00:00:00 → 00:00:03 ทำไมองค์กรจะต้องมาดูในเรื่องของ engage
00:00:03 → 00:00:04 ซึ่งพอพูดถึง Organization culture
00:00:04 → 00:00:06 เนี่ยมันก็จะเป็น Performance ขององค์กร
00:00:06 → 00:00:08 แต่หลายองค์กรเนี่ยพยายามไปทำใชม
00:00:09 → 00:00:11 entitlement บางทีก็ไปเพิ่มวันหยุดบางที
00:00:11 → 00:00:13 ก็ไปเพิ่มนู่นเพิ่มนี่แต่อันไอ้พวกนั้น
00:00:13 → 00:00:24 เนี่ยฮะมันเป็นแค่ entitlement ไม่ใช่
00:00:24 → 00:00:26 engagement สวัสดีครับวันนี้เราพบกัน
00:00:26 → 00:00:30 เป็น podcast ครั้งที่ 2 นะครับของสถาบัน
00:00:30 → 00:00:32 การรู้การสร้างเสริมสุขภาพ Thai Health
00:00:32 → 00:00:35 Academy นะครับก็หัวข้อหลักของเราคือ
00:00:35 → 00:00:37 เรื่อง Healthy Society นะครับวันนี้ก็
00:00:37 → 00:00:40 เป็น podcast ครั้งที่ 2 นะครับผมหมอ
00:00:40 → 00:00:42 หนุ่มนะครับศาตราจารย์ดรนายแพทย์นวัฒ
00:00:42 → 00:00:44 สิทธรักษาวันนี้จะเป็นคนมาชวนคุยนะครับ
00:00:44 → 00:00:47 โดยแขกผู้มีเกียรติของเราที่จะมาคุยในวัน
00:00:47 → 00:00:50 นี้คือท่านอาจารย์ธานินสุวงศ์วานะครับ
00:00:50 → 00:00:52 อาจารย์ก็เป็นกรรมการเป็นที่ปรึกษาของ
00:00:52 → 00:00:55 หลายๆบริษัทมากนะครับนะแล้วก็เป็นที่จริง
00:00:55 → 00:00:57 อาจารย์ได้เป็นวิทยากรสอนในหลายๆหลักสูตร
00:00:57 → 00:01:00 หลักสูตรผู้นำองค์กรหลักสูตรผู้นำต่างๆมา
00:01:00 → 00:01:03 จำนวนมากนะครับวันนี้ก็เป็นพาสครั้งที่ 2
00:01:03 → 00:01:05 ของทางสถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริม
00:01:05 → 00:01:08 สุขภาพนะครับก็คุยกันเรื่อง engagement
00:01:08 → 00:01:10 อาจารย์อาจจะงงๆนว่าเอ๊ะ engagement กับ
00:01:10 → 00:01:13 Healthy Society เนี่ยมันมันไปด้วยกัน
00:01:13 → 00:01:16 ยังไงนะครับแต่เดี๋ยวเราจะค่อยๆคุยกันให้
00:01:16 → 00:01:19 ทางบ้านเห็นภาพว่าเฮ้ยมันเกี่ยวกันเยอะที
00:01:19 → 00:01:22 เดียวแล้วมันส่งผลต่อความสุขในการทำงาน
00:01:22 → 00:01:26 ความสุขในการเ่าทำให้เกิดสุขภาวะในสังคม
00:01:26 → 00:01:28 ยังไงได้บ้างนะครับก่อนจะเริ่มกันเนื่อง
00:01:28 → 00:01:32 จากอาจารย์อยู่ในวงการการ HR มายาวนานมาก
00:01:32 → 00:01:35 นะครับนะถามอาจารย์นิดนึงคำว่า engagement
00:01:35 → 00:01:38 เนี่ยพูดง่ายๆมันคืออะไรครับก่อนอื่นขอ
00:01:38 → 00:01:41 ขอบคุณทาง Thai Health Academy นะฮะที่
00:01:41 → 00:01:44 ให้ผมได้มีโอกาสมาแชร์ต้องบอกว่าตั้งแต่
00:01:44 → 00:01:47 ทำ dissertation เรื่องของ
00:01:47 → 00:01:50 engagement 10 กว่าปีมาแล้วนะฮะอัน
00:01:50 → 00:01:52 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะฮะที่ได้มีโอกาส
00:01:52 → 00:01:55 เอามาแชร์แล้วก็มานะฮะแลกเปลี่ยนนะฮะกับ
00:01:55 → 00:01:58 ทางคุณหมอกับทางเอ่อท่านผู้ฟังที่อยู่ทาง
00:01:58 → 00:02:01 บ้านด้วยเนาะนะครับผมทีนี้เอ่อในส่วนของ
00:02:01 → 00:02:03 ที่คุณหมอบอกว่าเรื่องของ engagement
00:02:03 → 00:02:06 เนี่ยสถาบันหรือแต่ละองค์กรนั้นเนี่ยนะฮะ
00:02:06 → 00:02:09 มันความจำเป็นหรือความเร่งด่วนหรือว่า
00:02:09 → 00:02:11 สิ่งที่เรามองว่าพนักงาน engage ไม่
00:02:11 → 00:02:15 engage เนี่ยผมคิดว่าก็มองต่างกันนะครับ
00:02:15 → 00:02:18 แต่ถ้าเกิดสมมุติว่านะฮะจะให้เข้าใจคร่าว
00:02:18 → 00:02:22 ๆเลยก็คือว่าในแง่ของทางด้านสถาบันที่เขา
00:02:22 → 00:02:24 ศึกษาเรื่องของ engagement ของวิดเนี่ย
00:02:24 → 00:02:29 เขาก็จำเก็ใช้คำว่า 3S ครับก็คือเ Stay
00:02:29 → 00:02:30 แล้วก็ส
00:02:30 → 00:02:32 ฮ Say The Good Things about
00:02:32 → 00:02:36 Organization ก็แปลว่ามีทัศนคติเชิงบวก
00:02:36 → 00:02:40 กับองค์กรนะฮะ Stay ก็คือเมื่อมีทัศนเชิง
00:02:40 → 00:02:43 บวกแล้วเนี่ยก็มีความตั้งใจที่ทำงานกับ
00:02:43 → 00:02:46 องค์กรนะฮะไม่ไม่คิดจะลาออกนะครับแล้วก็
00:02:46 → 00:02:48 สุดท้ายก็คือ strive for Better
00:02:48 → 00:02:53 Performance ถ้างานมันยากขึ้นก็จะทำนะฮะ
00:02:53 → 00:02:56 แต่นคือแต่บางบางที่เขาก็ใช้คำว่า Pride
00:02:56 → 00:02:59 นะฮะที่แปลว่าความภาคภูมิใจ advocate ที่
00:02:59 → 00:03:01 บอกว่าจะแน่นแนะนำให้คนอื่นมาทำงานที่นี่
00:03:01 → 00:03:05 ด้วยอนะครับผมแล้วก็นะมีในเรื่องของเอ่อ
00:03:05 → 00:03:06 มี need for achievement ในการที่จะทำ
00:03:06 → 00:03:10 งานที่มันนอกเหนือจากเอ่องานประจำของเขา
00:03:10 → 00:03:12 หรือว่า Going Extra mind หรือว่านะะมี
00:03:12 → 00:03:14 แรงจูงใจในการทำงานที่มัน challenging
00:03:14 → 00:03:16 มากขึ้นผมว่า้าวๆเนี่ยนี่คือ Concept ของ
00:03:16 → 00:03:19 engagement นะฮะแต่ละที่ไม่เหมือนกันฮ
00:03:19 → 00:03:22 ไม่เหมือนกันแต่คีก็ 3 คำนี้อาจารย์พูดนะ
00:03:22 → 00:03:26 ครับเฮะ Stay แล้วก็ strive อันนี้ของของ
00:03:26 → 00:03:29 ID คราวนี้ผมถามอาจารย์นิดนึงคนละผมพูด
00:03:29 → 00:03:30 ถึงอาจารย์พูดถึง Organization
00:03:30 → 00:03:33 engagement การมีส่วนร่วมการ commit กับ
00:03:34 → 00:03:36 องค์กรอะไรเงี้ยถ้าเราไม่ได้กับองค์กรผม
00:03:36 → 00:03:38 สมมุติว่า engage กับอะไรบางอย่างในชีวิต
00:03:38 → 00:03:41 เป็น Life long engagement ได้ย engage
00:03:41 → 00:03:44 กับหรืองานปัจจุบันเนี้ยคนยุคใหม่ก็อาจจะ
00:03:44 → 00:03:46 ไม่ไม่ได้ belong to Organization ตลอด
00:03:46 → 00:03:49 เวลาหรือ 100% นะครับแต่ว่าเขาจะ engage
00:03:49 → 00:03:52 กับสิ่งเหล่านี้ได้ยังไงบ้างมันมีมิติ
00:03:52 → 00:03:54 อื่นๆคำว่า engagement ท่านอกจาก
00:03:54 → 00:03:55 Organization หรือองค์กรเนี่ยมีมิติ
00:03:56 → 00:03:58 อย่างอื่นได้มั้ยครับอาจารย์ตอนๆที่ผมทำ
00:03:58 → 00:04:01 งานวิจัยของผมเนี่ยก็คือคือเราก็พยายามจะ
00:04:01 → 00:04:05 ศึกษาว่าเอ๊ะทำไมตัวของงานเนี่ยทำไมคนบาง
00:04:05 → 00:04:07 คนมัน engage ในงานเหลือเกินอครับทุ่มเท
00:04:07 → 00:04:10 เหลือเกินครับนะฮะจริงๆมันมีการศึกษามา
00:04:10 → 00:04:14 จากกลุ่มที่เป็นเอ่อหมอสรศาสนานะก็คือพวก
00:04:14 → 00:04:17 missionary พวกนี้เขาจะ engage มากอืเขา
00:04:17 → 00:04:19 จะเห็นคุณค่าของตัวเองจากการที่ได้ทำงาน
00:04:19 → 00:04:21 ตรงนั้นนะครับเพราะฉะนั้นจะเห็นว่าคน
00:04:21 → 00:04:24 กลุ่มเนี้ยนะครับไม่ว่าจะเป็นเอ่อสิทธิชน
00:04:24 → 00:04:27 ยุคสุดท้ายหรือว่าพวกกลุ่มที่มาสอนศาสนา
00:04:27 → 00:04:29 สมัยก่อนเมาด้วยความยากลำบากแต่ก็มีความ
00:04:29 → 00:04:31 ความมุ่งมั่นนะฮะที่จะ achieve เป้าหมาย
00:04:31 → 00:04:34 ของเขาเพราะฉะนั้นเนี่ยในเรื่องของ
00:04:34 → 00:04:36 engagement เนี่ยคืออาจจะแบ่งได้ 3
00:04:36 → 00:04:38 ระดับนะฮระดับที่ 1 ก็คืออาจจะเป็นเรื่อง
00:04:38 → 00:04:41 ของ Organization engagement ครับระดับ
00:04:41 → 00:04:44 ที่ 2 ก็คือ work engagement ตัวงานนะฮะ
00:04:44 → 00:04:47 ระดับที่ 3 ก็คือ Team engagement นะฮะ
00:04:47 → 00:04:49 ก็มีความรู้สึกว่าเออทำงานก็งั้นๆแต่มี
00:04:49 → 00:04:52 ความรู้สึกอยู่กับทีมนี้สนุกไม่อยากออกนะ
00:04:53 → 00:04:55 ฮะส่วน Organization engagement เนี่ย
00:04:55 → 00:04:58 จริงๆมันก็แบ่งออกไปอีก 3 ระดับอีกนะฮ
00:04:58 → 00:05:01 จริงๆอันนี้เป็นการศึกาศึกษาเอ่อต้องให้
00:05:01 → 00:05:03 เครดิตกับคนที่ศึกษาเรื่องนี้จริงจังนะคน
00:05:03 → 00:05:07 หนึ่งชื่อเมเยอร์อีกคนชื่ออนนะฮะทีนี้ 2
00:05:07 → 00:05:11 คนเนี่ยเขาก็ศึกษามาว่าเอ๊ะองค์กรทำยังไง
00:05:11 → 00:05:14 ถึงจะรักษาคนไม่อยู่ในองค์กรได้เพราะว่า
00:05:14 → 00:05:17 ค่าครุตคนใหม่เนี่ยสมมุติว่าคนนี้ลาออกคน
00:05:17 → 00:05:20 ใหม่เข้ามาเนี่ยนะครับเอ่อเขาบอกว่าย
00:05:20 → 00:05:23 average นะฮะมันจะให้ค่าใช้จ่ายประมาณ
00:05:23 → 00:05:26 33% ของไอ้ค่าใช้จ่ายที่กับคนๆเนี้ย
00:05:26 → 00:05:28 สมมติว่าคุณหมอเงินเดือน 10,000 บาทครับ
00:05:28 → 00:05:31 ถ้าผมจะหาคนมาแทนคุณหมอเนี่ยผมต้องจ่าย
00:05:31 → 00:05:34 เงินอีกประมาณนะฮะเ 3,300 บาทอืสำหรับการ
00:05:34 → 00:05:39 replace นะฮะแต่ทีนี้ไม่ใช่คนเดียวถ้า
00:05:39 → 00:05:42 เป็น 100 คนอือถ้าองค์กรนั้นคนลาออก 500
00:05:42 → 00:05:45 คนก็ต้องคูณไปนะฮะซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่าย
00:05:45 → 00:05:48 ที่สูงมากนะครับครับทีนี้ mayor แนแนเก็
00:05:48 → 00:05:52 ศึกษามาว่าเอ๊ะถ้าเราจะ engage เนี่ยมัน
00:05:52 → 00:05:55 มีปัจจัยอะไรบ้างที่มัน engage คนซึ่งเขา
00:05:55 → 00:05:57 ก็สรุปมาอยู่ 3 3 เรื่องนะฮะเรื่องที่ 1
00:05:57 → 00:06:00 นะฮะเเรียกว่า nor engagement คำว่า
00:06:00 → 00:06:04 normative ก็คือ norm ก็คือเอ่อปทัสถาน
00:06:04 → 00:06:06 บอกว่าเฮ้ยเราควรจะทำงานแบบนี้นะเช่น
00:06:06 → 00:06:09 อย่างเมืองไทยก็คือทำงานราชการนะเพราะมัน
00:06:09 → 00:06:12 เป็นนมนะฮพอทำงานราชการแล้วเนี่ยนะฮะทาง
00:06:12 → 00:06:15 ครอบครัวก็ดีพ่อแม่ก็ดีก็แฮปปี้นะฮะก็ถูก
00:06:15 → 00:06:17 ปลูกฝังมาว่าต้องทำงานราชการอันนี้คือ
00:06:17 → 00:06:20 normative commitment นะครับอีกอันนึง
00:06:20 → 00:06:22 ก็คือ effective commitment ก็คือว่าทำ
00:06:22 → 00:06:26 งานเพราะใจรักรักงานรักหัวหน้างานรักทีม
00:06:26 → 00:06:28 งานอันนี้คือเป็นเรื่องของจิตใจก็คือ
00:06:28 → 00:06:30 effective commitment นะฮะอีกอันนึง
00:06:30 → 00:06:33 ทำไมทำคนทำงานในองค์กรเยอะนะเขาเรียกว่า
00:06:33 → 00:06:35 continuance commitment ก็คือถ้าออกไป
00:06:35 → 00:06:38 แล้วมันมีต้นทุนครับนะฮะอันนั้นก็เป็น
00:06:38 → 00:06:40 เรื่องของในเรื่องของ Organization
00:06:40 → 00:06:42 commitment ที่มีการศึกษาตั้งแต่ช่วงแรก
00:06:42 → 00:06:45 ๆนะครับผมว่าเอ๊ะทำไมคนยังทำงานกับองค์กร
00:06:45 → 00:06:47 ทำไมอยู่องค์กรมันก็มีหลายปัจจัยซึ่งตอน
00:06:47 → 00:06:50 หลังมาเนี่ยตอนนั้นเรเอ่อสมัยนั้นเนี่ย
00:06:50 → 00:06:52 เ้าเรียก Organization commitment ตอน
00:06:52 → 00:06:55 หลังมาก็เรียก work engagement อืนะฮะก็
00:06:55 → 00:06:57 ก็มีการศึกษามานะครับต่อเืเหมือนหรือต่าง
00:06:58 → 00:06:59 กันยังครับอาจารย์ commitment กับ
00:06:59 → 00:07:02 engagement เนี่ยครับอาจารย์เอ่อผมคิด
00:07:02 → 00:07:05 ว่ามันอยู่ที่
00:07:05 → 00:07:09 การการที่จะสร้างเอ่อนิยามเฉพาะด้านตรง
00:07:09 → 00:07:11 เนี้เนาะคำว่า engagement เนาะแต่ถ้าถาม
00:07:11 → 00:07:15 ผมเนี่ยผมคิดว่าเอิในแง่ของ engagement
00:07:15 → 00:07:17 กับ commitment มันมีบางส่วนที่มัน
00:07:17 → 00:07:19 overlap กันอยู่ครับแต่ที่แน่ๆทั้ง 2
00:07:19 → 00:07:21 ตัวเนี่ยมันมีเรื่องของจิตใจมันมีเรื่อง
00:07:21 → 00:07:25 ของ emotional เข้าไปแน่นอนอืนะฮะมันมี
00:07:25 → 00:07:27 มันมีเรื่องของ emotional ที่มันนอกเหนือ
00:07:27 → 00:07:30 จากปัจจัยพื้นฐานก็คือเงินเดือนสวัสดิการ
00:07:30 → 00:07:33 อืผมว่าทั้ง 2 ตัวไม่ว่าจะเป็น commitment
00:07:33 → 00:07:35 หรือ engagement คือฟังดูเหมือนกับ
00:07:35 → 00:07:36 commitment เนี่ยฟังดูนะอาจารยนี้ความ
00:07:36 → 00:07:39 รู้สึกผมเหมือนกับ do Business as
00:07:39 → 00:07:41 usual ก็ได้คือทำไปแล้วก็รับผิดชอบไป
00:07:41 → 00:07:44 ด้วย Value ด้วยอะไรก็ได้แต่พอ engagement
00:07:44 → 00:07:46 เนี่ยอาจารย์บอกมีคำว่า Go Extra miz
00:07:46 → 00:07:51 ด้วยนะคือยอมทำอะไร Extra คือไม่ได้สั่ง
00:07:51 → 00:07:53 ไม่ได้ขอหรือว่าต้อง sacrifice อะไรบาง
00:07:53 → 00:07:55 อย่างก็ก็ทำอาจารย์พูดถึงเรื่อง
00:07:55 → 00:07:57 missionary หรือพูดถึงเรื่องอะไรมันดู
00:07:57 → 00:08:01 มันดูมีเหมือนกับมี passion หรือมีพลัง
00:08:01 → 00:08:04 หรือมีอะไรซ่อนอยู่ในคำว่า engagement
00:08:04 → 00:08:05 ด้วยในความรู้สึกที่เท่าที่อาจารย์เล่า
00:08:06 → 00:08:09 เมื่อกี้ครับอาจารย์ครับผมคิดว่าถ้าเรา
00:08:09 → 00:08:12 เขียนวงกลม 2 วง overlap กันเนาะ What
00:08:12 → 00:08:14 You can do กับ what you love อืมัน
00:08:14 → 00:08:16 จะมีบางส่วนที่มัน overlap กันครับ
00:08:16 → 00:08:18 อาจารย์นะฮะ What You can do นะฮะ
00:08:18 → 00:08:21 สมมุติว่าผมร้องเพลงได้ครับนะฮะผมสามารถ
00:08:21 → 00:08:24 ร้องเพลงได้ผมเข้าใจทฤษฎีดนตรีแล้วผมก็
00:08:24 → 00:08:27 รักการร้องเพลงครับนะฮะอันนี้คือ What
00:08:27 → 00:08:29 You can do what you love เพราะ
00:08:29 → 00:08:30 ฉะนั้นไอ้พื้นที่ที่มัน overlap กันนั่น
00:08:31 → 00:08:34 น่ะก็คือแพชั่นอืจะเรียกว่าแพชั่นก็ได้จะ
00:08:34 → 00:08:36 เรียกว่า engage ก็ได้นะแต่ผมทุกครั้งที่
00:08:36 → 00:08:39 ผมร้องเพลงเนี่ยผมก็มีความรู้สึกว่าผม
00:08:39 → 00:08:43 ดื่มดำอ่ะอืฮะผมดื่มดำแล้วผมมีความรู้สึก
00:08:43 → 00:08:46 ว่าเวลามันหมดไปอย่างรวดเร็วนะฮะเอ่อคุณ
00:08:46 → 00:08:48 หมอนึกถึงเด็กเล่นเกมก็แล้วกันอ่าครับ
00:08:49 → 00:08:50 อาจารย์ถามว่ามันไม่ได้ตังค์สักบาททำไม
00:08:50 → 00:08:53 มันมันเล่นทั้งวันน่ะเพราะมันดื่มดำเพมัน
00:08:53 → 00:08:56 แล้วมันอีกอันหนึ่งที่มันที่เค้าบอกว่า
00:08:56 → 00:08:59 มันเกิด engagement เนี่ยนะฮะแล้วก็มีมี
00:08:59 → 00:09:02 intrinsic motivation หรือแรงจูงใจพื้น
00:09:02 → 00:09:05 ฐานก็คือมันเห็นความมันเห็นเอ่อความ
00:09:05 → 00:09:08 สำเร็จของมันนะฮะอาจจะขึ้นไปเป็นระดับ 1
00:09:08 → 00:09:11 ระดับ 2 ระดับ 3 คือมันมันทำให้เกิด S
00:09:11 → 00:09:14 worth เห็นว่าตัวเองมีค่าเห็นว่าตัวเอง
00:09:14 → 00:09:16 เก่งหรือว่า Self esam นะฮะเฮ้ยฉันถึง
00:09:16 → 00:09:18 ขั้นนี้แล้วนะมี achievement มี
00:09:18 → 00:09:21 achievement นะฮะมันมีมันมีเอ่ออะไรบาง
00:09:21 → 00:09:23 อย่างเนี่ยที่มันสะท้อนมาว่าเฮ้ยนี่คือ
00:09:23 → 00:09:25 Self esteem หรือว่านะฮะที่เป็น
00:09:25 → 00:09:27 achievement ของคุณที่คุณได้รับการยอม
00:09:27 → 00:09:29 รับอืนะ
00:09:29 → 00:09:32 มันก็มีหลายหลายปัจจัยนะอาจารย์หลายมอง
00:09:32 → 00:09:35 ได้มองได้หลายมุมถามอาจารย์ถึงผลของมัน
00:09:35 → 00:09:38 ครับว่าถ้าสมมุติว่าคนมี engagement เยอะ
00:09:38 → 00:09:41 ๆกับ Organization หรือกับจอบหรือกับทีม
00:09:41 → 00:09:44 อะไรก็ตามเนี่ยครับผลสุดท้ายมันคืออะไร
00:09:44 → 00:09:46 มันพาเราไปไหนครับอาจารย์ทำไมคันทำไม
00:09:46 → 00:09:48 ประเด็นเนี้ยเป็นเรื่องสำคัญคนพูดถึงกัน
00:09:48 → 00:09:51 เยอะ engagement ตลผมก็ได้ยินบ่อยมากมัน
00:09:51 → 00:09:53 มันสำคัญยังไงล่ะครับอาจารย์คุณหมองั้นผม
00:09:54 → 00:09:57 ขอขอขยี้ไอ้ 3 คำนี้นิดนึงก็คือว่าคำว่า
00:09:57 → 00:09:59 engagement เนี่ยก็คือพูดง่ายๆว่านักงาน
00:09:59 → 00:10:02 ไม่ลาออกจากองค์กรเนี่ยหรือว่าตั้งใจทำ
00:10:02 → 00:10:05 งานเนี่ยนะฮที่บอกว่ามีอยู่ 3 มิติก็คือ
00:10:05 → 00:10:09 Organization work อือฮึแล้วก็ทีมครับ
00:10:09 → 00:10:11 นะฮะคือประสบการณ์ที่ผมเป็น consult ทาง
00:10:11 → 00:10:14 ด้าน HR มาเนี่ยมันก็เห็นทั้ง 3 อันครับ
00:10:14 → 00:10:18 นะฮะพอเวลาเราไปทำเอ่อตัวเอ่อ employee
00:10:18 → 00:10:21 Survey หรือ work engagement survey
00:10:21 → 00:10:23 นะฮะพอทำมาแล้วเนี่ยเดี๋ยบางทีเราก็ทำ
00:10:24 → 00:10:26 โฟกัสกรุ๊ปต่อเพื่อจะ Follow up ว่าเฮ้ย
00:10:26 → 00:10:28 นะฮะที่คุณอยู่กับองค์กรเนี่ยมันเพราะ
00:10:29 → 00:10:31 อะไรอะไรต่างๆพวกเยเราก็ทำโเอ่อเราเราทำ
00:10:31 → 00:10:35 โฟกัสกรุ๊ปนะฮะซึ่งมันก็ตอบชัดเจนมากบาง
00:10:35 → 00:10:40 กลุ่มอยู่เพราะเพื่อนอือฮึก็คือถึงแม้น
00:10:41 → 00:10:44 ที่อื่นบางทีอาจจะจ้างแพงกว่านะแต่ฉันไปร
00:10:44 → 00:10:47 แฮปี้แทงมากับเพื่อนร่วมงานชุดเนี้ยอืๆ
00:10:47 → 00:10:49 อันนี้ก็คือเป็น Team engagement อ่า
00:10:49 → 00:10:53 ครับนะฮะแต่บางคนอยู่เพราะ work
00:10:53 → 00:10:55 engagement ก็เพราะว่าเฮ้ยมันงานนี้เป็น
00:10:55 → 00:10:58 งานที่เขาชอบอ่ะอืเป็นแพชั่นของเค้าอ่ะ
00:10:58 → 00:11:01 อือฮึอือฮึผมอยากจะทำ digit Marketing
00:11:01 → 00:11:04 แล้วผมก็ได้ทำอ่ะอืนะฮะที่อื่นเนี่ยให้ผม
00:11:04 → 00:11:07 มากกว่านะแต่ผมไม่ได้ทำงานที่ผมชอบก็ก็
00:11:07 → 00:11:09 เลือกจะอยู่ที่นี่ก็เลือกอยู่ที่นี่นะฮะ
00:11:09 → 00:11:11 อันนี้ก็คือเป็นก็เป็นเรื่องของ work
00:11:11 → 00:11:14 engagement นะฮะแต่อีกอันนึงก็คือเรื่อง
00:11:14 → 00:11:16 ของ Organization engagement อันนี้บาง
00:11:16 → 00:11:20 คนก็ทำงานนะฮะถ้าเป็นของเยอกับแนก็จะบอก
00:11:20 → 00:11:24 ว่ามันเป็นเรื่องของเอ่อ normative หรือ
00:11:24 → 00:11:26 ว่าเป็นนมของสังคมที่บอกว่าเฮ้ยองค์กรนี้
00:11:26 → 00:11:29 มีชื่อเสียงอืคุณทำตรงนี้โอ้โหคุณสุดยอด
00:11:29 → 00:11:32 เลยอะไรเงี้ยนะแต่ทีนี้เมื่อกี้กลับมาทำ
00:11:32 → 00:11:35 เอ่อคำถามของคุณหมอที่ว่าเอ้ยแล้ว engage
00:11:35 → 00:11:40 ได้อะไรอืได้นะฮะเอ่อมันมีงานวิจัยของ
00:11:40 → 00:11:44 หลายๆที่อนะฮะที่ผมคิดว่าเอ่อท่านผู้ฟัง
00:11:44 → 00:11:47 อาจจะลองไปเสิร์ชดูก็ได้ว่าทำไมคนลออกจาก
00:11:47 → 00:11:51 องค์กรอืนะครับมันก็มีละงานวิจัยหลายๆอัน
00:11:51 → 00:11:54 ที่ออกมาคอนเฟิร์มคล้ายๆกันเนี่ยคนมา
00:11:54 → 00:11:56 สมัครงานสมัครงานเพราะชื่อเสียงขององค์กร
00:11:56 → 00:11:59 ครับแต่จะลาออกลาออกเพราะความสัมพันธ์กับ
00:11:59 → 00:12:04 หัวหน้างานที่มีปัญหาซึ่งซึ่งผมว่าอันนี้
00:12:04 → 00:12:06 ก็มันค่อนข้างจะ valid มากเลยนะฮะเพราะ
00:12:06 → 00:12:08 ว่าเราไปอ่านงวิิใจหลายๆที่เนี่ยไอ้
00:12:09 → 00:12:12 เรื่องของเอ่อไอ้ตัวความสัมพันธ์กับหัว
00:12:12 → 00:12:15 หน้างานเนี่ยซึ่ง leadership is about
00:12:15 → 00:12:17 Behavior not Position เนี่ยนะฮะก็คือ
00:12:17 → 00:12:20 ว่าถ้าหัวหน้างาน behave ไม่ดีเนี่ยหรือ
00:12:20 → 00:12:21 ว่าสร้างความสัมพันธ์กับลูกน้องไม่ดี
00:12:21 → 00:12:23 เนี่ยอันนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้
00:12:24 → 00:12:28 พนักงานลออกจากลออกจากองค์กรนะฮะนี้ในใน
00:12:28 → 00:12:29 มุมของ
00:12:29 → 00:12:32 ที่บอกว่าเอ่อ benefit ในส่วนหนึ่งเนี่ย
00:12:32 → 00:12:35 ที่เป็นเรื่องของ engagement เนี่ยที่ผม
00:12:35 → 00:12:38 บอกว่ามันเรื่องของ leadership มีความ
00:12:38 → 00:12:42 สำคัญนะครับแล้วก็ถ้าพนักงานลาออกต้นทุน
00:12:42 → 00:12:46 ในการุตพนักงานใหม่เข้ามามันก็จะใช้ต้น
00:12:46 → 00:12:49 ทุนที่ค่อนข้างจะสูงนะครับมันมีเอ่อบท
00:12:49 → 00:12:52 ความอันหนึ่งนะฮะถ้าผมจำไม่ผิดมาจากมัน
00:12:52 → 00:12:56 ชื่อ achiever นะฮะที่มันอันนี้คือจริง
00:12:56 → 00:12:58 หลายๆที่ออกมาคล้ายๆกันเนะฮะโดยภาพรวม
00:12:58 → 00:13:00 แล้วเนี่ย work
00:13:00 → 00:13:02 engagement นะครับสามารถเพิ่ม
00:13:02 → 00:13:04 Organization per Performance ได้
00:13:04 → 00:13:07 ประมาณ 30% อือันอันนี้คืออันนี้คือ
00:13:07 → 00:13:09 พิสูจน์เลยนะฮะถ้าพนักงานมี work
00:13:09 → 00:13:12 engagement อย่าให้คุณหมอมองอย่างงี้ฮะ
00:13:12 → 00:13:17 สมมติพนักงาน 3 ระดับ 1 ก็คือนะฮะเ่อ
00:13:17 → 00:13:21 Fully engage เต็มที่เลยครับนะฮะ Say
00:13:21 → 00:13:22 The Good Things for Organization
00:13:22 → 00:13:25 นะฮะ Stay With Organization นะมันภาย
00:13:25 → 00:13:27 ในเวลา 3-5 ปี 5 ปีไม่ลาออกไปไหนนะครับ
00:13:27 → 00:13:29 Strike for Better for ถ้าถ้าหากว่า
00:13:29 → 00:13:31 Fully engage เนี่ยนะครับผมอันนี้คือ
00:13:31 → 00:13:35 กลุ่มที่ 1 ไอ้กลุ่มที่ 2 เนี่ยกลางๆ
00:13:35 → 00:13:39 moderately ครับ engage นะเอ้ยมันเชือง
00:13:39 → 00:13:42 ใจจะอยู่หรือจะไปนะฮอันนี้ประมาณนะฮะ
00:13:42 → 00:13:44 moderately อีกอันนึงก็คือ disengage
00:13:44 → 00:13:48 เลยสมมตินะฮะทีนี้ไอพฤติกรรมที่ Fully
00:13:48 → 00:13:51 engage เนี่ยมันก็จะทุ่มเทเต็มที่อไอ
00:13:51 → 00:13:55 moderately engage เนี่ยกลางๆเนี่ยมัน
00:13:55 → 00:13:59 ก็จะทำแบบขอไปี KPI มาใช่ไผมก็ทำตาม KPI
00:13:59 → 00:14:02 แต่งานเสร็จผมก็จบนะอืผมไม่ไม่ Going
00:14:02 → 00:14:04 Extra My ผมไม่ทำอะไรต่อนะอันนี้คืออัน
00:14:04 → 00:14:07 นี้คือทำเป็น minimum requirement นะ
00:14:07 → 00:14:11 ครับแต่ไอ้ที่มันน่ากลัวก็คือไอ้ที่มัน
00:14:11 → 00:14:14 disengage อืนะฮะคือถ้ามาสมัยก่อนยังไม่
00:14:14 → 00:14:17 มี Impact เท่าไหร่แต่ตอนนี้มัน disengage
00:14:17 → 00:14:22 เนี่ยมันไปลงในโซเชียลอือฮึซึ่งซึ่งผมว่า
00:14:22 → 00:14:25 อันเนี้ยมันเป็นอะไรต่างๆที่น่าถึงเไปพูด
00:14:25 → 00:14:27 เอ่อด้านลบเกี่ยวกับบริษัทตัวเองเลยเหรอ
00:14:28 → 00:14:30 ครับขององค์กรครับองค์กรฮะก็คืออันเนี้ย
00:14:30 → 00:14:33 ที่ที่ผมคิดว่าองค์กรจะต้องระวังมากๆเลย
00:14:33 → 00:14:37 ก็คือคนที่มีคุณหมอทราบนะก็คือคนเรามี
00:14:37 → 00:14:41 Negative bias คืออะไรที่มันลบเนี่ยฉัน
00:14:41 → 00:14:44 อยากจะระบายมากกว่าอืแต่ทีนี้ช่องทางการ
00:14:44 → 00:14:48 ระบายของสมัยเนี้ยมันอยู่ที่ว่าเฮ้ยถ้า
00:14:48 → 00:14:52 หากว่าฉันไปลงโพสต์ในโซเชียล Media ปุ๊บ
00:14:52 → 00:14:54 เนี่ยนะมันก็ระบายตรงนั้นออกไปแล้วแล้ว
00:14:54 → 00:14:55 เสร็จแล้วมันก็เป็น Digital tracking
00:14:55 → 00:14:59 ที่แบบมันก็จะเกิดตรงนั้นนะฮะมันไม่รู้
00:14:59 → 00:15:01 ว่าเมื่อไหร่เถูกลบออกไปเนี่ยนะก็ผมว่า
00:15:01 → 00:15:04 อันนั้นคือมันผลกระทบมหาศาลที่บอกว่าคน
00:15:04 → 00:15:07 ทำไมองค์กรจะต้องมาดูในเรื่องของ engage
00:15:07 → 00:15:10 ไม่งั้นเนี่ยผมว่าในการที่สมมุติว่ามัน
00:15:10 → 00:15:13 ออกไปภาพมันออกไปพนักงานไม่ไม่ไม่ engage
00:15:13 → 00:15:15 แล้วว่าเอ่อสิ่งที่เป็น Negative กับองค์
00:15:16 → 00:15:18 กรการที่องค์กรมาพูดทีหลังผมเป็นการแก้
00:15:18 → 00:15:21 ตัวครับคือพูดก่อนเป็นการนำเสนออแต่พูดที
00:15:21 → 00:15:23 หลังเป็นการแก้ตัวอันนั้นคือผมว่าผลกระทบ
00:15:23 → 00:15:25 ในเรื่องของ branding ขององค์กรเนี่ยมัน
00:15:25 → 00:15:28 เสียหายเยอะมากอครับแต่ถ้ามองในแง่
00:15:28 → 00:15:31 พนักงานนะครับอาจารย์มองอีกมุมนึงกลับมา
00:15:31 → 00:15:34 ในแง่พนักงานเนี่ยถ้าเขาแบบเหมือนที่
00:15:34 → 00:15:37 อาจารย์บอกว่าก็ทำเช้าชามเย็นชามอ่ายกตัว
00:15:37 → 00:15:39 อย่างนะครับอาจารย์หรือว่าหรือจะให้ทำ
00:15:39 → 00:15:41 อย่างแบบอื้อหือมีพลังเหลือ Go Extra
00:15:41 → 00:15:45 mind นะทำเต็มที่เนี่ยในถ้ามองจากแง่มุม
00:15:45 → 00:15:47 ของ individual แง่มุมของปัจเจกนะอาจารย์
00:15:47 → 00:15:50 การ engage การมี engagement กับจอบเนี่ย
00:15:50 → 00:15:53 มันดียังไงครับอาจารย์ผมคิดว่าถ้าในแง่
00:15:53 → 00:15:58 ของพนักงานเนี่ยนะฮะคืออันที่ 1 นะครับผม
00:15:58 → 00:16:02 ผมว่าถ้าเค engage เนี่ยผมเชื่อว่าเค้า
00:16:02 → 00:16:04 เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ตัวเองอือคือเขาค
00:16:04 → 00:16:07 มีทติเชิงบวกนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยการเข้า
00:16:07 → 00:16:09 มาทำงานเนี่ยผมอย่างน้อยสุดสุขภาพจิตเก็
00:16:09 → 00:16:12 ดีละครับฉันเข้ามาชันทำงานตรงนี้นะฮะผม
00:16:12 → 00:16:14 ว่าอันนั้นคือเข้าได้แน่ๆครับคือเคมาทำ
00:16:15 → 00:16:17 งานด้วยทัศนคติเชิงบวกนะฮะผมว่าอันนั้น
00:16:17 → 00:16:19 คือเขาคเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ตัวเคเอง
00:16:19 → 00:16:23 แน่ๆนะครับแล้วก็เพราะเเรักงานที่เขาทำนะ
00:16:23 → 00:16:26 ฮะแล้วก็เห็นคุณค่าในงานที่ตัวเองทำนะ
00:16:26 → 00:16:28 ครับเพราะฉะนั้นอันนี้คืออันนี้คือพื้น
00:16:28 → 00:16:31 ฐานเลยนะฮะอช่วงแรกเได้แน่นอนนะครับพอใน
00:16:31 → 00:16:33 ระดับพนักงาน engage แล้วเนี่ยนะครับผม
00:16:33 → 00:16:38 คิดว่าในระดับเอ่อทีมนะฮะทีมก็จะส่งเสริม
00:16:38 → 00:16:40 ซึ่งกันและกันแล้วก็ทุกคนก็ engage พอทุก
00:16:40 → 00:16:43 คน engage ปุ๊บเนี่ยผมคิดว่าทุกคนทำงาน
00:16:43 → 00:16:46 เนี่ยคือสร้างดาวดงเดียวกันเ่ะพอสร้างดดง
00:16:46 → 00:16:48 เยวกันปุ๊บเนี่ยมันก็จะสามารถที่จะเติม
00:16:48 → 00:16:50 เต็มให้กันและกันแล้วสุดท้ายเนี่ยระดับ
00:16:50 → 00:16:53 ทีมเนี่ยมันก็จะเป็นเรื่องของทีม cergy
00:16:53 → 00:16:56 อืๆ 1 บ 1 มากกว่า 2 ครับนะฮะอันนี้คือ
00:16:56 → 00:16:58 ระดับทีมนะฮะแล้วผมว่าในเรื่องของระดับ
00:16:58 → 00:17:01 ทีมเนี่ยเอ่ออย่างที่ผมเรียนคุณหมอเมื่อ
00:17:01 → 00:17:03 กี้ก็คือว่าบางทีมันเป็นเรื่องของทีม
00:17:03 → 00:17:06 engagement ชอบทีมเนี้ยรักทีมเอะไรเงี้ย
00:17:06 → 00:17:08 นะฮผมว่าไอตรงนั้นคือมันทำให้เกิดใน
00:17:08 → 00:17:11 เรื่องของเ่อตัว Team synergy เมื่อ
00:17:11 → 00:17:14 individual engage นะฮะทีมนะ
00:17:14 → 00:17:17 Performance ดีมีทีม Energy ผมว่าอัน
00:17:17 → 00:17:19 หนึ่งที่มันจะไปถึงก็คือเรื่องของ
00:17:19 → 00:17:21 Organization culture อืซึ่งพอพูดถึง
00:17:21 → 00:17:23 Organization culture เนี่ยมันก็จะเป็น
00:17:23 → 00:17:26 Performance ขององค์กรนะฮะมันมีการศึกษา
00:17:26 → 00:17:29 ของแอนะฮะ
00:17:29 → 00:17:31 ผมไม่แน่ใจว่าอันนี้มันมันมันรคมหรือ
00:17:31 → 00:17:34 เปล่าแต่มันก็น่าสนใจนะเพราะแกอมันทำที่
00:17:34 → 00:17:37 อเมริกาเนี่ยมันบอกว่าการที่พนักงานไม่
00:17:37 → 00:17:39 engage เนี่ยผลเสียกระทบทั้งหลายแหล่
00:17:39 → 00:17:42 เนี่ยนะที่ผมบอกว่าไปพ่นในโซเชียล Media
00:17:42 → 00:17:45 อะไรทั้งหลายแหล่เนี่ยมันมีผลกระทบถึง
00:17:45 → 00:17:49 องค์กรประมาณ 500,000 ล้านเหรียญต่อปีอื
00:17:50 → 00:17:53 ถ้าพนักงานไม่ engage นะอือันนี้คือมาแบบ
00:17:54 → 00:17:56 เช้า Time เย็นชามซึ่งผมว่าถ้าพนักงานไม่
00:17:57 → 00:17:59 engage ผลกระทบเชเครื่องรบมันจะมีเยอะ
00:17:59 → 00:18:02 มากอืนะฮะอันนี้ก็เค้าไม่รู้เค้าเป็นคน
00:18:02 → 00:18:04 define มาไงเ้าไปทำไงนะแต่เพียงแต่ว่าเ
00:18:04 → 00:18:07 ในระดับแกน Lop ก็ก็น่าเชื่อถืออนะฮะว่า
00:18:07 → 00:18:10 เา้าบอกว่าประมาณ 500,000 ล้านอือนะฮะที่
00:18:10 → 00:18:13 มันหายไปถ้าหากว่าเราไม่สามารถ engage คน
00:18:13 → 00:18:17 ได้อือครับก็มีมีการสูญเสียเยอะนะอาจารย์
00:18:17 → 00:18:19 แต่ว่าโดยรวมก็คือว่าอาจารย์ก็พูดถึง
00:18:19 → 00:18:21 เรื่องความสุขนะอาจารย์สุขภาวะถ้าเา
00:18:21 → 00:18:24 engage เคก็สุขกับตัวเองเแฮเก็ Enjoy
00:18:24 → 00:18:29 กับงานมีแพชั่นมีพลังทำงานรู้สึกอยากทำาร
00:18:29 → 00:18:32 ในแง่ Organization เนี่ยมองมองในแง่องค์
00:18:32 → 00:18:37 กรนะครับนะมันต้องมีแนวคิดต้องมีนโยบาย
00:18:37 → 00:18:40 หรือต้องมีอะไรคือถ้าผมสมัเราก็คุ้นคส่วน
00:18:40 → 00:18:42 ใหญ่ในความรู้สึกว่าองค์กรก็ไม่ได้คิด
00:18:42 → 00:18:45 อะไรมากก็จะคิดเรื่องกำไรอ่ะพจะอย่านะ
00:18:45 → 00:18:49 ครับนะคิดเรื่องเป้าหมาย engagement
00:18:49 → 00:18:51 เนี่ยคือมันเอ๊ะมันมาอยู่ตอนไหนของหน่วย
00:18:51 → 00:18:53 งานในความรู้สึกของผมนะครับแล้ว
00:18:53 → 00:18:57 ก็ทำไมองค์กรควรจะให้ความสำคัญเรื่องนี้
00:18:57 → 00:19:00 แล้วก็อะไรอย่างเงี้ยครับอาจารย์ทำไมมัน
00:19:00 → 00:19:02 ต้องมาโฟกัสเรื่องนี้กันอะไรอย่างเงี้ย
00:19:02 → 00:19:04 ครับผมแชร์คุณหมออย่างงี้ก็แล้วกันเนาะ
00:19:04 → 00:19:07 แต่แต่หน้าที่ทำคอนซามาแล้วก็ทำวิจัย
00:19:07 → 00:19:09 เกี่ยวกับเรื่องของ engagement มานะฮะผม
00:19:09 → 00:19:12 คิดว่ามันมีความเข้าใจผิดเยอะมากครับผม
00:19:12 → 00:19:15 หลายๆองค์กรพยายามทำเรื่องของเอ่อ work
00:19:15 → 00:19:19 engagement บางอง์กรไปจ้างศิลปินนะฮะไม่
00:19:19 → 00:19:23 รู้กี่ 10 ล้านมาจัดงานครับนะฮะในระดับ
00:19:23 → 00:19:25 ที่เป็นอย่างเช่นงานปีใหม่ของบริษัทอะไร
00:19:25 → 00:19:28 เงี้ยนะฮะครับบางบริษัทนะฮะทำนู่นทำนี่ทำ
00:19:28 → 00:19:30 เอ่อเอ่อพยายามสร้างสวัสดิการให้ OT ให้
00:19:30 → 00:19:35 อะไรต่างๆเต็มไปหมดเลยนะครับทีนี้ผมอยาก
00:19:35 → 00:19:38 จะเอ่อเรียนคุณหมอว่ามันมีสักประมาณ 3
00:19:38 → 00:19:42 เรื่องที่ผมคิดว่าอาจจะเป็นเอ่อความเข้า
00:19:42 → 00:19:45 ใจผิดในเรื่องของการ manage เรื่องของ
00:19:45 → 00:19:49 engagement ในองค์กรนะฮะอันที่ 1 ก็คือ
00:19:49 → 00:19:50 work
00:19:50 → 00:19:54 engagement นะฮะกับ Job entitlement
00:19:54 → 00:19:58 อือฮึคนเข้าใจผิดกันยังไงครับอาจารย์โอเค
00:19:58 → 00:20:01 มันมี 3 อันนะที่ผม 1 work engagement
00:20:01 → 00:20:05 กับ Job entitlement นะฮะโอเคนะ 2 เนี่ย
00:20:05 → 00:20:06 นะครับผม
00:20:06 → 00:20:09 เอ่อคนเข้าใจผิดกันมากในเรื่องของคำว่า
00:20:09 → 00:20:11 engagement กับเรื่องของ motivation ก็
00:20:12 → 00:20:13 คือคำว่า intrinsic กับ extrinsic
00:20:13 → 00:20:15 motivation ก็คือก็คือเดี๋ยวผมจะขยายลง
00:20:15 → 00:20:19 ไปนะฮะครับและอีกอีกอันนึงเนี่ยนะเอ่อ
00:20:19 → 00:20:21 องค์กรพยายามจะทำในส่วนที่เป็น Head มาก
00:20:21 → 00:20:26 กว่าารอืนะอันอันนี้คือที่ผมมองว่าองค์กร
00:20:26 → 00:20:28 อาจจะเข้าใจผิดมากที่สุดนะฮะันที่ 1 ก็ก็
00:20:28 → 00:20:30 คือ work engagement กับ Job
00:20:30 → 00:20:34 entitlement ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นจำเลย
00:20:34 → 00:20:37 หมายเลข 1 ในองค์กรเลยนะฮะเพราะว่าทุก
00:20:37 → 00:20:39 ครั้งเนี่ยที่สมมุติว่าเราไปทำเ
00:20:39 → 00:20:42 engagement Survey นะฮะพอกลับมาปุ๊บ
00:20:42 → 00:20:45 เนี่ยผู้บริหารก็จะประชุมกันเทำยังไงซึ่ง
00:20:45 → 00:20:47 แน่นอนคือพนักงานมักจะเขียนว่าเรื่อง
00:20:47 → 00:20:50 สวัสดิการบ้างเรื่อง OT บ้างแลสิ่งที่
00:20:50 → 00:20:53 พนักงานสิ่งที่ผู้บริหารทำก็คือก็ให้
00:20:54 → 00:20:58 สวัสดิการให้ OT ทำนู่นทำนี่นะฮะพนักงาน
00:20:58 → 00:21:00 เรียกร้องนะฮะอาจจะเพิ่มเงินเดือนอะไร
00:21:00 → 00:21:02 ต่างๆพวกนี้นะครับแต่นี้การเพิ่มเงิน
00:21:02 → 00:21:03 เดือนเมันจะมีโครงสร้างเรื่องของ
00:21:03 → 00:21:05 compensation อยู่ถ้ามันเกินกระบอกเนี่ย
00:21:05 → 00:21:08 บริษัทก็ไม่สามารถ manage ส้นทุน
00:21:08 → 00:21:12 ได้ลักษณะแบบเนี้ยนะครับผมอันนี้คือนี่
00:21:12 → 00:21:14 คือ Job
00:21:14 → 00:21:16 entitlement เพราะว่าคุณอยู่จอบนี้คุณจะ
00:21:16 → 00:21:19 ได้ entitle แบบนี้คุณจะต้องได้ OT อย่าง
00:21:19 → 00:21:21 งี้คุณได้วันหยุดเท่านี้ entitlement อือ
00:21:22 → 00:21:24 ฮึอือฮึนะฮะผลประโยชนแต่ entitlement
00:21:24 → 00:21:28 เนี่ยไม่ได้ engage เลยอืเพราะฉะนั้น work
00:21:28 → 00:21:31 engagement อีกเรื่องหนึ่งอืแต่หลายองค์
00:21:31 → 00:21:34 กรเนี่ยพยายามไปทำใชม entitlement บางที
00:21:34 → 00:21:36 ก็ไปเพิ่มวันหยุดบางทีก็ไปเพิ่มนู่นเพิ่ม
00:21:36 → 00:21:38 นี่แต่อันไอ้พวกนั้นเนี่ยฮะมันเป็นแค่
00:21:38 → 00:21:41 entitlement ไม่ใช่ engagement อครับนะ
00:21:41 → 00:21:44 อันนี้อันนี้คืออันที่ 1 อันที่ 2 เนี่ย
00:21:44 → 00:21:46 นะฮะจริงๆก็ต่อเนื่องอันที่ 1 ก็คือ
00:21:46 → 00:21:49 เรื่องของพยายามไปโฟกัสตรงเอ่อตัวที่เป็น
00:21:49 → 00:21:52 intrinsic motivation มากเอ่อ extrinsic
00:21:52 → 00:21:54 motivation มากกว่า intrinsic นะฮะก็คือ
00:21:54 → 00:21:57 แรงจูงใจภายในภายนอกมากกว่าภายในซึ่งแรง
00:21:58 → 00:22:00 จงใจายภายนอกเนี่ยก็สอดคล้องกับที่เป็น
00:22:00 → 00:22:01 ที่เป็น
00:22:01 → 00:22:04 จอก็ให้เงินเดือนให้สวสดิการให้อะไรต่างๆ
00:22:04 → 00:22:07 พวกนั้นนะครับผมเอ่ออันนี้คืออันนี้คือ
00:22:07 → 00:22:11 แรงยงใจภายนอกซึ่งถามว่าพอให้ขึ้นมาป๊บ
00:22:11 → 00:22:15 มันหวือหวายมันหวือหวาระยะสั้นครับแต่ใน
00:22:15 → 00:22:17 ระยะยาวเนี่ยนะมันก็กลับไปเหมือนเดิมนะฮะ
00:22:18 → 00:22:20 เพราะว่าไอ้สิ่งต่างๆพวกเในการเรียกร้อง
00:22:20 → 00:22:25 ของพนักงานยิ่งบริษัทที่มีเ่อสหภาพกลุ่ม
00:22:25 → 00:22:29 นี้เรียกร้องทุกปีครับแล้วก็เนี่ยเอ่อ
00:22:29 → 00:22:31 บริษัทก็พยายามจะ manage นะฮะความสัมพัน
00:22:31 → 00:22:33 กับสหภาพก็ให้นะ Job interment กันแต่
00:22:33 → 00:22:36 ไม่ได้มองในเรื่องของไอ้ตัว motivation
00:22:36 → 00:22:39 หรือว่า engagement นะครับนั้นไอ้ไอตัว
00:22:39 → 00:22:41 เอ่อส่วนที่เป็นไอ้ตัว extrinsic เนี่ย
00:22:41 → 00:22:44 แรงยใจภายนอกเนี่ยจริงๆส่วนที่เป็น
00:22:44 → 00:22:49 intrinsic แรงจูงใจภายในเนี่ยผมว่ามีการ
00:22:49 → 00:22:53 เอ่อไปหาไอ้สิ่งที่มันไปตอบสนองต่อแรงจูง
00:22:53 → 00:22:56 ใจภายในเนี่ยองค์กรทำจริงจังน้อยมากเช่น
00:22:56 → 00:23:00 อะไรฮะ work redesign อืการการที่จะต้อง
00:23:00 → 00:23:05 ไปดูสโคปของงานใหม่นะฮะให้เขามีบทบาท
00:23:05 → 00:23:08 สำคัญมากขึ้นเขาจะเห็นคุณค่าของตัวเอง
00:23:08 → 00:23:11 โอเคอันอันนี้คือนี่คือ work Design
00:23:11 → 00:23:13 เรื่องของ recognition recognition ไม่
00:23:13 → 00:23:15 ใช่เรียกพนักงานมาชมแต่มันมีวิธีการ
00:23:15 → 00:23:18 recognition ตั้งหลายแบบนะฮะผมว่าอัน
00:23:18 → 00:23:20 นั้นก็คือในส่วนที่มันเป็นเอ่อไอ้ตัวที่
00:23:20 → 00:23:22 มันไ intrinsic
00:23:22 → 00:23:25 motivation การเห็นคุณค่าของตัวเองจาก
00:23:25 → 00:23:28 งานที่เขาทำนะฮะการได้ recognition นะนะ
00:23:28 → 00:23:31 ฮะการเห็นโอกาสในการเติบโตของตัวเองอืนะ
00:23:31 → 00:23:35 ฮะซึ่งเ้าทำงานตรงนี้เอาจจะไม่โตนะฮะตาม
00:23:35 → 00:23:38 ไอ้ไอโครงสร้างขององค์กรแต่เขาเติบโตใน
00:23:38 → 00:23:42 แง่ของนะฮะเอ่อความรู้ประสบการณ์ของเา
00:23:42 → 00:23:45 ซึ่งซึ่งมันสามารถที่จะทำได้อีกตัวหนึ่ง
00:23:45 → 00:23:50 ก็คุณหมอเตัวซ้ายก็คือดยมากไปที่เอ่าไม่
00:23:50 → 00:23:52 ไม่ไม่มาลงในเรื่องที่ฮารดนะไม่ลงไปใน
00:23:52 → 00:23:58 ฮารดซึ่งหัวหน้าไม่ฟังอ่านะฮะซึ่งจริงๆ
00:23:58 → 00:24:00 เนี่ยอย่างที่คุณหมอก็ทราบก็คือไอ้แค่ฟัง
00:24:00 → 00:24:03 เค้าเนี่ยเ้าก็มีตัวตนแล้วครับอือฮึอนะฮะ
00:24:03 → 00:24:05 ก็คือหลายๆครั้งเนี่ยเราไปมองตรงนั้นเ
00:24:06 → 00:24:10 แล้วก็บางทีลักษณะที่ทดาก็ต้องบนสั่งมาพอ
00:24:10 → 00:24:13 สั่งมาบอกว่านี่ตรงนี้มันดีนะมันดีสำหรับ
00:24:13 → 00:24:16 ทีมของคุณนะดีสำหรับตัวคุณเองนะแต่นัคือ
00:24:16 → 00:24:20 ท็อปดอือฮึแต่ข้างล่างเนี่ยนะฮะคุณฟังเ้า
00:24:20 → 00:24:23 บ้างรือเปล่าอือผมว่าเ้ามีส่วนร่วมหรือ
00:24:23 → 00:24:27 เปล่านะครับอย่างที่เขาบอกว่าเอ่อ If you
00:24:27 → 00:24:28 want to manage People you have to
00:24:29 → 00:24:30 learn How to Serve อือฮึถ้าคุณจะ
00:24:30 → 00:24:33 manage นะคุณต้องเฟไวก่อนนะ If you
00:24:33 → 00:24:34 want to learn How to Lead you
00:24:34 → 00:24:36 have to learn How to Follow อืก็
00:24:36 → 00:24:38 คือบางทีก็ Read Reading from Behind
00:24:38 → 00:24:40 เี่บอกว่าเฮ้ยเราฟังเค้าก่อนแต่ผมว่าอันน
00:24:40 → 00:24:44 นี้คือ Heart ครับนะครับนะจริงๆ podcast
00:24:44 → 00:24:46 ั้งเียเราก็คุยกันเรื่องการฟังด้วยหัวใจ
00:24:46 → 00:24:49 นะว่าผมอยนับว่า Listening มี Love
00:24:49 → 00:24:51 เหมือนกับการการฟังคือการให้เกียรติรับ
00:24:51 → 00:24:54 ฟังให้เกี่ยวกับเมีตัวตนมีความหมายมีน้ำ
00:24:54 → 00:24:57 หนักหลายๆคนพอลุเรู้สึกว่าพูดไปก็ไม่ฟัง
00:24:57 → 00:24:59 สุดท้ายเไม่พูดนะนะครับคนในองค์กรแล้วที่
00:24:59 → 00:25:01 อาจารย์บอกมันไปออกในโซเชียลมีเดียแทนมัน
00:25:01 → 00:25:05 ไปบ่นตรงอื่นแทนเนาะแล้วผมก็ไปฟังไอ้ตัว
00:25:05 → 00:25:08 เรื่องของการฟังพแสของหมอหนุ่มฮะดีมากชอบ
00:25:08 → 00:25:11 ครับอาจารย์ขอบคุณครับคราวนี้ถ้าถามว่า
00:25:12 → 00:25:14 ถ้ามองในแง่องค์กรนะอาจารย์สิ่งเหล่า
00:25:14 → 00:25:17 เนี้ยมันพัฒนาได้มหรือมันมันเป็นยังไงก็
00:25:17 → 00:25:19 มาอย่างงั้นแหละคือมันมันไปแก้ไขแล้ว
00:25:19 → 00:25:23 engagement มันปล่อยตามยถากรรมไปแล้วก็
00:25:23 → 00:25:26 หรือว่ามันสามารถปรับพัฒนาอะไรได้มก็ให้
00:25:26 → 00:25:30 คือสุดท้ายนมองในแง่ของหน่วยงานเราก็เรา
00:25:30 → 00:25:33 อยากให้ทุกคนมีความสุขคนเจ้า individual
00:25:33 → 00:25:36 เจ้าตัวเองมีความสุขทีมมีความสุขมันก็ส่ง
00:25:36 → 00:25:39 ผไปที่ Organization แล้วสุดท้ายก็คือผู้
00:25:39 → 00:25:42 รับบริการมันก็มีความสุขคือมันไปกันยกแผง
00:25:42 → 00:25:44 เลยนะครับอะไรอย่างเงี้ยมันมันมันมันไป
00:25:45 → 00:25:48 ตามยถากรรมหรือมันทำให้มันทำยังไงให้มัน
00:25:48 → 00:25:49 ดีขึ้นได้ครับ
00:25:49 → 00:25:52 อาจารย์ผมผมเชื่อว่าเรื่องของ engagement
00:25:52 → 00:25:55 เนี่ยมันเป็นเรื่องของ behav นะฮะพอเป็น
00:25:55 → 00:25:58 behav ก็เป็นเรื่องของ culture ครับ
00:25:58 → 00:26:02 เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเอ่อถามว่าทำได้มผม
00:26:02 → 00:26:05 ว่าทำได้แน่นอนอืถ้าองค์กรมีความจริงใจ
00:26:06 → 00:26:09 ครับที่จะทำนะฮะแล้วก็คือถ้าองค์กรเนี่ย
00:26:09 → 00:26:14 เอ่อตระหนักว่าโดยยิ่งในสาย service นะฮะ
00:26:14 → 00:26:19 สายบริการเนะฮะเาบอกว่า happy employees
00:26:19 → 00:26:22 can produce Happy client อ้าใชใช่
00:26:22 → 00:26:25 ครับอาจารย์ก็คือเนี่ยถ้าถ้าคุณทำให้
00:26:25 → 00:26:28 พนักงานคุณมีความสุขเนี่ยนะลูกค้าคุณก็จะ
00:26:28 → 00:26:31 มีความสุขครับนะฮะแล้วมันมีงานวิจัยเนี่ย
00:26:31 → 00:26:33 เนี่คือใน article ของ achiever เนี่ยมัน
00:26:33 → 00:26:38 ก็บอกว่าพนักงานที่ engage หรือแี้ครับ
00:26:38 → 00:26:41 สามารถสร้างความพึงพูใจของลูกค้าได้ถึง
00:26:41 → 00:26:44 ประมาณ 200% อืกับพนักงานที่ไม่ engage
00:26:44 → 00:26:46 นะครับนะฮะอันนี้คือชื่อ achiever นะฮะ
00:26:46 → 00:26:48 ลองไปเสิร์ชดูนะครับเพราะงั้นเค้าบอกว่า
00:26:48 → 00:26:50 เนี่ยถ้า engage เนี่ยมันสามารถสร้างได้
00:26:50 → 00:26:54 ขนาดนั้นเนี่ยนะฮะซึ่งผมคิดว่ามันก็มันก็
00:26:54 → 00:26:57 มี Logic อยู่มันตรรกะอยู่พอสมควรนะฮะว่า
00:26:57 → 00:26:59 ในขณะที่ที่เรา engage เราแฮปี้เนี่ยเวลา
00:26:59 → 00:27:02 ทำงานเราก็ทำด้วยใจอือนะครับถ้าเราไม่
00:27:02 → 00:27:04 engage เนี่ยผมว่า body language นะฮะ
00:27:04 → 00:27:06 สีหน้าท่าทางมันก็ออกมานะผมว่ามันก็
00:27:06 → 00:27:09 อธิบายได้ตรงนั้นนะฮะมันมีกรณีตัวอย่าง
00:27:09 → 00:27:11 แล้วอาารบริษัทหรือหน่วยงานอะไรที่เคยทำ
00:27:11 → 00:27:13 เรื่องนี้แล้วมันดีขึ้นชัดเจนหรืออะไรใน
00:27:13 → 00:27:16 ในแง่ Case Study อะไรเงี้มีแต่พอยกตัว
00:27:16 → 00:27:20 อย่างซเอผมพยายามเ่อที่ที่ผมว่าทำทำอยู่
00:27:20 → 00:27:25 เนี่ยนะฮะหลายๆองค์กรนะฮะเอ่อผมเอาเอาเอา
00:27:25 → 00:27:27 บริษัท netflix ก็แล้วกันครับอาจารย์นะ
00:27:28 → 00:27:31 ครับครับ netflix เนี่ยเอ่อมันมีหนังสือ
00:27:31 → 00:27:35 เล่มนึงนะคุณหมอชื่อ no rules rules no
00:27:35 → 00:27:37 no rules no rul rules no rules
00:27:38 → 00:27:42 Ru โอเคครับบริษัทที่ไม่มีกฎอ่ะครับใช่
00:27:42 → 00:27:44 มั้จริงๆมันก็มีกฎนั่นแหละแต่เพียงแต่ว่า
00:27:44 → 00:27:47 มันใช้คำว่า No No rules rules นะฮะ
00:27:48 → 00:27:51 หนังสือเล่มสีแดงๆนะครับทีนี้เอิ่เจ้าของ
00:27:51 → 00:27:55 netflix เนี่ยก็คือไอ้ไอ้ John hasting
00:27:55 → 00:27:58 เนี่ยนะครับซึ่งจริงๆเนี่ยคุณหมอคงทราบ
00:27:58 → 00:28:02 ประวัติของ netflix เนาไปเช่าหนังจาก
00:28:02 → 00:28:06 blockbuster ครับเกิดทันยุคนั้นครับแล้ว
00:28:06 → 00:28:09 ก็ไปคืนพอไปคืนปุ๊บเนี่ยนะก็ปรากฏโดนค่า
00:28:09 → 00:28:13 ปรับพอโดนค่าปรับมาบอกเฮ้ยนี่ต้องเป็น P
00:28:13 → 00:28:17 Point เอ RE hasting ไม่ใช่จผมพูดไปนะ
00:28:17 → 00:28:21 ฮะ hasting นะฮะเจ้าของไอ้เจ้าของไอ
00:28:21 → 00:28:25 netflix พอไปคืนปุ๊บก็ว่าเฮ้ยโดนค่าปรับ
00:28:25 → 00:28:28 มันบอกว่าลูกค้าคนอื่นมันต้องมันต้องต้อง
00:28:28 → 00:28:30 โดนค่าปรับมันก็มี P Point แบบนี้แหละ
00:28:30 → 00:28:33 สุดท้ายเนี่ยไอ้ rasting ก็ไปงั้นทำเองก็
00:28:34 → 00:28:37 แล้วกันทำเองก็คือเอ่อถ้างั้นให้ลูกค้า
00:28:37 → 00:28:40 ไม่ต้องมาส่งนะดรอปทางเมลเอตอนนั้นไอ้ไอ
00:28:40 → 00:28:43 DVD มันมีะหังมันเป็น cet ะะมันเป็นมัน
00:28:44 → 00:28:47 เป็นแผ่น DVD ะครับแเล็กๆทำตอนแรกก็เจ๊ง
00:28:47 → 00:28:50 พอตอนแรกก็เจ๊งเนี่ยทีนี้ RE hasting ก็
00:28:50 → 00:28:53 มองว่าเฮ้ยตอนนี้มันมีอินเทอร์เน็ตเข้ามา
00:28:53 → 00:28:56 ถ้าเราสามารถที่จะใช้ Business Model
00:28:56 → 00:28:59 แบบนะฮะที่มันเป็นเอเนี่ยทุกคนสมัครเป็น
00:28:59 → 00:29:01 สมาชิกนะคุณจะดูหนังเรื่องอะไรเท่าไหร่ก็
00:29:01 → 00:29:04 ได้นะแต่คุณจ่ายค่าสมาชิกนะซึ่งก็ทำให้ R
00:29:04 → 00:29:07 hasting นะดังขึ้นมามากแล้วก็ netflix
00:29:07 → 00:29:09 ก็ดังขึ้นมาทุกวันนี้นะครับทีนี้ไอ้ถ้า
00:29:09 → 00:29:12 ถามว่าในแง่ของตัวอย่างของ engagement นะ
00:29:12 → 00:29:15 ฮะอจะเห็นว่าคำว่า No rules rules
00:29:15 → 00:29:18 เนี่ยโครงสร้างภายในเนี่ยของ netflix
00:29:18 → 00:29:21 เนี่ยมันหลวมมากคือหมายความว่าไม่ได้บอก
00:29:21 → 00:29:23 ว่าข้างบนต้องสั่งมายังไงแต่คุณอยากจะทำ
00:29:23 → 00:29:26 อะไรคุณทำได้เลยอืถ้าคุณอยากทำคุณมีความ
00:29:26 → 00:29:29 คิดเรมยังไงเนี่ยคุณสามารถที่จะเสนอได้
00:29:29 → 00:29:32 เลยนั่นก็แสดงว่ามี autonomy มีอำนาจใน
00:29:32 → 00:29:35 การคิดในการตัดสินใจอนะฮะแล้วก็อีกอย่าง
00:29:35 → 00:29:38 หนึ่งก็คือมันมันมี empow ก็คือเฮ้ยข้าง
00:29:38 → 00:29:41 บนเ empow มาคุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่มัน
00:29:41 → 00:29:45 สามารถที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จออ
00:29:45 → 00:29:47 ก็วันนี้เราก็คุยกันนะอาจารย์นะก็เนื่อง
00:29:47 → 00:29:49 จากเวลามันก็จำกัดนิดนึงแต่เราก็
00:29:49 → 00:29:52 คีย์เวิร์ดของวันนี้ที่คุยกันคือเรื่อง
00:29:52 → 00:29:55 engagement นะครับนะก็อาจารย์พูดหลายๆ
00:29:55 → 00:29:58 ระดับระดับ Organization ระดับ work
00:29:58 → 00:30:01 engagement ระดับ Team engagement แล้ว
00:30:01 → 00:30:04 ก็อีกอันนึงสิ่งที่สำคัญคือเรื่องคุณค่า
00:30:04 → 00:30:06 Value นะครับนะผมว่าอย่าง engagement
00:30:06 → 00:30:09 มันกับเหมือนมองย้อนน่ะคือดึงดึงจาก
00:30:09 → 00:30:13 พนักงานขึ้นมาให้เขามีส่วนร่วมฟังเให้เขา
00:30:13 → 00:30:15 มีความรู้สึกเมีความหมายนะครับไม่ว่าใน
00:30:16 → 00:30:19 แง่ว่าเสนอได้คิดได้ลองทำใหม่ๆได้เป็นที่
00:30:19 → 00:30:22 recognition มีการสนับสนุนเหมือนเหมือน
00:30:22 → 00:30:24 กับมีการรเวที่อาจารย์บอกว่าแทนที่จะนำ
00:30:24 → 00:30:26 เนาะกับ Follow ึงผู้นำกับ Follow อยู่
00:30:26 → 00:30:28 ข้างหลังแล้วก็สนับสนุนด้วยซ้ำไปแต่มัน
00:30:28 → 00:30:30 พลังมันเนี่ยฟังดูไม่ว่าจากงานวิจัยหรือ
00:30:30 → 00:30:32 จากตัวอย่างที่อาจารย์ยกตัวอย่างขึ้นมา
00:30:32 → 00:30:35 เนี่ยมันทำให้เกิดความเค้าเรียกอะไรล่ะ
00:30:35 → 00:30:38 productivity ก็ก็เพิ่มนะครับนะความสุข
00:30:38 → 00:30:41 ก็เพิ่มนะครับนะก็วันนี้เราก็คุยกันนะ
00:30:41 → 00:30:44 ครับนะในแง่ของว่าอ่า Happy Society นะ
00:30:44 → 00:30:47 ครับนะในในในแง่ที่ว่าเราจะทำให้เกิด
00:30:47 → 00:30:50 สังคมเกิดความสุขขึ้นได้ยังไงนะครับหัว
00:30:50 → 00:30:52 ข้อวันเนี้อาจจะดูเอ๊ะหลายคนอาจจะฟังแล้ว
00:30:52 → 00:30:55 เกี่ยวยังไงนะครับ engagement แต่ว่าเรา
00:30:55 → 00:30:58 ทุกคนนะครับชีวิตนี้เราทำงานนะครับนะแล้ว
00:30:58 → 00:31:01 เราทำงานไม่ว่าจะงานส่วนตัวงานที่เราต้อง
00:31:01 → 00:31:03 เกี่ยวกับคนอื่นเกี่ยวกับทีมนะหรืองานที่
00:31:03 → 00:31:06 เกี่ยวกับองค์กรนะจริงๆแล้วเราสามารถใช้
00:31:06 → 00:31:08 ชีวิตอย่ามีความสุขได้ถ้าเราเข้าใจสิ่ง
00:31:08 → 00:31:11 เหล่านี้นะครับและเข้าใจถึงคุณค่าของเรา
00:31:11 → 00:31:15 เข้าใจถึงแรงจูงใจนะครับแล้วสามารถทำงาน
00:31:15 → 00:31:17 ให้มีความสุขได้แล้วก็ความสุขเพะเรามี
00:31:17 → 00:31:21 ความสุขเนี่ยมันจะรังสีความสุขมันจะแผ่
00:31:21 → 00:31:25 ขึ้นไปนะครับนะไม่ว่าจะเป็นตัวเราทีมเรา
00:31:25 → 00:31:27 งานของเราหน่วยงานของเราบริษัทของเราลูก
00:31:27 → 00:31:30 ลูกค้าของเราแล้วก็สังคมของเราในที่สุดนะ
00:31:30 → 00:31:33 ครับก็วันนี้ podcast ของ Thai Health
00:31:33 → 00:31:35 Academy ก็อาจจะต้องจบลงด้วยก่อนเท่านี้
00:31:35 → 00:31:38 นะครับนะแล้วก็ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ธนิน
00:31:38 → 00:31:41 มากนะครับนะจริงๆฟันเราก็ได้ได้อตได้อะไร
00:31:41 → 00:31:44 เยอะนะครับเหมือนกับเหมือนอาจารย์มาสรุป
00:31:44 → 00:31:47 หนังสือให้เล่มนึงในเวลาอันอันสั้นเลยนะ
00:31:47 → 00:31:49 ครับก็ขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งครับขอบคุณ
00:31:49 → 00:31:51 ครับสวัสดีผู้ชมทางบ้านด้วยครับสวัสดี
00:31:51 → 00:31:56 ครับขอบคุณครับ
00:31:56 → 00:31:59 ครับอ
00:31:59 → 00:32:02 [เพลง]