00:00:00 → 00:00:01 บางคนเนี่ย 30 เนี่ยเป็นเบาหวานกันหมด
00:00:01 → 00:00:04 แล้วเร็วกว่าเดิมอันตรายกว่าเดิมโรคแทรก
00:00:04 → 00:00:07 ซ้อนเนี่ยมันก็มาเร็วเบาหวานความดันไขมัน
00:00:07 → 00:00:10 หลอดเลือดตับแข็งนอนน้อยเครียดมากระบบเผา
00:00:10 → 00:00:13 ผลาญพังหิวง่ายอิ่มยากร้อยทั้งร้อยอ้วน
00:00:13 → 00:00:15 หมดนะฮะน้ำตาลเนี่ยคือสิ่งเสพติดทำให้
00:00:15 → 00:00:17 ระบบฮอร์โมนในร่างกายเราเสียกินแล้วหวาน
00:00:17 → 00:00:21 หวานเจี๊ยบหวานจังหวานอร่อยเสียงเบาหวาน
00:00:21 → 00:00:24 เวลาที่เรายังไม่เป็นไม่ได้บอกว่าเราจะ
00:00:24 → 00:00:26 ไม่เป็นบุฟเฟ่ต์เนี่ยเป็นอาหารลดน้ำหนัก
00:00:26 → 00:00:29 นะมันอยู่ที่สติกับสมองของเราผอมกับ
00:00:29 → 00:00:31 สุขภาพดีก็ไม่เหมือนกันตัวผอมพุงป่อง
00:00:31 → 00:00:33 อันตรายถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในชีวิต
00:00:34 → 00:00:36 อ่ะการที่เรามีสุขภาพดีมันทำให้เราสำเร็จ
00:00:36 → 00:00:40 ง่ายถ้าเรารักตัวเองจริงๆแล้วอ่ะเราจะทำ
00:00:40 → 00:00:45 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:00:45 → 00:00:48 โรควันนี้มาเจอกับคุณหมออีกแล้วแต่งตัว
00:00:48 → 00:00:51 กันสีสันสดใสมากวันนี้เพราะเราจะมาคุยกัน
00:00:51 → 00:00:55 ในหัวข้อของเรื่องของโรคอ้วนแล้วก็โรคเบา
00:00:55 → 00:00:57 หวานค่ะอได้เลยค่ะวันนี้ก็จะมีเรื่อง
00:00:57 → 00:01:00 อาหารการกินอย่างเต็มที่เลย
00:01:00 → 00:01:03 ค่ะทีนี้หนูอยากรู้ว่าทำไมคนวัยทำงานอ่ะ
00:01:03 → 00:01:07 ค่ะเสี่ยงเป็นโรคอ้วนเด็กๆเนี่ยเรื่องของ
00:01:07 → 00:01:09 ระบบเผาผลาญเรื่องของอ่าการใช้พลังงาน
00:01:09 → 00:01:12 เนี่ยยังสูงอยู่พอร่างกายของเรายังดีอยู่
00:01:12 → 00:01:14 เหมือนรถยนต์ซื้อใหม่อ่ะถึงเราจะใช้ได้
00:01:14 → 00:01:17 แย่ยังไงก็ตามเนี่ยมันก็ยังไปได้อยู่
00:01:17 → 00:01:19 เนี่ยเหมือนชีวิตมนุษย์เลยอือตอนเด็กๆ
00:01:19 → 00:01:22 เนี่ยมันก็ยังแบบเฮ้ยพอไหวว่ะแต่พอเริ่ม
00:01:22 → 00:01:24 อายุเยอะขึ้นเครื่องยนต์เริ่มเสื่อมก็
00:01:24 → 00:01:26 เหมือนร่างกายเราเริ่มเสื่อมเนี่ยโรคต่าง
00:01:26 → 00:01:29 ๆมันก็เลยมาในอดีตเนี่ยกว่ารถยนต์จะเ
00:01:29 → 00:01:32 เสื่อมเนี่ยก็อายุ 60 70 และแต่สมัยนี้
00:01:32 → 00:01:36 เนี่ยนะเสื่อมตั้งแต่อายุ 20 25 30
00:01:36 → 00:01:38 เนี่ยเริ่มเสื่อมและบางคนเนี่ย 30 เนี่ย
00:01:38 → 00:01:42 เป็นเบาหวานกันหมดและมันก็ถือว่าเร็วกว่า
00:01:42 → 00:01:46 เดิมอันตรายกว่าเดิมพอเราเป็นเร็วโรกแทรก
00:01:46 → 00:01:48 ซ้อนเนี่ยมันก็มาเร็วไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน
00:01:48 → 00:01:52 ความดันไขมันหลอดเลือดตับแข็งเบาหวาน
00:01:52 → 00:01:54 เนี่ยก็คือเป็นประตูสู่โรคอีกหลายๆอย่าง
00:01:54 → 00:01:57 เลยที่คุณหมอพูดมาซึ่งมันน่ากลัวมากๆแล้ว
00:01:57 → 00:01:59 โรคอ้วนอ่ะค่ะที่อาจจะเกิดในกลุ่มของ
00:01:59 → 00:02:01 มนุษย์ฟิตอย่างเงี้ยค่ะคุณหมอพฤติกรรม
00:02:01 → 00:02:03 อะไรบ้างที่อาจจะทำให้เราเนี่เสี่ยงเป็น
00:02:03 → 00:02:06 โรคอ้วนอ่ะคะโรคอ้วนในปัจจุบันเนี่ยมันก็
00:02:06 → 00:02:09 เกิดจากการใช้ชีวิตของเรานั่นแหละ 1 ก็
00:02:09 → 00:02:11 คือเรื่องอาหารการกิน 2 คือเรื่องของการ
00:02:11 → 00:02:15 นอนให้เพียงพอ 3 ก็คือเรื่องของการขยับ
00:02:15 → 00:02:17 ตัวต้องบอกเลยว่า 3 อย่างเนี้ยถ้าเราทำ
00:02:18 → 00:02:20 ได้ถูกต้องแค่ทำได้ถูกต้องเนี่ยนะมีน้ำ
00:02:20 → 00:02:22 หนักเกินหรือภาวะอ้วนเนี่ยจะน้อยลงมาก
00:02:22 → 00:02:25 กว่า 90% อไม่ต้องหักโหมด้วยไม่ต้องออก
00:02:25 → 00:02:27 กำลังกายหนักแล้วก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานด้วย
00:02:27 → 00:02:29 แต่ต้องทำให้ถูกต้องโรคอ้วนที่เกิดขึ้น
00:02:29 → 00:02:32 เนี่ยนะครับก็คือเกิดจากการกินง่ายๆว่า
00:02:32 → 00:02:35 กินแต่ของที่ไม่ดีเข้าไปแม้จะกินแคลอรี
00:02:35 → 00:02:37 ต่ำก็อ้วนได้เช่นกันเพราะร่างกายเนี่ยนำ
00:02:37 → 00:02:40 อาหารพวกเนี้ไปสะสมเป็นไขมันการนอนที่ไม่
00:02:40 → 00:02:42 ดีทำให้คอร์ติซอลฮอร์โมนหรือฮอร์โมน
00:02:42 → 00:02:44 เครียดสูงแล้วก็ทำให้โทฮอร์โมนหรือ
00:02:44 → 00:02:46 ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระบบเผาผๆเนี่ยต่ำลง
00:02:46 → 00:02:49 และทำให้ฮอร์โมนเกรินที่เกี่ยวกับฮอร์โมน
00:02:49 → 00:02:52 หิวเนี่ยพุ่งสูงขึ้นและฮอร์โมนเลปตินที่
00:02:52 → 00:02:54 เกี่ยวกับฮอร์โมนอิ่มเนี่ยลดต่ำลงเพราะ
00:02:54 → 00:02:57 ฉะนั้นนอนน้อยเครียดมากระบบเผาผลาญพังหิว
00:02:57 → 00:03:00 ง่ายอิ่มยากร้อยทั้งร้อยอ้วนหมดนะฮะแล้ว
00:03:00 → 00:03:02 ก็สุดท้ายคือเรื่องของการขยับร่างกายเวลา
00:03:02 → 00:03:05 เราอยากจะผอมอยากจะหุ่นดีเรามักบอกว่า
00:03:05 → 00:03:07 เฮ้ยเดี๋ยวพรุ่งนี้จะวิ่ง 10 กลผมบอกวิ่ง
00:03:08 → 00:03:10 ไปเหอะไม่ผอมหรอกมันยากถ้าเรายังกินไม่
00:03:10 → 00:03:12 ถูกต้องนอนไม่ดีการวิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็น
00:03:12 → 00:03:15 การทำร้ายร่างกายมากกว่าออกกำลังกายเช่น
00:03:15 → 00:03:17 การวิ่ง 1 ชั่วโมงวิ่งเต็มๆเลยประมาณ
00:03:17 → 00:03:20 500-600 กลแคลอรี่ 500-600 กิลแคลอรี่
00:03:20 → 00:03:22 อ่ะได้ชานมไข่มุกแก้วเดียวเองเพราะฉะนั้น
00:03:22 → 00:03:24 เนี่ยอย่างที่บอกคือว่าเฮ้ยสิ่งที่สำคัญ
00:03:24 → 00:03:27 คือการขยับร่างกายของเราทั้งวันไม่ว่าจะ
00:03:27 → 00:03:29 เป็นการเดินคือแนะนำให้เดินอย่างน้อย
00:03:29 → 00:03:31 8,000 กต่อวันเป็นอย่างต่ำและถ้ามากกว่า
00:03:31 → 00:03:33 นั้นได้ยิ่งดีการขยับโดยเฉพาะการทำงาน
00:03:33 → 00:03:37 บ้านเนี่ยดีมากอไม่ว่าจะเป็นการก้มการ
00:03:37 → 00:03:41 กวาดการลุกการเช็ดนู่นเช็ดนี่เราจะได้ยืด
00:03:41 → 00:03:44 กล้ามเนื้อหลายอย่างเรามีการแทีหรือขยับ
00:03:44 → 00:03:46 ตัวทั้งวันเนี่ยค่าน้ำตาลในเลือดเราจะไม่
00:03:46 → 00:03:49 สวิงมันจะค่อนข้างจะนิ่งกว่าโดยเฉพาะหลัง
00:03:49 → 00:03:52 ที่เราทานอาหารค่ะทุกๆมื้อเนี่ยถ้าเราได้
00:03:52 → 00:03:54 เดินสัก 10 นาทีเนี่ยค่าน้ำตาลในเลือดเรา
00:03:54 → 00:03:57 จะนิ่งกว่าการไม่เดินแบบเยอะมากๆเพราะ
00:03:57 → 00:03:59 ฉะนั้นเนี่ยไม่ใช่เฉพาะผู้ป่วยเบาหวานนะ
00:03:59 → 00:04:01 ครับใครก็ตามที่อยากมีสุขภาพดีท่านกิน
00:04:01 → 00:04:05 เสร็จแล้วไปเดินเล่นสัก 10 นาทีปกติเนี่ย
00:04:05 → 00:04:07 เวลาเราไปเที่ยวห้างจริงๆมันเป็นที่ลดน้ำ
00:04:07 → 00:04:10 หนักที่ดีมากนะไปเที่ยวห้างเนี่ยเอ้อปกติ
00:04:10 → 00:04:12 เราไปเที่ยวห้างเราก็มักจะกินพวกขนมหวาน
00:04:12 → 00:04:14 นู่นนี่ใช่มั้ยมันยิ่งทำให้เราอ้วนผมแนะ
00:04:14 → 00:04:17 นำให้อย่างงี้ฮะปกติเราจะกินข้าวเย็นตอน
00:04:17 → 00:04:19 กลางคืน 20:00 น 21:00 นใช่มั้ยเวลาเราไป
00:04:19 → 00:04:21 เที่ยวห้างเสร็จแล้วเราก็กลับบ้านอือค่ะ
00:04:21 → 00:04:23 ตบท้ายด้วยขนมพริกสักหน่อยค่อยกลับให้ตึง
00:04:23 → 00:04:25 ตึงกันไปเลยให้เปลี่ยนเป็นอย่างนี้ฮะไป
00:04:25 → 00:04:29 เที่ยวห้างเนี่ยให้กินตอน 18:00 นอืซึ่ง
00:04:29 → 00:04:32 คนก็ยังไม่เยอะด้วยใช่มั้ยค่ะกินไป 1 ชมง
00:04:32 → 00:04:35 กินเสร็จแล้วหลังจากนั้นเนี่ยค่อยไปเดิน
00:04:35 → 00:04:37 ช้อปปิ้งหลังจากที่เรากินเสร็จแล้วไปเดิน
00:04:37 → 00:04:40 ช้อปปิ้งเนี่ยค่าน้ำตาลจะนิ่งและเราจะไม่
00:04:40 → 00:04:43 หิวเมื่อกี้ก็คือเรื่องของการที่เราแบบ
00:04:43 → 00:04:45 ว่าออกกำลังกายได้ง่ายๆไม่จำเป็นที่ว่า
00:04:45 → 00:04:48 การออกกำลังกายคือจะต้องไปแบบวางโปรแกรม
00:04:48 → 00:04:50 ให้มันยุ่งยากอะไรถ้าแบบเราเอามันมาอยู่
00:04:50 → 00:04:53 ในไลฟ์สไตล์ของเราคือในวิถีชีวิตของเราก็
00:04:53 → 00:04:55 ได้เลยคุณหมอคะหนูมีอีก 1 คำถามอยากรู้
00:04:55 → 00:04:58 ว่าทำไมเวลาที่เรากินอาหารเสร็จอ่ะกลาง
00:04:58 → 00:05:01 วันอย่างเงี้ยบางคนง่วงนอนอ่ามันเกิดจาก
00:05:01 → 00:05:04 อะไรคะคือให้สังเกตว่าไม่ทุกครั้งหรอกที่
00:05:04 → 00:05:07 เราง่วงนอนแต่ถ้าเราลองไปเจาะลึกดีๆเนี่ย
00:05:07 → 00:05:10 ถ้าเมื่อไหร่อาหารที่เรากินเนี่ยมีน้ำตาล
00:05:10 → 00:05:13 ที่สูงมากมีแป้งมีคาร์โบไฮเดรตที่สูงมาก
00:05:13 → 00:05:15 เราจะง่วงคือตอนแรกเนี่ยเรากินน้ำตาลมัน
00:05:15 → 00:05:17 จะพุ่งนะพวกคาร์โบไฮเดรตหรือพวกน้ำตาล
00:05:17 → 00:05:19 เนี่ยอีกสักแป๊บนึงน้ำตาลมันจะตกลงมันจะ
00:05:19 → 00:05:23 พุ่งลงมาเลยเขาเรียกว่าภาวะเป็นโอ coaster
00:05:23 → 00:05:25 คือภาวะแบบน้ำตาลพุ่งขึ้นลงแบบรถไฟเหาะ
00:05:25 → 00:05:28 อ่ะตอนขึ้นเราจะมีความสุขมากเลยตอนลงเรา
00:05:28 → 00:05:31 จะแบบง่วงอ่ะหาวๆนอนมากเพราะฉะนั้นให้
00:05:31 → 00:05:33 สังเกตว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินอาหาร
00:05:33 → 00:05:36 ที่มีแป้งและน้ำตาลสูงเรามักจะง่วงซึ่ง
00:05:36 → 00:05:39 อันนี้เป็นเทคนิค 1 ถ้าเราอยากนอนหลับดี
00:05:39 → 00:05:42 ถ้าจะกินนะคาร์โบไฮเดรตเนี่ยให้กินมื้อ
00:05:42 → 00:05:43 เย็นแต่ให้เลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อ
00:05:43 → 00:05:46 ร่างกายเช่นมันหวานญี่ปุ่นผมจะกินมันหวาน
00:05:46 → 00:05:49 ญี่ปุ่นแทนขนมตอนมื้อเย็นเพื่อให้ร่างกาย
00:05:49 → 00:05:51 เรารีกแล้วก็หลับได้ดีแล้วก็เป็น
00:05:51 → 00:05:54 คาร์โบไฮเดรตจากธรรมชาติมีกากใยสูงแล้วก็
00:05:54 → 00:05:56 อร่อยแต่ไม่ใช่กินเยอะเกินไปนะกินครึ่ง
00:05:56 → 00:05:58 ลูกก็พอบางคนบอกโอ้โหมันหวานญี่ปุ่นคุณ
00:05:58 → 00:06:00 หมอทอบอกว่าดีซัไป 3 ลูกไองี้มันก็ไม่ใช่
00:06:01 → 00:06:03 เรื่องเรารู้อยู่กับใจอ่ะว่าอะไรดีไม่ดี
00:06:03 → 00:06:06 แต่เราพยายามทำตัวไม่รู้อ่ะแต่ก็ช่วยไม่
00:06:06 → 00:06:08 ได้เนต้องดูแลชีวิตตัวเองเอาเองแล้วกัน
00:06:08 → 00:06:11 เออประมาณนั้นเพราะฉะนั้นต้องต้องเข้าใจ
00:06:12 → 00:06:14 หลักการให้ถูกต้องแล้วหลังจากเราเข้าใจ
00:06:14 → 00:06:16 หลักการมีความรู้เนี่ยเราจะทำอะไรหรือ
00:06:16 → 00:06:18 เลือกกินอะไรมันก็ง่ายไปหมดแล้วอีกหนึ่ง
00:06:18 → 00:06:20 อย่างที่เราจะพูดกันมาโดยตลอดที่คุณหมอ
00:06:20 → 00:06:22 บอกก็คือน้ำตาลอ่าแล้วหนูก็เคยได้ยินว่า
00:06:22 → 00:06:25 น้ำตาลน่ะคือยาพิษอืออะไรที่ทำให้น้ำตาล
00:06:25 → 00:06:28 อ่ะมันเป็นยาพิษอ่ะค่ะเวลาเราพูดถึงสิ่ง
00:06:28 → 00:06:31 เสพติดเนี่ยอย่าาพิษมั้ยอ่ะยาพิษอ่ะชัด
00:06:31 → 00:06:34 เจนมั้ยค่ะน้ำตาลเนี่ยคือสิ่งเสพติดที่
00:06:34 → 00:06:36 เราไม่รู้นะอืเราไม่รู้ตัวว่าเราเสพติด
00:06:36 → 00:06:40 น้ำตาลถ้าเกิดเรากินอะไรกินขนมหวานแล้ว
00:06:40 → 00:06:42 กินอยู่ทุกวันเนี่ยแล้วเราไม่ได้กินเ่ะ
00:06:42 → 00:06:44 เราจะหงดหงิถ้าเราขาดน้ำตาลเ้าเรียกว่า
00:06:44 → 00:06:46 ถ้าน้ำตาลตกแล้วก็จะหงุดหงิดอย่างนี้เา้า
00:06:46 → 00:06:48 เรียกเสพติดเพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นเศพติด
00:06:48 → 00:06:50 เนี่ยมันก็เป็นยาพิษอยู่แล้วแล้วยังไม่พอ
00:06:50 → 00:06:52 น้ำตาลทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเราเสีย
00:06:52 → 00:06:55 สุดท้ายแล้วเนี่ยพอระบบฮอร์โมนในร่างกาย
00:06:55 → 00:06:57 เราเสียเนี่ยทุกอย่างมันก็แย่ไปหมดคือ
00:06:57 → 00:06:58 จริงๆมนุษย์เราเนี่ยควบคุมด้วยระบบ
00:06:58 → 00:07:01 ฮอร์โมนกับหมดนะให้สังเกตถ้าเป็นคุณผู้
00:07:01 → 00:07:04 หญิงในภาวะมีประจำเดือนช่วงมีประจำเดือน
00:07:04 → 00:07:07 เนี่ยจะเป็นช่วงที่แบบตึงมากมืดมนหน้ามืด
00:07:07 → 00:07:09 เวียนทุกโรคใบนี้มันจะเกิดกับเราได้หมด
00:07:10 → 00:07:11 อ่ะเวลาเราประจำเดือนหรือประจำเดือนผิด
00:07:12 → 00:07:14 ปกติประจำเดือนมามากประจำเดือนมาน้อยอะไร
00:07:14 → 00:07:16 ก็ตามเนี่ยแค่ฮอร์โมนผิดปกติไปนิดเดียว
00:07:16 → 00:07:19 เองนะแต่น้ำตาลเนี่ยทำให้ฮอร์โมนเนี่ย
00:07:19 → 00:07:21 ทั้งร่างกายของเราผิดปกติไปเลยอ่ะเพราะ
00:07:21 → 00:07:23 ฉะนั้นเนี่ยโอกาสที่เออเราจะสุขภาพดีจาก
00:07:23 → 00:07:25 การทานน้ำตาลเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วมันมี
00:07:26 → 00:07:28 แต่แย่ลงแย่ลงแย่ลงเรื่อยๆคือทั้งนี้ทั้ง
00:07:28 → 00:07:30 นั้นเนี่ยไม่ได้บอกว่าห้ามนทานนะก็ถ้า
00:07:30 → 00:07:32 อยากสุขภาพดีก็ทานให้มันน้อยๆอค่ะก็กิน
00:07:32 → 00:07:35 ได้แต่นิดหน่อยแล้วน้ำตาลก็คือให้รสหวาน
00:07:35 → 00:07:37 แล้วถ้าสมมุติว่าเป็นคนที่ติดหวานอื
00:07:37 → 00:07:40 สามารถกินรสอะไรแทนได้มยหรือว่ากินสารให้
00:07:40 → 00:07:43 ความหวานแทนได้มยคะถ้าติดหวานเนี่ยเราควร
00:07:44 → 00:07:47 จะแก้ไขชีวิตของเรายังไงข้อแรกหาอย่าง
00:07:47 → 00:07:51 อื่นมาแทนความหวานข้อที่ 2 แก้นิสัยแย่ๆ
00:07:51 → 00:07:53 นี้ไปซะอืถ้ายั่งยืนก็ต้องแก้นิสัยใช่คือ
00:07:53 → 00:07:57 คียแรกเนี่ยหาอย่างอื่นมาทดแทนเนี่ยมันก็
00:07:57 → 00:08:00 ดีกว่าไม่ทำอะไรอ่าเราก็จะหาสารทดแทนความ
00:08:00 → 00:08:02 หวานมาใช่มั้ยครับซึ่งสารทดแทนความหวานใน
00:08:02 → 00:08:04 ปัจจุบันก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆกลุ่มที่
00:08:04 → 00:08:06 กระตุ้นอินซูลินกับกลุ่มที่ไม่กระตุ้น
00:08:06 → 00:08:08 อินซูลินกลุ่มที่กระตุ้นอินซูลินก็มักจะ
00:08:09 → 00:08:11 อยู่ในอาหารที่ขายทั้งหลายอ่ะตามร้าน
00:08:11 → 00:08:13 สะดวกซื้อทั้งหลายที่เขียน 0% เนี่ยพวก
00:08:13 → 00:08:15 เนี้ยค่อนข้างจะเป็นกลุ่มสารทดแทนความ
00:08:15 → 00:08:17 หวานที่กระตุ้นอินซูลินไม่ว่าจะเป็นซู
00:08:17 → 00:08:20 คาโดไม่ว่าจะเป็นแอสปาแตมอะไรพวกเนะฮะก็
00:08:20 → 00:08:23 จะกระตุ้นพอสมควรพวกนี้ไม่แตกต่างจากทาน
00:08:23 → 00:08:27 น้ำตาลอืถึงแม้จะเขียนว่าน้ำตาล 0% ใช่
00:08:27 → 00:08:29 ปัญหาของเบาหวานมีคำเดียวครับพาว่าดื้อ
00:08:30 → 00:08:32 อินซูลินทำให้เกิดเบาหวานเมื่อไหร่ก็ตาม
00:08:32 → 00:08:33 ที่เราทานอะไรก็ตามที่กระตุ้นอินซูลิน
00:08:33 → 00:08:36 บ่อยๆแปลว่าคุณกำลังเสี่ยงเบาหวานไม่ว่า
00:08:36 → 00:08:39 จะเป็นน้ำตาลไม่ว่าจะเป็นผงชูรสไม่ว่าจะ
00:08:39 → 00:08:41 เป็นอาหาร process Food ต่างๆไม่ว่าจะ
00:08:41 → 00:08:43 เป็นอะไรก็ตามอ่ะที่มันกระตุ้นอินซูลิน
00:08:43 → 00:08:45 น่ะมันก็จะทำให้เราเสียงเบาหวานคราวนี้
00:08:45 → 00:08:47 มันก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาเนาะสำหรับไม่
00:08:47 → 00:08:50 กระตุ้นอินซูลินไม่ว่าจะเป็นสตีเวียอิธิ
00:08:50 → 00:08:54 อินนูลินหล่อฮ้างกล้วยลูโลสพวกเนี้ยไม่
00:08:54 → 00:08:56 กระตุ้นอินซูลินเขาบอกว่าไม่กระตุ้น
00:08:56 → 00:09:00 อินซูลินค้นขายค่ะซึ่งจากการวิจัยกระตุ้น
00:09:00 → 00:09:03 น้อยกว่าต่างกันนะไม่กระตุ้นกับกระตุ้น
00:09:03 → 00:09:05 น้อยกว่ามันไม่ชัวร์หรอกว่าไม่กระตุ้นแต่
00:09:05 → 00:09:08 มันกระตุ้นน้อยกว่าน้ำตาลแน่ๆดังนั้นใน
00:09:08 → 00:09:10 ช่วงแรกที่ติดหวานอยู่เราเปลี่ยนมาเป็น
00:09:10 → 00:09:12 กลุ่มสารทดแทนความหวานที่ไม่กระตุ้น
00:09:12 → 00:09:14 อินซูลินอย่างนี้ยังพอไหวเพราะะนั้นสิ่ง
00:09:14 → 00:09:16 ที่สำคัญที่สุดคือกินให้น้อยลงให้ได้ความ
00:09:17 → 00:09:19 หวานจากธรรมชาติบางคนความหวานจากธรรมชาติ
00:09:19 → 00:09:22 โอ้น้ำผึ้งอไม่ใช่น้ำผึ้งก็คือน้ำตาลคือ
00:09:22 → 00:09:25 น้ำตาลจากผลไม้คำว่าความหวานจากธรรมชาติ
00:09:25 → 00:09:28 หมายถึงความหวานจากอาหารกลุ่มโปรตีนกลุ่ม
00:09:28 → 00:09:30 เนื้อสัตว์ที่มันมีความหวานซ่อนอยู่กลุ่ม
00:09:30 → 00:09:32 ผักใบเขียวที่มีความหวานซ่อนอยู่ไม่ใช่
00:09:32 → 00:09:34 ความหวานจากน้ำตาลฟรุกโตสเข้มข้นเช่นไม่
00:09:35 → 00:09:36 ว่าจะเป็นเรื่องน้ำผึ้งไม่ว่าจะเป็นน้ำ
00:09:36 → 00:09:39 ผลไม้ที่มันมีความหวานมากจริงๆมัน Easy
00:09:39 → 00:09:41 มากฮะถ้ากินแล้วมันหวานแปลว่าไม่ใช่กิน
00:09:41 → 00:09:45 แล้วหวานหวานเจี๊ยบหวานจังหวานอร่อยเสียง
00:09:45 → 00:09:48 าหวานก็ตามชื่อเบาหวานกินหวานกระตุ้นไม่
00:09:48 → 00:09:51 กระตุ้นอินซูลินขอให้หวานเสี่ยงหมดน้ำ
00:09:51 → 00:09:53 เชื่อมที่เป็นน้ำเชื่อมหญ้าหวานล่ะคะอ่า
00:09:53 → 00:09:55 ก็หญ้าหวานก็คือสตีเวียก็คือกลุ่มไม่
00:09:55 → 00:09:59 กระตุ้นอินซูลินช่วงแรกใช้ได้พยายามลดลง
00:09:59 → 00:10:02 มีคำถามนึงค่ะที่อยากรู้มากๆคือคนที่ชอบ
00:10:02 → 00:10:05 น้ำอัดลมอือติดน้ำอัดลมเขาก็ยังกินอยู่
00:10:05 → 00:10:08 เรื่อยๆเพราะว่าตรวจสุขภาพแล้วนะก็ปกติดี
00:10:08 → 00:10:10 อ่าแล้วก็กินเยอะมากเลยกินแทนน้ำเปล่าเลย
00:10:10 → 00:10:13 อ่ะอย่างนี้เป็นอะไรมั้ยคะเวลาที่เรายัง
00:10:13 → 00:10:16 ไม่เป็นไม่ได้บอกว่าเราจะไม่เป็นคือมัน
00:10:16 → 00:10:19 ชัดเจนว่าสักพักนึงอ่ะจะเป็นคือเมื่อไหร่
00:10:19 → 00:10:22 ก็ตามที่เรามีภาวะดื้ออินซูลินเรื่อยๆสัก
00:10:22 → 00:10:24 พักนึงเราจะเป็นเบาหวานตอนปลายสุดของ
00:10:24 → 00:10:26 ชีวิตอย่างที่บอกครับว่าตอนเราอายุยัง
00:10:26 → 00:10:28 น้อยหรือเราโชคดีมีร่างกายแข็งแรงหรือเรา
00:10:28 → 00:10:30 ยังออกกำลังกายกายบ้างก็ตามหรือใช้ชีวิต
00:10:30 → 00:10:33 ได้ดีในระดับหนึ่งมันก็จะชะลอความเสื่อม
00:10:33 → 00:10:35 หรือว่าการดื้ออินซูลินได้ในระดับหนึ่ง
00:10:35 → 00:10:37 แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราใส่เข้าไปเยอะ
00:10:37 → 00:10:40 ๆใส่เข้าไปเยอะๆแล้วร่างกายเราไปถึงจุด
00:10:40 → 00:10:43 นึงที่มันเริ่มเสื่อมตามวัยเช่นเราเริ่ม
00:10:43 → 00:10:46 เข้าอายุ 40 50 60 ร่างกายเราไม่แข็ง
00:10:46 → 00:10:49 แรงเหมือนเดิมคราวนี้แหละไอ้ที่เราเคยกิน
00:10:49 → 00:10:52 ไปอ่ะมันก็จะมาออกฤทธิ์ตอนนี้แหละแล้ว
00:10:52 → 00:10:55 อย่างที่บอกครับเวลามันมามันมาเต็มเบา
00:10:55 → 00:10:58 หวานความดันไขมันหลอดเลือดแล้วมันกลับยาก
00:10:58 → 00:11:01 อือ่ามาแล้วก็ก็มาเลยตอนนั้นก็ไม่มีใคร
00:11:01 → 00:11:04 ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วยตัวเองแล้วคนที่
00:11:04 → 00:11:07 เป็นสายดื่มร่ะคะสายดื่มสายดริงอย่างเป็น
00:11:07 → 00:11:10 เ่อวัยทำงานออฟฟิศอย่างเงี้ยอต้องมีต้อง
00:11:10 → 00:11:12 มีใช่ต้องมีไปกินเลี้ยงกันแลอะไรอย่าง
00:11:12 → 00:11:15 เงี้ก็เรื่องธรรมดานะครับคือเวลาเราจะดู
00:11:15 → 00:11:17 แลสุขภาพเราก็ต้องอยู่ในสังคมใช่มั้ยเรา
00:11:17 → 00:11:20 ก็ต้องทำงานนะก็ต้องหาข้าวกินถูกต้องมย
00:11:20 → 00:11:21 เออมันก็ต้องไปงานเลี้ยงอะไรก็ว่าไปตาม
00:11:22 → 00:11:24 เรื่องราวสำหรับที่ต้องไปแฮง Out เนี่ย
00:11:24 → 00:11:27 สัปดาห์นึงผมว่า 2 ครั้งนี่คือตึงะ 1
00:11:27 → 00:11:30 ครั้งก็อนุรมณ์ได้กำลังสวยทำให้เรารีแลก
00:11:30 → 00:11:32 ด้วยไม่เครียดมากคราวนี้ต้องเข้าใจว่า
00:11:32 → 00:11:34 เวลาเราไปเ่าดื่มแอลกอฮอล์หรืออะไรเนี่ย
00:11:34 → 00:11:36 มันไม่ใช่แค่ไปดื่มแอลกอฮอล์ 1 เวลาเราไป
00:11:36 → 00:11:39 ดื่มแอลกอฮอลมีกับแก้มกับแก้มส่วนใหญ่จะ
00:11:39 → 00:11:42 เป็นของทอดเป็นของหวานเป็นขนมหรือว่าเป็น
00:11:42 → 00:11:45 อะไรชุบแป้งทอดให้สังเกตนะทุกอย่างจะเป็น
00:11:45 → 00:11:50 แป้งน้ำตาลผ่านความร้อนสูงอืมันจะอร่อย
00:11:50 → 00:11:53 และหยุดไม่อยู่ให้สังเกตว่าเวลาเราไปกิน
00:11:53 → 00:11:55 ของกรอบๆแล้วไปจิ้มอะไรหวานๆแล้วโรยเค็มๆ
00:11:55 → 00:11:59 นิดนึงอ่ะมันจะหยุดไม่อยู่เพราะว่ามัน
00:11:59 → 00:12:01 ดีไซน์มาเพื่อให้เราหยุดไม่อยู่คือ
00:12:01 → 00:12:03 อันเนี้ยมันคือเทคโนโลยีของการสร้างสรรค์
00:12:03 → 00:12:06 อาหารขึ้นมาเพื่อให้เรากินไม่หยุดเพราะ
00:12:06 → 00:12:08 ถ้าเรากินแล้วหยุดเขาก็ขายได้น้อยเขา
00:12:08 → 00:12:11 ดีไซน์มาแล้วครับและแอลกอฮอล์จะทำให้เรา
00:12:11 → 00:12:14 ขาดสติไว้วันหลังก็ได้ลดน้ำหนักอ่ะไว้วัน
00:12:14 → 00:12:16 หลังก็ได้สุขภาพใช่มยอืหลังจากนั้นคือ
00:12:16 → 00:12:19 เวลาเราดื่มฮอยเยอะๆสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:12:19 → 00:12:22 เราก็จะนอนดึกถูกต้องมยอ่าทุกอย่างมันจะ
00:12:22 → 00:12:25 มาเป็นสเต็ปอ่ะถ้าตื่นเร็วเราก็จะง่วงถ้า
00:12:25 → 00:12:28 ตื่นสายเราก็จะตื่นผิดเวลาคือทุกอย่างมัน
00:12:28 → 00:12:32 จะรวนหมดถ้าเราจะเลือกเช่นก่อนไปกินอาหาร
00:12:32 → 00:12:34 ให้อิ่มเราก็ไม่กินจุกจิกเราก็มีลิมิตใน
00:12:34 → 00:12:36 ตัวเรา 2 แก้วบางคนบอก 2 แก้วแล้วเอ้ย
00:12:36 → 00:12:39 แล้วอยู่อีกนาูก็กินน้ำโซดาเปล่าๆดิน้ำ
00:12:39 → 00:12:42 โซดาดีใช่มอ่ากินได้โซดาเวลาผมไปเนี่ย
00:12:42 → 00:12:44 สมมุติมีงานเลี้ยงผมก็อาจจะดื่มแอลกอฮอล์
00:12:44 → 00:12:47 1 แก้วต้องมีน้ำเติมไปอีก 1 แก้วเพื่อทำ
00:12:47 → 00:12:49 ให้แบบเราขับสารต่างๆออกได้ดีถ้าเราอยาก
00:12:49 → 00:12:51 จะแบบดื่มได้ตอเราก็กินโซดาเปล่าๆบีบ
00:12:51 → 00:12:54 มะนาวนิดหน่อยมันก็เหมือนแล้วแค่มันไม่
00:12:54 → 00:12:56 เมาเราก็จะกินเพื่อเมาทำไมบางคนบอกออไป
00:12:56 → 00:12:58 กินที่งานแต่สุดท้ายคือจะกินเอาเมาเงี้
00:12:58 → 00:13:00 มันก็กินเอามาแล้วจะมีสุขภาพดีอ๋อเป็นไป
00:13:00 → 00:13:03 ไม่ได้ Impossible มาที่อีกอย่างนึงค่ะ
00:13:03 → 00:13:06 ที่หนูว่าเป็นเทรนด์หรือว่าเป็นค่านิยม
00:13:06 → 00:13:09 ใหม่เลยก็ได้นะการกินบุฟเฟ่ต์อ่าทุกวัน
00:13:09 → 00:13:12 นี้มีโปรออกมาแทบจะทุกร้านหากินง่ายมากใน
00:13:12 → 00:13:15 ประเทศไทยแล้วสายที่ติดกินบุฟเฟ่ต์กิน
00:13:15 → 00:13:17 ต้องเอาจนคุ้มเนี่ยค่ะมีความอันตรายยังไง
00:13:17 → 00:13:20 บ้างอจริงๆเนี่ยบุฟเฟ่ต์เนี่ยเป็นอาหารลด
00:13:20 → 00:13:24 น้ำหนักนะอืแต่สำหรับคนที่มีความรู้นะการ
00:13:24 → 00:13:26 ที่เราเดินเข้าไปในร้านบุฟเฟ่ต์เนี่ยเ้า
00:13:26 → 00:13:28 ไม่ได้บังคับให้เรากินอะไรเลยนะมันอยู่
00:13:28 → 00:13:31 ที่สติกับสมองของเรามีแค่นี้แหละถ้าเรา
00:13:31 → 00:13:33 ฉลาดพอที่จะเลือกของในบุฟเฟ่ต์กินเป็น
00:13:33 → 00:13:36 ลำดับได้ถูกต้องอ่ะเราจะผอมแล้วเราจะมี
00:13:36 → 00:13:40 ความสุขมากเพราะอะไร 1 คืออาหารหลากหลาย 2
00:13:40 → 00:13:43 คือเลือกได้ตามใจชอบอิ่มก็เลิกแต่ปัญหา
00:13:43 → 00:13:46 ของเราคืออะไรกินบุฟเฟ่จะเอาคุ้มทำไมเวลา
00:13:46 → 00:13:48 ไปกินบุฟเฟ่ต์ต้องเอาคุ้มไม่เห็นมีเหตุผล
00:13:48 → 00:13:50 เลยเราไปกินกินข้าวเพื่ออะไรฮะอิ่มอร่อย
00:13:50 → 00:13:53 คุ้มนี่ใครได้อะไรมันเป็นจิตใต้สำนึกว่า
00:13:53 → 00:13:55 แบบเราพยายามที่จะไม่ยอมขาดทุนอะไรกับโลก
00:13:55 → 00:13:57 ใบนี้เราพยายามที่จะเอาทุกสิ่งมาเป็นของ
00:13:57 → 00:14:00 เรานี่คือนิสัยของมนุษย์ในปัจจุบันว่าแบบ
00:14:00 → 00:14:02 ต้องคุ้มต้องได้ต้องเยอะมันเป็นสิ่งที่
00:14:02 → 00:14:05 ไม่ถูกต้องยูไปกินข้าวเพื่ออิ่มแฮปปี้มี
00:14:05 → 00:14:08 ความสุขได้สารอาหารจบก็พอและอย่างที่ผม
00:14:08 → 00:14:10 เคยบอกไปถ้าเราเลือกสเต็ปอาหารถูกต้องทุก
00:14:10 → 00:14:13 อย่างง่ายเริ่มต้นด้วยน้ำ 1 แก้วสลัดผัก
00:14:13 → 00:14:15 ชามใหญ่ๆสดครึ่งสุกครึ่งก็ได้แล้วแต่ไป
00:14:15 → 00:14:17 บุฟเฟ่ต์นนี่ตักเท่าไหร่ก็ได้น้ำสลัดอย่า
00:14:17 → 00:14:20 เอาราดเอาเป็นจิ้มจะได้ปลอดภัยนะครับแบบ
00:14:20 → 00:14:22 เนี้ยเพราะว่าเวลาเราราดเนี่ยบางทีมันฉ่ำ
00:14:22 → 00:14:24 เลยนะอกินเข้าไปหวานเจี๊ยบเลยแต่เวลาเรา
00:14:24 → 00:14:27 จิ้มอย่าเงี้ยจะปลอดภัยมากกว่ามันจิ้มที
00:14:27 → 00:14:29 ละนิดจิ้มทีละหน่อยหรือบางคนถ้าอยากลดน้ำ
00:14:29 → 00:14:31 หนักมากๆเนี่ยเราไม่เอาน้ำสลัดแต่ว่าเรา
00:14:31 → 00:14:34 ใช้ผลไม้สดลงไปไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตระกูล
00:14:34 → 00:14:36 เบอร์รี่หรืออะไรก็ตามเนี่ยในบุฟเฟ่ต์มัน
00:14:36 → 00:14:38 มีอยู่แล้วส่วนใหญ่เสร็จแล้วเราเลือกกิน
00:14:38 → 00:14:40 โปรตีนโปรตีนเนี่ยเนื้อสัตว์เยอะแยะกินไป
00:14:41 → 00:14:43 ดิเนื้อสัตว์ติดมันก็กินได้บางคนบอกโห
00:14:43 → 00:14:45 กลัวเนื้อสัตว์ติดมันผมบอกโอ้โหความรู้
00:14:45 → 00:14:47 เข้าไปถึงไหนแล้วโรคใบนี้เนื้อสัตว์ติด
00:14:47 → 00:14:49 มันเนี่ยคือโปรตีนธรรมชาติบวกไขมัน
00:14:49 → 00:14:51 ธรรมชาติกระตุ้นอินซูลินน้อยกว่าโปรตีน
00:14:51 → 00:14:54 เพียวๆโปรตีนเพียวๆคือเนื้อสัตว์เช่นอก
00:14:54 → 00:14:57 ไก่เทียบกับน่องไก่ติดมันเนี่ยน่องไก่ติด
00:14:57 → 00:14:59 มันกระตุ้นอินซูลินน้อยกว่าแปลว่าพาภาวะ
00:14:59 → 00:15:01 ดื้ออินซูลินน้อยกว่าฮะตรงไปตรงมาค่ะแต่
00:15:01 → 00:15:04 คนส่วนใหญ่จะแบบไปยึดติดกับว่าไข่แดงไม่
00:15:04 → 00:15:08 ดีเนื้อสัตว์ติดมันไม่ดีหนังไม่ดีหนังไก่
00:15:08 → 00:15:11 ดีมก็อยู่ที่วิธีปรุงถ้าหนังไก่เราเป็น
00:15:11 → 00:15:14 หนังไก่อบไม่ได้ใส่น้ำตาลไม่ได้อะไรหรือ
00:15:14 → 00:15:16 ทอดด้วยหม้ออบลมร้อนใช้ตัวหนังไก่ทอดตัว
00:15:16 → 00:15:18 เองอย่างงี้ดีเป็นไขมันธรรมชาติแต่ถ้าบอก
00:15:18 → 00:15:22 ว่าเป็นหนังไก่ทอดในน้ำมันพืชร้อนๆความ
00:15:22 → 00:15:25 ร้อนสูงอย่างนี้ไม่ดีสารเกิดการอักเสบสูง
00:15:25 → 00:15:26 หรือว่าชุบแป้งทอดอย่างนี้ไม่ดีเพราะว่า
00:15:27 → 00:15:29 แป้งบวกไขมันเจอกันปุ๊บทำให้ร่างกายจุด
00:15:29 → 00:15:31 การเผาผลาทั้งไขมันและพลังงานเพราะฉะนั้น
00:15:31 → 00:15:33 เนี่ยเวลาเราเลือกบุฟเฟต์ได้ถูกต้องเนี่ย
00:15:33 → 00:15:35 มันจะกลายเป็นสิ่งที่ลดน้ำหนักได้ดีที่
00:15:35 → 00:15:38 สุดเพราะเราสามารถที่จะกินโปรตีนชั้นดีไข
00:15:38 → 00:15:40 มันชั้นดีได้ปัญหาของคนที่กินบุฟเฟ่ต์
00:15:40 → 00:15:43 แล้วอ้วนคือบุฟเฟ่ต์น้ำบุฟเฟ่ต์น้ำหวาน
00:15:43 → 00:15:46 บุฟเฟ่ต์แอลกอฮอล์กินขนมต้องคุ้มอิ่มแล้ว
00:15:46 → 00:15:49 ก็ต้องจับยัดเข้าไปเพื่อความคุ้มไม่รู้
00:15:49 → 00:15:51 คุ้มอะไรคุ้มอีกทีไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
00:15:51 → 00:15:54 อันนี้ก็คือเราคุยกันถึงแบบว่าพฤติกรรม
00:15:54 → 00:15:56 การใช้ชีวิตที่อาจจะทำให้เราเป็นโรคอ้วน
00:15:56 → 00:15:58 ซึ่งก็เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานอ่าแน่นอน
00:15:58 → 00:16:01 หนูอยากถามต่อว่าแล้วคนที่มีรูปร่างผอม
00:16:01 → 00:16:04 ล่ะคะเค้ามีโอกาสเป็นเบาหวานมั้ยคะเป็น
00:16:04 → 00:16:07 ได้ครับไม่เกี่ยวเลยอือคือคำว่าผอมกับ
00:16:07 → 00:16:09 สุขภาพดีก็ไม่เหมือนกันนะคือเคยเห็นแบบ
00:16:09 → 00:16:13 พุงที่ป่องกลมๆมั้ยฮะค่ะแต่ว่าตัวผอม
00:16:13 → 00:16:15 กล้ามเนื้อน้อยพวกเเสียงโลกมากกว่าคนที่
00:16:15 → 00:16:17 ตัวอ้วนใหญ่ๆคือไขมันเนี่ยมีอยู่ 3 ที่
00:16:17 → 00:16:20 หลักๆอันดับแรกก็คือที่รอบเอวของเราอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 นี่เขาเรียก suban ทิชชูคือไขมันที่อยู่
00:16:22 → 00:16:25 รอบนอกตัวเด้งไปเด้งมาดึ๋ดังดึ๋ดังเเรียก
00:16:25 → 00:16:28 ว่าเราไม่อยากมีอยากเอามันออกไปไขมันอีก
00:16:28 → 00:16:30 ที่นึงอยู่ในช่องท้องก็คือเกาะอยู่ที่ตับ
00:16:30 → 00:16:33 เกาะอยู่ตามอ่ากระเพาะเกาะอยู่ตามลำไส้
00:16:33 → 00:16:36 ใหญ่ลำไส้เล็กล่องรอยอยู่ในช่องท้องของ
00:16:36 → 00:16:39 เราพวกเนี้ยเขาเรียกว่า inra abdominal
00:16:39 → 00:16:42 Fat นะซึ่งปัญหาของพวกนี้คือเวลาเราพบ
00:16:42 → 00:16:45 พวกนี้เยอะๆในช่องท้องเนี่ยพบว่ามีความ
00:16:45 → 00:16:47 เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังหลายๆโรคและร่างกาย
00:16:47 → 00:16:49 เกิดการอักเสบได้บ่อยคือง่ายๆว่าตายเร็ว
00:16:49 → 00:16:52 อ่ะเป็นไขมันแบบตายเร็วที่เห็นเป็นพุง
00:16:52 → 00:16:55 ป่องๆอย่างเงี้ยตายเร็วทั้งๆที่ตัวผอมนะ
00:16:55 → 00:16:59 ตัวผอมพุงป่องเงี้ยอันตรายและไขมันอีกที่
00:16:59 → 00:17:00 1 ไขมันในหลอดเลือดไม่ว่าจะเป็นหลอด
00:17:00 → 00:17:02 เลือดหัวใจหลอดเลือดขาหลอดเลือดไตก็ทำให้
00:17:02 → 00:17:05 ไตหวายเหลือหลังอือเพราะนั้นไม่ได้บอกว่า
00:17:05 → 00:17:08 คนผอมจะไม่เป็นเบาหวานคนผอมก็มีภาวะด้วย
00:17:08 → 00:17:10 อินซูลินคือเมื่อไหร่ก็ตามที่เราผอมเกิน
00:17:10 → 00:17:12 ไปไม่มีกล้ามเนื้อเลยก็หมายความว่าพอเรา
00:17:12 → 00:17:15 ไม่มีกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อเนี่ยเขาใช้เผา
00:17:15 → 00:17:18 ผลาน้ำตาลเผาผลาญพลังงานในร่างกายของเรา
00:17:18 → 00:17:20 เมื่อไหร่กล้ามเนื้อเราฟีบพวกเนี้ยน้ำตาล
00:17:20 → 00:17:23 ในเลือดเราเนี่ยจะโดนเผาผลาญได้น้อยการ
00:17:23 → 00:17:25 ดึงไขมันมาใช้ก็น้อยเพราะฉะนั้นเราอาจจะ
00:17:25 → 00:17:28 มีไขมันสะสมในช่องท้องไขมันสะสมในหลอด
00:17:28 → 00:17:30 เลือดน้ำตาลในหลอดเลือดที่พุ่งมากขึ้น
00:17:30 → 00:17:32 เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อเราน้อยเกินไปนั่น
00:17:32 → 00:17:35 เองอันนี้คือรูปร่างผอมไปและกลับมาโฟกัส
00:17:35 → 00:17:37 คนที่อยากลดน้ำหนักค่ะอาฮะคนที่เขารู้สึก
00:17:37 → 00:17:40 ว่าฟังแล้วกลัวกลัวจะเป็นเบาหวานในอนาคต
00:17:40 → 00:17:42 แล้วตอนนี้ก็อาจจะมีรูปร่างที่ว่าควรจะลด
00:17:42 → 00:17:45 น้ำหนักและแล้วหันไปพึ่งยาลดน้ำหนักหรือ
00:17:45 → 00:17:47 ว่าจะเป็นอาหารเสริมลดน้ำหนักค่ะเหล่า
00:17:47 → 00:17:49 เนี้ยจริงๆแล้วมันช่วยลดน้ำหนักได้จริง
00:17:49 → 00:17:51 มั้ยคะเรื่องของอาหารลดน้ำหนักกับยาลดน้ำ
00:17:51 → 00:17:54 หนักเนี่ยมันมันก็จะมีรายละเอียดเยอะนะยา
00:17:54 → 00:17:55 กับอาหารเสริมจะแยกกันมันไม่เหมือนกันนะ
00:17:55 → 00:17:58 ครับยานี่คือยาจริงๆไม่ว่าจะเป็นยาฉีด
00:17:58 → 00:18:01 เดี๋ยวนี้ฮิตนะเป็นปากกาฉีดๆๆๆๆเข้าไปอ่ะ
00:18:01 → 00:18:04 อาทิตย์นึงฉีดครั้งนึงกินอาหาร 3 คำอิ่ม
00:18:04 → 00:18:07 กดสมองกันไปเลยถามว่าดีมยในปัจจุบันก็มี
00:18:07 → 00:18:09 การวิจัยบอกว่าลดน้ำหนักได้จริงแต่เราก็
00:18:09 → 00:18:11 ไม่รู้หรอกว่าแล้วหยุดใช้แล้วเป็นไงกลับ
00:18:11 → 00:18:13 มากินอีกแล้วเราจะฉีดยาไปตลอดชีวิตหแล้ว
00:18:13 → 00:18:16 สักพักคือเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินไม่ถูก
00:18:16 → 00:18:18 ต้องตั้งแต่แรกคือนับแต่แคลอรี่อ่ะระบบ
00:18:18 → 00:18:21 เผ่าผลเราจะไม่ค่อยดีเราจะไม่เข้าใจวิธี
00:18:21 → 00:18:23 การกินพอเราเลิกใช้ยาเราจะกลับมาก้วนอีก
00:18:23 → 00:18:25 คราวนี้เรื่องอาหารเสริมอาหารเสริมก็มี
00:18:25 → 00:18:27 หลายแบบเช่นอาหารเสริมที่กระตุ้นระบบเผา
00:18:27 → 00:18:30 ผลาญอย่างที่ผมบอกเนาะอาหารที่กินแล้วขับ
00:18:30 → 00:18:32 ถ่ายเยอะบางทีมันก็กลายเป็นว่าระบบขับ
00:18:32 → 00:18:35 ถ่ายเราเจ๊งกระบงไปอีกใช่มั้ยหรือพวก
00:18:35 → 00:18:38 อาหารเสริมที่บอกชงทานแทนมื้ออาหารเนี่ย
00:18:38 → 00:18:41 ฮิตฮิตยังอ่ะเนี่ยโปรตีนเสริมต้องระวัง
00:18:41 → 00:18:43 โดยเฉพาะหวานๆใส่สารทดแทนความหวานอย่าง
00:18:43 → 00:18:46 ที่ผมบอกถ้าเรากินมากๆ 1 ติดหวาน 2 คือ
00:18:46 → 00:18:49 กระตุ้นอินซูลินก็เสี่ยงเบาหวานในอนาคต
00:18:49 → 00:18:52 แล้วก็ถามว่าราคามันถูกหรอไอ้ผงชงทั้ง
00:18:52 → 00:18:55 หลายเนี่ยที่ลดน้ำหนักเนี่ยผมว่าแพงกว่า
00:18:55 → 00:18:57 ปลาแซลมอนทั้งชิ้นอีกนะบางทีอ่ะก็ต้อง
00:18:57 → 00:18:59 ระมัดระวังเนาะบางทีเราชอบไปบอกว่าอาหาร
00:18:59 → 00:19:01 ธรรมชาติแพงแต่เราพอซื้ออาหารเสริมแล้ว
00:19:01 → 00:19:03 ถูกจังต้องใช้ความรู้ครับเรื่องพวกนี้ใช้
00:19:03 → 00:19:06 ความรู้แล้วชีวิตจะดีไม่ใช้ความรู้ก็จะ
00:19:06 → 00:19:09 เสียเงินโดยใช่เหตุอือ่าแล้วก็เสียสุขภาพ
00:19:09 → 00:19:11 โดยง่ายเพราะว่าทุกวันนี้เนี่ยมีสื่อให้
00:19:11 → 00:19:14 เราเห็นให้เรารับรู้เยอะมากๆเราก็ต้องคัด
00:19:14 → 00:19:17 กรองให้เป็นว่าสื่อที่เรารับมามันจริงมย
00:19:17 → 00:19:20 เชื่อได้ขนาดไหนคือต้องบอกงี้ว่าสื่อ
00:19:20 → 00:19:22 เนี่ยสุดท้ายเนี่ยสิ่งที่ผมพูดในวันเนี้ย
00:19:22 → 00:19:24 สำหรับผมนาทีนี้ที่ผมพูดเนี่ยผมมั่นใจว่า
00:19:24 → 00:19:26 มันสำหรับผมนะมันถูกต้องซึ่งก็อาจจะมี
00:19:26 → 00:19:29 หลายคนแย้งก็คนแย้งก็แย้งไปอ่าแต่ว่าคน
00:19:30 → 00:19:32 ที่ทำตามผมแล้วชีวิตดีมันมันเป็นพันเป็น
00:19:32 → 00:19:34 หมื่นเป็นแสนเป็นล้านคนน่ะมันพิสูจน์ด้วย
00:19:34 → 00:19:36 คนปริมาณมหาศาลน่ะเราก็ไม่ต้องเอาคำพูดมา
00:19:36 → 00:19:39 พูดอะไรมากสื่อที่สำคัญแล้วเนี่ยสำหรับผม
00:19:39 → 00:19:41 วันนี้มันถูกต้องแต่ถ้าเกิดอีกครึ่งปีอีก
00:19:42 → 00:19:44 ปีนึงอีก 3 ปีอีก 5 ปีมันมีการวิจัยใหม่
00:19:44 → 00:19:46 มาทุกอย่างมันก็อัปเดตไปตามนั้นครับเราจะ
00:19:46 → 00:19:49 ไม่สามารถไปบอกว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอ้าว
00:19:49 → 00:19:52 ย้อนมาคุณหมอท็อปพูดผิดอย่างที่ผมบอกอ่ะ
00:19:52 → 00:19:55 วันนี้สำหรับผมมันถูกในวันนี้อีก 10 ปี
00:19:55 → 00:19:57 ไม่รู้เหมือนเมื่อแต่ก่อนทุกคนเชื่อว่า
00:19:58 → 00:20:01 โลกแบนก็ไม่มีใครผิดจริงนะก็ตอนนั้นเขา
00:20:01 → 00:20:03 โลกแบรนดน่ะมันไม่มีใครออกไปนอกโลกมามอง
00:20:03 → 00:20:06 โลกกลมนี่วันนี้โลกมันกลมทุกคนก็เชื่อว่า
00:20:06 → 00:20:08 โลกกลมแต่เราก็ไม่สามารถไปบอกว่าไอ้คนที่
00:20:08 → 00:20:10 เขาอยู่โลกแบรนด์ตอนนั้นเนี่ยมันมันผิด
00:20:10 → 00:20:13 พลาดมันก็เรื่องปกติแต่วันนี้สำหรับผมคือ
00:20:13 → 00:20:17 การลดแป้งงดน้ำตาลทำ If มันทำให้ชีวิตคน
00:20:17 → 00:20:20 ดีขึ้นจริงๆคือความรู้แบบเนี้ยมันไม่ใช่
00:20:20 → 00:20:23 มีแค่ประเทศไทยครับที่เมืองนอกเนี่ยเขามี
00:20:23 → 00:20:25 สมาคมกินพวกเนี้ยมาเป็น 10 ๆปีแล้ว
00:20:25 → 00:20:27 หนังสือ new york Time Best Seller
00:20:27 → 00:20:30 มันมีเยอะแยะเพียงแต่ว่าว่าพวกเรายังไม่
00:20:30 → 00:20:33 ได้แบบเค้าเรียกว่าเปิดใจไปดูว่าโลกใบนี้
00:20:33 → 00:20:35 เขาเป็นยังไงถ้าเกิดเราเห็นว่าโลกใบนี้
00:20:35 → 00:20:38 เขาเป็นยังไงจิตใจแล้วก็ความรู้ที่ถูก
00:20:38 → 00:20:40 ต้องจริงๆเนี่ยโดยไม่มีใบแอดเนี่ยเราจะ
00:20:40 → 00:20:43 รู้ว่าเฮ้ยโลกมันพัฒนาไปเยอะมากแล้วแล้ว
00:20:43 → 00:20:45 บางอย่างเนี่ยสมมุติว่าสำหรับการทำ If
00:20:45 → 00:20:48 เนี่ยเนาะถ้าเราจะวิจัยว่าเอ้ยมันจะดีกับ
00:20:48 → 00:20:50 ชีวิตเรามยเนี่ยน่าจะต้องรออีก 30 ปีครับ
00:20:50 → 00:20:54 ถึงจะมีการวิจัยออกมาบางส่วนคอนเฟิร์มได้
00:20:54 → 00:20:57 แน่นอน 100% ว่า If นี่ดีมากแต่ผมไม่รอ 30
00:20:57 → 00:20:59 ปีหรอกคือถ้าเรามามารอวิจัยอีก 30 ปีว่า
00:20:59 → 00:21:03 จะดีเราอาจจะตายไปแล้วก็ได้ฮะก็ไม่รู้สิ
00:21:03 → 00:21:05 เนาะอะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:21:05 → 00:21:08 สำคัญคือเราดูซิว่าเราย้อนเรียนไปในอดีต
00:21:08 → 00:21:12 ว่าคนที่มีสุขภาพดีเามีวิถีชีวิตยังไงเรา
00:21:12 → 00:21:16 ก็ Copy and Apply ใช้ได้กับชีวิตเรา
00:21:16 → 00:21:18 นั่นเองสุดท้ายค่ะคุณหมอถ้าใครที่กำลัง
00:21:18 → 00:21:21 อยู่ใน process ของการลดน้ำหนักหรือดูแล
00:21:21 → 00:21:24 รูปร่างแล้วคือการทำตรงเนี้ยมันใช้กำลัง
00:21:24 → 00:21:27 ใจเยอะเบางคนอาจจะทำจนท้อเลยอ่ะเออเพราะ
00:21:27 → 00:21:30 ว่ามันสวนทางกับวิถีชีวิตเอาจจะทุกข์มาก
00:21:30 → 00:21:33 กว่าสุขด้วยซ้ำคุณหมอมีวิธีการที่จะแนะนำ
00:21:33 → 00:21:35 ในการสร้างกำลังใจยังไงดีคะอันดับแรก
00:21:35 → 00:21:37 เนี่ยเราต้องนึกภาพให้ออกคือถ้าเกิดเรา
00:21:37 → 00:21:39 ตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักอย่างนี้นะฉันจะ
00:21:39 → 00:21:42 ลด 10 กลใน 3 เดือนผมใช้คำนี้นะโคตร
00:21:42 → 00:21:44 กระจอกเลยไม่ใช่กระจอกที่ลด 10 กลนะ
00:21:44 → 00:21:46 กระจอกที่การตั้งเป้าหมายคือไม่ได้ดูถูก
00:21:46 → 00:21:49 ไม่ได้อะไรเลยแต่ความหมายคือ 10 กลแล้วไง
00:21:49 → 00:21:51 ต่อแต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าฉันจะหุ่นดี
00:21:51 → 00:21:54 สุขภาพดีตลอดชีวิตฉันจะสุขภาพดีเพื่อคน
00:21:54 → 00:21:56 ที่ฉันรักมันมีความสรองมากกว่าคือไม่ได้
00:21:56 → 00:21:59 บอกว่า 10 กลใน 3 เดือนมันไม่ดีแต่มันไม่
00:21:59 → 00:22:03 สรองพอที่จะทำให้เรารู้สึกอยากทำอ่ะคือ
00:22:03 → 00:22:05 มันเป็นตัวเลข 10 กลแล้วช่างน้ำหนักแล้ว
00:22:05 → 00:22:09 ไงอแต่ถ้าเกิดบอกว่า 10 กลเนี้ยมันจะ
00:22:09 → 00:22:11 เปลี่ยนชีวิตของเรา 10 กลเนี้ยมันจะทำให้
00:22:11 → 00:22:15 อายุเรายืน 10 ปี 10 กลนี้มันจะทำให้ลูก
00:22:15 → 00:22:18 หลานเรามีความสุขแล้วเขาไม่ต้องเอาเงิน
00:22:18 → 00:22:21 ทั้งชีวิตมาดูแลเรา 10 กลนี้จะทำให้เรา
00:22:21 → 00:22:24 ตอนมีอายุ 70 80 90 หรือ 100 นึงเดิน
00:22:24 → 00:22:28 เหินแล้วจากโลกนี้ไปอย่างสง่างาม 10 กล
00:22:28 → 00:22:31 นี้จะทำทำให้เราไม่เป็นอัมพาตไม่มีหลอด
00:22:31 → 00:22:34 เลือดสมองตีบไม่เป็นเบาหวานไม่ต้องไปโรง
00:22:34 → 00:22:37 พยาบาลทุกเดือนมันจะเข้มแข็งมากกว่าการ
00:22:37 → 00:22:39 ตั้งเป้าแค่ตัวเลขแต่ถ้าสำหรับคนที่ยัง
00:22:39 → 00:22:41 อ่าอยู่ในวัยทำงานเราลองคิดว่าถ้าเราหุ่น
00:22:41 → 00:22:44 ดีสุขภาพดีบุคคลิกภาพดีเนี่ยเราจะมีโอกาส
00:22:44 → 00:22:47 ในการทำงานมากกว่าอยู่แล้วผมใช้คำนี้ฮะ
00:22:47 → 00:22:49 มันไม่มีทางหรอกถ้าเราเท่ากันหมดเลยทุก
00:22:49 → 00:22:52 อย่างนะฉลาดเท่ากันทุกอย่างเท่ากันหมดคน
00:22:52 → 00:22:55 นึงบุคลิกภาพดีหุ่นดีสุขภาพดีสะอาดแต่ง
00:22:55 → 00:22:58 ตัวเรียบร้อยคือดูดีไปหมดเลยอีกคนนึงก็
00:22:59 → 00:23:01 เก่งเท่ากันหมดเลยแต่ทุกอย่างไม่ดีเลยคิด
00:23:01 → 00:23:03 ว่า 2 คนเนี้ยให้คิดเอาเองไม่ต้องบอกอ่ะ
00:23:03 → 00:23:05 ชีวิตใครในอนาคตมันจะเจริญกว่ากันมันก็
00:23:05 → 00:23:07 ตรงไปตรงมาฮะถ้าเรายังอยู่ในช่วงทำงานเรา
00:23:07 → 00:23:09 ลองคิดแค่นี้ก็ได้ว่าถ้าเราอยากประสบความ
00:23:09 → 00:23:12 สำเร็จในชีวิตอ่ะการที่เรามีสุขภาพดี
00:23:12 → 00:23:16 บุคลิกภาพดีมันทำให้เราสำเร็จง่ายกว่า
00:23:16 → 00:23:19 เดิมมากๆมันอาจจะไม่ใช่อันหลักอ่ะแต่มัน
00:23:19 → 00:23:21 เป็นส่วนเสริมที่แข็งแรงมากๆแล้วมันจะทำ
00:23:21 → 00:23:23 ให้ชีวิตการทำงานของท่านเป็นชีวิตที่ดี
00:23:23 → 00:23:26 มากๆแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านสุขภาพดี
00:23:26 → 00:23:29 ท่านมองกระจกทุกเช้าแล้วท่านรู้รู้สึกดี
00:23:29 → 00:23:31 ท่านจะภาคภูมิใจในตัวเองคนที่สำเร็จใน
00:23:32 → 00:23:35 ชีวิตแทบทุกคนที่ผมรู้จักไม่มีใครที่ไม่
00:23:35 → 00:23:37 ภาคภูมิใจในตัวเองถ้าเรายังไม่รู้จักความ
00:23:37 → 00:23:40 ภาคภูมิใจในตัวเองไม่รู้สึกดีกับร่างกาย
00:23:40 → 00:23:43 ที่เราดูแลตัวเองมันต่างกับหลอกตัวเองนะ
00:23:43 → 00:23:45 เช่นฉันรักตัวเองจังเลยแต่ว่าแบบร่างกาย
00:23:45 → 00:23:48 แย่มากอย่างนี้เขาเรียกหลอกตัวเองเราต้อง
00:23:48 → 00:23:51 รู้สึกดีกับตัวเองที่เราทำสิ่งดีๆให้กับ
00:23:51 → 00:23:54 ชีวิตเราแบบเนี้ยชีวิตมันจะดีอย่างที่บอก
00:23:54 → 00:23:56 คือสุดท้ายแล้วเนี่ยถ้าเรารักตัวเองอ่ะ
00:23:56 → 00:23:59 จริงๆแล้วอ่ะเราจะทำแลสิ่งที่สำคัญที่สุด
00:23:59 → 00:24:00 คือเราควรจะรักตัวเองฮะเพราะถ้าเราไม่รัก
00:24:00 → 00:24:02 ตัวเองใครมันจะมานั่งรักเรามันก็ไม่ใช่
00:24:02 → 00:24:06 เรื่องแล้วนะเออก็เรื่องปกติใช่โอวันนี้
00:24:06 → 00:24:08 ได้อะไรดีๆเยอะเลยค่ะได้เข้าใจแล้วก็หนู
00:24:08 → 00:24:11 ว่าเราได้คุยกันเรื่องโรคเบาหวานแล้วก็
00:24:11 → 00:24:13 เห็นว่ามันอันตรายมากเพราะว่าเบาหวาน
00:24:13 → 00:24:16 เนี่ยมันเป็นประตูไปสู่โลกอื่นๆอีกมากมาย
00:24:16 → 00:24:18 ความเสี่ยงของมันก็คือโรคอ้วนหรือ
00:24:18 → 00:24:20 พฤติกรรมการกินอาหารของเรานี่แหละบางคน
00:24:20 → 00:24:22 อย่าดูแค่รูปร่างเนาะเพราะว่าคนผอมก็มี
00:24:22 → 00:24:24 โอกาสเป็นเบาหวานได้เหมือนกันอ่าเราก็
00:24:24 → 00:24:26 ต้องกลับมาปรับพฤติกรรมกิจวัตรของเราให้
00:24:26 → 00:24:28 มันดีตามที่คุณหมอแนะนำแล้วก็อย่างที่คุณ
00:24:28 → 00:24:31 หมอบอกเลยสุดท้ายแล้วถามว่าสุขภาพสำคัญ
00:24:31 → 00:24:33 ยังไงไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหนก็ตามสุขภาพ
00:24:33 → 00:24:36 คือฐานของพีระมิดอ่าที่มันจะทำให้เรา
00:24:36 → 00:24:38 สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้แล้วก็ทำในสิ่ง
00:24:38 → 00:24:40 อื่นๆได้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นอัน
00:24:40 → 00:24:42 นี้ก็คือสิ่งที่หนูฟังแล้วหนูได้ในวันนี้
00:24:42 → 00:24:44 นะคะขอบคุณคุณหมอมากๆแล้วก็ทุกคนนะคะที่
00:24:44 → 00:24:46 กำลังดูอยู่เนาะใครที่แบบฟังแล้วก็อุ๊ย
00:24:46 → 00:24:48 ประทับใจตรงไหนหรือว่าอยากจะขอบคุณคุณหมอ
00:24:48 → 00:24:50 นะคะสามารถเขียนคอมเมนต์เข้ามาบอกให้เรา
00:24:51 → 00:24:53 รู้ได้นะคะรวมถึงมีคำถามอะไรอยากฝากถามนะ
00:24:53 → 00:24:55 คะคอมเมนต์เอาไว้ได้เลยเนาะแล้วก็อย่าลืม
00:24:55 → 00:24:57 กดไลก์กดแชร์กด Subscribe เป็นกำลังใจให้
00:24:57 → 00:24:59 ทีมงานด้วยนะคะสำหรับวันนี้ก็ต้องขอ
00:24:59 → 00:25:02 ขอบคุณคุณหมออท็อปมากๆเลยค่ะขอบคุณค่ะ
00:25:02 → 00:25:23 [เพลง]