 → 00:02:55 เช่น อาหารที่เป็นอาหารผัด ถ้าเขาผัดมาแฉะ ๆ
00:02:55 → 00:02:57 ตรงน้ำตรงนั้นแหละ ที่จะมีน้ำตาลละลายอยู่นะครับ
00:02:57 → 00:03:00 กินส้มตำได้ไหม ส้มตำนะ เวลาคุณตำเนี่ย
00:03:00 → 00:03:03 ตรงน้ำ ๆ มันน่ะ ตรงนั้นน่ะ คือ ส่วนที่มีเครื่องปรุงกับน้ำตาลอยู่
00:03:03 → 00:03:07 ก็แค่เลี่ยงส่วนนั้น ดีที่สุดในจุดที่ทำได้ นะครับ
00:03:07 → 00:03:10 เพราะฉะนั้นข้อที่ 1 งดน้ำตาล โดยเฉพาะพวกขนมกับเครื่องดื่มนะครับ
00:03:10 → 00:03:11 อันนี้ คือวันที่ 1 นะครับ
00:03:11 → 00:03:12 ถัดไปคือวันที่ 2
00:03:12 → 00:03:15 หลังจากที่คุณงดน้ำตาลในวันแรกไปแล้วเนี่ย
00:03:15 → 00:03:19 หมอหนึ่งบอกเลยว่า คุณอาจจะเจอภาวะที่เรียกว่า ภาวะอยากน้ำตาล
00:03:19 → 00:03:22 จะเจอทุกคนนะครับ แต่จะอยู่ในช่วงปรับตัวประมาณ 1-3 วันนะครับ
00:03:22 → 00:03:24 1-3 วัน ไม่นานเกินไปนะครับ
00:03:24 → 00:03:27 คือร่างกายของคุณที่เคยติดน้ำตาลมาเยอะ ๆ
00:03:27 → 00:03:28 ลิ้นคุณเคยติดรสหวานมาเยอะ ๆ เนี่ย
00:03:28 → 00:03:32 พอขาดรสหวานไปวันแรก ๆ คุณจะรู้สึกว่ามันโหยจังเลยนะครับ
00:03:32 → 00:03:32 มันหิวจังเลย
00:03:32 → 00:03:35 แต่ถ้าคุณทำตามเทคนิควันที่ 2
00:03:35 → 00:03:36 อาการนี้มันจะหายไปนะครับ
00:03:36 → 00:03:41 ข้อที่ 2 ก็คือ คุณจำเป็นที่จะต้องกินอาหารที่เป็นโปรตีนให้เพียงพอ
00:03:41 → 00:03:45 หลายคนเนี่ยเข้าใจว่า ตัวเองหิว เพราะว่าเรากินน้อยไป
00:03:45 → 00:03:47 ก็เลยพยายามกินเยอะ ๆ แต่จริง ๆ ไม่ใช่
00:03:47 → 00:03:49 ร่างกายของคุณแสดงความหิวออกมาเพราะว่า
00:03:49 → 00:03:52 ร่างกายของคุณ ยังไม่ได้สารอาหารที่อยากได้ โดยเฉพาะ
00:03:52 → 00:03:53 โปรตีนนั่นเอง
00:03:53 → 00:03:54 โปรตีน ได้แก่อะไรบ้างนะครับ
00:03:54 → 00:03:55 เนื้อสัตว์
00:03:55 → 00:03:57 ไม่ว่าจะเป็น หมู
00:03:57 → 00:03:59 กุ้ง ไก่ ปลาหมึก หอย ได้หมดเลยนะครับ
00:03:59 → 00:04:03 เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว ต่าง ๆ เต้าหู้
00:04:03 → 00:04:07 หรือแม้กระทั่งพวกเวย์โปรตีน พวกนี้ก็ถือเป็นหมวดโปรตีนทั้งหมดนะครับ
00:04:07 → 00:04:10 อาหารพวกนี้คุณควรจะต้องทานให้เพียงพอนะครับ
00:04:10 → 00:04:12 คำว่าทานเพียงพอหมายความว่าอะไร
00:04:12 → 00:04:15 คนที่เป็นคนปกติที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวใด ๆ นะครับ
00:04:15 → 00:04:19 ควรจะต้องกินโปรตีนให้ได้ 0.8 - 1 เท่า ของน้ำหนักตัว 1 กิโล
00:04:19 → 00:04:23 อย่างหมอหนึ่งหนัก 70 นะครับ หมอหนึ่งก็ควรจะต้องกินโปรตีนให้ได้ 70 กรัมต่อวัน
00:04:23 → 00:04:25 เพื่อที่จะมีชีวิตที่สุขภาพดี
00:04:25 → 00:04:30 แต่ถ้าสมมติ บางคนที่อยากจะลดน้ำหนัก และอยากจะมีหุ่นที่มีกล้ามเนื้อด้วยนะครับ
00:04:30 → 00:04:33 อันนี้ก็อาจจำเป็นที่จะต้องกินโปรตีนให้เยอะขึ้นนะครับ
00:04:33 → 00:04:36 อาจจะต้องกิน 1.2 - 1.6 เท่า ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว
00:04:36 → 00:04:39 ส่วนในคนที่มีโรคประจำตัว ก่อนที่จะปรับการทานโปรตีน แนะนำว่า
00:04:39 → 00:04:41 ควรปรึกษาหมอก่อนนะครับ
00:04:41 → 00:04:42 เพราะโรคประจำตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:04:42 → 00:04:46 บางคนเดิมมีโรคไตอยู่ ก็อาจจะกินโปรตีนได้ไม่เท่ากับคนทั่วไปนะครับ
00:04:46 → 00:04:48 อันนี้ก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
00:04:48 → 00:04:50 ซึ่งพอคุณกินโปรตีนได้เพียงพอแล้วนะครับ
00:04:50 → 00:04:52 กินโปรตีนจนอิ่ม พูดง่าย ๆ นะครับ
00:04:52 → 00:04:54 แต่ก่อนเราอาจจะกินข้าวเยอะ กินกับน้อยใช่มั้ย
00:04:54 → 00:04:58 พอคุณเพิ่มกับ แล้วลดข้าวลงเนี่ย มันจะอิ่มได้โดยธรรมชาตินะครับ
00:04:58 → 00:05:00 เพราะว่าโปรตีนเนี่ย มันอยู่ท้องได้ค่อนข้างนานนะครับ
00:05:00 → 00:05:02 ก็จะทำให้คุณลดอาการหิวไปได้
00:05:02 → 00:05:07 แล้วทำให้สุขภาพคุณดี มีกล้ามเนื้อที่จะทำให้ระบบเผาผลาญของคุณดี ขึ้นด้วยนะครับ
00:05:07 → 00:05:09 อันนี้คือข้อที่ 2
00:05:09 → 00:05:11 ส่วนใคร ที่อยู่ในกลุ่มลดน้ำหนัก VIP ของหมอหนึ่งนะครับ
00:05:11 → 00:05:13 ลองกลับไปทบทวนบทที่ 3 นะ
00:05:13 → 00:05:16 บทที่ 3 นั้นดีมาก ๆ เลยนะครับ ที่เรียนกันอยู่ในกลุ่มนะครับ
00:05:16 → 00:05:19 เพราะว่าผมสรุปไว้ให้แล้ว ใครจำไม่ได้ เข้าไปดูซ้ำอีกรอบนึงนะครับว่า
00:05:19 → 00:05:22 โปรตีนของน้ำหนักตัวแต่ละคน ต้องกินยังไงนะครับ
00:05:22 → 00:05:24 ปริมาณประมาณเท่าไหร่ นับยังไง นะครับ
00:05:24 → 00:05:25 เข้าไปดูได้นะครับ
00:05:25 → 00:05:26 ถัดมานะครับ ข้อที่ 3 นะครับ
00:05:26 → 00:05:28 อันที่ 1 ลดน้ำตาลไปแล้ว
00:05:28 → 00:05:30 วันที่ 2 เราเพิ่มโปรตีนเพื่อไม่ให้หิวแล้ว
00:05:30 → 00:05:33 วันที่ 3 สิ่งที่คุณต้องทำก็ คือ คุณต้อง
00:05:33 → 00:05:34 ลดปริมาณแป้งลง
00:05:34 → 00:05:36 จากข้อ 1 ที่หมอหนึ่งพูดไปว่า
00:05:36 → 00:05:38 การที่คุณอ้วนขึ้นเนี่ย มันเกิดจากการที่
00:05:38 → 00:05:42 คุณมีน้ำตาลกับแป้งในปริมาณที่มากเกินไป และร่างกายใช้ไม่หมดถูกมั้ย
00:05:42 → 00:05:44 ร่างกายก็เลยเปลี่ยนน้ำตาลกับแป้งนั้นไปสะสมเป็นไขมัน
00:05:44 → 00:05:47 คุณเลยจำเป็นจะต้องลดปริมาณน้ำตาลไปแล้ว
00:05:47 → 00:05:48 คุณต้องลดปริมาณแป้งด้วยนะครับ
00:05:48 → 00:05:51 หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าแป้ง ได้แก่ อะไรบ้างนะครับ
00:05:51 → 00:05:52 แป้งได้แก่พวก
00:05:52 → 00:05:53 ข้าว
00:05:53 → 00:05:54 เส้นต่าง ๆ
00:05:54 → 00:05:55 ขนมปัง
00:05:55 → 00:05:57 พวกผักหัวบางชนิด
00:05:57 → 00:05:59 เช่น ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง นะครับ
00:05:59 → 00:06:01 พวกนี้เป็นพวกแป้งเหมือนกัน
00:06:01 → 00:06:04 แต่เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่ามันมี ข้อดี ข้อเสีย ต่างกับแป้งอย่างอื่นยังไงนะครับ
00:06:04 → 00:06:06 แล้วก็พวกนมก็มีแป้งอยู่ในนั้นนะ
00:06:06 → 00:06:08 แล้วก็ผลไม้
00:06:08 → 00:06:10 หมอหนึ่งไม่ได้บอกว่า แป้งทำให้คุณอ้วนขึ้น
00:06:10 → 00:06:13 คุณเลยต้องตัดแป้ง ไม่กินแป้ง ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
00:06:13 → 00:06:17 แต่แป้งที่มากเกินไปกว่าที่ร่างกายของคุณต้องการต่างหากนะครับ
00:06:17 → 00:06:20 บางคนเนี่ย ไม่ได้มีกิจวัตรประจำวันอะไรเยอะแยะเลย
00:06:20 → 00:06:23 แต่กินแป้งปริมาณมาก ก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนถูกไหม
00:06:23 → 00:06:24 ใช้ไม่หมด ก็เอาไปสะสมเป็นไขมัน
00:06:24 → 00:06:28 เพราะฉะนั้น คุณควรจะต้องลดปริมาณแป้งที่คุณทานลงก่อนนะครับ
00:06:28 → 00:06:30 อย่างน้อยก็ลดลงครึ่งนึงก็ยังดี
00:06:30 → 00:06:32 เช่น เคยกินข้าว 2 ทัพพี เหลือ 1 ทัพพี
00:06:32 → 00:06:34 เคยกินขนมปัง 2 แผ่น เหลือ 1 แผ่น
00:06:34 → 00:06:36 เคยกินผลไม้ทีนึง 3 ลูก เหลือ ลูกนึง
00:06:36 → 00:06:37 เห็นภาพไหมนะครับ
00:06:37 → 00:06:39 และอีกเทคนิคนึงที่ใช้ได้นะครับ ก็คือ
00:06:39 → 00:06:41 ไม่กินแป้งซ้ำซ้อน
00:06:41 → 00:06:45 เช่น เมื่อไหร่เรากินฟักทองแล้ว เราก็เอาขนมปังออกได้ไหม
00:06:45 → 00:06:47 เห็นไหม บางคนกินสลัดแล้วก็ใส่ทุกอย่างลงไปหมดเลยนะครับ
00:06:47 → 00:06:49 กินฟักทอง เราเอาขนมปังออกได้ไหม
00:06:49 → 00:06:52 หรือมื้อไหนที่เรากินข้าวแล้ว มื้อนั้นเราไม่กินผลไม้นะ
00:06:52 → 00:06:56 แค่นี้ก็จะลดปริมาณของแป้งลงได้เยอะพอสมควรเลย
00:06:56 → 00:06:58 จะทำให้ร่างกายของคุณสลับไปใช้ไขมันได้ดี
00:06:58 → 00:07:01 แต่ไม่ได้หมายความว่า ห้ามกินเลยนะครับ ยังกินได้ แต่ลดปริมาณมันลงหน่อย
00:07:01 → 00:07:05 แล้วพอคุณผอมลงแล้ว ร่างกายคุณระบบเผาผลาญดีขึ้น
00:07:05 → 00:07:07 คุณจะกลับไปกินแป้งเยอะขึ้น อันนี้ไม่มีปัญหาเลย
00:07:07 → 00:07:09 แต่ในช่วงลดน้ำหนักให้ลดแป้งลงก่อนนะครับ
00:07:09 → 00:07:11 อันนี้คือข้อที่ 3 วันที่ 3 นะ
00:07:11 → 00:07:12 ถัดมาวันที่ 4 ครับ วันที่ 4
00:07:12 → 00:07:16 ตอนนี้ 3 วัน ผ่านไป ร่างกายคุณจะเริ่มรู้สึกแล้วแหละ
00:07:16 → 00:07:17 เพราะว่า คุณลดน้ำตาลตั้งแต่วันแรกแล้วถูกไหม
00:07:17 → 00:07:19 ร่างกายคุณเริ่มใช้พลังงานจากไขมันได้ดี
00:07:19 → 00:07:21 คุณจะรู้สึกเลยว่า หน้าท้องคุณยุบลง
00:07:21 → 00:07:23 เราจะมีกำลังใจทำต่อ
00:07:23 → 00:07:25 วันที่ 4 เนี่ย ต้องทำอะไร มีกำลังใจแล้วหมอ
00:07:25 → 00:07:26 วันที่ 4 นะครับ
00:07:26 → 00:07:27 คุณต้องเลือกชนิดแป้ง
00:07:27 → 00:07:29 อย่างที่หมอหนึ่งบอกนะว่า
00:07:29 → 00:07:30 แป้งไม่ได้ทำให้คุณอ้วน
00:07:30 → 00:07:32 แต่แป้งที่มากเกินไปทำให้คุณอ้วน
00:07:32 → 00:07:34 ดังนั้นคุณต้องเลือกชนิดของมันให้ถูกด้วย
00:07:34 → 00:07:38 แป้งหรือที่ภาษาคนทั่วไปเขาจะเรียกกันอีกอันนึงก็ คือคำว่า คาร์บ
00:07:38 → 00:07:39 หรือคาร์โบไฮเดรตนะครับ
00:07:39 → 00:07:42 คาร์บเนี่ย ได้แก่ อาหารจำพวก
00:07:42 → 00:07:42 ข้าว
00:07:42 → 00:07:43 เส้น
00:07:43 → 00:07:43 ขนมปัง
00:07:43 → 00:07:45 ผักหัวทั้งหลาย
00:07:45 → 00:07:46 ผลไม้ถูกไหม
00:07:46 → 00:07:47 แต่มันจะแยกเป็น 2 ชนิดนะครับ
00:07:47 → 00:07:49 ชนิดที่ 1 คือคาร์บเชิงเดี่ยว
00:07:49 → 00:07:51 ชนิดที่ 2 คือคาร์บเชิงซ้อน
00:07:51 → 00:07:54 คาร์บเชิงเดี่ยว กับ คาร์บเชิงซ้อน ต่างกันยังไง
00:07:54 → 00:07:57 คาร์บเชิงเดี่ยว คำว่า เชิงเดี่ยว คือ ผ่านการขัดสีมาแล้ว
00:07:57 → 00:08:02 คุณเคยเห็นพวกข้าวใช่ไหม มันมีเปลือกมา พอไปเข้าขัดสีปั๊บ ออกมากลายเป็นข้าวขาว
00:08:02 → 00:08:07 หรือขนมปังที่เอามาขูดออกจนหมด จนเหลือแต่เป็นขนมปังแผ่นสีขาว ๆ นะครับ
00:08:07 → 00:08:08 พวกนั้นน่ะ คือ คาร์บเชิงเดี่ยว
00:08:08 → 00:08:13 ส่วนอีกอันนึง คือ คาร์บเชิงซ้อน คือ ธรรมชาติมายังไง ก็เอามากินแบบนั้นแหละ
00:08:13 → 00:08:14 เพราะฉะนั้น พวกที่เป็นข้าวกล้อง
00:08:14 → 00:08:16 พวกที่เป็น ขนมปังโฮลวีต
00:08:16 → 00:08:19 พวกที่เป็น ผักหัวทั้งหลาย ผลไม้พวกนี้นะครับ
00:08:19 → 00:08:23 ฟักทองเอย เผือก มันหวานเอย พวกนี้เนี่ย
00:08:23 → 00:08:27 มันจะเป็นพวกอาหารที่มีใยอาหารอยู่ด้วย จะเป็นคาร์บเชิงซ้อน
00:08:27 → 00:08:30 เพราะฉะนั้น ถามว่าคาร์บเชิงเดี่ยว กับ คาร์บเชิงซ้อน ต่างกันยังไง
00:08:30 → 00:08:33 การที่คุณทานอาหาร ที่มีเส้นใยอาหารอยู่ด้วย
00:08:33 → 00:08:34 หรือเป็นอาหาร ที่ค่อนข้างธรรมชาติ
00:08:34 → 00:08:37 จะทำให้ร่างกายของคุณ ดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง
00:08:37 → 00:08:40 พูดง่าย ๆ ก็คือ ดูดซึมน้ำตาลช้าลง ก็ดีสิถูกไหมนะครับ
00:08:40 → 00:08:42 ร่างกายไม่ได้น้ำตาลเข้าไปทีเดียวเยอะ ๆ
00:08:42 → 00:08:45 เพราะฉะนั้น อาหารที่มีใยอาหารจะดีกว่า
00:08:45 → 00:08:46 เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเลือกได้
00:08:46 → 00:08:48 มีระหว่างข้าวขาวกับข้าวกล้อง
00:08:48 → 00:08:50 เราก็เลยมักจะได้ยินว่า ให้เลือกเข้ากล้องดีกว่าถูกไหม
00:08:50 → 00:08:52 ถ้าสมมติว่า มีข้าวขาวกับฟักทอง
00:08:52 → 00:08:55 ผมก็จะเลือกฟักทอง เพราะฟักทองมีใยอาหาร เห็นมั้ย
00:08:55 → 00:08:57 แต่บางคนบอกว่า หมอคะ
00:08:57 → 00:09:01 ที่ทำงานพี่ ไม่มีพวกแบบนี้เลย มันมีแต่ข้าวขาว ทำยังไงดี
00:09:01 → 00:09:03 ประยุกต์เอาได้นะครับ หมอหนึ่งบอกว่า
00:09:03 → 00:09:05 สิ่งสำคัญที่สุด มันคือเส้นใยอาหารถูกไหม
00:09:05 → 00:09:09 เพราะฉะนั้น คุณก็กินข้าวขาว คุณอาจจะต้องเพิ่มผักที่เป็นผักใบที่มีใยอาหารนิดนึง
00:09:09 → 00:09:11 ก็จะทำให้ร่างกายของคุณเนี่ย
00:09:11 → 00:09:15 พอแป้งมันย่อยเป็นน้ำตาล แล้วก็จะถูกดูดซึมช้าลง เห็นภาพไหม นะครับ
00:09:15 → 00:09:17 แค่นี้เองนะครับ เลือกชนิดของอาหารด้วย
00:09:17 → 00:09:19 ลดปริมาณแล้ว ต้องเลือกชนิดของมันด้วย
00:09:19 → 00:09:23 ส่วนผลไม้ ก็เลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อย แค่นั้นเองนะครับ
00:09:23 → 00:09:26 4 วันนี้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปเยอะเลย แค่ปรับทีละข้อ
00:09:26 → 00:09:28 แต่ถ้าคุณปรับวันเดียว 4 ข้อ มันยากนะครับ
00:09:28 → 00:09:31 แต่ถ้าค่อย ๆ ปรับทีละวัน วันละข้อนะ มันจะเริ่มง่ายขึ้นนะครับ
00:09:31 → 00:09:32 นี่ข้อที่ 4
00:09:32 → 00:09:34 ถัดมานะครับข้อที่ 5
00:09:34 → 00:09:37 เมื่อกี้เราพูดถึงโปรตีน พูดถึงแป้ง ไปแล้วนะครับ
00:09:37 → 00:09:38 ไม่พูดถึงไขมันก็ไม่ได้นะครับ
00:09:38 → 00:09:40 ของมัน ของทอด กินได้ไหมคะหมอ
00:09:40 → 00:09:45 ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนัก และอยากกินของมันของทอดได้ ทำได้ครับ
00:09:45 → 00:09:47 หลายคนก็บอกว่า เคยได้ยินค่ะหมอ มันมีการลดน้ำหนักที่เรียกว่า
00:09:47 → 00:09:48 ketoginic Diet
00:09:48 → 00:09:51 แต่คุณอาจจะไม่ต้องขนาดกิน คีโตเจนิค ไดเอท นะครับ
00:09:51 → 00:09:54 เพราะ คีโตจีนิค ไดเอท เนี่ย เราอาจจะทำยากนิดนึง
00:09:54 → 00:09:55 เพราะเค้าไม่กินแป้งเลย
00:09:55 → 00:09:57 แล้วกินของมันเยอะนะถูกมั้ย
00:09:57 → 00:09:59 แต่เราอาจจะอยากแค่ใช้ชีวิตเป็นปกติ
00:09:59 → 00:10:00 ได้กินของมันของทอดบ้าง
00:10:00 → 00:10:01 มันมีเทคนิคไหม
00:10:01 → 00:10:02 มีนะครับ
00:10:02 → 00:10:03 วันที่ 5 ให้คุณลองปรับดู
00:10:03 → 00:10:05 ไม่ถึงกับขนาดไม่กินของมันของทอดเลย
00:10:05 → 00:10:06 แต่
00:10:06 → 00:10:08 เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากกินของมันของทอด
00:10:08 → 00:10:13 คุณจะต้องรู้ว่าพลังงานของคุณ ไม่เลือกใช้น้ำตาลกับแป้ง ก็ใช้ของมัน ของทอด ถูกไหม
00:10:13 → 00:10:14 ถ้าคุณจะกินของมันของทอดเยอะ
00:10:14 → 00:10:16 แล้วคุณกินแป้งกับน้ำตาลเยอะด้วย
00:10:16 → 00:10:18 ร่างกายก็เอาแป้งกับน้ำตาลไปใช้ก่อน
00:10:18 → 00:10:20 ของมันของทอดที่คุณกินเข้าไป
00:10:20 → 00:10:21 มันก็เหลือสิ มันก็เอาไปสะสมถูกไหมนะครับ
00:10:21 → 00:10:23 เพราะฉะนั้น วันไหนกินของมันของทอด
00:10:23 → 00:10:26 ให้ลดปริมาณแป้งกับน้ำตาลลงอีก
00:10:26 → 00:10:29 คุณจะได้ใช้พลังงานจากไขมันที่คุณกินเข้าไปได้ดี
00:10:29 → 00:10:33 และไขมันที่คุณกินจะต้องเป็นโปรตีนทอด
00:10:33 → 00:10:35 ไม่ใช่แป้งทอด
00:10:35 → 00:10:37 เพราะว่าโปรตีนทอด กับแป้งทอด ต่างกันยังไง
00:10:37 → 00:10:38 หมอหนึ่งยกตัวอย่างนะครับ
00:10:38 → 00:10:40 ไก่ทอด คือ เอาไก่ลงไปทอดเลย
00:10:40 → 00:10:42 กับ ไก่ที่เอาไปชุบแป้งแล้วทอด แบบนี้ต่างกันนะ
00:10:42 → 00:10:43 เห็นภาพนะครับ
00:10:43 → 00:10:46 เฟรนช์ฟรายส์ เป็นอะไรเอ่ย
00:10:46 → 00:10:47 เฟรนฟรายส์เป็นมันนะครับ
00:10:47 → 00:10:48 เพราะฉะนั้นมันคือแป้งทอดนะ
00:10:48 → 00:10:51 เราบอกแล้วว่าเราจะไม่เอาโปรตีนไปชุบแป้งทอด
00:10:51 → 00:10:52 หรือเราจะไม่กินแป้งทอด
00:10:52 → 00:10:54 ถ้าจะกินของทอด จะต้องเป็นโปรตีนทอด
00:10:54 → 00:10:55 เห็นภาพนะครับ
00:10:55 → 00:10:57 เพราะฉะนั้น คุณจะกินชาบู
00:10:57 → 00:10:59 กิน 3 ชั้น กินปิ้งย่าง กินได้ไหม
00:10:59 → 00:10:59 กินได้
00:10:59 → 00:11:01 นักเรียนในกลุ่ม VIP ของหมอหนึ่งนะครับ
00:11:01 → 00:11:02 กินหมด
00:11:02 → 00:11:04 แต่มื้อไหนที่กิน มื้อนั้นลดแป้งลงเยอะ ๆ
00:11:04 → 00:11:06 มื้อไหนกินชาบู มื้อนั้นจะไม่แตะอะไรที่เป็นแป้ง
00:11:06 → 00:11:09 ส่วนมื้อไหนที่เรากินแป้ง เลือกแป้งชนิดดีหน่อย
00:11:09 → 00:11:11 ลดปริมาณลง แล้วกินอาหารตามปกติ
00:11:11 → 00:11:13 เห็นไหม ไม่จำเป็นต้องใช้ยา เป็นจำเป็นต้องใช้อาหารเสริม
00:11:13 → 00:11:15 ไม่ต้องลดน้ำหนักพิสดารเลย กินได้ทุกอย่าง
00:11:15 → 00:11:18 เพราะจะมีการลดน้ำหนักบางแบบ ก็จะกินผักผลไม้เยอะ
00:11:18 → 00:11:20 บางแบบกินแต่ของมันของทอด
00:11:20 → 00:11:21 แต่เราอยากใช้ชีวิตปกติอ่ะ
00:11:21 → 00:11:23 เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องเข้าใจร่างกาย
00:11:23 → 00:11:27 แล้วก็เข้าใจว่า ข้อดี ข้อเสีย ของการกินอาหารแต่ละอย่างเป็นยังไง
00:11:27 → 00:11:28 เทคนิคมันมีอะไรบ้าง
00:11:28 → 00:11:29 เห็นภาพนะครับ
00:11:29 → 00:11:31 เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ทุกคนได้ 5 วันแล้วนะ
00:11:31 → 00:11:35 เข้าใจทั้งโปรตีน ทั้งคาร์บ ทั้งไขมัน แล้วนะครับ
00:11:35 → 00:11:36 ข้อที่ 6
00:11:36 → 00:11:37 ข้อที่ 6 เนี่ยสำคัญมาก ๆ
00:11:37 → 00:11:39 มันคือ การจัดเวลาการทาน
00:11:39 → 00:11:41 หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า การทำ IF
00:11:41 → 00:11:44 IF เนี่ย มันย่อมาจาก intermittent fasting นะครับ
00:11:44 → 00:11:45 intermittent แปลว่า เป็นช่วง ๆ
00:11:45 → 00:11:47 fasting แปลว่า อดอาหาร
00:11:47 → 00:11:49 เพราะฉะนั้น intermittent fasting พอเอามารวมกันเลยแปลว่า
00:11:49 → 00:11:53 อดอาหารเป็นช่วง ๆ ใน 1 วัน หรือใน 24 ชม นะครับ
00:11:53 → 00:11:57 ซึ่งถ้าย้อนไปนะครับ แต่ละคนเนี่ย ก็จะมีวิถีชีวิต การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน
00:11:57 → 00:11:59 บางคนตื่นมา 8 โมงเช้า เราก็เริ่มกินละ
00:11:59 → 00:12:01 แล้วก็กินจุกจิกไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน
00:12:01 → 00:12:04 จะนอนเที่ยงคืนปั๊บ ขอกินอีกนิดนึงก่อนนอนนะครับ
00:12:04 → 00:12:05 เข้าปากงับ
00:12:05 → 00:12:08 ร่างกายของคุณเนี่ย เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอะไรเข้าไปในร่างกาย
00:12:08 → 00:12:10 มันจะใช้พลังงานจากสิ่งที่คุณกินก่อน
00:12:10 → 00:12:12 เพราะฉะนั้น เมื่อกี้คนที่กินตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยันเที่ยงคืน เกิดอะไรขึ้น
00:12:12 → 00:12:16 ก็จะใช้พลังงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยันเที่ยงคืน จากอาหารที่กินเข้าไป
00:12:16 → 00:12:18 ส่วนร่างกายจะเอาไขมันสะสมมาใช้ตอนไหน
00:12:18 → 00:12:21 ก็เอามาใช้ตอนที่คุณนอน
00:12:21 → 00:12:22 ก็คือเที่ยงคืนถึง 8 โมงเช้า
00:12:22 → 00:12:23 8 ชั่วโมง ได้ตั้งเยอะนะหมอ
00:12:23 → 00:12:25 แต่งานวิจัยบอกว่า
00:12:25 → 00:12:28 8 ชั่วโมง ไม่เพียงพอต่อการที่จะทำให้คุณผอมลง
00:12:28 → 00:12:30 จากการใช้ไขมันระหว่างนอนหลับนะครับ
00:12:30 → 00:12:32 งานวิจัยเมื่อปลายปี 2019 บอกไว้ว่า
00:12:32 → 00:12:36 ถ้าคุณอยากจะใช้ไขมัน เพื่อจะทำให้คุณเนี่ยผอมลงได้ดี
00:12:36 → 00:12:38 จะต้องมีช่วงเวลาของการหยุดกินใน 1 วัน
00:12:38 → 00:12:40 อย่างน้อย 12 ชั่วโมงขึ้นไป
00:12:40 → 00:12:41 หมายความว่าอะไรครับ
00:12:41 → 00:12:43 หมอหนึ่งยกตัวอย่างง่าย ๆ
00:12:43 → 00:12:45 ถ้าคุณเริ่มกินคำแรกของวันตอน 8 โมง
00:12:45 → 00:12:46 2 ทุ่ม คุณต้องหยุดกินละ
00:12:46 → 00:12:48 หรือคุณอาจจะหยุดกินก่อน 2 ทุ่มได้ยิ่งดี
00:12:48 → 00:12:50 นี่คือพื้นฐานของการจัดเวลาการทานที่ดี
00:12:50 → 00:12:52 เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันได้เยอะขึ้น
00:12:52 → 00:12:55 ถ้าคุณเริ่มกิน 10 โมงเช้า คุณควรจะต้องหยุดกินก่อน 4 ทุ่ม
00:12:55 → 00:12:57 หยุดกิน 6 โมงเย็น ได้ยิ่งดี
00:12:57 → 00:12:58 เห็นภาพไหมนะครับ
00:12:58 → 00:13:00 และในช่วงที่คุณหยุดกินเนี่ย
00:13:00 → 00:13:01 คุณก็กินน้ำเปล่าได้
00:13:01 → 00:13:03 คุณก็กินชา กินกาแฟ
00:13:03 → 00:13:05 ที่เป็นกาแฟดำพวกนี้ได้
00:13:05 → 00:13:06 แต่อาหารที่มีแคลอรี่ คุณจะไม่กินแล้ว
00:13:06 → 00:13:08 เพื่อให้ร่างกายไปเอาไขมันมาใช้
00:13:08 → 00:13:10 เห็นภาพนะครับ นี่คือพื้นฐานของการทำ IF
00:13:10 → 00:13:12 ใครที่อยากรู้เรื่องการทำ IF
00:13:12 → 00:13:14 มีคำถามเกี่ยวกับการทำ IF เพิ่มเติมนะครับ
00:13:14 → 00:13:15 จะพิมพ์ไว้ก็ได้ หรือว่า
00:13:15 → 00:13:18 เข้าไปดูนะครับ ในเพจ Facebook กับใน YouTube หมอหนึ่ง
00:13:18 → 00:13:20 มีคลิปที่ทำเกี่ยวกับ IF เต็ม ๆ 1 อันเลย
00:13:20 → 00:13:23 ตอบคำถามครบเกือบทุกอย่างเลยนะครับ ไปดูได้นะครับ
00:13:23 → 00:13:24 นี่คือ 6 วันแล้วนะ
00:13:24 → 00:13:26 5 วันแรก เราปรับอาหาร
00:13:26 → 00:13:27 วันที่ 6 เราปรับเวลาการทาน
00:13:27 → 00:13:28 วันที่ 7
00:13:28 → 00:13:30 พูดมาทั้งหมดแล้ว ยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย ถูกมั้ย
00:13:30 → 00:13:32 วันที่ 7 คุณไปเริ่มออกกำลังกาย
00:13:32 → 00:13:33 ออกแบบไหน
00:13:33 → 00:13:34 ออกแบบไหนก็ได้
00:13:34 → 00:13:37 อย่าไปใส่ใจว่า คุณออกแบบนี้ ต้องออกแบบนั้น
00:13:37 → 00:13:39 คุณเคยออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง แล้วคุณไม่ผอมมั้ย
00:13:39 → 00:13:40 เคย
00:13:40 → 00:13:41 เพราะอะไร
00:13:41 → 00:13:42 เพราะตอนนั้นร่างกายของคุณน่ะ
00:13:42 → 00:13:44 ออกกำลังกายไป แต่ใช้แต่น้ำตาลกับแป้ง
00:13:44 → 00:13:47 เพราะคุณเนี่ย ไม่สามารถสลับระบบพลังงานไปใช้ไขมันได้ไง
00:13:47 → 00:13:50 แต่ถ้าคุณทำตาม 6 วัน ที่ผ่านมา 6 ข้อที่ผ่านมา
00:13:50 → 00:13:53 วันที่ 7 เนี่ย ร่างกายของคุณเนี่ย มีไขมันมารอให้ใช้แล้ว
00:13:53 → 00:13:54 เพราะมันไม่ค่อยมีน้ำตาลกับแป้ง
00:13:54 → 00:13:56 มันก็เอาไขมันมารอให้คุณใช้
00:13:56 → 00:13:58 คุณออกกำลังกายไปเลยนะ อะไรก็ได้นะ
00:13:58 → 00:14:00 เต้นตาม youtube
00:14:00 → 00:14:02 จะวิ่ง จะเดินสลับวิ่ง ได้หมด
00:14:02 → 00:14:03 เชื่อผมนะครับ
00:14:03 → 00:14:06 และไม่ต้องคิดว่า โห เคยได้ยินว่า 45 นาที ถึงจะผอม
00:14:06 → 00:14:09 นักเรียนผมแต่ละคน เริ่มต้นแค่ 10-15 นาที ต่อวัน
00:14:09 → 00:14:12 คุณคิดว่า 10 นาทีต่อวัน ที่พอจะเริ่มต้นนี่
00:14:12 → 00:14:14 กัดฟัน อ้าว วันนี้เราจะสู้ 10 นาที
00:14:14 → 00:14:15 คุณทำได้ไหม
00:14:15 → 00:14:16 ทำได้
00:14:16 → 00:14:19 นักเรียนของผมที่อายุมากที่สุด 80 ปีนะครับ
00:14:19 → 00:14:22 น้ำหนักเยอะที่สุด ที่ผมเคยสอน แล้วช่วยเขาลดน้ำหนักมาคือ 160 กิโล
00:14:22 → 00:14:24 ถามว่าผอมได้ไหม
00:14:24 → 00:14:25 ผอมได้
00:14:25 → 00:14:27 แต่ผมคงไม่ให้เขาไปออกกำลังกายตั้งแต่วันแรก
00:14:27 → 00:14:28 ไปแล้วครับ ไปเดิน 1 ชั่วโมง
00:14:28 → 00:14:31 คนอายุ 80 ปี อีกคนน้ำหนัก 160
00:14:31 → 00:14:33 ให้ไปเดิน 1 ชั่วโมง เข่าพังพอดี ถูกไหมนะครับ
00:14:33 → 00:14:36 เพราะฉะนั้น หลักสำคัญอยู่ที่ การปรับอาหาร 6 ข้อ ข้างบน
00:14:36 → 00:14:38 และข้อที่ 7 ออกกำลังกายอะไรก็ได้
00:14:38 → 00:14:39 ท่องไว้นะครับว่า
00:14:39 → 00:14:41 ดีที่สุดในจุดที่ทำได้
00:14:41 → 00:14:42 วันนี้ไหว 10 นาที ก็ 10 นาที
00:14:42 → 00:14:45 ออกอะไรก็ได้ในแบบที่ชอบ
00:14:45 → 00:14:46 แล้วเดี๋ยวพอน้ำหนักคุณลดลง
00:14:46 → 00:14:47 คุณเบาตัวขึ้น
00:14:47 → 00:14:49 เข่าคุณไม่รับน้ำหนักมากขึ้น
00:14:49 → 00:14:50 คุณจะออกกำลังกายได้นานขึ้นเอง
00:14:50 → 00:14:51 ความอึดจะมากขึ้นเอง
00:14:51 → 00:14:53 กล้ามเนื้อคุณ จะแข็งแรงขึ้นเอง
00:14:53 → 00:14:54 แล้วคุณจะออกกำลังกายได้นานขึ้นเอง
00:14:54 → 00:14:58 พอเห็นภาพนะครับ นี่คือ 7 ข้อ ที่อยากให้ทุกคนเอาไปทำนะครับ
00:14:58 → 00:15:00 เพราะฉะนั้น สรุปนะครับ
00:15:00 → 00:15:02 ตารางลดน้ำหนัก 7 วันนะ ไม่ยากเลยนะครับ
00:15:02 → 00:15:04 วันที่ 1 งดน้ำตาล
00:15:04 → 00:15:07 วันที่ 2 กินโปรตีนเพิ่มขึ้น กินโปรตีนให้อิ่ม
00:15:07 → 00:15:08 วัน ที่ 3 ลดแป้ง
00:15:08 → 00:15:10 วันที่ 4 ฝึกเลือกชนิดของแป้งให้ดี
00:15:10 → 00:15:14 วันที่ 5 ฝึกเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องของการทานของมันของทอด
00:15:14 → 00:15:16 วันที่ 6 ปรับเวลาการทานหรือการทำ IF
00:15:16 → 00:15:17 แล้ววันที่ 7 ไปเริ่มออกกำลังกาย
00:15:17 → 00:15:19 7 วัน ฝึก 7 อย่าง
00:15:19 → 00:15:22 ผ่าน ไป 2 สัปดาห์นะครับ อีก 7 วัน มาอัปเดตกัน
00:15:22 → 00:15:25 คุณจะมีร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีขึ้นมาก ๆ นะครับ
00:15:25 → 00:15:29 ส่วนมีคำถามบางคนนะที่ พอดีหมอหนึ่งไปเห็นนะครับว่า
00:15:29 → 00:15:32 มีคนพิมพ์ถามว่า ลดน้ำหนัก 7 วันเนี่ย จะลดได้กี่กิโล
00:15:32 → 00:15:33 10 กิโลเป็นไปได้ไหม
00:15:33 → 00:15:36 เลยอยากจะเอามาพูดเพิ่มนิดนึงนะครับว่า
00:15:36 → 00:15:39 จริง ๆ แล้วเนี่ย ร่างกายของแต่ละคน จะลดน้ำหนักได้เร็วหรือช้าเนี่ย
00:15:39 → 00:15:41 มันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตั้งต้น
00:15:41 → 00:15:42 ถ้าน้ำหนักตั้งต้นของคุณเยอะ
00:15:42 → 00:15:44 คุณก็มีโอกาสลดได้เร็ว
00:15:44 → 00:15:46 ถ้าน้ำหนักตั้งต้นของคุณ ไขมันเหลือไม่เยอะ
00:15:46 → 00:15:47 มันก็อาจจะลดช้าหน่อย
00:15:47 → 00:15:49 ก็อยากให้โฟกัส ทั้งน้ำหนักและสัดส่วน
00:15:49 → 00:15:51 อย่าไปดูแต่น้ำหนักอย่างเดียวนะครับ
00:15:51 → 00:15:54 เพราะน้ำหนักที่คุณขึ้นไปยืนบนตาชั่ง มันประกอบไปด้วย
00:15:54 → 00:15:56 น้ำ ไขมัน กระดูก กล้ามเนื้อ ถูกมั้ย
00:15:56 → 00:15:59 น้ำหนักของคุณที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้น มันก็ไม่ได้บอกนะ เช่น
00:15:59 → 00:16:01 น้ำหนักคุณลด 1 กิโลกรัม มันอาจจะเป็น น้ำที่ลดลงก็ได้
00:16:01 → 00:16:05 น้ำหนักคุณเพิ่มขึ้น 1 กิโล คุณอาจจะไม่ได้อ้วนขึ้น แต่ว่าร่างกายคุณบวมน้ำก็ได้
00:16:05 → 00:16:09 หรือมีอุจจาระคงค้างอยู่ยังไม่ได้ถ่ายก็ได้ เห็นภาพไหมนะครับ
00:16:09 → 00:16:11 เพราะฉะนั้น ให้สนใจทั้งน้ำหนักและสัดส่วนนะครับ
00:16:11 → 00:16:14 แล้วก็อย่าไปโฟกัสให้น้ำหนักเราลดเร็วเกินไป
00:16:14 → 00:16:16 บางคนบอก 7 วัน ขอลด 10 กิโล
00:16:16 → 00:16:18 อันนี้ ค่อนข้างอันตรายมาก ๆ นะครับ
00:16:18 → 00:16:21 น้ำหนักที่หมอหนึ่งเคยลดให้นักเรียนที่มากที่สุดก็คือ
00:16:21 → 00:16:24 1 เดือน 10 กิโล พอเป็นไปได้ ในคนที่น้ำหนักเกิน 100 กิโล
00:16:24 → 00:16:28 แต่ 1 สัปดาห์ ลดได้ 10 กิโล อันนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
00:16:28 → 00:16:28 นอกจากคุณป่วย
00:16:28 → 00:16:31 เพราะฉะนั้น ตอนที่คุณอ้วน มันก็ใช้เวลา
00:16:31 → 00:16:33 ตอนผอม ก็ใช้เวลาเหมือนกันนะครับ
00:16:33 → 00:16:37 เพราะฉะนั้น อย่าดูถูกตัวเองว่า ในระยะ 3 เดือน มันจะลดได้เท่าไหร่นะครับ
00:16:37 → 00:16:40 เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ แต่ต้องใช้เวลานิดนึง
00:16:40 → 00:16:42 แต่ถ้าคุณมีความรู้ที่คุณดูจากหมอหนึ่งไป
00:16:42 → 00:17:01 มันจะประหยัดเวลามากขึ้นนะครับ