00:00:00 → 00:00:00 ก็
00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:08 สวัสดีครับอาจารย์นายแพทย์กรภัทร์ไม่
00:00:08 → 00:00:12 รักษาคอนะครับหรือว่าปัจจุบันรู้จักกันใน
00:00:12 → 00:00:14 นามหมอนัดโภชนาการนะครับก็เป็นผู้เชี่ยว
00:00:14 → 00:00:18 ชาญที่ทำงานทางด้านโภชนาการมาหลายสิบปีนะ
00:00:18 → 00:00:22 ครับคำถามแรกกันก่อนนะฮะในเรื่องของไขมัน
00:00:22 → 00:00:24 อิ่มตัวก็ไม่อิ่มตัวแตกต่างกันอย่างไรนะ
00:00:24 → 00:00:28 ครับก็ต้องบอกว่าปกติแล้วไขมันอิ่มตัวนี้
00:00:28 → 00:00:30 ก็จะเป็นโครงสร้างของไขมันที่เราเจอใน
00:00:30 → 00:00:33 อาหารนะครับปกติอาหารเนี่ยจะประกอบไปด้วย
00:00:33 → 00:00:37 ไขมันที่เรารู้จักกันอยู่ประมาณ 3 แบบคือ
00:00:37 → 00:00:41 กรดไขมันอิ่มตัวก็คือเป็นกรดไขมันซึ่งพบ
00:00:41 → 00:00:43 ได้ใน
00:00:43 → 00:00:45 หนังต่างๆ
00:00:45 → 00:00:48 ในเครื่องในต่างๆนะครับหรือว่าในเบเกอรี่
00:00:48 → 00:00:53 ก็จะมีไขมันอิ่มตัวในเนยหรือในน้ำมันอ่า
00:00:53 → 00:00:56 งานวิจัยพบว่ากฎไขมันอิ่มตัวนี้เนี่ยถ้า
00:00:56 → 00:00:58 เกิดรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสมเนี่ย
00:00:58 → 00:01:00 จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด We Are ไข
00:01:00 → 00:01:03 มันในเลือดที่สูงขึ้นแล้วก็อาจจะมีความ
00:01:03 → 00:01:05 เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ตัวที่
00:01:06 → 00:01:08 สองคือกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งจริงๆแล้วก็
00:01:08 → 00:01:11 ยังประกอบไปด้วยกรดไขมันที่เป็นไม่อิ่ม
00:01:11 → 00:01:14 ตัว 1 ตำแหน่งกับไม่อิ่มตัวหลายๆตำแหน่ง
00:01:14 → 00:01:17 นะครับการรับงานกรดไขมันไม่อิ่มตัวใน
00:01:17 → 00:01:19 ปริมาณที่มากกว่ากันอื่นตัวน่าจะเป็นผลดี
00:01:19 → 00:01:22 กับร่างกายนะครับกดใครมันไม่เห็นตัวมักจะ
00:01:22 → 00:01:24 พบในผลิตภัณฑ์ถั่วต่างๆนะครับเช่น
00:01:24 → 00:01:29 อัลมอนด์วอลนัทหรือกดอะพบในพืชผักในหลายๆ
00:01:29 → 00:01:31 ชนิดนะครับจะเรียกง่ายๆว่าโดยธรรมชาติ
00:01:31 → 00:01:34 แล้วกฎหมายมันไม่เห็นตัวเนี้ยก็จะพบอยู่
00:01:34 → 00:01:36 ในอาหารปัจจุบันที่เรารับประทานกันอยู่
00:01:36 → 00:01:39 แล้วนะครับแล้วก็อยู่ในน้ำมันอีกหลายๆ
00:01:39 → 00:01:42 ชนิดนะครับเช่นน้ำมันคาโนล่าหรือน้ำมัน
00:01:42 → 00:01:45 ต่างๆน้ำมันดอกทานตะวันหรือน้ำมันถั่ว
00:01:45 → 00:01:47 เหลืองพรุ่งนี้ก็จะมีปริมาณกรดไขมันไม่
00:01:47 → 00:01:51 อิ่มตัวเยอะแล้วข้อมูลงานวิจัยแสดงแล้ว
00:01:51 → 00:01:53 สะท้อนให้เห็นว่ามันมีประโยชน์ต่อร่างกาย
00:01:53 → 00:01:55 โดยเฉพาะในเรื่องของหัวใจและหลอดเลือดนะ
00:01:55 → 00:01:58 ครับและกรดไขมันตัวสุดท้ายที่เราพูดคุย
00:01:58 → 00:02:01 กันบ่อยๆคือกดให้มันครับทางการนะครับซึ่ง
00:02:01 → 00:02:03 เป็นกรดไขมันซึ่งไม่ได้เจอในธรรมชาติมาก
00:02:03 → 00:02:06 นักแต่เป็นกระบวนการอุตสาหกรรมที่เขา
00:02:06 → 00:02:09 พยายามที่จะเปลี่ยนรูปของตัวน้ำมันที่นำ
00:02:09 → 00:02:12 มาใช้เพื่อให้น้ำมันนั้นเปลี่ยนจากของ
00:02:12 → 00:02:15 เหลวเป็นของแข็งได้จากว่าเป็นมีกฎหมายควบ
00:02:15 → 00:02:18 คุมในเมื่อปีที่แล้วที่ผ่านมานะครับให้มี
00:02:18 → 00:02:20 ความผิดในคนที่ขายกดไปมันทรานส์นะครับ
00:02:20 → 00:02:23 ปัจจุบันก็ในประเทศไทยก็พบได้น้อยมากแล้ว
00:02:23 → 00:02:26 นะครับก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลนะ
00:02:26 → 00:02:28 ครับถามถึงในส่วนของปรายเกย์สลายและ
00:02:28 → 00:02:31 โคเลสเตอรอลเนี่ยมันมีความแตกต่างปกติ
00:02:31 → 00:02:34 แล้วระดับไขมันในเลือดของคนมนุษย์เรานะ
00:02:35 → 00:02:38 ครับจะประกอบไปด้วย r 3 ส่วนหลักๆนะครับ
00:02:38 → 00:02:42 ก็คือ gestalt ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ที่อยู่ใน
00:02:42 → 00:02:45 ร่างกายนะครับโดย Crystal แบ่งออกมาเป็น
00:02:45 → 00:02:48 ที่เรารู้จักกันก็คือตัวอะไขมันตัวดีที่
00:02:48 → 00:02:51 เราเรียกว่า HD L นะครับซึ่งเราก็อยากจะ
00:02:51 → 00:02:54 ให้แต่ละคนมีประมาณ HD เอาที่มากนะครับ
00:02:54 → 00:02:57 แล้วก็อีกตัวนึงก็คือไขมันตัวไม่ดีที่เรา
00:02:57 → 00:03:00 เรียกว่า ldl นะครับซึ่งก็อยากจะให้แต่ละ
00:03:00 → 00:03:03 คนมีเป็นมานานเดียวที่ลดลงแล้วตัวสุดท้าย
00:03:03 → 00:03:07 ซึ่งไม่เข้าพวกกับทั้ง 2 ตัวแรกเลยนะครับ
00:03:07 → 00:03:09 ก็คือไปกินสไลด์นะครับจริงๆยังมีราย
00:03:09 → 00:03:13 ละเอียดอีกมากมายนะครับแต่ว่าใน 2 ตัวแรก
00:03:13 → 00:03:15 เอเชียว่า dl นั้นมีความสำคัญกับปริมาณ
00:03:15 → 00:03:18 อาหารที่รับประทานแต่ขณะเดียวกันใน
00:03:18 → 00:03:21 ไตรกลีเซอไรด์เนี่ยเป็นไขมันในเลือดที่มี
00:03:21 → 00:03:24 ความสัมพันธ์กับอาหารในหมวดคาวบอยเดชมาก
00:03:24 → 00:03:27 กว่าและก็ยังสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคเบา
00:03:27 → 00:03:29 หวานด้วยเช่นเดียวกันในขณะที่ 2 ตัวแรก S
00:03:29 → 00:03:32 เดียวกะ dl นั้นจะสัมพันธ์กับในเรื่องของ
00:03:32 → 00:03:35 อาหารไขมันมากกว่าครับการที่เราจะทำให้มี
00:03:35 → 00:03:37 ไขมันตัวดีหรือไม่ดีมากหรือน้อยนั้นเนี่ย
00:03:37 → 00:03:41 จะต้องได้จากการรับประทานอาหารที่มีกรดไข
00:03:41 → 00:03:44 มันซึ่งเป็นอีกตัวนึงของอาหารนะครับโดย
00:03:44 → 00:03:47 ปกติแล้ว HD L นี้จะเป็นไขมันตัวดีเนี่ย
00:03:47 → 00:03:51 มักจะได้จากการรับประทานกรดไขมันที่ดีนะ
00:03:51 → 00:03:54 ครับเช่นกรดไขมันไม่อิ่มตัวนะครับแล้วก็
00:03:54 → 00:03:58 ได้จากการลดปริมาณไขมันอิ่มตัวลงนะครับลด
00:03:58 → 00:04:01 การทางเบเกอรี่โรงนะคะแล้วก็ในบางรายได้
00:04:01 → 00:04:04 จากการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างต่อ
00:04:04 → 00:04:08 เนื่องนะครับและก็จะมีคนกลุ่มนึงนะครับ
00:04:08 → 00:04:11 ที่จะมีไขมันดี HD L เนี่ยสูงขึ้นจากการ
00:04:11 → 00:04:15 มีพันธุกรรมที่ดีนะครับส่วนไขมันไม่ดีคือ
00:04:15 → 00:04:18 L dl นะเนี่ยส่วนใหญ่แล้วได้จากการรับ
00:04:18 → 00:04:21 ประทานยาบริโภคไขมันนะครับเพราะฉะนั้นคน
00:04:21 → 00:04:23 ที่บริโภคไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่สูง
00:04:23 → 00:04:27 เนี่ยก็มีโอกาสที่จะมีตัว L dl ในปริมาณ
00:04:27 → 00:04:30 ที่สูงได้นะครับประกอบกับคนที่ขาดการออก
00:04:30 → 00:04:33 กำลังกายก็จะทำให้คนนั้นรับประทานอาหาร
00:04:33 → 00:04:35 เข้าไปแล้วเกิดการสะสมทำให้ไขมันตัวยาว
00:04:35 → 00:04:38 เรียวนี้สูงกินได้นะครับและยังเจอในคนไข้
00:04:38 → 00:04:40 ที่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆเช่นเป็นโรคเบา
00:04:40 → 00:04:43 หวานก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ระดับไขมัน
00:04:43 → 00:04:45 ตัวนี้สูงขึ้นได้เช่นเดียวกันครับในส่วน
00:04:45 → 00:04:50 ของตัวโอม a93 เนี่ยประกอบไปด้วยอ่าโอเม
00:04:50 → 00:04:53 ก้า 3 ที่เราพูดถึงแล้วมีความจำเป็นคือ
00:04:53 → 00:04:56 โอเมก้า 3 ในโหมดของไขมันอิ่มตัวสายยาวนะ
00:04:56 → 00:04:59 ครับซึ่งแบ่งออกมาเป็นตัวสำคัญสำคัญที่
00:04:59 → 00:05:03 เราใช้ในชีวิตจะทำวัน 3 ตัวนะครับคือตัว
00:05:03 → 00:05:06 แรกคือที่ได้มาจากพืชเป็นหลักนะครับคือ
00:05:06 → 00:05:10 อัลฟ่าไลโนเลอิกอ่ะแก 10 นะครับซึ่งพบใน
00:05:10 → 00:05:13 ผลิตภัณฑ์ถั่วต่างๆวอนัทอัลมอนด์ The
00:05:13 → 00:05:16 sack Seed นะครับและก็อีก 2 ตัวคือ epa
00:05:17 → 00:05:22 dha ซึ่งเป็นกฎไขมันโอเมก้า 3 อ่าแบบไม่
00:05:22 → 00:05:25 เห็นตัวนะครับซึ่งพบได้ในสัตว์น้ำหรือปลา
00:05:25 → 00:05:28 ทะเลน้ำลึกนะครับเอ่อโดยธรรมชาติแล้วต้อง
00:05:28 → 00:05:31 บอกว่าว่าโอเมก้า 3 ทั้ง 3 ชนิดเนี่ยมี
00:05:31 → 00:05:35 การศึกษาจำนวนมากมาหลายปีแล้วนะครับว่ามี
00:05:35 → 00:05:38 ประโยชน์และมีความจำเป็นเนื่องจากว่าเอา
00:05:38 → 00:05:40 เอกสารเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถ
00:05:40 → 00:05:43 ผลิตได้หรือผลิตได้ในปริมาณที่จำกัดมาก
00:05:43 → 00:05:46 จึงเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นที่จะต้อง
00:05:46 → 00:05:50 ได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้นนะครับ
00:05:50 → 00:05:53 แต่ว่าในปัจจุบันเนี่ยเราเรียนรู้เพิ่ม
00:05:53 → 00:05:56 เติมนะครับว่ากรดไขมันไม่เห็นตัวโดยเฉพาะ
00:05:56 → 00:05:58 EP a กับ d s a เนี่ยเป็นกรดไขมันที่
00:05:59 → 00:06:02 มีรายงานการนะแต่ว่าเป็นประโยชน์กับโรค
00:06:02 → 00:06:04 หัวใจและหลอดเลือดหรือลดในเรื่องของการ
00:06:04 → 00:06:08 อักเสบหรือว่าในโรคทางระบบประสาทต่างๆดัง
00:06:08 → 00:06:12 นั้นในแง่ของสุขภาพแล้วเนี่ยเรามักจะให้
00:06:12 → 00:06:15 ความสำคัญในเรื่องของการบริโภคก็กดไขมัน
00:06:15 → 00:06:17 ไม่อิ่มตัวโดยเฉพาะเมก้า 3 ของอีพีเอและ
00:06:17 → 00:06:21 ดี SA นะครับและโอเมก้า 3 หรือโอเมก้า 6
00:06:21 → 00:06:25 ปรากฏว่ามีความสำคัญและเป็นไขมันจำนวนมาก
00:06:25 → 00:06:27 ที่อยู่ในเซลล์สมองเซลล์หัวใจเช่นเดียว
00:06:27 → 00:06:30 กันนะครับและมีส่วนสำคัญในนั้นจึงเป็น
00:06:30 → 00:06:33 เหตุผลว่าทำไมโอเมก้า 3 หรือโอเมก้า 6
00:06:33 → 00:06:36 เนี่ยจึงมีส่วนสำคัญต่อระบบหัวใจและหลอด
00:06:36 → 00:06:40 เลือดนะครับเพียงเพราะว่าในกรณีของโรคหัว
00:06:40 → 00:06:43 ใจและหลอดเลือดเนี่ยเราพบว่าโอเมก้า 6 นะ
00:06:43 → 00:06:46 เนี่ยส่งเสริมทำให้เกิดกระบวนการอักเสบ
00:06:46 → 00:06:49 โดยเฉพาะเวลาคนเราเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด
00:06:49 → 00:06:52 เส้นเลือดในสมองตีบในขณะที่โอเมก้า 3
00:06:52 → 00:06:55 เนี่ยจะเป็นอีกฝั่งหนึ่งของด้านสุขภาพที่
00:06:55 → 00:06:58 จะคอยรถประบวนการอักเสบเหล่านั้นนะครับ
00:06:58 → 00:07:01 ที่นั้นประกอบกับก็ประมาณโอเมก้า 3 ที่
00:07:01 → 00:07:04 จำเป็นอยู่ในเซลล์สมองหรือในเซลล์หัวใจ
00:07:04 → 00:07:06 จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเราควรจะได้รับ
00:07:06 → 00:07:09 ปริมาณออกเอกสารที่เพียงพอครับจริงๆแล้ว
00:07:09 → 00:07:13 แบ่งมาเป็น 4 กลุ่มหลักๆนะครับคือกลุ่ม
00:07:13 → 00:07:17 แรกก็คือว่าเป็นกลุ่มของคนปกติที่สุขภาพ
00:07:17 → 00:07:21 ดีนะครับถ้าเขาเป็นคนชิ่งรับประทานสัตว์
00:07:21 → 00:07:25 น้ำอาหารทะเลเป็นปกติอยู่แล้วสัปดาห์
00:07:25 → 00:07:27 หนึ่งหนึ่งถึงสองครั้งหรือบางคนบ่อยกว่า
00:07:27 → 00:07:31 นั้นงานวิจัยก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการทาน
00:07:31 → 00:07:34 เสริมอาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนักนะครับ
00:07:34 → 00:07:37 กลุ่มที่ 2 ก็คือกลุ่มคนซึ่งไม่ได้รับ
00:07:37 → 00:07:42 ประทานอาหารทะเลหรือว่าผลิตภัณฑ์ถั่วที่
00:07:42 → 00:07:44 มีโอเมก้า 3 กลุ่มนี้เนี่ยจะได้รับ
00:07:44 → 00:07:46 ประโยชน์มากเนื่องจากว่าโดยธรรมชาติเขา
00:07:46 → 00:07:49 ทานน้อยอยู่แล้วมีรายงานการวิจัยว่าถ้า
00:07:49 → 00:07:52 เขาทานน้อยแล้วเขาได้รับปริมาณโอเมก้า 3
00:07:52 → 00:07:55 เสริมไม่ว่าจะมาจากอาหารธรรมชาติหรือว่า
00:07:55 → 00:07:58 จะวิตามินเสริมนะครับเขาก็จะได้รับ
00:07:58 → 00:08:02 ประโยชน์นะอย่างน้อยแต่ก็ดีต่อสุขภาพหัว
00:08:02 → 00:08:05 ใจและหลอดเลือดของเขานะครับกลุ่มที่ศาล
00:08:05 → 00:08:07 น่าจะเป็นกลุ่มของคนซึ่งมีภาวะเจ็บป่วย
00:08:07 → 00:08:10 อยู่แล้วเช่นเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอัน
00:08:10 → 00:08:14 นี้ก็น่าจะไม่ได้มีข้อถกเถียงกันนะครับ
00:08:14 → 00:08:16 ว่าเขาควรจะได้หรือไม่เพราะว่าในกลุ่ม
00:08:16 → 00:08:19 เนี่ยก็มีความเสี่ยงอยู่แล้วการได้รับ
00:08:19 → 00:08:22 ปริมาณการ 3 ที่เพียงพอก็จะมีประโยชน์กับ
00:08:22 → 00:08:25 การลดความรุนแรงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
00:08:25 → 00:08:28 ในระยะยาวกับสุขภาพของเขาได้นะครับส่วน
00:08:28 → 00:08:31 กลุ่มสุดท้ายเนี่ยจะเป็นกลุ่มซึ่งเรียก
00:08:31 → 00:08:35 ว่าเป็นเด็กสตรีและคนชราใช่ไหมครับหรือ
00:08:35 → 00:08:38 ว่าคนกำลังให้นมบุตรอยู่กลุ่มนี้เนี่ยก็
00:08:38 → 00:08:40 มีความจำเป็นที่จะว่าโอเมก้า 3 นั้นช่วย
00:08:40 → 00:08:43 ในการสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์สมองและ
00:08:43 → 00:08:45 เซลล์ต่างๆอย่างนั้นในกลุ่มเปราะบางเหล่า
00:08:45 → 00:08:48 นี้เนี่ยการได้รับปริมาณสารที่เพียงพอก็
00:08:48 → 00:08:50 จะเป็นประโยชน์กับเขานะครับเนื่องจากว่า
00:08:50 → 00:08:54 โอเมก้า 3 เนี่ยมีข้อมูลที่ช่วยในการที่
00:08:54 → 00:08:58 จะลดการตีบของตัวเส้นเลือดได้อย่างนั้นใน
00:08:58 → 00:09:01 กรณีของคนที่จะต้องคุณบริจาคเลือดหรือมี
00:09:01 → 00:09:04 การผ่าตัดใหญ่นะครับหรือว่ามีโอกาสที่จะ
00:09:04 → 00:09:08 ตลอดเลือกแตกได้ง่ายนะครับกลุ่มคนกลุ่ม
00:09:08 → 00:09:10 นี้ก็เป็นกลุ่มที่จำเป็นที่ต้องปรึกษา
00:09:10 → 00:09:12 แพทย์ก่อนที่จะบริโภคโอเมก้า 3 นะครับ
00:09:12 → 00:09:15 เพราะว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการ
00:09:15 → 00:09:18 อ่านเลือดไม่หยุดไหลได้อันนี้ก็เสี่ยงต่อ
00:09:18 → 00:09:21 การเสียชีวิตได้นะครับในขณะเดียวกันการ
00:09:21 → 00:09:23 รับมหานาก้า 3 ในประมาณที่สูงมากๆนะครับ
00:09:23 → 00:09:27 ก็มีแรงงานซึ่งในคนกลุ่มเปราะบางที่เป็น
00:09:27 → 00:09:29 โรคหัวใจเนี่ยมีโอกาสที่ทำให้เกิดหัวใจ
00:09:29 → 00:09:32 เต้นผิดจังหวะได้และก็ต้องอย่าลืมว่าเรา
00:09:32 → 00:09:34 ได้รับผลในการ 3 จากการรับประทานอาหาร
00:09:34 → 00:09:36 ด้วยเหมือนกันและนั้นในปริมาณที่ผ่าน
00:09:36 → 00:09:38 เสริมเนี่ยอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องรับ
00:09:38 → 00:09:41 ประทานในปริมาณที่มากมายนะครับเอาจริงๆ
00:09:41 → 00:09:43 แล้วอ้าวโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เราแนะนำ
00:09:43 → 00:09:47 โดยเฉลี่ยก็จะอยู่ประมาณ 250 บาทจนถึง 500
00:09:47 → 00:09:50 มิลลิกรัมต่อวันนะครับไม่ได้มีรายงานว่า
00:09:50 → 00:09:53 จะมีปัญหากับคนที่มีประจำเดือนผิดปกตินะ
00:09:53 → 00:09:57 ครับคือเนื่องจากว่าเรากำลังจะพูดถึงการ
00:09:57 → 00:10:01 ดูแลสุขภาพในระยะยาวนะครับถ้างั้นโอเมก้า
00:10:01 → 00:10:04 3 ไม่ได้ไม่ได้มีข้อห้ามที่จะว่าจะรับ
00:10:04 → 00:10:08 ประทานไปนานแค่ไหนแต่น่าจะเป็นประเด็นใน
00:10:08 → 00:10:11 เรื่องของความปลอดภัยในโอเมก้า 3 ที่ได้
00:10:11 → 00:10:14 มามากกว่าว่าเนื่องจากว่าเขาสกัดมาจากปลา
00:10:14 → 00:10:18 ทะเลซึ่งถ้าเกิดแหล่งที่มานอกเหนือจากการ
00:10:18 → 00:10:20 ผลิตที่ไม่ได้คุณภาพที่ต้องระมัดระวัง
00:10:20 → 00:10:22 แล้วเนี่ยแหล่งที่มาหน้าจากว่าเป็นปลา
00:10:22 → 00:10:25 ทะเลแล้วก็อาจจะมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก
00:10:25 → 00:10:27 อันนี้นะอันนี้ต่างหากที่จะเป็นข้อกังวล
00:10:27 → 00:10:31 ใจในการใช้คะโอเมก้า 3 โดยปกติโอเมก้า 3
00:10:31 → 00:10:35 เนี่ยจะมาเป็นในรูปของแคปซูลเม็ดใหญ่ๆนะ
00:10:35 → 00:10:39 ครับถ้าเกิดว่าในบางรายที่ทานแล้วมีเกิด
00:10:39 → 00:10:42 อาการคือเรียกว่าว่าเมื่อถ่ายไปแล้วแต่จะ
00:10:42 → 00:10:44 มีกลิ่นที่เขาไม่พึงประสงค์ที่เขาไม่ชอบ
00:10:44 → 00:10:48 นั้นเกิดว่าทานคงคิดว่าง่ายๆก็คือว่าทาน
00:10:48 → 00:10:51 ตอนไหนก็คงจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักดี
00:10:51 → 00:10:53 กว่าไม่ทันอยู่แล้วนะครับดังนั้นแต่ว่า
00:10:53 → 00:10:56 การทานพร้อมอาหารเองเนี่ยอาจจะเกิดกลิ่น
00:10:56 → 00:11:00 ที่ไม่พึงประสงค์จากกลิ่นของโอเมก้า 3 ก็
00:11:00 → 00:11:03 ได้นั้นโดยปกติแล้วก็จะแนะนำให้ทานในช่วง
00:11:03 → 00:11:06 เวลาอื่นๆมากกว่าคำแนะนำบางครั้งไม่ได้มี
00:11:06 → 00:11:09 ข้อมูลมากขนาดนั้นแต่ว่าได้จากมันมีผลต่อ
00:11:09 → 00:11:12 การเจริญเติบโตและนั่นเองเด็กเล็กๆชิ้น
00:11:12 → 00:11:14 อย่างไม่สามารถทานอะไรได้เช่นอายุน้อย
00:11:14 → 00:11:17 กว่า 6 เดือนก็คงจะต้องได้รับโอเมก้า 3
00:11:17 → 00:11:19 จากการที่คุณแม่ให้นมลูกและคุณแม่ทาน
00:11:19 → 00:11:23 omega3 หรือว่าว่าทันปลานะครับก็จะได้
00:11:23 → 00:11:26 ส่งต่อไปกันให้กับลูกแต่เมื่อใดก็ตามที่
00:11:26 → 00:11:29 เด็กมีการเจริญเติบโตมากขึ้นเขาก็จะ
00:11:29 → 00:11:32 สามารถรับประทานเมก้า 3 ได้นะครับในรูป
00:11:32 → 00:11:34 ของอาหารสดก็ได้หรือว่าในที่แต่ว่าต้อง
00:11:34 → 00:11:37 บอกว่าแหล่งที่มาของ Mega 3 เนี่ยใน
00:11:37 → 00:11:40 ลักษณะของเด็กเนี่ยคำแนะนำเนี่ยจะอ้างอิง
00:11:40 → 00:11:43 จากโอเมก้า 3 ที่ไม่ใช่โอเมก้า 3 จากปลา
00:11:43 → 00:11:46 ทะเลน้ำลึกแต่จะเป็นจากจากในกลุ่มของ
00:11:46 → 00:11:50 แอลฟาไลโนลี Acid ALA นะครับซึ่งประมาณ
00:11:50 → 00:11:53 LA เนี่ยจะต้องเป็นปริมาณที่สูงกว่าเช่น
00:11:53 → 00:11:56 เป็นหลัก 500 มิลลิกรัมหรือ 1 กรัมในขณะ
00:11:56 → 00:11:59 ที่โอเมก้า 3 dha epa เนี่ยจะเป็น
00:11:59 → 00:12:00 ปริมาณ
00:12:00 → 00:12:03 เด็กน้อยกว่านะครับอย่างนั้นเกณฑ์นั่งเอง
00:12:03 → 00:12:06 ก็จะต้องไปดูในรายละเอียดด้วยว่าว่าอัน
00:12:06 → 00:12:08 นั้นเนี่ยอ้างอิงมาจากกรดไขมันไม่อิ่มตัว
00:12:08 → 00:12:11 ของโอเคก็ 3 ตัวไหนนะครับแต่ว่าโดยปกติ
00:12:11 → 00:12:15 แล้วก็โดยค่าเฉลี่ยก็จะอยู่ที่ประมาณ 250
00:12:15 → 00:12:19 mg ถึง 500 มิลลิกรัมของตัวโอเมก้า 3 นะ
00:12:19 → 00:12:22 ครับเพราะว่าในหนึ่งเม็ดของโอเมก้า 3 ที่
00:12:22 → 00:12:24 เราซื้อมาอาจจะไม่ได้มีโอเมก้า 3 ทั้ง
00:12:24 → 00:12:28 100% เม็ดนั้นอาจจะมีตัวกดไขมันหรือตัว
00:12:28 → 00:12:31 อะไรก็ตามที่เป็นตัวนำพาให้อเวนเจอร์ 3
00:12:31 → 00:12:34 สามารถเข้าร่างกายได้เลยแป้งบางอย่างหรือ
00:12:34 → 00:12:37 ตัวน้ำหนักของแคปซูลด้วยนะครับเนื่องจาก
00:12:37 → 00:12:42 Omega 3 เนี่ยป้าทำให้ช่วยในการลดหัวใจ
00:12:42 → 00:12:45 ติดน่ะเส้นเลือดในสมองตีบว่าในฝั่งทางการ
00:12:45 → 00:12:47 แพทย์จึงมีความกังวลว่าแล้วถ้าอย่างนั้น
00:12:47 → 00:12:51 แล้วเนี่ยถ้ากินคู่กับ at a ลินนะครับ
00:12:51 → 00:12:53 หรือว่าคนไข้ที่มีความเสี่ยงกับเส้นเลือด
00:12:53 → 00:12:56 ในสมองแตกเนี่ยจะมีปัญหาหรือเปล่าดังนั้น
00:12:56 → 00:13:01 ในกรณีของคนที่มีผล ami มีโอกาสเสี่ยงใน
00:13:01 → 00:13:04 การเกิดเส้นเลือดในสมองแตกหรือว่าว่ามี
00:13:04 → 00:13:07 การมีความโศกอาจเสี่ยงในการเลือดไหลไม่
00:13:07 → 00:13:10 หยุดอันนี้ก็ต้องเป็นข้อควรระวังมากๆนะ
00:13:10 → 00:13:12 ครับเช่นจะต้องไปผ่าตัดใหญ่ก็จะต้องอยู่
00:13:12 → 00:13:15 ตรงเมก้า 3 ล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งนะ
00:13:15 → 00:13:18 ครับส่วนผลการคืนอื่นๆจะเป็นเรื่องของการ
00:13:18 → 00:13:20 เกิดท้องอื่นหรือว่ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์
00:13:20 → 00:13:24 จะตัวน้ำมันปลาเวลาที่ย่อยแคปโซนออกไปแล้
00:13:24 → 00:13:26 วนะเนี่ยเป็นผลไม่พึงประสงค์ทางด้านนั้น
00:13:26 → 00:13:29 นะครับรวมทั้งในคนที่มีหัวใจเต้นผิด
00:13:29 → 00:13:32 จังหวะนี้ก็ดำเนินข้อควรระวังครับคิดว่า
00:13:32 → 00:13:35 จริงๆแล้วไม่ได้มีข้อห้ามไม่ได้ไม่มีไม่
00:13:35 → 00:13:39 ได้มีตัวข้อห้ามของมันเองแต่สิ่งที่ต้อง
00:13:39 → 00:13:41 เป็นข้อควรระวังหรือว่าแหล่งที่มาของ
00:13:41 → 00:13:46 โอเมก้า 3 เนี่ยมันมาจากปลาแล้วโอเมก้า 3
00:13:46 → 00:13:50 มักจะมากับวิตามินเอด้วยและเนี่ยมีมีมี
00:13:50 → 00:13:53 ความเป็นพิษรับปริมาณบริโภคมากจะมีความ
00:13:53 → 00:13:56 เป็นพิษได้อย่างนั้นเนี่ยถ้าเกิดทาน
00:13:56 → 00:13:59 omega3 จึงมันจะมีประมาณโอเมะกับหรือ
00:13:59 → 00:14:01 Within a อยู่ที่คะแล้วก็ทำให้มิเน
00:14:01 → 00:14:03 เสริมด้วยก็จะเป็นอันตรายมากๆเลยนะฮะ
00:14:03 → 00:14:05 เพราะว่าเป็นยากินเกินไม่ดีในส่วนของ
00:14:05 → 00:14:09 โอเมก้า 3 คือคงน่าจะได้พูดไปหมดแล้วแต่
00:14:09 → 00:14:12 ว่าหลักๆก็คือว่ามันเป็นสารอาหารที่ที่
00:14:12 → 00:14:16 ไม่ได้มาจากจากร่างกายผลิตเองหรือร่างกาย
00:14:16 → 00:14:20 สามารถผลิตเองได้ในปริมาณที่จำกัดมากดัง
00:14:20 → 00:14:23 นั้นเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่เราเรียกว่า
00:14:23 → 00:14:26 essential พัทยา 10 ต้องได้จากการบริโภค
00:14:26 → 00:14:30 อาหารนะครับแต่ในงานวิจัยปัจจุบันใน
00:14:30 → 00:14:33 เรื่องของโรคหัวใจและหลอดเลือดเราให้ความ
00:14:33 → 00:14:37 สำคัญกับโอเมก้า 3 ที่มาจาก epa และ dha
00:14:37 → 00:14:41 นะครับซึ่งเป็นโอเมก้า 3 สายยาวในขณะที่
00:14:41 → 00:14:44 โอเมก้า 3 ที่เป็นที่มาจากพืชนะครับเช่น
00:14:44 → 00:14:48 ALA หรืออัลฟ่าไลโนลิกแอสิดนี้ก็เป็นโอ
00:14:48 → 00:14:50 เมก้า 3 ที่มีประโยชน์เช่นเดียวกันแต่ว่า
00:14:50 → 00:14:53 ร่างกายจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการ
00:14:53 → 00:14:56 ที่จะเปลี่ยนเอามาเป็นเยอะเชียวอีพีเอนะ
00:14:56 → 00:14:58 ครับดังนั้นในงานของหัวใจและหลอดเลือด
00:14:58 → 00:15:01 เนี่ยถ้ามันที่มีหลายแล้วก็มักจะแนะนำให้
00:15:01 → 00:15:04 รับประทานเดี๋ยวเจอ EP ไปเลยจึงน่าจะเป็น
00:15:04 → 00:15:06 ประโยชน์ในด้านของโรคหัวใจและหลอดเลือด
00:15:06 → 00:15:10 ได้ได้ดีกว่าและเร็วกว่า