00:00:00 → 00:00:02 ก็เช่นเคยนะคะสำหรับทุกๆวันจันทร์ค่ะเรา
00:00:02 → 00:00:05 อยู่กับครูติ๋วค่ะคุณนันทนาวงษ์บุญชูผู้
00:00:05 → 00:00:07 เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและก็ศาสตร์การ
00:00:08 → 00:00:10 บำบัดเยียวยาและการโค้ชค่ะสวัสดีค่ะครู
00:00:10 → 00:00:13 ติ๋วคะสวัสดีครับครูติ๋วครับสวัสดีค่ะ
00:00:13 → 00:00:18 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะทขวัญแล้วก็ต้นโอ๊คเส
00:00:18 → 00:00:21 เป็นไงบ้างวันนี้รองบูทูธใหม่สพชัดแจ๋ว
00:00:21 → 00:00:26 ค่ะเสียงดีชัดแจ๋วค่ะค่ะก็จริงๆแล้วเป็น
00:00:26 → 00:00:30 คำถามหรือว่าคำพูดคุยทักทายคำแรกๆหลังจาก
00:00:30 → 00:00:32 เอ่อใครๆก็ทักทายกันอย่างนี้เป็นยังไง
00:00:32 → 00:00:36 บ้างเมื่อตอนวันแผ่นดินไหวเอออันนี้ก็คือ
00:00:36 → 00:00:38 อยากทักทายครูติ๋วกันก่อนแล้วก็อยากพูด
00:00:38 → 00:00:41 กันในเบื้องต้นก่อนว่าเอ๊ะช่วงนี้สภาพจิต
00:00:41 → 00:00:44 ใจของหลายๆคนที่เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหว
00:00:44 → 00:00:47 เนี่ยค่อนข้างอ่อนไหวก็เลยอยากให้ครูติ๋ว
00:00:47 → 00:00:50 แนะนำเรื่องการแบบเอ่อดูแลสภาพจิตใจใน
00:00:50 → 00:00:53 ช่วงที่เจอเหตุสะเทือนใจแบบนี้ด้วยใน
00:00:53 → 00:00:55 เบื้องต้นนะค่ะเพราะวันนี้เราจะคุยกัน
00:00:55 → 00:00:58 เรื่องสุขภาพจิตที่ดีเริ่มที่ Self Love
00:00:58 → 00:01:00 ค่ะ
00:01:00 → 00:01:04 โหมันเชื่อมต่อกันเลยนะว่าค่ะ Self Love
00:01:04 → 00:01:08 เนี่ยมันมาเชื่อมต่อกับสถานการณ์ในตอนนี้
00:01:08 → 00:01:12 อย่างไรเพราะว่ามันจะเป็นตัวที่เหมือน
00:01:12 → 00:01:15 เป็นภูมิคุ้มกันได้นะขวัญแล้วก็ต้นโอ๊ค
00:01:15 → 00:01:20 ค่ะิตอนเนี้ยมันมีสถานการณ์ที่
00:01:20 → 00:01:26 เราไม่คาดคิดถึงเค้าเรียกว่าผลกระทบที่
00:01:26 → 00:01:28 มันจะเกิดขึ้นหรือเราก็ไม่คิดเลยเนาะว่า
00:01:28 → 00:01:34 เราอ่ะจะเผิเตเออเผชิญเหตุกับเหตุที่เรา
00:01:34 → 00:01:36 อาจจะเคยได้ยินประเทศอื่นๆที่เขาเจอกัน
00:01:36 → 00:01:40 บ่อยๆถูกมั้ยค่ะแต่ประเทศไทยของเราอ่ะอาจ
00:01:40 → 00:01:44 จะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้บ่อยหรือไม่ค่อย
00:01:44 → 00:01:48 ไม่ค่อยคาดคิดอว่ามันจะมีผลกับเราเลยซึ่ง
00:01:48 → 00:01:49 ตรง
00:01:49 → 00:01:54 เนี้ยอยากชวนมองเหมือนกันเนาะว่าจำตอน
00:01:54 → 00:01:57 ซึนามิได้นะจำได้ค่ะตอนนั้นยังเป็นนัก
00:01:57 → 00:02:01 ศึกษาอยู่เลยค่ะครูติ๋วอ้า
00:02:01 → 00:02:05 เหรอไม่เชื่อ
00:02:05 → 00:02:10 เหรอตรักคำทของูมันสะท้อนถึงอะไรนี่ได้
00:02:10 → 00:02:13 ยินมั้ยคะเออได้ยินมั้ยคะได้ยินค่ะได้ยิน
00:02:13 → 00:02:18 ค่ะโอเคโอเคสึนามิมันกี่ปีแล้วเนาะประมาณ
00:02:18 → 00:02:23 20 ปีของเอ่อปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 21 ค่ะ
00:02:23 → 00:02:25 เหรอค่ะ
00:02:25 → 00:02:30 โอ้คือรู้สึกว่ามันไวมากเพราะว่าูจำไม่
00:02:30 → 00:02:33 ได้หรอกว่าซึนามิมันเกิดขึ้นตอนไหนค่ะแต่
00:02:33 → 00:02:36 ครูอ่ะจำได้ถึงอย่างงี้ถามว่าทำไมถึงพูด
00:02:36 → 00:02:40 ถึงซึนามิเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่มีความ
00:02:40 → 00:02:43 คล้ายคึงกันมยใช่ค่ะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่
00:02:43 → 00:02:47 อยู่ในในความคาดเดาอ่ะว่ามันจะเกิดเหตุ
00:02:47 → 00:02:52 ใช่ใช่ใช่ๆเป็นอีกสิ่งนึงที่ครูอยากจะชวน
00:02:52 → 00:02:57 เข้ามาเรียนรู้เนาะว่ามันเกิดขึ้นได้แม้
00:02:57 → 00:03:01 เราไม่คาดคิดแม้เราไม่ปราถนาแต่หลายๆสิ่ง
00:03:01 → 00:03:06 หลายๆอย่างอ่ะมันเกิดขึ้นได้เสมอเพียงเรา
00:03:06 → 00:03:11 อ่ะตั้งเาเรียกว่าตั้งมั่นในการที่จะยอม
00:03:11 → 00:03:14 รับการเปลี่ยนแปลงแหมพอพูดถึงการเปลี่ยน
00:03:14 → 00:03:17 แปลงเนี่ยและการยอมรับเนี่ยมันเชื่อมไป
00:03:17 → 00:03:19 ถึงการบำบัดที่เราได้เรียนรู้กันมาเมื่อ
00:03:19 → 00:03:23 สัปดาห์ก่อนๆด้วยเนาะใช่ค่ะอ้าูขอทวน
00:03:23 → 00:03:26 หน่อยมีใครนึกถึงอะไรบ้างการเปลี่ยนแปลง
00:03:26 → 00:03:30 เหรอคะถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงเอ่อนึกถึง
00:03:30 → 00:03:34 การเปลี่ยนแปลงการยอมรับเออคุณนึกถึงยม
00:03:34 → 00:03:36 ไหนที่เรามาคุยกันเออ
00:03:36 → 00:03:40 อ่าอ่ะๆต่อไปแล้วได้ได้สิทธิ์ก่อนคนต่อมา
00:03:40 → 00:03:45 ต้นโอ๊คล่ะนึกถึงอะไรศาสตไหนการเปลี่ยน
00:03:45 → 00:03:50 แปลงใช่มั้ยครับนึกถึงเอ่อปัจจุบันนึกถึง
00:03:50 → 00:03:54 การอยู่กับเอ่อสิ่งที่อยู่งหน้า
00:03:54 → 00:03:58 ปัจจุบันใช่ซึ่งถ้าเราจะย้อนกลับไปถึง
00:03:58 → 00:04:02 ศาสตร์ที่เราเคยนมาคุยนะไม่ว่าจะเป็นแอด
00:04:02 → 00:04:07 ไม่ว่าจะเป็น cbt ค่ะไม่ว่าจะเป็น
00:04:07 → 00:04:11 mcb mbsr ถูกมั้ยอืค่ะมันเป็นศาสตร์การ
00:04:11 → 00:04:16 บำบัดที่ว่าด้วยเรื่องของการเอ่อบำบัด
00:04:16 → 00:04:19 ความคิดอยู่กับปัจจุบันหรือ
00:04:20 → 00:04:24 mindfulness ครับการยอมรับถูกมะสิ่งที่
00:04:24 → 00:04:28 ครูนำเรื่องเหล่านี้มาคุยเชื่อมโยงเพื่อ
00:04:28 → 00:04:31 จะมาตอบคำถามเหมือนกันว่าเ้ยเราจะรับมือ
00:04:31 → 00:04:35 กับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญเนี่ยได้
00:04:35 → 00:04:38 อย่างไรค่ะ
00:04:38 → 00:04:41 เอ่าเราสามารถนำเทคนิคที่เราเคยเรียนรู้
00:04:42 → 00:04:47 มาใช้ได้บ้างมั้ยขวัญสถานการณ์ตอนตกใจอ่ะ
00:04:47 → 00:04:50 ต้องแบบเหมือนกับว่ามีสติก่อน
00:04:50 → 00:04:55 เอ่อถ้าอยู่กับตัวเองมีสสจะใช้สตได้มั้ย
00:04:55 → 00:04:58 ไม่ยอมรับ
00:04:58 → 00:05:03 ได้ได้ได้ได้ใช้ Stop ได้ค่ะอ่าเมื่อเกิด
00:05:03 → 00:05:07 เหตุเรา Stop หยุดก่อนแล้วหายใจลึกๆเพื่อ
00:05:07 → 00:05:11 ตั้งสติแล้วก็ observe ดูว่าสิ่งรอบกาย
00:05:11 → 00:05:14 เราอ่ะมันสั่นไหวไปแค่ไหนอย่างไรแล้วหลัง
00:05:14 → 00:05:19 จากนั้นเราถึงจะเอ่อลำดับขั้นตอนการหนี
00:05:19 → 00:05:22 หรือว่าหลบภัยในเบื้องต้นก่อนแล้วก็พอ
00:05:22 → 00:05:24 หลังจากนั้นก็ยอมรับว่าอ๋อมันเกิดเหตุ
00:05:24 → 00:05:27 แผ่นดินไหวขึ้นแล้วแล้วเราจะแก้ไขปัญหา
00:05:27 → 00:05:30 นั้นอย่างไรต่อไปทั้งบที่บ้านหรือการทำ
00:05:30 → 00:05:33 งานของเราโอ้โห
00:05:33 → 00:05:37 เดี๋ยวน่าจะได้คะแนนเต็มมาแล้วพอได้มได้
00:05:37 → 00:05:41 คะแนนเต็มได้คะแนนเต็มค่ะได้คะแนนเต็มแหม
00:05:41 → 00:05:44 ขอเสียงปรบมือให้เลยแล้วก็ให้ 5 ดาวด้วย
00:05:44 → 00:05:47 ให้ 5 ดาวเลยนะคะไก่ย่างรือเปล่าครูติ๋ว
00:05:47 → 00:05:49 คะแนนเต็มดาวเห็นมั้ยตอนเราเรียนเนี่ยคุณ
00:05:49 → 00:05:52 ครูจะให้การบ้านในสมุดเราใช่มยเป็น 5 ดาว
00:05:52 → 00:05:56 เลย 5 ดาวเต็มเออไย่าง 5 ดาวก็ได้นะคือ
00:05:56 → 00:06:00 อย่างงี้ค่ะพอเราใช้เทคนิคเนี้ยคค่ะมัน
00:06:00 → 00:06:04 สามารถทำให้สถานการณ์เนี่ยมันดำเนินไปได้
00:06:05 → 00:06:10 อย่างราบรื่นที่สุดค่ะเหมือนกับแม้แต่พอ
00:06:10 → 00:06:14 เราได้มาหยุดหายใจใช่มั้ยขวัญลอง
00:06:14 → 00:06:17 จินตนาการดูถ้าขวัญกำลังจะวิ่งหนีหรือว่า
00:06:17 → 00:06:19 วิ่งหลบอะไรบาง
00:06:19 → 00:06:23 อย่างมันมีเสี้ยววินาทีนึงนะที่ถ้าเราได้
00:06:23 → 00:06:27 หายใจเข้าไปเพิ่มอ่ะคุณรู้มยว่ามันจะช่วย
00:06:27 → 00:06:30 อะไรได้มากเลยอ่ะเพราะอะไรรู้มั้ยค่ะ
00:06:30 → 00:06:32 เพราะเวลาที่คนตกใจบางครั้งลืมหายใจเมื่อ
00:06:32 → 00:06:35 กี้ขวัญจะวถูกว่ายังไงจะบอกว่าได้มี
00:06:35 → 00:06:38 ออกซิเจนเข้าไปในเลือดแล้วหัวสมองมันจะ
00:06:38 → 00:06:40 โปร่ง
00:06:40 → 00:06:44 ขึ้นตามหลักวิทยาศาสตร์เลยนะอตามหลัก
00:06:44 → 00:06:46 วิทยาศาสตร์พอครูติ๋วเงียบนี่ขวัญเริ่มใจ
00:06:46 → 00:06:51 ใจฝ่อเลยนะผิดหรออะไร
00:06:51 → 00:06:57 เงี้ยถูกค่ะเห็นมมั่นใจได้เลยอันเนี้ยนะ
00:06:57 → 00:06:59 เดี๋ยวเดี๋ยวพอเริ่มใจฝอนนะเดี๋ยวคุณจะ
00:06:59 → 00:07:02 เชื่อมไปถึงเรื่องเ Love ที่เราจะคุยกัน
00:07:02 → 00:07:05 ค่ะแต่ตอนเนี้ยเราคุยกันถึงตรงนี้ก่อนว่า
00:07:05 → 00:07:06 พอ
00:07:06 → 00:07:12 มีลมหายใจพอมีออซิเจนน่ะค่ะกระบวนการการ
00:07:12 → 00:07:15 ทำงานของร่างกายอ่ะขวัญมันจะเป็นอติกใน
00:07:16 → 00:07:18 เชิงบวกต้นโอ๊คิดว่ายังไงพอมีออกซิเจน
00:07:18 → 00:07:21 เข้าไปสมมุติว่าคุณเป็นนักกีฬาเป็นยังไง
00:07:21 → 00:07:24 อ่ามันจะสดชื่นขึ้นมันจะรู้สึกว่าเอ่อ
00:07:24 → 00:07:28 พร้อมรับกับอะไรก็แล้วแต่ที่งหน้าได้ได้
00:07:28 → 00:07:32 ได้ได้อย่างแบบมีกระบวนความคิดที่สามารถ
00:07:32 → 00:07:35 นำไปแก้ปัญหาได้ได้ได้ได้เยอะขึ้นมีทาง
00:07:35 → 00:07:39 เลือกเยอะขึ้นในสมองจะเกิดขึ้นเอ่อเมื่อ
00:07:39 → 00:07:43 เราได้รับแบสิ่งที่กระตุ้นให้สมองมีการ
00:07:43 → 00:07:46 สั่งการที่ดีขึ้นน่ะอุติวถูกต้องค่ะถูก
00:07:47 → 00:07:49 ต้องค่ะเนี่ยค่ะคราวนี้คุณเห็นหรรือยัง
00:07:49 → 00:07:53 ว่าในเทคนิคการบำบัดต่างๆที่เราได้เรียน
00:07:53 → 00:07:58 รู้กันมาค่ะมันสามารถใช้มารับมือกับ
00:07:58 → 00:07:59 สถานการณ์
00:07:59 → 00:08:02 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ครับค่ะแม้แต่ใน
00:08:02 → 00:08:08 สถานการณ์ที่เรียกว่ารุนแรงที่สุดในใน
00:08:08 → 00:08:12 เรื่องของแผ่นดินไหวในรอบเรียกว่าเป็น 100
00:08:12 → 00:08:15 ปีนะสำหรับพม่าเออใช่มั้ยขวัญเป็นยังไง
00:08:15 → 00:08:18 บ้างนะหมายถึงว่าสิ่งที่ขวัญเจอที่ที่วัน
00:08:18 → 00:08:22 ที่เกิดแผ่นดินไหวใช่มั้ยคะคุณติ๋วใช่ค่ะ
00:08:22 → 00:08:24 กับเหตุการณ์เนี้ยลแชร์หน่อยจากเหตุการณ์
00:08:24 → 00:08:29 นี้สถานการณ์ตอนนั้นขวัญนั่งเอ่อท่านเข้า
00:08:29 → 00:08:33 เที่ยงอยู่แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าเอ๊ะโคลง
00:08:33 → 00:08:37 โคลงเสร็จปึ๊บเริ่มเริ่มเอ๊ะละเริ่มเวียน
00:08:37 → 00:08:40 หัวหันไปมองสิ่งแรกเลยก็คือนาฬิกาสิ่งที่
00:08:40 → 00:08:43 อยู่ที่ฝาผนังว่ามันสั่นไหวหรือเปล่าพอ
00:08:43 → 00:08:45 มันสั่นไหวหรือเปล่าเสร็จปุ๊บทราบและว่า
00:08:45 → 00:08:48 มันคือแผ่นดินไหวเพราะเราเคยเจอแผ่นดิน
00:08:48 → 00:08:51 ไหวมาก่อนก็เลยมีประสบการณ์อยู่บ้างก็เลย
00:08:51 → 00:08:55 ทราบแล้วแล้วก็จากตรงนั้นน่ะอยู่กับที่
00:08:55 → 00:08:58 ก่อนแล้วก็ตั้งสติว่าหันไปมองโต๊ะทำงาน
00:08:58 → 00:09:01 ตัวเองว่าเดี๋ยวต้องเก็บอะไรไปบ้างอืครับ
00:09:01 → 00:09:04 เดี๋ยวต้องเก็บอะไรไปบ้างลงปึ๊บแล้วก็พอ
00:09:04 → 00:09:07 หลังจากนั้นจัดการเก็บของแล้วก็ลงทาง
00:09:07 → 00:09:10 บันไดหนีไฟยังเจอกับโอ๊คอยู่ด้านล่างของ
00:09:10 → 00:09:13 ตึกเลยค่ะครูติ๋วแล้วก็ยังคุยกันทักทาย
00:09:13 → 00:09:17 กันอยู่เลยว่าเป็นยังไงบ้างเ้าค่ะโอ้เธอ
00:09:17 → 00:09:20 เธอมีสติมากนะในการที่ยังสามารถทักทายกัน
00:09:20 → 00:09:24 ได้เมื่อสักครู่อ่ะครูได้ยินว่าเคยมี
00:09:24 → 00:09:27 ประสบการณ์แผ่นดินไหวมาก่อนหรอคะใช่ค่ะ
00:09:27 → 00:09:30 คือเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ค่ะูติ๋วเป็น
00:09:30 → 00:09:34 แผ่นดินไหวสั่นน้อยๆตอนช่วงก่อน 7:00 น
00:09:34 → 00:09:36 หรือไม่เกิน 8:00 นนี่แหละค่ะเกิดเหตุ
00:09:36 → 00:09:40 แผ่นดินไหวที่สปปลาวและได้รับแรงสั่น
00:09:40 → 00:09:43 สะเทือนรู้สึกได้ถึงประเทศไทยตอนช่วงนั้น
00:09:43 → 00:09:46 เอ่อเป็นตอนนั้นทำเป็นโปรดิวเซอร์รายการ
00:09:46 → 00:09:49 กมิอาซียนตอนเช้าแล้วมองเห็นจอ
00:09:49 → 00:09:52 คอมพิวเตอร์ที่อยู่บริเวณเอ่อฝาผนังที่
00:09:52 → 00:09:54 เราติดจอคอมพิวเตอร์ไว้อ่ะนะคะก็เห็นแล้ว
00:09:55 → 00:09:59 ว่าไหวไหวเสร็จปุ๊บสิ่งแรกที่ติดตามเลยก็
00:09:59 → 00:10:03 คือโอเคทำรายการให้ออกอากาศต่อไปแต่ว่า
00:10:03 → 00:10:06 สิ่งที่เช็คทันทีคือกรมอุตุนิยมวิทยา
00:10:06 → 00:10:09 เพื่อติดต่อประสานงานให้เจ้าหน้าที่ของ
00:10:09 → 00:10:13 กรมอุตุนิยมวิทยามาออกอากาศในเอ่อบอกข้อ
00:10:13 → 00:10:16 เท็จจริงกับประชาชนตอนนั้นน่าจะช่วง
00:10:16 → 00:10:19 ประมาณ 8:00 นถึงจะเอาเจ้าหน้าที่ของกรม
00:10:19 → 00:10:24 อุตุอ่ะค่ะมาเข้าสายอครับ
00:10:24 → 00:10:27 ค่ะอันนี้ก็เป็นเหมือนเป็นกระบวนการทำงาน
00:10:27 → 00:10:30 พอหลังจมันคือสั่นแต่สั่นไม่ได้นานมาก
00:10:30 → 00:10:34 สั่นแป๊บเดียวเราก็เลยสั่นสู้สั่นสู้รับ
00:10:34 → 00:10:37 รู้ได้แล้วพอเราเช็คจากเอ่อเว็บไซต์ของ
00:10:37 → 00:10:40 กรมอุตุเรารู้แล้วว่าเกิดเหตุละแต่ว่าไม่
00:10:40 → 00:10:44 มีเอ่อสิ่งที่เอ่อเป็นสัญญาณว่าฉันต้อง
00:10:44 → 00:10:47 เอาตัวรอดเพราะว่ามันสั่นแป๊บเดียวจริงๆ
00:10:47 → 00:10:49 แค่รับรู้ได้แล้วก็พอหลังจากนั้นก็ทำงาน
00:10:49 → 00:10:52 ต่อการออกอากาศก็ยังคงออกอากาศต่อไปไม่
00:10:52 → 00:10:55 เหมือนกับครั้งนี้ที่ค่อนข้างเอ่อรู้สึก
00:10:55 → 00:10:59 ได้เป็นระยะเวลาค่อนข้างนานแล้วก็ครับบาง
00:10:59 → 00:11:02 พื้นที่เนี่ยหลายๆตึกก็ไม่มีความปลอดภัย
00:11:02 → 00:11:07 แล้วก็เลยมีการฟลงอพยพลงพื้นที่ด้านล่าง
00:11:07 → 00:11:09 ที่เป็นพื้นที่โล่งก่อนอันนั้นก็จะแตก
00:11:09 → 00:11:12 ต่างกันระหว่าง 2 เหตุการณ์นี้ค่ะครูติว
00:11:12 → 00:11:16 อืซึ่งก็ถือว่าใช้คำว่าเคยมีประสบการณ์
00:11:16 → 00:11:20 ได้อยู่นะค่ะยังไม่ถึงขั้นแบบว่าไปแบบ
00:11:20 → 00:11:22 เมืองนอกที่เขาเป็นประเทศที่อยู่ในวงแหวน
00:11:22 → 00:11:24 แห่งไฟแล้วไปเจอเหตุการณ์ยังไม่เคยเจอ
00:11:24 → 00:11:30 เหตุการณ์แบบนั้นค่ะอืๆๆซึ่งซึ่งคำว่า
00:11:30 → 00:11:32 ประสบการณ์น่ะมันก็มีคุณค่าอย่างนึงนะ
00:11:32 → 00:11:36 ขวัญเพราะว่าอะไรเพราะมันทำให้เราอ่ะค่ะ
00:11:36 → 00:11:43 มีปัจจัยที่จะพาตัวเองไปมีสติในการที่จะ
00:11:43 → 00:11:46 รับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้นโดย
00:11:46 → 00:11:49 อัตโนมัติเลยค่ะสมองของเราอ่ะค่ะมันจะ
00:11:49 → 00:11:53 เกิดการเชื่อมโยงแบบไวมากที่จะรู้ว่าอ๋อ
00:11:53 → 00:11:56 มันเคยเกิดประมาณนี้มันจะเกิดการประมวลผล
00:11:56 → 00:11:59 แล้วทำให้เราเนี่ยสร้างทางเลือกในการการ
00:11:59 → 00:12:03 ที่จะรับมือต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
00:12:03 → 00:12:08 อืมแม้ว่าจะไม่ตรงกันเลยซะทีเดียวแต่ว่า
00:12:08 → 00:12:13 มันก็มีส่วนเนาะซึ่งๆโดยผลลัพธ์อ่ะทุก
00:12:13 → 00:12:17 อย่างมันจะดีขึ้นแน่นอนเพราะเราอ่ะเคยมี
00:12:17 → 00:12:21 ประสบการณ์มาแล้วเหมือนในประเทศที่เขาอาจ
00:12:21 → 00:12:24 จะมีประสบการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยอ่ะ
00:12:24 → 00:12:27 ค่ะค่ะการรับมือของเขาคก็จะดีมากขึ้น
00:12:27 → 00:12:31 เรื่อยๆค่ะอ่าเชื่อมโยงมาถึงการรับมือใน
00:12:31 → 00:12:36 เชิงจิตวิทยานะคะค่ะครูยกตัวอย่างเช่นพอ
00:12:36 → 00:12:41 พอเราคุยกันเรื่องเอ่อการบำบัดเยียวยาก็
00:12:41 → 00:12:47 ดีหรือการรับมือด้วยเทคนิคต่างๆที่เราเคย
00:12:47 → 00:12:51 เรียนรู้มาถูกมั้ยค่ะครับเหตุการณ์ครั้ง
00:12:51 → 00:12:55 เนี้ยตอนเหตุการเกิดเนี่ยครูอ่ะอยู่เป็น
00:12:55 → 00:12:59 เครื่องบินพอดีก็อาจจะไม่ได้ไม่ได้มีรับ
00:12:59 → 00:13:02 รู้สึกร่วมอ่าไม่ได้มีความรู้สึกร่วมไม่
00:13:02 → 00:13:04 ได้มีประสบการณ์หรือแม้แต่หรือแม้แต่
00:13:04 → 00:13:06 ประสบการณ์ตรงกับแผ่นดินไหวครูก็ยังไม่
00:13:06 → 00:13:10 เคยเท่าที่จำได้นะไม่เคยเลยต่างประเทศก็
00:13:10 → 00:13:13 ไม่เคยในประเทศก็ยิ่งไม่เคยขวัญอย่างดี
00:13:13 → 00:13:16 ว่าเคยถูกมยแต่ที่ครูพูดถึงก็คืออะไรรู้
00:13:16 → 00:13:20 มยประสบการณ์เนี่ยแม้สิ่งที่เรานำมาพูด
00:13:21 → 00:13:24 คุยกันนะคะก็สามารถเป็นประสบการณ์ให้เรา
00:13:24 → 00:13:28 ได้ค่ะคุณผู้ฟังคะฟังฟังรายการเราบ่อคุณ
00:13:28 → 00:13:30 ก็จะได้ประสบการณ์รร่วมไปด้วยในหลายๆ
00:13:30 → 00:13:34 อย่างก็เหมือนกับเเวลาเห็นประสบการณ์จาก
00:13:34 → 00:13:37 ของขวัญก็อ๋อเค้าเคยทำแบบนั้นเหมือนรับ
00:13:37 → 00:13:41 รู้จากเรื่องของคนอื่นได้ใช่มั้ยคะเอ่า
00:13:41 → 00:13:44 ถูกต้องค่ะถูกต้องค่ะสิ่งที่ครูจะสื่ออีก
00:13:44 → 00:13:47 อย่างนึงนะคะคืออะไรคือการที่เราคุย
00:13:47 → 00:13:50 เรื่องราวเหล่านี้กันบ่อยๆอ่ะ
00:13:50 → 00:13:54 ค่ะสมองเราอ่ะจะเกิดกระบวนการเรียนรู้โดย
00:13:54 → 00:13:57 อัตโนมัติค่ะเมื่อมันเรียนรู้แล้วอ่ะก็
00:13:57 → 00:14:00 เท่ากับมันมีประสบการณ์แล้วด้วยมันกันอืม
00:14:00 → 00:14:03 ค่ะการรับมือครูหมายถึงว่าพอเราคุยกัน
00:14:03 → 00:14:07 เรื่องการบำบัดเยียวยาเราคุยกันเรื่องการ
00:14:07 → 00:14:11 ใช้เทคนิคในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
00:14:11 → 00:14:16 ถูกมั้ยค่ะพอคุยกันบ่อยเหตุการณ์เนี้ยมัน
00:14:16 → 00:14:20 สร้างความเเรียกว่าซึมเสียหายหรือมีผล
00:14:20 → 00:14:23 กระทบให้ครูเหมือนกันเพราะว่าคอนโดครู
00:14:23 → 00:14:27 อยู่ชั้นสูงอืมครับเออแต่สิ่งที่ครูจะ
00:14:27 → 00:14:31 สื่อคืออะไรคือครูก็เค้าเรียกว่าอะไรอ่ะ
00:14:31 → 00:14:37 แอคอ่ะยอมรับได้ในทันทีค่ะนึกออกมแล้วครู
00:14:37 → 00:14:40 ก็มีกระบวนการคิดที่จะทำ
00:14:40 → 00:14:44 ให้ไม่ได้เกิดความเสียหายซ้ำความเสียหาย
00:14:44 → 00:14:47 ซ้ำคืออะไรความเสียหายแรกอ่ะคือความเสีย
00:14:47 → 00:14:52 หายทางด้านกายภาพที่เราอ่ะคือต้องยอมรับ
00:14:52 → 00:14:55 สถานการนั้นเพราะมันเกิดขึ้นแล้วค่ะถูก
00:14:55 → 00:14:59 มั้ยคะอย่างที่ 2 ที่จะบอกว่ามันซ้ำอ่ะ
00:14:59 → 00:15:03 คืออย่างน้อยๆมันจะไม่สามารถทำให้จิตใจ
00:15:03 → 00:15:06 ของฉันเนี่ยได้รับการกระทบกระเทือนซ้ำลง
00:15:06 → 00:15:13 ไปอีกอืค่ะเราอเราไม่กระทบกระเทือนซ้ำยัง
00:15:13 → 00:15:16 ไงอ่ะคะครูติ๋วเพราะว่าเหมือนเห็นห้อง
00:15:16 → 00:15:19 เห็นสภาพห้องที่เราเคยแต่งสวยๆแล้วมันก็
00:15:19 → 00:15:22 ร้าวลงมา
00:15:22 → 00:15:26 เอ่อกระจกแตกบ้างแชงกาเรียที่ซื้อมาราคา
00:15:26 → 00:15:31 เรือนหมื่นหล่นลงมาอันเนี้ยหลายคนก็เจอ
00:15:31 → 00:15:35 สถานการณ์แบบนี้อ่ะค่ะใช่นี่แหละนี่แหละ
00:15:35 → 00:15:38 ที่ครูถึงบอกว่าเทคนิคการบำบัดต่างๆ
00:15:38 → 00:15:42 ศาสตร์การบำบัดต่างๆที่มันทำให้เราเนี่ย
00:15:42 → 00:15:44 ได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์โดยอัตโนมัติ
00:15:44 → 00:15:45 อ่ะ
00:15:45 → 00:15:49 เนียมันไม่ได้นับหมื่นมันนับแสนก็มีนะ
00:15:49 → 00:15:53 หรือว่าของสะสมของรักของงกันต่างๆงอะไร
00:15:53 → 00:15:55 อย่างเงี้ยค่ะอ้าเหมือนครูอ่ะครูเป็นคน
00:15:56 → 00:16:01 ชอบสะสมตะเกียงเก่าอืครานนึกออกมั้ยค่ะ
00:16:01 → 00:16:04 นึกออกแล้วก็กระจกไ้แก้วตรงตะเกียงมันบอบ
00:16:04 → 00:16:07 บางมากถ้ามันหล่นก็คือเสียหายเลย่ะครูติว
00:16:07 → 00:16:12 แน่นอนค่ะแน่นอนถูกมยค่ะ
00:16:12 → 00:16:15 อ่าคำถามคือ
00:16:15 → 00:16:22 ว่าเราจะสามารถใช้เทคนิคอะไรมาใช้ในการ
00:16:22 → 00:16:25 ที่เมื่อเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นกับเรา
00:16:25 → 00:16:29 แล้วเนี่ยเราได้เห็นภาพที่เราไม่ปปถนา
00:16:29 → 00:16:32 เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์แล้วมันเกิด
00:16:33 → 00:16:35 ขึ้นกับเราเนี่ยทำอย่างไรที่เราจะรับมือ
00:16:35 → 00:16:37 กับมันได้ดีที่
00:16:37 → 00:16:39 สุดทำอย่าง
00:16:39 → 00:16:44 ไรก็ต้องยอมรับอ่ะถูกต้องค่ะก็ต้องยอมรับ
00:16:44 → 00:16:50 อ่ะนี่ไงโดยธรรมชาติค่ะมันคือแที่เรา
00:16:50 → 00:16:53 เพิ่งเรียนรู้กันไป acceptance and
00:16:53 → 00:16:56 commitment ถูกมั้ยตโน๊กจำได้ใช่มั้ยคะ
00:16:56 → 00:17:00 จำได้ฮะเออเนี่ยแหละศาสตร์การบำบัดของเรา
00:17:00 → 00:17:03 ก็นำเข้ามาใช้ได้เลยว่าเราก็ยอมรับให้
00:17:03 → 00:17:08 เร็วค่ะอเออเรายอมรับให้เร็วพอยอมรับให้
00:17:08 → 00:17:11 เร็วอ้าคราวนี้เอาเทคนิค ST มาใช้ได้มย
00:17:12 → 00:17:13 ได้ค่ะ
00:17:13 → 00:17:16 ได้หายใจก่อนเลยค่ะอ่ะยอมรับหยุดก่อนเลย
00:17:16 → 00:17:19 นะอ่ะเห็นๆเหตุการณ์เห็นห้องแล้วหยุดก่อน
00:17:20 → 00:17:23 เลยเห็นห้องแล้วโอ้โหเอาหยุดหยุดแล้วทำไง
00:17:23 → 00:17:30 คะหายใจลึกๆตั้งสติก่อนตั้งสติครับใชแล้ว
00:17:30 → 00:17:34 ก็เป็นผู้สังเกตการ observer ค่ะสังเกตสิ
00:17:34 → 00:17:41 คะมีอะไรเสียหายหเป็นยังไงบ้างอ่าถูกต้อง
00:17:41 → 00:17:45 ถ้าใช้ cbt เข้ามาช่วยคืออะไรความคิดและ
00:17:45 → 00:17:48 พฤติกรรมการบำบัดความคิดและพฤติกรรมลอง
00:17:48 → 00:17:53 คิดซิว่ามันมีอะไรที่เราสามารถคิดเพื่อ
00:17:53 → 00:17:56 ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้หรือคิด
00:17:56 → 00:18:01 แล้วมันทำให้เ้าเรียกว่าทุกอย่างมันดี
00:18:01 → 00:18:04 ขึ้นได้อย่างน้อยๆใจเราดีขึ้นดีนะที่เรา
00:18:04 → 00:18:08 ไม่อยู่ตรงนี้เราอยู่บนเครื่องบินแล้วเรา
00:18:08 → 00:18:12 ไม่เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวโดยตรงนี่แค่
00:18:12 → 00:18:15 ห้องเสียหายร่างกายเราไม่เจ็บเราไม่บาด
00:18:15 → 00:18:19 เจ็บอะไรเลยโอ้โหยตายแล้วต้นโอ๊คเธอตบมือ
00:18:19 → 00:18:23 ให้คุณขวัญเดี๋ยวนี้เลยไปฮะโอ๊คก็ตอบได้
00:18:23 → 00:18:27 ครูติ๋วแต่โอ๊คเผอิญว่าชะออกปะออกตัวช้า
00:18:27 → 00:18:29 นิดนึงอ้า
00:18:29 → 00:18:32 ตบมือให้ก่อนเลยอ้าคราวนี้ต้โต้โน๊กมีคำ
00:18:33 → 00:18:36 ถามอะไรที่จะถามหรือความคิดดีๆอะไรที่จะ
00:18:36 → 00:18:39 คิดกับตัวเองได้เพื่อให้เพื่อให้ทุกอย่าง
00:18:39 → 00:18:42 มันดีขึ้นเนี่ยมันเป็นการบำบัดความจิแล
00:18:42 → 00:18:45 พฤติกรรมถ้าถ้าเป็นถ้าเป็นตัวผมเลยถ้า
00:18:45 → 00:18:48 เป็นตัวงเลยเอ่อพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ต่อ
00:18:48 → 00:18:53 หน้าแล้วเราพอเอ่อเราอืมเช็คทุกอย่าง
00:18:53 → 00:18:55 เรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นสิ่งของแล้วก็
00:18:55 → 00:18:59 คนนะโดยเฉพาะคนนติ๋วนะเช็คทุกอย่างเอ่อ
00:18:59 → 00:19:02 ครอบครัวปลอดภัยทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ใน
00:19:02 → 00:19:06 ะลักษณะที่มีความเสี่ยงใดๆะเราก็จะจะหา
00:19:06 → 00:19:09 วิธีการและว่าสิ่งที่เราจะทำต่อไปคืออะไร
00:19:09 → 00:19:13 เราต้องเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ที่ปลอด
00:19:13 → 00:19:15 ภัยหลักจากนี้ต่อไปือเป่าเพราะเรามีการ
00:19:15 → 00:19:18 เรียนรู้เรื่องนี้มาระดับหนึ่งก็คือใน
00:19:18 → 00:19:20 เรื่องของอ่าโอเคแหละแผ่นดินไหวมันเกิด
00:19:20 → 00:19:24 ขึ้นอชอเวฟแรกก็คือเอ่ออรุดแรงที่สุดแต่
00:19:24 → 00:19:27 มันก็ยังมีชเว็บที่ 2 เพราะฉะนั้นเราก็
00:19:27 → 00:19:30 ต้องตั้งสติของตัวเองก่อนว่าเราจะเอ่อไม่
00:19:30 → 00:19:33 ต้องอยู่เราจะไม่เข้าไปในในอาคารณขณะนั้น
00:19:33 → 00:19:36 ทันทีหลังจากนั้นเอ่ออาจจะต้อง
00:19:36 → 00:19:41 เอ่อใช้ระยะเวลาในการในการที่จะ
00:19:41 → 00:19:44 เอ่ออยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยก่อนอย่า
00:19:44 → 00:19:47 เพิ่งรีบร้อนอย่าเพิ่งตัดสินใจเรียกว่า
00:19:47 → 00:19:50 ยับยั้งชั่งใจในการที่จะเข้าไปอโอเคแหละ
00:19:50 → 00:19:52 ทรัพย์สินมันยังอยู่ภายในส่วนหนึ่งมันก็
00:19:52 → 00:19:55 ยังมีแต่ว่าไม่ต้องรีบรอที่จะเข้าไปเอ่อ
00:19:55 → 00:20:00 รอรอเรื่องของเอ่อการสั่งการที่เหมาะสมรอ
00:20:00 → 00:20:03 การสั่งการที่ยืนยันว่ามีความปลอดภัยแล้ว
00:20:03 → 00:20:06 แล้วเราค่อยเข้าไปไนขได้รวมถึงสิ่งสำคัญ
00:20:06 → 00:20:09 คือเราต้องเช็คสถานการณ์ต่างๆที่เรา
00:20:09 → 00:20:12 สามารถเช็ได้คุณิวเอ่อเช็คเช็คในเรื่อง
00:20:12 → 00:20:15 ของเอ้มันเกิดจากอะไรกันแน่แผ่นดินไหว
00:20:15 → 00:20:17 หรือเปล่าหรือตึกเรามันโยนหรือตึกเรามัน
00:20:17 → 00:20:20 เอียงตึกเดียวที่อื่นไม่ได้เป็นเพื่อตรวจ
00:20:20 → 00:20:22 สอบดูว่าไอ้สิ่งเหตุการณ์เยมันเกิดขึ้น
00:20:22 → 00:20:25 อะไรกันแน่เข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันว่า
00:20:25 → 00:20:29 เกิดขึ้นอะไรกันแน่เพื่อนำไปสู่การแก้รับ
00:20:29 → 00:20:33 มือและแก้ไขตามมาทีหลังหลังจากนั้นอีก
00:20:33 → 00:20:39 ทีว้าวเห็นมยอหูยสุดยอดอันเทพโอ๊คอันเทพ
00:20:39 → 00:20:43 โอ๊คอ่ะเห็นมโอ้โหเทพโอ๊คเสือโอ๊คของเรา
00:20:43 → 00:20:46 นี่มาเหนือจริงๆเราเราเราผ่านการเรียนรู้
00:20:46 → 00:20:49 มาแล้วเราก็ต้องอ่าเอาบทเรียนมาใช้หน่อย
00:20:49 → 00:20:50 กู
00:20:50 → 00:20:54 ติ๋วยอดเยี่ยมมากค่ะยอดเยี่ยมมากเมื่อกี้
00:20:54 → 00:20:58 ครูก็ได้ยินโอ๊กพูดชัดเจนเลยนะว่าตั้งสติ
00:20:58 → 00:21:03 ซึ่งครูก็นึกไปถึงที่เราคุยกันเลยที่เรา
00:21:03 → 00:21:07 เรียนรู้กันมาตลอดไม่ว่าจะเป็น MBC
00:21:07 → 00:21:12 mbsr cbt แครับถูกมั้ยคะใช่ครับสิ่งที่
00:21:12 → 00:21:15 ต้นโอ๊คและคุณขวัญพูดมาเนี่ยมันคือ
00:21:15 → 00:21:19 รวมศาสตร์การบำบัดเยียวยาที่เราอ่ะนำมา
00:21:19 → 00:21:23 ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันเลยค่ะครับอื
00:21:23 → 00:21:28 ค่ะอืโอแล้วถ้าตามหัวข้อของเราวันนี้นี้
00:21:28 → 00:21:31 ละคะครูติ๋วเรามาประยุกต์ใช้ในเรื่องของ
00:21:31 → 00:21:34 สุขภาพจิตที่ดีเริ่มที่ S Love เนี่ยรัก
00:21:34 → 00:21:38 ตัวเองบางคนก็ตั้งคำถามนะคะว่ารักตัวเอง
00:21:38 → 00:21:41 กับเห็นแก่ตัวมันมันต่างกันมั้ยคือเส้น
00:21:41 → 00:21:44 บางๆหรือเปล่ามันมันแยกยังไงบางทีแบบก็ก็
00:21:44 → 00:21:47 ฉันยังทำแบบนี้เพราะฉันเห็นประโยชน์ที่
00:21:47 → 00:21:51 ฉันจะได้รับสูงสุดแต่อีกมุมมองของคนอื่น
00:21:51 → 00:21:56 ที่มองเรามาเธอเห็นแก่ตัวจังเลยออ้านี่
00:21:57 → 00:22:00 แหละค่ะซึ่งครูอกับจะเชื่อมให้เข้ามาถึง
00:22:00 → 00:22:02 กันเลยว่าค่ะแล้วมัน
00:22:02 → 00:22:06 จะเชื่อมมาที่เ Love หรือมาเกี่ยวกับเ
00:22:06 → 00:22:10 Love ได้อย่างไรค่ะเพราะว่ามันเป็น
00:22:10 → 00:22:15 เรื่องที่ละเอียดอ่อนแล้วก็ลึกลงไปอีก
00:22:15 → 00:22:19 ว่าสุขภาพจิตที่ดีอ่ะเริ่มต้นที่เ Love
00:22:19 → 00:22:22 ค่ะเพราะว่าทุกคนรู้มั้ยคะว่าการที่เราจะ
00:22:22 → 00:22:26 รู้สึกรักตัวเองอ่ะมันมีผลมาจาก
00:22:26 → 00:22:29 ประสบการณ์ในวัยเด็กด้วย
00:22:29 → 00:22:33 อ่าอืจากการที่ครูทำงานทางด้านจิตวิทยา
00:22:33 → 00:22:36 และการโค้ชมามากกว่า 10 ปีอ่ะนะคะครับมัน
00:22:37 → 00:22:40 ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะรู้สึกรักตัวเองได้โดย
00:22:40 → 00:22:44 ง่ายเออหรือแม้แต่จะรู้สึกว่าตัวเองอ่ะ
00:22:44 → 00:22:49 เป็นที่รักมันเชื่อมโยงมาถึงในเรื่องของ
00:22:49 → 00:22:53 สุขภาพใจความมั่นใจแล้วทุกอย่างอ่ะมันก็
00:22:53 → 00:22:57 จะมีเค้าเรียกว่ามี dot ให้ให้เชื่อมถึง
00:22:57 → 00:22:59 กันโดยอัตโนมัติ
00:22:59 → 00:23:04 อืคราวเนี้ยเดี๋ยวก่อนที่จะไปไปขยายความ
00:23:04 → 00:23:09 ถึงความแตกต่างระหว่างการรักตัวเองกับการ
00:23:09 → 00:23:12 เห็นแก่ตัวมันเป็นอย่างไรครับเออตรงเนี้ย
00:23:12 → 00:23:14 เดี๋ยวมันจะละเอียดอ่อนมากแม้แต่เหตุ
00:23:14 → 00:23:17 การณ์ที่เกิดขึ้นเนี่ยนะคะเหตุการณ์แผ่น
00:23:17 → 00:23:21 ดินไหวเนี่ยมันสะท้อนถึง Self Love ได้
00:23:21 → 00:23:24 เป็นอย่างดีมันสะท้อนถึงว่าเฮ้ยฉันจะตัด
00:23:24 → 00:23:29 สินใจยังไงวะกับการที่รักตัวเองเองหรือ
00:23:29 → 00:23:32 ไม่เห็นแก่่ตัวหรือควรจะดูแลตัวเองก่อน
00:23:32 → 00:23:37 หรือจะต้องไปเอ่อเค้าเรียกว่าอะไรนะดูแล
00:23:37 → 00:23:41 สะอดใจดูแลผู้อื่นใช่ถูกมคือเหมือนบาง
00:23:41 → 00:23:44 ครั้งเราอยู่ในสถานที่ทำงานเนี่ยทุกคนก็
00:23:44 → 00:23:49 อาจจะมีเอ่อคนที่สุขภาพต้องดูแลเป็นพิเศษ
00:23:50 → 00:23:52 มีโรคประจำตัวยิ่งเขาเจออาการที่แบบ
00:23:52 → 00:23:55 เหมือนว่าเป็นภัยพิบัติอาจจะแพนิคกว่าคน
00:23:55 → 00:23:58 อื่นเราต้องวิ่งเอาตัวรอดก่อนคนอื่นเลย
00:23:58 → 00:24:01 เลยมั้ยหรือจะต้องแบบไปช่วยเค้าหรืออะไร
00:24:01 → 00:24:03 ทำนองนี้หรือเปล่าคะที่ครูติ๋วกำลังจะแนะ
00:24:03 → 00:24:08 เอ่อนำเสนออ่ะค่ะถูกต้องค่ะถูกต้องค่ะค่ะ
00:24:08 → 00:24:10 ซึ่งซึตรงเนี้ยถ้าเรา
00:24:10 → 00:24:15 ไม่พิจารณาหรือแยกแยะให้ดีอ่ะค่ะมันก็จะ
00:24:15 → 00:24:19 สะท้อนกลับมาเป็นเอ่ออารมณ์ความรู้สึกที่
00:24:19 → 00:24:24 ที่เราอ่ะจะมาตัดสินตัวเองซึ่งตรงเนี้ย
00:24:24 → 00:24:29 มันมีเส้นบางๆขั้นอยู่เพราะพอเราให้ความ
00:24:29 → 00:24:33 หมายหรือว่ามาตัดสินโดยที่ไม่ได้มีความ
00:24:33 → 00:24:37 สมดุลเพียงพอค่ะค่ะมันก็จะสะท้อนกลับมาใน
00:24:37 → 00:24:41 เรื่องของสุขภาพแล้วมันก็จะมาทั้งสุขภาพ
00:24:41 → 00:24:45 กายสุขภาพจิตรวมกันเลยค่ะคราวเนี้ย
00:24:45 → 00:24:49 อือือ่ะคราวนี้ครูจะลองมาลองขยายให้ดู
00:24:49 → 00:24:54 ก่อนนะว่ามันมีอะไรที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
00:24:54 → 00:24:58 หรือว่าท้าทายกับการพัฒนาความรู้สึกตัว
00:24:58 → 00:25:02 เองบ้างมันมีเหตุผลอะไรบ้างที่จะเกี่ยว
00:25:02 → 00:25:05 ข้องตรงนี้เดี๋ยวเราเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน
00:25:05 → 00:25:10 อย่างแรกอ่ะค่ะประสบการณ์ในวัยเด็กจค่ะ
00:25:10 → 00:25:14 คือคนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เหมือน
00:25:14 → 00:25:19 กับขาดการเรียนรู้แล้วก็ขาดการสนับสนุน
00:25:19 → 00:25:24 ทางด้านอารมณ์หรือว่าเคยแบบถูกบูลี่ถูก
00:25:24 → 00:25:27 วิจารณ์หรือว่าได้รับการเลี้ยงดูแบบมี
00:25:27 → 00:25:32 เงื่อนไขแบบที่มีความเชื่อเชิงลบมากๆอ่ะ
00:25:32 → 00:25:36 ค่ะค่ะตรงเนี้ยค่ะมันจะกระทบถึง
00:25:36 → 00:25:40 การการเชื่อมโยงของคุณค่าในตัวเองด้วย
00:25:40 → 00:25:45 ซึ่งมันก็คือการรักตัวเองการนับถือตัวเอง
00:25:45 → 00:25:50 อันเนี้ยเป็นข้อ 1 ข้อที่ 2 อ่ะมันมีใน
00:25:50 → 00:25:54 เรื่องของบรรทัดฐานทางสังคมที่เข้ามา
00:25:54 → 00:25:57 เกี่ยวข้องด้วยเพราะอะไรเพราะในบาง
00:25:57 → 00:25:59 วัฒนธรรมเนี่ย
00:25:59 → 00:26:02 มีการให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากกว่าตัว
00:26:02 → 00:26:06 เองคือเา้าปลูกฝังมาแบบเนี้ยค่ะว่าจะต้อง
00:26:06 → 00:26:11 นึกถึงผู้อื่นก่อนนะแต่ขวัญหรือต้นโอ๊คจำ
00:26:11 → 00:26:15 ได้มยเวลาที่เราขึ้นเครื่องบินน่ะค่ะค่ะ
00:26:15 → 00:26:17 ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเนี่ยเค้าให้เรา
00:26:17 → 00:26:21 ช่วยเหลือใครก่อนช่วยเหลือช่ือผู้ใหญ่
00:26:21 → 00:26:24 ก่อนช่วยเหลือตัวตัวเองคือสวมหน้ากาให้
00:26:24 → 00:26:28 ตัวเองก่อนคนที่คุณดูแลใช่มั้ยคะใช่แล้ว
00:26:28 → 00:26:32 ก็ค่อยไปดูแลเด็กข้างๆอะไรเงี้ยเป็น
00:26:32 → 00:26:36 ครอบครัวมาือกันถูกต้องค่ะใช่ค่ะซึ่งตรรง
00:26:36 → 00:26:40 เนี้ยมันก็เป็นสิ่งที่เรามาเรียนรู้กัน
00:26:40 → 00:26:42 เพิ่มเติมใช่มั้ยคะแต่อย่างเมื่อสักครู่
00:26:42 → 00:26:47 ที่ครูบอกว่าถ้าบางวัฒนธรรมบางสังคมที่
00:26:47 → 00:26:51 เค้าอ่ะค่ะให้ความสำคัญกับการที่ต้องดูแล
00:26:51 → 00:26:56 คนอื่นก่อนนะครับหรือว่าพอมาดูแลตัวเองพอ
00:26:56 → 00:26:58 มาให้ความสำคัญตัวเองเนี่ยกับกลายเป็น
00:26:58 → 00:27:01 เรื่องน่าอายซึ่งตรงเนี้ยมันก็จะเป็นสิ่ง
00:27:01 → 00:27:05 ที่ฟอร์มเรามาปลูกฝังเรามาค่ะอ่ะใช่มัน
00:27:05 → 00:27:08 เป็นการับปลูกฝังมาถูกมยมันจะปลูกฝังนาน
00:27:08 → 00:27:12 มากด้วยอ่าเนี่ยแหละพอมันปลูกฝังมานาน
00:27:12 → 00:27:16 เนี่ยมันก็จะทำให้ไซตเราอ่ะค่อนไปทางนั้น
00:27:16 → 00:27:21 ซึ่งมันก็อาจจะขัดกับหลักเาเรียกว่าหลัก
00:27:21 → 00:27:24 ความจริงหรือหลักการที่เราเริ่มมาคุยกัน
00:27:24 → 00:27:27 ในปัจจุบันน่ะที่มันมีการเปลี่ยนแปลงวิธี
00:27:27 → 00:27:30 คิดมากขึ้นค่ะมันก็จะเกิดการขัดแย้งอยู่
00:27:30 → 00:27:34 บ้างเนาะอค่ะอ่าคราวนี้เรามาดูความท้าทาย
00:27:34 → 00:27:38 ข้อต่อไปว่าภาวะสุขภาพจิตอ่ะมันเกี่ยวได้
00:27:38 → 00:27:40 อย่างไรกับไอ้เรื่อง Self
00:27:40 → 00:27:45 Love ผู้ที่มีภาวะซึมเซร้าวิตก
00:27:45 → 00:27:51 กังวลพวกเนี้ยมันก็จะทำให้มีความยากลำบาก
00:27:51 → 00:27:56 ในการที่จะรู้สึกถึงความรักตัวเองถึงคุณ
00:27:56 → 00:27:58 ค่าของตัวเอง
00:27:59 → 00:28:03 ตรรงเนี้ยมันคือมันคือการเรียนรู้ที่จะ
00:28:03 → 00:28:06 พัฒนาศักยภาพ
00:28:06 → 00:28:11 หรือพัฒนาเ Love ของเรานั่นแหละ
00:28:11 → 00:28:15 อืเพราะว่าถ้ามีปัญหาสุขภาพจิตใช่มั้ยค่ะ
00:28:15 → 00:28:18 มันก็จะทำให้กระบวนการเรียนรู้หรือการ
00:28:18 → 00:28:22 พัฒนาเนี่ยเค้าเรียกว่าดรอปลงไปหรือทำงาน
00:28:22 → 00:28:25 ยากลงไปค่ะ
00:28:25 → 00:28:30 อ่ะแล้วอะไรอีกที่มันเป็นความท้าทายในการ
00:28:30 → 00:28:33 ที่จะพัฒนาความรู้สึกรักตัวเองมันยังมี
00:28:33 → 00:28:38 เรื่องของการเปรียบเทียบทางสังคมด้วยค่ะอ
00:28:38 → 00:28:40 เพราะอะไรเพราะอิทธิพลของสื่อแล้วก็
00:28:40 → 00:28:43 โซเชียลมีเดียเนี่ยค่ะทำให้คนเนี่ยเกิด
00:28:43 → 00:28:47 การเปรียบเทียบตัวเองกับมาตรฐานที่บาง
00:28:47 → 00:28:49 ครั้งมันอาจจะไม่สมจริงเหมือนที่ที่เรา
00:28:49 → 00:28:52 คุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอ่ะขวัญใช่ค่ะ
00:28:52 → 00:28:56 บางคนจริงๆแล้วเขาอาจจะไม่ได้อยากติดแกรม
00:28:56 → 00:28:59 แต่ว่าสิ่งแวดล้อมที่ที่เขาอยู่สังคมที่
00:28:59 → 00:29:02 เขาอยู่คนอื่นเขามีกันทั้งนั้นเลยทำไมเธอ
00:29:02 → 00:29:06 ถึงยังไม่ไม่มีอ่าอะไรทำนองนี้ใช่มมคะครู
00:29:06 → 00:29:12 ถูกต้องค่ะค่ะค่ะแล้วมันส่งผลให้รู้สึก
00:29:12 → 00:29:17 แบบไม่ไม่พอเพียงไม่เพียงพอไม่เป็นที่รัก
00:29:17 → 00:29:20 ไม่เป็นที่พอใจอ่ะเพราะว่ามันเกิดการ
00:29:20 → 00:29:23 เปรียบเทียบซึ่งมันมีอิทธิพลมากขึ้นน่ะ
00:29:23 → 00:29:26 ถ้าเราอถ้าเราไม่ได้หยิบมาพิจารณาหรือ
00:29:26 → 00:29:30 เรียนรู้หรือพัฒนาตัวเองนะขวัญต้นโอ๊กไอ้
00:29:30 → 00:29:33 เรื่องเหล่าเนี้ยมันจะหนักมากขึ้นทุกวัน
00:29:33 → 00:29:35 ทุกวันเ๋ยิ่งแบกใช่
00:29:35 → 00:29:39 มั้ยถูกต้องบางทีเแบกไปโดยที่เขาก็ไม่รู้
00:29:39 → 00:29:43 ตัวว่าเขาแบกนะคะครูติวใช่ค่ะครูถึงบอก
00:29:43 → 00:29:47 ว่ามันเป็นการดีที่เราอ่ะนำเรื่องเหล่า
00:29:47 → 00:29:51 เนี้ยเข้ามาพูดคุยกันในสังคมเพราะเคเคย
00:29:51 → 00:29:54 ได้ยินได้ฟังอ่ะเขาคก็จะ
00:29:54 → 00:29:59 เอ๊ะมันจำเป็นต้องแบกมยหรือมันจำเป็นต้อง
00:29:59 → 00:30:03 มีทางเลือกเดียวในการที่จะจะเป็นที่ยอม
00:30:03 → 00:30:07 รับในสังคมนั้นเถถูกด้วยแค่วิธีนี้อย่าง
00:30:07 → 00:30:11 เดียวหรอใช่มั้ยคะถูกใช่เลยค่ะไม่ติดแกม
00:30:11 → 00:30:16 ฉันก็เป็นที่ยอมรับได้นะฉันก็มีความมั่น
00:30:16 → 00:30:20 ใจในตัวเองได้นะค่ะฉันอาจจะเลือกวิธีการ
00:30:20 → 00:30:24 ทำให้คนยอมรับฉันด้วยการที่ฉันเป็นคนที่
00:30:24 → 00:30:29 ยิ้มเก่งมากขึ้นฉันถูกมใช่ค่ะแล้วก็เป็น
00:30:29 → 00:30:33 คนที่ทักทายคนอื่นก่อนโดยการที่แบบว่าก็
00:30:33 → 00:30:38 ยิ้มให้ทักทายแล้วก็ใช่เหมือนกับชื่นคือ
00:30:38 → 00:30:42 ถ้ามีอะไรที่เราชื่นชมเขาได้หรก็ชื่นชม
00:30:42 → 00:30:45 อย่างเปิดเผยไปเลยแล้วก็ถ้ามีอะไรผิดเรา
00:30:45 → 00:30:48 ก็ขอโทษอย่างเปิดเผยไม่ต้องแบบอายในสิ่ง
00:30:48 → 00:30:52 ที่แบบมันมันเป็นสิ่งที่ทำแล้วใครก็ไม่เา
00:30:52 → 00:30:56 เรียกไม่ถือโทษไม่โกรธเราอ่ะใช่ค่ะใช่ค่ะ
00:30:56 → 00:31:01 นี่แหละที่มันจะทำให้เอ่อ Self Love
00:31:01 → 00:31:03 หรือการพัฒนาตัวเองของเราอ่ะมันมากขึ้น
00:31:03 → 00:31:06 มากขึ้นและอีกข้อนึงนะคะที่มันก็จะเชื่อม
00:31:06 → 00:31:10 ตรงเชื่อมเชื่อมโดยตรงกับสิ่งที่เรากำลัง
00:31:10 → 00:31:14 คุยกันคืออะไรรู้มยการที่เราอ่ะ
00:31:14 → 00:31:19 ค่ะมีต้นแบบมันก็จะทำให้เราเนี่ยเคยเห็น
00:31:19 → 00:31:23 ตัวอย่างที่ดีของการที่จะรักตัวเองหรือ
00:31:23 → 00:31:28 การที่จะแสดงความรักต่อตัวเองต่อผู้คนโดย
00:31:28 → 00:31:31 ที่ไม่ต้องติดแกรมเหมือนที่เราคุยกันอื
00:31:31 → 00:31:35 เราสามารถเป็นต้นแบบดีๆให้ผู้คนในสังคม
00:31:35 → 00:31:37 ได้ค่ะ
00:31:37 → 00:31:43 อ่าพอเรามีต้นแบบตรงเนี้ยการพัฒนาเอ่อ S
00:31:43 → 00:31:44 Love หรือ
00:31:44 → 00:31:48 พัฒนาศักยภาพของตัวเองพัฒนากการนับถือตัว
00:31:49 → 00:31:56 เองอ่ะมันก็จะมีมากขึ้นอืค่ะอืค่ะคราวนี้
00:31:56 → 00:31:57 ถึง
00:31:58 → 00:32:02 เวลาที่เราจะมาคุยกันถึงเดี๋ยวความแตกได้
00:32:02 → 00:32:06 แต่ว่านี้ขออุบไว้ช่วงที่ 2 ได้ไมคะว่า
00:32:06 → 00:32:09 เราจะมาคุยกันเรื่องความแตกต่างระหว่าง
00:32:09 → 00:32:12 รักตัวเองกับเห็นแก่ตัวใช่มั้ยคะครูติ๋ว
00:32:12 → 00:32:15 ถูกต้องถูกต้องค่ะเดี๋ยวขอพักพักฟังสิ่ง
00:32:15 → 00:32:18 ที่น่าสนใจสักครู่นะคะช่วงหน้ามาพูดคุย
00:32:18 → 00:32:22 กันต่อว่าเอ๊ะเราจะแยกออกยังไงระหว่างที่
00:32:22 → 00:32:24 บอกว่ารักตัวเอง Self Love หรือคนอื่น
00:32:24 → 00:32:28 มองเราว่าเห็นแก่ตัวแล้วก็มีเทคนิคยังไง
00:32:28 → 00:32:31 ที่จะสร้างการแบบรักตัวเองได้อย่างยั่ง
00:32:31 → 00:32:35 ยืนแล้วก็มีการแบบถ้าเราไม่อยากจะทำอ่ะ
00:32:35 → 00:32:38 เราปฏิเสธยังไงให้มันนุ่มนวลให้ดูแบบเป็น
00:32:38 → 00:32:40 การปฏิเสธที่ฟังแล้วลื่นหูเหลือเกิน
00:32:40 → 00:32:43 เดี๋ยวช่วงหน้ามาคุยกันต่อนะคะครูติ๋วคะ
00:32:43 → 00:32:46 มาต่อกันเลยค่ะว่าเราจะแยกความแตกต่าง
00:32:46 → 00:32:49 อย่างไรระหว่างการรักตัวเองกับความเห็น
00:32:49 → 00:32:53 แก่ตัวที่คนอื่นจะมองว่าเราเห็นแก่ตัว
00:32:53 → 00:32:58 ค่ะการรักตัวเองอ่ะค่ะค่ะ
00:32:58 → 00:33:02 มันจะมีอีกคำนึงนะ
00:33:02 → 00:33:08 ที่มักจะได้ยินในเชิงจิตวิทยาว่าค่ะความ
00:33:08 → 00:33:13 รักที่ดีที่สุดคือรักตัวเองแล้วความรัก
00:33:13 → 00:33:18 เนี่ยมันก็คือการยอมรับตัวเองด้วยค่ะอืม
00:33:18 → 00:33:22 ยอมรับในข้อไม่ดีของตัวเองอย่างนั้นหรอคะ
00:33:22 → 00:33:25 แล้วก็ยอมรับทั้งจุดอ่อนจุดแข็งอ่ะข้อดี
00:33:25 → 00:33:31 ข้อไม่ดีก็คือแนั่นแหละเห็นมยถูกมั้ค่ะ
00:33:31 → 00:33:32 มัน
00:33:32 → 00:33:36 เอ่อมันเชื่อมโยงกันโดยอัตโนมัตินะถูก
00:33:36 → 00:33:40 มั้ยครับเออแหมขวัญเธอนี่พูดได้ตรง
00:33:40 → 00:33:45 ประเด็นมากว่ามันคือแอนั่นแหละใช่ค่ะ
00:33:45 → 00:33:49 เอ่อการรักตัวเองเนี่ยมันเป็นรากฐานของ
00:33:49 → 00:33:53 สุขภาพจิตที่ดีอย่างอย่างสำคัญมากๆเลยอ่ะ
00:33:53 → 00:33:55 คือมันเป็นรากฐานเลยนะพอเรารักตัวเองจริง
00:33:55 → 00:34:00 ๆอ่ะสุขภาพภาพเราอ่ะมันจะแปรผันไปในทิศ
00:34:01 → 00:34:03 ทางเดียวกันเลยอ่ะแล้วข้อข้อสำคัญที่เรา
00:34:03 → 00:34:07 คุยกันข้อแรกเลยอ่ะมันจะต้องสามารถยอมรับ
00:34:07 → 00:34:11 ตัวเองให้ได้ยอมรับได้เนี่ยมันต้องยอมรับ
00:34:11 → 00:34:14 ทั้งข้อดีข้อเสียยอมรับทั้งจิตอ่อนจิต
00:34:14 → 00:34:17 แข็งของเราให้ได้อืค่ะ
00:34:17 → 00:34:22 อ่ะอย่างที่ 2 มันจะต้องมีการดูแลตัวเอง
00:34:22 → 00:34:24 ครับค่ะ
00:34:24 → 00:34:29 อ่ะคนทั่วไปอาจะคิดว่ารักตัวเองแค่ตามใจ
00:34:29 → 00:34:35 ตัวเองถูกมยอเอออยากทำอะไรทำอยากกินอะไร
00:34:35 → 00:34:38 กินอยากชอบอะไรชอบอยากเสพอะไร
00:34:38 → 00:34:43 เสพนึกออกถึงภาพตัวเองเป็นภาพมาเลยค่ะยัง
00:34:43 → 00:34:48 ไงยังไงไหนขยายสิเธอโอวันนี้คือรู้สึกน้ำ
00:34:48 → 00:34:53 ตาลตกรักตัวเองชานมสักแก้วซิเอออันนี้รัก
00:34:53 → 00:34:58 ตัวเองก็สบายใจขึ้นมาแล้วสบายใจเอ่า
00:34:58 → 00:35:04 เอออันเนี้ยนะที่คนน่ะจะเข้าใจไม่ค่อยตรง
00:35:04 → 00:35:07 กับคำว่าตามใจตัวเองกับรักตัวเองเหมือน
00:35:07 → 00:35:11 กันเนาะรักตัวเองใช่เออถูกมั้ยค่ะเออแต่
00:35:11 → 00:35:13 จะให้เหตุผลอยากกินเหล้าเงี้อยากกินเหล้า
00:35:13 → 00:35:14 เงี้ยได้มั้ย
00:35:14 → 00:35:18 เออก็ไม่ค่อยรักตัวเองแต่ก็จะอันนั้นอัน
00:35:18 → 00:35:22 นั้นคือตามใจตัวเองแต่คือจะหลายๆคนว่ารู้
00:35:22 → 00:35:24 สึกรักตัวเองเมื่อกินชานมไข่มุกอะไรอย่าง
00:35:24 → 00:35:29 เงี้ยคือแบบเออนิดนึงเออมันอาจจะนิดนึง
00:35:29 → 00:35:32 นิดนึงคือบิดเบือนไปนิดนึงนะบิดเบือนแต่
00:35:32 → 00:35:36 จริงๆคือตามใจตัวเองแหละใช่มั้ยคะถูกต้อง
00:35:36 → 00:35:39 ถูกต้องนี่แหละเพราะถ้ารักตัวเองอ่ะมันจะ
00:35:39 → 00:35:43 ต้องดูแลตัวเองใส่ใจในสุขภาพจิตใจร่างกาย
00:35:43 → 00:35:47 ใส่ใจในสุขภาพกายสุขภาพใจของตัวเองค่ะอ่า
00:35:47 → 00:35:51 ๆๆนึกออกอ่ะออกต้นโอ๊กอ่ะมีลูกต้นโอ๊กนึก
00:35:51 → 00:35:54 ออกมั้ยถ้าบอกว่ารักลูกอ่ะต้นโกใชลูกกิน
00:35:54 → 00:35:59 มั้ยก็ไม่ให้กินสิกูกุติ๋วก็เราก็ต้อง
00:35:59 → 00:36:01 เลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเด็กใช่
00:36:01 → 00:36:04 มยถูกต้องเออ
00:36:04 → 00:36:08 อ่านี่แหละที่จะเป็นตัวชี้วัดได้อย่างดี
00:36:08 → 00:36:13 ว่าอันไหนเรียกรักอันไหนเรียกตามใจถ้าจะ
00:36:13 → 00:36:17 บอกว่ารักตัวเองอ่ะลองถามตัวเองก็ได้ว่า
00:36:17 → 00:36:21 ถ้าเป็นคนที่เรารักเนี่ยเราจะให้
00:36:21 → 00:36:25 เค้ากินสิ่งนี้มยเราจะให้เค้าทำสิ่งนี้มย
00:36:25 → 00:36:30 ค่ะเหมือนถ้าคนบอกว่ารักตัวเองก็เลยสูบ
00:36:30 → 00:36:33 บุหรี่ก็ไม่อยากก็รักตัวเองอ่ะผมรักตัว
00:36:33 → 00:36:37 เองอ่ะผมจะสูบอ่ะคุณลองจินตนาการดูว่าถ้า
00:36:37 → 00:36:40 เป็นคนที่คุณรักเนี่ยคุณจะให้เา้าทำ
00:36:40 → 00:36:43 มั้ยนั่นแหละก็จะได้คำตอบว่าอ๋อรู้และ
00:36:44 → 00:36:47 เข้าใจแล้วว่าแยกแยกอรักตัวเองจะแยกออก
00:36:47 → 00:36:49 เลยค่ะถูกมั้ยคะ
00:36:49 → 00:36:53 อืมันจะต้อง 1 ยอมรับตัวเอง 2 ดูแลตัวเอง
00:36:53 → 00:36:58 อ่ะอือข้อเก็สำคัญไม่แพ้กันว่าค่ะ
00:36:58 → 00:37:02 ให้อภัยตัวเองได้มั้ยให้อภัยตัวเองอต้อง
00:37:02 → 00:37:06 มีแง่มุมมั้ยฮะที่จะให้อภัยตัวเองได้
00:37:06 → 00:37:12 อ้อเพราะอะไรรู้มั้ยเอ่อจากการที่กูทำงาน
00:37:12 → 00:37:15 ทางด้านการบำบัดเยียวยาและการโค้ชมาเนี่ย
00:37:15 → 00:37:20 นะค่ะครับพอสืบค้นไปลึกๆอ่ะค่ะคนจำนวนมาก
00:37:20 → 00:37:24 นะไม่ได้ไม่ได้ให้อภัยตัวเองบางครั้งอ่ะ
00:37:24 → 00:37:27 การให้อภัยคนอื่นนะ
00:37:27 → 00:37:32 ง่ายกว่าปรากฏง่ายกว่าอ่าอ่าตรงนี้มันมี
00:37:32 → 00:37:35 ความลึกซึ้งค่ะคุณผู้ฟังคะค่ะการที่เราจะ
00:37:35 → 00:37:37 ให้อภัยตัวเอง
00:37:37 → 00:37:41 เนี่ยมันจะต้องกลับเข้ามาสำรวจตัวเองลึก
00:37:41 → 00:37:45 พอสมควรเพราะบางครั้งอ่ะมันจะมีกลไกปก
00:37:45 → 00:37:48 ป้องตัวเองที่จะที่จะลืมเรื่องราวเหล่า
00:37:48 → 00:37:53 เนี้ยค่ะอืเพราะว่ามนุษย์เนี่ยมันจะมันจะ
00:37:53 → 00:37:55 มีความ
00:37:55 → 00:37:58 เอ่อความรู้สึกเชิงลบอันนึงนะที่รู้สึก
00:37:58 → 00:38:05 กันง่ายมากคือรู้สึกผิดอืครับอ่านึกออก
00:38:05 → 00:38:09 มั้ยค่ะทำอะไรก็รู้สึกผิดสมมุติว่าเราอ
00:38:09 → 00:38:11 เหมือนเหมือนที่ขวัญเกิดมาตอนต้นด้วยนะ
00:38:11 → 00:38:14 ว่าเราจะปฏิเสธคนยังไงค่ะบางทีเราจะ
00:38:14 → 00:38:17 ปฏิเสธเรารู้สึกผิดเ้ยเดี๋ยวถ้าบอกเไปมัน
00:38:17 → 00:38:20 จะรู้สึกไม่ดีเดี๋ยวเขาจะมองว่าเราไม่ดี
00:38:20 → 00:38:25 หรือเปล่าด้วยเออถ้าในมุมในมุมในมุมพ่อ
00:38:25 → 00:38:30 แม่อย่างผมนะเอ่อการสมมตินะเด็กเล็กๆ
00:38:30 → 00:38:32 เนี่ยเ่อไม่เกินสักไม่เกิน 6-7 ขวบเนี่ย
00:38:32 → 00:38:36 สมมุตินะครับเอ่อการไปตีเขาสักครั้งนึงอ
00:38:36 → 00:38:38 ในมุมของของคนเป็นพ่อเป็นแม่ยุคใหม่นะคุณ
00:38:38 → 00:38:41 ติไปตีเขาสักครั้งเนี่ยคุณคนเป็นพ่อเป็น
00:38:41 → 00:38:44 แม่เดี๋ยวเนี้ยรู้สึกผิดนะรู้สึกผิดที่
00:38:44 → 00:38:47 ที่ตีรูกเรื่องแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องตี
00:38:48 → 00:38:50 ก็ได้อะไรเงี้ยแต่มันมา
00:38:50 → 00:38:54 คิดทีหลังแล้วก็เราจะรู้สึกแบบเราแย่จัง
00:38:54 → 00:38:59 เลยเราเราไม่ควรทำแต่ก็เหมือนกับว่ามัน
00:38:59 → 00:39:02 มันกลายเป็นปมของพ่อเป็นแม่เหมือนกันนะ
00:39:02 → 00:39:04 ซึ่งในอีกมุมนึงก็อาจจะเป็นปมของของลูกไป
00:39:05 → 00:39:08 ด้วยก็ได้มันก็เลยแบบมันก็เลยเป็นความคิด
00:39:08 → 00:39:11 ที่เนี่ยการให้อภัยตัวเองก็ยังไม่เกิด
00:39:11 → 00:39:14 ขึ้นขึ้นกับพ่อแม่ในบงกลุ่มได้เลยเมื่อ
00:39:14 → 00:39:17 กี้โอ๊คโอ๊คสะท้อนได้ดีมากเลยยอดเยี่ยม
00:39:17 → 00:39:20 มากแหมคุณนี่เป็นตัวแทนพ่อแม่ได้เลยนะ
00:39:20 → 00:39:23 เพราะเหตุการณ์แบบเยมันเกิดขึ้นเยอะมาก
00:39:23 → 00:39:26 ประครับอ่าใช่เราเอาประสบการณ์ตรงของเรา
00:39:26 → 00:39:29 นี่ละขาประสบการณ์จริงของเราเนี่ยแหละค่ะ
00:39:29 → 00:39:33 มาเรียนรู้แล้วก็แบ่งปันในสังคมที่เรา
00:39:33 → 00:39:37 เค้าเรียกว่ากำลังเรียนรู้ร่วมกันเนาะใน
00:39:37 → 00:39:40 ในรายการของเราเนี่ยค่ะอค่ะเพราะอะไรรู้
00:39:40 → 00:39:45 มั้ยมีหลายครอบครัวมากค่ะที่มีเค้าเรียก
00:39:46 → 00:39:50 ว่าปมค้างใจลักษณะนี้คืออืเป็นปมที่รู้
00:39:50 → 00:39:52 สึกผิดทั้งทั้ง
00:39:52 → 00:39:58 เอ่อพ่อแม่ลูกเลยแค่คนละมุมอครับค่ะ
00:39:58 → 00:40:02 พ่อแม่นะสมมุติว่าตีลูกไปแล้วเมื่อกี้มัน
00:40:02 → 00:40:04 มีคีย์เวิร์ดคำนึงนะโอ๊คสะท้อนได้ดีมาก
00:40:04 → 00:40:08 เธอเธอได้ยินมั้ยในสิ่งที่เธอพูดว่าคิดที
00:40:08 → 00:40:12 หลังอ่าคิดทีหลังใช่ครับเออคิดทีหลังก็
00:40:12 → 00:40:15 แบบว่าตอนนั้นน่ะไม่ทันคิดหรือไม่มีสติ
00:40:15 → 00:40:19 ยังไม่พอมันไม่ไวพออแอคชั่นไปก่อนถูกมั้ย
00:40:19 → 00:40:23 ออใช่ครับอ่าแสดงว่าไม่ได้สปใช่มั้ย
00:40:23 → 00:40:26 ขวัญสปไม่ทันเดี๋ยวเวหลังจะเจอกูติ๋วบ่อย
00:40:26 → 00:40:32 ๆโอ๊คจะสปทันแล้วค่ะกูติ๋วหลังๆผมก็สตป
00:40:32 → 00:40:35 บ่อยถูกต้องอ่ะเรามาคุยกันต่อคืออย่างงี้
00:40:35 → 00:40:41 ค่ะพอเราสไม่ทันเราคิดทีหลังอ่ะค่ะมันก็
00:40:41 → 00:40:45 จะเกิดการแชไปแล้วถูกมยเหมือนอย่างเมื่อ
00:40:45 → 00:40:49 กี้ตีลูกอ่ะแล้วมันเป็นปมหลายครอบครัวมาก
00:40:49 → 00:40:56 พ่อมีเคสนึงนะพ่อเขาคตีลูกลูกอ่ะเขาทำขนม
00:40:56 → 00:40:59 หกแล้วพ่อก็หวังดีอยากจะสอนลูกแต่ว่าพ่อ
00:40:59 → 00:41:04 อ่ะออคือพื้นอารมณ์เดิมก็รุนแรงพื้น
00:41:04 → 00:41:08 อารมณ์ก็โมโหไงแล้วไม่ทันคิดอ่ะค่ะด้วย
00:41:08 → 00:41:11 เจตนาน่ะเจตนาดีหวังดีกับลูกแต่มันเป็น
00:41:11 → 00:41:15 ความหวังดีที่ใส่ไปด้วยอารม์โกรธอารมณ์
00:41:15 → 00:41:18 กลัวอารมณ์อะไรหลายๆอย่างที่ผสมกันณ
00:41:18 → 00:41:20 โมเมนต์นั้นอารมณ์เหนื่อยอารมณ์อะไรเนี่ย
00:41:20 → 00:41:25 ค่ะก็เลยตีลูกครับแล้วคราวนี้พอตีอ่ะพอ
00:41:25 → 00:41:30 อารมณ์มันขึ้นเนี่ยมันไม่ได้ตีแบบด้วย
00:41:30 → 00:41:33 เหตุผลหรือไม่ได้ตีธรรมดาไม่ได้มันก็เลย
00:41:33 → 00:41:36 รุนแรงตีกระหน่ำรุนแรงใช่คะมันเกินกว่า
00:41:36 → 00:41:40 เหตุไปเลยใช่มั้ยคะมันเกินกว่าเหตุไปเลย
00:41:40 → 00:41:43 แล้วคิดว่าจะสร้างปมให้ลูกมั้ยโอ้แน่นอน
00:41:43 → 00:41:50 ผมว่าภาพจำฝังไปจนโตจำฝังไปจนอายุ 50 60
00:41:50 → 00:41:54 เลยค่ะอืจำได้เลยแล้วมันยังไม่เคยได้
00:41:54 → 00:41:57 เคลียร์ปมค้างใจค่ะปรากฏว่าพ่อพก็รู้สึก
00:41:57 → 00:42:01 ผิดตั้งแต่วันนั้นน่ะจนแก่เลยเหมือนกัน
00:42:01 → 00:42:04 ค่ะพ่อก็รู้สึกผิดว่าอุ๊ยวันนั้นก็ไม่น่า
00:42:04 → 00:42:08 ตีลูกขนาดนั้นเลยแต่มันยั้งใจไม่อยู่ครับ
00:42:08 → 00:42:14 ถูกมั้ยคะลูกก็มีปมอีกว่าทำไมพ่อถึงต้อง
00:42:14 → 00:42:18 ตีขนาดนั้นด้วยเราก็ทำผิดนิดเดียวหรือเรา
00:42:18 → 00:42:21 ก็ไม่ได้ตั้งใจนะค่ะอืแต่เพราะเราเป็น
00:42:21 → 00:42:26 เด็กอ่ะเนี่ยค่ะมันก็เลยเป็นปมทั้งพ่อ
00:42:26 → 00:42:30 ทั้งลูกแล้วมันก็ค้างใจแล้วมันก็ยืดยาว
00:42:30 → 00:42:35 กันมาคราวเนี้ยถ้าเราได้มาเรียนรู้ถึงการ
00:42:35 → 00:42:41 ให้อภัยตัวเองได้ถูกมั้ยค่ะครับมันก็จะ
00:42:41 → 00:42:46 เกิด Self Love อืซึ่งการให้อภัย
00:42:46 → 00:42:49 เนี่ยจากเหตุการณ์นี้นะเราเรียนรู้ไป
00:42:49 → 00:42:52 พร้อมๆกันนะคะคุณผู้ฟังค่ะถ้าเกิดว่ามัน
00:42:52 → 00:42:55 เกิดการให้อภัยเริ่มจากให้อภัยตัวเองนี่
00:42:55 → 00:42:57 แหละ
00:42:57 → 00:43:02 พ่อก็ให้อภัยตัวเองได้ลูกก็ให้อภัยตัวเอง
00:43:02 → 00:43:05 ได้แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกที่ต้องให้อภัย
00:43:05 → 00:43:09 ตัวเองนอกจากให้อภัยพ่อเพราะเด็กอ่ะค่ะ
00:43:09 → 00:43:12 อุ๊ยตรงนี้สำคัญมากนะต้นโอ๊คเด็กอ่ะเขาค
00:43:12 → 00:43:16 ก็จะรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำไมเขต้องโกรธ
00:43:16 → 00:43:19 พ่อตัวเองเพราะเด็กก็จะได้รับการปลูกฝัง
00:43:19 → 00:43:24 การเลี้ยงดูว่าพ่อแม่รักเรานะค่ะถูกมั้ย
00:43:24 → 00:43:27 พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณนะเราอ่ะไม่ควรมัน
00:43:27 → 00:43:31 โกรธพ่อแม่นะเด็กก็จะรู้สึกผิดค่ะว่าทำไม
00:43:31 → 00:43:35 เค้าต้องโกรธพ่อแม่ด้วยอือืมันก็จะมีความ
00:43:35 → 00:43:39 ซับซ้อนแล้วมันก็จะมีผลกระทบเหมือนที่เรา
00:43:39 → 00:43:43 คุยกันถึงตอนแรกเลยว่าไอ้ความท้าทายที่
00:43:43 → 00:43:45 มันทำให้คนเนี่ยรู้สึกไม่รักตัวเองอ่ะมัน
00:43:45 → 00:43:49 มีผลตั้งแต่ประสบการณ์ในวัยเด็กด้วยเพราะ
00:43:49 → 00:43:54 คนที่เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบ
00:43:54 → 00:43:59 ทางด้านการเอ่อบ่มเพาะทางอารมณ์ที่ไม่อาจ
00:43:59 → 00:44:02 จะไม่เหมาะสมอ่ะค่ะค่ะมีความรุนแรงหรือมี
00:44:02 → 00:44:05 อะไรความรู้สึกเชิงลบอ่ะค่ะมันจะส่งผล
00:44:05 → 00:44:10 กระทบมาจนถึงปัจจุบันหรือตอนโตได้เนี่ย
00:44:10 → 00:44:13 ค่ะครับมันก็เลยย้อนมา
00:44:13 → 00:44:18 ถึงการที่บอกว่าการให้อภัยเนี่ยมันก็เป็น
00:44:18 → 00:44:22 อีกหนึ่งความสำคัญในเรื่องของ Self Love
00:44:22 → 00:44:28 ที่คุณจะต้องให้อภัยตัวเองครับอทวนนะคะ
00:44:28 → 00:44:29 อย่างแรก
00:44:29 → 00:44:35 เลยเรายอมรับตัวเองอย่างที่ 2 ดูแลตัวเอง
00:44:35 → 00:44:38 ค่ะอย่างที่ 3 ให้อภัยตัว
00:44:38 → 00:44:42 เองนี่คือองค์ประกอบของการรักตัวเองอืมี
00:44:42 → 00:44:45 อีก 2 ข้อก่อนที่จะไปยอมรับดูแลให้อภัย
00:44:45 → 00:44:49 ข้อแตกต่างของการเห็นแก่ตัวยอมรับดูแลให้
00:44:49 → 00:44:52 อภัยครับข้อที่
00:44:52 → 00:44:59 4 การเคารพขอบเขตของตัวเองค่ะค่ะมันก็จะ
00:44:59 → 00:45:02 เหมือนกับที่ขวัญเกริ่นมาในตอนต้นเมื่อ
00:45:02 → 00:45:06 สักครู่ว่าเราจะปฏิเสธอย่างไรเราจะกล้า
00:45:06 → 00:45:10 ปฏิเสธยังไงถ้าเราเคารพในขอบเขตของตัวเอง
00:45:10 → 00:45:15 นะคะเราจะรู้จักปฏิเสธในสิ่งที่เราเนี่ย
00:45:15 → 00:45:21 ไม่ได้สบายใจที่จะทำสิ่งนี้หรือไม่พอใจ
00:45:21 → 00:45:24 หรือไม่ถนัดค่ะ
00:45:24 → 00:45:29 อ่าถูกมยครับไม่คือไม่ต้องแบบว่าเอ่อรู้
00:45:29 → 00:45:32 สึกเกรงใจและรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยเหลือ
00:45:32 → 00:45:35 เค้าทั้งๆที่จริงๆแล้วเราอาจจะได้ช่วย
00:45:35 → 00:45:38 เหลือเขาคได้ไม่ดีนักหรือได้ไม่เต็มที่
00:45:38 → 00:45:40 เรียกว่าถ้าช่วยยิ่งช่วยเหมือนยิ่งซ้ำอ่ะ
00:45:40 → 00:45:41 ถ้าช่วยไป
00:45:41 → 00:45:45 อ่ะอาจจะเป็นอย่างนั้นถูกต้องถูกต้องใช่
00:45:45 → 00:45:48 เลยนี่ไงเราถึงเราถึงต้องมาเรียนรู้
00:45:49 → 00:45:53 เอ่อวิธีคิดที่มันสร้างสรรค์ครับสร้าง
00:45:53 → 00:45:56 สรรค์ที่มันเป็นจริงที่มันเป็นบวกที่มัน
00:45:56 → 00:46:00 เป็นประโยชน์ว่าแน่ใจเหรอว่าที่ไปช่วย
00:46:00 → 00:46:03 เค้าทั้งที่เราไม่ถนัดน่ะมันคือการช่วย
00:46:03 → 00:46:07 จริงๆมันอาจจะเหมือนที่โอพูดก็ได้ค่ะอค่ะ
00:46:07 → 00:46:11 เพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เรามาเรียนรู้ถึง
00:46:11 → 00:46:15 เอ่อข้อข้อที่เป็นองค์ประกอบของการรักตัว
00:46:15 → 00:46:17 เองอ่ะมันก็จะมีประโยชน์ว่า
00:46:17 → 00:46:21 อ๋อถ้าเราเคารพขอบเขตของตัวเราเองอ่ะเรา
00:46:22 → 00:46:26 ก็จะสามารถปฏิเสธได้เลยนะแล้วมันจะเป็น
00:46:26 → 00:46:28 สิ่งที่สร้างสรรค์ด้วยสิ่งที่เกิด
00:46:28 → 00:46:32 ประโยชน์จริงๆด้วยจากการที่เราเนี่ยเคารพ
00:46:32 → 00:46:35 ขอบเขตของตัวเราเองหรือเคารพตัวเองนั่น
00:46:35 → 00:46:38 แหละว่าครับอันนี้ฉันไม่ชอบอันนี้ฉันไม่
00:46:38 → 00:46:41 ถนัดอันนี้ฉันไม่สะดวกที่จะช่วยคุณตอนนี้
00:46:41 → 00:46:45 เลยเราสามารถสื่อสารไปได้เลยค่ะเพราะเรา
00:46:45 → 00:46:49 เคารพขอบเขตของตัวเราเองแล้วอืค่ะก็
00:46:49 → 00:46:52 เหมือนกับคนที่มีเขาเรียกว่าแพนิคในบาง
00:46:52 → 00:46:56 สิ่งบางอย่างแพนิคที่แคบกลัวที่แคบกลัว
00:46:56 → 00:47:00 ที่สูงคนกลัวที่สูงจะให้ข้ามสะพานแขวนไป
00:47:00 → 00:47:04 ช่วยอีกคนที่อยู่อีกฟากนึงมันก็มันจะกลาย
00:47:04 → 00:47:09 เป็นอ่าเตี้ยอุ้มค่อมนะกูติ๋วใช่ค่ะมันจะ
00:47:10 → 00:47:11 เป็นไปอย่างนั้นคือแทนที่จะช่วยได้มัน
00:47:11 → 00:47:15 กลายเป็นแบบไอ้คนเที่ที่ข้ามสมติเราต้อง
00:47:15 → 00:47:17 ไปช่วยคนแก่คนแก่เผลอๆต้องช่วยเราประอง
00:47:17 → 00:47:21 ไอ้หนุ่มเอ้ยไอ้หนุ่มเอ้ยตามลุงมาลูกเอออ
00:47:21 → 00:47:25 ใช่เออใช่นะเพราะว่าอะไรเพราะบางทีเรา
00:47:25 → 00:47:27 เห็นเขาอาจจะแก่กว่าเราอแต่บางทีเอาจจะ
00:47:27 → 00:47:31 แข็งแรงกว่าเราเอาจจะพาจะไม่กลัวเออกัว
00:47:31 → 00:47:36 ด้วยถูกมยเพราะบุคคลน่ะมันมีความแตกต่าง
00:47:36 → 00:47:40 กันในรายละเอียดแล้วมันก็จึงจะต้องมีการ
00:47:40 → 00:47:45 รู้จักตัวเองให้ดีพออืซึ่งการรู้จักตัว
00:47:45 → 00:47:49 เองอ่ะค่ะมันจะเข้ามาสู่เอ่อข้อสุดท้าย
00:47:49 → 00:47:53 ที่ครูจะฝากไว้สำหรับคืนนี้ค่ะคือการที่
00:47:53 → 00:47:57 เราต้องพัฒนาตัวเองค่ะอืพอเราพัฒนาตัวเอง
00:47:57 → 00:48:00 อ่ะค่ะหนึ่งในนั้นเนี่ยคือการรู้จักตัว
00:48:00 → 00:48:03 เองพอเราพัฒนาตัวเองเนี่ยเราจะมีความมุ่ง
00:48:03 → 00:48:08 มั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่จะ
00:48:08 → 00:48:12 ขยายพื้นที่ความสามารถของเราซึ่งตรงเนี้ย
00:48:12 → 00:48:15 มันก็จะเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของการรัก
00:48:15 → 00:48:17 ตัวเองหรือ Self Love ที่เรากำลังจะพูด
00:48:17 → 00:48:20 กันที่เรากำลังพูดกันอยู่นะคะว่าค่ะนอก
00:48:20 → 00:48:24 จากที่เราจะยอมรับตัวเองดูแลตัวเองให้
00:48:24 → 00:48:28 อภัยตัวเองเคารพขอบเขตของตัวเองแล้วเนี่ย
00:48:28 → 00:48:32 ข้อสำคัญคือไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
00:48:32 → 00:48:38 ค่ะครับอืมเหมือนการที่เรามาคุยกันในราย
00:48:38 → 00:48:42 การสุขภาพดี 2 ทเรามาเรียนรู้ศาสตร์การ
00:48:42 → 00:48:46 บำบัดมันคือการพัฒนาตัวเองในเชิงจิตวิทยา
00:48:46 → 00:48:49 เนี่ยถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะ
00:48:49 → 00:48:53 ว่ามนุษย์เนี่ยมันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
00:48:53 → 00:48:57 อยู่ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นเราก็จะต้องพัฒนา
00:48:57 → 00:49:01 ตัวเองให้มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง
00:49:01 → 00:49:05 ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงเราก็จะได้รับบท
00:49:05 → 00:49:08 เรียญที่เหมือนกับอะไรรู้มั้ยไดโนเสาร์
00:49:09 → 00:49:12 ค่ะที่ไดโนเสาร์มันก็จะไม่สามารถอยู่ใน
00:49:12 → 00:49:16 เราก็จะตกยุบไปูอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปก็
00:49:16 → 00:49:20 ทำให้ดโนเสาร์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่
00:49:20 → 00:49:25 เปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ใช่มั้ยฮะถูกออ่าระบบ
00:49:25 → 00:49:28 นิเวศที่เปลี่ยนแปลงไปอาหารามีน้อยลง
00:49:28 → 00:49:31 เสาร์ก็อยู่ไม่ได้นะอ๋อถูกมั้ยใช่ไม่
00:49:31 → 00:49:35 เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงปรับสภาพไม่ได้ไป
00:49:35 → 00:49:37 เลยค่ะครับ
00:49:37 → 00:49:40 อ่าอย่างในยุคเนี้ยถ้าคุณไม่เรียนรู้การ
00:49:40 → 00:49:44 เปลี่ยนแปลงคุณไม่พัฒนาตัวเองนะอืคุณจะทำ
00:49:44 → 00:49:49 งานยังไงคุณจะทำมาหากินยังไงใช่ค่ะใชก็จะ
00:49:49 → 00:49:51 มีอยู่ยุคนึงที่ทุกคนต้องหันมาเรียนรู้
00:49:51 → 00:49:57 การใช้คอมพิวเตอร์เถูกใช่ค่ะทุกวันนี้ก็
00:49:57 → 00:50:00 ต้องเรียนรู้การใช้ AI เพื่อที่จะก้อนคำ
00:50:00 → 00:50:03 สั่งให้ AI ทำงานแทนเราให้ได้เข้าใจ
00:50:03 → 00:50:09 เทคนิคการใช้ AI ให้มากขึ้นถูกต้องถูก
00:50:09 → 00:50:14 ต้องเพราะว่ายุคนี้เขาต้องการความรวด
00:50:14 → 00:50:19 เร็วค่ะครับเวลาทุกเวทุกนาทีมีสิ่งที่
00:50:19 → 00:50:21 เกิดขึ้นมากกว่า
00:50:21 → 00:50:23 1 ถูก
00:50:23 → 00:50:28 อเห็นมยมันจะไปเกี่ยวอะไรกับ sel Love
00:50:28 → 00:50:32 มันเกี่ยวค่ะเพราะว่าการพัฒนาตัวเองมัน
00:50:32 → 00:50:35 เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของ Self Love อื
00:50:35 → 00:50:37 ค่ะ
00:50:37 → 00:50:41 อพอจะเห็นภาพของการที่รักตัวเองแล้วใช่
00:50:41 → 00:50:44 มั้ยคะพอพัฒนาตัวเองแล้วเราก็ได้เห็น
00:50:44 → 00:50:47 คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้นว่าเราไอ้สิ่ง
00:50:47 → 00:50:51 ที่เราเคยคิดว่าทำไม่ได้มันกลับกลายว่าพอ
00:50:51 → 00:50:55 เราได้พัฒนาแล้วเราเราสามารถเออมันมันมัน
00:50:55 → 00:50:57 ก็เป็นเราก็ทำได้ได้เหมือนกันนะอาจจะไม่
00:50:57 → 00:51:02 ดีร้อยหรอกแต่เราก็ทำได้ในระดับที่สร้าง
00:51:02 → 00:51:06 สร้างความคลายคลายความรู้สึกที่ทำให้ได้
00:51:06 → 00:51:11 ลงไปได้สามารถช่วยอะไรบางอย่างได้คุณติว
00:51:11 → 00:51:14 ครับถูกต้องค่ะเมื่อสักครู่โอ๊โอ๊คพูดได้
00:51:14 → 00:51:19 ดีมากกับคำว่าคุณค่าในตัวเองค่ะพอพูดถึง
00:51:19 → 00:51:22 Self Love เนี่ยนะคนอาจจะรู้สึกเาเรียก
00:51:22 → 00:51:26 ว่าอะไรล่ะดูมันไกลตัวครับแต่แท้ที่จริง
00:51:26 → 00:51:31 มันมันคือคุณค่าค่ะมันคือคุณค่าคุณค่าใน
00:51:31 → 00:51:35 ตัวเองที่เราจะต้องสร้างคุณค่าให้ตัวเอง
00:51:35 → 00:51:39 เราถึงจะสามารถดำรงอยู่ได้ค่ะที่เราดำรง
00:51:39 → 00:51:43 อยู่ได้ในปัจจุบันเนี่ยเพราะเรามีคุณค่า
00:51:43 → 00:51:49 อืมันจะเชื่อมไปถึงระดับที่มากขึ้นจนเป็น
00:51:49 → 00:51:53 ระดับการยอมรับตัวเองนับถือตัวเอง Self
00:51:53 → 00:51:57 esteem ค่ะแล้วก็ศรัทธาตัวเองเองในที่
00:51:57 → 00:52:00 สุดซึ่งมันก็จะขยายขยายเค้าเรียกว่า
00:52:00 → 00:52:04 ศักยภาพหรือขยายเลเวลของตัวเราครับ
00:52:04 → 00:52:10 อคราวนี้อ่าเมื่อกี้ขวัญจะว่าอะไรนะอจะ
00:52:10 → 00:52:13 บอกว่าถ้าสูงสุดของคนเรามันจะไปถึงจุดไหน
00:52:13 → 00:52:17 ได้บ้างคะูติ๋วศรัทธาในตัวเองมันเป็นความ
00:52:17 → 00:52:21 รู้สึกแบบไหนอะไรเงี้ยค่ะ
00:52:21 → 00:52:25 โอในคำถามขวัญเนี่ยมันตอบสุดเลยนะว่าอะไร
00:52:25 → 00:52:28 ที่เขาเรียกว่าขั้นสุดขั้นสุดเนี่ยก็คือ
00:52:28 → 00:52:31 การศรัทธาตัวเองนั่นล่ะค่ะค่ะศรัทธาที่
00:52:31 → 00:52:35 สูงที่สุดคือศรัทธาตัวเองเพราะในความเป็น
00:52:35 → 00:52:39 มนุษยชาติของเราอ่ะเรามัก
00:52:39 → 00:52:41 จะได้รับ
00:52:41 → 00:52:45 การส่งต่อได้รับการบอกสอนถึงคำว่าศรัทธา
00:52:45 → 00:52:49 เนาะค่ะเรามักจะศรัทธาอะไรที่มัน
00:52:49 → 00:52:53 อยู่ไกลออกไปเช่นศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
00:52:53 → 00:52:58 อืศรัทธาในอะไรหลายอย่างถูกมยค่ะ
00:52:58 → 00:53:02 อ่าแต่สิ่งนึงค่ะที่
00:53:02 → 00:53:07 มันเป็นสากลเป็น Universe เป็นสิ่งที่
00:53:07 → 00:53:10 สำคัญที่สุดเนี่ย
00:53:10 → 00:53:14 นะศรัทธาตัวเองแล้วมันก็จะไล่เค้าเรียก
00:53:14 → 00:53:18 ว่าไล่ลงมาถึงรากนี่แหละค่ะมันก็คือตัว
00:53:18 → 00:53:23 เราเองจินตนาการดูว่าถ้าเราสามารถศรัทธา
00:53:23 → 00:53:27 ตัวเองได้แล้วอ่ะคุณว่าชีวิตคุณจะเป็นย
00:53:27 → 00:53:31 ไรมีความสุขแล้วก็เหมือนกับว่าเข้าใจ
00:53:31 → 00:53:34 เชื่อมั่นมากขึ้นมั้ยคือเหมือนมีความมั่น
00:53:34 → 00:53:39 มั่นอกมั่นใจอ่ะิวเเชื่อมั่นมั่นใจพร้อม
00:53:39 → 00:53:45 ที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆเสมออโอ้
00:53:45 → 00:53:50 โหยมลูกลูกศิษย์ชั้นเอกของครูติ๋วคือเสือ
00:53:50 → 00:53:54 โอ๊คโหเหรอครับเหรอครับทั้ง 2 ท่านเลยค่ะ
00:53:54 → 00:53:58 จักรวาลจัดสัได้เหมาะเห่งมากเป็นครับเป็น
00:53:58 → 00:54:02 มหาลูกศิษย์เลยนะเพราะว่าเก่งกว่าอาจารย์
00:54:02 → 00:54:05 อีกเนี่ยเพราะว่าอาจารย์เรียนมาอ๋อถล่ม
00:54:05 → 00:54:09 ต้นกันครูครูอ่ะเรียนมาในขณะที่ต้นโอ๊ก
00:54:09 → 00:54:11 และคุณขวัญเนี่ยไม่ได้เรียนมาโดยตรงอย่าง
00:54:11 → 00:54:16 ครูแต่คุณสามารถที่จะพัฒนาตัวเองได้ไวมาก
00:54:16 → 00:54:19 ค่ะคือคุณสามารถไปถึงขั้นสุดได้แล้วอ่ะ
00:54:19 → 00:54:22 ค่ะสัก 30 วินีสรุปเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
00:54:22 → 00:54:25 จิตที่เริ่มด้วยเ Love ด้วยการรักตัวเอง
00:54:25 → 00:54:28 ค่ะ 3 10 วินาทีครูติ๋วเออเรายังไม่ได้
00:54:29 → 00:54:34 ไปกันตัวเราคุยกันเพลินมาก่คืออย่างงี้
00:54:34 → 00:54:38 ถ้าจะให้สรุปเลยนะค่ะครูขอชวนอย่างนี้เลย
00:54:38 → 00:54:40 ว่าคุณสรุปเลยนะให้คุณน่ะกลับมาที่ตัวเอง
00:54:40 → 00:54:44 นะแล้วก็มองดูเลยว่าคุณเนี่ยได้สำรวจตัว
00:54:44 → 00:54:46 เองเลยมยว่าคุณเนี่ยเป็นคน
00:54:46 → 00:54:52 ที่มีการเห็นคุณค่าในตัว
00:54:52 → 00:54:56 เองคุณเห็นคุณค่าในตัวเองคุณถามตัวเอง
00:54:56 → 00:54:59 แล้วคุณได้เรียนรู้ที่จะยอมรับในความมั่น
00:54:59 → 00:55:02 ใจในความสามารถของตัวเองแล้วหรือยังเพราะ
00:55:02 → 00:55:06 มันจะสะท้อนมาถึงการที่คุณจะบอกรักตัวเอง
00:55:06 → 00:55:09 ในสิ่งที่มันสร้างสรรค์ได้ครับคุณผู้ฟัง
00:55:09 → 00:55:12 คะคุณติ๋วค่ะการหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี
00:55:12 → 00:55:16 มันสำคัญมากค่ะสำหรับสุขภาพดี 22:00 นวัน
00:55:16 → 00:55:18 นี้หมดเวลาแล้วนะคะเราทั้ง 3 คนลาคุณผู้
00:55:18 → 00:55:21 ฟังไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะขอบคุณครับสวัสดี
00:55:21 → 00:55:24 ครับ