00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะพูดเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:04 เรื่องของคอลลาเจนนะครับเพราะว่าถ้าเรา
00:00:04 → 00:00:06 พูดถึงเรื่องของอาหารเสริมแล้วล่ะก็คงจะ
00:00:06 → 00:00:09 ขาดเรื่องของคอลลาเจนไปไม่ได้ใช่มยฮะก็
00:00:09 → 00:00:11 เลยอยากจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่าเวลา
00:00:11 → 00:00:13 ที่เราจะพิจารณากินหรือไม่กินคอลลาเจน
00:00:13 → 00:00:17 เสริมนะครับซื้อหรือว่าจะเอามาจากที่ไหน
00:00:17 → 00:00:19 ก็แล้วแต่เนี่ยเราต้องดูอะไรบ้างเราจะกิน
00:00:19 → 00:00:21 ดีไม่กินดีแล้วถ้ากินก็กินนานแค่ไหนกิน
00:00:21 → 00:00:23 มากเท่าไหร่กินแบบไหนดีนะครับแล้วกินแล้ว
00:00:24 → 00:00:25 มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าก็เดี๋ยวจะเล่า
00:00:25 → 00:00:27 ให้ฟังในวันนี้นะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:27 → 00:00:29 แพทย์ธนีธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์
00:00:29 → 00:00:31 อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยว
00:00:31 → 00:00:34 ชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะ
00:00:34 → 00:00:37 ครับก่อนอื่นเลยนะครับเราต้องมาทราบก่อน
00:00:37 → 00:00:39 ว่าคอลลาเจนเนี่ยมันคืออะไรนะครับ
00:00:39 → 00:00:41 คอลลาเจนเนี่ยมันเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งนะ
00:00:41 → 00:00:44 ครับแต่ว่าเป็นโปรตีนซึ่งมีอยู่หลากหลาย
00:00:44 → 00:00:47 ส่วนในร่างกายเลยนะครับแล้วก็ถ้าเอาร่าง
00:00:47 → 00:00:49 กายเรามาดูแล้วเนี่ยนะฮะคือโปรตีนทั้งหมด
00:00:49 → 00:00:51 ในร่างกายเนี่ยประมาณสัก 30% น่ะเป็น
00:00:51 → 00:00:55 คอลลาเจนนะฮะซึ่งถือว่าค่อนข้างที่จะเยอะ
00:00:55 → 00:00:57 เลยทีเดียวนะครับแล้วมันก็มีอยู่ในทุกๆ
00:00:57 → 00:01:01 อวัยวะด้วยนะครับทีนี้มันมาจากไหนนะฮะ
00:01:01 → 00:01:03 ร่างกายของคนเราเนี่ยสามารถที่จะสร้าง
00:01:03 → 00:01:06 โปรตีนต่างๆได้รวมทั้งคอลลาเจนด้วยนะครับ
00:01:06 → 00:01:08 เวลาที่เราสร้างเนี่ยมันจะสร้างมาจาก
00:01:08 → 00:01:11 เซลล์ตัวนึงื่อชื่อว่าเซลล์ไฟโบรบลาสต์นะ
00:01:11 → 00:01:14 ครับแล้วก็ตัวนี้เนี่ยมันก็จะดึงเอากรด
00:01:14 → 00:01:17 อะมิโนต่างๆนะครับที่เรารับประทานเข้าไป
00:01:17 → 00:01:19 หรือบางกรณีร่างกายเราสามารถสังเคราะห์
00:01:19 → 00:01:22 ได้เองนะครับแล้วก็เอามาผสมกันสร้างเป็น
00:01:22 → 00:01:26 คอลลาเจนชนิดต่างๆขึ้นมานะครับผมกล่าวว่า
00:01:26 → 00:01:29 คอลลาเจนชนิดต่างๆมันแปลว่าคอลลาเจนเนี่ย
00:01:29 → 00:01:31 ไม่ได้มีชนิดเดียวครับคอลลาเจนเนี่ยมันมี
00:01:31 → 00:01:34 ทั้งหมดประมาณ 28 ชนิดในปัจจุบันนี้นะ
00:01:34 → 00:01:37 ครับแล้วก็อาจจะมีชนิดที่ 29 เร็วๆนี้
00:01:37 → 00:01:40 ด้วยนะฮะเพราะว่าเท่าที่เราฟังเรื่องของ
00:01:40 → 00:01:43 โฆษณาเนี่ยเราคงจะเคยได้ยินนะครับเอิ่ม
00:01:43 → 00:01:45 อาหารเสริมบอกว่ามีคอลลาเจนชนิดที่ 1
00:01:45 → 00:01:48 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3 อ่าบางทีก็มีแบบ 5
00:01:48 → 00:01:50 มีแบบอ่าชนิดที่ 10 นะครับหรือบางอันก็
00:01:50 → 00:01:54 บอกว่าเออสกัดมาจากอ่าปลาทะเลน้ำลึก
00:01:54 → 00:01:56 คอลลาเจนปลาทะเลอะไรอย่างเงี้ยนะครับหรือ
00:01:56 → 00:01:59 คอลลาเจนจากจากไก่จากไข่อะไรเงี้ยครับ
00:01:59 → 00:02:02 แล้วก็บางกจากวัวนะฮะก็มีหลากหลายแล้วไอ้
00:02:02 → 00:02:05 พวกนี้เนี่ยมันแตกต่างกันอย่างไรยังไง
00:02:05 → 00:02:08 บ้างก็เดี๋ยวลงลงลึกไปเลยแล้วกันนะครับ
00:02:08 → 00:02:09 ก่อนอื่นเลยเมื่อกี้ที่เราพูดถึงว่า
00:02:09 → 00:02:12 คอลลาเจนเนี่ยมันมีหลากหลายชนิดนะครับ
00:02:12 → 00:02:14 สัตว์แต่แต่ละชนิดที่เวลาที่เราเอามาทำ
00:02:14 → 00:02:16 คอลลาเจนเนี่ยมันก็ให้คอลลาเจนที่ไม่
00:02:16 → 00:02:18 เหมือนกันนะครับอย่างเช่นถ้าเราเอา
00:02:18 → 00:02:21 คอลลาเจนจากวัวเนี่ยมันจะมีชนิดที่ 1 กับ
00:02:21 → 00:02:24 3 มากกว่านะครับถ้าเป็นจากปลาเนี่ยจะ
00:02:24 → 00:02:27 เป็นชนิดที่ 2 เป็นหลักนะครับจากพวกไข่
00:02:27 → 00:02:30 พวกไก่พวกเนี้ยก็จะเป็นชนิดที่ 2 กชนิด
00:02:30 → 00:02:32 ที่ 5 เป็นหลักนะครับแต่ว่าก็อาจจะมีชนิด
00:02:32 → 00:02:34 อื่นๆปนอยู่ในนี้ด้วยนะครับบางกรณีก็มี
00:02:34 → 00:02:38 ชนิดที่ 10 หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับแลแต่
00:02:38 → 00:02:41 ละชนิดเนี่ยมันมันต่างกันยังไงนะครับต้อง
00:02:41 → 00:02:44 เล่าอย่างนี้ก่อนนะครับชนิดที่ 1 2 และ 3
00:02:44 → 00:02:47 เนี่ยเจอได้เยอะที่สุดในร่างกายนะครับรวม
00:02:47 → 00:02:50 ๆแล้วก็สักประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด
00:02:50 → 00:02:52 นะครับชนิดที่ 1 เนี่ยมันก็จะอยู่ตามพวก
00:02:52 → 00:02:55 ผิวหนังพวกกระดูกกล้ามเนื้อเส้นเอ็นต่างๆ
00:02:55 → 00:02:58 นะครับเนี้ยเป็นหลักเลยนะครับแล้วก็ที่
00:02:58 → 00:03:00 สำคัญก็เนื่องจากว่ามันอยู่ที่ผิวหนัง
00:03:00 → 00:03:03 เนี่ยอ่าอายุคนเราเนี่ยเวลาถ้าเราเลยอายุ
00:03:03 → 00:03:05 30 เป็นต้นไปแล้วเนี่ยร่างกายเราจะสร้าง
00:03:05 → 00:03:08 คอลลาเจนได้ลดลงดังนั้นมันก็อาจจะมีการ
00:03:08 → 00:03:11 เสื่อมของอวัยวะต่างๆพวกนี้ได้เร็วกว่าใน
00:03:11 → 00:03:15 ช่วงที่เอาที่เราอายุน้อยกว่านะครับทีนี้
00:03:15 → 00:03:17 ชนิดที่ 2 ล่ะชนิดที่ 2 เนี่ยมันจะอยู่
00:03:17 → 00:03:20 บริเวณกระดูกอ่อนนะครับกระดูกอ่อนเป็น
00:03:20 → 00:03:21 หลักเลยแต่ก็จะมีชนิดอื่นๆที่อยู่ที่
00:03:22 → 00:03:24 กระดูกอ่อนเหมือนกันเช่นอ่าชนิดที่ 10 ก็
00:03:24 → 00:03:25 จะอยู่ที่กระดูกอ่อนเหมือนกันนะครับก็เลย
00:03:25 → 00:03:28 เป็นที่มาของการที่บอกเอ้อมันทำให้กระดูก
00:03:28 → 00:03:30 อ่อนแข็งแรงหรือเปล่าถ้าเรากินพวกนี้ก็ไป
00:03:30 → 00:03:32 นะครับอ่าชนิดที่ 10 ก็มีที่หมอนรอง
00:03:32 → 00:03:34 กระดูกอีกนะครับบางคนบอกว่ากินคอลลาเจน
00:03:35 → 00:03:36 เพื่อเสริมสร้างไม่ให้หมอนรองกระดูกมัน
00:03:37 → 00:03:40 เสื่อมนะครับอะไรพวกนี้นะครับชนิดที่ 3
00:03:40 → 00:03:43 นะฮะชนิดที่ 3 เนี่ยก็เจอได้คู่กับชนิด
00:03:43 → 00:03:45 แรกนะครับก็มีอยู่หลายๆที่เ่นเช่นกันนะ
00:03:45 → 00:03:48 ครับแล้วก็จะเจอพิเศษที่พวกเ่อหลอดเลือด
00:03:48 → 00:03:51 นะครับชนิดที่ 4 เนี่ยก็จะเจอตามเ่อเขาค
00:03:51 → 00:03:53 เรียกว่าเป็น basement membrane นะครับ
00:03:53 → 00:03:58 ก็คือเป็นส่วนที่อ่าเป็นพื้นของอวัยวะ
00:03:58 → 00:04:01 หลายๆอวัยวะแล้วกันนะครับเช่นที่ไตที่ปอด
00:04:01 → 00:04:03 อะไรอย่างเงี้ยนะครับก็จะเจอพวกนี้ได้
00:04:03 → 00:04:05 แล้วถ้ามันมีความเสื่อมหรือมันเสียมัน
00:04:05 → 00:04:08 สร้างผิดปกติไปก็อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่อง
00:04:08 → 00:04:10 โรคไตได้นะครับเ่าในทางการแพทย์เราจะ
00:04:10 → 00:04:12 เรียกว่า alport Syndrome นะครับแล้วก็
00:04:12 → 00:04:14 จะมีเรื่องของการได้ยินึ่งผิดปกติไปด้วย
00:04:14 → 00:04:16 นะครับในคนกลุ่มนี้อาจจะมีเรื่องปัญหา
00:04:16 → 00:04:19 เรื่องตานะฮะแต่จะไม่ลงรายละเอียดนี้แล้ว
00:04:19 → 00:04:22 กันนะครับว่ามันมีอะไรบ้างนะครับชนิดที่ 5
00:04:22 → 00:04:24 ก็เจอหลายที่เช่นในกล้ามเนื้อในตับในปอด
00:04:24 → 00:04:27 อย่างเงี้ยนะครับก็คือแต่ละชนิดเนี่ยมัน
00:04:27 → 00:04:29 มีหน้าที่ที่มันแตกต่างกันไปเราก็เจอตาม
00:04:29 → 00:04:32 อวัยวะที่มันไม่เหมือนกันนะครับเจอด้วย
00:04:32 → 00:04:36 เอิมันอาจจะมีความมากความน้อยแตกต่างกัน
00:04:36 → 00:04:40 ไปในร่างกายเรานะครับทีนี้ในเมื่อเรารู้
00:04:40 → 00:04:44 ละโอเคมันสร้างจากเซลล์ไฟโบรบลาสต์มันก็
00:04:44 → 00:04:47 สร้างลดลงตามอายุนะครับมันเป็นโปรตีนชนิด
00:04:47 → 00:04:50 หนึ่งแล้วโปรตีนชนิดที่ว่าก็คือมันเป็น
00:04:50 → 00:04:52 การสร้างมาจากกรดอะมิโนต่างๆนะครับที่
00:04:52 → 00:04:54 แล้วแต่ร่างกายเราจะสร้างพอมันสร้างเสร็จ
00:04:54 → 00:04:57 ปุ๊บเนี่ยมันก็จะเป็นสายยาวๆนะครับสายยาว
00:04:57 → 00:05:00 ๆพวกนี้มันจะพันๆๆกันนะครับพันกันแล้ว
00:05:00 → 00:05:02 เนี่ยมันก็จะเป็นลักษณะของคอลลาเจนชนิด
00:05:02 → 00:05:04 ต่างๆที่ไม่เหมือนกันนะครับสายที่มันมา
00:05:04 → 00:05:07 พันกันก็อาจจะเป็นลักษณะที่เอ่อมีองค์
00:05:07 → 00:05:10 ประกอบทางกรดอะมิโนที่ไม่เหมือนกันเลยนะ
00:05:10 → 00:05:14 ครับในในแต่ละชนิดของคอลลาเจนนะครับแล้ว
00:05:14 → 00:05:17 ทีนี้เนี่ยมันจะต้องมีกรดอมินตัวนึงซึ่ง
00:05:17 → 00:05:19 เจอเยอะที่สุดในในบรรดาคลนทั้งหมดก็คือ
00:05:19 → 00:05:23 กรดอมิโนชื่อว่าไลซีนนะครับแล้วก็มันจะมี
00:05:23 → 00:05:26 ตัวอื่นๆอีกก็คือโปรโปรลีนเนี่ยจะเจอเยอะ
00:05:26 → 00:05:29 นะครับทีนี้ตรงนี้นะครับมันมีความเกี่ยว
00:05:29 → 00:05:32 ข้องกับวิตามินซีนะฮะเพราะว่าวิตามินซี
00:05:32 → 00:05:35 เนี่ยมันมีความจำเป็นในการที่จะไปเติม
00:05:35 → 00:05:37 เอ่อสารตัวนึงแล้วกันเป็นหมูเรียกว่า
00:05:37 → 00:05:39 ไฮดรอกซี่นะครับคือทำให้เป็นไฮดรอกซี
00:05:39 → 00:05:41 โปรลีนไฮดรอกซีไลซีนหรืออะไรพวกเนี้ยนะ
00:05:41 → 00:05:43 ครับถ้าเราไม่มีวิตามินซีคอลลาเจนพวกเก็
00:05:43 → 00:05:46 จะออกมาประหลาดๆดนะครับเราก็อาจจะทำหน้า
00:05:46 → 00:05:49 ที่ได้ไม่ดีนะครับอ่ะที
00:05:49 → 00:05:53 นี้ต่อมาก็คือว่าไอ้ของพวกนี้นี่นะครับผม
00:05:53 → 00:05:57 ต้องบอกก่อนเลยว่าเวลาที่เราเข้าใจถึงสาร
00:05:57 → 00:06:01 ประกอบของคอลลาเจนแล้วนะครับครับถ้าเรา
00:06:01 → 00:06:04 กินมันเข้าไปเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะ
00:06:04 → 00:06:07 กลายไปเป็นคอลลาเจนชนิดนั้นอ่าตรงนี้แหละ
00:06:07 → 00:06:09 ครับที่เป็นปัญหาของอาหารเสริมต่างๆซึ่ง
00:06:09 → 00:06:15 เขาคพูดตามส่วนผสมต่างๆของร่างกายเช่นของ
00:06:15 → 00:06:18 ชนิดหนึ่งนะครับยี่ห้อหนึมีคอลลาเจน Type
00:06:18 → 00:06:20 1 type 2 type 3 ครบเลยมีเยอะด้วยนะ
00:06:20 → 00:06:23 ครับแล้วก็บอกว่ามันช่วยเรื่องของกระดูก
00:06:23 → 00:06:26 กล้ามเนื้อกระดูกอ่อนไม่ให้เข่าเสื่อมนะ
00:06:26 → 00:06:28 ครับช่วยเรื่องทำให้กระดูกแข็งแรงนะครับ
00:06:28 → 00:06:31 อ่าช่วยเรื่องเรื่องตาด้วยช่วยเรื่อง
00:06:31 → 00:06:33 กระดูกหมอนรองกระดูกสันหลังนะครับช่วยทุก
00:06:33 → 00:06:36 อย่างที่ผมพูดมาเพราะว่าคอลลาเจนเหล่า
00:06:36 → 00:06:39 เนี้ยมันเป็นส่วนประกอบของส่วนต่างๆเหล่า
00:06:39 → 00:06:42 นั้นนะครับแล้วเวลาที่เรากินเค้าไปเนี่ย
00:06:42 → 00:06:45 นะครับมันไม่ได้กลายเป็นมันไม่ได้ดูดไป
00:06:45 → 00:06:47 ทั้งคอลลาเจนแล้วก็กลายไปเป็นคอลลาเจนใน
00:06:47 → 00:06:51 ร่างกายนะครับอ่ามันต้องดูซึมเข้าไปโดน
00:06:51 → 00:06:54 ทำลายกลายไปเป็นกรดอะมิโนตัวเล็กๆนะครับ
00:06:54 → 00:06:56 แล้วร่างกายเรามันจะคิดเองว่าจะเอาไป
00:06:57 → 00:06:59 ประกอบเป็นกรดอะมิโนแบบไหนจะเอาไปสร้าง
00:06:59 → 00:07:01 โปรตีนชนิดอื่นหรือเปล่าหรือจะเอาไปสร้าง
00:07:01 → 00:07:03 เป็นคอลลาเจนถ้าเอาไปสร้างเป็นคอลลาเจน
00:07:03 → 00:07:08 สร้างคอลลาเจนอะไรนะครับดังนั้นเนี่ยท่าน
00:07:08 → 00:07:11 ที่กินของพวกนี้เข้าไปนะครับมันไม่ได้แปล
00:07:11 → 00:07:14 ว่าท่านจะเอาคอลลาเจนไปสร้างได้อย่างที่
00:07:14 → 00:07:16 ต้องการนะครับมันไม่ใช่กินปุ๊บคอลลาเจน
00:07:17 → 00:07:19 เข้าไปทดแทนในร่างกายเป็นรูปคอลลาเจนนะ
00:07:19 → 00:07:21 ครับไม่ใช่นะฮะมันต้องโดนย่อยเล็กๆก่อนพอ
00:07:21 → 00:07:25 ย่อยเสร็จปุ๊บกลายไปเป็นอะมิโนกรดอะมิโน
00:07:25 → 00:07:28 เล็กๆนะครับร่างกายจะเป็นตัวเลือกเองว่า
00:07:28 → 00:07:31 จะเอากรดอมิโนพวกเนี้ยเนี่ยไปทำอะไรนะ
00:07:31 → 00:07:33 ครับเราไปสั่งมันไม่ได้นะครับเนี่ยคือ
00:07:33 → 00:07:35 ปัญหาของการที่เราจะกินคอลลาเจนเสริม
00:07:35 → 00:07:39 เพราะว่าท่านกินเข้าไปแน่นอนเคใช้หลักใน
00:07:39 → 00:07:42 การโฆษณาว่าคอลลาเจนเนี่ยนะครับมันเป็น
00:07:42 → 00:07:45 ส่วนประกอบของส่วนต่างๆของร่างกายถ้ามัน
00:07:45 → 00:07:48 ผิดปกติไปแน่นอนว่าร่างกายย่อมมีปัญหาแต่
00:07:48 → 00:07:52 ว่าคอลลาเจนที่กินเข้าไปนั้นไม่สามารถที่
00:07:52 → 00:07:54 จะกลายไปเป็นคอลลาเจนในร่างกายได้ครับมัน
00:07:54 → 00:07:56 ขึ้นอยู่กับร่างกายที่จะตัดสินใจว่าจะเอา
00:07:56 → 00:07:58 ไปทำอะไรก็เหมือนกับเวลาที่เราสร้างบ้าน
00:07:58 → 00:08:01 นะครับถ้าถ้าเรามีอิฐมีเหล็กมีปูนนะครับ
00:08:01 → 00:08:04 เราก็ส่งเข้าไปเยอะๆนะครับแต่้างแต่คน
00:08:04 → 00:08:06 สร้างบ้านกับคนเขียนแบบเนี่ยจะต้องเป็นคน
00:08:06 → 00:08:08 คิดเองว่าตกลงแล้วจะเอาอิฐพวกเนี้ยไป
00:08:08 → 00:08:11 สร้างอะไรเอาเหล็กไปทำอะไรนะครับแล้วถ้า
00:08:11 → 00:08:14 มันเหลือล่ะอ่าถ้ามันเหลือก็ทิ้งสิครับ
00:08:14 → 00:08:18 ถูกมั้ยฮะนะครับนั่นคือปัญหานะครับถ้าถ้า
00:08:18 → 00:08:20 มันเหลือเราจะเอาไปทิ้งครับเหมือนกับการ
00:08:20 → 00:08:23 ที่เราสร้างบ้านถ้าถ้าเรามีพวกอิฐพวกอะไร
00:08:23 → 00:08:25 พวกเนี้ยเกินนะครับเราก็ไม่เอามันไปใช้นะ
00:08:25 → 00:08:26 ครับเพราะว่าบ้านเรามันสวยอยู่แล้วเราจะ
00:08:26 → 00:08:30 ไปเติมกันทำไมนะครับนั่นคือปัญหานะฮะอ่า
00:08:30 → 00:08:33 ทีนี้เราเข้าใจไปแล้วว่าการกินคอลลาเจน
00:08:33 → 00:08:35 เนี่ยมันไม่ได้กลายไปเป็นคอลลาเจนในร่าง
00:08:35 → 00:08:37 กายเสมอไปนะครับมันขึ้นอยู่กับร่างกายเรา
00:08:37 → 00:08:41 จะเอามันไปสร้างอะไรยังไงแล้วแต่ร่างกาย
00:08:41 → 00:08:43 เรายังไม่มีวิธีไปกระตุ้นให้ร่างกายมัน
00:08:43 → 00:08:45 สร้างคอลลาเจนได้ตามที่เราต้องการนะครับ
00:08:45 → 00:08:48 อาจจะมีข้อยกเว้นบางอย่างเช่นการทำพวก
00:08:48 → 00:08:51 เลเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับความงามนะครับ
00:08:51 → 00:08:53 ซึ่งมันอาจจะสามารถกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะ
00:08:53 → 00:08:55 บริเวณได้แต่มันก็ไม่สามารถกระตุ้น
00:08:55 → 00:08:57 คอลลาเจนทั้งตัวได้นะครับเป็นไปไม่ได้นะ
00:08:57 → 00:08:59 ฮะไม่มียาไม่มีอะไรที่เป็นกระกระตุ้น
00:08:59 → 00:09:01 คอลลาเจนได้ทั้งตัวนะครับในปัจจุบันนี้ยก
00:09:02 → 00:09:04 เว้นการเดียวก็คือการออกกำลังกายอย่าง
00:09:04 → 00:09:06 สม่ำเสมอที่มันช่วยได้นะครับเพราะมันจะทำ
00:09:06 → 00:09:08 ให้ร่างกายเราสามารถที่จะเอาคอลลาเจนเก่า
00:09:08 → 00:09:10 เนี่ยที่มันเสียแล้วเอาไปทิ้งแล้วก็สร้าง
00:09:10 → 00:09:13 ขึ้นมาใหม่ได้จากกรดอะมิโนที่เรารับ
00:09:13 → 00:09:16 ประทานเข้าไปจากแหล่งต่างๆนั่นเองนะครับ
00:09:16 → 00:09:19 อ่าทีนี้เรื่องวิตามินซีก็จะมีความเกี่ยว
00:09:19 → 00:09:23 ข้องด้วยนะครับวิตามินซีแค่ไหนนะครับคือ
00:09:23 → 00:09:26 ปกติคนเราเนี่ยต้องการวิตามินซีแค่ประมาณ
00:09:26 → 00:09:28 สัก 90 มกรถึง 100 มิลกรัมต่อวันเท่านั้น
00:09:28 → 00:09:30 เองนะครับไม่ได้ต้องการเป็นกรัมหรืออะไร
00:09:30 → 00:09:33 เยอะกว่านั้นนะครับงั้นถ้าเรากินอาหารโดย
00:09:33 → 00:09:35 ทั่วๆไปเราไม่ได้เลือกกินอาหารเฉพาะ
00:09:35 → 00:09:38 ประเภทนะครับเราไม่มีทางขาดวิตามินซีแน่ๆ
00:09:38 → 00:09:40 นะครับคือเราจะได้เข้าไปเพียงพอแน่ๆนะฮะ
00:09:41 → 00:09:43 ดังนั้นเนี่ยคือถ้าอยากจะทานเสริมเข้าไป
00:09:43 → 00:09:45 ก็ได้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับเพียงแต่
00:09:45 → 00:09:47 ว่ามันช่วยหรือไม่ช่วยนั้นอีกเรื่องนึงนะ
00:09:47 → 00:09:49 ครับซึ่งส่วนใหญ่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรที่
00:09:49 → 00:09:52 เ่อเป็นชิ้นเป็นอันซักขนาดนั้นนะครับเอ่อ
00:09:52 → 00:09:54 รายงานงานวิจัยหลายๆอย่างก็ยังมีข้อขัด
00:09:54 → 00:09:57 แย้งกันเองซะอีกด้วยซ้ำไปนะครับ
00:09:57 → 00:10:01 อ่าทีนี้ก็มีคนอาจจะเถียงว่าเฮ้ยไม่จริง
00:10:01 → 00:10:04 หรอกน่ะฉันกินคอลลาเจนเข้าไปแล้วรู้สึก
00:10:04 → 00:10:08 ว่ามันกมันหายปวดข้ออ่าผิวมันดูดีขึ้นนะ
00:10:08 → 00:10:10 ครับมันก็มีอย่างนั้นจริงๆนะครับเพียงแต่
00:10:10 → 00:10:13 ว่ารายงานที่ว่าเป็นแบบนั้นเนี่ยมันยัง
00:10:13 → 00:10:15 น้อยอยู่นะครับแล้วก็มีปัญหาได้เพราะไม่
00:10:15 → 00:10:18 ฉะนั้นเนี่ยถ้าท่านบอกว่าโอเคถ้ากินเข้า
00:10:18 → 00:10:20 ไปแล้วได้คอลลาเจนแบบนั้นเข้าไปตรงๆเนี่ย
00:10:20 → 00:10:23 นะครับมันควรจะต้องรักษาโรคได้จริงมั้ย
00:10:23 → 00:10:26 ครับคือคอลลาเจนอย่างที่ผมบอกมีหลากหลาย
00:10:26 → 00:10:28 ชนิดมากแล้วเวลาที่คอลลาเจนพวกเนี้ยมัน
00:10:28 → 00:10:32 ผิดปกปกตินะครับมันก็จะทำให้เกิดโรคบาง
00:10:32 → 00:10:34 อย่างขึ้นมานะครับยกตัวอย่างเช่นอะไรบ้าง
00:10:34 → 00:10:37 นะครับโรคกระดูกอ่อนเสื่อมต่างๆมีหลาย
00:10:37 → 00:10:40 ชนิดนะครับเ่อพวกเนี้ยเอ่อเขาจะเรียกว่า
00:10:40 → 00:10:44 cond dysplasia นะครับ cond เมาจากคำ
00:10:44 → 00:10:47 ว่ามันแปลว่ากระดูกอ่อน displacer ก็คือ
00:10:47 → 00:10:48 เป็นการสร้างซึ่งผิดปกติก็เป็นการสร้าง
00:10:49 → 00:10:50 กระดูกอ่อนที่ผิดปกตินะครับถ้าเกิดว่า
00:10:51 → 00:10:53 คอลลาเจนมันไม่สามารถสร้างให้ปกติได้นะนะ
00:10:53 → 00:10:57 ครับถ้าเป็นมันจะมีกลุ่มโรคอันนึงชื่อว่า
00:10:57 → 00:11:00 erer dun loss นะครับหลายๆคนอาจจะเคย
00:11:00 → 00:11:02 เห็นพวกนักกายกรรมที่สามารถที่จะทำให้ตัว
00:11:02 → 00:11:06 อ่อนมากๆนะครับบิดบิดมืองอเลยนะครับเอ่อ
00:11:06 → 00:11:09 บิดไปซ้ายไปขวาบิดเอาทำไหล่หลุดออกมาได้
00:11:09 → 00:11:12 หมุนๆหลายๆรอบได้นะครับพวกนั้นเนี่ยส่วน
00:11:12 → 00:11:14 ใหญ่เป็น eross Syndrome นะครับซึ่งมัน
00:11:14 → 00:11:18 ก็จะมีความยืดหยุ่นของพวกข้อต่อพวกผิว
00:11:18 → 00:11:20 หนังนะครับบางทีดึงหนังขึ้นมาหนังมันยืด
00:11:20 → 00:11:23 ออกมาอย่างยาวๆได้เลยนะครับคือก็ความีย
00:11:23 → 00:11:26 ปกติของคอลลาเจนหลายๆแบบก็ส่งผลทำให้เกิด
00:11:26 → 00:11:29 eror D loss พวกนี้ได้นะครับอ่านอก
00:11:29 → 00:11:33 เหนือจากนี้ก็มีอีกหลากๆอย่างนะฮะปัญหา
00:11:33 → 00:11:36 คือถ้าบอกว่าคอลลาเจนกินเข้าไปแล้วมันจะ
00:11:36 → 00:11:39 กลายไปเป็นคอลลาเจนในร่างกายได้เลยอย่าง
00:11:39 → 00:11:41 งั้นท่านกินคอลลาเจนไอ้โรคพวกนี้ก็ต้อง
00:11:41 → 00:11:45 หายสิครับถูกมั้ยฮะถ้าเรากินคอลลาเจน
00:11:45 → 00:11:48 เสริมไม่ว่าจากยี่ห้อดีที่สุดในโลกแค่ไหน
00:11:48 → 00:11:50 กินเข้าไปเยอะๆถ้าบอกว่ามันกลายไปเป็น
00:11:50 → 00:11:52 คอลลาเจนในร่างกายได้ปุ๊บมันจะต้องเอาไป
00:11:53 → 00:11:55 ทดแทนไอ้ของพวกเนี้ยทั้งหมดถูกมั้ยฮะ
00:11:55 → 00:11:57 คอลลาเจนมันไม่ดีมันก็ต้องขับออกไปเอา
00:11:57 → 00:11:58 คอลลาเจนที่ดีเข้าไปเติมแล้วโรกนั้นก็
00:11:58 → 00:12:01 ต้องหายแต่มันไม่เป็นแบบนั้นครับที่มัน
00:12:01 → 00:12:04 ไม่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าเหตุผลที่ผมบอก
00:12:04 → 00:12:06 ไงครับกินคอลลาเจนเข้าไปเท่าไหร่มันจะ
00:12:06 → 00:12:08 ต้องโดนย่อยให้เป็นเป็นกรดอะมิโนตัวเล็กๆ
00:12:08 → 00:12:10 แล้วร่างกายเราก็จะเอามันไปสร้างด้วยตัว
00:12:10 → 00:12:13 เองนะครับแต่บังเอิญในคนที่มีโรคพวกนั้น
00:12:13 → 00:12:16 เนี่ยมันไม่สามารถสร้างได้ให้มันปกติคือ
00:12:16 → 00:12:19 เครื่องมือในการเอาไปประกอบกรดอะมิโนพวก
00:12:19 → 00:12:21 นี้เป็นคอลลาเจนมันเสียนะครับมันจะเสีย
00:12:21 → 00:12:24 ได้ตามที่ต่างๆก็แล้วแต่ว่าเสียตรงบริเวณ
00:12:24 → 00:12:28 ไหนก็เป็นโรคที่มันไม่เหมือนกันนะครับอ่า
00:12:28 → 00:12:31 โอเคตอนนี้เราเข้าใจและว่าไอ้คอลลาเจนพวก
00:12:31 → 00:12:33 เนี้ยกินเข้าไปอ่ะมันอาจจะไม่ได้ช่วยเรา
00:12:33 → 00:12:36 มากนะครับคืออาจจะมีบางคนกินไปแล้วก็รู้
00:12:36 → 00:12:39 สึกว่าเออผิวตัวเองมันดูดีขึ้นนะเอ่อรอย
00:12:39 → 00:12:41 ย่นมันลดลงนะครับอ่าพวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะมี
00:12:41 → 00:12:43 งานวิจัยบอกว่าโอต้องกินไปประมาณสัก 3
00:12:44 → 00:12:46 เดือนนะครับแล้วก็ถ้าจะกินก็อยู่ที่
00:12:46 → 00:12:49 ประมาณสัก 2 2 กรัมครึ่งถึง 10 กรัมต่อ
00:12:49 → 00:12:52 วันนะครับถ้าเรื่องกระดูกก็อาจจะต้องนาน
00:12:52 → 00:12:54 กว่านั้นหน่อยนะครับเช่น 6 เดือนอย่างงี้
00:12:54 → 00:12:58 เป็นต้นนะครับแ่าแต่ตรงนี้เนี่ยมันเป็น
00:12:58 → 00:13:00 ความรู้สึกนะครับมันไม่ใช่เป็นอะไรที่วัด
00:13:00 → 00:13:04 ได้ในทางการแพทย์เท่าไหร่นะครับอ้าเพราะ
00:13:04 → 00:13:07 ว่าอะไรเพราะว่าบางคนกินเข้าไปแล้วเออ
00:13:07 → 00:13:09 กระดูกมันแข็งแรงดีแต่ถ้าเราไปทำ MRI ดู
00:13:09 → 00:13:11 ข้อกระดูกพวกเอาจจะไม่ได้แตกต่างจากเดิม
00:13:11 → 00:13:14 เลยก็ได้นะครับแต่อย่างไรก็ตามถ้าท่านกิน
00:13:14 → 00:13:17 แล้วสบายใจก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับอ่าที
00:13:17 → 00:13:20 นี้เวลาที่เราจะเลือกกินไอ้คอลลาเจนพวก
00:13:20 → 00:13:23 เนี้ยสมมุติว่าอ่าเราไม่สนใจแล้วเราเรา
00:13:23 → 00:13:26 กลัวว่าเราได้พวกโปรตีนพวกเนี้ยไม่พอ่ะ
00:13:26 → 00:13:28 เราอยากจะกินเสริมเข้าไปนะฮะแต่เราไม่
00:13:28 → 00:13:30 อยากจะกินไปจากอาหารเพราะว่ายังไงเราก็
00:13:30 → 00:13:31 คิดว่าเรากินไม่พอนะครับเพราะบางคนเวลา
00:13:32 → 00:13:34 โฆษณาอาหารเสริมที่เค้าโฆษณาว่าอะไรครับ
00:13:34 → 00:13:37 โฆษณาว่าอาหารที่เรากินในยุคปัจจุบัน
00:13:37 → 00:13:39 เนี่ยไม่มีทางหรอกครับที่เราจะได้ทุกๆ
00:13:39 → 00:13:41 อย่างเพียงพอดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องกิน
00:13:41 → 00:13:44 เสริมเข้าไปอ่าคุ้นๆมยครับไม่ว่าจะแบรนด์
00:13:44 → 00:13:48 ไหนก็แล้วแต่ผมเห็นเใช้ข้อข้อโต้แย้งแบบ
00:13:48 → 00:13:49 นี้เสมอซึ่งจริงๆมันไม่ถูกต้องอยู่แล้วนะ
00:13:49 → 00:13:52 ฮะเพราะว่าเรารู้ว่ายังไงกินเข้าไปถ้าเรา
00:13:52 → 00:13:54 ไม่ได้กินเลือกเลือกกินเฉพาะอาหารบาง
00:13:54 → 00:13:56 ประเภทยังไงเราก็จะได้เข้าไปเพียงพออยู่
00:13:56 → 00:13:58 ดีนะครับอ่ะแต่สมมุติว่าท่านไม่ได้สนใจ
00:13:58 → 00:14:00 ตรงละท่านอยากจะกินนคอลลาเจนเพื่อความ
00:14:00 → 00:14:03 สบายใจะกันทำยังไงดีนะครับก่อนอื่นเลยนะ
00:14:04 → 00:14:06 ครับท่านต้องดูตัวเองว่าท่านแพ้อาหารอะไร
00:14:06 → 00:14:08 หรือเปล่านะครับเพราะว่าไอ้คอลลาเจนพวก
00:14:08 → 00:14:11 นี้เนี่ยนะครับถ้าท่านแพ้ปลาอ้าวไปกิน
00:14:11 → 00:14:13 คอลลาเจนซึ่งสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกก็ไม่
00:14:13 → 00:14:16 ได้นะครับถูกมั้ยฮะถ้าท่านแพ้ไข่อ้าว
00:14:16 → 00:14:18 คอลลาเจนที่สกัดมาจากพวกไก่พวกไข่ก็ไม่
00:14:19 → 00:14:22 ได้เหมือนกันนะครับอ่าท่านที่เอ่อกิน
00:14:22 → 00:14:25 เนื้อไม่ได้อ้าวแล้วสมมุตินับถือเจ้าแม่
00:14:25 → 00:14:28 กุดอิมทานเนื้อไม่ได้แล้วจะกินคอลลาเจน
00:14:28 → 00:14:31 ซึ่งมาจากวัวเหรอครับก็ไม่ได้ถูกมั้ยครับ
00:14:31 → 00:14:33 อันนี้ก็ก็ท่านก็ต้องไปพิจารณาเอาเองว่า
00:14:33 → 00:14:36 จะทำยังไงนะครับเพราะบางคนเคร่งมากอะไร
00:14:36 → 00:14:38 ที่มาจากวัวนี่ฉันไม่กินเลยนะครับก็ก็
00:14:38 → 00:14:40 แล้วแต่นะครับก็ต้องคิดกันตัวเองว่าจะยัง
00:14:40 → 00:14:45 ไงนะครับส่วนกินคือควรจะต้องพยายามเลือก
00:14:45 → 00:14:48 คอลลาเจนซึ่งเขียนว่า hrz คอลลาเจนหรือ
00:14:48 → 00:14:51 ไฮโดรเจน hydrolyzate นะครับเพราะว่า
00:14:51 → 00:14:54 อันเนี้ยมันจะดุกย่อยให้สามารถดูดซึมได้
00:14:54 → 00:14:57 ค่อนข้างที่จะง่ายนะครับมันจะมีอีก 2 แบบ
00:14:57 → 00:14:59 ซึ่งดูดซึมไม่ค่อยได้เท่าไหร่คือ 1 เป็น
00:14:59 → 00:15:01 แบบเจลาตินเจลาตินก็พวกวุ้นต่างๆพวกนี้
00:15:01 → 00:15:03 แหละครับมันจะเป็นเจลาตินซึ่งมันก็เป็น
00:15:03 → 00:15:05 คอลลาเจนอย่างหนึ่งแต่ว่ามันดูดซึมได้
00:15:05 → 00:15:08 ค่อนข้างยากนะครับอีกแบบนึงเลยก็คือแบบสด
00:15:08 → 00:15:11 ๆเลยนะครับเรียกว่าเป็น Raw คลานนะครับ
00:15:11 → 00:15:15 เอิหรือมันมันจะมีอีกชื่อเรียกนึงส่วน
00:15:15 → 00:15:17 ใหญ่มันจะเป็นพวกคอลลาเจน type 2 ซึ่งมา
00:15:17 → 00:15:20 จากพวกปลาอะไรเงี้ยนะครับคือคอลลาเจน type
00:15:20 → 00:15:22 2 พวกที่ที่มาจากปลาเนี่ยก็จะมีมีบางอัน
00:15:22 → 00:15:25 เป็น Raw คลานหรือว่าเป็นอันที่ยังไม่ได้
00:15:25 → 00:15:29 ไม่ได้ย่อยนะครับคือ Un digest คคือยัง
00:15:29 → 00:15:31 ไม่ได้ย่อยเลยนะครับพวกเนี้ยดูซึมยากที่
00:15:31 → 00:15:33 สุดเลยดังนั้นเวลาที่เราจะเลือกคอลลาเจน
00:15:33 → 00:15:36 เนี่ยควรจะเลือกคอลลาเจนไรสหรือไรล
00:15:37 → 00:15:41 คอลลาเจนนะครับอ่าแล้วกินกินแค่ไหนก็แน่ๆ
00:15:41 → 00:15:44 ว่าปัจจุบันเนี่ยเราทราบอยู่ที่ประมาณ 2.5
00:15:44 → 00:15:47 กรัมถึง 10 กรัมต่อวันถ้าอยู่ในช่วงเนี้ย
00:15:47 → 00:15:50 ก็น่าจะโอเคไม่มีปัญหาอะไรนะครับแต่ถ้า
00:15:50 → 00:15:53 เรากินบางคนเนี่ยก็จะมีอาการท้องอืดมีกรด
00:15:53 → 00:15:56 ไหลย้อนได้ในบางคนนะครับดังนั้นท่านก็จะ
00:15:56 → 00:15:58 ต้องดูตัวเองว่ากินแล้วมีปัญหาพวกนี้หรือ
00:15:58 → 00:16:00 เปล่าถ้ากินแล้วมีปัญหาท่านก็อาจจะต้อง
00:16:00 → 00:16:03 กินลดลงหรือว่าอาจจะต้องไม่กินมันนะครับ
00:16:03 → 00:16:05 นั่นคือสิ่งที่เราต้องคิดแล้วสิ่งนึงซึ่ง
00:16:05 → 00:16:07 เราจะต้องรู้เสมอก็คือว่าไอ้คอลลาเจนพวก
00:16:07 → 00:16:10 นี้เนี่ยนะครับมันไม่มีการควบคุมด้วยองค์
00:16:10 → 00:16:12 การอาหารและยานะครับเนื่องจากว่าไม่ได้จด
00:16:12 → 00:16:15 ทะเบียนเป็นยานะครับตรงนี้มันมีความสำคัญ
00:16:15 → 00:16:18 ยังไงมันมีความสำคัญที่ว่าถ้าเมื่อไหร่
00:16:18 → 00:16:21 ไม่ได้จดทะเบียนปัญยาแล้วล่ะก็การควบคุม
00:16:21 → 00:16:25 ดูแลการผลิตนี้มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
00:16:25 → 00:16:28 ไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่หมายความว่าอะไร
00:16:28 → 00:16:31 หมายความว่าปริมาณคอลลาเจนที่เราได้อาจจะ
00:16:31 → 00:16:34 ไม่เหมือนที่ฉลากเขาเขียนเป๊ะนะครับอาจจะ
00:16:34 → 00:16:37 มีเยอะกว่าก็ได้หรืออาจจะน้อยกว่าแบบมากๆ
00:16:37 → 00:16:40 เลยก็ได้นะครับและที่สำคัญอาจจะมีสาร
00:16:40 → 00:16:42 อย่างอื่นปนเปื้อนเข้ามาก็ได้นะครับเพราะ
00:16:42 → 00:16:46 ว่าเวลาที่เราไม่ได้ดูเรื่องแบบเนี้ยแบบ
00:16:46 → 00:16:49 ชัดเจนจริงๆนะครับไม่ได้มีความเข้มงวด
00:16:49 → 00:16:53 เนี่ยบางครั้งความที่มีอะไรผิดพลาดแล้วก็
00:16:53 → 00:16:55 หลงเข้ามาในอาหารเสื่อมเหล่านั้นก็เจอได้
00:16:55 → 00:16:57 นะครับดังนั้นตรงนี้ก็ต้องแล้วแต่ท่านเอง
00:16:57 → 00:16:59 นะครับถ้าให้ดี
00:16:59 → 00:17:02 ก็จะต้องดูด้วยว่ามันมีองค์กรอิสระมาตรวจ
00:17:02 → 00:17:05 สอบในคอลลาเจนที่ท่านทานอยู่หรือเปล่านะ
00:17:05 → 00:17:09 ครับถ้ามีก็ดีนะครับแต่ถ้ามีเมื่อ 5 ปี
00:17:09 → 00:17:12 ที่แล้วก็ไม่ดีนะครับเพราะว่าพวกเมันจะ
00:17:12 → 00:17:14 ต้องทำทุกๆปีนะครับจะได้รู้ว่าตกลงแล้ว
00:17:15 → 00:17:16 ไอ้ที่เขาทำมาเนี่ยมันได้รับการตรวจสอบ
00:17:16 → 00:17:19 จริงหรือเปล่านะครับแล้วก็มีข้อมูลมีทุกๆ
00:17:20 → 00:17:22 อย่างเนี่ยตามที่เขาคเขียนที่ฉลากหรือไม่
00:17:22 → 00:17:26 นะครับอ่านี่คือการกินคอลลาเจนนะครับงั้น
00:17:26 → 00:17:29 เวลาที่เราสมมุติว่าเราโอเคเราบอกแล้วเรา
00:17:29 → 00:17:31 ไม่อยากกินเพราะว่าอาหารมันก็ให้พวก
00:17:31 → 00:17:33 คอลลาเจนพวกนี้อาหารอะไรที่ให้คอลลาเจนนะ
00:17:33 → 00:17:37 ครับก็ยกตัวอย่างเช่นน้ำต้มกระดูกหมูนะ
00:17:37 → 00:17:39 ครับคือคอลลาเจนเยอะอันนี้ผมชอบมันอร่อย
00:17:39 → 00:17:40 ด้วยนะครับอร่อยกว่าคอลลาเจนธรรมดาอีกนะ
00:17:40 → 00:17:43 ฮะอร่อยกว่าคอลลาเจนผงเยอะนะครับแล้วก็
00:17:43 → 00:17:47 พวกถ้าเรากินกินไก่กินปลาอย่างเงี้ยครับ
00:17:47 → 00:17:49 พวกเมีคอลลาเจนอยู่แล้วนะครับหรือแม้แต่
00:17:49 → 00:17:51 เรากินโปรตีนธรรมดาก็ตามนะครับโปรตีนพวก
00:17:51 → 00:17:55 เนี้ยคือมันมาจากไหนครับโปรตีนพวกนี้ก็
00:17:55 → 00:17:57 คือกรดอะมิโนมารวมตัวกันไงล่ะครับ
00:17:57 → 00:18:00 นะดังนั้นถ้าเรากินโปรตีนเวลาเราดูดซึม
00:18:01 → 00:18:02 เข้าร่างกายเนี่ยนะครับมันก็จะโดนย่อย
00:18:02 → 00:18:05 ย่อยๆจนกลายเป็นพวกพวกกรดอะมิโนนะครับ
00:18:05 → 00:18:07 แล้วกรดอะมิโนตัวนี้ร่างกายจะเป็นคนตัด
00:18:07 → 00:18:10 สินใจเองว่าจะเอามันไปสร้างอะไรจะเอามัน
00:18:10 → 00:18:12 ไปสร้างคอลลาเจนหรือจะเอามันไปสร้าง
00:18:12 → 00:18:14 โปรตีนชนิดอื่นจะเอาไปสร้างเอนไซม์ชนิด
00:18:14 → 00:18:17 ต่างๆจะเอาไปสร้างฮอร์โมนแล้วแต่ร่างกาย
00:18:17 → 00:18:21 เลยครับนะฮะเราควบคุมมันไม่ได้นะฮะอ่าตรง
00:18:21 → 00:18:23 นี้ก็คือทั้งหมดที่ผมคิดว่ามีความสำคัญ
00:18:23 → 00:18:26 เกี่ยวข้องกับคอลลาเจนถ้าเกิดว่าใครจะ
00:18:26 → 00:18:29 เลือกทานคอลลาเจนนะครับดังนั้นโดยสรุป
00:18:29 → 00:18:32 แล้วนะฮะคอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่ง
00:18:32 → 00:18:35 สร้างมาด้วยเซลล์ชื่อว่าไฟโบรบลาสต์นะ
00:18:35 → 00:18:37 ครับเอ่อพวกนี้เนี่ยอ้อผมลืมพูดอีก
00:18:37 → 00:18:41 ประเด็นนึงเลยประเด็นนี้สำคัญมากๆเวลาที่
00:18:41 → 00:18:44 เราเกิดแผลเนี่ยนะครับเวลาแผลมันจะสมาน
00:18:44 → 00:18:47 มันต้องใช้คอลลาเจนปัญหาคือแผลเป็นก็คือ
00:18:48 → 00:18:50 คอลลาเจนแล้วมีคอลลาเจนเยอะด้วยแล้วเยอะ
00:18:50 → 00:18:54 ผิดปกติด้วยนะครับการเกิดพังผืดต่างๆตาม
00:18:54 → 00:18:56 ร่างกายพวกนั้นคือคอลลาเจนทั้งหมดเลยครับ
00:18:56 → 00:19:00 พังผืดที่ไหนพังผืในปอดนะบางคนอาจจะเห็น
00:19:00 → 00:19:03 ถามผมเรื่องพังผืดในปอดมันคืออะไรรักษา
00:19:03 → 00:19:06 ได้มั้ยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ครับคือพังผืด
00:19:07 → 00:19:09 เนี่ยคือแผลเป็นที่อยู่ในพอดในปอดนี่แหละ
00:19:09 → 00:19:11 ครับและไอ้พวกพังผืดพวกเนี้ยมันเป็นเพราะ
00:19:11 → 00:19:14 ว่าเซลล์ไบสไปอยู่ตรงนั้นเต็มไปหมดเลย
00:19:14 → 00:19:16 แล้วก็สร้างคอลลาเจนเข้าไปทับถมในนั้นนะ
00:19:16 → 00:19:19 ครับผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าคนที่
00:19:19 → 00:19:22 เป็นโรคพังผืดปอดกินคอลลาเจนเข้าไปเยอะๆ
00:19:22 → 00:19:23 แล้วจะทำให้พังผืดเป็นมากขึ้นหรือเปล่า
00:19:23 → 00:19:25 อันนี้ผมตอบไม่ได้นะครับผมไม่มีข้อมูลตรง
00:19:26 → 00:19:29 นี้นะครับแต่ผมคิดว่ามันอาจจะไม่เกี่ยว
00:19:29 → 00:19:31 เพราะว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คอลลาเจน
00:19:31 → 00:19:33 เยอะคอลลาเจนน้อยที่เรากินเข้าไปปัญหามัน
00:19:33 → 00:19:36 อยู่ตรงที่ว่าร่างกายเรามันมีความผิดปกติ
00:19:36 → 00:19:39 ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนบริเวณนั้นที่
00:19:39 → 00:19:41 ผิดปกติตามไปด้วยดังนั้นถ้ามีอุปกรณ์ให้
00:19:41 → 00:19:43 มันสร้างคือกรดอะมิโนจากที่เรากิน
00:19:43 → 00:19:45 คอลลาเจนเข้าไปมันก็ดันเอาไปสร้างเป็น
00:19:45 → 00:19:48 คอลลาเจนซึ่งผิดปกติในปอดนะครับผมเดาว่า
00:19:48 → 00:19:50 อย่างนี้นะครับตรงนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนนะ
00:19:50 → 00:19:53 ครับแต่ว่าบอกไว้ก่อนว่าคอลลาเจนเยอะมัน
00:19:53 → 00:19:55 ก็อันตรายนะครับไม่ใช่ว่าคอลลาเจนเยอะ
00:19:55 → 00:19:58 แล้วจะทำให้โอ้กระดูกแข็งแรงกระดูกเอ่อ
00:19:58 → 00:20:00 มอนรองกระดูกสันหล่างไม่เสื่อมนะครับทำ
00:20:00 → 00:20:04 ให้ริ้วรอยเราไม่มีดูเด็กกว่าวัยผิวดีอืม
00:20:04 → 00:20:06 แล้วก็อ่าสายตาดีหรืออะไรก็แล้วแต่เพราะ
00:20:06 → 00:20:09 พวกนี้มันเป็นส่วนประกอบของไอ้วุ้นลูกตา
00:20:09 → 00:20:13 ด้วยแล้วก็อ่อตรงกระจกตาด้วยนะครับก็มี
00:20:13 → 00:20:15 ส่วนประกอบของคอลลาเจนเหมือนกันนะครับดัง
00:20:15 → 00:20:19 นั้นโดยรวมๆแล้วนะครับคอลลาเจนถ้าท่านจะ
00:20:19 → 00:20:21 ทานนะครับท่านคิดไว้เสมอเลยนะครับ
00:20:21 → 00:20:23 คอลลาเจนที่ท่านทานเข้าไปมันจะก็ไม่กลาย
00:20:23 → 00:20:25 ไปเป็นคอลลาเจนในร่างกายมันจะกลายไปเป็น
00:20:25 → 00:20:27 คอลลาเจนในร่างกายก็ต่อเมื่อร่างกายเรา
00:20:27 → 00:20:30 ต้องการจะเอามันไปสร้างเป็นคอลลาเจนชนิด
00:20:30 → 00:20:33 ต่างๆในร่างกายนะครับเหมือนกับการที่เรา
00:20:33 → 00:20:36 จะสร้างบ้านหลังนึงนะครับคอลลาเจนนี้ก็
00:20:36 → 00:20:39 เปรียบเหมือนกับพวกอิฐพวกปูนพวกเอ่อเหล็ก
00:20:39 → 00:20:41 โครงต่างๆนะครับเราเอาเข้าไปให้เยอะๆนะ
00:20:42 → 00:20:45 ครับคนก่อสร้างกับนักเขียนแบบก็จะไปเลือก
00:20:45 → 00:20:47 เองว่าจะเอาแค่ไหนนะครับส่วนที่เหลือโยน
00:20:47 → 00:20:50 ทิ้งนะครับเราไม่ได้ใช้เราไม่ได้เอาอิฐไป
00:20:50 → 00:20:52 สร้างอะไรต่อเติมจากบ้านเยอะๆนะครับมัน
00:20:52 → 00:20:55 ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะฮะแล้วก็ถ้าจะเลือก
00:20:55 → 00:20:59 ทานเลือกทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซทนะครับครับ
00:20:59 → 00:21:03 และควรจะดูเสมอเลยว่ามีองค์กรอิสระรับรอง
00:21:03 → 00:21:05 คอลลาเจนชนิดนั้นหรือเปล่านะครับถ้ากินก็
00:21:05 → 00:21:08 กินอยู่ที่ประมาณ 2.5 -10 กรัมต่อวันนะ
00:21:08 → 00:21:11 ครับกินไปอย่างน้อยๆก็อาจจะต้อง 3 เดือน 6
00:21:11 → 00:21:14 เดือนท่านถึงจะเริ่มเห็นอะไรเอ่อเป็นชิ้น
00:21:14 → 00:21:15 เป็นอันขึ้นมาบ้างแต่ส่วนใหญ่แล้วพวก
00:21:15 → 00:21:18 เนี้ยก็ข้อมูลไม่ชัดเจนนะครับอาจจะไม่
00:21:18 → 00:21:20 เห็นอะไรเลยก็ได้นะครับแล้วก็ขึ้นอยู่กับ
00:21:20 → 00:21:23 ราคาท่านรับได้หรือเปล่านะครับท่านที่ไม่
00:21:23 → 00:21:26 อยากทานก็ทานพวกน้ำต้มกระดูกหมูอะไรพวก
00:21:26 → 00:21:28 เนี้ยก็มีเยอะแล้วนะครับพวกปลาพวกเนื้อ
00:21:29 → 00:21:31 ต่างๆพวกนี้มีเยอะอยู่แล้วนะครับถ้าท่าน
00:21:31 → 00:21:34 จะทานก็เอิ่มคอลลาเจนเสริมระวังนิดนึงใน
00:21:34 → 00:21:37 แง่ของสารเจอปนนะครับในแง่ของท่านที่แพ้
00:21:37 → 00:21:40 อาหารนะครับดูดีๆว่ามันมาจากไหนนะครับ
00:21:40 → 00:21:43 แล้วก็ต้องดูว่าบางคนมีกรดไลย้อนไม่กิน
00:21:43 → 00:21:45 แล้วอาจจะเป็นมากขึ้นนะครับหรือคนที่กิน
00:21:45 → 00:21:48 โปรตีนเยอะๆไม่ได้นะครับแล้วเอ่อมันจะ
00:21:48 → 00:21:50 เกิดปัญหาเช่นคนไหนกินโปรตีนเยอะๆไม่ได้
00:21:50 → 00:21:54 เอิ่มคนที่มีโรคตับวายแบบรุนแรงนะครับอ่า
00:21:54 → 00:21:57 พวกตับแข็งรุนแรงพวกเกินโปรตีนเยอะๆมี
00:21:57 → 00:22:01 ปัญหาแน่ๆนะครับหรือคนที่มีโรคไตวายแบบ
00:22:01 → 00:22:03 ต้องล้างไตอย่างเงี้ยหรือว่าเกือบจะล้าง
00:22:03 → 00:22:05 ไตแล้วพวกเนี้ยกินโปรตีนเข้าไปเยอะๆเนี่ย
00:22:05 → 00:22:07 มีปัญหาแน่ๆนะครับโปรตีนที่ว่าก็คือ
00:22:07 → 00:22:10 คอลลาเจนด้วยเพราะคอลลาเจนก็คือโปรตีน
00:22:10 → 00:22:13 นั่นเองนะครับโอเควันนี้ก็หวังว่าจะเล่า
00:22:13 → 00:22:15 มาค่อนข้างที่จะครบนะครับแต่ว่าผมไม่ได้
00:22:15 → 00:22:18 ลงลึกในระดับแพทย์ที่บอกว่าคอลลาเจนชนิด
00:22:18 → 00:22:20 ต่างๆมันไปทำอะไรยังไงบ้างลักษณะมันไม่
00:22:20 → 00:22:22 เหมือนกันแล้วแต่ละอันนมันมีอะไรมันมี
00:22:22 → 00:22:25 คอลลาเจนชนิดแปลกๆด้วยนะครับที่อาจจะมี
00:22:25 → 00:22:28 ความเกี่ยวข้องกับมะเร็งในการที่จะแก้ไข
00:22:28 → 00:22:30 ภาวะมะเร็งนะตรงนี้ยังมีการวิจัยอยู่นะ
00:22:30 → 00:22:33 ครับถ้าหมอคนไหนฟังก็ลองไปหาดูข้อมูล
00:22:33 → 00:22:36 เรื่องของคอลลาเจน 18 นะครับมันจะมี
00:22:36 → 00:22:38 โมเลกุลอันนึงซึ่งติดอยู่กับมันชื่อว่า
00:22:38 → 00:22:41 เอสตินนะครับท่านลองไปค้นดูแล้วท่านจะรู้
00:22:41 → 00:22:43 สึกว่าเฮ้ยมันมีไอ้อย่างนี้อยู่ด้วยเหรอ
00:22:43 → 00:22:46 นะครับมันเจ๋งมากนะครับเรื่องของคอลลาเจน
00:22:46 → 00:22:48 หลายๆอย่างแต่ว่าเรายังเอามันมาใช้เป็น
00:22:48 → 00:22:51 ประโยชน์ได้ไม่เท่าที่ควรนะครับโอเควัน
00:22:51 → 00:22:53 นี้ก็เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:22:53 → 00:22:56 ครับ