00:00:00 → 00:00:03 ตัวคุณชมเองอยากอยู่ถึง 100 ปีมอยากจะไม่
00:00:03 → 00:00:07 ตายมจริงๆชมอ่ะเอา 120 เลยทำไมถึงอยาก
00:00:07 → 00:00:12 อยู่ถึง 120 อ่ะค่ะก็รู้สึกว่าเราเจอว่า
00:00:12 → 00:00:15 การสุมบุหรี่ทำให้ทุกอวัยวะในร่างกายแก่
00:00:15 → 00:00:19 ขึ้นหมดเลยคนชอบถามว่าทำยังไงพี่ถึงจะไม่
00:00:19 → 00:00:22 แก่แล้วก็ทำยังไงถึงจะสวยไปเรื่อยๆคุณหมอ
00:00:22 → 00:00:25 เชื่อไหมว่ามี Magic pel ฟ้าเชื่อเฮ้ย
00:00:25 → 00:00:28 จริงหรอการตรวจสภาพผิวทำนายความเสี่ยง
00:00:28 → 00:00:31 เป็นอัลไซเมอร์ได้เหรอคใช่ๆอันนี้ลืมเล่า
00:00:31 → 00:00:33 เลยถ้าเกิดว่าคะแนนมันอยู่ในเกณฑ์ที่เป็น
00:00:33 → 00:00:35 อัลไซเมอร์เขาก็ไปดูว่าคุณภาพผิวเป็นยัง
00:00:35 → 00:00:38 ไงบ้างเขาก็เจอว่าในกลุ่มคนที่คะแนนออกมา
00:00:38 → 00:00:39 แล้วมีความเสี่ยงว่าน่าจะเป็นอัลไซเมอร์
00:00:39 → 00:00:42 เนี่ยผิวเนี่ยมักจะจริงหรอค่ะแล้วก็อีก
00:00:42 → 00:00:45 อันนึงที่น่าสนใจก็คือเราพบว่าคุณภาพผิว
00:00:45 → 00:00:48 อ่ะมันคุยกับกระดูกเราด้วยหาทำจริงๆเนาะ
00:00:48 → 00:00:50 หาทำเนอะนัก
00:00:50 → 00:00:53 วิทยาศาสตร on the way ชม EP นี้หมอฟ้า
00:00:53 → 00:00:56 แพทย์หญิงวันวิพุธสรรพสิทธิ์วงศ์แพทย์ผู้
00:00:56 → 00:00:58 ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกันและ
00:00:58 → 00:01:01 เวชศาสตร์วิถีชีวิตที่เชื่อว่าสุขภาพดี
00:01:01 → 00:01:04 สร้างได้จะมาไขความลับของการมีชีวิตยืน
00:01:04 → 00:01:07 ยาวและแข็งแรงเพราะอายุจริงไม่สำคัญเท่า
00:01:07 → 00:01:11 กับอายุร่าง
00:01:11 → 00:01:15 กายทุกๆคนนะคะชมเชื่อว่าไม่มีใครอยากแก่
00:01:15 → 00:01:17 ค่ะความแก่นะคะมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของ
00:01:17 → 00:01:20 ตัวเลขบนบัตรประชาชนนะคะตามวันเดือนปี
00:01:20 → 00:01:22 เกิดของเราอีกต่อไปนะคะหรือว่าเวลาที่เรา
00:01:22 → 00:01:25 ไปเจอใครแล้วอุ๊ยคนนี้หน้าเด็กคนนี้น่า
00:01:25 → 00:01:27 แก่คนนี้น่าเหี่ยวจังเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:01:27 → 00:01:30 เนี่ยเวลาที่เราแก่นะคะหรือว่าเวลาที่
00:01:30 → 00:01:32 ร่างกายของเราเนี่ยมันเกิดความเสื่อม
00:01:32 → 00:01:36 เนี่ยมันไม่ได้เสื่อมแค่อวัยวะใดอวัยวะ
00:01:36 → 00:01:38 หนึ่งนะคะมันอาจจะมีความเสื่อมของอวัยวะ
00:01:38 → 00:01:41 นี้แผนกนี้นะคะซึ่งแต่ละอย่างเนี่ยมันก็
00:01:41 → 00:01:44 เรียกว่ามันเสื่อมไม่พร้อมกันก็ตอนนี้ก็
00:01:44 → 00:01:47 เป็นที่ทราบกันนะคะว่าเราสามารถที่จะวัด
00:01:47 → 00:01:51 ความเสื่อมนะคะหรือว่าอายุชีวภาพของเรานะ
00:01:51 → 00:01:53 คะที่ไม่ใช่อายุตามบัตรประชาชนได้แต่ว่า
00:01:53 → 00:01:56 วัดกันยังไงรู้แล้วทำยังไงต่อนะคะ on the
00:01:56 → 00:01:59 way with ชม EP นี้มีคำตอบค่ะเราไม่เจอ
00:01:59 → 00:02:02 กันโรงพยาบาลนะคะคุณหมอซึ่งดีแล้วค่ะจริง
00:02:02 → 00:02:05 ๆแล้วตั้งแต่ทำเป็นหมอด้านเนสมาสิ่งที่
00:02:05 → 00:02:08 ฟ้าดีใจที่สุดคือได้เจอเพื่อนๆหรือว่าคน
00:02:08 → 00:02:11 ที่เข้ามาปรึกษานอกโรงพยาบาลเพราะว่าเวลา
00:02:11 → 00:02:14 ถ้าเราเจอเขาตอนมาหาเราที่โรงพยาบาลนะแปล
00:02:14 → 00:02:16 ว่าต้องมีบางอย่างมีปัญหาเหมือนที่ฟ้าบอก
00:02:16 → 00:02:19 มาตลอดว่าจริงๆแล้วอ่ะคนทุกคนน่ะรู้อยู่
00:02:19 → 00:02:22 แล้วว่าอะไรดีหรือว่าไม่ดีกับสุขภาพเพียง
00:02:23 → 00:02:26 แต่ว่าบางทีอ่ะก็เหมือนหมดกำลังใจในการจะ
00:02:26 → 00:02:28 เตือนตัวเองไม่แล้วมันเอาจริงๆป่ะมันไม่
00:02:28 → 00:02:31 ง่ายนะที่จะเนนไลฟ์สไตล์ที่แบบว่าแบบ
00:02:31 → 00:02:34 Healthy แบบในอุดมคติมันมีหลายมิติให้
00:02:34 → 00:02:36 เราเพราะว่าเพราะว่าอุปสรรคมันเยอะอ่ะเอา
00:02:36 → 00:02:40 จริงๆในในในในในไลฟ์สไตล์ปัจจุบันมันคือ
00:02:40 → 00:02:41 ความท้าทายแหละเพะไม่เรียกอุปสรรคหรอก
00:02:42 → 00:02:43 อย่างคุณชมก็จะมีความท้าทายทั้งเป็นคุณ
00:02:43 → 00:02:46 แม่ด้วยเป็นภรรยาด้วยความเครียดแถมต้องทำ
00:02:46 → 00:02:49 งานด้วยอ่ะซึ่งเรื่องพวกเนี้ยมันเป็นตัว
00:02:49 → 00:02:51 ที่เขาเรียกว่าต้องการเวลาแล้วก็ต้องการ
00:02:51 → 00:02:54 กำลังจากเราในการลงไปดูแลซึ่งแต่ละคนก็มี
00:02:54 → 00:02:57 หลายบทบาทความเครียดมันก็มาหลายทางเพราะ
00:02:57 → 00:02:59 ว่าก็เลยเป็นความท้าทายว่าเอ๊ะงั้นเรา
00:02:59 → 00:03:01 เนี่ยควรจะต้องดูแลตัวเองยังไงดีแล้วเรา
00:03:01 → 00:03:04 จำเป็นต้องดูแลตัวเองเป๊ะๆๆๆๆเหมือนที่
00:03:04 → 00:03:06 เราตั้งใจมเราก็จะเห็นว่าจริงๆแล้วอ่ะ
00:03:06 → 00:03:08 ไลฟ์สไตล์แต่ละคนน่ะมันก็จะมีเรื่องอะไร
00:03:08 → 00:03:10 เข้ามาเนาะที่ทำให้เราไม่สามารถจะทำอะไร
00:03:10 → 00:03:13 เป๊ะๆๆๆๆๆเหมือนเป็นหุ่นยนต์ได้อาจจะมี
00:03:13 → 00:03:15 บางคนที่ทำตัวเป็นเหมือนหุ่นยนต์ได้เราจะ
00:03:15 → 00:03:18 เรียกกลุ่มนี้ว่าเป็นไอแฮกเกอร์เชื่อว่า
00:03:18 → 00:03:20 คุณชมเคยอ่านแหละที่ดังมากๆแล้วเป็นที่
00:03:21 → 00:03:23 แบบพูดถึงเยอะเลยก็คือคุณ bri Johnson
00:03:23 → 00:03:25 เพราะ bri Johnson เนี่ยเขาบอกเลยว่าเขา
00:03:25 → 00:03:27 ไม่อยากตายค่ะเพราะฉะนั้นไอ้กลุ่มของเขา
00:03:28 → 00:03:30 ที่เขา create ขึ้นมาเลยชื่อดกรุ๊ปแต่ว่า
00:03:30 → 00:03:33 ตัวคุณ bri Johnson น่ะเป็นหนึ่งคนที่ฟา
00:03:33 → 00:03:36 ว่าทำตัวได้ไม่เหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปตอน
00:03:37 → 00:03:40 ที่เขาเอ่อทำ Data ออกมา fla มัน Amazing
00:03:40 → 00:03:44 ตั้งแต่ 1 dedicate ร่างกายตัวเองในการ
00:03:44 → 00:03:47 ที่เป็นเหมือนหนูทดลองของสิ่งที่มันเป็น
00:03:47 → 00:03:50 เทคโนโลยีที่มีณปัจจุบันก่อนไม่ว่าจะมี
00:03:50 → 00:03:52 หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากหรือน้อยแค่ไหน
00:03:52 → 00:03:54 แต่เอาเป็นว่าถ้าตัวเขาเองรู้สึกว่าเขา
00:03:54 → 00:03:57 อยากจะลองแล้วหมอในทีมเขาซึ่งมีเป็น 8 คน
00:03:57 → 00:04:00 10 คนเลยเนี่ยรู้สึกว่าอ่ะโอเคน่าจะช่วย
00:04:00 → 00:04:03 ให้มันปลอดภัยได้เขาก็จะลองเพราะฉะนั้น
00:04:03 → 00:04:05 เขาลองหมดเลยไม่ว่าจะเป็นไอ้ที่เราเห็น
00:04:05 → 00:04:07 ทั่วๆไปเหมือนอย่างคุณชมเราจะมีไซบาสใช่
00:04:07 → 00:04:11 มั้ยคะเขาก็มีแบบพวก R Light มีใช้พวกมน
00:04:11 → 00:04:13 ต่างๆเขาตื่นเช้ามาก็จะเป็นตารางชีวิต
00:04:13 → 00:04:16 เหมือนหุ่นยนต์เลยแบบเป๊ะๆๆตื่นนอนกี่โมง
00:04:16 → 00:04:18 ตื่นเสร็จแล้วกินซัพพลีเมนท์โปรแกรมออก
00:04:18 → 00:04:21 กำลังกายวันนี้จะเป็นอะไรเข้าเที่ยงเขาจะ
00:04:21 → 00:04:24 ทำเป็น If แคลอรี่ต้องไม่เกินเท่านั้น
00:04:24 → 00:04:27 เท่านี้แมคนิเท่าไหร่เขาถึงขั้นเคยโจ๊ก
00:04:27 → 00:04:28 ตัวเองว่าตอนที่ฟ้าไปเจอที่ประชุมที่
00:04:28 → 00:04:30 ดับลินปีที่แล้ว
00:04:30 → 00:04:33 เจอตัวคเป็นมาแล้วหรอเขาบอกว่าถ้าเกิดว่า
00:04:33 → 00:04:38 เกับแฟนเจะกุ๊กกิ๊กกันแฟนเต้องทำนัดชมอือ
00:04:38 → 00:04:40 ต้องทำนัดว่าต้องการจะมีแบบ Intimate
00:04:40 → 00:04:42 relationship เพราะเขาบอกว่าการมี
00:04:42 → 00:04:44 Intimate relationship เนี่ยมันกินพลัง
00:04:44 → 00:04:48 งานอืเออเป็นคนที่คือเซฟพลังงานขนาดนั้น
00:04:48 → 00:04:52 ขนาดนั้นเป็นคนเป๊ะแบบเป๊ะๆๆๆขนาดเนี้ย
00:04:52 → 00:04:55 ซึ่งถามว่าถ้าเราสมมุติดูเ้าอ่ะชื่นชมดู
00:04:55 → 00:04:59 ย้อนอายุลงมาได้เยอะเราทุกคนจะทำตามเมก็
00:04:59 → 00:05:01 ไม่ทำตามถูกต้องก็คือไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำ
00:05:01 → 00:05:04 ตามแบบนได้เพราะเราอยากใช้ชีวิตด้วยไงถูก
00:05:04 → 00:05:05 สมัยหลังๆคุณผู้ชมก็จะได้ยินคำว่า
00:05:06 → 00:05:08 longevity อืเหมือนที่เราแบบทำกันอยู่ก็
00:05:08 → 00:05:11 คือก็จะเริ่มมาคุยกันแล้วว่างั้นทำไมถึง
00:05:11 → 00:05:16 มีคอนเซปที่ว่าไม่อยากตายมีคอนเซปที่ว่า
00:05:16 → 00:05:18 ทำไมเราถึงเราจะชอบเห็นแบบ Blue โซนแบบ
00:05:18 → 00:05:21 อยากให้ทุกคนอยู่ถึง 100 ปีเราอยากจะมีบู
00:05:21 → 00:05:23 โซนในประเทศไทยอย่างเงี้ยก็ต้องเริ่มถาม
00:05:23 → 00:05:25 คุณชมก่อนว่าคุณชมคิดว่าตัวคุณชมเองอยาก
00:05:25 → 00:05:29 อยู่ถึง 100 ปีมยอยากจะไม่ตายมยจริงๆชม
00:05:29 → 00:05:32 อ่ะเอา 120 เลยนี่ไงนี่ไง
00:05:33 → 00:05:37 นี่ทำไมถึงอยากอยู่ถึง 120 ่ะคะก็รู้สึก
00:05:37 → 00:05:39 เหมือนก่อนหน้าเนี้ยชีวิตเราเกิดมาเราก็
00:05:39 → 00:05:42 ไม่ได้สบายเลยอ่ะอืๆเราก็ต่อสู้ผอะไรอย่า
00:05:42 → 00:05:44 เงี้ยแล้วก็ตอนนี้มันก็โอเคมันก็เป็นช่วง
00:05:44 → 00:05:48 เวลาดีๆะแล้วเราจะตายแล้วหรออ่าอ่าคือ
00:05:48 → 00:05:50 เหนื่อยมาตั้งนานอะไรอย่างเงี้ยเออเพึ่ง
00:05:50 → 00:05:53 จะเริ่มมีความสุขช่วงนี้ใช่แล้วก็ลูกด้วย
00:05:53 → 00:05:57 เราก็อยากเห็นเค้าเคโตอยากอยากก็อยากอยาก
00:05:57 → 00:06:00 อยู่กับเไปนานๆอะไรอย่างเงี้ยเออชมว่าลูก
00:06:00 → 00:06:02 ก็น่าจะเป็นแบบเป็นเป็นปัจจัยหลักที่ทำ
00:06:02 → 00:06:06 ให้แบบว่าเออมันอยากอยู่อยากเห็นแล้วก็
00:06:06 → 00:06:09 เราก็อยากจะทำเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นด้วย
00:06:09 → 00:06:11 อย่างเงี้ยอือเพราะว่าชมว่าแบบการสอนที่
00:06:11 → 00:06:14 ดีที่สุดมันก็ by example อ่ะทำให้ดูใช่
00:06:14 → 00:06:17 เพราะฉะนั้นพระจะบอกว่าเป็นคำตอบที่ถ้าไป
00:06:17 → 00:06:19 ถามคนส่วนใหญ่คุณชมเชื่อไหมว่าไม่ใช่ทุก
00:06:19 → 00:06:22 คนตอบแบบอยู่จริงหรอเอ้อคนที่ตอบแบบคุณชม
00:06:22 → 00:06:25 คือคนที่มีความสุขในชีวิตออพ้าไปบรรยาย
00:06:25 → 00:06:29 ข้างนอกเนี่ยคนส่วนใหญ่คุณชมไม่ถึง 10%
00:06:29 → 00:06:33 ที่ยกมือบอกว่าฉันอยากอยู่ถึง 100 ปีไม่
00:06:33 → 00:06:35 แล้วชมพ perception คนส่วนมากก็จะพอบอก
00:06:35 → 00:06:38 ว่า 100 ปีเขาก็จะคิดว่าโอ๊ยเป็นภาระหรือ
00:06:38 → 00:06:39 ว่าแบบอย่างเงี้ยเออหรือว่าแบบมันก็ไม่
00:06:40 → 00:06:42 สบายแล้วทรมานอยู่ทำไมอะไรอย่าเงี้ยคือ
00:06:42 → 00:06:44 เขาไม่เไม่มีวชั่นที่ว่ามันเป็น 100 ปี
00:06:44 → 00:06:48 แบบเดินหลังตรงอ่ะใช่นั่นแหละฟ้าก็เลยว่า
00:06:48 → 00:06:50 เป็นที่มาว่าที่ฟ้าอยากจะชวนคุยว่าไอ้คำ
00:06:50 → 00:06:53 ว่าที่จะอยู่ได้จนถึง 100 ปีหรือ 120 ปี
00:06:53 → 00:06:56 อ่ะมันก็จะมาลิงก์กับสภาพเราและสภาพที่
00:06:56 → 00:06:58 อยู่ในหัวเราว่าถ้าตอนเรา 100 ปีสภาพเรา
00:06:58 → 00:07:00 เป็นยังไงถ้าเป็นเป็นคนที่มีความคิดในหัว
00:07:00 → 00:07:04 ว่าตอน 100 ปีสภาพฉันคือแก่หง่อมเลยหลัง
00:07:04 → 00:07:07 ตรงไม่ได้ต้องเป็นภาระลูกหลานแน่เลยสงสัย
00:07:07 → 00:07:09 ต้องเอาเงินไปหายายหมอฟ้าที่โรงพยาบาล
00:07:09 → 00:07:11 ป่วยติดเตียงตังค์ตูหมดไปกลับหาหมอนี่
00:07:11 → 00:07:14 แหละไม่ได้มา Enjoy ไเนี่ยเขาก็จะตอบว่า
00:07:14 → 00:07:17 เาไม่อยากอยู่ถึง 100 ปีในขณะที่กลุ่มคน
00:07:17 → 00:07:20 ที่มีความคิดในหัวว่าเอ้ยถ้ามองใบนะตอน
00:07:20 → 00:07:22 100 ปี 120 ปีเหมือนที่ชมว่าเนี่ยฉันรู้
00:07:22 → 00:07:24 สึกว่าฉันยังอยากแข็งแรงฉันอยากทำให้ลูก
00:07:24 → 00:07:26 ฉันดูว่าจริงๆเราสามารถดูแลตัวเองให้แข็ง
00:07:26 → 00:07:29 แรงได้ทำให้เกิดประโยชน์กับสังคมได้ช่วยค
00:07:29 → 00:07:31 คนอื่นได้เป็นแรงบันดาลใจอย่างเงี้ยเขาก็
00:07:31 → 00:07:33 จะตอบว่าใช่เขาอยากอยู่ถึง 120 ปีมันก็
00:07:33 → 00:07:36 เลยจะย้อนกลับมาว่าอ่ะงั้นไกลุ่มคน 2
00:07:36 → 00:07:39 กลุ่มเนี้ยความต่างคืออะไรความต่างก็คือ
00:07:39 → 00:07:42 ความรู้สึกหรือว่าภาพในหัวเขาที่มีต่อคำ
00:07:42 → 00:07:45 ว่าความแก่ใช่ว่าไม่เหมือนกันฟ้าก็เลยจะ
00:07:45 → 00:07:48 มาชวนคุยว่าชมคิดว่าความแก่อ่ะมันวัดจาก
00:07:48 → 00:07:51 อะไรความแก่สำหรับเรามันคืออะไรคือถ้า
00:07:51 → 00:07:54 สมัยก่อนก็คือแบบเท่าอายุเท่าเราอ่ะก็คือ
00:07:54 → 00:07:59 แก่แล้วอ่ะโอ๊ยกระทบมาแรงป่ะแรงว่าเพราะ
00:07:59 → 00:08:04 ว่าเข้าใจว่าเกิดปีเดียวกัน 1981 4 จะ 44
00:08:04 → 00:08:07 ก็คือว่าแบบอ่ะจริงๆคือสมัยก่อนเราก็รู้
00:08:07 → 00:08:11 สึกว่าอายุเท่านี้ก็คือแก่แล้วผู้หญิงก็
00:08:11 → 00:08:16 คืออ่ะแต่งงานมีลูกเป็นแม่ก็คือแก่ปล่อย
00:08:16 → 00:08:19 ตัวคือเมื่อก่อนอ่ะชมก็รู้สึกว่าเอ้ยแบบ
00:08:19 → 00:08:22 เออฉันไม่สามารถไปแฮง Out ไปเต้นแล้วแบบ
00:08:22 → 00:08:24 หรือว่าไปอะไรอย่างเงี้ยไปปาร์ตี้หนักๆ
00:08:24 → 00:08:27 แล้วก็ตื่นเช้ามาแล้วก็ทูๆไถๆไปใช้ชีวิต
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างเงี้ยแต่ณวันเนี้ยให้ชมทำแบบ
00:08:29 → 00:08:31 นั้นชมก็ทำไม่ได้ชมรู้สึกว่าชมนอนแบบว่า
00:08:31 → 00:08:35 นอนไม่ดีแค่คืนนึงวันรุ่งขึ้นก็คือไปละ
00:08:35 → 00:08:37 มันไปเลยแต่ชมอ่ะก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะ
00:08:37 → 00:08:40 ว่าชมอ่ะทูนอินกับตัวเองมากขึ้นหรือว่า
00:08:40 → 00:08:43 เพราะว่าชมแก่จริงๆวะอ่าเออเพราะว่าถาม
00:08:43 → 00:08:45 ว่าเมื่อก่อนไอ้วันนั้นที่เราออกไปสู้ต่อ
00:08:45 → 00:08:48 ทั้งๆที่เมื่อคืนมันน่ะถามว่ามันมันก็ไม่
00:08:48 → 00:08:50 ได้มันก็ไม่ได้ว่าเป็นวันที่ดีมันไม่ได้
00:08:50 → 00:08:52 เพอเฟคแต่ว่าเราเด็กอ่ะเราก็ไม่คิดอะไร
00:08:52 → 00:08:55 แล้วเราก็แบบถูๆไถๆมันไปไม่รู้สิชมรู้สึก
00:08:55 → 00:08:59 ว่าโดยเฉพาะปีเนี้ยที่ผ่านมาหลังจากที่
00:08:59 → 00:09:01 แบบว่าว่าเราได้มาแบบดูแลตัวเองมากคือชม
00:09:01 → 00:09:04 รู้สึกว่า Energy wise นะอือชมว่าชมมาดี
00:09:04 → 00:09:09 กว่าตอนเด็ก 20 กว่า 30 อ่ามีส่วนที่เรา
00:09:09 → 00:09:11 รู้สึกว่าเป็นส่วนที่ดีเมื่ออายุมากขึ้น
00:09:11 → 00:09:14 อืเรารู้สึกว่าเรามีความมั่นคงทางอารมณ์
00:09:14 → 00:09:18 มากขึ้นเรามีการเติบโตทางวิธีคิดมากขึ้น
00:09:18 → 00:09:21 ซึ่งอันนี้แหละฟ้าว่าเป็นปัจจัยหลักที่
00:09:21 → 00:09:23 จริงๆนะยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการแพทย์
00:09:23 → 00:09:25 หรือว่าในฐานะหมอเองอ่ะก็อยากจะเชียร์ให้
00:09:25 → 00:09:28 ทุกคนที่ฟังรายการของชมอยู่อ่ะเริ่มมองใน
00:09:28 → 00:09:31 มุมนี้ว่าเราเราไม่จำเป็นต้องไปสู้กับคำ
00:09:31 → 00:09:35 ว่าแก่ค่ะแต่จริงๆแล้วมันมีคุณสมบัติที่
00:09:35 → 00:09:38 ดีบางอย่างของความแก่ที่จริงๆเราควรจะ
00:09:38 → 00:09:41 แฮปปี้ไปกับความที่เราอายุมากขึ้นแต่ขณะ
00:09:41 → 00:09:44 เดียวกันมันมีบางคุณสมบัติของความที่อายุ
00:09:44 → 00:09:47 เรามากขึ้นแล้วเราไม่ชอบก็เหมือนที่ชมบอก
00:09:47 → 00:09:50 เช่นเรารู้สึกว่า Energy เรา Drop แรงมัน
00:09:50 → 00:09:53 ลดเราเลยเปลี่ยนจากแนวคิดที่บอกว่าเป็น
00:09:53 → 00:09:56 Anti aging คือไปสู้ไปสู้กับ aging
00:09:56 → 00:09:59 เนี่ยเป็นการที่เราพยายามไปหาดีกว่าว่า
00:09:59 → 00:10:02 คุณสมบัติอันไหนของ aging ที่มันเป็นส่วน
00:10:02 → 00:10:06 ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนน่ะมันแย่ลงอื
00:10:06 → 00:10:08 แล้วถ้าเกิดว่าเราเจอปุ๊บซึ่งณตอนนี้ณ
00:10:08 → 00:10:11 ปัจจุบันเราเจอบางส่วนและเราก็พยายามที่
00:10:11 → 00:10:14 จะวัดว่าไอ้ความเสื่อมที่มันเกิดขึ้น
00:10:14 → 00:10:17 เนี่ยมันเกิดขึ้นไปแค่ไหนแล้วเพื่อที่ว่า
00:10:17 → 00:10:20 ถ้าเราวัดได้ปุ๊บเราก็จะรู้ว่างั้นคนไหน
00:10:20 → 00:10:23 ที่ความเสื่อมมันเริ่มถามหาแต่ยังไม่มี
00:10:23 → 00:10:25 อาการออกค่ะอ่ะยังไม่ได้ถึงขั้นแบบเป็น
00:10:25 → 00:10:27 โรคหัวใจไม่ถึงขั้นเป็นโรคเบาหวานไม่ถึง
00:10:28 → 00:10:31 ขั้นเป็นโรคไตเนี่ยเรารีบเข้าไปให้การดู
00:10:31 → 00:10:33 แลก่อนได้เขาก็เรียกเป็นแนวเชิงป้องกัน
00:10:33 → 00:10:37 พูดง่ายๆก็คือว่าความแก่ตามหลักการแพทย์
00:10:37 → 00:10:39 ก็คือว่าเราเรียกว่าความความเสื่อมเสื่อม
00:10:39 → 00:10:42 เป็นการสะมคือวัดกันที่ความเสื่อมในแผนก
00:10:42 → 00:10:44 ต่างๆใช่ซึ่งแต่ละแผนกเนี่ยเราอาจจะ
00:10:44 → 00:10:47 เสื่อมไวเท่ากันถูกต้องเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:10:47 → 00:10:49 ความแก่เนี่ยในทางการแพทย์เราคือไม่ได้
00:10:49 → 00:10:51 เน้นแค่ว่าดูตามวันเดือนปีเกิดเขาก็เลย
00:10:52 → 00:10:53 บอกว่าณปัจจุบันเนี่ยเวลาพูดถึงความแก่
00:10:53 → 00:10:55 หรือเวลาเราพูดเรื่องอายุเราคุยเรื่อง
00:10:55 → 00:10:58 อายุกันมันก็จะมีอายุอยู่ 2 แบบอายุอัน
00:10:58 → 00:11:00 แรกก็คือตามบัตรประชประชาชนเราเราเปลี่ยน
00:11:00 → 00:11:04 ไม่ได้ะเช่นเราเกิดปี 1981 เราก็จะเห็น
00:11:04 → 00:11:06 ว่าคนเกิดปี 1981 ก็คือใช้ชีวิตอยู่บนโลก
00:11:06 → 00:11:11 ใบนี้มาจะ 44 ปีเท่ากันแต่ว่าคุณภาพชีวิต
00:11:11 → 00:11:13 หรือว่าสุขภาพจริงๆอ่ะอาจจะไม่เท่ากันก็
00:11:13 → 00:11:15 ได้เหมือนบางทีเราไปกลับไปงานเลี้ยงรุ่น
00:11:16 → 00:11:18 ชมก็จะเห็นว่าเพื่อนบางคนหรือเหมือนชม
00:11:18 → 00:11:20 อย่างเงี้ยดูแลตัวเองดีก็ยังดูแบบสดชื่น
00:11:20 → 00:11:22 สดใสเป็นคุณแม่แบบลูก 3 แล้วก็ยังดูแบบ
00:11:22 → 00:11:25 Healthy อยู่ในขณะที่เพื่อนเราบางคนอาจ
00:11:25 → 00:11:27 จะไม่มีสามีไม่มีลูกเลยแต่ก็ไม่มีเวลาดู
00:11:27 → 00:11:29 แลสุขภาพตัวเองเหมือนกันไปเจออีกทีเเ
00:11:29 → 00:11:32 โรยลาทำไมเธอดูเหมือนแม่เธอไปแล้วอะไร
00:11:32 → 00:11:34 อย่างเงี้ยอ่าดูแบบโรยลาเพราะฉะนั้นก็จะ
00:11:34 → 00:11:36 เห็นว่าการที่เราเนี่ยอาศัยแค่อายุตามวัน
00:11:36 → 00:11:40 เดือนปีเกิดเป็นตัววัดอว่าคนสุขภาพดีหรือ
00:11:40 → 00:11:42 สุขภาพไม่ดีวัดว่าคนแก่หรือไม่แก่เนี่ย
00:11:42 → 00:11:45 มันไม่ได้เสมอไปเพราะมันมีปัจจัยอื่นที่
00:11:45 → 00:11:47 เข้ามาประกอบมันก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมถึง
00:11:47 → 00:11:51 มีตัววัดตัวใหม่โผล่ขึ้นมาในสายการแพทย์
00:11:51 → 00:11:52 หรือว่าสายวิทยาศาสตร์ก็คือสิ่งที่เรา
00:11:53 → 00:11:55 เรียกว่าอายุที่แท้จริงของคนเราภาษา
00:11:55 → 00:11:58 อังกฤษเนี่ยเขาจะใช้คำว่า biological Age
00:11:58 → 00:12:00 ก็คืออายุชีวภาพอายุชีวภาพพูดง่ายๆคือ
00:12:00 → 00:12:03 เป็นอายุของร่างกายเราเี่แหละว่ามันเท่า
00:12:03 → 00:12:05 กับเท่าไหร่ซึ่งเพบว่าไอ้ตัวอายุชีวภาพ
00:12:05 → 00:12:08 เนี่ยข้อดีคือมันเอาไว้ประเมินสุขภาพหรือ
00:12:08 → 00:12:12 ว่าคุณภาพชีวิตของเราจริงๆได้ว่าตอนเนี้ย
00:12:12 → 00:12:14 มันมีความแข็งแรงอยู่ในระดับไหนหรือถ้า
00:12:14 → 00:12:18 พูดในแง่ลบก็คือดูว่ามีความเสื่อมสะสมอือ
00:12:18 → 00:12:20 อยู่เท่ากับคนอายุเท่าไหร่ค่ะอย่างเช่น
00:12:20 → 00:12:24 ถ้าฟ้า 44 แต่ว่าใช้ชีวิตแย่มากเลยอาจจะ
00:12:24 → 00:12:26 มีพันธุกรรมแย่ด้วยอายุชีวภาพออกมาเท่า
00:12:26 → 00:12:29 กับ 60 แปลว่าถึงแม้จะดำวันเดือนปีเกิด
00:12:29 → 00:12:32 ฉันใช้ชีวิตเดินบนโลกมา 44 ปีแต่ว่าสภาพ
00:12:32 → 00:12:34 ร่างกายข้างในเครื่องยนต์ข้างในมันโทรม
00:12:34 → 00:12:37 เหมือนกับคนที่ใช้มาแล้ว 60 ปีโชกโชนก็
00:12:37 → 00:12:40 คือโอ้โหแปลว่าเครื่องมันแนวโน้มสงสัยจะ
00:12:40 → 00:12:42 ต้องซ่อมไวเดี๋ยวมันจะต้องเจ๊งแล้วแน่นอน
00:12:42 → 00:12:45 อย่างเงี้ยมันก็จะเป็นวิธีที่ทำให้ทางคุณ
00:12:45 → 00:12:47 หมอหรือว่าทางวิทยาศาสตร์เนี่ยพยายามหา
00:12:47 → 00:12:50 ทางได้ว่าอ่ะถ้าสมมุติวัดเจอว่ามันเสื่อม
00:12:50 → 00:12:54 แวานใช้โชคโชนเกินไปเราจะดูแลคนกลุ่มนี้
00:12:54 → 00:12:57 ยังไงเพื่อให้เขาไม่จบปลายทางไปนอน ICU
00:12:57 → 00:13:00 ไปเป็นสตกไปฟอกไต่ล้างไต่หรือว่าเป็น
00:13:00 → 00:13:03 มะเร็งต้องนอนโรงพยาบาลทีเนี้ยคำว่าเ่อ
00:13:03 → 00:13:06 อายุที่แท้จริงหรือว่าอายุชีวภาพเนี่ยอ
00:13:06 → 00:13:09 มันวัดจากมิติไหนบ้างคะคุณหมอมันเป็นแลบ
00:13:09 → 00:13:11 มั้ยอย่างเงี้ยเราเรียกว่ามันเป็นแลบมัน
00:13:11 → 00:13:13 มีหลายยี่ห้อมั้ยใช่่ๆมีหลายยี่ห้อมีหลาย
00:13:13 → 00:13:16 วิธีด้วยเออสมมุติว่าเราอยากวัดว่าจริงๆ
00:13:16 → 00:13:19 แล้วร่างกายเราตอนเนี้ยแก่แค่ไหนแล้วอ่า
00:13:19 → 00:13:21 เพื่อที่เราจะได้อย่างน้อยมีความเข้าใจ
00:13:21 → 00:13:24 ว่าเราใช้เครื่องในร่างกายเรามาโชกโชนแค่
00:13:24 → 00:13:26 ไหนต้องดูแลเป็นพิเศษแล้วหรือเปล่าเนี่ย
00:13:27 → 00:13:29 จริงๆการวัดเนี่ยเพูดง่ายๆว่ามีมีเป็น 3
00:13:29 → 00:13:33 ระดับด้วยกันค่ะระดับแรกเราใช้มาโดยตลอด
00:13:33 → 00:13:36 อยู่แล้วก็คือเขาเรียกว่าเป็นสมรรถภาพของ
00:13:36 → 00:13:40 ร่างกายเช่นเราวัดดูในเรื่องของแรงบีบมือ
00:13:40 → 00:13:42 คือดูเรื่องมนกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อของเรา
00:13:42 → 00:13:45 เนี่ยมีความแข็งแรงแค่ไหนซึ่งแรงบีบมือ
00:13:45 → 00:13:47 เนี่ยไม่จำเป็นต้องเข้าแลบเลยเราวัดง่ายๆ
00:13:47 → 00:13:50 มันจะมีเครื่องให้วัดเป็นเครื่องวัดง่ายๆ
00:13:50 → 00:13:52 เลยพอบีบมาปุ๊บเนี่ยเราจะวัด 2 ข้างแล้ว
00:13:52 → 00:13:54 ก็ดูว่าแต่ละข้างเนี่ยแรงบีบมือเนี่ยได้
00:13:54 → 00:13:57 กี่กิโลกซึ่งในผู้ชายเนี่ยกล้ามเนื้อเยอะ
00:13:57 → 00:13:59 กว่าผู้หญิงค่ะเพราะฉะนั้นในผู้ชายจะ
00:13:59 → 00:14:01 จำเป็นจะต้องมีแรงบีบมือเยอะกว่าโดย
00:14:01 → 00:14:03 เฉลี่ยเอาง่ายๆคนทั่วไปเลยจริงๆมันจะแบ่ง
00:14:04 → 00:14:06 ตามอายุด้วยนะคะพูดง่ายๆว่ายิ่งอายุเยอะ
00:14:06 → 00:14:09 มวลกล้ามเนื้อมันน่าจะลดแรงมันค่อยๆลด
00:14:09 → 00:14:11 งั้นพอคนอายุเยอะแรงบีบมือก็จะลดลงแต่ว่า
00:14:12 → 00:14:14 โดยเฉลี่ยผู้ชายเนี่ยควรจะได้แต่ละข้าง
00:14:14 → 00:14:16 ประมาณบีบแล้วต้องได้สักประมาณ 47 กกต่อ
00:14:17 → 00:14:19 ข้างผู้หญิงเฉลี่ยน่าจะได้สักประมาณ 30
00:14:19 → 00:14:22 กลต่อข้างที่เราควรจะต้องมีแรงบีบมือหรือ
00:14:22 → 00:14:24 ถ้าเกิดว่าเราไม่มีที่วัดแรงบีบมืออัน
00:14:24 → 00:14:30 ง่ายๆโหนบาแฮง Man ใช่คนทั่วไปแบบให้มัน
00:14:30 → 00:14:33 ผ่านเกณฑ์อย่างน้อยควรจะโหนได้ 30 วินาที
00:14:33 → 00:14:35 อืไม่ว่าจะน้ำหนักตัวเท่าไหร่ไม่ว่าจะ
00:14:35 → 00:14:38 หญิงหรือชายไม่ว่าจะหญิงหรือชายอย่างน้อย
00:14:38 → 00:14:40 คุณได้สัก 30 วินาทีแล้วถ้าเป็นระดับนัก
00:14:40 → 00:14:43 กีฬาเลยเพบว่าก็จะมักจะได้เกิน 2 นาที
00:14:43 → 00:14:45 ขึ้นไปคนทั่วไปถ้าไม่ได้เป็นนักกีฬาเกิน 1
00:14:45 → 00:14:48 นาทีก็คือถือว่าเจ๋งมากแล้วก็เป็นอีกวิธี
00:14:48 → 00:14:50 นึงเหมือนเราหนมาตอนเด็กๆเออแต่เด็กมันจะ
00:14:51 → 00:14:53 หนได้นานนะหนหได้นานมันมี 2 ปัจจัยด้วชม
00:14:53 → 00:14:56 อันนึงก็คือน้ำหนักตัวไม่ใช่กับอันที่ 2
00:14:56 → 00:14:59 คือพละกำลังกล้ามเนื้อของเราพออายุเยอะขึ
00:14:59 → 00:15:01 ขึ้นน้ำหนักตัวเราเยอะขึ้นคนน้ำหนักตัว
00:15:01 → 00:15:04 เยอะจะประสบปัญหาในการที่พยายามโหนบาเอา
00:15:04 → 00:15:06 ไว้อยู่แล้วเพราะว่ากล้ามเนื้อที่มือมัน
00:15:06 → 00:15:08 เล็กนิดเดียวเองก็จริงเออเพราะฉะนั้นพอ
00:15:08 → 00:15:11 ถ้าน้ำหนักตัวเยอะเนี่ยก็จะท้าทายเขามาก
00:15:11 → 00:15:13 กว่าแต่อย่างน้อยถ้าได้สัก 30 วินาทีถือ
00:15:13 → 00:15:16 ว่าโอเคแล้วข้อดีก็คือเวลาเราวัดพวก
00:15:16 → 00:15:20 สมรรถภาพพวกนี้เนี่ยมันทำให้ดีขึ้นได้ฝึก
00:15:20 → 00:15:23 ได้ฝึกได้กล้ามเนื้อยังสามารถที่จะตอบ
00:15:23 → 00:15:26 สนองต่อโปรแกรมการออกกำลังกายต่างๆเนี่ย
00:15:26 → 00:15:28 ได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเพราะฉะนั้น
00:15:28 → 00:15:31 ไม่มีคคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มออกกำลัง
00:15:31 → 00:15:33 กายหรือว่าทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอันนี้
00:15:33 → 00:15:36 คืออันแรกคือเรื่องแรงบีบมืออันที่ 2 ที่
00:15:36 → 00:15:39 เขาพบว่ามักจะหายไปก่อนแรงก็คือสิ่งที่
00:15:39 → 00:15:42 เราเรียกว่า Power กำลังอืซึ่งกำลัง
00:15:42 → 00:15:44 เนี่ยยหลักๆเลยเวลาเราใช้ในชิวประจำวัน
00:15:44 → 00:15:47 คือกำลังต้นขาลุกนั่งก็คือลุกนั่งถ้าเป็น
00:15:47 → 00:15:49 ท่าออกกำลังกายที่เรานิยมพูดถึงบ่อยๆก็
00:15:49 → 00:15:51 คือท่าสคอเพราะว่าเป็นท่าเบสิคอ่ะเวลาเรา
00:15:51 → 00:15:54 ลุกจากเก้าอี้มันก็คือท่าสคอเแหละค่ะซึ่ง
00:15:54 → 00:15:57 เพบว่ากำลังเนี่ยมันหมายความว่าเราต้องมี
00:15:57 → 00:16:00 แรงด้วยแลต้องเร็วด้วยเพราะฉะนั้นเทสเนึง
00:16:00 → 00:16:02 ที่เราก็สามารถทำได้มันคือแบบความฮึบ
00:16:02 → 00:16:04 อย่างเงี้ยเนาะใช่มใช่เหมือนลุกขึ้นให้ไว
00:16:04 → 00:16:07 ที่สุดเท่าที่จะไวได้หรือถ้าเกิดคิดกลับ
00:16:07 → 00:16:08 กันก็คือเหมือนนั่งอยู่แล้วมีของที่ไม่
00:16:08 → 00:16:11 ชอบอยู่ตรงหน้าอยจะถีบออกไปให้แรงที่สุด
00:16:11 → 00:16:14 ไกลที่สุดเท่าที่จะได้อันนั้นก็คือ Power
00:16:14 → 00:16:16 ซึ่งเจ้าตัว Power เนี่ยวิธีเทสที่ง่าย
00:16:16 → 00:16:18 ที่สุดเนี่ยเขาเรียกว่า Sit to Stand
00:16:18 → 00:16:21 Test ก็คือการทดสอบจากท่านั่งไปเป็นท่า
00:16:21 → 00:16:24 ยืนว่าอ่ะเราเนี่ยสามารถทำได้กี่ครั้งใน
00:16:24 → 00:16:27 30 วินาทีก็จะเป็นเเรียกการทดสอบมาตรฐาน
00:16:27 → 00:16:30 เลยค่ะชมที่นั่งกับพื้นป่าคะหรือว่าอัน
00:16:30 → 00:16:32 นั้นเเรียกว่า sitting ricing Test อัน
00:16:32 → 00:16:34 นั้นจะเป็นอีกอันนึงเดี๋ยวเราเริ่มจาก Sit
00:16:34 → 00:16:35 to Stand ก่อนเพราะ Sit to Stand
00:16:35 → 00:16:38 เนี่ยแม้แต่คุณแม่พวกเราก็ทำได้ Sit to
00:16:38 → 00:16:40 Stand เนี่ยจริงๆก็คือเอาเก้าอี้ความสูง
00:16:40 → 00:16:43 ประมาณ 40 กว่าเซม 17 นิ้วค่ะแล้วก็ให้
00:16:43 → 00:16:46 ติดกับผนังให้มันไม่เคลื่อนเสร็จปุ๊บเรา
00:16:46 → 00:16:49 ก็จะเอามือเป็นท่าวากันด้าอ่ะแตะไว้ที่อก
00:16:49 → 00:16:52 2 ท่าห้ามใช้มือช่วยแล้วก็ขาเนี่ยก็ให้
00:16:53 → 00:16:55 วางไม่เส่ส้นสูงเนาะก็วางนิ่งๆอยู่กับ
00:16:55 → 00:16:58 พื้นเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วก็ลงนั่ง
00:16:58 → 00:17:00 ลุกขึ้นยืนแล้วก็ลงนั่งดูว่าทำได้กี่
00:17:00 → 00:17:03 ครั้งใน 30 วินาทีควรจะได้เท่าไหร่คั้ง
00:17:03 → 00:17:06 ควรจะได้อย่างน้อยควรจะต้องเกิน 10 แต่
00:17:06 → 00:17:08 จริงๆแล้วอ่ะเอ่อเกณฑ์ของผู้หญิงเนี่ยเรา
00:17:08 → 00:17:11 บอกว่าควรจะเกิน 12 ควของผู้ชายเนี่ยควร
00:17:11 → 00:17:14 จะต้องเกิน 17 ครั้งค่ะแลถ้าดีที่สุดเลย
00:17:14 → 00:17:16 เนี่ยคือได้เกิน 20 แปลว่ายังฟิตอยู่ไม่
00:17:16 → 00:17:19 มีปัญหาเอามือกาอกเหมือนเป็นวากันด้านะจะ
00:17:19 → 00:17:21 ไม่ใช้มือช่วยแล้วจริงๆเก้าอี้อ่ะมันต้อง
00:17:21 → 00:17:24 สูงประมาณ 17 นิ้วคือประมาณ 40 กว่านะคะ
00:17:24 → 00:17:27 เราจะลุกนั่งไปเรื่อยๆใน 30 วินาทีว่าเรา
00:17:27 → 00:17:29 ทำทั้งหมดได้กี่ครั้งเรานับของเแล้วกนเนา
00:17:29 → 00:17:33 โอเค
00:17:33 → 00:17:40 ไปพาว Power 3 4 5 6 7 8 9 นี่เรา
00:17:40 → 00:17:46 ทำอะไรเนี่ย 10 11 12 13 14 15 16
00:17:46 → 00:17:53 17 มีใครหรอก 18 19 20 21 22 23 24
00:17:53 → 00:17:56 25 26
00:17:56 → 00:18:00 27 26 27 เราเกิน 20 เรารอดแล้วค่ะถ้า
00:18:00 → 00:18:03 เป็นคนอายุเยอะๆแล้วที่เราดูว่าเอ๊ะกำลัง
00:18:03 → 00:18:05 กล้ามเนื้อต้นขาอาจจะไม่มีอีกวิธีนึงที่
00:18:05 → 00:18:07 คุณหมอเขาใช้ประเมินดูพาเวเหมือนกันคือ
00:18:07 → 00:18:10 นับแค่ว่าถ้าลุกนั่งแบบเนี้ย 5 ครั้งใช้
00:18:10 → 00:18:13 เวลาเท่าไหร่ถ้าเกิดว่าลุกนั่งใช้เวลา
00:18:13 → 00:18:15 เกิน 15 วินาทีแปลว่ากล้ามเนื้อมันน่าจะ
00:18:15 → 00:18:19 เริ่มมีปัญหาแรงมันตกพอแรงมันตกปุ๊บอัน
00:18:19 → 00:18:22 นี้พอเรารู้ก็จะไปเทรนได้ะฟ้าเคยคุยกับ
00:18:22 → 00:18:24 เอ่อเพื่อนที่เขาเป็นเ้าเรียกว่าเป็นพวก
00:18:24 → 00:18:27 movement specialist แล้วฟ้าชอบมาก
00:18:27 → 00:18:29 เพราะเราพบว่าจริงๆเรื่องของกลังต้นขา
00:18:29 → 00:18:31 เนี่ยมันไม่ใช่แค่เรื่องความแข็งแรงของ
00:18:31 → 00:18:33 กล้ามเนื้อแต่มันคือการทำงานของสมองที่
00:18:33 → 00:18:35 คุยกับกล้ามเนื้อด้วยเพราะฉะนั้นถ้าเวลา
00:18:36 → 00:18:38 เราไปเจอคุณพ่อคุณแม่เราที่แรงลุกนั่งไม่
00:18:38 → 00:18:41 ค่อยมีวิธีฝึกง่ายๆเลยค่ะชมคือแค่ใช้
00:18:41 → 00:18:45 จินตนาการอืว่าเราจะลุกให้เร็วที่สุดแต่
00:18:45 → 00:18:48 โดยไม่ต้องลุกจริงๆเขาบอกว่าแค่เราคิดอ่ะ
00:18:48 → 00:18:51 ว่ามันก็มีการสั่งงานไปที่ใยกล้ามเนื้อ
00:18:51 → 00:18:54 ที่ต้นขาแล้วว่าให้มันทำงานมากขึ้นเพียง
00:18:54 → 00:18:56 แค่เริ่มจากการใช้จินตนาการก่อนเนี่ยแล้ว
00:18:56 → 00:18:59 ค่อยไปลงสนามคือให้ฝึกลุกนั่งจริงๆเราพบ
00:18:59 → 00:19:02 ว่าคล้ายๆ manifest นะใช่ใช้กำลังกำลัง
00:19:02 → 00:19:04 ต้นขาก็จะดีขึ้นงั้นฟ้าว่าในเรื่อง
00:19:05 → 00:19:08 manifest มันก็มีวิทยาศาสตร์ที่แบอยู่
00:19:08 → 00:19:10 ข้างหลังเหมือนกันก็คือเรา manifest
00:19:10 → 00:19:12 กล้ามเนื้อแต่กล้ามเนื้อชัดเจนว่าสมอง
00:19:12 → 00:19:15 เนี่ยมันส่งสัญญาณไปเาเรียกว่าส่งไฟไปให้
00:19:15 → 00:19:17 กล้ามเนื้อมันทำงานได้จริงอันนี้ก็คือ
00:19:17 → 00:19:20 เรื่องของตัว S to Stand Test นี่มา
00:19:20 → 00:19:22 อีกอันนึงที่ชมเคยได้ยินคือไอ้ท่าที่เขา
00:19:22 → 00:19:24 เรียกว่านั่งกับพื้นแล้วลุกขึ้นมายืน
00:19:24 → 00:19:26 อันเนี้ยมาจากเป็นงานวิจัยของคุณหมอที่
00:19:26 → 00:19:29 บราซิลเราจะเริ่มจากท่ายืนก่อนยืนเสร็จ
00:19:29 → 00:19:31 ปุ๊บให้ลงไปนั่งพื้นเสร็จแล้วก็จะหัก
00:19:31 → 00:19:35 คะแนนไปว่าระหว่างที่ลงไปนั่งพื้นน่ะใช้
00:19:35 → 00:19:38 อะไรช่วยบ้างใชถ้าเป็นคนปกติกล้ามเนื้อ
00:19:38 → 00:19:40 ช่วงแกนกลางลำตัวเราดีต้นขาดีเราจะนั่ง
00:19:40 → 00:19:43 ได้โดยไม่ต้องใช้มืออืจยืนลงไปนั่งจะใช้
00:19:44 → 00:19:46 ได้โดยไม่ต้องใช้มือแต่บางคนต้นขาเริ่ม
00:19:46 → 00:19:49 ไม่มีแรงบางทีจะลงเราจะเคยเห็นต้องเอามือ
00:19:49 → 00:19:51 แตะยันพื้นก่อนแล้วพวกที่มีแรงแต่สิฟอ่ะ
00:19:52 → 00:19:55 ถ้าถ้ามีแรงแต่ว่าสิฟกันที่ตึงเกินไปก็
00:19:55 → 00:19:57 แปลว่าไอ้ข้อต่อต่างๆมีปัญหาเช่นกันก็จะ
00:19:57 → 00:19:59 ส่งผลทำให้มีปัญหาต่อการเคลื่อนไหวถือว่า
00:19:59 → 00:20:01 เป็น aging อย่างนึงมั้ยคะก็ถือว่าเป็น
00:20:01 → 00:20:03 aging ถูกต้องการไม่ยืดหยุ่นก็เป็น
00:20:03 → 00:20:07 สัญญาณของความแขของิถูกต้องซึ่งฟ้าไม่ได้
00:20:07 → 00:20:09 หมายความว่ามันต้องยืดหยุ่นในโอ้โหเป็น
00:20:09 → 00:20:12 นักบัลเล่ห์แบบนักยิมนาสติกหัวฉันจะต้อง
00:20:12 → 00:20:15 แตะเท้ามันก็คงไม่ต้องขนาดนั้นเนาะแต่ว่า
00:20:15 → 00:20:17 ความยืดหยุ่นที่เราควรจะต้องมีอ่ะคือ
00:20:17 → 00:20:20 อย่างน้อยมีในเาเรียกว่าการเคลื่อนไหวของ
00:20:20 → 00:20:23 ข้อต่อที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ถ้าเมื่อ
00:20:23 → 00:20:26 ไหร่มันตึงมากเกินไปแสดงว่ามีบางอย่างที่
00:20:26 → 00:20:29 เริ่มมีปัญหาและอาจจะมีบางมัดอ่อนแอบาง
00:20:29 → 00:20:32 มัดแข็งแรงเกินไปซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหา
00:20:32 → 00:20:35 ได้ในระยะยาวอืแล้วก็การที่แล้วเราลอง
00:20:35 → 00:20:39 สังเกตคนอายุเยอะก็เหมือนหุ่นยนต์ข้อขยับ
00:20:39 → 00:20:41 ไม่ค่อยได้ขยับนิดขยับหน่อยอ่ะปวดข้อข้อ
00:20:41 → 00:20:44 อักเสบอีกเพราะฉะนั้นฟ้าว่ามันคงไม่ได้ไป
00:20:44 → 00:20:46 extrem ว่าความยึดหยุ่นคือเธอต้องตัว
00:20:46 → 00:20:48 อ่อนไม่ใช่เรื่องตัวอ่อนมันคือการที่ข้อ
00:20:48 → 00:20:51 ต่อต่างๆของร่างกายมันยังใช้งานได้อย่าง
00:20:51 → 00:20:53 ปกติทีนี้อ่ะเอา sitting Ring Test ให้
00:20:53 → 00:20:56 จบก่อนก็คือลงมาถ้าเราใช้มือยันโดนหัก 1
00:20:56 → 00:20:59 คะแนนใช้หน้าแข้งวางก่อนถึงจะเอเอาก้นลง
00:20:59 → 00:21:00 ไปนั่งก็โดนหักอีก 1 คะแนนเก็หักไปเรื่อย
00:21:00 → 00:21:03 ๆก็คือจากตอนยืนลงมานั่งเนี่ยเขาจะคิด
00:21:03 → 00:21:05 เป็น 5 คะแนนต้องเอาก้นสัมผัสพื้นก่อนใช่
00:21:05 → 00:21:08 ค่ะเสร็จปุ๊บก็คือจากพอนั่งเป็นเหมือนคา
00:21:08 → 00:21:11 สมาที่พื้นปุ๊บแล้วลุกขึ้นมายืนถ้าต้อง
00:21:11 → 00:21:14 ใช้มือยันก็ลบไปอีก 1 คะแนนใช้หน้าแข้ง
00:21:14 → 00:21:16 ยันลบไปอีก 1 คะแนนก็ดูว่าใช้อะไรช่วยบง
00:21:16 → 00:21:19 ยิ่งใช้ตัวช่วยเยอะเต็ม 10 เตใช่ลง 5
00:21:19 → 00:21:22 ขึ้น 5 เต็ม 10 บางคนจะไม่เหลือสักคะแนน
00:21:22 → 00:21:24 ได้เหมือนกันนะคะฟ้าเคยเจอบางคนไม่เหลือ
00:21:24 → 00:21:26 สักคะแนนของฟ้าเองฟ้าก็ได้แค่ 9 เพราะว่า
00:21:26 → 00:21:29 ขาขึ้นฟ้าก็ต้องเอามือ 1 ข้างเหมอันนี้
00:21:29 → 00:21:32 ตัวอย่างที่ได้คะแนนไม่เต็มนะคะอันนี้ตัว
00:21:32 → 00:21:34 อย่างที่คะแนนไม่เต็มอ่ะถ้านั่งอย่าง
00:21:34 → 00:21:37 เงี้ยก็คือ 5 5 สมมุติถ้าเกิดจะขึ้นถ้า
00:21:37 → 00:21:40 เกิดว่าขึ้นแบบนี้ปึ๊บถ้าเข่า 2 ท่างตั้ง
00:21:40 → 00:21:43 แต่พื้นอันเนี้ย -1 -1 อันเนี้ย -8 อ่า
00:21:43 → 00:21:45 แล้วถึงค่อยขึ้นถ้าเกิดว่าอยากได้ 9 ก็
00:21:45 → 00:21:47 คืออาจจะเอามือยาน 1
00:21:47 → 00:21:51 ข้างอันนี้ได้ 9 เพราะว่าใช้มือช่วยนะคะ
00:21:51 → 00:21:54 อ่ะทีนี้ดูแบบเต็มนะคะเต็ม
00:21:54 → 00:21:59 นั่งใช่ค่ะด้วย 5 5 แล้วก็
00:21:59 → 00:22:06 ขึ้นนี่ได้ 10 เทรนเนอร์ต้องภาคภูมิใจ
00:22:06 → 00:22:10 อิต้าสใจถามว่าไอ้ตัวที่ทำให้คะแนนตกมี
00:22:10 → 00:22:11 อะไรบ้างมีตั้งแต่ความแข็งแรงของกล้าม
00:22:12 → 00:22:15 เนื้อมันเริ่มเสื่อมมีตั้งแต่เรื่องข้ออื
00:22:15 → 00:22:17 ข้อต่อมันติดไปหมดเลยมันโอ๊ะมันไม่สามารถ
00:22:18 → 00:22:20 จะงอเหมือนถ้าเพราะว่าเราลองคิดสภาพว่า
00:22:20 → 00:22:21 ถ้าเราจะยืนลงไปนั่งอ่ะมันเหมือนเราทำ
00:22:22 → 00:22:24 เอเชียนสคอค่ะต้องเป็นเหมือน full squat
00:22:24 → 00:22:27 เลยก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปบางทีมันตึงมาก
00:22:27 → 00:22:29 เขายึดอย่างเงี้ยเนลงไม่ได้
00:22:29 → 00:22:32 ปัญหาึกลุ่มเจอว่าถ้าได้นกว่า 8 คะแนน
00:22:32 → 00:22:37 โอกาสที่จะป่วยตายด้วยโรคอื่นๆในอนาคตภาย
00:22:37 → 00:22:39 ในประมาณ 5 5 ปี 10 ปีข้างหน้าก็จะเยอะ
00:22:39 → 00:22:42 กว่ากลุ่มคนที่ได้คะแนนมากกว่า 8 คะแนน
00:22:42 → 00:22:44 แล้วก็ถัดมาอีกอันนึงอันนี้คือ S to
00:22:44 → 00:22:46 Rising ใช่ไหมคะซึ่งถ้าอายุเกิน 60 อ่ะา
00:22:46 → 00:22:48 ว่าเกิดมีเรื่องข้ออักเสบด้วยอะไรด้วยไม่
00:22:48 → 00:22:50 ต้องไป Force ให้ผู้สูงอายุทำ S to Ring
00:22:50 → 00:22:53 Test ก็ทำแค่ S to Stand ก็พอแล้วอีก
00:22:53 → 00:22:55 อันนึงที่เราต้องมีก็คือเรื่อง Balance
00:22:55 → 00:22:59 หรือว่าความสมดุลก็ยืนฝา 1 ข้างเหมือนเรา
00:22:59 → 00:23:02 จินตนาการว่ายืนแล้วเราจะยืนยืดเส้นหรือ
00:23:02 → 00:23:04 ว่ายืนมาแล้วผูกเชือกรองเท้าเองโดยที่ไม่
00:23:04 → 00:23:06 ได้หลังพิงกับอะไรเนี่ยอย่างน้อยเนี่ยเรา
00:23:06 → 00:23:09 ควรจะต้องยืนด้วยขาของเราได้ถ้าจะให้ดี
00:23:09 → 00:23:12 สำหรับคนที่อายุน้อยเขาบอกว่าควรจะเกิน 43
00:23:12 → 00:23:14 วินีตอนไปอ่านเปเปอร์ฟ้าก็จะขำพวกนี้ตลอด
00:23:14 → 00:23:17 ว่าทำไมเธอไม่เอาเป็นเลข 45 หรือว่าเลข
00:23:17 → 00:23:20 กลมๆทำไมหลอนจะต้องเป็น 43 ก็คือเหมือนพอ
00:23:20 → 00:23:22 มันไปดู Data ในคนออกมาแล้วมันได้ว่าค่า
00:23:22 → 00:23:24 เฉลี่ยเป็น 43 ใช่ค่ะแล้วก็ถ้าเกิดเป็นคน
00:23:24 → 00:23:27 อายุเกิน 65 ขึ้นไปเาบอกว่าอย่างน้อยคุร
00:23:27 → 00:23:29 จะได้ขาข้างนึงเนี่ยคนจะต้องบาลานซ์ตัว
00:23:29 → 00:23:31 เองได้อย่างน้อยเกิน 30 วินาทีก็คือครึ่ง
00:23:31 → 00:23:34 นาทีก็เป็นอีกวิธีนึงที่เราเทสได้ซึ่งพวก
00:23:34 → 00:23:37 เนี้ยจริงๆเรามีเทสเองได้ได้แต่ว่าถ้าเรา
00:23:37 → 00:23:40 ไม่มั่นใจเราพบว่าเราจะเซเรากลัวว่าเราจะ
00:23:40 → 00:23:43 ล้มเราไม่ต้องซ่ามากแล้วก็อยู่ในบริเวณ
00:23:43 → 00:23:45 ที่ถ้าสมมุติเราเซมันจะไม่ไปฮิตไม่ใช่แบบ
00:23:45 → 00:23:48 เดี๋ยวหัวกระแทกเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก
00:23:48 → 00:23:51 กลายเป็นว่าทำเทสวัดอายุปรากฏได้ใช้
00:23:51 → 00:23:54 บริการโรงพยาบาลแทนก็ไม่ใช่ถ้าเราเทสแล้ว
00:23:54 → 00:23:56 เราเจอว่าตัวเลขเราเนี่ยสมมุติเราอายุเรา
00:23:56 → 00:23:59 ไม่ถึง 60 แต่เราทำได้เป็นในความสามารถ
00:23:59 → 00:24:01 เข้าขายคนอายุ 60 ก็แปลว่าอ่ะเป็นสัญญาณ
00:24:01 → 00:24:04 บอกแล้วว่ากล้ามเนื้ออยู่น่าจะมีปัญหานะ
00:24:04 → 00:24:06 ต้องเริ่มมาใส่ใจดูแลเรื่องกล้ามเนื้อตัว
00:24:06 → 00:24:09 เองมาฝึกในเรื่องของการทรงตัวเป็นต้น
00:24:09 → 00:24:11 เพื่อที่จะทำให้เราเนี่ยไม่พลัดตกหกล้ม
00:24:11 → 00:24:13 ตอนอายุมากขึ้นพอมีแค่นี้ปุ๊บนัก
00:24:13 → 00:24:16 วิทยาศาสต์ก็บอกว่ามันอาจจะไม่พอแฮะเพราะ
00:24:16 → 00:24:18 ก็มีมาตั้งนานแต่คนที่แบบอายุเยอะขึ้น
00:24:18 → 00:24:20 แล้วยังป่วยเป็นโรคนู้นโรคนี้ก็ไม่ได้ลด
00:24:20 → 00:24:24 ลงค่ะณปัจจุบันโรคที่ทำให้เราเนี่ยต้อง
00:24:24 → 00:24:27 เสียเงินไปหาหมอเยอะที่สุดเลยก็จะมีเขา
00:24:27 → 00:24:29 เรียกว่าเป็น 4 กลุ่มโรคด้วยกันคือตัวโฟ h
00:24:29 → 00:24:33 man ก็คือเป็นอ่ะ 4 เค้าเรียกอะไรอ่ะ 4
00:24:33 → 00:24:36 มัจุราชที่อ่ะทำให้คนเนี่ยส่วนใหญ่ป่วย
00:24:36 → 00:24:39 แล้วก็ตายมีอะไรบ้างก็จะมีเรื่องโรคหัวใจ
00:24:39 → 00:24:41 ค่ะและหลอดเลือดถัดมาก็เป็นโรคเขาเรียก
00:24:41 → 00:24:44 ว่าเมตาบอลิกคือร่างกายเอาพลังงานไปใช้
00:24:44 → 00:24:47 ได้ไม่เต็มที่ก็มักจะเป็นพวกโรคอ้วนโรค
00:24:47 → 00:24:50 เบาหวานถัดมาก็เป็นโรคสมองโรคสมองเสื่อม
00:24:50 → 00:24:52 กันได้ตั้งแต่ความจำเสื่อมอัลไซเมอร์
00:24:52 → 00:24:54 พาร์กินสันแล้วก็กลุ่มโรคสุดท้ายก็คือโรค
00:24:54 → 00:24:57 มะริแคนเซอร์อืเพราะฉะนั้นเนี่ยหลักๆเก็
00:24:57 → 00:24:59 เลยบอกว่าอ่ะอ่ะงั้นเรารู้อยู่แล้วอ่ะว่า
00:24:59 → 00:25:03 ไอ้โรคพวกเนี้ยมันทำให้คนเนี่ยเสื่อมค่ะ
00:25:03 → 00:25:06 แล้วก็คุณภาพชีวิตไม่ดีอาจจะอยู่ได้ไม่
00:25:06 → 00:25:08 ถึง 100 ปีหรือถอยู่ถึงอยู่ได้ 100 ปีก็
00:25:08 → 00:25:11 ดูจะไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่งั้นเรายิ่ง
00:25:11 → 00:25:14 ต้องหาวิธีวัดไอ้เรื่องของอายุนี่แหละที่
00:25:14 → 00:25:16 ดูประเมินว่าเอ๊ะความสะสมความเสื่อมที่จะ
00:25:16 → 00:25:18 ทำให้เป็นโรคเหล่าเนี้ยเราวัดมันได้แม่น
00:25:18 → 00:25:21 ยำขึ้นไมันก็เลยเป็นที่มาของการตรวจด้วย
00:25:21 → 00:25:25 แลบที่ชมบอกคือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
00:25:25 → 00:25:27 ซึ่งก็อาจจะมีตั้งแต่การตรวจจากเลือดบาง
00:25:28 → 00:25:30 คนก็จะมีการตรวจจากเนื้อเยื่อกระพุงแก้ม
00:25:30 → 00:25:33 หรือว่าแม้แต่การตรวจของพวกอุจจาระเพื่อ
00:25:33 → 00:25:35 ดูเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเอาข้อมูลเหล่า
00:25:35 → 00:25:37 เนี้ยมาประกอบในการที่พยายามจะทำความเข้า
00:25:37 → 00:25:39 ใจว่าประเมินว่ามันมีความเสื่อมตรงไหน
00:25:39 → 00:25:42 บ้างความเสื่อมตรงไหนบ้างแล้วก็เราจะวัด
00:25:42 → 00:25:44 ให้มันแม่นยำได้ยังไงค่ะเพราะฉะนั้นถ้า
00:25:44 → 00:25:47 ฟังแบบนี้ปุ๊บอันดับแรกเลยฟ้าว่าที่ทุกคน
00:25:47 → 00:25:49 ฟังรวมถึงชมฟังแล้วตอนนี้ที่รู้แล้วแน่ๆ
00:25:49 → 00:25:51 ก็คือสงสัยเรื่องความแก่มันวัดไม่ได้ด้วย
00:25:51 → 00:25:55 เทสเดียวใช่ถูกมยเพราะว่ากล้ามเนื้อมันก็
00:25:55 → 00:25:57 เรื่องนึงเออมันแก่ไม่เท่ากันบางคนกล้าม
00:25:57 → 00:26:00 เนื้ออาจจะดีมากเลยโอ้โหออกกำลังกายดีล
00:26:00 → 00:26:03 วัดอัตราการทำงานของหัวใจพวก vo2 Max ก็
00:26:03 → 00:26:05 แบบดีแต่ข้างในมันอาจจะไม่ดีแฮะเพราะ
00:26:05 → 00:26:07 ฉะนั้นหมายความว่าความเสื่อมของเราเนี่ย
00:26:07 → 00:26:10 เนื่องจากร่างกายมนุษย์มันมีหลายอวัยวะมี
00:26:10 → 00:26:13 เซลล์เป็นล้านๆเซลล์มันเลยไม่สามารถจะใช้
00:26:13 → 00:26:16 เทสแค่เทสเดียวในการเป็นตัวฟันธงไปได้เลย
00:26:16 → 00:26:19 ว่าความเสื่อมของูตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่
00:26:19 → 00:26:21 ซึ่งชมเข้าใจถูกมั้ว่าแต่ละแบอ่ะเขาคก็จะ
00:26:21 → 00:26:25 มีแพคเกจไม่เหมือนกันว่าที่มาอือ่าว่า
00:26:25 → 00:26:29 ตรวจอะไรบ้างอะไรบ้างใช่เพราะงั้นก็ต้อง
00:26:29 → 00:26:32 เข้าใจที่มาก่อนที่มาของงานวิจัยทั้งหมด
00:26:32 → 00:26:35 เนี้ยต้องมาจากการทำการทดลองพูดง่ายๆมา
00:26:35 → 00:26:38 จากรีเสิร์ชนั่นเองมันจะไม่ใช่แบบโอ๋อยู่
00:26:38 → 00:26:41 ดีๆหมอฟ้าบอกว่าฉันอยากจะแบบวัดดูว่าคน
00:26:41 → 00:26:44 ที่แบบมาหาฉันเนี่ยมีอายุแก่เท่าไหร่ไม่
00:26:44 → 00:26:47 ใช่สามารถจะติ๊งต่างคิดขึ้นมาได้เองว่า
00:26:47 → 00:26:48 เราจะเอาตัวเลขนั้นตัวเลขนี้มันก็คือต้อง
00:26:48 → 00:26:51 มาจากการเก็บข้อมูลเขาต้องเอาเข้าไป
00:26:51 → 00:26:53 วิเคราะห์ก่อนว่าแล้วก็ไปดูในประชากรว่า
00:26:53 → 00:26:57 อ่ะถ้าตามดูไปยาวๆแล้วไอ้ตัวมีตัวไหนมัน
00:26:57 → 00:27:00 เปลี่ยนแปลงบ้างอืแต่อย่างงี้มันก็หมาย
00:27:00 → 00:27:03 ความว่ามันเป็นการเทียบว่าเราอ่ะแก่แค่
00:27:03 → 00:27:05 ไหนเมื่อเทียบกับกลุ่มประชากรที่อยู่ใน
00:27:05 → 00:27:08 รีเสิร์ชถูกต้องมันจึงไม่นิ่งแล้วมันก็
00:27:08 → 00:27:12 เลยไม่เป็นว่าถ้าตอนเนี้ยพ.ศเนี้ยประชากร
00:27:12 → 00:27:17 ของโลกส่วนมากก็คือแบบเยินน่ะพูดง่ายๆมีน
00:27:17 → 00:27:19 มันก็จะเยินถูต้องถูกต้องค่ะแล้วถ้าเรา
00:27:19 → 00:27:22 แค่เสมอมีนเราก็อาจจะเยินเท่าๆเาถูกถู
00:27:22 → 00:27:25 ต้องใช่เพราะฉะนั้นน่ะพวกนี้มันเลยไม่ใช่
00:27:25 → 00:27:28 ตัวเลขที่นิ่งมันก็คือเป็นแค่ให้เราแบบ
00:27:28 → 00:27:33 ว่าเข้าใจตัวเองณณวันนั้นณวันนั้นณเวลา
00:27:33 → 00:27:35 นั้นที่เราตรวจเราจะพูดเสมอว่าเวลาตรวจ
00:27:35 → 00:27:37 ร่างกายประจำปีหรือว่าตรวจแลบพวกเนี้ยมัน
00:27:37 → 00:27:39 คือ snapshot เหมือนเวลาเราไปเที่ยวทั้ง
00:27:40 → 00:27:42 ทริปอาจจะมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายมันขึ้น
00:27:42 → 00:27:44 อยู่กับว่าตอนเราถ่ายรูปอ่ะเราเก็บโมเมน
00:27:44 → 00:27:47 ไหนมาของช่วงเวลานั้นแล้วก็เป็นเหมือนที่
00:27:47 → 00:27:50 ชมบอกเลยว่าฟ้าเลบอกว่าฟิลของสิ่งที่เขา
00:27:50 → 00:27:52 เรียกว่าาสตร์เพื่อให้อายุยืนยาวหรือว่า
00:27:52 → 00:27:54 เราจะดูว่าเราจะป้องกันโรคได้ยังไงมันเลย
00:27:54 → 00:27:57 ไม่ใช่ศาสต์ที่นิ่งตายตัวฟักคุยกับชมวัน
00:27:57 → 00:28:00 นี้ข้อมูออกมาแบบนี้เราคุยกันปีหน้ามันมี
00:28:00 → 00:28:03 ข้อมูลใหม่ออกมาวันนี้ตอบแบบนี้รู้แค่วัน
00:28:03 → 00:28:05 นี้รเพราว่าเรารู้แค่นี้พอเรายิ่งมีข้อ
00:28:06 → 00:28:08 มูลเยอะขึ้นในปีหน้ามันก็อาจจะเปลี่ยน
00:28:08 → 00:28:10 สมมุติว่าวันนี้เราตรวจแลบเราได้ออกมาว่า
00:28:10 → 00:28:13 อายุเซลล์เราเป็นเท่านี้แต่ว่าอีก 10 ปี
00:28:13 → 00:28:15 ข้างหน้าอุ๊ยประชากรส่วนใหญ่คุณภาพชีวิต
00:28:15 → 00:28:18 ดีขึ้นถ้าเรายังได้ตัวเลขเท่าเดิมมันก็
00:28:18 → 00:28:22 อาจจะไม่ได้ดีเหมือนวันนี้แล้วถูกต้องกับ
00:28:22 → 00:28:25 เขาเรียกว่าเอ่อประชากรสุขภาพทั่วไปที่
00:28:25 → 00:28:28 มันมีการเปลี่ยนไปมันเป็นแค่ข้อมูลอันนึง
00:28:28 → 00:28:31 ให้เราไปประกอบไปประกอบกับสุขภาพของเรา
00:28:31 → 00:28:35 ด้านอื่นๆใช่อ่ะอย่างนี้เวัดอะไรคะคุณหมอ
00:28:35 → 00:28:38 ก็ณปัจจุบันเวลาเราบอกว่าวัดอายุเซลล์เรา
00:28:38 → 00:28:40 จะต้องเข้าใจที่มาที่ไปก่อนว่าที่มาของ
00:28:40 → 00:28:43 การวัดเยมาจากอะไรถ้าเกิดว่าเราไปดูเนี่ย
00:28:43 → 00:28:46 มันก็เลยมาจากทฤษฎีก่อนว่าที่ฟ้าบอกคุณชม
00:28:46 → 00:28:48 ตั้งแต่แรกว่าเราจะถามกันก่อนว่าความแก่
00:28:48 → 00:28:50 ในนิยามของเราคืออะไรเราเห็นตรงกันและว่า
00:28:50 → 00:28:53 นะทางวิทยาศาสตร์เนี่ยเราหมายถึงการสะสม
00:28:53 → 00:28:55 ของความเสื่อมของร่างกายถัดมาปุ๊บนัก
00:28:55 → 00:28:57 วิทยาศาสตร์ก็ต้องไปหาว่าแล้วสาเหตุของ
00:28:57 → 00:28:58 ความเสื่อมมาจากอะไร
00:28:58 → 00:29:01 มันก็เลยเป็นเรียกว่ากรอบแนวคิดของการทำ
00:29:01 → 00:29:03 งานวิจัยเพื่อให้เราเข้าใจว่าทำไมไอ้ความ
00:29:03 → 00:29:05 เสื่อมเนี่ยไอความแก่ชราเนี่ยมันมีอะไร
00:29:05 → 00:29:08 บ้างปัจจุบันเขาก็เลยเรียกว่าเป็น 12 เสา
00:29:08 → 00:29:12 หลักเป็น 12 H Mark of aging ก็เป็น
00:29:12 → 00:29:14 แนวคิดเอาไว้ทำงานวิจัยก็จะเริ่มมาตั้ง
00:29:14 → 00:29:17 แต่ความยาวของเเมียมันสั้นลงนะตอนอายุมาก
00:29:18 → 00:29:20 ขึ้นรหัสพันธุกรรมของเราเวลามันแบ่งตัว
00:29:21 → 00:29:24 มันเริ่มส่งข้อมูลไม่นิ่งเหมือนเมื่อก่อน
00:29:24 → 00:29:27 แล้วก็มีตั้งแต่ในเรื่องของอ่าการทำงาน
00:29:27 → 00:29:30 ของพวกมลต่างๆที่มันเพี้ยนไปทั้งหมดเยมัน
00:29:30 → 00:29:33 ก็จะมี 12 อันแล้วจาก 12 อันอันนี้แหละพอ
00:29:33 → 00:29:35 เขาเอามาทำงานวิจัยเขาก็จะเห็นภาพชัดเจน
00:29:35 → 00:29:38 ขึ้นว่าอองั้นในคนที่แบบเวลาแก่มีความ
00:29:38 → 00:29:41 เสื่อมแบบนี้เนี่ยมันมีอะไรผิดปกติบ้าง
00:29:41 → 00:29:44 เพราะฉะนั้นที่มาของตัวเลขในการวัดต่างๆ
00:29:44 → 00:29:46 ก็เลยมาจาก 12 hmk อันนี้เพราะฉะนั้นแลบ
00:29:46 → 00:29:49 มันก็เลยจะเยอะมากอันที่คนนิยมเอามาใช้ณ
00:29:49 → 00:29:52 ปัจจุบันที่มีเห็นบ่อยๆคือ 1 ตะกี้พูดไป
00:29:52 → 00:29:55 แล้วความยาวของเทโลเมียก็วัดกันมาตั้งนาน
00:29:55 → 00:29:58 แล้วทีนี้เวลาวัดความยาวของเทโลเมียเนี่ย
00:29:58 → 00:30:02 ข้อดีก็คือมันเอาไว้ใช้ติดตามดูได้เช่น
00:30:02 → 00:30:05 ฟ้าวัดของชมวันนี้แล้วตามไปดูว่าปีหน้า
00:30:05 → 00:30:08 สมมุติว่าชมอาจจะช่วงครึ่งปีแรกงานหนัก
00:30:08 → 00:30:11 มากเราวัดเเมียช่วงนั้นสมมุติเราไม่มี
00:30:11 → 00:30:13 เวลาดูแลสุขภาพเท่าไหร่เเมียมันอาจจะสั้น
00:30:13 → 00:30:15 ลงเราก็จะเทียบได้ว่าอ้าครึ่งปีหลังที่
00:30:15 → 00:30:18 ฉันมีเวลาดูแลตัวเองดีนะเทียบกับช่วงที่
00:30:18 → 00:30:20 ฉันไม่มีเวลาดูแลตัวเองเทโลเมียร์มันสั้น
00:30:20 → 00:30:22 ลงจริงแฮะแต่ว่ามันไอ้ไลฟ์สไตล์ของฉัน
00:30:23 → 00:30:25 เนี่ยมันมีผลต่อความยาวของเทโลเมียแน่นอน
00:30:25 → 00:30:27 แต่ข้อเสียของไอ้ตัวความยาวของเทโลเมียร์
00:30:27 → 00:30:31 เคือไม่สามารถเอาระยะความยาวเนี่ยมา
00:30:31 → 00:30:33 เปลี่ยนเป็นบอกว่าอายุเท่ากับเท่าไหร่ได้
00:30:33 → 00:30:36 หมายถึงว่าเอามาคำนวณไม่ได้ไม่ได้ถามว่า
00:30:36 → 00:30:39 ทำไมเพราะเาพบว่าจริงๆแล้วกลับมาที่อัน
00:30:39 → 00:30:42 เดิมอีกอวัยวะในร่างกายเราอันไหนก็ตามที่
00:30:42 → 00:30:44 มีเซลล์เสื่อมไม่พร้อมกันเซลล์มันก็ทุก
00:30:44 → 00:30:47 ครั้งที่แบ่งตัวเทโลเมียร์มันก็จะสั้นลง
00:30:47 → 00:30:48 เพราะฉะนั้นเซลล์อะไรที่แบ่งตัวเยอะ
00:30:48 → 00:30:50 เทโลเมียร์มันย่อมต้องสั้นกว่าแล้วอย่าง
00:30:50 → 00:30:52 เงี้ยเทลมีความยาวที่เราได้ออกมาเนี่ยมัน
00:30:52 → 00:30:54 เป็นเป็นค่าเฉลี่ยเฉลี่ยเป็นค่าเฉลี่ย
00:30:54 → 00:30:57 เท่านั้นเองแถมเป็นค่าเฉลี่ยจากเซลล์ชนิด
00:30:57 → 00:30:59 เดียวด้วยก็คือเซลเมล็ดขาวเพราะฉะนั้นมัน
00:30:59 → 00:31:02 ก็เซล์เมล็ดขาวจะเป็นตัวแทนของประชากร
00:31:02 → 00:31:04 ทั้งหมดได้ไหมคำตอบก็คือไม่พูดง่ายๆ
00:31:04 → 00:31:06 เหมือนเอาคนไทยทั้งหมดแล้วเราเกิดเลือก
00:31:06 → 00:31:09 ส่งคุณชมไปเป็นตัวแทนแขงเรื่องสุขภาชาว
00:31:09 → 00:31:11 จังหวัดกรุงเทพอเอชาวจังหวัดกรุงเทพปรากฏ
00:31:11 → 00:31:14 เดูแลตัวเองดีมากคุณชมคนก็จะบอกว่าอุ๊ย
00:31:14 → 00:31:17 งั้นคนกรุงเทพฯทุกคนสุขภาพดีสวยเหมือนคุณ
00:31:17 → 00:31:18 ชมอย่างเงี้ยมันไม่ได้เพราะจริงๆมันก็จะ
00:31:18 → 00:31:20 มีอีกเซลล์บางกลุ่มหรือกลุ่มคนอีกบาง
00:31:20 → 00:31:23 กลุ่มซึ่งไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ที่ดีแบบเรา
00:31:23 → 00:31:25 เพราะฉะนั้นฟ้าว่ามันเลยได้แค่เห็นภาพรก็
00:31:25 → 00:31:28 คือณวันเยได้แค่เนี้ยได้แค่นี้อันที่ 2 2
00:31:28 → 00:31:31 ที่มีก็คือในเรื่องของเขาเรียกว่าเป็นคอก
00:31:31 → 00:31:33 และค่ะมันก็จะมาจากคำว่า epi genetic
00:31:33 → 00:31:35 Clock epi genetic เนี่ยฟ้าชอบที่น้อง
00:31:35 → 00:31:37 หมอเพื่อนเขาใช้ภาษาไทยเขาเรียกว่าเป็น
00:31:37 → 00:31:40 พันธุกรรมไปลเปิดพรู้สึกว่าเข้าใจง่ายดี
00:31:40 → 00:31:43 เพราะว่า epi เนติเนี่ยถ้าเราไปดูความแก่
00:31:43 → 00:31:45 ที่ฟ้าบอกเราเริ่มจากรหัสพันธุกรรมก่อนก็
00:31:45 → 00:31:48 คือเจ้า DNA ของเรานี่แหละแล้วเหนือ DNA
00:31:48 → 00:31:50 ของเราไปอีกเนี่ยคือสิ่งที่เราเรียกว่า
00:31:50 → 00:31:52 epigenetic ก็คือเหนือ DNA ของของเรา
00:31:52 → 00:31:55 ขึ้นไปเนี่ยตัวที่มันจะกำหนดว่าไอ้ยีนของ
00:31:55 → 00:31:58 เราอ่ะที่เป็นยีนดีหรือยีนไม่ดีอ่ะมันทำ
00:31:58 → 00:32:00 งานได้จริงหรือเปล่าเนี่ยมันมีตัวที่เรา
00:32:00 → 00:32:03 สามารถไปควบคุมคือปิดหรือเปิดได้ซึ่งไอ้
00:32:03 → 00:32:05 การเรียงของสวิตช์เปิดปิดเหล่าเนี้ยพอเไป
00:32:05 → 00:32:07 ทำงานวิจัยปุ๊บเนี่ยเเจอว่าเอ้ยมันเอามา
00:32:07 → 00:32:10 คำนวณได้แฮะว่าหมายถึงว่าเราสั่งเปิดสั่ง
00:32:10 → 00:32:12 ปิดมันได้อย่างเงี้ยหรอตอนที่ไลฟ์สไตล์
00:32:12 → 00:32:14 เราอ่ะเปิดปิดมันอยู่เนี่ยการเรียง
00:32:14 → 00:32:16 แพทเทิร์นการเปิดปิดเหมือนรหัส
00:32:16 → 00:32:17 คอมพิวเตอร์
00:32:17 → 00:32:21 0111 เนี่ยเอามาเรียงดูมันสามารถเอามา
00:32:21 → 00:32:24 แปลได้ว่าอ่ะงั้นความเสื่อมของร่างกายใน
00:32:24 → 00:32:26 เซลล์คนๆนั้นเนี่ยไอ้ตอนระบบคอมพิวเตอร์
00:32:26 → 00:32:29 โค้ดมันเป็น 0010 เนี่ยมันเสื่อมเท่ากับ
00:32:29 → 00:32:31 คนอายุเท่าไหร่ก็เลยเป็นที่มาของตัวที่
00:32:31 → 00:32:34 เขาเรียกว่า epi genetic Clock อหาทำ
00:32:34 → 00:32:36 จริงๆเนาะหาทำเนอะนัก
00:32:36 → 00:32:38 วิทยาศาสตร์มันก็เลยเป็นตัวคอกตัวนี้และ
00:32:38 → 00:32:41 ไอ้คอกตัวนี้ก็จะบอกออกมาเป็นอายุอ่า
00:32:41 → 00:32:44 อย่างที่ฟ้าบอกแต่อย่างที่บอกไอ้ตัวปิด
00:32:44 → 00:32:46 เปิดอ่ะมันปิดเปิดได้จากไลฟ์สไตล์เราค่ะ
00:32:46 → 00:32:48 เพราะฉะนั้นถ้าไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยนตัวปิด
00:32:49 → 00:32:51 เปิดมันก็เปลี่ยนได้ด้วยเพราะฉะนั้นณ
00:32:51 → 00:32:54 ปัจจุบันคนก็เลยนิยมใช้ไอ้ตัว epigenetic
00:32:54 → 00:32:56 Clock ในการติดตามดูว่าความเสื่อมในแต่
00:32:56 → 00:32:59 ละปีเนี่ยเปลี่ยนยังไงบ้างเพราะข้อดีคือ
00:32:59 → 00:33:02 ถ้าเราปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเราเนี่ยมัน
00:33:02 → 00:33:04 เหมือนเป็นตัวที่ไปกระตุ้นให้คนที่อยากจะ
00:33:05 → 00:33:07 ดูแลตัวเองอยู่แล้วเนี่ยมีเาเรียก inss
00:33:07 → 00:33:09 ที่จะรู้ว่าอ่ะเราควรจะต้องดูแลตัวเองยัง
00:33:09 → 00:33:11 ไงบ้างไอ้ไลฟ์สไตล์ที่เราใช้ตอนนี้ฉันกิน
00:33:11 → 00:33:14 คีโตเข้าไปเนี่ยเซลล์ฉันมันเสื่อมหรรือ
00:33:14 → 00:33:17 เปล่าอืในขณะที่บางคนกินคีโตแล้วอุ๊ย
00:33:17 → 00:33:18 ปรากฏเซลล์เด็กแต่ว่าเพื่อนเราอาจจะกิน
00:33:18 → 00:33:23 แล้วแบบเซลล์เสื่อมก็ได้ใช่มันก็เป็นตัว
00:33:23 → 00:33:26 ที่เอาไว้ใช้วัดได้เพราะว่ามันไม่มีซ Fit
00:33:26 → 00:33:28 All ค่ะแล้วก็ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทาง
00:33:28 → 00:33:30 งานวิจัยมันเยอะอ่ะมันเยอะจนบางทีแม้แต่
00:33:31 → 00:33:34 คนเสพเองก็สับสนแม้แต่หมอเองบางทีก็สับสน
00:33:34 → 00:33:37 นะแต่ว่าสำหรับคนที่เข้าถึงแลบพวกนี้ได้
00:33:37 → 00:33:40 แล้วอย่างคุณชมอย่างเงี้ยสมมุติอยากจะวัด
00:33:40 → 00:33:42 ก็นอกจากที่ฟ้าบอกว่าเป็นการเรียงของไอ้
00:33:42 → 00:33:45 ตัวโค้ชที่เซลล์แล้วเนี่ยแล้วมันออกอายุ
00:33:45 → 00:33:48 มาอีกอันนึงที่ต้องระวังคือ timing ของ
00:33:48 → 00:33:52 การเก็บตัวอย่างมีผลต่อการเรียนของโค้ช
00:33:52 → 00:33:55 ด้วยแต่เรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยอัน
00:33:55 → 00:33:57 นั้นเราพบว่าถ้าเกิดว่าคุณชมอ่ะเก็บ
00:33:57 → 00:34:00 แซมเปิลอันเนี้ยไอ้วัดโค้ดอันเนี้ยตัว
00:34:00 → 00:34:05 อายุเราค่ะถ้าเอ่อเก็บใกล้ๆเที่ยงคืนอายุ
00:34:05 → 00:34:07 มันจะได้น้อยกว่าเก็บตอนกลางวันมันยมใช่
00:34:07 → 00:34:10 มั้ยหรือยังไงเขาบอกว่ามันน่าจะเกี่ยวกับ
00:34:10 → 00:34:12 เรื่องของไอ้ตัวนาฬิกาชีวิตเราที่เรา
00:34:12 → 00:34:14 เรียกว่าเน rit ที่มันมีผลต่อการเลียง
00:34:14 → 00:34:17 โค้ชพวกนี้ด้วยเาเลยไปเจอว่าถ้าเก็บตอน
00:34:17 → 00:34:20 กลางคืนน่ะได้อายุน้อยกว่าเก็บตอนกลางวัน
00:34:20 → 00:34:22 แล้วชมว่าจริงๆมันก็อาจจะยังมีปัจจัยอื่น
00:34:22 → 00:34:24 ๆอีกนะผู้หญิงก็แบบไหนจะรอบเดือนไหนจะ
00:34:24 → 00:34:26 นู่นนี่นั่นอะไรอย่างเงี้ยแบบหลายๆอย่าง
00:34:26 → 00:34:30 ใช่เลยว่าถ้าเกิดว่าคนไหนจะวัดอ่ะต้อง
00:34:30 → 00:34:32 ระลึกเอาไว้ด้วยว่าแม้แต่ระยะเวลาในการ
00:34:32 → 00:34:35 เก็บแซมเปิลเราก็เปลี่ยนสมมุติถ้าวันแรก
00:34:35 → 00:34:37 ไปหาหมอเราเก็บตอนเย็นแล้วอีกวันนึงดัน
00:34:37 → 00:34:39 อ่ะจะต้องเดินทางไปเก็บตอนเช้ามันก็มี
00:34:39 → 00:34:41 ความคลาดเคลื่อนหรือเราอาจจะเหนื่อยช่วง
00:34:41 → 00:34:44 นั้นหรือว่าอะไรถูกต้องใช่ก็อันนั้นน่ะ
00:34:44 → 00:34:46 เป็นผลอันนึงอ่ะแล้วก็มีเรื่องเทโลเมียร์
00:34:46 → 00:34:49 งที่ฟ้าบอกแลในอนาคตเราก็พบว่าพอไปดูไอ้
00:34:49 → 00:34:52 12 พมารกมันก็เลยมีวิธีวัดอย่างอื่นเก
00:34:52 → 00:34:55 แม้แต่เขาเรียกว่าชนิดของโปรตีนที่ร่าง
00:34:55 → 00:34:59 กายผลิตออกมาก็สามารถนำเอามาประเมินได้
00:34:59 → 00:35:01 เอามาทำนายโรคได้อันนี้ก็คือตรวจจากเลือด
00:35:01 → 00:35:04 ตรวจจากเลือดหมดเลยก็เป็นในระดับเขาเรียก
00:35:04 → 00:35:05 ว่าเป็นในระดับเซลล์เป็นในระดับของ
00:35:05 → 00:35:07 โมเลกุลที่เราตรวจจากเลือดทั้งหมดเจ้าตัว
00:35:08 → 00:35:10 โปรตีนที่คุณหมอบอกอ่ะค่ะโปรเค้าเรียกว่า
00:35:10 → 00:35:13 อะไรนะวัดโปรตีนโอมิโใช่โมันวัดยังไงแล้ว
00:35:13 → 00:35:16 มันบอกอะไรเราบ้างอ่ะคะก็เราเรียงมาก่อน
00:35:16 → 00:35:19 ว่าในเซลล์เราเรามีรหัสพันธุกรรมคือ DNA
00:35:19 → 00:35:21 ที่มียีนใช่มั้ยคะจากยีนของเราเสร็จปุ๊บ
00:35:21 → 00:35:24 มันตัวที่บอกว่าให้ DNA ตัวไหนเนี่ยมัน
00:35:24 → 00:35:26 ถูกดีดคือแปลงโค้ดออกมาก็คือตัว
00:35:26 → 00:35:29 epigenetic ที่ตะกี้บอก 01 เสร็จปุ๊บพอ
00:35:29 → 00:35:32 มันแปลงออกมามันยังไม่ได้เป็นโปรตีนทันที
00:35:32 → 00:35:35 มันจะต้องเป็นตัวที่เราเรียกว่า RNA ก่อน
00:35:35 → 00:35:37 ซึ่งไอ้ RNA เนี่ยก็มีการวัดเราเรียกว่า
00:35:37 → 00:35:39 transcriptome เป็นขั้นที่ 2 พูดง่ายๆ
00:35:39 → 00:35:42 คือขั้นที่ 1 DNA เราสมมุติเป็นเจ้านาย
00:35:42 → 00:35:46 เราสั่งงานผ่าน Manager คือตัว RNA จาก
00:35:46 → 00:35:49 RNA เนี่ยพอเป็นลูกน้อง Operation Level
00:35:49 → 00:35:52 ทำงานจริงๆถึงจะเป็นโปรตีนออันนั้นก็คือ
00:35:52 → 00:35:55 สิ่งที่เราเรียกว่าโปรตีโิก็คือวัดดูว่า
00:35:55 → 00:35:57 ไอ้จาก DNA ของเราเนี่ยจนมาถึงไอ้โปรตีน
00:35:58 → 00:36:01 พูดง่ายๆจากนโยบายเจ้านายสั่งมาจนกระทั่ง
00:36:01 → 00:36:03 ถึงหน้างานที่ปฏิบัติการเนี่ยวัดดูว่า
00:36:03 → 00:36:06 หน้างานทำงานตามที่ฉันสั่งหรรือเปล่าอืก็
00:36:06 → 00:36:09 คือวัดเป็นโปรตีนโปรตีนเนี่ยเราจะได้ยิน
00:36:09 → 00:36:12 ชื่อบ่อยๆอยู่แล้วเหมือนเอ่อถ้าชมทานพวก
00:36:12 → 00:36:13 อาหารเสริมก็คือเป็นพวกกรดอะมิโนทั้งหลาย
00:36:13 → 00:36:17 อแหละเช่นอลิวซีนไลซีนแนเชนอมินแอซิดที่
00:36:17 → 00:36:19 พวกสายออกกำลังกายชอบกินกันซึ่งโปรตีน
00:36:19 → 00:36:21 เนี่ยคือการเอากดอะมิโนเหล่านั้นเนี่ยมา
00:36:21 → 00:36:24 เรียงกันในรูปแบบต่างๆซึ่งณปัจจุบันเนี่ย
00:36:24 → 00:36:26 ก็จะมีการวัดชนิดของโปรตีนต่างๆในเลือด
00:36:26 → 00:36:29 ได้ค่ะทว่าให้ข้อมูลอะไรบ้างให้ความ
00:36:29 → 00:36:31 เสี่ยงโรคเบาหวานได้บอกเรื่องการเรียงของ
00:36:31 → 00:36:34 โปรตีนแบบหน้าตาแบบเนี้ยเช่นมีโปรตีน a b
00:36:34 → 00:36:37 c d และ E อยู่ปริมาณเท่านี้นะสัดส่วน
00:36:37 → 00:36:39 เป็นแบบนี้ก็แสดงว่าอาจจะเพิ่มความเสี่ยง
00:36:39 → 00:36:41 เป็นโรคเหล่านี้มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่ม
00:36:41 → 00:36:44 โรคอัลไซเมอร์อืซึ่งก็สามารถเเรียกว่า
00:36:44 → 00:36:47 ทำนายโรคได้ล่วงหน้าถึง 10 ปีเลยว่ามี
00:36:47 → 00:36:49 ความเสี่ยงเท่าไหร่ความแม่นยำเป็นยังไงคะ
00:36:49 → 00:36:52 ความแม่นยำถือว่าดีค่ะถือว่าดีเลยฟาเกิน
00:36:52 → 00:36:56 90% เกิน 90% แล้วก็พอเรารู้แบบนี้ปุ๊บ
00:36:56 → 00:36:59 เนี่ยฟามันก็จะทำให้คนที่ตรวจเนี่ยรู้ว่า
00:36:59 → 00:37:01 อ่ะอาจจะจากพันธุกรรมชะและเช่นอย่างของ
00:37:01 → 00:37:04 ฟ้าฟ้ามีอพันธุกรรมทางบ้านมาเป็นโรคหัวใจ
00:37:04 → 00:37:06 ปกติเราก็จะดูแค่เรื่องคอเลสเตอรอลอย่าง
00:37:06 → 00:37:08 เดียวสมมุติฟ้ามีอ่าคนที่บ้านเป็นมะเร็ง
00:37:09 → 00:37:12 ด้วยเป็นเรื่องของสมองด้วยถ้าเรามาวัดพวก
00:37:12 → 00:37:15 นี้เราก็จะได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้นมา
00:37:15 → 00:37:17 ประกอบว่าอ่ะงั้นถ้าเกิดว่าความเสี่ยงตอน
00:37:17 → 00:37:20 นี้มันเพิ่มแล้วฉันจะต้องตรวจอะไรเพิ่มมย
00:37:20 → 00:37:22 ในปีหน้าหรือฉันจะต้องใส่ใจกับการเล่นมือ
00:37:22 → 00:37:25 ถือให้น้อยลงมั้ยหรือฉันควรจะต้องไปออก
00:37:25 → 00:37:28 กำลังกายอะไรเพิ่มขึ้นเป็นต้นค่ะอือืถัด
00:37:28 → 00:37:31 มาในอนาคตซึ่งงานวิจัยอาจจะยังไม่เยอะแต่
00:37:31 → 00:37:32 ว่าก็เริ่มมีก็คือวัดดูเรื่องของ
00:37:32 → 00:37:36 จุลินทรีย์อืเพราะเพบว่าจริงๆแล้วพอไปดู
00:37:36 → 00:37:38 งานวิจัยในคนที่อยู่ถึง 100 ปีเนี่ยมันจะ
00:37:38 → 00:37:41 มีจุลินทรีย์บางชนิดที่เราจะเจอเฉพาะในคน
00:37:41 → 00:37:44 อายุ 100 ปีเชื่ออะไรเชื่ออะไรมีหลายตัว
00:37:45 → 00:37:47 มีหลายตัวเพราะปัจจุบันเวลาเราซื้อไอ้พวก
00:37:47 → 00:37:49 แบเรียตัวดีทานเนี่ยเราต้องเข้าใจก่อนว่า
00:37:49 → 00:37:53 มันมาจากข้อมูลที่เรามีแค่ 10% ค่ะแค่ 10%
00:37:53 → 00:37:55 ของทั้งอาณาจักรไอ้ตัวไมโครไบโอมหรือว่า
00:37:55 → 00:37:58 จุลินทรีย์ในลำไส้เราทั้งหมดเพราะฉะนั้น
00:37:58 → 00:38:00 เนี่ยก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับการต้อง
00:38:01 → 00:38:03 ซื้อโปรไบโอติกทานมากนักเพราะว่าหลังๆที่
00:38:03 → 00:38:05 เราเจอเนี่ยบางทีเรากินโปรไบโอติกบางชนิด
00:38:05 → 00:38:09 โดยเฉพาะแลคโตบาซิลัสเรากินมันเยอะเกินไป
00:38:09 → 00:38:12 บางคนเนี่ยจะเพลียชมเพราะว่าแลคโตบาซิลัส
00:38:12 → 00:38:15 ที่เยอะเกินไปมันทำให้เกิดการผลิตกันคั่ง
00:38:15 → 00:38:18 ของกรดแลคติกหรือว่าแลคเตสกลายเป็นว่าบาง
00:38:18 → 00:38:21 คนถ้ากินโปรไบโอติกยี่ห้อเดิมซ้ำๆๆๆๆๆ
00:38:21 → 00:38:22 แล้วเริ่มรู้สึกว่ามันไม่แข็งแรงเหมือน
00:38:22 → 00:38:25 เมื่อก่อนอันนึงที่ฟาแนะนำคือลองเปลี่ยน
00:38:25 → 00:38:28 หรือว่าลองหยุดทานไอ้พวกโปรไบโอติกเสริม
00:38:28 → 00:38:31 ดูสักระยะนึงให้ร่างกายมันเหมือนรีเซตตัว
00:38:31 → 00:38:34 เองใหม่บาานใหม่ก็น่าจะดีขึ้นเพราะว่าอัน
00:38:34 → 00:38:36 นึงที่เราเห็นตรงกันคือในเรื่องของ
00:38:36 → 00:38:39 จุลินทรีย์ในลำไส้มันไม่ใช่ขึ้นกับชนิด
00:38:39 → 00:38:41 อย่างเดียวสิ่งที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ
00:38:41 → 00:38:44 เนี่ยไม่ใช่แค่จำนวนแต่ว่าคือความหลาก
00:38:44 → 00:38:46 หลายคามหลากหลหลายอืความหลากหลายสำคัญที่
00:38:46 → 00:38:48 สุดแล้วมันจะหลากหลายได้ยังไงมันก็ต้อง
00:38:48 → 00:38:50 เริ่มจากอาหารที่เราทานอ่ะค่ะถ้าเราทาน
00:38:50 → 00:38:53 อาหารไม่หลากหลายเลยสมมุติฟ้าทำงานกับพวก
00:38:53 → 00:38:55 น้องๆนักกล้ามเยอะจะกินแต่อกไก่ปั่นทุก
00:38:56 → 00:38:58 วันแล้วผักฉันก็จะกินแต่ผักที่แบบเป็น
00:38:58 → 00:39:01 กึ่งๆคีโตกินเดิมๆซ้ำๆพวกนี้ขาดความหลาก
00:39:01 → 00:39:03 หลายทางชีวภาพมันก็ส่งผลต่อเรื่องของ
00:39:03 → 00:39:06 แบคทีเรียในลำไส้แล้วก็จะเห็นว่าบางทีพวก
00:39:06 → 00:39:09 นักก้ามก็ไม่ได้ตายช้านะตายเร็วตายเร็วนะ
00:39:09 → 00:39:12 เพราะว่าโอ้โหมันช่วงชีวิตที่ต้องใช้มัน
00:39:12 → 00:39:14 ต้องใช้ร่างกายแบบสมบุกสมบันค่ะตอนนี้
00:39:14 → 00:39:17 เท่าเท่าที่เรามีอยู่เนี่ยค่ะเทคโนโลยี
00:39:17 → 00:39:19 ที่เรามีอยู่ณวันเนี้ยเราสามารถวัดความ
00:39:19 → 00:39:22 เสื่อมหรือว่าความแก่ของร่างกายเราได้กี่
00:39:22 → 00:39:26 แผนกกี่อวัยวะคะถ้าณปัจจุบันที่มีจากงาน
00:39:26 → 00:39:30 วิจัยมาจนถึงว่าใช้ได้กับคนไข้ที่สามารถ
00:39:30 → 00:39:33 เข้าถึงได้นะคะตอนเนี้ยมันก็จะมีแค่ตัว
00:39:33 → 00:39:36 เทโลเมียร์
00:39:36 → 00:39:38 ทุกรรมไไปรเปิดที่เราเรียกว่าอายุชีวิต
00:39:38 → 00:39:41 เซลล์เราเแหละว่าเท่าไหร่แต่ตัวอายุของ
00:39:41 → 00:39:44 อวัยวะเนี่ยกำลังจะมาแต่ว่ายังไม่มาซะที
00:39:44 → 00:39:47 เดียวถามว่าในงานวิจัยที่ฟ้าเห็นตอนที่ไป
00:39:47 → 00:39:49 ประชุมที่โคเปนเฮเกนมามีอะไรบ้างก็จะมี
00:39:49 → 00:39:55 อายุสมองอือายุของลำไส้อายุของไตอายุของ
00:39:55 → 00:39:58 หัวใจเป็นแบบตัวหลักๆเลยแล้วก็เป็นอวัยวะ
00:39:58 → 00:40:00 ที่เราพบว่าเป็นตัวขีหลักเลยที่พออายุ
00:40:00 → 00:40:04 เยอะขึ้นจะเสื่อมความน่าสนใจคือเราไปเจอ
00:40:04 → 00:40:06 ด้วยว่าไอ้เรื่องที่เราชอบเถียงกันเนี่ย
00:40:06 → 00:40:08 เขาใช้วัดคนที่วัดเนี่ยเอ่อชื่อนัก
00:40:08 → 00:40:11 วิทยาศาสตร์ชื่อดรวิม gry เชฟแล้วฟาชอบ
00:40:11 → 00:40:13 เปเปอร์เ้ามากเวลาไปสอนก็จะเอาข้อมูลเขา
00:40:13 → 00:40:16 ไปช่วยแชร์ตลอดเราเจอว่าการสุบบุหรี่คุณ
00:40:16 → 00:40:19 ผู้ชมค่ะทำให้ทุกอวัยวะในร่างกายแก่ขึ้น
00:40:19 → 00:40:24 หมดเลยอืไม่มีอะไรดีเลยอ่ะจากการ Smoking
00:40:24 → 00:40:26 หรือว่า vaping ทำให้ทุกอวัยวะแก่หมดเลย
00:40:26 → 00:40:29 ค่ะขณะที่แอลกอฮอล์นี่สิอือเพราะคนชอบ
00:40:29 → 00:40:31 เถียงกับเรื่องแอลกอฮอล์เถียงมาตั้งแต่
00:40:31 → 00:40:34 ฟ้าอยู่โรงเรียนแพทย์อ่ะจนมาเป็นช่วงนึง
00:40:34 → 00:40:37 ฮิตเรื่องวยแดงเพราะว่ามีเรจนถึงปัจจุบัน
00:40:37 → 00:40:40 เนี่ยเรื่องแอลกอฮอล์เนี่น่าสนใจมากในงาน
00:40:40 → 00:40:44 ทดลองอ่ะค่ะเขาไปเจอว่าแอลกอฮอล์เนี่ยอาจ
00:40:44 → 00:40:47 จะช่วยลดอายุของหลอดเลือด
00:40:47 → 00:40:51 อืได้เป็น Good benefit อันเดียวในขณะ
00:40:51 → 00:40:55 ที่ยังเพิ่มอายุสมองแล้วก็เพิ่มอายุของลำ
00:40:55 → 00:40:58 ไส้กับไตอยู่ดีเพราะฉะนั้นถามว่าแอลกอฮอล
00:40:58 → 00:41:01 อ่ะดีมยก็ไม่คุ้มอยู่ดีอ่ะค่ะส่วนตัวก็จะ
00:41:01 → 00:41:05 แนะนำว่าไม่คุ้มใช่ไม่คุ้มแล้วก็คนชอบถาม
00:41:05 → 00:41:08 ว่าชนิดของแอลกอฮอล์ต่างไคำตอบคือถ้าเป็น
00:41:08 → 00:41:10 จากงานวิจัยเลยไม่ต่างแอลกอฮอลก็คือ
00:41:10 → 00:41:13 แอลกอฮอลใช่เพราะงานวิจัยทำมาโดยอิง
00:41:13 → 00:41:16 ปริมาณของแอลกอฮอล์คือเอิแอลกอฮอลเท่า
00:41:16 → 00:41:19 นั้น 1 เฟิที่เขาพูดกัน 1 Standard
00:41:19 → 00:41:22 drink คือสัดส่วนของการดื่มมาตรฐานจะ
00:41:22 → 00:41:25 เท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ 10 กรัมอืเพราะ
00:41:25 → 00:41:28 ฉะนั้นเนี่ยเราสามารถคำนวณย้อนกลับได้คน
00:41:28 → 00:41:31 ชอบถามว่าหมอฟ้าแต่ว่าพี่อ่ะมีปาร์ตี้นาน
00:41:31 → 00:41:34 ๆทีเราจะต้อง Enjoy กับเพื่อนบ้างถ้าเรา
00:41:34 → 00:41:36 แบบไม่ดริงเลยเพื่อนก็ก่อยหมดอ่ะมันต้อง
00:41:36 → 00:41:39 นนานทีต้องดื่มบ้างไวพี่ดื่มได้กี่แก้ว
00:41:40 → 00:41:42 หรือว่าถ้าเป็นเบียร์ได้ไหมถ้าเรายึด
00:41:42 → 00:41:44 ปริมาณแอลกอฮอล์ 10 กรัมเนี่ยคือ 1
00:41:44 → 00:41:45 serving เป็นหลักเราก็จะรู้ว่ามันเท่า
00:41:45 → 00:41:48 กับ Y ประมาณแค่ 1 แก้วเท่านั้นเองประมาณ
00:41:48 → 00:41:51 120-150 ซีซีขึ้นกับความเข้มข้นถ้า
00:41:51 → 00:41:54 เบียร์ก็คือได้แค่ 1 กระป๋องประมาณ
00:41:54 → 00:41:58 330 ยิ่งเข้มข้นก็ลดลงมา่ออนซหรือว่าแค่
00:41:58 → 00:42:00 45 ซีซีหรือว่าออนซครึ่งค่ะก็ขึ้นกับ
00:42:00 → 00:42:03 ปริมาณความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อืแล้วใน
00:42:03 → 00:42:06 ผู้หญิงเนี่ยสแตนดาร์ดเลยที่ Who ยังยอม
00:42:06 → 00:42:09 รับอยู่ว่าน่าจะไม่เกิดผลเสียเนี่ยไม่ควร
00:42:09 → 00:42:12 เกิน 1 ิงต่อวันส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 2
00:42:12 → 00:42:16 ดิงต่อวันได้แค่นี้ถัดมาเราจะเจอคนไข้ที่
00:42:16 → 00:42:20 หัวหมอมาอีกะบอกว่าอ้อถ้างั้นพี่ไม่ได้
00:42:20 → 00:42:23 ดื่มทุกวันพี่ดื่มแค่อาทิตย์ละหนหรือว่า
00:42:23 → 00:42:27 เดือนละหนเรารวบยอดเรารวบยอดไปเลยได้มย
00:42:27 → 00:42:30 เจอว่ารวบไม่ได้ค่ะชมถามว่าทำไมเพราะเขา
00:42:30 → 00:42:32 บอกว่ามันมาจากเอนไซม์ที่ตับเราเรับไม่
00:42:32 → 00:42:35 ได้นะเครับไม่ได้เมีปริมาณจำกัดเผอิญมัน
00:42:35 → 00:42:37 ไม่ได้หมายความว่าพอเราไม่ใช้เคเขาจะมี
00:42:37 → 00:42:40 สะสมเพิ่มขึ้นรวบยอด 7 วันแล้วมีให้เรา
00:42:40 → 00:42:42 ใช้ทีเดียวมันมีจำกัดว่ามันได้แค่นี้แหละ
00:42:42 → 00:42:45 Maximum ต่อวันฉันได้แค่นี้อืและปริมาณ
00:42:45 → 00:42:48 ที่เขาพบว่าอันตรายเลยแน่ๆก็คือมี 2 แบบ
00:42:48 → 00:42:52 ดื่มเร็วกับดื่มเยอะดื่มเร็วคืออะไรแดื่ม
00:42:52 → 00:42:56 เร็วก็คือของผู้หญิงดื่มมากกว่า 2 ดริงใน
00:42:56 → 00:42:57 2 ช่วโมง
00:42:57 → 00:43:00 อืซึ่งเอาเอาจริงๆชีวิตจริงอ่ะถ้าเรา
00:43:00 → 00:43:03 ปาร์ตี้ทีนึงอ่ะเกินจหรือว่าของผู้ชายไม่
00:43:03 → 00:43:06 ควรเกินสีดริงใน 2 ชั่วโมงเกินอยู่แล้ว
00:43:06 → 00:43:08 แอลกอฮอล์ขวดนึงแห่งกับเพื่อนกินบางทีไม่
00:43:08 → 00:43:11 ถึงครึ่งชั่วโมงกหมดแล้วมั้งขวดนึงค่ะ
00:43:11 → 00:43:14 เพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อถ้ายึดตามข้อมูลณแบบ
00:43:14 → 00:43:16 นี้นะคะถ้าเราไม่ได้ดื่มเป็นประจำเนี่ย
00:43:16 → 00:43:19 ฟ้าก็จะเชียร์ว่านานๆทีก็แค่ต้องเข้าใจ
00:43:19 → 00:43:21 ว่ามันได้ข้อดีคือในเชิงโซเชียลเพราะ
00:43:21 → 00:43:23 มนุษย์เราจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์แต่ก็
00:43:23 → 00:43:26 ต้องยอมรับว่ามันก็คงทำให้เกิดสตสกับร่าง
00:43:26 → 00:43:27 กาย
00:43:27 → 00:43:30 ทำให้มันแกขึ้นนัแหละแล้วพอเรารู้แบบนี้
00:43:30 → 00:43:32 ปุ๊บเราจะได้รู้ว่าหลังจากหมดช่วงปาร์ตี้
00:43:32 → 00:43:36 เราต้องไปฟื้นฟูตัวเองต่อยังไงบ้างเป็น
00:43:36 → 00:43:38 ข้อมูลลักษณะนั้นมากกว่าที่จะออกมาเพื่อ
00:43:38 → 00:43:42 ห้ามไปหมดปัจจัยที่ทำให้
00:43:42 → 00:43:46 เ่าอายุชีวภาพถูกต้องอะไรที่ทำให้แก่ค่ะ
00:43:46 → 00:43:50 ตรงๆเลยตรงๆเลยที่ทำให้แก่ก็ย้อนกลับไปก็
00:43:50 → 00:43:52 คือตัวที่เป็นพื้นฐานที่สุดอ่ะค่ะเพราะ
00:43:53 → 00:43:55 ว่าฟ้าว่าคนชอบถามว่าทำยังไงพี่ถึงจะไม่
00:43:55 → 00:43:59 แก่แล้วก็ทำยังไงถึงจะสวยไปเรื่อยๆมันไม่
00:43:59 → 00:44:01 มียามหัศจรรย์เพต้องบอกอันนี้ก่อนเพราะ
00:44:01 → 00:44:04 ว่าคนที่ถามส่วนใหญ่ชอบถามหา Short Cut
00:44:04 → 00:44:08 Short Cut แล้วก็เจิพิอืซึ่งฟาเข้าใจ
00:44:08 → 00:44:10 ได้นะเพราะว่าบางทีถ้าต้องเลือกในกลุ่มคน
00:44:10 → 00:44:13 ที่มีรายได้เยอะอ่ะก็เลือกว่าเอาเงินแก้
00:44:13 → 00:44:16 ปัญหามันง่ายดีค่ะในขณะที่จะต้องไปเทียบ
00:44:16 → 00:44:18 กับสิ่งที่มันเป็นพื้นฐานที่สุดแต่ได้
00:44:19 → 00:44:21 ประโยชน์ที่สุดก็คือไลฟ์สไตล์อืแม้แต่ใน
00:44:21 → 00:44:24 งานประชุมหรือว่างานวิจัยเนี่ยต่อให้เป็น
00:44:24 → 00:44:26 คุณหมออย่างวิมกิเชฟหรือคนที่คิดไอ้ตัว
00:44:26 → 00:44:28 นาฬิกาชีวิตไอ้ตัวคลอกขึ้นมาเนี่ยทุกคน
00:44:28 → 00:44:32 ยังเห็นตรงกันว่าณปัจจุบันตัวที่ทำให้เรา
00:44:32 → 00:44:35 เนี่ยคุณภาพชีวิตดีแล้วก็ยืนยาวได้ดีที่
00:44:35 → 00:44:38 สุดคือเรื่องไลฟ์สไตล์ค่ะโดยเฉพาะออก
00:44:38 → 00:44:41 กำลังกายอ่าออกกำลังกายเป็นอันแรกเลยที่
00:44:41 → 00:44:44 พบว่าทำให้คุณภาพชีวิตดีแล้วก็ยืนยาวได้
00:44:44 → 00:44:46 มากที่สุดถัดมาก็จะเป็นเรื่องที่ฟาว่า
00:44:46 → 00:44:49 ความสำคัญน้ำหนักพอๆกันและเรื่องอาหาร
00:44:49 → 00:44:51 อาหารเรื่องของการนอนเรื่องของการจัดการ
00:44:52 → 00:44:55 ความเครียดในเรื่องของการเลี่ยงสารพิษทุก
00:44:55 → 00:44:58 คนรู้คแต่ประเด็นน่ะมันอยู่ที่ว่าทำไมไม่
00:44:58 → 00:45:02 ทำก็ยังรอ Magic P ไงซึ่งถ้าเราอยากจะรอ
00:45:02 → 00:45:04 เจิ P ให้คุ้มค่าก็หมายความว่าเราก็ต้อง
00:45:04 → 00:45:07 ยอมลทเราต้องยอมลงทุนบางอย่างเพื่อที่จะ
00:45:07 → 00:45:09 ให้ร่างกายเราไม่เสื่อมเกินไปนะคุณหมอ
00:45:09 → 00:45:12 เชื่อมั้ยว่ามี Magic P ฟ้าเชื่อเฮ้ย
00:45:12 → 00:45:14 จริงหรอฟ้าเชื่อฟ้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว
00:45:14 → 00:45:18 เนี่ยผีมากเลยมันในทางของนักวิทยาศาสตร์
00:45:18 → 00:45:21 กับในของหมออ่ะฟ้าคิดว่าเราจำเป็นจะต้อง
00:45:21 → 00:45:23 อยู่บนพื้นฐานความจริงเวลาเราให้ข้อมูล
00:45:23 → 00:45:25 กับคนไข้แต่การที่เราจะทำให้เกิดองค์ความ
00:45:25 → 00:45:29 รู้ใหม่ๆหรืองวิจัยใหม่ๆการ pessimist
00:45:29 → 00:45:31 มันจะไม่เกิดเิิดีในแง่ที่ทำให้ไม่เกิด
00:45:31 → 00:45:33 อันตรายกับคนไข้ก่อนเราจะนำไปใช้เราต้อง
00:45:33 → 00:45:36 มองในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าจะเกิดข้อเสียอะไร
00:45:36 → 00:45:38 บ้างแต่การทำให้เกิดทรีทเมนใหม่ๆองค์ความ
00:45:38 → 00:45:41 รู้ใหม่ๆต้องมาจากแนวคิดที่ว่าทุกอย่าง
00:45:41 → 00:45:43 เป็นไปได้เพราะถ้าเราคิดว่าทุกอย่างเป็น
00:45:43 → 00:45:45 ไปไม่ได้เราจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหรือถ้า
00:45:45 → 00:45:48 เป็นคนนักลงทุนเราคิดว่าลงไปแล้วเศรษฐกิจ
00:45:48 → 00:45:50 แบบนี้มันเจ๊งแน่นอนมันจะไม่มีการลงทุน
00:45:50 → 00:45:52 ใหม่ๆแต่ก่อนจะถึงวันนั้นน่ะหน้าที่ของ
00:45:52 → 00:45:55 เราก็คือเราจะต้องลงทุนในการดูแลตัวเอง
00:45:55 → 00:45:58 ให้ยังไงไม่เสื่อมมากไปกว่านี้ให้มันหยุด
00:45:58 → 00:46:01 ไว้ที่ตรงนี้หรือถ้าจะเสื่อมก็ให้มันเดิน
00:46:01 → 00:46:03 เสื่อมไปอย่างช้าๆเพราะด้วยเทคโนโลยีที่
00:46:03 → 00:46:06 มันไปไวขนาดนี้ฟ้ามั่นใจมากว่าในอีก 5 ปี
00:46:06 → 00:46:09 10 ปีข้างหน้ามันต้องมีอาจจะเป็นยาหรือ
00:46:09 → 00:46:11 ว่า Treatment หรือ intervention ใหม่ๆ
00:46:11 → 00:46:14 ที่จะช่วยทำให้เราเนี่ยไม่เป็นชียหรือ
00:46:14 → 00:46:17 เป็นพิสันแล้วก็จะหายไวขึ้นหรือว่าถ้า
00:46:17 → 00:46:19 เกิดว่ากล้ามเนื้อรีบเราอาจจะขี้เกียจออก
00:46:19 → 00:46:21 กำลังกายมันอาจจะมียาที่มาช่วยทำให้ออก
00:46:21 → 00:46:25 นิดนึงแต่ได้ผลไวกว่าเดิมก็ได้คือชมไม่
00:46:25 → 00:46:27 เชื่อเรื่องที่ว่าแบบแกจะทำทำตัวเลวยังไง
00:46:27 → 00:46:30 ก็ได้เสร็จแล้วก็ไปซื้อยาอันเนี้ยมาแล้ว
00:46:30 → 00:46:32 ก็ซ่อมแล้วก็คิดว่าจะถอยกลับไปใหม่แบบอะไ
00:46:32 → 00:46:35 เงี้ยอันนี้ชมไม่อันนี้ชมไม่เชื่อถ้าพูด
00:46:35 → 00:46:37 ในแง่นั้นน่ะถูกต้องความที่ฟ้าบอกว่าฟ้า
00:46:37 → 00:46:39 เชื่อว่ามันน่าจะมีเจิ P อ่ะต้องอิงด้วย
00:46:40 → 00:46:44 นะว่าไม่ใช่แบบเธอจะใช้ชีวิตแบบไม่สนไม่
00:46:44 → 00:46:47 สนอะไรใดๆไปจะฝนตกฟ้าร้องฉันก็จะใช้มัน
00:46:47 → 00:46:49 ให้เเรียกว่าคุ้มร่างที่สุดเท่าที่เกิดมา
00:46:49 → 00:46:51 แล้วหวังว่ามันจะมีอะไรสักอย่างเพื่อที่
00:46:51 → 00:46:54 จะทำให้เราเนี่ยรีเวสทุกสิ่งได้มันคงไม่
00:46:54 → 00:46:57 ได้ง่ายขนาดนั้นเอ่อฟ้าจะพูดเสมอว่าทาง
00:46:57 → 00:47:00 การแพทย์อ่ะทุกอย่างมันมีเทรด Off ค่ะถ้า
00:47:00 → 00:47:03 สมมุติว่าเราไม่ลงทุนออะไรที่มันเป็นพื้น
00:47:03 → 00:47:06 ฐานอยู่บ้างแล้วยูไปรอว่ายูจะใช้เงินใน
00:47:06 → 00:47:09 การแก้ปัญหาอย่างเดียวอ่ะมันมักจะมีผล
00:47:09 → 00:47:13 ข้างเคียงที่เราต้องยอมแลกออืเพราะฉะนั้น
00:47:13 → 00:47:15 แม้แต่เรื่องสเตมเซลล์เองฟ้าก็เลยไม่ใช่
00:47:15 → 00:47:17 สายที่แบบโอโหทุกอย่างมันจะต้องแก้ได้
00:47:17 → 00:47:20 ด้วยสเตมเซลล์ถูกเพราะว่ามันยังไม่ได้มี
00:47:20 → 00:47:22 ข้อมูลที่เราจะบอกได้ว่ามันปลอดภัยจริง
00:47:22 → 00:47:24 หรือเปล่าใช้ไป 20 ปีแล้วมันจะเป็นยังไง
00:47:24 → 00:47:27 แถมสเต็มเซลตั้งแต่ยุคเมื่อสมัยฟ้าเรียน
00:47:27 → 00:47:29 จบจนถึงปัจจุบันเนี่ยมันก็มีข้อมูลโผล่
00:47:29 → 00:47:31 มากขึ้นแลปบางตัวที่เราไม่เคยตรวจได้เรา
00:47:32 → 00:47:34 อาจจะเพิ่งมารู้ตอนนี้ก็ได้ที่ฟ้าบอกอ่ะ
00:47:34 → 00:47:35 แลปมันเพิ่งมาจากที่เมื่อก่อนเราไม่เคย
00:47:35 → 00:47:38 บอกว่าออมันปลอดภัยสิเพราะเราตรวจหมดแล้ว
00:47:38 → 00:47:41 ว่ามีไวรัส 1 2 3 4 5 เราจะรู้ได้ไง
00:47:41 → 00:47:43 ไม่ไม่ได้มีไวรัสอย่างโควิดเพิ่มขึ้นมา
00:47:43 → 00:47:45 ฉันต้องสกรีนก่อนให้สเต็มเซลอย่างเงี้ย
00:47:45 → 00:47:48 เป็นต้นเพราะฉะนั้นเนี่ยอะไรที่มันดูดี
00:47:48 → 00:47:53 เกินจริงมาไวเกินไปเพราะจะบอกเสมอว่าถ้า
00:47:53 → 00:47:55 เราเลือกได้เราอย่าเอาตัวไปเป็นหนูทดลอง
00:47:55 → 00:47:59 อืเหมือนอจันไม่ไม่ไม่ต้องแต่ว่าก็อยากจะ
00:47:59 → 00:48:02 ให้ฮปว่าฟ้าก็ยังมั่นใจว่ามันจะมี Tool
00:48:02 → 00:48:05 ที่มันดีขึ้นค่ะที่ทำให้เราไม่ต้องโอ้โห
00:48:05 → 00:48:07 ซัฟเฟอร์กับการปรับไลฟ์สไตล์มากค่ะที่เรา
00:48:07 → 00:48:11 ยังคงเป็นตัวช่วยให้เราถึงเป้าหมายได้ไว
00:48:11 → 00:48:15 ขึ้นช่อนน่าจะมีมั่นมั่นใจว่ามีค่ะอืการ
00:48:15 → 00:48:17 ตรวจสภาพผิวทำนายความเสี่ยงเป็น
00:48:17 → 00:48:20 อัลไซเมอร์ได้หรอคะใช่ๆอันนี้ลืมเล่าเลย
00:48:20 → 00:48:23 เผอิญเพิ่งมีต้องไปสอนหนังสือจะเป็นสอน
00:48:23 → 00:48:26 หนังสือคุณหมอความงามก็เลยไปหาข้อมูลคุย
00:48:26 → 00:48:29 กับเพื่อนๆที่เขาทำไอ้เรื่อง longevity
00:48:29 → 00:48:32 อยู่ก็ไปเจอว่าเนี่ยแหละเป็นความพยายาม
00:48:32 → 00:48:34 ของนักวิทยาศาสตร์ที่ฟ้าบอกว่าเาก็เลยไป
00:48:34 → 00:48:39 หาว่าอ่ะเจาะเลือดอ่ะแพงอืที่วัดอายุไอ้
00:48:39 → 00:48:41 ที่วัดไอ้เรื่องของกล้ามเนื้อขาแรงบีบมือ
00:48:42 → 00:48:45 ก็ทำได้แต่ว่าบางคนแบบก็ไม่ชอบมันมีอะไร
00:48:45 → 00:48:48 อีกมที่เราจะสามารถวัดได้ช่วยให้ประเมิน
00:48:48 → 00:48:52 เข้าใจอายุหาทำหาทำใช่ก็เลยไปมีเป็นทีม
00:48:52 → 00:48:55 นักวิจัยที่เขาทำก็คือวัดความเสื่อมที่
00:48:55 → 00:49:00 ผิวว่ามันสัมพันธ์กับไอ้โรคพวกนี้ไอืก็
00:49:00 → 00:49:02 เลยมีงานวิจัยอันนึงที่เขาทำมาแล้วฟว่า
00:49:02 → 00:49:05 เนี่ยในอีกปี 2 ปีข้างหน้ามันอาจจะมีทู
00:49:05 → 00:49:08 ที่แค่มาหาหมอเราดูคุณภาพผิวแล้วเราก็พบ
00:49:08 → 00:49:11 ว่ามันอาจจะทำนายพวกโรคเรื้อรังต่างๆได้
00:49:11 → 00:49:13 อันที่มีออกมาก็คืออันนี้ค่ะที่เขาวัด
00:49:13 → 00:49:15 คุณภาพผิวของคนที่เป็นอัลไซเมอร์กับไม่
00:49:15 → 00:49:17 เป็นอัลไซเมอร์เขาก็เอาตัวการคัดกรอง
00:49:17 → 00:49:20 เนี่ยเป็นการตรวจประเมินการทำงานของสมอง
00:49:20 → 00:49:23 เราจะเรียกมันว่า mmse เนาะเป็น Mini
00:49:23 → 00:49:25 mental อื evaluation เนี่ยดูว่าได้
00:49:25 → 00:49:28 คะแนนเท่าไหร่ถ้าเกิดว่าคะแนนเนี่ยเอ่อ
00:49:28 → 00:49:30 มันอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอัลไซเมอร์เขาก็ไป
00:49:30 → 00:49:32 ดูว่าคุณภาพผิวเป็นยังไงบ้างเขาก็เจอว่า
00:49:32 → 00:49:34 ในกลุ่มคนที่คะแนนออกมาแล้วมีความเสี่ยง
00:49:34 → 00:49:37 ว่าน่าจะเป็นอัลไซเมอร์เนี่ยผิวเนี่ยมัก
00:49:37 → 00:49:39 จะชื้นกว่าปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีความยืด
00:49:39 → 00:49:42 หยุ่นผิวชื้นผิวชื้นแล้วก็ไม่ค่อยมีความ
00:49:42 → 00:49:45 ยึดหยุ่นน่าสนใจเนาะนี่เรานึกถึงคุณยาย
00:49:45 → 00:49:49 เราเลยคุณคุณหมายถึงคุณคุณทวดคุณทวดวออ
00:49:49 → 00:49:52 เพราะคุณทวดก็เป็นก็เป็นเป็นใช่คก็เนี่ย
00:49:52 → 00:49:54 มีอันเนี้ยที่ออกมาแล้วฟ้าว่าน่าสนใจแล้ว
00:49:54 → 00:49:56 ก็อีกอันนึงที่เป็นงานวิจัยแล้วฟ้าว่าน่า
00:49:56 → 00:49:59 สนใจเช่นกันคือเขพบว่าจุดให้ความร้อนที่
00:49:59 → 00:50:02 ผิวหน้าชมมีคนทำแล้วนะเป็นสแกนเป็นพวก
00:50:02 → 00:50:05 อินเดสแกนแล้วก็เอาไปเก็บ Data ในระยะยาว
00:50:05 → 00:50:07 แล้วก็เอามาวิเคราะห์ว่าจริงๆอาจจะเป็น
00:50:07 → 00:50:10 อีกวิธีนึงที่ก็วัดบอกเรื่องของ edging
00:50:10 → 00:50:14 ผ่านทางการให้ความร้อนออกมาทางผิวหน้าได้
00:50:14 → 00:50:17 แต่ว่างานวิจัยมันอยู่เฉพาะคนผิวขาวเท่า
00:50:17 → 00:50:20 นั้นอืถ้าจะใช้คนเอเชียเพราะว่ามันต่าง
00:50:20 → 00:50:23 พื้นที่ต่างเเรียกว่าพันธุกรรมคุณภาพผิว
00:50:23 → 00:50:25 ไม่เหมือนกันก็คงต้องรอดูว่า to นี้มันจะ
00:50:25 → 00:50:28 สามารถขยายผลมาสู่คนเอเชียแล้วก็เอามาใช้
00:50:28 → 00:50:31 ในการตรวจจริงๆได้หรือเปล่าแต่ว่าที่ฟ้า
00:50:31 → 00:50:33 บอกว่ามันเลยต้องเริ่มจาก Minds ของนัก
00:50:33 → 00:50:34 วิจัยอ่ะที่ต้องคิดว่า Everything
00:50:34 → 00:50:36 Possible มันถึงได้มีอะไรอย่างเงี้ยใหม่
00:50:36 → 00:50:39 ๆที่เอามาช่วยเราในอนาคตแล้วก็อีกอันนึง
00:50:39 → 00:50:42 ที่น่าสนใจก็คือเราพบว่าคุณภาพผิวอ่ะมัน
00:50:42 → 00:50:45 คุยกับกระดูกเราด้วยอืแล้วพบว่าผิวกับ
00:50:45 → 00:50:48 กระดูกอ่ะมันคุยกันค่ะเราพบว่าที่ผิว
00:50:48 → 00:50:51 เนี่ยมันจะมีสารตัวนึงที่เป็นตัวที่ไปบอก
00:50:51 → 00:50:53 กระดูกให้กระดูกเมันยังแข็งแรงอยู่มัน
00:50:53 → 00:50:57 ชื่อ tin a ซึ่งเวลาอายุเยอะขึ้นสารตัว
00:50:57 → 00:51:00 นี้มันมักจะลดลงมันก็เลยมีผลอาจจะทำให้
00:51:00 → 00:51:03 กระดูกบางค่ะน่าสนใจดีแต่ว่าเป็นการทำใน
00:51:03 → 00:51:05 หนูเหมือนกันเขาก็เลยบอกว่าเพราะฉะนั้น
00:51:05 → 00:51:07 งานวิจัยอันนี้ก็เหมือนให้ความหวังเรา
00:51:07 → 00:51:09 เหมือนกันว่าในอนาคตเนี่ยจริงๆแล้วการที่
00:51:09 → 00:51:11 เราดูผิวหน้าเราให้มันดูสุขภาพดีเหมือน
00:51:11 → 00:51:14 ที่พี่โอ๊คบอกอ่ะคุณภาพผิวดี 4 มิติใช่มย
00:51:14 → 00:51:16 มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องความงามแล้วก็
00:51:16 → 00:51:19 ความมั่นใจของเราแล้วนะมันอาจจะมีผลแม้
00:51:19 → 00:51:21 กระทั่งช่วยเรื่องของโรคกระดูกหรือว่าโรค
00:51:21 → 00:51:25 เรื้อรังอย่างอื่นก็ได้ในอนาคตค่ะอืทีนี้
00:51:25 → 00:51:27 ถ้าไปไปตรวจมาแล้วไปตรวจมาแล้วแต่ยังไม่
00:51:27 → 00:51:31 ได้อ่านผลไปตรวจอายุชีวภาพอายุเซลล์มา
00:51:31 → 00:51:34 แล้วแก่กว่าอายุจริงหลายปีอย่างเงี้ยค่ะ
00:51:34 → 00:51:37 เราจะทำยังไงดีคะปรับตอนนี้ยังทันมยคะคุณ
00:51:37 → 00:51:40 หมอข้อดีของการที่เอ่อตรวจณปัจจุบันเยนอก
00:51:40 → 00:51:43 จากที่เป็นอายุชีวภาพแล้วใช่มั้ยคะอีกอัน
00:51:43 → 00:51:44 นึงที่เป็นข้อมูลที่เราตรวจได้ด้วยเนี่ย
00:51:44 → 00:51:48 เขาเรียกว่าเป็นอัตราการแก่ของเราเรา
00:51:48 → 00:51:49 เรียกว่า Rate of aging มันไม่ได้เป็น
00:51:49 → 00:51:51 อายุให้อย่างเดียวเหมือนเป็นแบบกิโลเมตร
00:51:51 → 00:51:53 ต่อชั่วโมงอย่างเงี้คใช่ๆเพรานั้นคือถ้า
00:51:53 → 00:51:56 เกิดว่าเป็นอัตราการแก่เราขอไปช้าๆเหมือน
00:51:56 → 00:51:58 เดิมจงกลมค่อยๆเดินดีกว่าเดินอย่างมีสติ
00:51:58 → 00:52:01 แต่ถ้าเกิดว่าแบบโอ้โหเร็วมากก็แสดงว่า
00:52:01 → 00:52:03 ความเสื่อมมันไปไวค่ะเพราะฉะนั้นเวลาเรา
00:52:03 → 00:52:05 เจออ่ะเราจะเจอได้หลายแบบค่ะเจอได้ตั้ง
00:52:06 → 00:52:10 แต่ 1 อายุเซลล์มันแก่กว่าปกติแต่อัตรา
00:52:10 → 00:52:13 การแก่มันช้าอืเหมือนอ่ะตอนนี้สมมุติวัด
00:52:13 → 00:52:16 อายุเซลล์ฟ้าเริ่มที่ของฟ้า 44 ใช่มั้ยคะ
00:52:16 → 00:52:20 เราอาจจะวัดอายุเซลล์ได้ 50 แต่ว่าช่วง
00:52:20 → 00:52:23 นี้ใช้ชีวิตดีเชียอัตราการแก่อาจจะ 0.8
00:52:23 → 00:52:26 อืแต่ว่าใน 10 ปีข้างหน้าถ้าฉันดูแลชีวิต
00:52:26 → 00:52:29 ชันแบบนี้นะค่ะอายุชั้นความเสื่อมเนี่ย
00:52:29 → 00:52:31 มันไม่ได้เพิ่ม 10 ปีหรอกมันจะเพิ่มแค่ 8
00:52:31 → 00:52:33 ปีเองอืใน 10 ปีข้างหน้าอันนั้นก็คือสิ่ง
00:52:33 → 00:52:35 ที่เราอยากเห็นแต่ว่าไอ้ตัวเลขว่าอายุ
00:52:35 → 00:52:37 เซลล์เราเท่าไหร่อ่ะมาจากกรรมเก่าทั้งหมด
00:52:37 → 00:52:40 ทั้งมวลที่เราเคยทำมาแล้วเช่นก่อนหน้าวัน
00:52:40 → 00:52:42 ที่เราจะตัดสินใจเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เราอาจ
00:52:42 → 00:52:46 จะไม่ค่อยนอนเราแบบมีเรื่องเครียดเราเดิน
00:52:46 → 00:52:49 สูตร PM 2.5 ทุกวันมันก็เลยทำให้อายุ
00:52:49 → 00:52:52 เซลล์สะสมเราอ่ะมันเสื่อมไปะก็คือหมาย
00:52:52 → 00:52:54 ความว่าณวันก่อนที่เราจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
00:52:54 → 00:52:58 สมมุติว่าเราตรวจโอ้โหอายุชีวภาพมาแก่มาก
00:52:58 → 00:53:01 อืผ่านไป 6 เดือนปีนึงมาตรวจใหม่ก็อาจจะ
00:53:01 → 00:53:04 ยังแก่กว่าอายุตามบัตรประชาชนอยู่แต่ว่า
00:53:04 → 00:53:06 มันสามารถแช up ได้เพราะว่ากรรมเก่าที่
00:53:06 → 00:53:10 เราทำมาใช่ใช่ค่ะเป็นแบบนั้นข้อดีมันก็
00:53:10 → 00:53:12 เลยเหมือนบอกได้ 2 อย่างกรรมเก่าที่ทำมา
00:53:12 → 00:53:14 เป็นยังไงบ้างแล้วก็กับณปัจจุบันเนี่ยมัน
00:53:14 → 00:53:16 ทำให้เราแก่เร็วหรือแก่ช้ากว่าปกติหรือ
00:53:16 → 00:53:19 บางคนเนี่ยโอ้โหดูแลตัวเองมาดีมากเลยอายุ
00:53:19 → 00:53:22 เซลล์ก็คือช้าด้วยอัตราการแก่ก็ชาด้วย
00:53:22 → 00:53:24 หรือบางคนเพิ่งมาตรวจหลังจากปาร์ตี้เสร็จ
00:53:24 → 00:53:27 แต่ว่าเมื่อก่อน Healthy มากเลยอายุเซล
00:53:27 → 00:53:30 ช้าแต่ว่าช่วงนั้นชั้นปาตอยู่จนิดก็เลย
00:53:30 → 00:53:33 กลายเป็นว่าแวานการแก่ก็เร็วไปหน่อยก็จะ
00:53:33 → 00:53:36 ได้รู้ว่าอ่ะงั้นเราต้องปรับวิถีชีวิตของ
00:53:36 → 00:53:39 เรายังไงส่วนสเต็ปถัดไปมันค่อยไปคุยใน
00:53:39 → 00:53:41 เรื่องของพวกมนอะไรอย่างเงี้เป็นต้นค่ะ
00:53:41 → 00:53:43 อันนี้ชมตรวจไปเดือนอะไรอ่ะจำไม่ได้แม่
00:53:43 → 00:53:46 ไม่ถนั้นมากตั้ง
00:53:46 → 00:53:50 แต่น่าจากกลางปีปกลางปีตั้งแต่กลางก่อน
00:53:50 → 00:53:53 วันเกิดอ่ะเกินครึ่งปีใช่อันนี้ก็คืออาจ
00:53:53 → 00:53:56 จะไม่ใช่ไม่ใช่ชมวันนี้แล้วไม่ใช่เพราะ
00:53:56 → 00:54:00 ว่าตอนนั้นน่ะตวอายุเซลได้ 49 อือแต่ว่า
00:54:00 → 00:54:02 Rate of aging อ่ะ 0.75 แปลว่าไสตล์
00:54:02 → 00:54:05 ช่วงนั้นน่ะโอเคแล้วอือเพียงแต่ว่ามันมี
00:54:05 → 00:54:07 เรื่องคอเลสเตอรอลที่ฟ้าดูฟ้าว่าหลักๆเลย
00:54:07 → 00:54:10 อ่ะคือเรื่องคอเลสเตอเป็นตัวดึงเป็นตัว
00:54:10 → 00:54:13 ดึงเยอะเลยในขณะที่ตัวที่บอกอายุจากขน
00:54:13 → 00:54:17 เลือดก็คือ 45 ก็แก่อยู่ดีเพราะว่า ldl
00:54:17 → 00:54:21 มันสูงแล้วก็ของชมติดเริ่มคะแนนไขมันน่ะ
00:54:21 → 00:54:24 ตัวหลักเลยแล้วก็ลองลงมาก็คือเรื่องของ
00:54:24 → 00:54:27 ซึ่งตรงเนี้ยเราจะไปบอกเได้มว่าแกอยเอา
00:54:27 → 00:54:31 ldl มาเป็นตัวมันยังไม่ได้ ldl มันอาจจะ
00:54:32 → 00:54:34 สูงจากแบคทีเรียในลำไสู้ก็ได้อืที่มันก็
00:54:34 → 00:54:36 อาจจะมีแนวโน้มว่ามันจะผลิตคอเลสเตอรอล
00:54:36 → 00:54:39 เยอะกว่าปกติอืเพราะฉะนั้นพอยูเปลี่ยน
00:54:39 → 00:54:41 อาหารยูกินผักได้เยอะขึ้นปริมาณแฟตมันลด
00:54:41 → 00:54:43 ลงความหลักหลายแบคทีเรียมันเปลี่ยนเพราะ
00:54:43 → 00:54:45 ว่ามันก็ส่งผลกับเรื่อง ldl เหมือนกัน
00:54:45 → 00:54:48 เพราะว่าตอนที่ถามอ่ะอาหารที่ยูกินมันก็
00:54:48 → 00:54:51 ไม่ได้แบบแย่มากใช่ว่า
00:54:51 → 00:54:54 อใช่อาจจะด้วยพันธุกรรมส่วนนึงอยู่แล้ว
00:54:54 → 00:54:58 แล้วบวกกับอายุอือมันเริ่มเพิ่มขึ้นเพราะ
00:54:58 → 00:55:00 ว่าอันที่ไม่ได้คุยวันนี้ก็คือมันมีอีก
00:55:00 → 00:55:03 เปอร์นึงที่บอกว่ามนุษย์เรามันแก่วบตอน 44
00:55:03 → 00:55:05 กับ 60 เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่แบบพอจะ
00:55:05 → 00:55:08 แตะเลข 44 ปุ๊บอยู่ดีๆเอ้าก็กินเหมือน
00:55:08 → 00:55:10 เดิมคอลเลสเตอรอลพุ่งแล้วอีกทีนึงผู้หญิง
00:55:10 → 00:55:13 จะไปเจอตอนบดประจำเดือนดูจากแม่เราก็ได้
00:55:13 → 00:55:15 ว่าก็กินเหมือนเดิมแล้วอยู่ดีๆก่อนน้ำตาล
00:55:15 → 00:55:18 ก็มาไขมันก็มาทั้งๆที่จริงๆไลฟ์สไตล์เขา
00:55:18 → 00:55:19 ก็เหมือนเดิมเพราะว่ามันมีผลจากฮอร์โมน
00:55:20 → 00:55:23 ที่มันเริ่มเพียนอืดูรายการจบแล้วนะคะก็
00:55:23 → 00:55:26 คอมเมนต์มาบอกกันหน่อยนะคะว่าชอบอะไรไม่
00:55:26 → 00:55:29 ชอบอะไรนะคะอยากจะให้ชมคุยกับใครหรือว่า
00:55:29 → 00:55:32 อยากจะคุยเรื่องไหนนะคะอยากฟังคอมเมนต์
00:55:32 → 00:55:34 ของทุกๆคนเลยค่ะขอคนละ 1 คอมเมนต์ก็แล้ว
00:55:34 → 00:55:36 กันนะคะเพราะว่าพวกเราเนี่ยอยากจะปรับ
00:55:36 → 00:55:38 ปรุงรายการของเราจริงๆค่ะอยากจะให้ทุกๆบท
00:55:39 → 00:55:40 สนทนาใน on the way with CH ในช่อง
00:55:40 → 00:55:43 Live doot ของเราเนี่ยเปลี่ยนทุกๆคนนะ
00:55:43 → 00:55:47 คะไปเป็น Best เัของทุกคนในทุกๆวันค่ะเรา
00:55:47 → 00:55:50 จะมีสุขภาพดีไปด้วยกันค่ะฝากกดไลค์กดแชร์
00:55:50 → 00:55:52 กด Subscribe ให้กับช่อง Live doot ด้วย
00:55:52 → 00:55:54 นะคะ Live doot platform Talk ที่จะ
00:55:54 → 00:55:59 เปลี่ยนชีวิตคุณในทุกมิติค่ะ H