ทำไมการกินคาร์โบไฮเดรตแบบซับซ้อน เช่น แป้ง ดีกว่าการกินน้ำตาลในแง่การควบคุมน้ำหนัก

อยากผอมอย่างยั่งยืน แค่นับแคลอรีไม่พอ | Top to Toe EP.148

จากช่อง : THE STANDARD PODCAST


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:02 เวลาที่เราอยากลดน้ำหนักเนี่ยครับหลายๆคน

00:00:0200:00:05 ก็บอกว่าก็นับแคลอรี่ 4 ไม่เห็นยากเลยถ้า

00:00:0500:00:08 เกิดว่าเราใช้พลังงานมากกว่าที่เรากิน

00:00:0800:00:10 เข้าไปเนี่ยเดี๋ยวน้ำหนักมันก็ลดลงเอง

00:00:1000:00:13 ครับเพราะฉะนั้นโมเดลของการนับแคี่ก็คือ

00:00:1300:00:15 แครี่ in carry out เนี่ยเป็นสิ่งที่คน

00:00:1500:00:18 มักจะใช้ในชีวิตประจำวันในการบริหารจัด

00:00:1800:00:20 การน้ำหนักของตัวเองนะครับเขาเป็นสิ่งที่

00:00:2000:00:23 ทำได้ง่ายทำได้จริงในชีวิตประจำวันนะครับ

00:00:2300:00:26 แต่ว่าไอ้เจ้าวิธีการนับแคลอรี่เนี่ยครับ

00:00:2600:00:28 มันมีข้อจำกัดของมันอยู่นะครับเพราะว่า

00:00:2800:00:31 มันสนใจแต่เฉพาะปริปริมาณแคลอรี่ไม่ได้สน

00:00:3100:00:35 ใจคุณภาพของแคลอรี่เลยผมอยากจะบอกว่าจริง

00:00:3500:00:38 ๆแล้วแคลอรี่ของอาหารที่เท่ากันเนี่ยครับ

00:00:3800:00:41 เวลากินเข้าไปแล้วมันส่งผลต่อร่างกายของ

00:00:4100:00:43 เราเนี่ยมันแตกต่างกันเพราะฉะนั้นระยะ

00:00:4400:00:46 สั้นการแค่ใช้ carry in carry out

00:00:4600:00:48 model ในการดูแลน้ำหนักของตัวเองเนี่ยทำ

00:00:4800:00:52 ได้มทำได้นะครับแต่ในระยะยาวเนี่ยครับมัน

00:00:5200:00:53 อาจจะไม่ได้เป็นผลดีกับเราเท่าไหร่ถ้าเรา

00:00:5300:00:56 ไม่แคร์คุณภาพของแคลอรี่เลยเพราะฉะนั้น

00:00:5600:00:59 วันนี้ทนะครับจะมาคุยประเด็นนี้ครับว่า

00:00:5900:01:02 เราจะกินอาหารที่แคลอรี่เท่ากันหรือว่า

00:01:0200:01:05 เท่าเดิมได้ยังไงแล้วทำให้เราผอมอย่าง

00:01:0500:01:07 ยั่งยืนแล้วก็สุขภาพดีครับ This is the

00:01:0700:01:10 standard podcast I open it for

00:01:1000:01:12 your

00:01:1200:01:16 ears top พcastสุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์

00:01:1600:01:21 ไขปัญหาตั้งแต่หัวจดเท้า

00:01:2100:01:23 ก่อนอื่นเนี่ยผมอยากจะเคลียร์ความเข้าใจ

00:01:2300:01:25 กันก่อนนะครับว่าไม่ได้บอกว่าการนับ

00:01:2500:01:28 แคลอี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรทำเรายังสั

00:01:2900:01:31 สามารถนับแคลอรี่ได้อยู่นะครับในการ

00:01:3100:01:34 บริหารจัดการน้ำหนักของเราเนาะก็คือว่า

00:01:3400:01:36 เทียบกันซิว่าแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปกับ

00:01:3600:01:38 แคลี่ที่เราใช้เข้าไปเนี่ยอันไหนมันมาก

00:01:3800:01:41 กว่ากันถ้าเราอยากจะลดน้ำหนักแน่นอน

00:01:4100:01:44 แคลอรี่ที่เราใช้ควรจะมากกว่าแครลี่ที่

00:01:4400:01:48 เรากินถ้าอยากจะเพิ่มน้ำหนักแครี่ที่เรา

00:01:4800:01:51 กินควรจะมากกว่าที่ใช้ถ้าอยากจะคงน้ำหนัก

00:01:5100:01:55 เอาไว้แคลี่ที่กินกับแครี่ที่ใช้เนี่ยมัน

00:01:5500:01:58 ควรจะเท่าๆกันอันเนี้ยเป็นหลักการพื้นฐาน

00:01:5800:02:00 สมการพืพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่ยังใช้งาน

00:02:0000:02:03 ได้อยู่เพราะว่ามันถูกต้องตามหลักการ

00:02:0300:02:06 อนุรักษ์พลังงานทาง termodynamic นะครับ

00:02:0600:02:08 แต่มันมีปัญหาอยู่นิดนึงครับคือถ้าเราใช้

00:02:0800:02:11 แค่สมการ carry in out บวกลบกันเนี่ยนะ

00:02:1100:02:14 ครับโดยที่ไม่คำนึงถึงคุณภาพของแคลอรี่

00:02:1400:02:17 เลยเนี่ยครับน้ำหนักที่มันเพิ่มขึ้นนะ

00:02:1700:02:19 ครับมันอาจจะไม่ได้สิ่งที่เราต้องการส่วน

00:02:1900:02:20 ใหญ่การที่คนอยากมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเคือ

00:02:2000:02:22 อยากให้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นไม่ได้อยากให้

00:02:2200:02:25 ได้ไขมันเพิ่มขึ้นถูกมั้ครับหรือน้ำหนัก

00:02:2500:02:27 ที่เราลดลงไปเนี่ยครับอาจจะไม่ได้กำจัดไข

00:02:2700:02:29 มันที่เราอยากกำจัดแต่ว่าน้ำหนักที่หายไป

00:02:2900:02:32 อาจจะเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อหรือว่าน้ำ

00:02:3200:02:34 หนักของน้ำในร่างกายที่มันสูญเสียไปซึ่ง

00:02:3400:02:37 มันไม่ได้ส่งผลดีกับสุขภาพโดยดวงของร่าง

00:02:3700:02:39 กายเราในระยะยาวเลยนะครับเพราะว่าการที่

00:02:3900:02:41 เราจะมีสุขภาพดีเนี่ยครับควรจะมีสัดส่วน

00:02:4100:02:43 ของกล้ามเนื้อต่อไขมันที่สูงก็คือกล้าม

00:02:4300:02:45 เนื้อเยอะอัตราการเผ่าผ่านพลังงานหรือว่า

00:02:4500:02:47 เมmetabบolic rate หรือว่าเม metabolism

00:02:4700:02:49 ของร่างกายเนี่ยมันก็จะดีนะฮยิ่งอายุมาก

00:02:4900:02:51 ขึ้นเนี่ยเราพยายามที่จะรักษากล้ามเนื้อ

00:02:5100:02:53 ให้มันอยู่นานมากที่สุดเราอยากจะลดน้ำ

00:02:5300:02:55 หนักก็คือการกำจัดไขมันออกไปให้ได้เยอะๆ

00:02:5500:02:58 นะครับเพราะฉะนั้นแคลอี่อิน in carry

00:02:5800:03:01 out mod เพียงอย่างเดียวเนี่ยนะครับมัน

00:03:0100:03:04 มีข้อจำกัดอยู่ในการดูแลสุขภาพนะครับเหตุ

00:03:0400:03:07 ผลคือว่าอาหารที่เรากินเข้าไปครับแม้ว่า

00:03:0700:03:11 จะมีแคลอรี่ที่เท่ากันเลยนะครับมันส่งผล

00:03:1100:03:13 ต่อร่างกายไม่เหมือนกันคิดง่ายๆก็ได้ครับ

00:03:1300:03:15 ถ้าเกิดว่าเรากินไก่ชุบแป้งทอดคู่กับ

00:03:1500:03:17 เฟรนฟรายเทียบกับการกินสลัดคู่กับอกไก่

00:03:1800:03:20 หญ้านะครับทุกวันทุกวัน 2 อย่างเนี้ยแม้

00:03:2000:03:23 ว่าจะมีปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากันเลยนะครับ

00:03:2300:03:25 แต่ 2 อย่างเนี้ยครับพอกินเข้าไปแล้วครับ

00:03:2500:03:27 มันจะส่งผลต่อร่างกายที่แตกต่างกันเพราะ

00:03:2700:03:29 ว่าร่างกายของเราเนี่ยมันไม่ใช่ตาช่าง

00:03:2900:03:31 หรือว่าสเกลนะครับที่จะเอาแคลี่มาเทียบ

00:03:3100:03:34 กันแล้วก็มาบวกลบกันธรรมดาร่างกายของเรา

00:03:3400:03:38 เนี่ยมันมีระบบฮอร์โมนอยู่นะครับอาหาร 2

00:03:3800:03:40 อย่างที่คิดเข้าไปเนี่ยมันไปทำให้ฮอร์โมน

00:03:4000:03:42 บางอย่างเนี่ยหลั่งเพิ่มขึ้นทำให้ฮอร์โมน

00:03:4200:03:45 บางอย่างหลั่งลดลงแล้วมันก็ไปส่งผลต่อ

00:03:4500:03:47 กระบวนการย่อยกระบวนการเผาผ่านพลังงาน

00:03:4700:03:49 เมตabอิซึมแล้วในร่างกายของเราก็ยังมี

00:03:4900:03:51 จุลินทรีย์ในลำไส้นะครับพวกก๊าซ

00:03:5100:03:54 ไมโครไบโอมนะครับที่จะมาช่วยจัดการอาหาร

00:03:5400:03:56 ที่เรากินเข้าไปบางทีช่วยย่อยหรือว่าแย่ง

00:03:5600:03:59 อาหารแยกแจ้งพลังงานไปจากตัวเราอีกนะครับ

00:03:5900:04:02 มันซับซ้อนมากกว่าแค่ตาช่างเพราะฉะนั้น

00:04:0200:04:05 การกินอาหารแล้วก็นับแคลอรี่คิดแต่เฉพาะ

00:04:0500:04:08 ปริมาณแคลอรี่เนี่ยไม่พอครับต้องดูที่

00:04:0800:04:11 คุณภาพของแครี่ด้วยครับเดี๋ยววันนี้ผมจะ

00:04:1100:04:14 เอาอาหารที่มีแครี่เท่ากันเนี่ยมาเทียบ

00:04:1400:04:17 กันแบบตัวต่อตัวไปทีละอย่างทีละยกเลยนะ

00:04:1700:04:19 ครับแล้วดูซิว่าการกินอาหารที่มันแตกต่าง

00:04:1900:04:21 กันเนี่ยมันส่งผลต่อร่างกายแตกต่างกันยัง

00:04:2100:04:24 ไงบ้างครับมาเริ่มที่คู่แรกนะครับลองเอา

00:04:2400:04:27 การกินโปรตีนเทียบกับการกินคาร์โอไฮเดรต

00:04:2700:04:30 ที่อยู่ในรูปของน้ำตาลนะครับคู่เทียบเอาจ

00:04:3000:04:32 จะไม่ใช่คู่เทียบที่มันสมน้ำสมเนื้อเท่า

00:04:3200:04:34 ไหร่นะครับมันค่อนข้างจะชัดเจนมากว่าการ

00:04:3400:04:37 กินโปรตีนมันดีกว่าการกินคาร์โบไเดตในรูป

00:04:3700:04:39 ของน้ำตาลที่แคลอรี่เท่ากันอยู่แล้วนะ

00:04:3900:04:42 ครับเพราะว่าการกินโปรตีนเข้าไปเนี่ยครับ

00:04:4200:04:44 ใครกินโปรตีนเยอะๆสายโปรตีนเนี่ยจะรู้กิน

00:04:4400:04:47 เข้าไปแล้วเนี่ยมันอิ่มท้องอยู่ท้องเราจะ

00:04:4700:04:49 ไม่ค่อยหิวง่ายนะครับเพราะว่าโปรตีนพอกิน

00:04:4900:04:52 เข้าไปแล้วนะครับมันทำให้ร่างกายหลั่ง

00:04:5200:04:54 ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มก็คือ

00:04:5400:04:57 ฮอร์โมน GLP1 เพิ่งพูดพูดไปนะครับ GLP1

00:04:5700:05:00 เนี่ยหลังในเซลล์ที่อยู่ในทางเดินอาหารนะ

00:05:0000:05:02 ครับอีกตัวนึงที่ไม่เคยพูดขอแนะนำให้รู้

00:05:0200:05:06 จักนะครับก็คือฮอร์โมน PYY ก็คือ peptide

00:05:0600:05:08 YY ก็เป็นอีกหนึ่งฮอร์โมนที่หลังจาก

00:05:0800:05:10 เซลล์ที่อยู่ตามเยื่อบุผนังทางเดินอาหาร

00:05:1000:05:13 นะครับที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเนี่ยก็จะทำ

00:05:1300:05:16 ให้การกินโปรตีนเนี่ยทำให้ทั้ง GLP1 แล้ว

00:05:1600:05:18 ก็ PYY เนี่ยหลั่งเพิ่มมากขึ้นแล้วก็จะ

00:05:1800:05:21 รู้สึกอิ่มนานมากยิ่งขึ้นนะครับรวมทั้งไป

00:05:2100:05:24 กดฮอร์โมนเกลอรินที่ทำให้รู้สึกหิวเนี่ย

00:05:2400:05:26 น้อยลงด้วยทำให้เราไม่ค่อยไม่หิวนะครับ

00:05:2600:05:28 นั่นคืออย่างแรกของการกินโปรตีนเท่านั้น

00:05:2800:05:30 ยังไม่พอสิ่งที่คนอาจจะไม่รู้นะครับว่า

00:05:3100:05:34 การที่เรากินโปรตีนนะครับการย่อยโปรตีน

00:05:3400:05:36 เนี่ยร่างกายต้องสูญเสียพลังงานไปใช้ใน

00:05:3600:05:38 การย่อยโปรตีนด้วยนะซึ่งการย่อยโปรตีน

00:05:3800:05:41 เนี่ยครับต้องใช้พลังงานประมาณ

00:05:4100:05:44 20-30% ของแคลอรี่ที่เรากินโปรตีนเข้าไป

00:05:4400:05:46 นะครับแตกต่างจากการย่อยคาร์โบไฮเดรตแล้ว

00:05:4600:05:48 ก็ไขมันนะครับการย่อยคาร์โบไฮเดรตเนี่ย

00:05:4800:05:50 ใช้พลังงานเพียงแค่ 5-10% ในขณะที่การ

00:05:5100:05:54 ย่อยไขมันเนี่ยใช้พลังงานเพียงแค่ 0-3%

00:05:5400:05:55 เท่านั้นน่ะน้อยมากๆเพราะฉะนั้นเพราะ

00:05:5500:05:58 ฉะนั้นใครที่กำลังลดน้ำหนักเนี่ยครับซัด

00:05:5800:06:00 โปรตีนเข้าไปเยอะๆได้เลยนะครับนอกจากจะ

00:06:0000:06:02 ป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ

00:06:0200:06:05 แล้วนะครับยังช่วยทำให้เบิร์นแคลี่ได้มาก

00:06:0500:06:07 ขึ้นจากกระบวนการย่อยโปรตีนด้วยนะครับ

00:06:0700:06:09 สิ่งที่ต่างกันอีกระหว่างการกินโปรตีนกับ

00:06:0900:06:11 การกินน้ำตาลเนี่ยครับเวลาที่กินน้ำตาล

00:06:1100:06:14 เข้าไปแล้วครับน้ำตาลเป็นสารที่มัน

00:06:1400:06:15 โมเลกุลเล็กอ่ะกินเข้าไปปุ๊บร่างกาย

00:06:1500:06:18 สามารถจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว

00:06:1800:06:20 มากพอมันไปอยู่ในกระแสเลือดได้เร็วมาก

00:06:2000:06:23 เนี่ยมันสามารถที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกาย

00:06:2300:06:25 หลั่งฮอร์โมนอินซูลินมาได้เร็วครับไอ้

00:06:2500:06:28 เจ้าฮอร์โมนอินซูลินที่มันพีคเร็วๆเนี่ย

00:06:2800:06:30 ครับมันทำให้เกิดปัญหา 2 อย่างครับอย่าง

00:06:3000:06:33 แรกก็คือว่ามันทำให้น้ำตาลนะครับถูกดึง

00:06:3300:06:36 ออกจากกระแสเลือดอ่ะเข้าไปที่เซลล์เร็ว

00:06:3600:06:39 มากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นเราจะรู้สึกหิว

00:06:3900:06:41 แล้วก็อยากจะกินอะไรอีกเร็วมากยิ่งขึ้น

00:06:4100:06:44 อย่างที่ 2 ครับอินซูลินเยอะมันไปกระตุ้น

00:06:4400:06:47 ให้เกิดการสะสมไขมันคือการเปลี่ยนสาร

00:06:4700:06:50 อาหารส่วนเกินให้ไปเป็นไขมันเก็บไว้ใน

00:06:5000:06:52 เซลล์เนี่ยเยอะมากยิ่งขึ้นแล้วก็ร่างกาย

00:06:5200:06:55 ก็จะห่วงไขมันคือไม่สามารถที่จะเอาไขมัน

00:06:5500:06:58 เนี่ยมาใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ดีมากเท่า

00:06:5800:07:00 ไหร่นะครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าการกิน

00:07:0000:07:02 น้ำตาลเยอะๆเนี่ยครับก็จะอ้วนง่ายขึ้น

00:07:0200:07:05 แล้วก็กำจัดไขมันยากขึ้นซึ่งตรงกันข้าม

00:07:0500:07:07 กับการกินโปรตีนนะครับถ้ากินโปรตีนเยอะ

00:07:0700:07:09 แครี่เท่ากันเนี่ยมันไม่ได้ไปกระตุ้น

00:07:0900:07:11 อินซูลินมากเท่าไหร่เพราะฉะนั้นเราก็จะ

00:07:1100:07:13 อิ่มนานอย่างที่ 2 คือร่างกายจะเกิดสิ่ง

00:07:1300:07:15 ที่เรียกว่า fat adดaptationได้ง่ายกว่า

00:07:1500:07:18 คือสามารถจะดึงไขมันมาใช้เป็นแหล่งพลัง

00:07:1800:07:20 งานได้ดีเพราะฉะนั้นเราอยากลดน้ำหนัก

00:07:2000:07:23 เนี่ยร่างกายสามารถจะเบิร์นพลังงานจากไข

00:07:2300:07:25 มันได้ดีกว่าอาการกินน้ำน้ำตาลนะครับงั้น

00:07:2500:07:28 สรุปง่ายๆ battle ระหว่างโปรตีนกับ

00:07:2800:07:30 คาร์โบไฮเดรตในรูปของน้ำตาลเนี่ยโปรตีน

00:07:3000:07:32 ชนะน็อคขาดเลยนะครับนี้มาอย่างที่ 2 ครับ

00:07:3200:07:35 เอางี้เป็นคู่เทียบที่ดูสมน้ำสมเนื้อขึ้น

00:07:3500:07:37 มานิดนึงแล้วกันเป็นการเทียบระหว่างการ

00:07:3700:07:39 กินคาร์โบไฮเดรตเหมือนกันเลยครับอันนึง

00:07:3900:07:43 เป็นน้ำตาลอันนึงเป็นแป้งนะครับว่าการกิน

00:07:4300:07:45 น้ำตาลกับแป้งแครี่เท่ากันเนี่ยมันส่งผล

00:07:4500:07:47 ต่อร่างกายต่างกันมั้คำตอบก็คือต่างกันนะ

00:07:4700:07:50 ครับมีงานวิจัยเนี่ยที่เขา้านำเด็กที่

00:07:5000:07:53 ค่อนข้างอ้วนนะครับมาศึกษานะครับซึ่งเด็ก

00:07:5300:07:55 กลุ่มกลุ่มเครับก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับ

00:07:5500:07:57 Metabolic Diseas ด้วยครับคือระบบการ

00:07:5700:07:59 เผาผลาเนี่ยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับทีนี้

00:07:5900:08:01 ผู้วิจัยเนี่ยเขาก็จับเด็กๆเนี่ยครับมา

00:08:0100:08:04 แบ่งเป็น 2 กลุ่มนะครับให้กินพลังงานเท่า

00:08:0400:08:06 กันเลยนะครับในมื้ออาหารแต่ว่ากลุ่มนึง

00:08:0600:08:09 เนี่ยเปลี่ยนส่วนที่เป็นน้ำตาลนะครับด้วย

00:08:0900:08:13 แป้งครับโดยยังคงสัดส่วนของแคลอรี่ที่มา

00:08:1300:08:15 จากน้ำตาลแล้วก็สัดส่วนของแคลอรี่ที่มา

00:08:1500:08:17 จากแป้งที่เท่ากันเลยนะครับสิ่งที่มัน

00:08:1700:08:19 ต่างกันคือคาร์บที่ได้เนี่ยมาจากในรูปของ

00:08:1900:08:22 น้ำตาลหรือว่าแป้งแค่นั้นเองครับพอให้

00:08:2200:08:24 เด็กๆนะครับกินอาหารที่แตกต่างกันเป็น

00:08:2400:08:26 เวลา 9 วันนะครับแล้วก็มาเจาะเลือดเก็บ

00:08:2600:08:28 ค่าต่างๆสิ่งที่เขา้าเจอก็คือเจอว่ากลุ่ม

00:08:2900:08:32 ที่กินแป้งเนี่ยนะครับปริมาณของอินซูลิน

00:08:3200:08:36 ลดลง 50% ปริมาณของไตรกีเซลด์ลดลงไปเกือบ

00:08:3600:08:39 50% นะครับในขณะที่น้ำหนักของทั้ง 2

00:08:3900:08:41 กลุ่มเนี่ยไม่ได้ต่างกันมากนะครับกลุ่ม

00:08:4100:08:43 ที่กินแป้งเนี่ยอาจจะมีน้ำหนักที่ลดลงมาก

00:08:4300:08:46 กว่านิดนึงนะครับสิ่งที่เราเรียนรู้ได้

00:08:4600:08:48 จากงานวิจัยเนี่ยนะครับคือต่อให้จะกิน

00:08:4800:08:51 คาร์โบไฮเดรตที่มันแครี่เท่ากันแต่ว่า

00:08:5100:08:53 อยู่ในคนละฟอร์มครับอันนึงเป็น Simple

00:08:5300:08:55 คาร์โบไฮเดรตก็คือน้ำตาลอีกอันนึงเป็น

00:08:5500:08:58 คาร์โบไฮเดรตที่ซับซ้อนกว่าก็คือเป็น

00:08:5800:09:00 complex คาร์โบไฮเดรตอย่างเช่นแป้งเนี่ย

00:09:0000:09:03 ครับมันก็ส่งผลต่อร่างกายที่แตกต่างกัน

00:09:0300:09:05 ครับที่แน่ๆเลยคือแป้งเนี่ยครับมันไป

00:09:0500:09:09 กระตุ้นอินซูลินได้น้อยกว่ามันก็ส่งผลต่อ

00:09:0900:09:12 สุขภาพที่ดีกว่าอย่างที่ผมเล่าไปตอนต้นนะ

00:09:1200:09:14 ครับอินซูลินน้อยกว่าปึ๊บเพงั้นร่างกาย

00:09:1400:09:16 เนี่ยสามารถที่จะดึงไขมันมาใช้ได้ดีกว่า

00:09:1600:09:19 นะครับเพราะฉะนั้นเมบอิซึมโดยรวมของกลุ่ม

00:09:1900:09:21 ที่กินแป้งเนี่ยก็จะสูงกว่ากลุ่มที่กิน

00:09:2100:09:24 น้ำตาลนั่นเองต่อมาครับเราลองมาเทียบ

00:09:2400:09:27 คาร์โบไฮเดรตกับไขมันบ้างดีกว่าคู่นี้

00:09:2700:09:30 เป็นคู่ Battle ที่น่าสนใจมากนะครับเพราะ

00:09:3100:09:32 ว่าหลายๆคนที่อยากจะลดน้ำหนักเนี่ยบางที

00:09:3200:09:35 ก็จะคิดนะว่าเอ๊ะเราควรจะตัดขาบหรือว่า

00:09:3500:09:38 เราควรจะตัดไขมันนะการลดน้ำหนักเนี่ยมัน

00:09:3800:09:40 ถึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากันนะครับ

00:09:4000:09:42 เดี๋ยวเรามาดูกันครับมีงานวิจัยนึงครับ

00:09:4200:09:44 คราวนี้ศึกษาในผู้ใหญ่บ้างนะครับอาจจะผู้

00:09:4400:09:47 ใหญ่ที่อ้วนนิดนึงนะครับจับผู้ใหญ่อ้วน

00:09:4700:09:50 ทั้งหมดเลยนะครับมาลดน้ำหนักก่อนช่วงนึง

00:09:5000:09:53 ครับลดน้ำหนักมาปื๊บในระยะเวลาที่เท่ากัน

00:09:5300:09:55 หลังจากนั้นเนี่ยครับจะมีการกำหนดอาหาร

00:09:5500:09:58 ให้ผู้ใหญ่กลุ่มเนี้ยกินแล้วนะครับเพื่อ

00:09:5800:10:01 ที่จะ maaintain น้ำหนักต่อไปในอีกช่วง

00:10:0100:10:04 ระยะเวลานึงนะครับทีนี้ไอ้ช่วงmaนทinน้ำ

00:10:0400:10:06 หนักเนี่ยครับเา้าแบ่งผู้ใหญ่ออกเป็น 3

00:10:0600:10:09 กลุ่มครับให้กินอาหารที่ปริมาณแคลอรี่โดย

00:10:0900:10:12 รวมเนี่ยครับเท่ากันเลยนะครับมีการควบคุม

00:10:1200:10:15 ปริมาณโปรตีนให้เหมือนกันเป๊ะเลยเพื่อไม่

00:10:1500:10:18 ให้สัดส่วนของโปรตีนเนี่ยมาส่งผลต่อ

00:10:1800:10:20 ปริมาณการเผาผ่าเพราะอย่างที่บอกไปว่าการ

00:10:2000:10:22 กินโปรตีนเยอะเยอะน้อยเนี่ยครับมันมีผล

00:10:2200:10:24 ต่อพลังงานที่ต้องใช้ในการย่อยใช่มั้ย

00:10:2400:10:26 เพราะว่ามันเป็นเรื่องของ termic

00:10:2600:10:27 effectฟเฟectนะครับคือกินโปรตีนเยอะมันก็

00:10:2700:10:30 จะเสียพลังงานไปได้เยอะนี้โปรตีนเท่ากัน

00:10:3000:10:33 ไฟเบอร์เท่ากันแต่สิ่งที่ทั้ง 3 กลุ่ม

00:10:3300:10:37 เนี้ยไม่เท่ากันคือปริมาณของคาร์โบไฮเดรต

00:10:3700:10:40 ที่ให้กินในแต่ละวันนะครับกลุ่มนึงให้กิน

00:10:4000:10:44 คาร์โบไฮเดรต 60% ที่เหลือเป็นไขมันอีก

00:10:4400:10:47 กลุ่มนึงให้กินคาร์โบไฮเดรต 40% ที่เหลือ

00:10:4700:10:50 เป็นไขมันอีกกลุ่มนึงให้กินคาร์โบไฮเดรต

00:10:5000:10:53 20% เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นไขมันเพราะ

00:10:5300:10:55 ฉะนั้นสิ่งที่แตกต่างกันคือสัดส่วน

00:10:5500:10:59 ระหว่างคาร์โบไฮเดรตกับไขมันในแต่ละกลุ่ม

00:10:5900:11:02 นะครับลองเดามั้ครับว่ากลุ่มไหนเนี่ยจะลด

00:11:0200:11:05 น้ำหนักได้ดีกว่านะครับสิ่งที่เขา้าเจอนะ

00:11:0500:11:08 ครับเาค้าก็เจอว่ากลุ่มที่กินคาร์โบเดรต

00:11:0800:11:12 น้อยที่สุดก็คือ 20% เนี่ยครับมีอัตราการ

00:11:1200:11:14 เผาผลาญพลังงานหรือว่าแครี่ที่เบิร์น

00:11:1400:11:16 เนี่ยครับสูงกว่ากลุ่มที่กิน

00:11:1600:11:19 คาร์โบไฮอฮเดรตเยอะนะครับเเจอว่าทุกๆ 10%

00:11:1900:11:21 ของคาร์โบไฮเดรตที่ลดลงไปนะครับสามารถที่

00:11:2100:11:25 จะเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้นเกินกว่า 50

00:11:2500:11:27 กแคลอรี่ต่อวันเลยนะครับเพราะฉะนั้นกลุ่ม

00:11:2700:11:29 ที่กินคาร์บอนน้อยนะครับสามารถที่จะ

00:11:2900:11:31 เบิร์นแคลอรี่ได้มากกว่ากลุ่มที่กินคาร์บ

00:11:3100:11:34 มากที่สุดเนี่ยต่อวันเนี่ยมากกว่า 200

00:11:3400:11:37 กแคลีบางคนเนี่ยไปจนถึง 300 กแคลีมัน

00:11:3700:11:40 เหมือนกับการไปออกกำลังกายสักเessนึง 1

00:11:4000:11:42 ช่โมงเลยนะครับเพียงแค่กินสัดส่วนของ

00:11:4200:11:46 คาร์บอเรตกับไขมันที่แตกต่างกันผลจากงาน

00:11:4600:11:47 วิจัยนะครับเป็นการพิสูจน์ว่าไอ้เจ้า

00:11:4700:11:51 โมเดล Carry in แครี่ out คือการที่สนใจ

00:11:5100:11:53 แครี่เพียงแค่ตัวเลขเพียงอย่างเดียวมัน

00:11:5300:11:56 ไม่พอครับแล้วผลของงานวิจัยเครับยังไป

00:11:5600:11:59 สนับสนุนโมเดลอื่นๆนะครับว่ามีความถูก

00:11:5900:12:01 ต้องมากกว่าครับอย่างเช่นโมเดลที่ชื่อว่า

00:12:0100:12:04 คาร์โบไฮเดรต insulin model ก็คือเวลา

00:12:0400:12:06 ที่เรากินคาร์โบฮเดรตเข้าไปแล้วเนี่ยครับ

00:12:0600:12:09 คาร์โบไฮเดรตสามารถที่จะไปกระตุ้นฮอร์โมน

00:12:0900:12:12 อินซูลินให้เพิ่มหรือว่าลดลงนะครับเมื่อ

00:12:1200:12:14 เอาอินซูลินเนี่ยมันเพิ่มเยอะๆเนี่ยนะ

00:12:1400:12:16 ครับมันก็จะส่งผลต่อกระบวนการเผ่าผลาญใน

00:12:1600:12:19 ร่างกายแล้วก็ส่งผลต่อน้ำหนักที่เปลี่ยน

00:12:1900:12:21 แปลงไปงั้นนับแคลอรี่อย่างเดียวไม่พอต้อง

00:12:2100:12:25 ดูที่คุณภาพของแคลอรี่ด้วยนะครับทีนี้

00:12:2500:12:27 อย่างนึงที่ต้อง clarify ไว้นะครับคือผล

00:12:2700:12:30 จากงานวิจัยเนี้ยไม่ได้เป็นการบอกนะว่า

00:12:3000:12:34 การกินโลขะดีกว่าการกิน low fฟatนะครับ

00:12:3400:12:36 เพราะว่างานวิจัยเนี้มันไม่ได้ควบคุม

00:12:3600:12:40 คุณภาพของแฟเท่าไหร่นะครับมีงานวิจัยอื่น

00:12:4000:12:42 ๆนะครับที่เขาศึกษาเปรียบเทียบเลยว่าคน

00:12:4200:12:46 ที่อยากจะลดน้ำหนักโดยการเทียบระหว่างการ

00:12:4600:12:49 กินแบบ low คาร์โบไฮเดรตเทียบกับ low Fat

00:12:4900:12:51 นะครับแต่ว่าคุมให้อาหารเนี่ยมันเป็น

00:12:5200:12:54 อาหารที่มีคุณภาพ Quality สูงๆนะครับเจอ

00:12:5400:12:57 ว่ากินไปแบบเนี้ย 1 ปีที่การลดน้ำหนักนะ

00:12:5700:13:00 ครับทั้ง 2 แบบเนี่ยสามารถจะลดน้ำหนักได้

00:13:0000:13:02 ดีพอๆกันนะครับตราบใดที่กลุ่มLฟastกิน

00:13:0200:13:05 คาร์โบไฮเดรตที่ดีนะครับทั้ง 2 แบบสามารถ

00:13:0500:13:08 ที่จะลดน้ำหนักได้ดีมีประสิทธิภาพพอๆกัน

00:13:0800:13:10 นะครับเพราะฉะนั้นคุณสามารถจะเลือกได้เลย

00:13:1000:13:12 นะครับว่าแบบไหนเนี่ยมันตอบไลฟ์สไตล์หรือ

00:13:1200:13:15 ว่าตอบความชอบในการกินอาหารของคุณส่วนตัว

00:13:1500:13:17 มากกว่าสามารถจะเลือกได้ในการลดน้ำหนักนะ

00:13:1700:13:19 ครับหลักการมันมีอยู่แค่นิดเดียวครับคือ

00:13:1900:13:22 คุณควรจะเลือกกินอาหารที่ไม่กระตุ้น

00:13:2200:13:24 อินซูลินมากเท่าไหร่นะครับหรือว่าไม่

00:13:2400:13:25 กระตุ้นให้อินซูลินมันสปikeอยู่เรื่อยๆนะ

00:13:2500:13:27 ครับเพราะถ้าเกิดคุณคลุมให้ฮอร์โมน

00:13:2700:13:28 อินซูลินเนี่ยไม่ค่อยพุ่งเท่าไหร่เนี่ย

00:13:2800:13:30 ครับร่างกายของคุณเนี่ยก็จะไม่ค่อยเก็บ

00:13:3000:13:33 สะสมไขมันรวมถึงเวลาที่คุณทำกิจกรรมที่

00:13:3300:13:36 ต้องใช้พลังงานเนี่ยครับร่างกายมันจะปรับ

00:13:3600:13:40 ตัวให้สามารถที่จะadดaptเอาไขมันที่เก็บ

00:13:4000:13:42 ไว้เนี่ยมาใช้งานได้ดีกว่าเพราะฉะนั้น

00:13:4200:13:44 อัตราการเผาผลในร่างกายเนี่ยมันก็จะสูง

00:13:4400:13:46 ขึ้นถ้าเกิดว่าพยายามเลือกกินอาหารที่

00:13:4600:13:49 เป็น complex คาร์บตหรือหรือว่ากินอาหาร

00:13:4900:13:51 ที่เป็น Good Fat นะครับก็จะดึงไขมันมา

00:13:5100:13:54 ใช้ได้ดีแล้วก็ลดการสะสมไขมันนั่นเองครับ

00:13:5400:13:57 นี่มาอีกหนึ่งคู่เทียบที่น่าสนใจครับก่อน

00:13:5700:13:59 หน้าเผมเทียบแมคโครนิวเตรียนก็คือเทียบ

00:13:5900:14:02 การกินโปรตีนคาร์โอไฮเดรตแล้วก็ไขมันนะ

00:14:0300:14:05 ครับที่แครี่เท่ากันแต่มันส่งผลต่อร่าง

00:14:0500:14:07 กายไม่เหมือนกันทีนี้นอกจากแมคโครนิวตรอน

00:14:0700:14:09 นะครับมันจะส่งผลต่อร่างกายที่แตกต่างกัน

00:14:0900:14:12 แล้วนะครับกระบวนการปรุงอาหารหรือว่าความ

00:14:1200:14:15 ซับซ้อนของ process ที่เวลาเรา cooking

00:14:1500:14:18 process เนี่ยครับมันก็ส่งผลต่อร่างกาย

00:14:1800:14:20 เหมือนกันนะครับแม้ว่าจะคุมปริมาณของ

00:14:2000:14:22 แครี่ของอาหารที่กินเข้าไปให้มันเท่ากัน

00:14:2200:14:26 นะครับผมจะเทียบอาหารที่เป็น food หรือ

00:14:2600:14:29 ว่า minimally process food กับอาหาร

00:14:2900:14:31 ที่เป็น process food หรือว่า ultra

00:14:3100:14:33 process food นะครับว่ากินอาหาร 2

00:14:3300:14:36 อย่างเนี้ย process น้อยๆกับ process

00:14:3600:14:39 เยอะๆแม้ว่าแคเท่ากันเนี่ยส่งผลต่อร่าง

00:14:3900:14:42 กายต่างกันมนะครับมีงานวิจัยนึงก็น่าสนใจ

00:14:4200:14:44 มากๆครับไปอ่านแล้วก็ว้าวมากๆเลยนะลองเอา

00:14:4400:14:47 ให้ผู้ใหญ่นะครับมาลองกินอาหารที่เป็น

00:14:4700:14:50 ultra process food ก่อนใน 2 อาทิตย์

00:14:5000:14:52 แรกนะครับหลังจากนั้นเนี่ยค่อยปรับไปกิน

00:14:5200:14:54 อาหารที่เป็น minimally process food

00:14:5400:14:58 ใน 2 อาทิตย์หลังซึ่งตัวหรือว่ามื้ออาหาร

00:14:5800:15:00 ที่เขา้าให้กินนะครับทั้ง Ultra Process

00:15:0000:15:01 Food หรือว่าตัวที่เป็น minimally

00:15:0100:15:03 process food เนี่ยครับมีแคลอรี่เท่า

00:15:0300:15:06 กันเลยมีแมโครนิวตรอนที่เป็นโปรตีน

00:15:0600:15:08 คาร์บอเรตหรือว่าไขมันเท่ากันเลยนะครับมี

00:15:0800:15:11 กฎอยู่นิดนึงครับผู้วิจัยเนี่ยให้คนที่มา

00:15:1100:15:14 ทดลองเนี่ยครับกินอาหารได้ไม่อั้นเลยไม่

00:15:1400:15:17 มีการจำกัดแคลอรี่อยากกินเท่าไหร่ก็กินไป

00:15:1700:15:19 แล้วสิ่งที่เขาเจอก็คือว่าในช่วง 2

00:15:1900:15:21 อาทิตย์แรกที่ให้เลือกกินอาหารที่เป็น

00:15:2100:15:23 Ultra Process Food เนี่ยครับเาเจอว่า

00:15:2300:15:27 คนน่ะกินอาหารแคลอรี่รวมกันแล้วเนี่ยมาก

00:15:2700:15:29 กว่า 2 อาทิตย์ถัดมาที่ให้กินอาหารที่

00:15:2900:15:31 เป็น Food ที่ไม่ค่อย process เท่าไหร่นะ

00:15:3100:15:36 ครับถึงวันละ 500 กลี่ขึ้นไปนะครับพอรวมๆ

00:15:3600:15:37 กันแล้วนะครับหลังจากกิน Ultra Process

00:15:3700:15:39 Food ไป 2 อาทิตย์เนี่ยครับน้ำหนักเพิ่ม

00:15:3900:15:42 มากขึ้นเกือบ 1 กก.ครับในขณะที่ใน 2 ที่

00:15:4200:15:44 ถัดมาครับพอให้กินอาหารที่เป็น food ก็

00:15:4400:15:47 คือเป็น process น้อยๆนะครับน้ำหนักที่

00:15:4700:15:49 เพิ่มขึ้นเ่ะก็ลดลงไปแล้วก็แครี่ที่กิน

00:15:4900:15:52 เนี่ยกินน้อยลงนะครับถามว่าทำไมมันถึง

00:15:5200:15:55 ต่างกันทั้งที่อาหารจานจานนึงเนี่ยมันมี

00:15:5500:15:57 แครี่เหมือนกันเลยมีสัดส่วนของ

00:15:5700:15:59 แมคโครนิวตรที่เหมือนกันที่ร่างกาย

00:15:5900:16:01 ต้องการเนี่ยพอๆกันนะครับสิ่งที่มันต่าง

00:16:0100:16:03 กันคือเวลาเกินอาหารที่เป็น process food

00:16:0300:16:05 เยอะๆหรือว่าเป็น Ultra Process Food

00:16:0500:16:08 เนี่ยครับ Texture มันไม่เหมือนกันคือ

00:16:0800:16:10 อาหารที่เป็น process Food เนี่ยมันกิน

00:16:1000:16:14 ง่ายย่อยง่ายดูดซึมง่ายมีการออกแบบที่พอ

00:16:1400:16:17 กินเข้าไปแล้วอ่ะมันทำให้เรารู้สึกว่าแบบ

00:16:1700:16:20 อืเจริญอาหารจังเลยรู้สึกอยากจะกินอีก

00:16:2000:16:22 อยากจะกินอีกอยากจะกินอีกมันก็เลยกระตุ้น

00:16:2200:16:25 ให้ร่างกายเนี่ยไม่รู้สึกอิ่มรู้สึกว่า

00:16:2500:16:28 กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกพอทำให้อยากจะกิน

00:16:2800:16:30 เพิ่มกินเพิ่มไปเรื่อยๆครับในขณะที่การ

00:16:3000:16:33 กินอาหารที่ process น้อยๆเนี่ยครับมัน

00:16:3300:16:36 ยังมีแสอยู่เยอะมันยังมีไฟเบอร์อยู่เยอะ

00:16:3600:16:38 พอกินเข้าไปปุ๊บเนี่ยครับมันอยู่ท้องนาน

00:16:3800:16:40 กว่าที่สำคัญเนี่ยมันอยู่ที่อาหารที่มัน

00:16:4000:16:42 ปรุงแต่งน้อยๆหรือว่า process น้อยๆนะ

00:16:4200:16:45 ครับมันมีมวลอยู่เยอะมันมีไฟเบอร์อยู่

00:16:4500:16:47 เยอะพอกินเข้าไปแล้วเนี่ยครับมันทำให้

00:16:4700:16:50 อยู่ท้องอิ่มนานแล้วก็อยากจะกินอีกน้อยลง

00:16:5000:16:53 ทำให้เราอยากจะได้แคลอรี่เพิ่มเข้าไปอีก

00:16:5300:16:56 น้อยลงนั่นเองนะครับทีนี้เดี๋มาลองดูงาน

00:16:5600:16:58 วิจัยที่มีการควบคุมแคลอรี่บ้างแต่ก็มี

00:16:5800:17:01 การเปรียบเทียบอาหารที่เป็น process กับ

00:17:0100:17:02 minimary process นะครับอีกงานวิจัยนึง

00:17:0200:17:05 เนี่ยมาเลยครับมาให้แบ่งคนออกเป็น 2

00:17:0500:17:08 กลุ่มครับให้กลุ่มนึงเนี่ยกินอาหารที่มี

00:17:0800:17:10 ความเป็นจังฟู้ดหน่อยหน่อยมีความเป็น

00:17:1100:17:13 เวestนแบบอาหารแบบตะวันตกเลยนะครับที่ไม่

00:17:1300:17:16 ค่อย healthy เท่าไหร่เทียบกับอาหารที่

00:17:1600:17:19 เป็น Food ซะมากกว่าคือแบบ process น้อยๆ

00:17:1900:17:22 นะครับคุมแครี่เท่ากันคุมแมคโครนิวตรอน

00:17:2200:17:24 คือโปรตีนคาร์บอนเดตไขมันเท่ากันเลยนะ

00:17:2400:17:27 ครับแล้วดูซิมันต่างกันยังไงคราวเนี้ยมี

00:17:2700:17:30 การคุมแคลอรี่แล้วนะครับผลของงานวิจน่าสน

00:17:3000:17:33 ใจมากนะครับคุณจะเห็นพลังของการกิน

00:17:3300:17:36 ไฟเบอร์ที่ได้จากการกินพวก Food หรือว่า

00:17:3600:17:38 Minimary Process Food แบบชัดเจนเลยนะ

00:17:3800:17:40 ครับคือหลังจากกินไป 22 วันเนี่ยเค้ามี

00:17:4000:17:44 การเก็บอุจจาระของผู้ทดลองไปด้วยนะครับ

00:17:4400:17:46 เพื่อไปวิเคราะห์ว่าไอ้ในอุจจาระเนี่ยมัน

00:17:4600:17:49 มีอาหารที่เหลือจากการย่อยเนี่ยกี่

00:17:4900:17:53 แคลอรี่เขาก็เจอว่ากลุ่มที่กินอาหารที่มี

00:17:5300:17:57 ไฟเบอร์สูงคือพูดเนี่ยครับมีสัดส่วนของ

00:17:5700:18:01 แคลอรี่ที่หลุดรอดออกไปอยู่ในอุจจระเนี่ย

00:18:0100:18:04 สูงกว่ากลุ่มที่กิน process food นะครับ

00:18:0400:18:08 คือกินเข้าไปอ่ะร่างกายไม่สามารถที่จะดูด

00:18:0800:18:11 ซึมหรือว่าย่อยแคแครี่ได้หมด 100% ในขณะ

00:18:1100:18:14 ที่อีกกลุ่มนึงเนี่ยครับที่กินพวก process

00:18:1400:18:16 food หรือว่าจัง Food เนี่ยครับร่างกาย

00:18:1600:18:19 สามารถที่จะดูดซึมแคลี่เข้าไปได้เต็มเม็ด

00:18:1900:18:21 เต็มหน่วยมากกว่าเพราะฉะนั้นต่อให้กิน

00:18:2100:18:24 แคลี่เข้าไปเหมือนกันตอนแรกเนี่ยครับ

00:18:2400:18:26 กลุ่มเนี้ยได้แคลี่น้อยกว่า at the end

00:18:2600:18:29 นั่นเองนะครับและนอกจากจะเห็นพลังของ

00:18:2900:18:32 ไฟเบอร์เนี่ยครับก็จะเห็นอีกหนึ่งพลังของ

00:18:3200:18:34 กัสไมโครนะครับก็คือจุลินทรีย์ในทางอาหาร

00:18:3400:18:36 เพราะว่าเขาเจอว่าพอเอาอุจจาระไป

00:18:3600:18:39 วิเคราะห์แล้วนะครับก็เจอว่ากลุ่มที่กิน

00:18:3900:18:42 อาหารที่เป็น Food เนี่ยครับมันมีสารดีๆ

00:18:4200:18:45 ที่จุลินทรีย์ในลำไส้ของเราเนี่ยมันสร้าง

00:18:4500:18:48 มาให้เยอะมากกว่านะครับจริงๆจุลินทรีย์ใน

00:18:4800:18:50 ไส้เนี่ยนอกจากมีข้อดีคือสร้างของดีๆให้

00:18:5000:18:51 เราแล้วเป็นประโยชน์กับสุขภาพของเราแล้ว

00:18:5200:18:54 เนี่ยครับมันยังมีประโยชน์อย่างนึงคือถ้า

00:18:5400:18:56 เรากินอาหารที่จุลินทรีย์มันชอบ

00:18:5600:18:59 จุลินทรีย์มันย่อยได้ง่ายเนี่ยครับมันจะ

00:18:5900:19:01 แย่งอาหารที่เรากินไปด้วยครับคือสมมุติ

00:19:0100:19:04 เรากินอาหารไป 100% เนี่ยครับเราอาจจะได้

00:19:0400:19:08 พลังงานสัก 80 จุลินทรีย์แย่งไป 20 เพราะ

00:19:0800:19:10 ฉะนั้นเราก็จะได้พลังงานเข้าไปในร่างกาย

00:19:1000:19:13 จริงๆอ่ะน้อยลงกับการถ้ากินอาหารที่

00:19:1300:19:15 จุลินทรีย์ไม่ชอบเลยแบบเอาไปใช้ประโยชน์

00:19:1500:19:17 ไม่ได้ครับเรากินไป 100% เนี่ยจุลินทรีย์

00:19:1700:19:20 อาจจะแย่งไปได้เพียงแค่ 5% เท่านั้นในขณะ

00:19:2000:19:23 ที่อีก 95% เนี่ยเราดูดซึมเก็บแคลอรี่

00:19:2300:19:25 นั้นเอาไว้ได้ครับอันนี้ก็เป็นตัวอย่าง

00:19:2500:19:27 การกินจังฟู้ดเนี่ยจุลินทรีย์มันเอาไปใช้

00:19:2700:19:29 ประโยชน์ไม่ค่อยได้เพราะฉะนั้นเนี่ยร่าง

00:19:2900:19:30 กายก็จะดูดซึมแคลี่ส่วนใหญ่เอาไว้นะครับ

00:19:3100:19:32 แล้วก็จะมีสารีที่เกิดขึ้นจากจุลินทรีย์

00:19:3200:19:35 น้อยที่กินอาหารที่เป็น food มีไฟเบอร์

00:19:3500:19:37 เยอะจุลินทรีย์แย่งอาหารกินได้เยอะเพราะ

00:19:3700:19:40 ฉะนั้นจะมีแคลี่ตกเข้าไปในร่างกายเรา

00:19:4000:19:42 เนี่ยน้อยลงหน่อยแต่แลกมากับการที่เราจะ

00:19:4200:19:44 ได้ของดีๆที่จุลินทรียเนี่ยผลิตให้มาก

00:19:4400:19:47 ยิ่งขึ้นนะครับมีอีกงานวิจัยนึงที่เทียบ

00:19:4700:19:49 แบบชัดๆเลยนะครับเอาอาหารที่เป็น

00:19:4900:19:52 คาร์บอเรตที่แบบขัดสีเทียบกับไม่ขัดสี

00:19:5200:19:54 ง่ายๆถ้าคิดแบบไทยๆนะครับก็คือเอาข้าว

00:19:5500:19:57 กล้องมาเทียบกับข้าวขาวเนี่ยลองกินซิแบบ

00:19:5700:20:01 คุมแควเลยเกิดอะไรขึ้นก็เจอผลลัพธ์คล้ายๆ

00:20:0100:20:03 กันนะครับว่ากลุ่มที่กินคาร์โบไอฮไดเรต

00:20:0300:20:06 ที่เป็นเกรนที่ไม่ขัดสีเนี่ยเรียกว่าเป็น

00:20:0600:20:09 โฮนมากกว่านะครับในอุจจาระนะครับเจอว่ามี

00:20:0900:20:11 แคลียที่เล็ดรอดหรือสูญเสียไปเนี่ยมาก

00:20:1100:20:14 กว่าแล้วก็ระหว่างวันเนี่ยครับมีอัตราการ

00:20:1400:20:17 เผาผังพลังงานที่มากกว่าเพราะฉะนั้นหักลบ

00:20:1700:20:19 กบหนี้รวมกันแล้วนะครับกลุ่มที่กินโฮเกน

00:20:1900:20:22 เนี่ยครับร่างกายสามารถที่จะเบิร์น

00:20:2200:20:24 แคลอรี่หรือว่าสูญเสียแคลอรีได้มากกว่า

00:20:2400:20:26 กลุ่มที่กินคาร์บอเดตแบบขัดสีนั่นเอง

00:20:2700:20:29 เพราะฉะนั้นสรุปง่ายๆการกินอาหารที่มี

00:20:2900:20:31 ไฟเบอร์สูงกว่าเนี่ยมันดีกับร่างกายแน่ๆ

00:20:3100:20:32 นะครับเพราะว่าร่างกายจะเบิร์นแคลอี่ได้

00:20:3200:20:35 มากกว่านั่นเองครับเพราะงั้นจากงานวิจัย

00:20:3500:20:37 ที่เล่ามาทั้งหมดเลยเนี่ยครับก็จะเห็นว่า

00:20:3700:20:40 อาหารที่มีแคลอรี่เท่ากันเนี่ยมันส่งผล

00:20:4000:20:43 ต่อร่างกายแตกต่างกันจริงๆนะครับอย่างแรก

00:20:4300:20:46 คือต่อให้คุณจะกินแคลอรี่เท่ากันเนี่ยมัน

00:20:4600:20:49 จะส่งผลทำให้แคลอรี่ที่คุณเบิร์นเนี่ยมัน

00:20:4900:20:51 ต่างกันครับถ้าเป็นอาหารที่เป็นโปรตีน

00:20:5100:20:53 เนี่ยครับคุณจะเบิร์นเยอะกว่าเพราะว่า

00:20:5300:20:56 กระบวนการย่อยโปรตีนเนี่ยต้องใช้พลังงาน

00:20:5600:20:59 มากกว่าการย่อยคาร์โบไฮเดรตแล้วก็ไขมันนะ

00:20:5900:21:02 ครับอย่างที่ 2 ครับถ้าเรากินอาหารที่มี

00:21:0200:21:05 ไฟเบอร์เยอะกว่าอาหารที่เป็น food อาหาร

00:21:0500:21:08 ที่เป็น minimally process น้อยๆเนี่ยนะ

00:21:0800:21:10 ครับมีไฟเบอร์เยอะๆเนี่ยครับร่างกายก็จะ

00:21:1000:21:13 ดูดซึมสารอาหารได้ไม่หมดมันจะมีแคลอรี่

00:21:1300:21:16 บางอย่างเนี่ยหลุดรอดออกไปปนกับอุจจาระ

00:21:1600:21:18 ของเรานะครับเพราะฉะนั้นการกินแคลอรี่ไป

00:21:1800:21:20 100% เนี่ยครับร่างกายอาจจะดูดซึมเพียง

00:21:2000:21:24 แค่ 80 หรือว่า 90% อีก 10% เนี่ยอาจจะ

00:21:2400:21:27 สูญเสียไปเป็นอยู่ในกากไกอาหารที่อยู่ปน

00:21:2700:21:29 กับอุจจาระได้นะครับอีกอย่างนึงครับการ

00:21:2900:21:32 กินอาหารที่เป็นโปรตีนหรือว่าไขมันที่ดี

00:21:3200:21:34 เยอะๆเนี่ยนะครับมันช่วยเรื่องของอัตรา

00:21:3400:21:36 การเผาผ่านพลังงานหรือการเบิร์นขณะที่เรา

00:21:3600:21:39 อยู่เฉยๆด้วยนะครับเพราะว่ามันไม่ค่อยไป

00:21:3900:21:41 กระตุ้นอินซูลินพอมันไม่ไปกระตุ้น

00:21:4100:21:44 อินซูลินด้วยครับร่างกายเนี่ยก็จะสามารถ

00:21:4400:21:47 ที่จะดึงไขมันออกมาใช้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

00:21:4700:21:50 เบิร์นไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้นการเบิร์นไข

00:21:5000:21:52 มัน 1 กรัมเนี่ยเราได้แครี่เยอะมากๆนะ

00:21:5200:21:54 ครับทุกคนเพราะฉะนั้นถ้าร่างกายสามารถที่

00:21:5400:21:56 จะดึงไขมันมาใช้ได้ดีกว่าเนี่ยครับเราก็

00:21:5700:21:59 จะ burn แครี่ได้มีประสิทธิภาพสูงมากๆน้ำ

00:21:5900:22:02 หนักก็จะลดได้เร็วครับในทางตรงกันข้ามนะ

00:22:0200:22:05 ครับถ้าเกิดว่าแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไป

00:22:0500:22:05 เนี่ย

00:22:0500:22:08 กินจากคาร์โอฮเดรตในรูปของน้ำตาลหรือว่า

00:22:0800:22:10 เป็น Simple คาร์โบไฮเดรตที่สามารถที่จะ

00:22:1000:22:13 กระตุ้นอินซูลินได้เยอะๆเนี่ยครับส่งผล

00:22:1300:22:16 กระทบในทางลบมากๆนะครับพออินซูลินมันสูง

00:22:1600:22:19 ขึ้นเกิดผล 2 อย่างก็คือว่าร่างกายหิว

00:22:1900:22:22 เร็วคุณก็อยากจะได้แคลอรี่เพิ่มเข้าไปมาก

00:22:2200:22:25 ขึ้นอย่างที่ 2 ก็คือร่างกายเก็บไขมันมาก

00:22:2500:22:28 ยิ่งขึ้นแล้วก็ดึงไขมันมาใช้ยากลงเพราะ

00:22:2800:22:30 ฉะนั้นอัตราการเผ่าผ่านพลังงานเนี่ยมันก็

00:22:3000:22:33 จะลดลงครับแล้วก็ถ้าเกิดว่ากินอาหารที่

00:22:3300:22:35 เป็นอาหารที่ process เยอะเยอะยิ่งเป็น

00:22:3500:22:38 process Food ที่มันนุ่มนิ่มกินง่าย

00:22:3800:22:40 ย่อยง่ายดูดซึมเร็วไม่ค่อยอยู่ท้องเนี่ย

00:22:4100:22:42 ครับก็ทำให้คุณเนี่ยรู้สึกหิวเร็วแล้วก็

00:22:4300:22:45 อยากจะกินอาหารเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นเพราะ

00:22:4500:22:46 ฉะนั้นงานวิจัยทั้งหมดทั้งมวลนะครับก็

00:22:4600:22:48 เป็นการสะท้อนว่าอาหารที่แคลอรี่เท่ากัน

00:22:4800:22:51 เนี่ยส่งผลต่อร่างกายไม่เหมือนกันเพราะ

00:22:5100:22:53 ฉะนั้นโดยสรุปนะครับประโยคที่ว่าแคลอรี่

00:22:5300:22:56 ก็คือแคลอรี่เนี่ยถามว่าจริงมยถ้าคุย

00:22:5600:22:59 เรื่องตัวเลขตรงๆเครับก็จริงครับคือมัน

00:22:5900:23:02 ถูกต้องตามหลักอนพลังงานทางเลยนะครับถ้า

00:23:0200:23:04 เกิดว่าโดยรวมคุณกินมากกว่าที่คุณใช้

00:23:0400:23:06 เนี่ยเนี่ยคนอ้วนขึ้นแน่หรือว่าคุณใช้มาก

00:23:0600:23:10 กว่าที่คุณกินเนี่ยมันลดลงแน่ๆแต่มันอาจ

00:23:1000:23:13 จะเวิร์คในระยะสั้นไม่ค่อยส่งผลดีกับร่าง

00:23:1300:23:16 กายเท่าไหร่ในระยะยาวคุณควรจะนับแคลอรี่

00:23:1600:23:20 ควบคู่ไปกับการใส่ใจคุณภาพของแคลอรี่ที่

00:23:2000:23:22 กินเข้าไปด้วยนะครับเพราะว่าร่างกายของ

00:23:2200:23:24 เรามันซับซ้อนมันมีเรื่องของฮอร์โมนมันมี

00:23:2400:23:27 เรื่องของกัสไมโครบอยู่การใส่ใจกับคุณภาพ

00:23:2700:23:29 ของอาหารนะครับสุดท้ายมันจะส่งผลไปที่

00:23:2900:23:32 body composition ก็คือสัดส่วนของกล้าม

00:23:3200:23:34 เนื้อต่อขุณเนี่ยก็จะดีมากยิ่งขึ้นพอ

00:23:3400:23:36 กล้ามเนื้อมากยิ่งขึ้นปึ๊บระบบเผ่าผ่าน

00:23:3600:23:38 ของร่างกายเนี่ยก็จะดีมากยิ่งขึ้นนะครับ

00:23:3800:23:41 เพราะฉะนั้นต่อไปใครอยากจะลดน้ำหนักเนี่ย

00:23:4100:23:45 ครับคำนวณค่า TDE แล้วแล้วก็พยายามจะกิน

00:23:4500:23:47 ให้แคลอรี่ที่กินเข้าไปเนี่ยมันน้อยกว่า

00:23:4700:23:50 แคลอรี่ที่ใช้แล้วอย่าลืมใส่ใจกับคุณภาพ

00:23:5000:23:52 ของแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปด้วยเพราะว่า

00:23:5200:23:54 ถ้าคุณใส่ใจกับคุณภาพของแคลอรี่ที่กิน

00:23:5400:23:58 เข้าไปเนี่ยครับคุณสามารถที่จะกินแคลอรี่

00:23:5800:24:01 เท่าเดิมเท่ากันแต่ว่าผอมลงได้แล้วก็

00:24:0100:24:05 สุขภาพดีในระยะยาว

00:24:0500:24:08 T to the standard podcast I open

00:24:0800:24:12 it for your ears