00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> สวัสดีครับวันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่
00:00:08 → 00:00:12 หลายคนยังเอ่องงๆกันอยู่นะครับภาวะดื้อ
00:00:12 → 00:00:16 อินซูลินเนี่ยตกลงมันเกิดจากอะไรกันแน่
00:00:16 → 00:00:19 น้ำตาลไขมันแล้วไอ้ที่บางคนคุมอาหารเคร่ง
00:00:19 → 00:00:22 ๆแล้วเอ่อค่าเลือดบางตัวมันสูงขึ้นเนี่ย
00:00:22 → 00:00:25 มันยังไงมันแย่จริงหรือเปล่าวันนี้เราจะ
00:00:25 → 00:00:28 มาเจาะลึกกันครับจากบทสัมภาษณ์ของดร. Ben
00:00:28 → 00:00:31 big man ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงเลย
00:00:31 → 00:00:34 เราจะมาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุหลักจริงๆ
00:00:34 → 00:00:37 แล้วก็มีความเข้าใจผิดอะไรบ้างที่เราอาจ
00:00:37 → 00:00:40 จะต้องเอ่อทบทวนกันใหม่เริ่มจากคำนิยาม
00:00:40 → 00:00:43 ก่อนเลยดร. Big man บอกว่าภาวะดื้อ
00:00:43 → 00:00:46 อินซูลินเนี่ยมันเหมือนเหรียญ 2 ด้านนะ
00:00:46 → 00:00:49 ด้านนึงคืออินซูลินทำงานได้ไม่เหมือนเดิม
00:00:49 → 00:00:52 ในบางเซลล์แต่อีกด้านหนึ่งซึ่งสำคัญมาก
00:00:52 → 00:00:55 คือมันมาพร้อมกับภาวะที่อินซูลินในเลือด
00:00:55 → 00:00:59 สูงค้างตลอดเวลาหรือไฮเปอร์ซูลินเมีย
00:00:59 → 00:01:03 >> ใช่ค่ะคือ 2 อย่างนี้มันมาคู่กันเสมอเลย
00:01:03 → 00:01:06 ไม่ว่าจะในคนที่เป็นโรคหรือแม้แต่ในภาวะ
00:01:06 → 00:01:08 ปกติอย่างเช่นเ่อช่วงวัยรุ่นหรือตอนตั้ง
00:01:08 → 00:01:11 ครรภ์ที่อินซูลินอาจจะสูงขึ้นชั่วคราว
00:01:11 → 00:01:13 2 ภาวะนี้มันแยกกันไม่ออกค่ะ
00:01:14 → 00:01:17 >> ครับแล้วสาเหตุหลักจริงๆที่ดร.บิ๊กมเชี้
00:01:17 → 00:01:19 เป้าเลยนี่มีอะไรบ้างครับ
00:01:20 → 00:01:22 >> การอักเสบเรื้อรังในร่างกาย 2 คือพวก
00:01:22 → 00:01:24 ฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลหรือ
00:01:24 → 00:01:28 เอิฟีนที่มันสูงค้างนานๆแล้วก็ 3 อันนี้
00:01:28 → 00:01:31 สำคัญมากคือการที่ระดับอินซูลินมันสูง
00:01:31 → 00:01:33 เรื้อรังเองนี่แหละค่ะ
00:01:33 → 00:01:37 >> อ้าวหมายความว่าแค่มีอินซูลินสูงนานๆ
00:01:37 → 00:01:39 เนี่ยนะก็ทำให้ดื้ออินซูลินได้เองเลยหรอ
00:01:39 → 00:01:41 ครับโดยไม่ต้องมีอย่างอื่นเลย
00:01:41 → 00:01:44 >> ตามแนวคิดของดร. Big man ก็คือเป็นแบบ
00:01:44 → 00:01:47 นั้นเลยค่ะมันเป็นสาเหตุหลักโดยตรงได้เลย
00:01:47 → 00:01:50 ส่วนปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นกรดไลโนเลอิคที่
00:01:50 → 00:01:52 มาจากพวกน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีเยอะๆอ่ะ
00:01:52 → 00:01:55 ค่ะพวกน้ำมันถัวเหลืองน้ำมันข้าวโพดดร.
00:01:55 → 00:01:57 Big man
00:01:58 → 00:02:00 เนี่ยอาจจะไม่ได้ทำให้ดื้ออินซูลินโดยตรง
00:02:00 → 00:02:03 นะแต่มันต้องมีตัวช่วยก็คือต้องมี
00:02:03 → 00:02:05 อินซูลินที่สูงอยู่แล้วเป็นพื้นฐานก่อน
00:02:05 → 00:02:08 แล้วอินซูลินสูงๆนี่แหละที่ไปสั่งให้
00:02:08 → 00:02:10 เซลล์ไขมันน่ะเก็บกรดไขมันพวกเนี้ไว้เยอะ
00:02:10 → 00:02:13 ๆจนมันแบบว่าขยายตัวใหญ่ผิดปกติหรือที่
00:02:14 → 00:02:15 เรียกว่าไฮเปอร์ทรฟี่
00:02:15 → 00:02:16 >> อ๋อครับ
00:02:16 → 00:02:19 >> ซึ่งเซลล์ไขมันที่มันบวมเป่งอ้วนผิดปกติ
00:02:20 → 00:02:22 แบบนี้ล่ะค่ะที่มันจะเริ่มดื้อต่อ
00:02:22 → 00:02:25 อินซูลินแล้วก็ส่งผลเสียไปทั่วร่างกายเลย
00:02:25 → 00:02:28 >> โหฟังดูเหมือนแบบว่าเป็นพายุที่สมบูรณ์
00:02:28 → 00:02:31 แบบในชีวิตประจำวันเลยนะครับเนี่ยคือคน
00:02:31 → 00:02:33 ส่วนใหญ่ก็เจอทั้งนอนไม่พอเครียด
00:02:33 → 00:02:36 คอร์ดิซอลก็สูงกินอาหารแปรรูปอินซูลินก็
00:02:36 → 00:02:40 สูงแถมอาจจะมีน้ำมันพวกนี้ปนมาอีกแล้วก็
00:02:40 → 00:02:43 อาจจะมีปัจจัยอักเสบอื่นๆร่วมด้วยมันเลย
00:02:43 → 00:02:45 ดูซับซ้อนไปหมดว่าจริงๆแล้วอะไรมันเริ่ม
00:02:45 → 00:02:46 ก่อนกันแน่
00:02:46 → 00:02:48 >> ใช่ค่ะมันซับซ้อนจริงๆนั่นแหละค่ะซึ่งก็
00:02:49 → 00:02:51 ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายเหมือนกัน
00:02:51 → 00:02:53 ดร.เบิกแม่นก็ชี้แจงหลายประเด็นที่น่าสน
00:02:53 → 00:02:56 ใจนะคะอย่างเช่นเรื่องที่บางคนทานคัต่ำ
00:02:56 → 00:02:59 มากๆหรือทานแบบเอ่อคาร์นไปเลยเนี่ยแล้วไป
00:03:00 → 00:03:02 ตรวจเลือดตอนเช้าเจอน้ำตาลสูงขึ้นนิด
00:03:02 → 00:03:04 หน่อยหรือว่าค่า A1C ที่เป็นค่าน้ำตาล
00:03:04 → 00:03:06 สะสมสูงขึ้น
00:03:06 → 00:03:08 >> ใช่ครับอันนี้คนกังวลกันเยอะ
00:03:08 → 00:03:11 >> ร่างกายวัยต่อโปรตีนมากขึ้นซึ่งโปรตีนบาง
00:03:11 → 00:03:14 ชนิดมันไปกระตุ้นฮอร์โมนกลูคาอนแล้ว
00:03:14 → 00:03:16 กลูคอนก็สั่งให้ตับปล่อยน้ำตาลออกมาอัน
00:03:16 → 00:03:18 นี้เป็นทฤษฎี 1 นะคะ
00:03:18 → 00:03:21 >> อ๋อครับแล้วเรื่องค่า A1C ล่ะครับที่มัน
00:03:21 → 00:03:23 สูงขึ้น
00:03:23 → 00:03:26 >> อันนี้ก็น่าสนใจค่ะดร.เมื่อบิ๊กมเสนอว่า
00:03:26 → 00:03:28 ค่า A1C ที่สูงขึ้นในกลุ่มคนที่กินอาหาร
00:03:29 → 00:03:31 แบบนี้เนี่ยบางทีอาจจะไม่ได้มาจากน้ำตาล
00:03:31 → 00:03:34 สูงอย่างเดียวแต่อาจจะเป็นเพราะว่าเซลล์
00:03:34 → 00:03:37 เม็ดเลือดแดงของเขาเนี่ยมันแข็งแรงขึ้น
00:03:37 → 00:03:39 อายุยืนยาวขึ้นจากการที่ได้รับสารอาหารดี
00:03:39 → 00:03:42 ๆโดยเฉพาะจากพวกเนื้อแดงพอเซลล์มันอายุ
00:03:42 → 00:03:45 ยืนขึ้นใช่มั้ยคะมันก็มีเวลาที่จะเอ่อ
00:03:45 → 00:03:48 สะสมน้ำตาลที่มากรอบบนผิวเซลล์ได้นานขึ้น
00:03:48 → 00:03:51 ค่า A1 มันก็เลยดูสูงขึ้นได้ซึ่งจริงๆ
00:03:51 → 00:03:53 แล้วอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องแย่ก็ได้อาจจะ
00:03:53 → 00:03:56 เป็นผลบวกลวงส่งจากเซลล์ที่สุขภาพดีขึ้น
00:03:56 → 00:03:59 >> โหเป็นมุมมังที่แบบว่าต่างออกไปมากๆเลย
00:03:59 → 00:04:02 ครับแล้วเรื่องความปลอดภัยของการทาน
00:04:02 → 00:04:05 คีโตเจนิคนานๆล่ะครับดร.ก็บิ๊กมว่ายังไง
00:04:05 → 00:04:07 บ้างอันนี้ก็มีคนห่วงเยอะ
00:04:07 → 00:04:10 >> ค่ะเค้าบอกว่าจากที่เขาดูงานวิจัยต่างๆ
00:04:10 → 00:04:13 เนี่ยเค้ายังไม่เจอหลักฐานชัดๆนะคะว่าการ
00:04:13 → 00:04:17 ทานคีโตระยะยาวมันอันตรายโดยตรงกลับกัน
00:04:17 → 00:04:20 คือมีงานวิจัยมีกรณีศึกษาเยอะแยะที่ชี้
00:04:20 → 00:04:22 ให้เห็นประโยชน์โดยเฉพาะกับคนที่เป็นเบา
00:04:22 → 00:04:25 หวานชนิดที่ 2 หรือว่ามีอาการชักไมเกรน
00:04:25 → 00:04:28 อะไรพวกนี้ส่วนเรื่องที่บางคนกังวลว่า
00:04:28 → 00:04:31 ฮอร์โมนไทรรอยด์อาจจะลดลงเขาก็ตั้งข้อ
00:04:31 → 00:04:33 สังเกตว่าเอ๊ะหรือว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่
00:04:33 → 00:04:35 ต่อมไทรรอยด์พังแต่อาจจะเป็นเพราะว่าร่าง
00:04:35 → 00:04:38 กายมันตอบสนองต่อฮอร์โมนไทรอยด์ที่มีอยู่
00:04:38 → 00:04:41 ได้ดีขึ้นร่างกายก็เลยเอ่อผลิตน้อยลงก็
00:04:41 → 00:04:47 ได้อ๋อเข้าใจแล้วครับเป็นไปได้แล้วก็มี
00:04:47 → 00:04:49 ประเด็นเรื่องไขมันกับโปรตีนด้วยใช่มั้ย
00:04:49 → 00:04:51 ครับเหมือนมีเทรนด์ใหม่ๆมา
00:04:51 → 00:04:54 >> ใช่ค่ะอันนี้ดร.บิ๊กก็เตือนเหมือนกันคือ
00:04:54 → 00:04:57 เหมือนกับว่าพอคนเริ่มหายกลัวไขมันบางที
00:04:57 → 00:05:00 ก็หันไปเน้นโปรตีนสูงมากๆมากๆแทนแล้วก็
00:05:00 → 00:05:03 พยายามจะเลี่ยงไขมันให้ต่ำสุดเขาเน้นว่า
00:05:03 → 00:05:07 โปรตีนน่ะสำคัญมากแต่ควรกินคู่ไปกับไขมัน
00:05:07 → 00:05:09 ตามธรรมชาติที่มันมากับอาหารอยู่แล้ว
00:05:09 → 00:05:12 อย่างเนื้อสัตว์ที่ติดมันหรือปลาที่มีไข
00:05:12 → 00:05:15 มันไม่ใช่เป็นเน้นแต่โปรตีนลินอย่างเดียว
00:05:15 → 00:05:16 >> ครับผม
00:05:16 → 00:05:19 >> ส่วนเรื่องไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนหรือ PU
00:05:19 → 00:05:22 อย่างในปลาน้ำมันปลาเนี่ยดร.บิ๊กมเาไม่
00:05:23 → 00:05:25 ได้บอกให้กลัวการกินปลาทั้งตัวนะคะเพราะ
00:05:25 → 00:05:28 ในปลามันมีทั้งโอเมก้า 3 แล้วก็มีวิตามิน
00:05:28 → 00:05:30 อีตามธรรมชาติที่ช่วยป้องกันไขมันไม่ให้
00:05:30 → 00:05:33 มันเสียสภาพได้แต่ที่อาจจะต้องระวังคือ
00:05:33 → 00:05:35 พวกน้ำมันปลาสกัดที่เป็นอาหารเสิร์ฟมาก
00:05:35 → 00:05:38 กว่าที่บางทีอาจจะมีส่วนผสมอื่นป้นมาหรือ
00:05:38 → 00:05:41 อาจจะสกัดมาในรูปแบบที่ไม่ค่อยเสถียรเท่า
00:05:41 → 00:05:42 ไหร่
00:05:42 → 00:05:45 >> ชัดเจนเลยครับขอบคุณมากครับงั้นสรุปเป็น
00:05:45 → 00:05:48 แนวทางปฏิบัติง่ายๆที่ดร. Big man เนี่ย
00:05:48 → 00:05:52 นำก็จะมี 4 ข้อหลักๆนะครับ 1 คือควบคุม
00:05:52 → 00:05:56 คาร์โบไฮเดรตเน้นอาหารจริงๆไม่แปรรูป 2
00:05:56 → 00:05:59 ให้ความสำคัญกับโปรตีนเน้นคุณภาพดีโดย
00:05:59 → 00:06:03 เฉพาะจากสัตว์ 3 อย่ากลัวไขมันให้เลือกไข
00:06:03 → 00:06:06 มันธรรมชาติจากสัตว์จากผลไม้อย่าง
00:06:06 → 00:06:09 อะโวคาโด้มะกอกแต่ให้เลี่ยงพวกล้มมันพืช
00:06:09 → 00:06:12 ผ่านกรรมวิธี 4. ทำฟาสติ้งหรือจำกัดช่วง
00:06:12 → 00:06:15 เวลากินเป็นครั้งคราววางแผนมื้ออาหารให้
00:06:15 → 00:06:16 ดี
00:06:16 → 00:06:19 >> ถูกต้องเลยค่ะหลักๆก็คือการกลับไปหาอาหาร
00:06:19 → 00:06:22 ที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากขึ้นแล้วก็เน้น
00:06:22 → 00:06:25 การจัดการฮอร์โมนโดยเฉพาะอินซูลินก่อนจะ
00:06:25 → 00:06:27 จบกันวันนี้อยากจะทิ้งท้ายเป็นคำถามชวน
00:06:27 → 00:06:30 คิดนิดนึงค่ะว่าเมื่อเรามองปัจจัยทั้งหมด
00:06:30 → 00:06:33 ที่คุยกันมาเนี่ยทั้งเรื่องอาหารความ
00:06:33 → 00:06:35 เครียดการนอนการอักเสบมันเกี่ยวพันกันไป
00:06:35 → 00:06:38 หมดเลยเนาะถ้าสมมุติว่าให้เลือกการ
00:06:38 → 00:06:40 เปลี่ยนแปลงแค่เพียงอย่างเดียวที่คิดว่า
00:06:40 → 00:06:43 น่าจะส่งผลดีกับสุขภาพเมบolิึมของเราได้
00:06:43 → 00:06:46 มากที่สุดแล้วก็เป็นสิ่งที่แบบว่าเริ่มทำ
00:06:46 → 00:06:50 ได้จริงๆในชีวิตประจำวันของแต่ละคนเลยนะ
00:06:50 → 00:06:53 สิ่งนั้นมันน่าจะเป็นอะไรลองเก็บไปคิดกัน
00:06:53 → 00:06:54 ดูนะ
00:06:54 → 00:07:12 [เพลง]