00:00:00 → 00:00:03 ค่ะวันนี้นะเราคุยกันในหัวข้อจิตราวิทยา
00:00:03 → 00:00:05 การให้คำปรึกษา
00:00:05 → 00:00:07 นะคะอ่า
00:00:07 → 00:00:11 ตอนนี้ถามอย่างนี้ก่อนแล้วกันนะว่า
00:00:11 → 00:00:17 เราเองเนี่ยตอนนี้อยู่ในสถานะผู้ที่อยาก
00:00:17 → 00:00:23 จะปรึกษาหรืออยู่ในสถานะของคนที่ให้คำ
00:00:23 → 00:00:27 ปรึกษาคะนะถ้าเกิดตอนนี้เราเนี่ย
00:00:27 → 00:00:33 อยู่ในสถานะคนอยากจะปรึกษานะกด 1
00:00:33 → 00:00:39 ใครเป็นคนที่ต้องรับฟังนะผู้คนที่มา
00:00:39 → 00:00:44 ปรึกษากฏ 2 นะอ่าให้คำอยากได้รับคำปรึกษา
00:00:44 → 00:00:49 กฎหนึ่งค่ะไหนลองดูซิว่าตอนนี้เราอยู่ใน
00:00:49 → 00:00:51 ฝั่งไหนมากกว่ากัน
00:00:51 → 00:00:54 พี่โบ๊ทเลยหรอคะโอ้โห
00:00:54 → 00:00:56 บอดแล้วนะ
00:00:56 → 00:01:03 อะดิข้อคุณชนละพรบอกหนึ่งนะอ่าคุณดรุณี
00:01:03 → 00:01:06 เบาะสองนะ
00:01:06 → 00:01:08 ก็
00:01:08 → 00:01:12 วันนี้เนี่ยหมอจะเติมอะไรที่มันแปลกไปนิด
00:01:12 → 00:01:16 นึงนะปกติแล้วเนี่ยเอ่อการเรื่องการที่คำ
00:01:16 → 00:01:19 ภาษาโดยส่วนใหญ่เราก็จะมองเป็นในเรื่อง
00:01:19 → 00:01:25 ของการที่เราเองนะคะอาจจะจะเป็นผู้ไปขอ
00:01:25 → 00:01:29 รับคำปรึกษานั้นหรือมีคนมาปรึกษาเราเรียก
00:01:29 → 00:01:32 ว่าก็ต้องมีสองคนใช่ไหมแต่ว่าถ้าวันนี้
00:01:33 → 00:01:36 เนี่ยหัวข้อ x ทำไมดันบอกว่ากีฏวิทยาการ
00:01:36 → 00:01:38 ให้คำปรึกษาตัวเราเองด้วยนะและคนรอบข้าง
00:01:38 → 00:01:43 นะเพราะว่าตอนนี้เนี่ยคงไม่มีใครไม่
00:01:43 → 00:01:46 เครียดนะเพราะว่านะแล้วก็จริงๆเนี่ยถ้า
00:01:46 → 00:01:49 เกิดว่าเราเนี่ยรอคนที่จะฟังเราเป็นให้คำ
00:01:49 → 00:01:53 ปรึกษาเราได้เนี่ยแต่บางทีเราอาจจะต้อง
00:01:53 → 00:01:56 เก็บความทุกข์นั้นไว้นานจนเกินไปหรือ
00:01:56 → 00:01:59 ปัญหาน่าจะนานจนเกินไปนะสุดท้ายเราอาจจะ
00:01:59 → 00:02:03 เป็นเรื่องของแบรนด์เอาได้นะคะหรือมีภาวะ
00:02:03 → 00:02:07 เศร้าได้นะคะวันนี้วันนี้ก็เลยคิดว่า
00:02:07 → 00:02:10 อย่างนี้ละกันนะก็คือเรามาเข้าใจนะหัวใจ
00:02:10 → 00:02:14 ของการให้คำปรึกษานะว่าหัวใจของการให้คำ
00:02:14 → 00:02:17 ปรึกษาเนี่ยมันเป็นยังไงนะแล้วก็เผื่อว่า
00:02:17 → 00:02:20 เราเนี่ยจะได้เอาประยุกต์ใช้นะเหมือนกับ
00:02:20 → 00:02:21 ตัวเราเองได้
00:02:21 → 00:02:26 สังเกตไหมคะว่าแต่ก่อนนะเราอาจจะมีคำว่า
00:02:26 → 00:02:30 เนี่ยเวลาที่ใครไม่สบายใจใช่ไหมคะใครที่
00:02:30 → 00:02:34 รู้สึกเศร้านะเราก็จะเป็นคนให้กำลังใจแต่
00:02:34 → 00:02:37 ตอนนี้เนี่ยเราก็เพราะว่ามันมีทักษะใหม่
00:02:37 → 00:02:39 ที่สำคัญขึ้นมาซะงั้นน่ะนะคะก็คือว่า
00:02:39 → 00:02:43 อย่างเช่นทักษะเซลล์ compare ชั่นนะหรือ
00:02:43 → 00:02:47 ทักษะของการเมตตาตัวเองนะนั่นหมายความว่า
00:02:47 → 00:02:51 อะไรนั่นของว่าเออการที่เราเนี่ยก็ต้อง
00:02:51 → 00:02:54 ฝึกนะไม่ว่าจะเป็นฟังตัวเองบ้างแล้วพูด
00:02:54 → 00:02:57 กับตัวเองบ้าง sale Talk บ้างนะเมตตาของ
00:02:57 → 00:03:00 ตัวเองเหมือนที่เราเมตตากับคนอื่นบ้าง
00:03:00 → 00:03:04 เนี่ยอันนี้จะเป็นทักษะสำคัญนะในโลกที่
00:03:04 → 00:03:09 ถูกดิสเลิฟในตอนนี้นะคะคือ
00:03:09 → 00:03:13 นั้นจิตวิทยาการให้คำปรึกษาเองก็เช่นกัน
00:03:13 → 00:03:18 นะคะถ้าเกิดว่าเราเองนะคะมีอ๋อเข้าใจ
00:03:18 → 00:03:21 เนี่ยในเรื่องของหัวใจสำคัญแล้วเราเอาปลา
00:03:21 → 00:03:24 ประยุกต์ใช้กับตัวเองได้เนี่ยคิดว่ามันก็
00:03:24 → 00:03:27 จะเป็นประโยชน์กับตัวเราไม่น้อยนะคะแล้ว
00:03:27 → 00:03:31 ที่สำคัญเลยนะที่สำคัญเลยนะ
00:03:31 → 00:03:34 ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครที่รับบทบาทเป็น
00:03:34 → 00:03:38 หัวหน้างานนะหรือเป็นผู้บริหารบ้างมั้ยนะ
00:03:38 → 00:03:43 คะอ่ะตอนนี้นะใครรับบทบาทเป็นหัวหน้านะ
00:03:43 → 00:03:48 ที่มีลูกน้องอยู่นะช่วยยกมืออ่ะกด 1 ให้
00:03:48 → 00:03:52 หมอหน่อยละกันนะคะอ่าในระหว่างนี้ไหนก็ขอ
00:03:52 → 00:03:55 สวัสดีชาวคณะเพิ่มเติมนะน้องเก่งสวัสดีนะ
00:03:55 → 00:03:58 ครับ
00:03:58 → 00:04:02 อันนี้บอกปกติมีแต่คนมาปรึกษาตอนนี้อยาก
00:04:02 → 00:04:05 ปรึกษาตัวเองบ้างค่ะอ่า
00:04:05 → 00:04:09 กูจริงๆแล้วคุณยุ้ยน่าจะมีทักษะมีแล้วนะ
00:04:09 → 00:04:12 คะก็ลองไปใช้กับตัวเองแค่นั้นเองเนอะอ๋อ
00:04:12 → 00:04:16 อ่ะมึงโทรพรก็มีลูกน้องนะว่าเดี๋ยวนี้ก็
00:04:16 → 00:04:20 มีเอ้ามีใครนะคะตอนนี้อยู่ในสถานะที่เรา
00:04:20 → 00:04:22 มีลูกน้องนะคือมีสถานะที่เป็นลีดเดอร์
00:04:22 → 00:04:26 เป็นหัวหน้าอยู่นะยกมือกด 1 ให้หมอดู
00:04:26 → 00:04:30 หน่อยนะจะได้รู้นะคะเฮ้ยเฮ้ยงวดวันนี้ชาว
00:04:30 → 00:04:34 คณะเราอยู่กันครบครันนะจ๊ะอ่า
00:04:34 → 00:04:36 คุณ
00:04:36 → 00:04:39 วลัยพรรณใช่ไหมคะอ่ะ
00:04:39 → 00:04:43 สักก็กด 1 นะออกแล้วก็จะมีหลายท่านนะอ่ะ
00:04:43 → 00:04:47 คุณแนนด้วยนะหลายท่านเนี่ยเป็นหัวหน้าอัน
00:04:47 → 00:04:50 นี้เนี่ยทำไมหมอถึงถามนี่เรื่องของใครนะ
00:04:50 → 00:04:54 ที่เป็นลีดเดอร์อยู่ในตอนนี้เราก็ต้องรู้
00:04:54 → 00:04:56 เลยนะคะว่า
00:04:56 → 00:05:02 ทักษะการเป็นลีดเดอร์ในแบบเดอะบอสคือการ
00:05:02 → 00:05:07 สั่งการการควบคุมการเอ่อจุกจิกจู้จี้นอก
00:05:07 → 00:05:10 Micro management เนี่ยกับทีมของเรานะ
00:05:10 → 00:05:14 น้องๆของเราเนี่ยต้องบอกว่ามันเป็นสิ่ง
00:05:14 → 00:05:18 ที่ใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วนะนะคะโดยเฉพาะน้อง
00:05:18 → 00:05:22 ๆในยุคใหม่ๆนะคะเหมือนเนี่ยนั้นสิ่งสำคัญ
00:05:22 → 00:05:26 นะคะที่เราเองนะจะกลายเป็นหัวหน้านะคะที่
00:05:26 → 00:05:30 เราสามารถที่จะดูมีสภาพของเขาได้เราจะ
00:05:30 → 00:05:35 เป็นหัวหน้าที่ที่สามารถนำทีมนะด้วยหัวใจ
00:05:35 → 00:05:40 นะเดี๋ยวความรู้สึกว่าเขารบนะจากน้องๆใน
00:05:40 → 00:05:44 ทีมนะคะหรือการที่ได้ความรักจากพวกเขา
00:05:44 → 00:05:48 เนี่ยการที่เรามีทักษะค่ะในเรื่องของการ
00:05:48 → 00:05:51 ให้คำปรึกษาเนี่ยบ่คิดว่าสำคัญมากๆเลยนะ
00:05:51 → 00:05:55 นะคะเพราะว่ามันจะเป็นเขาเรียกว่ามันเป็น
00:05:55 → 00:05:59 เครื่องมือสำคัญเลยที่จะเปิดเปิดป่ะถูก
00:05:59 → 00:06:00 เกิดเป็น
00:06:00 → 00:06:04 ลิ้นรัวที่จะเปิดประตูหัวใจเออที่จะเปิด
00:06:04 → 00:06:09 ประตูหัวใจของเขานะคะให้รับเราเข้าไป
00:06:09 → 00:06:12 เพราะอะไรเพราะว่าเขาก็จะรู้สึกว่าเรา
00:06:12 → 00:06:18 เนี่ยเอ่อกาฝั่งเขานะคะแล้วก็สามารถที่จะ
00:06:18 → 00:06:22 ช่วยเหลือแก้ปัญหาได้นะจากทักษะที่เราให้
00:06:22 → 00:06:26 คำปรึกษาน่ะค่ะวันเนี้ยอันนี้นะคะก็จะ
00:06:26 → 00:06:28 เป็นเครื่องมือใหม่นะเครื่องมือสำคัญนี้
00:06:28 → 00:06:31 นะคะของคนที่เป็นหัวหน้าที่ควรจะต้องมี
00:06:31 → 00:06:38 อย่างยิ่งนุ้ยทำไมขายของซะขนาดนั้นเลยนา
00:06:38 → 00:06:43 เอามาเข้าไปในวันนี้นะเราเนี่ยก็เลยจะพูด
00:06:43 → 00:06:48 ถึงนะคะในอ่าเรียกว่า 3 ส่วนใหญ่ๆกันนะคะ
00:06:48 → 00:06:52 3 ส่วนใหญ่นั้นก็คือมีหนึ่งก็คือว่าไอ
00:06:52 → 00:06:55 จิตวิทยาให้คำปรึกษาเนี่ยมันคืออะไรกันนะ
00:06:55 → 00:06:59 นะคะ 2 ก็คือในเรื่องของกระบวนการนะคะว่า
00:06:59 → 00:07:03 ถ้าเกิดว่าเราไปทำเนี่ยถ้าเรามองในภาพ
00:07:03 → 00:07:07 ใหญ่ๆของกระบวนการเนี่ยมันทำได้ยังไงแล้ว
00:07:07 → 00:07:12 ก็ก็ในเรื่องของสามก็คือในเรื่องของทักษะ
00:07:12 → 00:07:17 สำคัญต่างๆที่เราจะต้องมีจะต้องใช้นะคะ
00:07:17 → 00:07:21 รวมทั้งยาหมอจะยกตัวอย่างนะเคสที่เป็น
00:07:21 → 00:07:24 เอ่อให้พวกเราได้เป็นกรณีศึกษาเนาะเป็น
00:07:24 → 00:07:28 เคสจริงๆเลยนะคะแล้วก็คิดว่าปัญหาประเด็น
00:07:28 → 00:07:31 และก็คือพวกเราก็อาจจะเจอกันอยู่บ่อยๆใน
00:07:31 → 00:07:34 ชีวิตประจำวันของการใช้ชีวิตและการทำงาน
00:07:34 → 00:07:39 นั่นแหละนะก็อันนี้ก็จะพยายามใช้เวลานะ
00:07:39 → 00:07:41 ตอนนี้เรา
00:07:41 → 00:07:47 เราใช้เวลาอันนี้ 9:15 มาลองดูนะหมอใช้
00:07:47 → 00:07:51 เวลาเดี๋ยวพูดพิมพ์เออ
00:07:51 → 00:07:55 หมอบอกว่าหมอไม่มีเสียงหรอ
00:07:55 → 00:07:59 เฮ้ออออออเสียงไม่ชัดหรอคะ
00:07:59 → 00:08:03 จะลองเทสหน่อยสวัสดีคุณ
00:08:03 → 00:08:09 อร์ดไทยภัสสรใช่ไหมคะสวัสดีคุณวิทยา
00:08:09 → 00:08:13 สวัสดีคุณสายเนาะอ๋อ
00:08:13 → 00:08:15 คุณ
00:08:15 → 00:08:19 วิทยาบอกว่าหมอไม่มีเสียงเดี๋ยวคุณแนน
00:08:19 → 00:08:23 เงินทองช่วยเช็คให้หมอหน่อยนะหมอเสียงชัด
00:08:23 → 00:08:28 ไหมนะคะมีนะคะใช่ไหมคะมีนะสิ่งชัดไหมชัด
00:08:28 → 00:08:36 เจนนะคะโอเคโอเคอ่าถ้างั้นเดี๋ยวคุณหมอ
00:08:36 → 00:08:40 วิทยาลองเช็คระบบสื่อสารของตัวเองดูนะคะ
00:08:40 → 00:08:44 โอเคทุกคนบอกชัดนะเพราะฉะนั้นเนี่ยชัดนะ
00:08:44 → 00:08:48 คะคุณต้องขอบคุณมากค่ะ
00:08:48 → 00:08:49 มี
00:08:49 → 00:08:53 เสียงโอเคนะคะอ่ะถ้างั้นไปต่อนะงั้นไปต่อ
00:08:53 → 00:08:59 นะนั้นติดต่อวิทยาการให้คำปรึกษาเนี่ยมัน
00:08:59 → 00:09:04 ก็คือออกเป็นเป็นหลักของการที่
00:09:04 → 00:09:08 หมอเขาเราเข้าใจเนาะกระบวนการคิดนะคะ
00:09:08 → 00:09:12 กระบวนการคิดแล้วมีความไว้เนื้อเชื่อใจ
00:09:12 → 00:09:16 ว่ามันเป็นหลักที่ว่าเราเนี่ยต่างคนนะไม่
00:09:16 → 00:09:20 ว่าจะเป็นคนที่มารับขับมาให้คำปรึกษาแล้ว
00:09:20 → 00:09:22 เหมือนหรือมารับคำปรึกษาเนี่ยทั้งสองฝ่าย
00:09:22 → 00:09:26 เนี่ยเรามีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและ
00:09:26 → 00:09:29 กันไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันยังไงก็
00:09:29 → 00:09:31 คือว่าคนที่
00:09:31 → 00:09:35 ไปรับคำปรึกษาก็ต้องไว้เนื้อเชื่อใจคนที่
00:09:35 → 00:09:41 ให้นะว่าเขาเนี่ยมีทักษะและมีศักยภาพที่
00:09:41 → 00:09:46 จะช่วยเหลือเราได้และไว้วางใจพอที่จะเปิด
00:09:46 → 00:09:50 เผยนะคะเล่าเรื่องราวปัญหาให้เขาฟังคะ
00:09:50 → 00:09:55 ส่วนคนที่ให้เนอะก็ต้องเชื่อนะเชื่อว่า
00:09:55 → 00:10:00 อะไรก็คือว่าต้องเชื่อว่าคนที่เราให้คำ
00:10:00 → 00:10:04 ปรึกษากับเขาน่ะค่ะเขามีปัญญานี่เป็นของ
00:10:04 → 00:10:06 ตัวเองอยู่แล้ว
00:10:06 → 00:10:11 นะงงไหมทำไมมาให้คำปรึกษาเนี่ยปกติเนี่ย
00:10:11 → 00:10:16 เราก็จะคิดว่าเอ้เดี๋ยวคนมาให้คำปรึกษานะ
00:10:16 → 00:10:20 ฉันจะต้องเฮ้ยฉันจะต้องบอกเขาให้ได้ว่า
00:10:20 → 00:10:23 เขาจะต้องทำยังไงเขาควรทำยังไงสเต็ปมัน
00:10:23 → 00:10:26 ต้อง 1 2 3 4 นะคะจะจริงๆแล้วไม่ใช่
00:10:26 → 00:10:32 น่ะจริงๆแล้วไม่ใช่จริงๆแล้วนะคะเอ่อคน
00:10:32 → 00:10:36 ที่จะให้คำปรึกษาเนี่ยควรจะต้องมีความ
00:10:36 → 00:10:40 เชื่อหรอว่าคนที่แม้ว่าเขาจะมีปัญหานะคน
00:10:40 → 00:10:44 ที่มาขอรับคำปรึกษาจากเราเนี่ยเขาเองนะคะ
00:10:44 → 00:10:49 ก็มีศักยภาพของเขาในแบบลักษณะของเขาแต่นะ
00:10:49 → 00:10:54 ปัญหาหรือความเครียดหรืออารมณ์ต่างๆเนี่ย
00:10:54 → 00:10:59 มันอาจจะมาทำให้สติปัญญานะคะหรือ
00:10:59 → 00:11:04 การมองเห็นทางออกของปัญหาของเขาเนี่ย
00:11:04 → 00:11:07 ท่าเรือลางอะไรเนี่ยเราก็จะมีหน้าที่ทำ
00:11:07 → 00:11:11 ให้มันชัดขึ้นนะคะแล้วก็ทำให้ถ้าดีที่สุด
00:11:11 → 00:11:15 นะก็คือทำให้คนที่มารับคำปรึกษาเนี่ยเขา
00:11:15 → 00:11:19 เห็นทางออกของปัญหาหรือคำตอบของปัญหาด้วย
00:11:19 → 00:11:25 ตัวเขาเองโดยที่มีเรานะคะเป็นผู้ช่วยนะคะ
00:11:25 → 00:11:29 อันเนี้ยเอ่ออันนี้จะเป็นการให้คำปรึกษา
00:11:29 → 00:11:33 ที่ดีที่สุดเลยนะก็คือง่ายๆนะว่ามีใครคน
00:11:33 → 00:11:36 นึงเนี่ยมีความเครียดนะมีความทุกข์เดิน
00:11:36 → 00:11:40 เข้ามาหาเรานะไว้วางใจเรานะว่าเราเองอยาก
00:11:40 → 00:11:44 จะรับฟังเขาได้นะคะแล้วเขากลับออกไปด้วย
00:11:44 → 00:11:47 หัวใจที่เบาสบายเพราะ
00:11:47 → 00:11:53 หมอเขาได้มีสติกลับมาและมองเห็นทางออกของ
00:11:53 → 00:12:01 ปัญหาด้วยตัวของเขาเองเออนะ
00:12:01 → 00:12:06 อันนี้อันนี้อาจจะแบบว่าจะแปลกจากที่เรา
00:12:06 → 00:12:09 เข้าใจนิดนึงนะคะเพราะว่าอะไรรู้มั้ย
00:12:09 → 00:12:13 เพราะว่าเอ่อในตัวของพวกเราทุกคนนะเรามี
00:12:13 → 00:12:17 ความรู้หน้าที่เป็นองค์ความรู้ของตัวเอง
00:12:17 → 00:12:20 เนี่ยอยู่แล้วทุกคนแล้วจริงๆเนี่ยคนที่จะ
00:12:20 → 00:12:23 รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไงได้ดีที่สุดเนี่ย
00:12:23 → 00:12:26 คือคนที่เจอปัญหาถูกมะมันไม่ใช่คนที่แค่
00:12:27 → 00:12:31 รับฟังปัญหาแล้วก็ก็รับฟังแค่บางช่วงต้น
00:12:31 → 00:12:33 ของปัญหาเท่านั้นนะคะอันนั้นเนี่ยถ้าเกิด
00:12:33 → 00:12:36 ว่าเราคิดว่าเราเป็นคนที่
00:12:36 → 00:12:39 guideline นะแนะนำถูกต้องที่สุดดีที่สุด
00:12:39 → 00:12:43 อันนี้ต้องระวังตัวเองอย่างยิ่งนะคะแล้ว
00:12:43 → 00:12:47 กระทั่งบอกนั่นเองนะก็น้อยมากนะที่เต็ม
00:12:47 → 00:12:53 ที่จะแบบโอเคบอกว่าควรจะต้องทำอย่างไรนะ
00:12:53 → 00:12:56 คะซึ่งกรณีเนี้ยก็ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีว่า
00:12:56 → 00:13:00 คนมาให้ขอให้ขอรับคำปรึกษานั้นเขาร้องขอ
00:13:00 → 00:13:03 เท่านั้นด้วยนะและไม่ใช่ว่าเราเองจะไปให้
00:13:03 → 00:13:08 แบบนั้นนะคะหาเนี่ยเอ่ออันนี้นะมันก็คือ
00:13:08 → 00:13:11 คือจิตตะวิทยาของการให้คำปรึกษานะคือการ
00:13:11 → 00:13:14 ที่เราต้องมีความเชื่อนะคะเราทุกคนมี EXP
00:13:14 → 00:13:18 10 โนเลตคือความรู้ส่วนตัวของเราที่พูด
00:13:18 → 00:13:22 ออกมาได้นะและ S และ
00:13:22 → 00:13:25 inting สิกโนเลจนะคือความรู้ภายในของตัว
00:13:25 → 00:13:29 เราซึ่งเรารู้แต่เราไม่เคยพูดออกมาดัง
00:13:29 → 00:13:35 นั้นผู้ที่นะคะให้คำปรึกษาคนอื่นเราควร
00:13:35 → 00:13:39 ดึงศักยภาพหรือความรู้ที่เป็นความรู้ภาย
00:13:39 → 00:13:42 ในที่เขาไม่เคยพูดออกมาเนี่ยให้พูดออกมา
00:13:42 → 00:13:47 ให้ได้นะคะนี่คือนี่คือการให้คำปรึกษานะ
00:13:47 → 00:13:49 ฮะ
00:13:49 → 00:13:54 โอเคเขานี้อย่างที่บอกนะการให้คำปรึกษา
00:13:54 → 00:13:58 ที่ดีที่สุดเนี่ยนั่นก็คือการที่คนที่มา
00:13:58 → 00:14:02 รับคำปรึกษาเนี่ยเขาเกิดปัญญาเป็นของตัว
00:14:02 → 00:14:06 เองนะคะโดยที่เราเคลียร์พื้นที่ให้ถึงมา
00:14:06 → 00:14:11 อ่ะตอนนี้แล้วกระบวนการน่ะมันจะเป็นอย่าง
00:14:11 → 00:14:14 ไรกันนะกระบวนการมันจะเป็นอย่างไรนะคะ
00:14:14 → 00:14:18 กระบวนการในการให้คำปรึกษาเนี่ยถ้ามอง
00:14:18 → 00:14:21 เป็นเป็นลูกสามเหลี่ยมนะหมอคิดว่ามันมัน
00:14:21 → 00:14:26 เป็นสามเหลี่ยมที่มันมีเขาเรียกว่าเสาร์
00:14:26 → 00:14:36 ล่ะนะ 3 เสาที่ต้องให้ความสำคัญอ่ะพร้อม
00:14:36 → 00:14:37 เฮ้อออ
00:14:37 → 00:14:42 อออหมอแปลกใจนะคะแป๊บนึงนะหมอปั๊กใจว่ามี
00:14:42 → 00:14:44 คนคอมเม้น
00:14:44 → 00:14:48 เรื่องเสียงเนาะเป็นระยะนะค่ะเดี๋ยวคุณ
00:14:48 → 00:14:52 แนนช่วยหมอดูหน่อยละกันนะว่าเรื่องเสียง
00:14:52 → 00:14:56 ของหมอมันมีปัญหาจริงหรือเปล่านะคุณแนน
00:14:56 → 00:14:59 กับคุณตองช่วยเช็คนิดนึงนะฟังฟังไปเสียง
00:14:59 → 00:15:00 จะเบาลง
00:15:00 → 00:15:05 นะหมอ
00:15:05 → 00:15:11 The god เสียงหมอจะเบาลงเหรอค่ะเคอ่ะ
00:15:11 → 00:15:16 We Are เดี๋ยวถ้าเกิดเสียงมันเบาลงก็
00:15:16 → 00:15:19 ช่วยฟิตแบบมาอีกทีนึงแล้วกันนะคะเพราะว่า
00:15:19 → 00:15:21 ตอนนี้ก็ตั้งปกติหน่อไม้ได้อยู่ตรงนี้นะ
00:15:21 → 00:15:23 เอ่อ
00:15:23 → 00:15:28 ปกตินะคะโอเคถ้างั้นจริงๆคุณคุณ
00:15:28 → 00:15:32 ณัฐชฎาอาจารย์จะจะลองเช็คตัวเองเนาะอย่า
00:15:32 → 00:15:36 คะเพราะว่าเพื่อนๆดูปกตินะเอาล่ะน้ากลับ
00:15:36 → 00:15:41 มาวันนี้แบบอ๋ออุ้ย you do we คอมเมนต์
00:15:41 → 00:15:44 เรื่องเสียงแปลกๆนะคะโอเคไม่เป็นไรเนอะ
00:15:44 → 00:15:48 เออถือเป็นสีสัตว์แล้วกันนะครับมากด้วย
00:15:48 → 00:15:52 อ่ะโอเคขอบคุณมากค่ะขอบคุณทุกคนนะคะคณะ
00:15:52 → 00:15:56 ช่วยเช็ค not OK งั้นเราไปกันต่อนะคะ
00:15:56 → 00:15:58 เพื่อเป็นการเสียเวลานะเรามาถึง 3 เสา
00:15:58 → 00:16:02 หลักของการให้คำปรึกษากันแล้วนะเสาหลัก
00:16:02 → 00:16:08 ที่ 1 นะคะนั่นก็คือความสัมพันธ์จ้ะเออ
00:16:08 → 00:16:12 อ่าเดี๋ยวเรามาอธิบายนะว่าเสาหลักนั้นใน
00:16:12 → 00:16:15 เรื่องของความสัมพันธ์เนี่ยมันคืออะไรนะ
00:16:15 → 00:16:21 อันที่สองนะคะก็คือสกิลค่ะทักษะที่เราจะ
00:16:21 → 00:16:24 ต้องมีนะเพราะพูดถึงเรื่องทักษะเนี่ยก็จะ
00:16:24 → 00:16:28 เห็นว่ามอเตอร์เนี่ยพูดถึงความสุขเป็น
00:16:28 → 00:16:32 ทักษะใช่ไหมเออการที่เรามีความสุขเป็น
00:16:32 → 00:16:35 ทักษะจริงๆความสำเร็จก็เป็นทักษะนะและยัง
00:16:35 → 00:16:38 เข้าไปทักษะนั่นหมายความว่าจริงๆเราอ่ะ
00:16:38 → 00:16:40 ค่ะสามารถที่จะเป็นทุกหลังที่เราอยากเป็น
00:16:40 → 00:16:44 ได้นะเพียงแค่เราต้องให้เวลาแล้วก็ฝึกมัน
00:16:44 → 00:16:47 ฝึกมันบ่อยๆนะคะการให้คำปรึกษาก็เป็น
00:16:47 → 00:16:49 ทักษะเช่นกันค่ะ
00:16:49 → 00:16:53 ต่อมานะเสาสุดท้ายเสาร์ที่ 3 เนี่ยก็
00:16:53 → 00:16:57 เรียกว่า Stage นะคะก็คือเอ่อเหมือนกับ
00:16:57 → 00:17:02 มันต้องมีลำดับขั้นตอนอย่างไรกันบ้างนะคะ
00:17:02 → 00:17:06 ก็จะมี 3 เสาด้วยกันนะคะที่เราก็ควรที่จะ
00:17:06 → 00:17:11 เห็นภาพรวมไว้ดีนะมาที่เสาที่ 1 ก่อนแล้ว
00:17:11 → 00:17:15 กันนั้นก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ค่ะ
00:17:15 → 00:17:18 เรื่องความสำคัญเนี่ยต้องบอกว่ามันเป็นนำ
00:17:18 → 00:17:22 หรือวันเลยนะที่จะบอกว่าการให้คำปรึกษา
00:17:22 → 00:17:26 ครั้งนะเนี่ยจะดีหรือไม่ดีอันนี้อย่างที่
00:17:26 → 00:17:30 ตามของข้อนะมาบอกว่าการให้คำปรึกษาตัวเอง
00:17:30 → 00:17:34 และคนรอบข้างใช่ไหมแต่งั้นหมายความว่านะ
00:17:34 → 00:17:36 ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตัวเอง
00:17:36 → 00:17:40 อย่างเช่นอะไรอย่างเช่นการที่เราสะกดจิต
00:17:40 → 00:17:43 ตัวเองเรียบร้อยเลยนะว่าฉันไม่ดีฉันไม่
00:17:43 → 00:17:48 เก่งนะฉันดีไม่พอฉันเก่งไม่พอฉันทำไม่ได้
00:17:48 → 00:17:52 หรอกอะไรเนี่ยนะคะอันเนี้ยคือความอันนี้
00:17:52 → 00:17:56 ก็เป็นความสัมพันธ์ของตัวเองที่กับตัวเอง
00:17:56 → 00:17:59 ที่ไม่ดีนะเนี่ยแล้วการที่เรานะไม่มีพื้น
00:17:59 → 00:18:02 ฐานการที่เราเคารพตัวเองได้นะในเบื้องต้น
00:18:02 → 00:18:07 นะเห็นสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีและทำได้ไม่ดี
00:18:07 → 00:18:11 อ่ะนะฮะมีความชอบตัวเองแล้วรู้ว่าตัวเอง
00:18:11 → 00:18:14 ชอบอะไรและรู้ว่าเออฉันไม่ชอบอะไรในตัว
00:18:14 → 00:18:19 เองนะถ้าเกิดว่าเรานะคะไม่ไม่ได้ไม่ได้
00:18:19 → 00:18:23 มองตัวเองเป็นกลางแบบเนี้ยนะเราก็ต้องบอก
00:18:23 → 00:18:26 ว่าเราก็ช่วยตัวเองได้ยากมากนะคะช่วยตัว
00:18:26 → 00:18:27 เองได้ยากมาก
00:18:27 → 00:18:32 แต่ถ้าเกิดว่านะเรามีความสัมพันธ์ที่ดี
00:18:32 → 00:18:37 กับตัวเองเราสามารถชื่นชมตัวเองได้นะใน
00:18:37 → 00:18:39 บางครั้งคราวไม่ใช่ครั้งหรอกที่เราจะชม
00:18:39 → 00:18:43 ตัวเองใช่ไหมคะเออเรารู้สึกดีกับตัวเอง
00:18:43 → 00:18:47 ได้นะเราภูมิใจกับตัวเองได้นะได้บาง
00:18:47 → 00:18:50 เรื่องนะคะอันนี้เป็นสัญญาณว่ารอจะมีความ
00:18:50 → 00:18:53 สัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองนะนะคะในขณะที่กับ
00:18:53 → 00:18:56 คนอื่นเหมือนกันนะคะและหน้าเราก็จะสังเกต
00:18:56 → 00:18:58 ว่าทำไมนะ
00:18:58 → 00:19:04 มีคนใกล้ตัวเราเนี่ยถึงคนที่ที่เราเนี่ย
00:19:04 → 00:19:07 ก็ไม่ค่อยจะอยากไปปรึกษาเท่าไหร่ใช่ไหม
00:19:07 → 00:19:08 เออ
00:19:08 → 00:19:11 เวลาเราจะให้คำปรึกษาอย่างไม่ปรึกษาเนี่ย
00:19:11 → 00:19:15 เนี่ยเราก็จะมองถึงคนข้างนอกนะจริงไม่
00:19:15 → 00:19:18 ค่อยรู้จักกันมากเท่าไหร่ยิ่งดีนะแค่รู้
00:19:18 → 00:19:20 ว่าเออเขาน่าจะเก่งด้านนี้ก็ยิ่งดีใหญ่
00:19:20 → 00:19:25 เลยนะคะเนี่ยคือเขาเรียกว่าความทรงจำนะ
00:19:25 → 00:19:29 หรือหรือทัศนคติที่มีต่อกันเนี่ยสำคัญมาก
00:19:29 → 00:19:33 เพราะฉะนั้นเนี่ยบอกเลยนะว่ากินอพาทย์นะ
00:19:33 → 00:19:40 คะเป็นเอ่อแพทย์เฉพาะทางนะคะอย่างหนึ่ง
00:19:40 → 00:19:45 ที่เราเนี่ยต้องเลือกกันและกันนะหมายถึง
00:19:45 → 00:19:47 ว่าคนไข้เองก็ต้องเลือกหมอแล้วหมอก็ต้อง
00:19:47 → 00:19:50 เลือกคนไข้นะคะเพื่อที่ว่าเพราะว่าอะไร
00:19:50 → 00:19:53 เพราะว่าถ้าเกิดสมมติว่านะเรื่องราวของคน
00:19:53 → 00:19:57 ไข้คนนั้นเนี่ยมีหรือคนที่มาขอรับคำ
00:19:57 → 00:20:01 ปรึกษาเนี่ยแต่ก็มีบางเรื่องที่มันไปตรง
00:20:01 → 00:20:05 กับเรื่องราวที่ตัวหมอเองนะคะก็ยังก้าว
00:20:05 → 00:20:08 ข้ามมันไม่ค่อยได้นะหรือยังมีปัญหากับลูก
00:20:08 → 00:20:11 นั้นอยู่เหมือนกันอันนี้เราจะให้คำปรึกษา
00:20:11 → 00:20:16 กันไม่ได้ละนะคะอันเนี้ยอันนี้เป็นเอ่อ
00:20:16 → 00:20:20 เป็นข้อจำกัด 1 นะคะในการให้คำปรึกษา
00:20:20 → 00:20:24 เหมือนกันนะคะว่าเนี่ยการที่เรามีความ
00:20:24 → 00:20:28 สัมพันธ์ที่ดีคือจุดเริ่มต้นนะของการให้
00:20:28 → 00:20:31 คำปรึกษาที่ดีนะคะ
00:20:31 → 00:20:33 แล้ว
00:20:33 → 00:20:37 ความสัมพันธ์ที่ดีเนี่ยมันจะเกิดขึ้นได้
00:20:37 → 00:20:42 ยังไงนะถ้านอกเหนือจากการที่เราเองอ่าก็
00:20:42 → 00:20:46 คือไม่ได้แบบมาเห็นหน้ากันครั้งแรกแล้ว
00:20:46 → 00:20:49 รู้สึกหมั่นไส้ฉันเฮ้ยนะไม่ถูกจะตาอะไร
00:20:49 → 00:20:52 อย่างนี้หน้าเกิดทัศนคติที่เชิงลบทันทีนะ
00:20:52 → 00:20:57 คะนั้นเราก็ต้องเออ
00:20:57 → 00:20:59 แต่เราก็ต้องมาดูนะว่า
00:20:59 → 00:21:03 การที่เราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้นะ
00:21:03 → 00:21:09 คะหนึ่งนะคะหนึ่งก็คือตัวคนที่เป็นคนที่
00:21:09 → 00:21:13 จะให้คำปรึกษาคนอื่นเนี่ยก็ต้องต้องบอก
00:21:13 → 00:21:14 ว่า
00:21:14 → 00:21:19 ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเขาปลอดภัยเพราะ
00:21:19 → 00:21:23 สังเกตไหมว่าถ้าเกิดสมมติว่านะอ่อนง่ายๆ
00:21:23 → 00:21:27 ว่าถ้าเรากลัวแบบคุณพ่อเนี่ยเป็นคนดุมาก
00:21:27 → 00:21:32 เลยนะหรือว่าเจ้านายเนี่ยโอ้โหกับดุมากนะ
00:21:32 → 00:21:36 ใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงอ่ะอารมณ์เสีย
00:21:36 → 00:21:39 หัวร้อนเนี่ยแน่นอนนะเราก็จะรู้สึกว่าแม่
00:21:39 → 00:21:41 ไม่อยากจะมีปัญหาเลยเดี๋ยวรู้สึกไม่ปลอด
00:21:41 → 00:21:44 ภัยงั้นมีปัญหาอะไรก็จะไม่อยากพูดใช่ไหม
00:21:44 → 00:21:46 ในก็คือความรู้สึกที่เราไม่ของฟอร์ดแล้ว
00:21:46 → 00:21:53 นะงั้นการที่เราอยากให้ใครคนนึงนะคะเขาก็
00:21:53 → 00:21:56 มีความสำคัญที่ดีเราต้องสร้างพื้นที่ที่
00:21:56 → 00:21:58 ทำให้เขารู้สึกแน่ใจเหมือนกัน
00:21:58 → 00:22:02 รอยยิ้มของเราเดี๋ยวแววตาของเรา
00:22:02 → 00:22:06 ทัศนคติของเราที่มีต่อเขาแล้วไม่ใช่แบบ
00:22:06 → 00:22:10 ว่าแม้เล็งไม่ทำอะไรผิดมากแล้วนะก็บอก
00:22:10 → 00:22:14 แล้วใช่ไหมเตือนแล้วใช่ไหมใว้ไม่เชื่อ
00:22:14 → 00:22:18 เป็นไงล่ะนะเป็นไงคะโอ๊ตจบเลยนะจบตั้งแต่
00:22:18 → 00:22:20 คิดอยู่ในใจแล้วนะคะความสัมพันธ์จบแต่
00:22:20 → 00:22:22 ความคิดอยู่ในใจแล้ว
00:22:22 → 00:22:26 เหมือนกันนะเป็นคุณพ่อคุณแม่เนี่ยนะถ้า
00:22:26 → 00:22:29 ปรับเอาลูกทำผิดมานะก็คือเป็นไงล่ะเตือน
00:22:29 → 00:22:33 แล้วนะแล้วเนี่ยอันนี้บางทีไม่ต้องพูดนะ
00:22:33 → 00:22:36 มันเป็นพลังงานออกมาเลยนะคะก็จะทำให้รู้
00:22:36 → 00:22:42 สึกนะไม่เขาเรียกว่าไม่ปลอดภัยนั้นในใจนะ
00:22:42 → 00:22:45 คะว่าเนี่ยเราต้องทำพื้นที่ให้ปลอดภัยนะ
00:22:45 → 00:22:49 เริ่มจากอะไรเริ่มจากทัศนคติของเรานะคะก็
00:22:49 → 00:22:54 คือทุกคนเนี่ยเป็นมนุษย์นะที่พาได้ผิดได้
00:22:54 → 00:22:59 นะไม่มีใครเพอร์เฟคหรอกนะและทุกๆที่ 2 นะ
00:22:59 → 00:23:03 ทุกๆอย่างทุกๆการกระทำมันมีที่มาที่ไปนะ
00:23:03 → 00:23:06 คะต่อให้เขาทำผิดมาเนี่ยมันก็คงมีอะไรบาง
00:23:06 → 00:23:09 อย่างที่ทำให้เขาจะต้องทำแบบนั้นเดี๋ยว
00:23:09 → 00:23:12 เราลองมาทำความเข้าใจสีนะคะนั้นทัศนคติ
00:23:12 → 00:23:16 แบบนี้ล่ะค่ะหรือเออเรารู้ว่าเขามีปัญหา
00:23:16 → 00:23:19 โอ้เรามีความปรารถนาดีที่จะช่วยเหลือเขา
00:23:19 → 00:23:23 แล้วบางทีทัศนคติแค่นี้นะแววตาของเรานะ
00:23:23 → 00:23:26 ที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจนะคะรอยยิ้มของ
00:23:26 → 00:23:30 เรานะที่เปิดรับเพื่อที่จะรอฟังเขานะคะ
00:23:30 → 00:23:34 ท่าทีของเราที่ดูเป็นมิตรอันนี้คือการ
00:23:34 → 00:23:37 สร้างพื้นที่ปลอดภัยนะทั้งภายนอกและภายใน
00:23:37 → 00:23:39 แล้วนะคะ
00:23:39 → 00:23:40 ถ้า
00:23:40 → 00:23:44 เอาแม่นะองค์ประกอบนะที่
00:23:44 → 00:23:49 2 เนี่ยก็คือความรู้สึกนะวันก็จะทำให้
00:23:49 → 00:23:53 เขารู้สึกอบอุ่นและทำรู้สึกอบอุ่นเนี่ยก็
00:23:53 → 00:23:57 เกิดได้นะคะจากนี่แหละเออกันเปิดคำถามนะ
00:23:57 → 00:24:01 อ่าเป็นยังไงบ้างวันนี้มีอะไรให้ช่วยนะคะ
00:24:01 → 00:24:05 น้องเสียงใช่ไหมคะท่าทางและสิ่งเหล่านี้
00:24:05 → 00:24:09 เนี่ยมาทำให้เกิดนอกจากปลอดภัยแล้วต้อง
00:24:09 → 00:24:12 รู้สึกอุ่นใจด้วยเนี่ยภาษาหมอก็จะบอกว่า
00:24:12 → 00:24:14 เอ่อต้องเกิด
00:24:14 → 00:24:18 เขาเรียกว่ารู้สึก Comfort นะแล้วก็มีรู้
00:24:18 → 00:24:23 สึกดีรับพอและสุดท้ายนะคะมันจะทำให้คนสอง
00:24:23 → 00:24:27 คนนะคะที่กำลังจะมาพูดคุยปรับทุกข์กัน
00:24:27 → 00:24:31 เนี่ยนะเขา Connect กันได้เรา Connect
00:24:31 → 00:24:36 กันได้นะค่ะฉันเดียวกันนะกับตัวเราเองนะ
00:24:36 → 00:24:40 สมมติว่าเราเองเนี่ยเออไม่มีใครมีสาร
00:24:40 → 00:24:43 เนี่ยงั้นหนึ่งก็คือเราก็ต้องเชื่อเนาะ
00:24:43 → 00:24:46 ว่าตัวเองเนี่ยก็คงมีศักยภาพอะไรบางอย่าง
00:24:46 → 00:24:50 นะต้องชื่อว่าเรามีศักยภาพมาพอที่จะผ่าน
00:24:50 → 00:24:54 ปัญหานี้ไปได้นะคะแล้วเราก็ไม่ใช่คนที่
00:24:54 → 00:24:59 เพอร์เฟคที่สุดนะแล้วเราก็เอ่อ
00:24:59 → 00:25:03 สามารถที่จะใช้ชีวิตเพื่อการเรียนรู้ได้
00:25:03 → 00:25:06 นี่นะแต่เรา
00:25:06 → 00:25:09 ไม่ได้ทำอะไรแล้วแต่สินใจอะไรเพื่อที่จะ
00:25:09 → 00:25:13 ทำร้ายตัวเองดูไหมคะและอันนี้ก็คือเป็น
00:25:13 → 00:25:16 การเขาเรียกว่าสร้างพื้นที่ปลอดภัยช่าง
00:25:16 → 00:25:17 การ Connect ความเชื่อใจให้กับตัวเองเช่น
00:25:17 → 00:25:19 เดียวกัน
00:25:19 → 00:25:24 แล้วก็แน่นอนนะอันนี้อันนี้เป็น 3 อัน
00:25:24 → 00:25:25 นั้นก็คือ
00:25:25 → 00:25:29 Comfort นะแร็พพอคอนเนคนะคือสิ่งที่จะ
00:25:29 → 00:25:32 ต้องสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์
00:25:32 → 00:25:36 ที่ดีนะคะเหนือสิ่งอื่นใดนะเดี๋ยวสิ่ง
00:25:36 → 00:25:37 อื่นใดเนี่ย
00:25:37 → 00:25:38 มี
00:25:38 → 00:25:41 ความสัมพันธ์ที่ดีก็จะเกิดขึ้นได้จากการ
00:25:41 → 00:25:45 ที่เราต้องยอมรับนะเรายอมรับตัวเองเรายอม
00:25:45 → 00:25:48 รับคนที่อยู่ตรงหน้านะคะไม่ว่าเขาจะทำ
00:25:48 → 00:25:52 อะไรผิดมานะคะเราอย่าเพิ่งไปตัดสินเขานะ
00:25:52 → 00:25:57 ว่าไอ้สิ่งที่เขามาปรึกษาเราให้ทำอย่าง
00:25:57 → 00:25:59 นั้นได้ยังไงเฮ้ยไปทำอย่างนี้ได้ไงให้มัน
00:25:59 → 00:26:03 ไม่ควรนะเว้ยมันไม่รู้หรออย่างเงี้ยนะคือ
00:26:03 → 00:26:05 อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องระวังเหมือนกัน
00:26:05 → 00:26:08 นะไม่น่าจะเผลอคิดได้นะจะคุณต้องดูให้ทัน
00:26:08 → 00:26:10 นะคะเมื่อไหร่ที่คุณรู้ไม่ทันแล้วหน้า
00:26:10 → 00:26:14 นิ่วคิ้วขมวดแล้วตัดสิ่งก็ไปทันทีว่าเธอ
00:26:14 → 00:26:19 มันแย่มากการที่คำปรึกษาจบทันทีนะจ๊ะจะ
00:26:19 → 00:26:22 บอกให้
00:26:22 → 00:26:28 หน้าเสาหลักที่ 1 เรียบร้อยไปแล้วนะคะมา
00:26:28 → 00:26:32 ถึงเสาหลักที่ 2 แล้วนะตามทันไหมนะคะ R
00:26:32 → 00:26:35 ตามทันไหม
00:26:35 → 00:26:38 หอพักหายใจนิดนึง
00:26:38 → 00:26:42 รู้สึกว่าเร่งสปีดเหลือเกินเหรอบอกใครใจ
00:26:42 → 00:26:46 ดีนึงโอเคมาที่
00:26:46 → 00:26:50 เปิดมาที่เสาหลักที่สองก็คือเรื่องของ
00:26:50 → 00:26:56 ทักษะนะคะเรื่องของทักษะเนี่ยเอ่อ
00:26:56 → 00:27:00 หลักๆเลยนะหมอคิดว่าทักษะ
00:27:00 → 00:27:04 มาที่สงครามที่สุดของการให้คำปรึกษาเนี่ย
00:27:04 → 00:27:09 แต่ไม่ใช่ว่าเราจะพูดยังไงเพื่อให้เขารู้
00:27:09 → 00:27:13 สึกดีนะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดแบบนี้นะ
00:27:13 → 00:27:16 ว่าแหมอีกฉันจะซื้อจะต้องพูดยังไงจะต้อง
00:27:16 → 00:27:19 ใช้คำพูดอะไรเอ่อ
00:27:19 → 00:27:24 ต้องเป็นคำพูดที่สวยหรูๆแค่ไหนอะไรเงี้ย
00:27:24 → 00:27:28 ต้องบอกว่าอันนี้นะคะไม่จำเป็นเลยแล้วก็
00:27:28 → 00:27:31 ต้องต้องระวังด้วยนะแต่ในขณะเดียวกันนะคะ
00:27:31 → 00:27:37 ทักษะสำคัญที่เราจะต้องใช้นะหลักๆเลยก็
00:27:37 → 00:27:42 คือเรื่องของการฟังค่ะซึ่งกันฟังเนี่ยมี
00:27:42 → 00:27:45 อยู่ 2 อย่างสำคัญนะก็คือการฟังแบบดิสก์
00:27:45 → 00:27:49 นิ่งนะอ่ะใครเคยได้ยิน
00:27:49 → 00:27:53 มีการฟังอย่างลึกซึ้งบ้างหน่อยค่ะใครเคย
00:27:53 → 00:27:58 ได้ยินคำนี้ไหนกด 1 ให้หมอดูหน่อยนะใคร
00:27:58 → 00:28:03 ไม่เคยได้ยินกดสองเหรอ
00:28:03 → 00:28:07 Deep Listening นะใครเคยได้ยินกด 1 ใคร
00:28:07 → 00:28:12 ไม่เคยได้ยินกด 2 นะคะ
00:28:12 → 00:28:18 อามีแต่คนเคยได้ยินนะดีจังเลย
00:28:18 → 00:28:22 แต่น้าดีจังเลยอ่ะค่อยดีแล้วเนาะอามีคน
00:28:22 → 00:28:25 ไม่เคยได้ยินหนึ่งอ่ะคะโอเคหมอจะได้รู้
00:28:25 → 00:28:26 ว่าจะต้อง
00:28:26 → 00:28:29 อาจเปลี่ยนถ้าเกิดคุณต้องบอกว่าไม่เคยได้
00:28:29 → 00:28:32 ยินนี่หมดจะตามไปตีตูดนะที่ชลบุรีเลยนะคะ
00:28:32 → 00:28:38 ฮ่าๆ
00:28:38 → 00:28:40 อ้าวเห็น
00:28:40 → 00:28:44 ดีมากเลยนะโดยส่วนใหญ่เนี่ยก็ต้องบอกว่า
00:28:44 → 00:28:48 โดยส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินกันนะคะเคยได้ยิน
00:28:48 → 00:28:52 เรื่องของดิสนีย์ not อาสำหรับคนที่ไม่
00:28:52 → 00:28:55 เคยได้ยินนะคะก็ขยายความให้ฟังสักนิดนึง
00:28:55 → 00:28:59 เหรอคะนั้นก็คือว่าเอ่อ
00:28:59 → 00:29:03 อ่าหยิบ Listening ก็คือการที่เราตั้งใจ
00:29:03 → 00:29:07 ค่ะที่จะรับฟังใครสักคนหนึ่ง
00:29:07 → 00:29:12 โดยอย่างที่บอกนะยอมรับกับประสบการณ์ที่
00:29:12 → 00:29:15 เกิดขึ้นกับตัวเขานะว่ามันเป็นประสบการณ์
00:29:15 → 00:29:21 ของเขานะคะไม่มีถูกไม่มีผิดนะคะแล้วก็ไม่
00:29:21 → 00:29:27 ตัดสินนะงั้นการฟังนะคะโดยที่เคารพและใน
00:29:27 → 00:29:31 ประสบการณ์ของเขาไม่มีถูกไม่มีผิดแล้วก็
00:29:31 → 00:29:34 ไม่ตัดสินเนี้ยนะคะและที่สำคัญนะต้องให้
00:29:34 → 00:29:37 เวลาด้วยต้องให้เวลาที่จะฟังนะคะงั้น
00:29:37 → 00:29:41 เนี่ยนักเรียนนะที่เรียนในเรื่องของ Deep
00:29:41 → 00:29:46 Listening กับหมอเอิญเนี่ยต้องบอกว่าเรา
00:29:46 → 00:29:50 ยังน้อยนี่หานะต้องนั่งฟังคนโดยไม่ต้อง
00:29:50 → 00:29:53 พูดอะไรเลยเนี่ยนะฟังเขาอย่างเดียวนะเรา
00:29:53 → 00:29:56 อยู่กับสติของตัวเองเนี่ยอย่างน้อย 5
00:29:56 → 00:29:59 นาทีเลยนะหัวเราะจะเห็นปรากฏการณ์มากมาย
00:29:59 → 00:30:03 ในขอเพลงหน่อยนะคะเอาแค่นี้พอเราฟังแล้ว
00:30:03 → 00:30:05 เนี่ยเราต้องได้อะไร
00:30:05 → 00:30:09 การฟังแบบดิสก์นิ่งสิ่งที่เราจะต้องได้
00:30:09 → 00:30:13 คือเราจะต้องได้ยินว่าคนที่มาปรึกษาเรา
00:30:14 → 00:30:19 เขากำลังคิดอะไรนะนะคะเขากำลังความคิดนี้
00:30:19 → 00:30:21 ทำให้เขารู้สึกอย่างไร
00:30:21 → 00:30:26 แล้วความรู้สึกนี้เนี่ยมันทำให้เขาแสดง
00:30:26 → 00:30:28 พฤติกรรมอะไรออกมา
00:30:28 → 00:30:32 อ่ะนะทั้งหมดทั้งมวลเนี้ยเพราะลึกแล้วใน
00:30:32 → 00:30:37 หัวใจเขาต้องการอะไรอยู่อ่ะเป็นไงลึกไหม
00:30:37 → 00:30:41 เนอะโอ้โห้เนี่ยอันนี้ก็ต้องใช้เวลานะคะ
00:30:41 → 00:30:44 ต้องใช้เวลานั่นการฟังแบบ Deep Listening
00:30:44 → 00:30:45 เนี่ยมันต้อง
00:30:45 → 00:30:49 มันต้องลึกเข้าไปมากกว่า
00:30:49 → 00:30:55 คำที่เขาพูดออกมานะคำคำพูดเนี่ยแค่ไม่กี่
00:30:55 → 00:30:58 คำเนี่ยแต่มันต้องสะท้อนไปในเรื่องของ
00:30:58 → 00:31:01 ความรู้สึกนั้นมาถึงบอกว่าจริงๆเรื่อง
00:31:01 → 00:31:04 พรุ่งนี้มันเป็นทักษะนะคะแต่ไม่ได้หมาย
00:31:04 → 00:31:08 ความว่าวันนี้พวกเราฟังหมอเปิ้ลนะโว้ย
00:31:08 → 00:31:13 เนี่ยไลค์กันเอ่อ 1 ชั่วโมงเต็มแล้วเรา
00:31:13 → 00:31:15 กลับไปทำได้เลยเนี่ยบอกว่าอาจจะยังไม่ได้
00:31:15 → 00:31:21 นะคะไม่ต้องไปฝึกนะและก็อ่า
00:31:21 → 00:31:25 มีอะไรนะคุณปอบอกว่าต้องมีการ์ดคำด้วยคะ
00:31:25 → 00:31:31 ฮ่าๆๆเฮ้ยๆไม่ต้องมีก๊าซให้กินตองแหม
00:31:31 → 00:31:34 เรียนแล้วต้องเก่งแล้วนะคะคุณคุณต้องเป็น
00:31:34 → 00:31:38 เอ่อนักเรียนนะด้านการฟังของหมอนะวัน
00:31:38 → 00:31:41 เนี้ยคือต้องเก่งแล้วแล้วต้องเก่งแล้วนะ
00:31:41 → 00:31:44 อันนี้พอเข้าใจ Concept ของดีดนะนะคะ
00:31:44 → 00:31:47 เพื่อเนี้ย Deep เนี่ยเป็นการปล่อยเวลานะ
00:31:47 → 00:31:50 ปล่อยเวลาเนี่ยไม่ได้ปล่อยเวลาให้สูญ
00:31:50 → 00:31:53 เปล่าแต่ปล่อยเวลาในการที่เรานะทำความ
00:31:53 → 00:31:59 เข้าใจนะคนที่มาขอมาขอรับคำปรึกษาจากเรา
00:31:59 → 00:32:02 นี้นะนะคะดังนั้นเอาแล้วถ้าเกิดเป็นตัว
00:32:02 → 00:32:06 เราเองล่ะนะถ้าเป็นตัวเราเองนะคะ
00:32:06 → 00:32:12 โอ้นี่เลยหมอแนะนำนะให้เอากระดาษปากกาค่ะ
00:32:12 → 00:32:16 น้ำขึ้นมาเลยนะแล้วก็ลอง
00:32:16 → 00:32:20 วางนะระวังกล่องนะของตัวเองนะหนึ่งก็คือ
00:32:21 → 00:32:24 มันเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นนะลองเขียน
00:32:24 → 00:32:27 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นลงไปนะคะ 2 ก็คือลอง
00:32:27 → 00:32:29 ดูสิสถานการณ์นี้เนี่ยมันทำให้ฉันเกิด
00:32:29 → 00:32:35 ความคิดอะไรนะก็พอได้ความคิดและลองดูซิ
00:32:35 → 00:32:39 เออเวลาที่ฉันคิดอย่างนี้เนี่ยมันทำให้
00:32:39 → 00:32:45 ฉันรู้สึกยังไงนะนะแล้วฉันทำอะไรลงไปแล้ว
00:32:45 → 00:32:48 จริงๆฉันต้องการลายอ่ะพอถึงตรงนี้อย่าง
00:32:48 → 00:32:50 นี้ละกันหมอยกตัวอย่าง Case เลยละกันตอน
00:32:50 → 00:32:54 แรกหมอจะยกตัวอย่างตอนท้ายในคะแต่ว่า
00:32:54 → 00:32:57 เพื่อให้พวกเราเนี่ยเห็นภาพกันไปด้วย
00:32:57 → 00:33:01 เนี่ยว่าเดี๋ยวเอาใส่เนื้อหาไปเรื่อยๆ
00:33:01 → 00:33:04 เนี่ยเพราะตอนตอนท้ายเดี๋ยวมึงก็นอนละนอน
00:33:04 → 00:33:08 หลับประเมินก่อนนะถ้างั้นเดี๋ยวยกตัว
00:33:08 → 00:33:11 อย่างเคสให้ฟังนะก็คือ
00:33:11 → 00:33:14 อย่างล่าสุดนะเอ่อ
00:33:14 → 00:33:16 หมอก็มี
00:33:16 → 00:33:20 ว่าเป็นผู้บริหารนะคะก็มาขอรับคำปรึกษา
00:33:20 → 00:33:23 เหมือนกันเพราะว่ารู้สึกเครียดมากนะ
00:33:23 → 00:33:27 เครียดมากจากการที่บริษัทเนี่ยได้รับ
00:33:27 → 00:33:31 โปรเจคใหญ่มา Project หนึ่งซึ่งต้องบอก
00:33:31 → 00:33:35 ว่าเป็นโปรเจคใหญ่นะที่ถ้าทำสำเร็จเนี่ย
00:33:35 → 00:33:39 จะมีผลที่ดีกับบริษัทแต่ถ้าเกิดแต่
00:33:39 → 00:33:43 ประเด็นสำคัญก็คือว่ามันมีงานหลายๆส่วน
00:33:43 → 00:33:47 ซึ่งบริษัทเขาไม่ได้ขณะเนี่ยบริษัทนี้
00:33:47 → 00:33:49 เป็นบริษัทคอนเซาท์ในเพราะฉันให้คำปรึกษา
00:33:49 → 00:33:52 นะแต่ว่าแล้วก็ในเรื่องของการวางกลยุทธ
00:33:52 → 00:33:55 อันนี้ตัว
00:33:55 → 00:34:00 ว่าตัวมันมีงานบางอย่างไรนั้นอ่ะที่ตัว
00:34:00 → 00:34:04 บริษัทเองอาจจะไม่ได้ถนัดหนักๆนะคะแต่
00:34:04 → 00:34:07 เป็นสิ่งที่อยากเรียนรู้เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:34:07 → 00:34:11 ก็รู้สึกว่าว่าจะต้องรับงานนี้เพื่อมาทำ
00:34:11 → 00:34:14 ตอนแรกก็ประเมินแล้วนะบอกก็รู้ว่าเป็นงาน
00:34:15 → 00:34:20 ยากนะแต่พอไปทำจริงๆโอ้โหยากกว่าที่คิดนะ
00:34:20 → 00:34:25 ประมาณ 3 เท่านั้นไม่พอนะคะไม่พอ
00:34:25 → 00:34:29 เอ่อต้องบอกว่าโดยพื้นฐานนะต้องโดยบอกว่า
00:34:29 → 00:34:32 โดยพื้นฐานเนี่ยก็คือเอ่อผู้บริหารคน
00:34:32 → 00:34:36 เนี้ยเขาก็จะเป็นโทรแฟชั่นนิสหน่อยเลยนะ
00:34:36 → 00:34:39 ก็ไม่หน่อยและมากเลยนะซึ่งจากการที่
00:34:39 → 00:34:43 มาเรียนรู้ตัวเองมากขึ้นก็โอเคแล้วไม่
00:34:43 → 00:34:45 เห็นแล้วว่าจริตของตัวเองเนี่ยเป็นโพล
00:34:45 → 00:34:49 แฟชั่นดิสก์แล้วก็เริ่มที่จะอนุญาตให้ตัว
00:34:49 → 00:34:53 เองเนี่ยผิดได้พลาดได้บ้างนะคะแต่ 8 ต้อง
00:34:53 → 00:34:56 บอกว่าความคุ้นเคยนะก็จะทำให้ทีเดียวกับ
00:34:56 → 00:34:58 ที่สมบท Position Is You Boy ถูกมั้ย
00:34:58 → 00:35:01 แน่นอนโทรเฟชนี้สิเนี่ยไม่ชอบมองเห็นตัว
00:35:01 → 00:35:06 เองที่ทำอะไรผิดพลาดแน่นอนนะคะแต่เกาะนะ
00:35:06 → 00:35:10 เนี้ยเขาก็จะภูมิใจในตัวเองมากๆเลยและที่
00:35:10 → 00:35:14 สามารถที่จะผ่านอะไรยากมาได้อยู่เสมอนะคะ
00:35:14 → 00:35:17 ดังนั้นเนี่ยก็จะเป็นคนที่มั่นใจในการทำ
00:35:17 → 00:35:21 งานสูงมากไงยังไงก็ผ่านได้ยากแค่ไหนก็
00:35:21 → 00:35:26 ผ่านได้จนกระทั่งวันที่จะต้องประชุมนัด
00:35:26 → 00:35:30 แรกกับลูกค้านี้ทันส่งงานน่ะค่ะปรากฏว่า
00:35:30 → 00:35:33 นะนอกจากงานที่รู้สึกยากขึ้นประมาณ 3
00:35:33 → 00:35:38 เท่าเนี้ยกลายเป็นลูกค้าเองเนี่ยก็เยอะไป
00:35:38 → 00:35:42 อีกประมาณ 10 เท่านั้นเอออ่ะ
00:35:42 → 00:35:44 เออ
00:35:44 → 00:35:48 ลูกค้าเยอะไปอีกนะประมาณ 10 เท่าเที่ยว
00:35:48 → 00:35:53 ไม่พอนะยังอย่างเวลาการประชุมเนี่ยก็ใช้
00:35:53 → 00:35:57 คำพูดแล้วก็ถ้อยคำเนี่ยสิ่งที่ค่อนข้างดู
00:35:57 → 00:36:03 ถูกนะแล้วก็เป็นเป็นคำพูดที่เอ่อค่อนข้าง
00:36:03 → 00:36:06 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยเจอ
00:36:06 → 00:36:10 เนี่ยคะแล้วนะเนี่ยแล้วคณิตพอไม่ว่าจะ
00:36:10 → 00:36:14 เป็นคำว่าคำว่าแย่อะไรอย่างเงี้ยซึ่ง
00:36:14 → 00:36:16 ทำงานมา 20 ปีอ่ะไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
00:36:16 → 00:36:20 เนี่ยมันเงียบโขออกมาจากห้องประชุมเนี่ย
00:36:20 → 00:36:25 นะมันหูตัวมันเหี่ยวใจมันเหี่ยวเที่ยวไม่
00:36:25 → 00:36:30 พอสั่นด้วยนะไม่รู้สั่นเพราะอะไรนะคะพอมา
00:36:30 → 00:36:34 ดูเนื้องานอ้าวพอมันรู้นะงานค่อยลูกน้อง
00:36:34 → 00:36:38 ทำผิดจริงๆด้วยอ่ะธนาคารลูกน้องทำงานผิด
00:36:38 → 00:36:42 พลาดจริงๆอย่างที่ลูกค้าติ่งลูกค้าก็สิ่ง
00:36:42 → 00:36:46 รุนแรงลูกน้องทำผิดพลาดจริงไม่สมบูรณ์แบบ
00:36:46 → 00:36:53 จริงนะในขณะที่ตัวเองเนี่ยก็เอ่อรู้สึก
00:36:53 → 00:36:55 ห่อเหี่ยวแล้วนะ
00:36:55 → 00:36:58 ก็กดว่าเราบรรดาพัดน่อณที่ควรจะต้องเป็น
00:36:58 → 00:37:04 กำลังใจกันเนี่ยก็กลายเป็นว่ามาต่อว่าอีก
00:37:04 → 00:37:08 นะในฐานะที่เป็นหัวหน้างานมีการรับผิดชอบ
00:37:08 → 00:37:12 นะคะนั้นสถานการณ์ณที่เกิดขึ้นหนึ่งรับ
00:37:12 → 00:37:17 การยากเจอลูกค้าเยอะโดนต่อว่ารุนแรงในที่
00:37:17 → 00:37:20 ประชุมลูกน้องก็ทำงานพลาดอย่างที่ลูกค้า
00:37:20 → 00:37:27 ว่าจริงๆและโดนซ้ำเติมงั้นสหการที่เกิด
00:37:27 → 00:37:33 ขึ้นนะถ้าเราฟังเฉยๆเนี่ยเราจะรู้สึกว่า
00:37:33 → 00:37:36 ผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงอันถ้าเกิดว่าเรา
00:37:36 → 00:37:38 ฟังแล้วฟังให้ดี
00:37:38 → 00:37:43 เครียดนะเราอาจจะจับได้ว่าโหเครียดแย่เลย
00:37:43 → 00:37:47 เราต้องเครียดมากๆแน่ๆเลยนะอันจริงอ่ะใคร
00:37:47 → 00:37:50 ตายก่อนที่บอกว่าความเครียดเนี่ยจริงๆผู้
00:37:50 → 00:37:54 หญิงคนนี้เขาเขาสามารถเขาคิดอะไรได้บ้าง
00:37:54 → 00:37:57 เนาะ 1 ก็คิดว่าตัวเองมันแย่ตังค์ใช่มั้ย
00:37:57 → 00:38:00 สถานการณ์นี้เค้าคิดว่าเฮ้ยตัวเองมันแย่
00:38:00 → 00:38:05 จริงๆเน้อเออเฮ้ยคิดว่าทำไมจะต้องมาเจอ
00:38:05 → 00:38:10 ลูกค้าแบบนี้คิดว่าตัวเองผิดพลาดและในการ
00:38:10 → 00:38:15 เลือกรับงานคิดว่าตัวเองผิดที่ไว้วางใจ
00:38:15 → 00:38:16 ลูกน้อง
00:38:16 → 00:38:21 เออคิดว่าผิดหวังเหลือเกินกับพาร์ตเนอร์
00:38:21 → 00:38:23 ที่ไม่ช่วย
00:38:23 → 00:38:26 ความคิดเหล่านี้นะคะโอ๋ทำให้เกิดก้อนความ
00:38:26 → 00:38:29 รู้สึกเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะตั้งแต่กังวล
00:38:29 → 00:38:34 เนี่ยนะโอ้ยกังวลหัวจะทำได้ไม้ / ไปไม้นะ
00:38:34 → 00:38:36 กลัว
00:38:36 → 00:38:42 กลัวโดนลูกค้าพูดคำพูดที่
00:38:42 → 00:38:44 เต็มที่ไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิตเออเขา
00:38:44 → 00:38:47 ใช้คำนี้นะที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดใน
00:38:47 → 00:38:51 ชีวิตแล้วเนี่ยเขาก็จะเกิดความรู้สึกโกรธ
00:38:51 → 00:38:53 ได้ใช่ไหมเออ
00:38:53 → 00:38:57 เปิดความรู้สึกผิดหวังได้ใช่ไหมคะกับ
00:38:57 → 00:39:01 พาร์ตเนอร์ที่แทนจะช่วยแล้วไม่ช่วยนะคะ
00:39:01 → 00:39:03 แล้วเนี่ย
00:39:03 → 00:39:07 จริงๆคือข้อความต้องพอเห็นเนอะ
00:39:07 → 00:39:11 สถานการณ์ความคิดเนื้อมันก็จะเห็นอารมณ์
00:39:11 → 00:39:18 หูมีหลายกรมากเลยกังวลรู้สึกผิดเศร้าเสีย
00:39:18 → 00:39:22 ใจโกรธกูแต่ไม่หมดเลยถามว่าตัวไหนใหญ่สุด
00:39:22 → 00:39:23 เออ
00:39:24 → 00:39:27 คิดว่าตัวไหนใหญ่สุดแล้วคนนี้นะจริงๆแล้ว
00:39:27 → 00:39:31 มาด้วยปัญหาอะไรโรงแรมนอนไม่หลับ her Out
00:39:31 → 00:39:35 สิรินะฮะทั้งหมดเนี่ยออกมาคือเป็นนอนไม่
00:39:35 → 00:39:37 หลับเขานอนไม่หลับเดี๋ยวสิ่งที่เกิดขึ้น
00:39:37 → 00:39:39 พฤติกรรมที่เกิดขึ้นคืออะไรทั้งหมดทั้ง
00:39:39 → 00:39:44 มวลเนี่ยนะคือ 1 นอนดีนะนอนไม่หลับไม่พอ
00:39:44 → 00:39:49 ก็คือกลายเป็นทำงานเกือบตลอดเวลาเพราะ
00:39:49 → 00:39:52 กลัวผิดก็จะเช็คลูกน้องตลอดเวลานั้นทำงาน
00:39:52 → 00:39:56 ตั้งแต่ 8:00 นถึง 3:00 นและเช็คงานตลอด
00:39:56 → 00:39:59 เวลาเพราะกลัวผิดพลาดแล้วยังนอนไม่หลับ
00:39:59 → 00:40:01 อีกนะคืนที่มาหาหมอเนี่ยนอนไม่หลับมาเป็น
00:40:01 → 00:40:03 คืนที่ 3 แล้ว
00:40:03 → 00:40:08 ที่นอนไม่หลับสุดท้ายพอเวลาที่ไปประชุม
00:40:08 → 00:40:11 อีกครั้งเนี่ยกลายเป็นว่าตัวเองเหมือนจะ
00:40:11 → 00:40:15 เป็นลมใจสั่นตั้งแต่เห็นหน้าห้องประชุม
00:40:15 → 00:40:20 แล้วอ้าอ่านะคำถามก็เราก็คือว่าอาจไม่ใช่
00:40:20 → 00:40:21 กดผิด
00:40:21 → 00:40:26 คำถามก็คือว่ากับผู้หญิงคนนี้นะเราคิดว่า
00:40:26 → 00:40:29 ก้อนอารมณ์อันไหนใหญ่สุดนะเศร้าเสียใจ
00:40:29 → 00:40:33 กังวลโกรธเนี้ยอ่า
00:40:33 → 00:40:36 ขอให้ดาอาจที่มาให้หน่อยนะคะพิมพ์มาให้
00:40:36 → 00:40:41 หน่อยนะเราคิดว่าก้อนอะไรมากสุดน่ะวัน
00:40:41 → 00:40:44 นั้นเห็นไหมว่ามันก็เลยออกมาเป็นพฤติกรรม
00:40:44 → 00:40:48 เลยเนาะก็คือสุดท้ายเนี่ยไม่นอนนะแล้วก็
00:40:48 → 00:40:52 ไม่มีสติเราคิดว่าถ้าเรา Deep Listening
00:40:52 → 00:40:55 เนี่ยเราจะเห็นนะว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการ
00:40:55 → 00:40:57 อะไรมากที่สุด
00:40:57 → 00:40:59 อ่า
00:40:59 → 00:41:03 อ่ะมีคนตอบมาแล้วว่าความรู้สึกกังวลก็
00:41:03 → 00:41:05 ใหญ่สุด
00:41:05 → 00:41:08 กังวลกังวลทั้งวน
00:41:08 → 00:41:11 อย่ากังวล
00:41:11 → 00:41:13 โอเค
00:41:13 → 00:41:20 หน้าหลายคนบอกกังวลนะเสียใจโอเคแค่หามา
00:41:20 → 00:41:22 ตอบมานะ
00:41:22 → 00:41:28 กังวลนะคะอ่าอ่ะ
00:41:28 → 00:41:32 ก็เกือบถูกอ้ะบ่มือให้ทุกคน
00:41:32 → 00:41:36 จริงๆไม่มีคำตอบสำเร็จรูปเนาะหมอเองเนี่ย
00:41:36 → 00:41:41 ก็เอ่อไม่ได้เป็นคนชี้เหมือนกันว่าว่า
00:41:41 → 00:41:45 อารมณ์ไหนคืออารมณ์ที่มีผลกับคุณมากที่
00:41:45 → 00:41:48 สุดนั้นหมอก็เลยถามเค้านะวันเนี้ยหน้าที่
00:41:48 → 00:41:52 นะคะของการที่เป็นคนที่คำปรึกษาเนี่ยเรา
00:41:52 → 00:41:56 ก็จะไม่ได้แบบเออเนี่ยคุณกังวลแน่ๆเลย
00:41:56 → 00:42:00 เหงื่ออ่ะจะไม่ยอมฆ่าเราแต่ถ้าเกิดเราฟัง
00:42:00 → 00:42:03 แบบนี้เราจะมองเห็นนะโอ้มองเห็นว่าโอเขา
00:42:03 → 00:42:07 มีทั้งความเศร้านะคะมีทั้งความกังวลนะคะ
00:42:07 → 00:42:10 มีทั้งความโกรธนะคะพี่ทำความผิดหวังนะ
00:42:10 → 00:42:15 เอ่อคุณคิดว่าความรู้สึกไหนมันคำถามก็บอก
00:42:15 → 00:42:18 เลยนะความรู้สึกไหนอ่ะที่มีอิทธิพลกับคุณ
00:42:18 → 00:42:20 มากที่สุด
00:42:20 → 00:42:24 อุ้ยอย่าคำตอบคือ
00:42:24 → 00:42:28 อย่าโกรธค่ะ
00:42:28 → 00:42:31 เออพี่กรอกใช่มั้ยอีกเราใช่แม้ตอนแรกนะ
00:42:31 → 00:42:33 หมอก็แอบตั้งสมมติฐานว่าเป็นความกังวล
00:42:33 → 00:42:37 เหมือนกันนะงั้นเราไม่มีได้ที่แต่เราไม่
00:42:37 → 00:42:40 มีหน้าที่ตัดสินไงใช่ไหมเราก็มองเห็นแล้ว
00:42:40 → 00:42:44 ก็สรุปแล้วก็ใช้เขาฟังนะเขาบอกว่าจริงๆ
00:42:44 → 00:42:47 โกรธคุณมากที่สุด
00:42:47 → 00:42:51 มีสัตว์เนี่ยคำที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินใน
00:42:52 → 00:42:55 ชีวิตมาก่อนนะอย่าลืมว่าเขาเป็นผู้หญิง
00:42:55 → 00:42:58 เก่งมากๆทำงานเก่งมากๆเจ้าของบริษัทว่า
00:42:58 → 00:43:03 เนี่ยไม่เคยมีใครพูดแบบนี้เขาก็เลยนะคะ
00:43:03 → 00:43:07 แล้วเนี่ยความโกรธที่มีพลังมากเลยนะต้อง
00:43:07 → 00:43:10 บอกว่ามากเลยโอ้มันทำให้ระบบประสาท
00:43:10 → 00:43:13 อัตโนมัติของเราเนี่ยมันรวนไปหมดเลยค่ะจะ
00:43:13 → 00:43:16 คะมันก็เลยสะท้อนออกมาเป็นเนื้อเรื่องของ
00:43:16 → 00:43:20 การที่พอนอนไม่หลับใช่มั้ยแน่นอนนอนไม่
00:43:20 → 00:43:25 หลับสมองก็ล่ะการตัดสินใจก็ไม่ดีนะความ
00:43:25 → 00:43:31 คิดก็ช้าใช่มั้ยคะดังนั้นการที่เธอจะมา
00:43:31 → 00:43:34 ตั้งสติเพื่อที่จะแก้ปัญหาครั้งใหญ่ครั้ง
00:43:34 → 00:43:39 นี้แถวว่าจะมีไหมไม่มีเลยนะนะคะแล้วเนี่ย
00:43:39 → 00:43:41 เราก็ต้องไปเนี่ยทั้งสิ่งที่เราจะต้องทำ
00:43:41 → 00:43:45 ก็คือเนี่ยเราสนุกแล้วลองลองถามเขาดู
00:43:45 → 00:43:48 อย่าหาว่าโอ้ยเออ
00:43:48 → 00:43:52 โกรธนะฮะโอ้ที่ใจมันฝันเนี่ยที่ใจมันสั่น
00:43:52 → 00:43:57 เพราะว่ามันโกรธคนที่ทำอะไรไม่ได้คือโกรธ
00:43:57 → 00:44:01 ลูกค้าไงนะจะไปด่าแล้วค้าตอบก็ไม่ได้นะ
00:44:01 → 00:44:06 ไอ้ถ้าฟังแล้วก็คิดจริงอีกนะเออลูกค้าก็
00:44:06 → 00:44:09 ใช้คำพูดไม่ดีเนี้ยก็นะเนี่ยโกรธแต่ทำ
00:44:09 → 00:44:13 อะไรไม่ได้อยู่ทรมานมากเนื้อแล้วเนี่ย
00:44:13 → 00:44:17 ร่างกายรวนนะเนี่ยก็เป็นงูกินหางเนอะและ
00:44:17 → 00:44:24 กลายเป็นพอไหมนอนก็เออความคิดช้าจัดการ
00:44:24 → 00:44:28 ปัญหาไม่ได้เกิดปัญหามากขึ้นนะคะงั้นฉัน
00:44:28 → 00:44:31 ถามว่าความต้องการของผู้หญิงคนนี้เนี่ย
00:44:31 → 00:44:36 สูงสุดคืออะไรเนาะคนต้องการก็คือความ
00:44:36 → 00:44:40 ต้องการของเขาก็คือต้องการให้
00:44:40 → 00:44:45 ผลงานชิ้นนี้เนี่ยผ่านพ้นไปด้วยดีนะเพราะ
00:44:45 → 00:44:49 เธอยังต้องการการยอมรับเนาะว่าเธอเป็นคน
00:44:49 → 00:44:52 มีความสามารถนะคะอ่า
00:44:52 → 00:44:53 ถ้า
00:44:53 → 00:44:58 งั้นใช่มะหมุนดิบสำคัญมากเลยนะนี่คือ
00:44:58 → 00:45:00 กระบวนการของดีทั้งหมดเลยนะคะสวัสดีสระ
00:45:00 → 00:45:04 นี้ฉันนี่เนี่ยมันจะทำให้เราเนี่ยเอ่อได้
00:45:04 → 00:45:07 ยินสิ่งเหล่านี้นะคะจากคนที่มาขอรับคำ
00:45:07 → 00:45:11 ปรึกษาเช่นเดียวกับเรานะคะถ้าเกิดว่าถ้า
00:45:11 → 00:45:14 อย่างที่หมอบอกนะร้องเขียนนะเราไม่ต้อง
00:45:14 → 00:45:16 ตัดสินตัวเองนะวันนี้คิดไม่ได้รู้สึกไม่
00:45:16 → 00:45:20 ได้นี่ไม่ดีนะลองซื่อสัตย์กับตัวเองเนี่ย
00:45:20 → 00:45:22 ไม่มีใครมาดูหรอกนะว่าหน้ากระดาษเราเนี่ย
00:45:22 → 00:45:25 เรากำลังพูดกับตัวเองว่ายังไงเราซื่อ
00:45:25 → 00:45:27 สัตย์กับตัวเองอาจจะเห็นอะไรนะที่มันเป็น
00:45:27 → 00:45:31 ปรากฏการณ์ที่อยู่ในตัวเรามากขึ้นนะคะต่อ
00:45:31 → 00:45:35 มานะติ๊บเสร็จแล้วเนี่ยสกิลถัดมาสำคัญอีก
00:45:35 → 00:45:38 ก็คือ Active น่ะแล้วเนี่ยเมื่อตะกี้
00:45:38 → 00:45:41 เนี่ยก็ไม่ใช่ว่าเธอเล่าไปเรื่อยๆแล้วหมอ
00:45:41 → 00:45:44 รู้เรื่องทุกอย่างนี้นะก็คือ Active
00:45:44 → 00:45:47 เนี่ยมันคือพอเราฟังแบบนี้แล้วเนาะเออเรา
00:45:47 → 00:45:50 เห็นเราลองเราจะต้องลองสนุกเหมือนเมื่อ
00:45:50 → 00:45:55 กี้อ่ะที่หมอถามทุกคนคะหือหมอรู้สึกว่า
00:45:55 → 00:45:56 เอ่อ
00:45:56 → 00:46:01 คุณอาจจะมีความกังวลใช่ไหมอ่าใช่อ่ามี
00:46:01 → 00:46:05 ความรู้สึกผิดกับตัวเองใช่ไหมอ่าอ่าใช่มี
00:46:05 → 00:46:10 ความโกรธลูกค้าใช่ไหมใช่มีความน้อยใจอะ
00:46:10 → 00:46:14 Partner เชียงใหม่ใช่นี้นะคะก็คือเรา
00:46:14 → 00:46:17 เนี่ยมีการสรุปแล้วก็มีการโชว์ให้เขาดูนะ
00:46:17 → 00:46:20 ก็คือเหมือนเป็นเหมือนเป็นรีเฟล็กซ์ให้ดู
00:46:20 → 00:46:24 นะว่าอ้ออันนี้ใช่ไหมนะแล้วจะไปปัจฉิมแทน
00:46:24 → 00:46:28 เขานะมันเรื่องของเขาอันเขาจะเขาจะบอกใช่
00:46:28 → 00:46:30 หรือไม่ใช่นะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรเก่งไม่
00:46:30 → 00:46:35 เก่งนะไม่เกี่ยวกันนะแล้วเนี่ยโอเคอ่าอัน
00:46:35 → 00:46:39 นี้มาไม่ใช่นะก็คือไม่ใช่นี่ใช่คือใช่วัน
00:46:39 → 00:46:42 ที่เค้ารู้เขาดีขึ้นแล้วนะมึงทีกันมะมัน
00:46:42 → 00:46:46 ทีเราเอ่อบางทีแค่เราเข้าใจว่าทำไมฉันคิด
00:46:46 → 00:46:48 แบบนี้จะไม่ทันทำแบบนี้บางทีแค่รู้ว่าดี
00:46:48 → 00:46:52 ขึ้นแล้วนะไม่ต้องมีใครทำอะไรนะคะงั้นอ่ะ
00:46:52 → 00:46:54 โอ้นี่ก็จะเป็นนี้แหละการที่เราสรุปแล้ว
00:46:54 → 00:47:00 เราก็ลองรีเฟสน้องลองสะท้อนนะลองถามนะบาง
00:47:00 → 00:47:03 ช่วงมังกรเนี่ยเงียบก็ได้นะคะอย่างเช่น
00:47:03 → 00:47:06 เขาอาจจะกำลัง
00:47:06 → 00:47:10 อย่าคิดนะใคร่ครวญกับตัวเองอยู่หรือบาง
00:47:10 → 00:47:14 ครั้งเนี่ยเสียใจต่อร้องไห้ปล่อยให้เขา
00:47:14 → 00:47:18 อยู่ตรงนั้นได้นะคะให้เขาได้ลองให้นะแล้ว
00:47:18 → 00:47:21 การที่เขาร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเราแยกไม่มา
00:47:21 → 00:47:24 ปรึกษาเราร้องไห้เยอะเลยไม่ได้ไม่ดีเอ่อ
00:47:24 → 00:47:27 อย่าร้องเลยนะอย่าร้องเลยอ่าอยู่ร้องซ้าย
00:47:27 → 00:47:30 อยู่ร้องซะนะอันนี้ไม่ได้ช่วยนะคะยิ่งทำ
00:47:30 → 00:47:35 ให้เครียดมากขึ้นนั้นความเงียบช่วยได้นะ
00:47:35 → 00:47:38 ถ้าเขาร้องไห้ก็ให้เวลาเขาในการที่เขาจะ
00:47:38 → 00:47:41 ร้องไห้ให้เขาอยู่กับตัวเองตรงนั้นก็ได้
00:47:41 → 00:47:44 นะคะความเงียบก็เป็นทักษะที่เราต้องฝึก
00:47:44 → 00:47:48 ที่จะอยู่กับมันนะคะนั้นในบางช่วงบางตอน
00:47:48 → 00:47:52 นะที่เราเห็นว่าไม่สิ่งที่เขาทำเนี่ยมัน
00:47:52 → 00:47:56 ดีนะหรือยังผู้หญิงคนนี้นะฟังแล้วก็รู้
00:47:56 → 00:48:01 สึกว่าแม้เขากำลังเจอสถานการณ์ที่แย่มากๆ
00:48:01 → 00:48:05 เลยแล้วก็เธอต้องเหนื่อยมากๆนะเออรู้สึก
00:48:05 → 00:48:09 อยากเอาใจช่วยดีแล้วรู้สึกเป็นคำลังใจนะ
00:48:09 → 00:48:12 คะลองสามารถบอกได้เนาะ OO สิ่งที่เจอ
00:48:12 → 00:48:16 เนี่ยมันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะไหนอยากเอาใจ
00:48:16 → 00:48:22 ช่วยนะอยากเป็นกำลังใจให้นะนะคะการให้การ
00:48:22 → 00:48:26 สนับสนุนแบบนี้ก็ช่วยได้นะคะ
00:48:26 → 00:48:32 หรือการสะท้อนเว้นการฟังนะคะการฟังไปทั้ง
00:48:32 → 00:48:34 หมดของเรื่องราวของผู้หญิงมาตะกี้เนี่ยก็
00:48:34 → 00:48:38 จะพบว่าสิ่งที่ทำให้เธอไปต่อไม่ได้สังเกต
00:48:38 → 00:48:41 มามันไม่ได้แปลว่าเธอไม่มีคือไม่ใช่ว่า
00:48:41 → 00:48:44 เธอไม่เก่งพอที่จะผ่านปัญหาไปไม่ได้แต่
00:48:45 → 00:48:48 ปัญหาคือพอเธอไม่ได้นอนแล้วมันทำให้เธอ
00:48:48 → 00:48:51 เนี่ยไม่สามารถใช้ศักยภาพของสมองตัวเอง
00:48:51 → 00:48:55 ได้อย่างเต็มที่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
00:48:55 → 00:48:57 ที่สุดดังนั้น
00:48:57 → 00:49:01 เราอาจจะลองรีเฟล็กซ์อย่างนี้นะว่าเรา
00:49:01 → 00:49:02 เห็นภาพรวม
00:49:02 → 00:49:07 เป็นไปได้นะว่าการนอนแล้วสิ่งที่เธอ
00:49:07 → 00:49:11 พยายามหมกมุ่นกับงานจนเกินไปแล้วก็เอ่อ
00:49:11 → 00:49:17 เธอก็เลยไม่นอนลงถึงพอจะนอนก็นอนไม่ดีคือ
00:49:17 → 00:49:19 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการโดยในตอนนั้น
00:49:19 → 00:49:23 เพราะต้องการที่จะตรวจงานและพอถึงเวลานอน
00:49:23 → 00:49:28 ที่มีน้อยก็ทำให้นอนไม่ดีมันก็ยิ่งทำให้
00:49:28 → 00:49:33 เธอควบคุมความโกรธความกังวลของตัวเองไม่
00:49:33 → 00:49:34 ได้
00:49:34 → 00:49:38 เราสะท้อนอันนี้เป็นการสะท้อนนะโอ้พอจะ
00:49:38 → 00:49:41 ท้อนเธอแบบนี้นะโอ้ใช่ฮะ
00:49:41 → 00:49:46 จริงๆแล้วเนี่ยไม่ใช่ปัญหานี้ไม่เคยเจอนะ
00:49:46 → 00:49:51 เออก็เคยเจอนะเจอลูกค้าแต่ว่าไม่เคยเจอ
00:49:51 → 00:49:55 ลูกค้าพูดคำพูดแบบนี้จากงานแยกเท่านี้
00:49:55 → 00:49:59 เอ่อไม่ใช่คิดว่าจะผ่านไปไม่ได้นะก็มี
00:49:59 → 00:50:01 โอกาสผ่านไปได้
00:50:01 → 00:50:04 ตั้งเป็นเพราะไม่ได้นอนจริงๆหมอเหอะเหอะ
00:50:04 → 00:50:08 เนี่ยคือเขานี่คือข้อคิดแห่งเรียบร้อยเลย
00:50:08 → 00:50:12 หรอเออตัวนะเนี่ยสุดท้ายนะมันก็เป็นอ่าน
00:50:12 → 00:50:15 แล้วไงต่อล่ะสุดท้ายเดี๋ยวเจอและปัญหาตอน
00:50:15 → 00:50:19 นี้งานยากจริงอันใหญ่จริงเนี่ยเจอคนยาก
00:50:19 → 00:50:25 จริงเอองั้นปัญหาตอนนี้คือนอนไม่ได้จริง
00:50:25 → 00:50:28 และยิ่งทำให้แก้ปัญหาไม่ได้จริงทำไงดีอ่ะ
00:50:28 → 00:50:32 ก็มาเลือกละเราจะนอนแบบช่วยตัวเองก่อนไหม
00:50:32 → 00:50:36 หรือเราจะ
00:50:36 → 00:50:40 ใช้วิธีการทานยาเลยในช่วงที่ตัวเองมี
00:50:40 → 00:50:45 ปัญหาเยอะตอนนี้อะไรนี้นะคะนั้นใช่ไหมคะ
00:50:45 → 00:50:48 นั้นเราเริ่มต้นได้ Deep เนอะฟังอย่าง
00:50:48 → 00:50:51 ตั้งใจให้เวลา Active ก็คือ
00:50:51 → 00:50:59 ทบทวนถามทวนสะท้อนสรุปให้กำลังใจนะรวม
00:50:59 → 00:51:04 ทั้งสรุปเรื่องของทางออกนะทางเลือกให้ 1
00:51:04 → 00:51:10 2 3 4 เลือกยังไงดีนะคะนี่คือคือ
00:51:10 → 00:51:15 กระบวนการนะคะของที่ของการให้คำปรึกษา
00:51:15 → 00:51:19 นั้นนี่คือสกิลนะ Active แล้วก็ดีจะนิ่ง
00:51:19 → 00:51:23 ที่เราจะต้องมี
00:51:23 → 00:51:26 โอเคอ่า
00:51:26 → 00:51:31 ออกมาอันนี้นะคะก็ skill นะเสาร์ที่ 3 นะ
00:51:31 → 00:51:38 เสาสุดท้ายก็คือเมื่อกี้สกิลเสาร์ที่ 2
00:51:38 → 00:51:41 ใช่ไหมก็คือพูดถึง Deep นะคะ Listening
00:51:41 → 00:51:44 พูดถึง Active นะที่ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง
00:51:44 → 00:51:48 คำถามการทวนการใช้ความเงียบการสรุปการ
00:51:48 → 00:51:51 support การสะท้อนแล้วก็การให้โซลูชั่น
00:51:51 → 00:51:55 เนาะแล้วก็มาถึงสุดท้ายนะคะก็คือเรื่อง
00:51:56 → 00:51:57 ของ
00:51:57 → 00:52:02 สเตจนะคือขั้นตอนแน่นอนนะเอ่อเรื่องของ
00:52:02 → 00:52:05 การให้ให้คำปรึกษาเนี่ยบอกว่านอกจาก
00:52:05 → 00:52:07 เรื่องของความสัมพันธ์เรื่องของความรู้
00:52:07 → 00:52:12 สึกปลอดภัยนะคะช่วงเวลาในการที่เราจะให้
00:52:12 → 00:52:16 คำปรึกษานะคะอ่าสถานที่เราต่างเราที่
00:52:16 → 00:52:19 สำคัญหมดนะไม่ใช่แบบโอโห้เดินห้างอยู่
00:52:19 → 00:52:23 เอ้าแล้วกันเอาให้ให้ขอปรึกษาหน่อยเดี๋ยว
00:52:23 → 00:52:24 นี้ของ
00:52:24 → 00:52:27 อันนี้ถ้าเรื่องสำคัญจัดการเรื่องเล็กๆ
00:52:27 → 00:52:30 น้อยเรื่องจุกจิกอะไรเงี้ยได้นะแต่ว่าถ้า
00:52:30 → 00:52:33 เป็นเรื่องสำคัญสำคัญเนี่ยที่เราเองเนี่ย
00:52:33 → 00:52:37 จะต้องใช้เวลาในการการในการพูดคุยในการ
00:52:37 → 00:52:40 ฟังที่มาที่ไปหรือตัวเราเองเนี่ยอยากจะไป
00:52:40 → 00:52:42 ขอคำปรึกษานะถ้าเรารู้ว่ามันเป็นเรื่อง
00:52:42 → 00:52:45 สำคัญมันเป็นเรื่องที่นักนะมันเป็นเรื่อง
00:52:45 → 00:52:49 ที่ทำให้เราเครียดมากๆต้องบอกเลยว่า
00:52:49 → 00:52:56 มันต้องเป็นเวลาเฉพาะในการที่เราจะไปขอ
00:52:56 → 00:53:03 ให้คำปรึกษานะคะเออกะกินละก้าวไปพอรับคำ
00:53:03 → 00:53:06 ปรึกษาแนะต้องต้องเป็นเขาต้องไม่ต้องเป็น
00:53:06 → 00:53:10 สถานที่ต้องเป็นเวลานะต้องเป็นบุคคลนะคะ
00:53:10 → 00:53:15 ที่เจอเราแน่ใจแล้วว่าเขาช่วยเราได้นะคะ
00:53:15 → 00:53:18 หรือถ้าเราจะช่วยเหลือตัวเองและในการที่
00:53:18 → 00:53:22 เราจะมาใคร่ครวญทบทวนตัวเองนะเหมือนเป็น
00:53:22 → 00:53:24 ที่ปรึกษาของตัวเองอย่างที่หมอบอกเนี่ย
00:53:24 → 00:53:28 เราก็ต้องเลือกนะขอให้เวลาตัวเองค่ะเรา
00:53:28 → 00:53:31 ต้องมีสถานที่ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นพื้น
00:53:31 → 00:53:35 ที่ของฉันเนื้อมันจะไม่มีใครมารบกวนมันจะ
00:53:35 → 00:53:38 ทำให้เราเนี่ยอยู่กับตัวเองได้อย่างเต็ม
00:53:38 → 00:53:41 ที่จริงๆนะคะอ่ะ
00:53:41 → 00:53:46 หัวหน้าแล้วก็เอ่อบางทีนะการให้คำปรึกษา
00:53:46 → 00:53:49 เองนะเราก็ต้องมันก็ต้องมีวางแผนเหมือน
00:53:49 → 00:53:53 กันเน๊อะบางคนเนี่ยก็คือก็อยากได้แค่คน
00:53:53 → 00:53:57 รับฟังใช่ไหมคะบางคนเนี่ยปัญหามันซับซ้อน
00:53:57 → 00:54:01 กว่านั้นมันไม่ได้เกิดจากตัวคนเดียวอย่าง
00:54:01 → 00:54:04 ปัญหาความสัมพันธ์เนี้ยเดี๋ยวปัญหา
00:54:04 → 00:54:07 ครอบครัวเนี่ยมันไม่ได้จบแค่คนเดียวอ่ะ
00:54:07 → 00:54:11 ส่วนใหญ่เนาะก็จะเป็นส่วนหนึ่งก็จักเรา
00:54:11 → 00:54:14 ส่วนหนึ่งเรื่องของการสื่อสารส่วนนึงก็
00:54:14 → 00:54:17 เป็นเรื่องของคนอื่นอย่างนี้ค่ะก็เนี่ย
00:54:17 → 00:54:20 บางทีมันไม่ได้จบในคราวเดียวมันก็จะต้อง
00:54:20 → 00:54:24 มีเซชั่นที่ 2 ที่ 3 นะแต่ว่าเราก็จะรู้
00:54:24 → 00:54:29 ว่าในครั้งๆถัดไปเนี่ยเราจะมีเป้าหมายใน
00:54:29 → 00:54:32 การที่จะทำความเข้าใจในเรื่องอะไรนะคะอ่า
00:54:32 → 00:54:37 เราจะเป็นแนวทางไหนนะและบางคนเนี่ยก็ต้อง
00:54:37 → 00:54:41 บอกว่าก็ไม่ได้ถนัดที่จะพูดนะเออขอโมทนา
00:54:41 → 00:54:44 ที่จะเขียนว่ากวางคน
00:54:44 → 00:54:48 สื่อสารออกมาไม่ได้บางทีหมอหมอเรียนก็ให้
00:54:48 → 00:54:52 เล่นนะบางทีก็ให้เล่นการ์ดเนี่ยนะหรือบาง
00:54:52 → 00:54:54 ทีก็ให้วาดรูป
00:54:54 → 00:54:58 วาดรูปแล้วก็วาดรูปเสร็จวาดรูปโดยตั้ง
00:54:58 → 00:55:01 ชื่อกับเรื่องเรื่องนั้นน่ะที่เรากำลังมี
00:55:01 → 00:55:07 ความไม่สบายใจอยู่นะอย่างเช่นเอ่อหัวข้อ
00:55:07 → 00:55:11 เรื่องทะเลาะกับลูกค้านะก็ว่ารู้ว่ารู้
00:55:11 → 00:55:14 ว่ารูปมนุษย์เสร็จเนี่ยอ่ะเรามาดูซิแล้ว
00:55:14 → 00:55:17 ลองเล่าถึงรูปนี้เนี่ยนะที่เกิดขึ้นนี้นะ
00:55:17 → 00:55:21 คะไม่ได้มันก็มีกระบวนการที่ที่หลากหลาย
00:55:21 → 00:55:23 มานะคะก็
00:55:23 → 00:55:27 เล่นอันนี้ก็คือมันเป็นการออกแบบอย่างนึง
00:55:27 → 00:55:32 เนอะ state ลำดับขั้นนะคะแล้วก็สุดท้ายนก
00:55:32 → 00:55:35 ก็มันก็เป็นเรื่องของการที่เราสรุปนะคะ
00:55:35 → 00:55:39 ทางเลือกนะแล้วก็แนวทางในการที่เราจะจะ
00:55:39 → 00:55:43 เอาไปปรับปรุงใช้นี้นะคะกับปัญหาจริงๆใน
00:55:43 → 00:55:47 ชีวิตนะโอเคอันนี้ก็จะมีอยู่นะ 3 เสาหลัก
00:55:47 → 00:55:50 ใน Cache ของการให้คำปรึกษานะทวนอีกครั้ง
00:55:50 → 00:55:54 คือเรื่องของ relationship นะที่จะต้องดี
00:55:54 → 00:55:57 นะคะ 2 เรื่องของ skill นะ
00:55:57 → 00:56:01 จิ๊บเเละ Active Listening นะคะและ 3 ก็
00:56:01 → 00:56:03 คือเรื่องของ
00:56:03 → 00:56:08 สะเตนเอ่อเวลาคนที่ใช่สถานที่ที่ใช่เวลา
00:56:08 → 00:56:14 ที่ใช่แนวทางที่ใช่นะคะก็จะช่วยเข้ามา
00:56:14 → 00:56:18 ใกล้ทั้งเรานะแล้วคนข้างเราเนี่ยหน้าที่
00:56:18 → 00:56:23 มาขอคำปรึกษาเขาผ่านสถานการณ์แยกยอดไปได้
00:56:23 → 00:56:29 อย่างไม่โดดเดี่ยวนะจ๊ะ
00:56:29 → 00:56:33 เอาล่ะวันนี้แม่พูดเป็นต่อยหอยเลยพูดไป
00:56:33 → 00:56:37 เป็นระยะเวลาเท่าไหร่โอ้โหสี่สิบห้านาที
00:56:37 → 00:56:39 นะจ๊ะ
00:56:39 → 00:56:44 ตอนนี้มีคำถามอะไรนะคะถามเข้ามากันได้นะ
00:56:44 → 00:56:49 คะเดี๋ยวมาจะอยู่ตรงนี้ซัก 10 นาทีดีแม็ก
00:56:49 → 00:56:53 คะแล้วก็จะหรือใครอยากให้รีแคปอะไรตรงไหน
00:56:53 → 00:56:58 นะลองคอมเมนต์มานะคะอ่า
00:56:58 → 00:56:59 และเมื่อกี้ก็
00:56:59 → 00:57:06 ก็อ่าเดี๋ยวขอเขากลับไปอ่านข้อความที่คุณ
00:57:06 → 00:57:11 อ่อนชนรพรเนอะบอกว่าการรับฟังและไม่ตัด
00:57:11 → 00:57:13 สินเท่ากับไม่เอาความคิดของเราเป็นสินว่า
00:57:13 → 00:57:16 สิ่งที่เขาคิด
00:57:16 → 00:57:21 อันนี้ต้องขอขอบคุณนะคะคุณชนละพรอาจจะ
00:57:21 → 00:57:25 ช่วยตอบคำถามให้กับเพื่อนที่อยู่ด้านบนนะ
00:57:25 → 00:57:32 คะวุฒิปรบมือที่น่ารักมากอ่ะ
00:57:32 → 00:57:38 อย่าน๊ะค๊าจุ๊บๆอ่ะอันนี้คุณข้าราชการปัน
00:57:38 → 00:57:41 สุขนะถามถามหรือเปล่าไม่แน่ใจนะเดี๋ยวเอา
00:57:41 → 00:57:47 ไปพร้อมกันถ้าวันนั้นเรา
00:57:47 → 00:57:49 แต่ถ้า
00:57:49 → 00:57:52 ถ้ามันนั้นเราเองก็มีปัญหามีอารมณ์หมุด
00:57:52 → 00:57:54 นี้อยู่เหมือนกันแต่แฟนเราต้องการคำ
00:57:54 → 00:57:59 ปรึกษาจากเรานะตอนนั้นเราควรทำอย่างไร
00:57:59 → 00:58:01 ครับอ่า
00:58:01 → 00:58:06 นี้นะคะอันนี้ความเดี๋ยวนะเนี่ยจริงๆเออ
00:58:06 → 00:58:09 ความเป็นหญิงก็บ่งบอกความเดียวนั้นเหมือน
00:58:09 → 00:58:12 กันนะฮะเออว่าเกิดเราจะสังเกตนะผู้ชายกับ
00:58:12 → 00:58:15 ผู้หญิงเวลามีปัญหาเนี่ยเราจะใช้โหมดต่าง
00:58:15 → 00:58:18 กันส่วนนี้ผู้ชายก็จะเงียบๆนะฮะอยากจะคิด
00:58:19 → 00:58:22 เองอยากอยู่กับตัวเองเข้าถ้ำไปไหนฮะส่วน
00:58:22 → 00:58:25 ผู้หญิงเนี่ยจะรู้สึกไม่อยากพูดอยากระบาย
00:58:25 → 00:58:29 อย่างไรกับใครสักคนนะสำหรับในกรณีนี้นะคะ
00:58:29 → 00:58:33 ทำแนะนำนะคะคิดว่าเราอาจจะต้องประเมินค่ะ
00:58:33 → 00:58:38 มันคงไม่มีเขาเรียกว่าแบบแผนที่เป๊ะไม่
00:58:38 → 00:58:41 ต้องทำแบบนั้นนะแต่ว่าสิ่งสำคัญคือเรา
00:58:41 → 00:58:45 ต้องประเมินก่อนค่ะหนึ่งก็คือว่าเราเอง
00:58:45 → 00:58:47 เนี่ยเราบอกว่าเราเครียดเราเครียดระดับ
00:58:47 → 00:58:51 ไหนนะสองก็คือเขาเครียดเขาเครียดระดับไหน
00:58:51 → 00:58:54 นะแล้วเราอาจจะพบว่านะคะเราค่ะหยัดเรา
00:58:54 → 00:58:59 เครียดจริงนะมีแต่เขาเครียดมากกว่า
00:58:59 → 00:59:04 แล้วนะเนี่ยความเครียดมากกว่าของเขานะมัน
00:59:04 → 00:59:07 เหมือนกับตัวเราเองเนี่ยก็เราอาจจะต้อง
00:59:07 → 00:59:10 ปรับโหมดใหม่เสร็จของเรานิดนึงอ่ะเนี่ย
00:59:10 → 00:59:13 แสดงว่าเราเนี่ยมีความพร้อมในการที่จะให้
00:59:13 → 00:59:19 เขาให้ให้สติเขามากว่าอันนี้ละกันนะนั้น
00:59:19 → 00:59:22 เรามีความพร้อมที่จะให้สติเข้ามากว่าใช่
00:59:22 → 00:59:23 มั้ยเพราะ
00:59:23 → 00:59:29 ตัวเราเนี่ยนะเจอปัญหาแล้วส่งผลกับตัวเรา
00:59:29 → 00:59:32 เนี่ยน้อยกว่าที่เขาไปเจอมา
00:59:32 → 00:59:35 ดีนะแล้วเนี่ยสภาวะของแฟนตอนนั้นเนี่ยเขา
00:59:35 → 00:59:36 อาจจะต้องการ
00:59:36 → 00:59:39 ใครสักคนจริงๆเพราะไม่งั้นเขาจะแย่แล้วนะ
00:59:39 → 00:59:44 หรือเขาอาจจะอยู่ในระดับกลางๆ ogre คือมี
00:59:44 → 00:59:48 ปัญหาเครียดแต่พออยู่ได้นะคะงั้นเนี่ยถ้า
00:59:48 → 00:59:52 เกิดถ้าเกิดเค้าอยู่ในระดับสูงสุดนะคือ
00:59:52 → 00:59:56 ไม่ไหวแล้วนะแล้วเราเนี่ยพอที่จะไหวอยู่
00:59:56 → 01:00:00 ให้สิคะได้นะคะก็ลองปรับเปลี่ยนใหม่ใช้
01:00:00 → 01:00:05 ตัวเองนะรองลองให้การให้ของเรานะการการ
01:00:05 → 01:00:09 ให้ความปรารถนาดีให้ความเมตตาของเราเนี่ย
01:00:09 → 01:00:14 อ้าให้มันเป็นคะหรือว่าถือว่าเออเรา
01:00:14 → 01:00:16 เครียดแล้วก็ไปทำบุญเราทำบุญกาแฟเราแทน
01:00:16 → 01:00:20 อันนั้นด้วยกันช่วยเราฟังนะค่ะแต่ถ้าเกิด
01:00:20 → 01:00:24 ว่านะถ้าเกิดว่าเขายังไหวอยู่นะอยู่ในระ
01:00:24 → 01:00:28 ดับกลางๆแต่เราเนี่ยไม่ไหวนะคะเราก็อาจจะ
01:00:28 → 01:00:32 ต้องสื่อสารเขาตรงๆนะคะว่าเออไม่เข้าใจนะ
01:00:32 → 01:00:36 ว่าน้องเครียดอยู่แล้วแต่ตอนนี้เนี่ย
01:00:36 → 01:00:40 ตัวพี่เองก็หนักมากเหมือนกันนะแล้วกลัว
01:00:40 → 01:00:46 ว่าถ้าเกิดพูดอะไรไปเนี่ยมันอาจจะเป็นการ
01:00:46 → 01:00:49 ให้คำแนะนำนะหรือเป็นการรับฟังที่ไม่ดี
01:00:49 → 01:00:52 เท่าไหร่แล้วเพราะตอนนี้พี่เองก็อาจจะไม่
01:00:52 → 01:00:57 ได้มีสตินะในการแก้ปัญหาที่ดีมากนักนั้น
01:00:57 → 01:01:00 ขอพักแป๊บดีมั้ยแล้วเดี๋ยวเรากลับมาคุย
01:01:00 → 01:01:04 กันนะคะงั้นการสื่อสารนะการสื่อสารอย่าง
01:01:04 → 01:01:09 ตรงไปตรงมาแบบนี้นะคะคิดว่าช่วยได้นะคะก็
01:01:09 → 01:01:13 ลองดูนะลองปรับจูนะคะประเมินสังเกตตัวเอง
01:01:13 → 01:01:17 สังเกตเค้านะคะลองกลับ My Set แล้วก็ก็
01:01:17 → 01:01:20 ลองใช้การสื่อสารช่วยนะลองดูว่าช่วยได้
01:01:20 → 01:01:23 ไหมนะ
01:01:23 → 01:01:25 คู่
01:01:25 → 01:01:30 แข่งต้องทำถัดมานะคะถ้าเป็นที่ปรึกษาให้
01:01:30 → 01:01:35 คนอื่นแล้วนะคะเอ่อบางครั้งไม่แน่ใจว่า
01:01:35 → 01:01:37 ตัวเองรู้สึกละหรือเครียดเลยไม่รู้ตัว
01:01:37 → 01:01:42 หรือไม่คุณหมอวิธีการอย่างไรช่วยให้คำแนะ
01:01:42 → 01:01:43 นำ
01:01:43 → 01:01:47 อันนี้เพื่อนๆจะได้เห็นด้วยนะ
01:01:47 → 01:01:49 ก็อ่า
01:01:49 → 01:01:52 และก็คือเราให้คำปรึกษาคนอื่นเนาะล่ะจะ
01:01:52 → 01:01:55 รู้สึกเครียดแล้วโดยไม่รู้ตัวนะคะมีวิธี
01:01:55 → 01:01:59 การเอ่อช่วยให้ผู้ให้คำปรึกษาสามารถดูแล
01:01:59 → 01:02:05 จิตใจตัวเองได้ด้วยยังไงใช่ไหมคือเราเรา
01:02:05 → 01:02:07 มีวิธีการยังไงอย่างนี้นะ
01:02:07 → 01:02:10 เอ่อเอ่ออ่า
01:02:10 → 01:02:13 คุณหมอเองใช้วิธี
01:02:13 → 01:02:18 เรื่องของการฝึกสตินะคะเออคืออันนี้คือ
01:02:18 → 01:02:22 เข้าใจเลยนะวันนึงเนี่ยต้องบอกว่ายังตอน
01:02:22 → 01:02:25 หมอลงตรวจที่พระรามเก้าเนี่ยนะบอกว่าจะ
01:02:25 → 01:02:28 คือส่วนใหญ่บอกว่าจะเป็นเคสที่ให้คำ
01:02:28 → 01:02:31 ปรึกษาแล้วก็บำบัดทั้งหมดนะคะแต่นะเนี่ย
01:02:31 → 01:02:34 ทุกคนก็จะมีเวลากับหมอใน 1 ชั่วโมงนะก็
01:02:34 → 01:02:36 คิดว่าวันนึงเนี่ยต้องตรวจ 6 ชั่วโมงนะ 6
01:02:36 → 01:02:40 คนก็คือ 6 ชั่วโมงรวดเลยนะอันนี้คือสิ่ง
01:02:40 → 01:02:42 ที่
01:02:42 → 01:02:46 สิ่งที่ที่ออกเกิดขึ้นประจำนะแล้วก็แม้
01:02:46 → 01:02:49 พยาบาลก็จะโอ้ไว้มั้ยมอยส์ไหมนะคะแต่ว่า
01:02:49 → 01:02:53 สิ่งที่มาทำตลอดนะก็คือ 1 คือเราต้อง
01:02:53 → 01:02:59 เคลียร์นะคะอ่าเราต้องเคลียร์ตัวเองนะทุก
01:02:59 → 01:03:03 ครั้งที่เราเอาให้คำปรึกษาก็คือว่าแน่นอน
01:03:03 → 01:03:07 นะคะเราจะเผลอแชร์พลังงานกับคนที่มารับคำ
01:03:07 → 01:03:08 ปรึกษาเสมอ
01:03:08 → 01:03:13 อันที่สองคือก็อาจจะเผลอคิดโดยไม่ได้ตั้ง
01:03:13 → 01:03:14 ใจ
01:03:14 → 01:03:17 ถ้าอย่างนั้นต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม
01:03:17 → 01:03:23 ตั้งแต่จะรับฟังค่ะยังหมอเองนะคือพยาบาล
01:03:23 → 01:03:25 จะรู้เลยว่าพอ
01:03:25 → 01:03:31 ก่อนที่จัดส่งคนมาเข้ารับคำปรึกษาเนี่ยจะ
01:03:31 → 01:03:34 ต้องให้เวลาหมอในการที่หมอจะนั่งสมาธิ
01:03:34 → 01:03:37 อยู่กับตัวเองอยู่กับลมหายใจเนาะแล้วก็ดู
01:03:37 → 01:03:41 ว่าตัวเองคิดอะไรนะกลับมาอยู่กับความรู้
01:03:41 → 01:03:44 สึกตัวเนี่ยนะทำแบบนี้อยู่ประมาณ 5 นาที
01:03:44 → 01:03:50 นะคะเสร็จแล้วอ่าก็รับค.สพื้นการเตรียม
01:03:50 → 01:03:53 ตัวที่ดีเนี่ยสำคัญมากการเรียนตัวที่ดีนะ
01:03:53 → 01:03:57 การเตียงให้ตัวเองอย่างมีสติอยู่กับความ
01:03:57 → 01:04:00 รู้สึกตัวของตัวเองก่อนจะทำให้เรายังไม่
01:04:00 → 01:04:04 เผลอเอาความคิดเราไปใส่เค้าเนี้ยไม่เผลอ
01:04:04 → 01:04:10 พลังงานด้านลบเข้ามานะคะอันนี้ 2 นะเอ่อ
01:04:10 → 01:04:12 พอพอ
01:04:12 → 01:04:18 เรามีสติในการขอคำปรึกษาเนี่ยเรารับนะข้อ
01:04:18 → 01:04:21 มูลเชิงลบมาก็คือมันก็จะไม่เยอะอยู่แล้ว
01:04:21 → 01:04:25 ไหมแล้วเราอาจจะลาได้แต่นะเนี่ยพอคนหัด
01:04:26 → 01:04:30 ว่าออกค่ะหมอก็จะนั่งเคลียร์น่ะนั่งอ่ะ
01:04:30 → 01:04:33 แล้วเนี่ยนั่งอยู่กับลมหายใจตัวเองนิ่งๆ
01:04:33 → 01:04:36 สนุกๆสักพักเนี่ยเราจะเห็นโอ้โห้ไอ้สิ่ง
01:04:36 → 01:04:40 ที่ได้ยินมาเมื่อตะกี้เนาะอ๋อมันมีคำพูด
01:04:40 → 01:04:44 ไหนนะหรือมันมีเรื่องอะไรที่มันแอบเข้ามา
01:04:44 → 01:04:48 ในความคิดของเรานะคะบอกว่าจะนั่งอยู่กับ
01:04:48 → 01:04:51 ก็เห็นแล้วก็กลับมาอยู่กับความรู้สึกตัว
01:04:51 → 01:04:55 ของตัวเองทั้งนี้ประมาณ 5 นาทีเสร็จแล้ว
01:04:55 → 01:04:58 ถึงหลับอีกคนนึงเข้ามานะคะเออเนี่ยเราจะ
01:04:58 → 01:05:03 เหมือนแบบคือต้องบอกว่าบางทีกันเป็นคนที่
01:05:03 → 01:05:05 คำปรึกษาคนอื่นแล้วนะเราต้องทำตัวเป็น
01:05:05 → 01:05:09 แก้วเปล่าตลอดเวลานะรับรับน้ำรับข้อมูล
01:05:09 → 01:05:14 เข้ามาเนี่ยก็ต้องเททิ้งเทคนิคการทิ้งของ
01:05:14 → 01:05:17 หมอง่ายมากก็คือกลับมาอยู่กับความรู้สึก
01:05:17 → 01:05:20 ตัวกลับมาอยู่กับลมหายใจของตัวเองนะคะบาง
01:05:20 → 01:05:23 ทีก็เปิดเพลงผ่อนคลายแล้วก็อยู่กับลมหาย
01:05:23 → 01:05:25 ใจ
01:05:25 → 01:05:28 ประมาณนี้นะคะก็เป็นเทคนิคส่วนตัวที่ใช้
01:05:28 → 01:05:34 มาเป็นเวลา 10 ปีแล้วนะจ๊ะ
01:05:34 → 01:05:38 13 ปีแล้วด้วยอ่าใช้มา 13 ปีแล้วด้วยนะ
01:05:38 → 01:05:43 จะได้ผลมากๆนะค่ะราคาอันนี้ขอเป็นคำถาม
01:05:43 → 01:05:47 สุดท้ายนะคะถ้าเกิดใครถามหลังจากนี้
01:05:47 → 01:05:50 เดี๋ยวหมอจะตอบเป็นคอมเม้นท์กลับไปให้นะ
01:05:50 → 01:05:55 คะอ่าคนนี้ถามว่ามีวิธีการปฏิเสธคนที่
01:05:55 → 01:06:00 เข้ามาให้คำแนะนำด้วยความหวังดีแต่คำแนะ
01:06:00 → 01:06:03 นำนั้นอาจจะยิ่งกระทบจิตใจเราได้อย่างไร
01:06:03 → 01:06:08 ครับไม่ให้เขาเสียความรู้สึกอ่ะ
01:06:08 → 01:06:15 โอ้นี่คะเอ่อน้องเองก็บอกอยู่นะว่าเราเอง
01:06:15 → 01:06:19 เนี่ยก็เห็นนะว่าเขาเนี่ยมาแนะนำด้วยความ
01:06:19 → 01:06:22 หวังดีนะทั้งนั้นใช้
01:06:22 → 01:06:26 ใช้สิ่งที่เราเห็นความปรารถนาดีของเขานี่
01:06:26 → 01:06:31 แหละค่ะนะเป็นตัวนำนั้นในการที่เราเราจะ
01:06:31 → 01:06:33 บอกเขานะเพราะว่าต้องบอกว่าพอเราปล่อย
01:06:33 → 01:06:37 สั่นอาการแบบนี้ไปเนี่ยมันไม่มีใครดีขึ้น
01:06:37 → 01:06:42 เลยถูกนะเราก็รู้สึกแย่มากขึ้นเนาะเขายัง
01:06:42 → 01:06:44 ก็รู้สึกว่าแม้ฉันหวังดีนะฉันอุตส่าห์พูด
01:06:44 → 01:06:47 ไปตั้งเยอะตั้งแยะเนี่ยทำไมเธอไม่ทำตาม
01:06:47 → 01:06:52 ทำไมเธอไม่เชื่อมันต่างคนก็จะมาต่างๆคน
01:06:52 → 01:06:55 อยากให้อยากให้ชีวิตของกันและกันดีขึ้น
01:06:55 → 01:07:00 แต่พอวิธีการและการสื่อสารมันมันไม่ใช่
01:07:00 → 01:07:03 ปุ๊บนะถ้าเราทนๆไป
01:07:03 → 01:07:07 อาจจะยิ่งเกิดผลเสียนะคะดังนั้นเนี่ยการ
01:07:07 → 01:07:10 สื่อสารอย่าให้เขารู้นะคะก็เห็นด้วยว่า
01:07:10 → 01:07:15 สำคัญแล้วแต่เซ็งสื่อสารยังไงนั้นจากข้อ
01:07:15 → 01:07:19 มูลนี้นะเราเห็นได้ 2 อย่างชัดๆเลยคือ 1
01:07:19 → 01:07:26 น้องเห็นออกความหวังดีของคนพูดใช่ไหมคะ
01:07:26 → 01:07:32 สองคือน้องเองแคร์เขาว่าแค่ว่ากลัวว่าเขา
01:07:32 → 01:07:36 จะเสียความรู้สึกถ้าเกิดว่าเราบอกว่าเรา
01:07:36 → 01:07:39 รู้สึกไม่สบายใจรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของ
01:07:39 → 01:07:45 เขานะคะงั้นสองคำนี้ล่ะค่ะคือคำที่เราจะ
01:07:45 → 01:07:48 สื่อสารกับเขาอย่างซื่อสัตย์เนาะเขาว่า
01:07:48 → 01:07:49 เออ
01:07:49 → 01:07:54 คือเรารับรู้นะว่าเขาหวังดีใช่ไหมเออเรา
01:07:54 → 01:07:58 รู้เรามานี้แล้วเราก็แคร์มากนะว่าเอ่อเขา
01:07:58 → 01:08:03 จะรู้สึกยังไงนะถ้าเกิดว่าเรา
01:08:03 → 01:08:10 ก็จะพูดอะไรกับเขาในค่ะซึ่งแต่ว่าเราเรา
01:08:10 → 01:08:13 พบทวนมาแล้วล่ะนะว่าคือ
01:08:13 → 01:08:17 ถ้าเรารู้สึกไม่ค่อยเรารู้สึกไม่สบายใจ
01:08:17 → 01:08:22 จริงๆกับคำพูดของเขาเนี้ยเอ่อแต่เรารู้นะ
01:08:22 → 01:08:25 ว่าเขาหวังดีแต่ว่าคำพูดเนี่ยนะมันทำให้
01:08:25 → 01:08:29 ละอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยดีนักนะแล้ว
01:08:29 → 01:08:32 มันอาจจะยังช่วยแก้ปัญหานั้นไม่ได้นะคะ
01:08:32 → 01:08:36 นั้นคือกว่าที่เราจะมาพูดกับเขาแบบนี้
01:08:36 → 01:08:40 เนี่ยคือเราคิดมากเลยนะเออเราแคร์เขามาก
01:08:40 → 01:08:43 นะเดี๋ยวรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ที่
01:08:43 → 01:08:46 เราคิดว่าแล้วจะให้เราทั้งสองคนรับรู้
01:08:46 → 01:08:50 ร่วมกันแต่ค่ะอันนี้ก็อาจจะอาจจะแชร์เขา
01:08:50 → 01:08:55 แบบนี้ได้นะคะที่สำคัญเนี่ยเราอาจจะปิด
01:08:55 → 01:08:58 ท้ายด้วยกันขอบคุณเขาก็ได้นะคะนะคะขอบคุณ
01:08:58 → 01:09:02 นะที่เขาหวังดีมาตลอดเราสัมผัสได้แล้วรู้
01:09:02 → 01:09:06 สึกได้นะนะคะงั้นปัญหาเนี่ยคือไม่ใช่ว่า
01:09:06 → 01:09:11 อยู่ที่ตัวเขาปัญหามันอาจจะเป็นที่คำหรือ
01:09:11 → 01:09:13 มันอาจจะเป็นที่การสื่อสารนะ
01:09:13 → 01:09:16 แต่ว่าตัวเราเนี่ยรับรู้ถึงความหวังดีที่
01:09:16 → 01:09:21 เขาส่งให้เสมอนะคะอย่าลืมขอบคุณเขาและก็
01:09:21 → 01:09:24 จะทำให้เขาก็ยังรู้สึกดีกับเราอยู่นะคะ
01:09:24 → 01:09:26 อ่ะ
01:09:26 → 01:09:29 ฮะโอเคนะทุกคน
01:09:29 → 01:09:32 [เพลง]
01:09:32 → 01:09:37 รู้สึกรู้สึกว่าอ้อไม่ได้ไลฟ์มา
01:09:37 → 01:09:42 2 อาทิตย์นะอ่าเพราะว่าที่ที่แล้วนะเขา
01:09:42 → 01:09:46 ไปพักผ่อนกับคุณสามีนะคะที่ปราณบุรีก็เลย
01:09:46 → 01:09:56 ไม่ได้มาไลฟ์กลับมาอีกทีนึงเหนื่อยจ้ะ
01:09:56 → 01:09:58 นี่
01:09:58 → 01:10:03 ไอ้เหนื่อยเนี่ยมันมันหายไปนานหรือ
01:10:03 → 01:10:08 ว่าเหนื่อยเพราะว่าแก่นะเออ
01:10:08 → 01:10:13 เล่นตัวเองก็ได้ด้วยนะคะเอาแล้วค่ะหวัง
01:10:13 → 01:10:17 ว่านะวันนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะถ้า
01:10:17 → 01:10:23 เกิดว่าใครเนี่ยได้มีโอกาสนะเอาอ่า
01:10:23 → 01:10:26 ค่ะวันนี้นะคะความรู้วันนี้เนี่ยเอาไปใช้
01:10:26 → 01:10:31 นะได้ประโยชน์ยังไงนะมีผลลัพธ์ยังไงเรา
01:10:31 → 01:10:35 เอามาแชร์นะตาย comment นี้ก็ได้นะคะให้
01:10:35 → 01:10:37 หมอได้ชื่นใจหน่อยเนาะแล้วก็ถ้าเกิดใคร
01:10:37 → 01:10:42 อยากให้หมอนะคะมาพูดคุยเรื่องอะไรนะ
01:10:42 → 01:10:46 ประเด็นไหนที่จะช่วยให้เราเนี่ยมีความสุข
01:10:46 → 01:10:50 ในการใช้ชีวิตและการทำงานมากขึ้นนะคะก็มา
01:10:50 → 01:10:53 คอมเม้นกันนะคะนะเพื่อให้ไลฟ์เรายังคง
01:10:53 → 01:10:58 ดำเนินต่อไปเรื่อยๆนะต้องบอกว่าตอนนี้
01:10:58 → 01:11:02 หมอเองก็ตันแล้วนะคะฮ่าๆอ่ะเล่นตัวเองอีก
01:11:02 → 01:11:05 เอออ่ะอ่ะ
01:11:05 → 01:11:09 อ่าอันแล้วจริงๆนะวันจะแม่แต่ละอาทิตย์
01:11:09 → 01:11:12 นี้ก็คิดยากเหลือเกินนะต้องบอกว่าเราอยู่
01:11:12 → 01:11:16 กันมาปีนึงแล้วนะแล้วก็เจอกันเอ่ออย่าง
01:11:16 → 01:11:20 น้อยก็เว้นแค่ทีเดียวนะซึ่งนานๆครั้งนั้น
01:11:20 → 01:11:23 การที่ต้องคิดของข้อคนเดียวก็เป็นเรื่อง
01:11:23 → 01:11:27 ที่หนักอยู่เหมือนกันนะคะวันเกิดถ้าใครนะ
01:11:27 → 01:11:32 อยากอยากหาให้ทำเรื่องอะไรอย่าให้ความรู้
01:11:32 → 01:11:35 เรื่องอะไรก็แชร์เข้ามานะคะแต่ว่าในส่วน
01:11:35 → 01:11:38 ของโรคนะคะเดี๋ยวหมอขอทำเป็นคลิปนะก่อน
01:11:38 → 01:11:40 หน้านี้ก็มี
01:11:40 → 01:11:44 คนขอ 2 อย่างนะก็คือเรื่องของไบโพล่าร์นะ
01:11:44 → 01:11:49 คะนั้นอ่าเดี๋ยวหมอใจทำอ่าถ้าเกิดเป็นใน
01:11:49 → 01:11:51 เรื่องของกลุ่มที่เป็นโรคจิตเวชจริงๆ
01:11:51 → 01:11:54 เนี่ยหมอจะทำเป็นคลิปให้อยู่ใน YouTube
01:11:54 → 01:11:56 มาเอ้ยพี่ล่ะล็อกกิ้ง Happiness นะเพราะ
01:11:56 → 01:11:59 ว่าว่าอะไรรู้มั้ยเพราะว่าไลฟ์เนี่ยเรา
01:11:59 → 01:12:00 อยากให้
01:12:00 → 01:12:05 มันเป็นเรื่องที่พวกเราเนี่ยเจอกันเนาะ
01:12:05 → 01:12:08 นี่คือมันเป็นปัญหาชีวิตที่ใครก็ต้องเจอ
01:12:08 → 01:12:11 อ่ะแล้วเราแล้วเราก็จะอยู่กับมันได้อย่าง
01:12:11 → 01:12:14 มีความสุขมากขึ้นในคะก็อยากให้มันเป็นใน
01:12:14 → 01:12:16 Theme นั้นมากกว่านะคะส่วนใครอยากลงราย
01:12:16 → 01:12:20 ละเอียดลึกลงไปนะเราพูดถึงเรื่องความ
01:12:20 → 01:12:23 เศร้าความผิดหวังความโกรธกันนะคะในระดับ
01:12:23 → 01:12:26 ที่ทุกคนก็จะได้แบบเนี้ยเราถ้าเกิดใคร
01:12:26 → 01:12:29 อยากลงลึกนะเรื่องโรคซึมเศร้านะเรื่อง
01:12:29 → 01:12:31 ไบโพล่าร์เรื่องอะไรอย่างเหมาะทำเป็นความ
01:12:31 → 01:12:35 รู้เฉพาะเจาะจงไว้ให้ใน YouTube เหมือน
01:12:35 → 01:12:37 กันทีละอ่านกกี้ Happiness กันนะคะส่วน
01:12:37 → 01:12:41 ใครอยากคุยกับหมอนะนะคะหรือแลกเปลี่ยนทาง
01:12:41 → 01:12:45 โดยตรงคะในเรื่องปัญหาในการใช้ชีวิตและ
01:12:45 → 01:12:48 การทำงานของเราก็ไปคุยกันในคลับเฮ้าส์ได้
01:12:48 → 01:12:53 นะคะวันจันทร์มาระบาย 3 ทุ่มนะส่วนวันนี้
01:12:53 → 01:12:57 คงจะต้องราตรีสวัสดิ์ก่อนแล้วล่ะนะเพราะ
01:12:57 → 01:13:00 แก่แล้ว
01:13:00 → 01:13:02 เหนื่อย
01:13:02 → 01:13:06 อ่ะขอบคุณทุกคนที่อยู่กันจนถึงอันนี้นะคะ
01:13:06 → 01:13:09 ขอบคุณมดที่ถามด้วยนะขอบคุณ
01:13:09 → 01:13:16 น้องตี๋ที่น่ารักของคุณพี่นะคะขอบคุณมุก
01:13:16 → 01:13:20 นะคะแล้วบอกว่าขอบคุณหมอด้วยนะสำหรับพลัง
01:13:20 → 01:13:24 งานดีๆขอบคุณที่อยู่ด้วยกันตรงนี้นะคะนอน
01:13:24 → 01:13:27 หลับฝันดีนะราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ
01:13:27 → 01:13:33 [เพลง]
01:13:33 → 01:13:36 ม.ค