00:00:00 → 00:00:03 ถ่ายไม่ออกถ่ายไม่สุดเกิดจากอะไรคนเรา
00:00:03 → 00:00:06 ต้องถ่ายทุกวันจริงมยดูแลการขับถ่ายยังไง
00:00:06 → 00:00:10 ให้สุขภาพดีติดตามได้ในรายการวันใหม่ไกล
00:00:10 → 00:00:17 โรควัน
00:00:17 → 00:00:21 สืบทอดภูมิปัญญาไทยใส่ใจคุณภาพยาร้าน
00:00:21 → 00:00:27 เจริญสุขโกศนครปฐม
00:00:27 → 00:00:29 สวัสดีค่ะนี่คือรายการวันใหม่ไกลโร่ค่ะ
00:00:29 → 00:00:32 รายการที่จะพาทุกท่านไปเปิดมุมมองยาแผน
00:00:32 → 00:00:35 ไทยและสมุนไพรเพื่อคนไทยสุขภาพดีเพราะทุก
00:00:35 → 00:00:38 วัยเริ่มใหม่ได้กับวันใหม่ไกลโรคนะคะวัน
00:00:38 → 00:00:41 นี้ค่ะอาจารย์รุ่งวีจะเป็นประเด็นยอดทิศ
00:00:41 → 00:00:43 ที่แดงว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนเลย
00:00:43 → 00:00:46 ก็คือท้องผูกค่ะทุกวันนี้ท้องผูกแล้วแบบ
00:00:47 → 00:00:49 แก้ปัญหาไม่ได้ฉันก็ปรับมาหลายอย่างแล้ว
00:00:49 → 00:00:52 กินผักก็แล้วกินน้ำเยอะขึ้นก็แล้วก็ยังคง
00:00:52 → 00:00:54 ผูกอยู่แล้วชีวิตก็วนเวียนอยู่แต่กับยา
00:00:54 → 00:00:57 ระบายบ้างดีท็อกซ์บ้างแต่ก็ยังรู้สึกไม่
00:00:57 → 00:00:59 ดีกับตัวเองปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้มา
00:00:59 → 00:01:02 คุยกับอาจารย์รุ่งพี่คะว่าอาจารย์ท้องผูก
00:01:02 → 00:01:06 มันเกิดจากอะไรได้บ้างคะเอ่อท้องผูกเนี่ย
00:01:06 → 00:01:09 มันจริงๆมันก็หลายสาเหตุนะแล้วแต่ว่าก่อน
00:01:09 → 00:01:12 อื่นก่อนที่จะบอกว่าท้องผูกไม่ผูกเนี่ย
00:01:12 → 00:01:15 เรามาดูเรื่องของว่าคำจำกัดความของคำว่า
00:01:15 → 00:01:18 ท้องผูกก่อนนะคะเมื่อไหร่จะเรียกว่าท้อง
00:01:18 → 00:01:21 ผูกเพราะว่าปัจจุบันเนี้ยการเรียกคำว่า
00:01:21 → 00:01:25 ท้องผูกในเอ่อแพทย์แผนตะวันตกหรือแผน
00:01:25 → 00:01:28 ปัจจุบันนะฮะกับแพทย์แผนไทยหรือแพทย์
00:01:28 → 00:01:32 ตะวันออกพวกจีนเนี่ยจะไม่เหมือนกันอืนะคะ
00:01:32 → 00:01:37 ของทางเอ่อแพทย์แผนเอ่อตะวันตกก็จะบอกว่า
00:01:37 → 00:01:41 ถ้าคุณถ่ายวันเว้นวันก็คือปกตินะคะแล้ว
00:01:41 → 00:01:45 คุณไม่มีโรคอะไรถึงว่าปกติแต่ถ้าเป็นของ
00:01:45 → 00:01:48 ไทยหรือของตะวันออกก็จะบอกว่าจริงๆแล้วคน
00:01:48 → 00:01:52 เราควรถ่ายทุกวันอืนะคะแล้วนอกจากเรื่อง
00:01:52 → 00:01:55 ของความถี่แล้วเค้ายังแนะนำให้ดูลักษณะ
00:01:56 → 00:01:59 อุจจาระด้วยอนะคะลักษณะอุจจาระเนี่ยถ้า
00:01:59 → 00:02:03 เป็นลักษณะอุจจาระที่ถ่ายมาแล้วแล้วมอง
00:02:03 → 00:02:07 แล้วเนี่ยเห็นแล้วว่ามันแห้งนะคะเนื่อง
00:02:07 → 00:02:10 จากว่าตรงเนี้ยมันจะมีต้องสังเกตลักษณะ
00:02:10 → 00:02:13 เพราะฉะนั้นทุกคนทุกครั้งต้องดูนะคะอย่าง
00:02:13 → 00:02:16 เช่นลักษณะปกติลักษณะปกติเนี่ยก็คือมันจะ
00:02:16 → 00:02:20 เหมือนยาสีฟันอืนะคะซึ่งเราจะมีเดี๋ยวเรา
00:02:20 → 00:02:24 จะมีภาพมีภาพขึ้นให้ใครที่แบบเอ่อรับได้
00:02:24 → 00:02:26 ยังไม่ได้ทานข้าวอะไรก็ดูได้นะคะเราจะได้
00:02:26 → 00:02:29 รู้ด้วยแหละเอาสังเกตตัวเองเนาะหักการก็
00:02:29 → 00:02:33 คือว่าถ้ามีลักษณะเหมือนกับตัวยาสีฟันคือ
00:02:33 → 00:02:37 เป็นยาวนะติดต่อกันนะไม่อาจไม่เหลวเท่า
00:02:37 → 00:02:41 กับยาสีฟันเนาะอันนั้นถือว่าปกติค่ะนะฮะ
00:02:41 → 00:02:45 คือมันมีน้ำพอสมควรมีกากพอสมควรนะฮะแต่
00:02:45 → 00:02:48 ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มแห้งมีลักษณะก้อนที่
00:02:48 → 00:02:51 ไม่เรียบเสมอกันละอาจจะเหมือนลูกมะระหรือ
00:02:51 → 00:02:54 บางทีก็เหมือนกับพวกขี้ชะมดคือเม็ดๆติด
00:02:54 → 00:02:57 กันหรืออาจจะติดเป็นลูกกระสุนอันนั้นถือ
00:02:57 → 00:03:00 ว่าท้องผูกนะคะโดยเฉพาะถ้าเป็นลูกกระสุน
00:03:00 → 00:03:03 เนี่ยถือว่าท้องผูกละอนะดังนั้นต้องเอ่อ
00:03:03 → 00:03:07 ดูแลโดยด่วนแต่ในลักษณะที่เป็นก้อนๆติด
00:03:07 → 00:03:10 กันอยู่นะแต่มีความแห้งเป็นฟางเป็นอะไร
00:03:10 → 00:03:13 พวกเนี้ยอันนี้สามารถจะปรับสภาพของเราเอง
00:03:13 → 00:03:16 ได้นะคะแล้วก็ประมาณว่าแม้ว่าจะถ่ายทุก
00:03:16 → 00:03:17 วันแต่ถ้าลักษณะอุจจาระเป็นอย่างที่
00:03:18 → 00:03:20 อาจารย์บอกก็นับเข้าท้องผูกค่ะค่ะนะจะ
00:03:20 → 00:03:24 สังเกตว่าอย่างงี้ค่ะกรณีของเอ่อเด็กวัย
00:03:24 → 00:03:27 รุ่นนะคะถ้าอุจจาระถ่ายออกมาอย่างเงี้ย
00:03:27 → 00:03:30 กลิ่นมันจะผิดปกตินิดนึงมันจะไม่เหมือน
00:03:30 → 00:03:33 ทุกๆควันนะฮะกลิ่นมันจะอาจจะแรงกว่าเดิม
00:03:33 → 00:03:36 อ่ามีความเหม็นเขียวอะไรนิดหน่อยเพิ่ม
00:03:36 → 00:03:40 ขึ้นนิดนึงแล้วก็ที่สำคัญที่เราจะเจอก็
00:03:40 → 00:03:43 คือพวกเนี้ยบางทีมันจะเริ่มร้อนในอ่านะคะ
00:03:43 → 00:03:46 แล้วก็นั่นคือลักษณะอาการที่บอกว่าท้อง
00:03:46 → 00:03:49 ผูกทำให้สมดุลเริ่มมีปัญหาแล้วถ้ากรณี
00:03:49 → 00:03:52 อย่างนี้เนี่ยเราปรับสภาพได้ภายในวัน
00:03:52 → 00:03:55 เดียวหายค่ะแต่อย่ารอจนกระทั่งถึงเป็น
00:03:55 → 00:03:58 ร้อนร้อนในเป็นแผลในปากมันจะช้านะคะแต่
00:03:58 → 00:04:01 ยังไงก็ตามเนี่ยถ้าในกรณีถึงเป็นล้อใน
00:04:01 → 00:04:04 แล้วการดูแลอาการพวกเนี้ยก็ยังต้องทำอยู่
00:04:05 → 00:04:07 คือหมายความว่าถ้าเกิดว่ามันเป็นท้องผูก
00:04:07 → 00:04:10 ที่เกิดจากความร้อนข้างในมันเยอะบางทีกิน
00:04:10 → 00:04:13 ยาที่ลดความร้อนเช่นพวกยาขมก็อาจจะช่วย
00:04:13 → 00:04:15 ระบายได้แล้วก็ไปหาสาเหตุอีกทีว่าท้องผูก
00:04:15 → 00:04:17 เนี่ยเพราะอะไรแต่จริงๆอย่างที่อาจารย์
00:04:17 → 00:04:20 บอกว่าคนเราก็ควรจะถ่ายทุกวันใช่ค่ะทีนี้
00:04:20 → 00:04:22 คำว่าถ่ายทุกวันจริงๆก็ไม่ได้แปลว่าต้อง
00:04:22 → 00:04:26 ทุกวันแท้ๆ 100% เนาะเพราะอาหารที่เรากิน
00:04:26 → 00:04:29 เจริงๆมันต้องมีกากค่ะนะมีกากอย่างพี่หมอ
00:04:29 → 00:04:31 แดงเปริ่นตั้งแต่ต้นเลยว่าเออเรากินผัก
00:04:31 → 00:04:36 กินผลไม้กินอะไรเงี้ยอ่าก็เยอะแต่ก็ไม่มี
00:04:36 → 00:04:39 กากยังไม่ถ่ายเพราะอะไรนะอันนี้ก็ต้องไป
00:04:39 → 00:04:41 ดูสาเหตุอย่างที่บอกว่าเราเริ่มต้นถ้าดู
00:04:41 → 00:04:44 ที่สาเหตุว่า 1 เป็นเพราะเราไม่มีกากนะ
00:04:44 → 00:04:48 ไม่ก็เราเพิ่มผักและผลไม้นะคะแต่บางคน
00:04:48 → 00:04:51 เนี่ยเพิ่มผักผลไม้เนี่ยมันต้องไปดูชนิด
00:04:51 → 00:04:53 ด้วยไม่ใช่ว่าดูแค่ว่าเพิ่มผักและผลไม้
00:04:53 → 00:04:56 บางคนบอกเพิ่มผักอ้อฉันกินแตงกวาไงอ่าฉัน
00:04:57 → 00:05:00 กินผักสลัดไงเ่อให้ให้รู้ว่าผักบางชนิด
00:05:00 → 00:05:04 เนี่ยมันมีกากน้อยนะเพราะฉะนั้นปริมาณก็
00:05:04 → 00:05:06 สำคัญเพราะงั้นเวลาเราเพิ่มผักเริ่มผลไม้
00:05:06 → 00:05:10 ต้องดูเรื่องปริมาณด้วยเป็นส่วนสำคัญนะคะ
00:05:10 → 00:05:14 ตามปกติเอ่อถ้าดูตามคำแนะนำของกระทรวง
00:05:14 → 00:05:17 สาธารณสุขเนาะเค้าก็จะบอกว่าในมื้อๆนึง
00:05:17 → 00:05:20 เนี่ยเราควรจะกินผักอย่างน้อยเนี่ยครึ่ง
00:05:20 → 00:05:24 นึงของอาหารทั้งจานอืนะคะซึ่งปกติไม่ค่อย
00:05:24 → 00:05:28 มีคนทำได้อ่าจริงๆค่ะหนูก็พยายามอยู่ยาก
00:05:28 → 00:05:32 มากอยู่ทีนี้นอกจากบอกว่ามีผักทั้งจาน
00:05:32 → 00:05:35 แล้วเนี่ยไอ้ชนิดผักก็ยังสำคัญอยู่ออ่ะ
00:05:35 → 00:05:39 ถ้าผักทั้งจานแต่มันเป็นผักกาดแก้วผักกาด
00:05:39 → 00:05:42 หอมซึ่งกากก็นิดเดียวน้ำเยอะกว่าพวกนั้น
00:05:42 → 00:05:45 ก็ให้กากน้อยอยู่อีกเพราะฉะนั้นก็ต้อง
00:05:45 → 00:05:48 เลือกชนิดผักเหมือนที่อาจารย์บอกไปรอบที่
00:05:48 → 00:05:50 แล้วผักที่มีไฟเบอร์มีกะยาเยอะๆจะเป็นผัก
00:05:50 → 00:05:54 ที่ต้องเคี้ยวเยอะๆเช่นพวกคะน้าเนี่ยมีมี
00:05:54 → 00:05:57 อะไรบ้างคะอาจารย์ค่ะมีคะน้าผักบุ้งดีๆ
00:05:57 → 00:06:01 จริงๆนะคะก็จะมีเอ่อขี้เหล็กอืนะฮะซึ่ง
00:06:01 → 00:06:05 อยู่ในแกงขี้เหล็กนะฮะแล้วก็ผักกระเฉดนะ
00:06:05 → 00:06:08 ผักกระเฉดนี่ถือว่าเยอะเลยแต่บางคนอาจจะ
00:06:08 → 00:06:12 ไม่ชอบ 2 อันนี้นะก็อาจจะไปกินเอ่อชะอม
00:06:12 → 00:06:15 ชะอมก็ได้อยู่อ่าแต่ชะอมเนี่ยก็ต้องระวัง
00:06:15 → 00:06:19 ว่าชะอมมันจะมีสารตัวนึงซึ่งไปจับกับไอ้
00:06:19 → 00:06:23 ตัวเม็ดเลือดนะคะซึ่งสารพวกก็คือไซยนายส
00:06:23 → 00:06:25 เอ่อเวลามันจับกับเม็ดเลือดแล้วเนี่ยมัน
00:06:25 → 00:06:27 จะทำให้เหมือนเราหายใจไม่ออกอึดอัดนิด
00:06:27 → 00:06:31 หน่อยเพราะงั้นบางคนที่เอ่อไวต่อชาเนี่ย
00:06:31 → 00:06:33 ก็อย่าไปกินเยอะนะเพราะว่าเวลาต่อทอดไข่
00:06:33 → 00:06:36 กับชะออมเนี่ยตอนทอดอ่ะไซยนายมันออกไป
00:06:36 → 00:06:40 แล้วล่ะแต่ว่าเรายิ่งทอดชะอมหนาเท่าไหร่
00:06:40 → 00:06:42 ชายยังซุกอยู่ข้างล่างนะคะเพราะฉะนั้นมัน
00:06:42 → 00:06:44 ก็เข้าไปมันไม่ถึงแก่ชีวิตค่ะแต่มันจะทำ
00:06:44 → 00:06:46 ให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกอยู่
00:06:46 → 00:06:50 นิดนึงในบางคนนะแต่พี่อย่าไม่เป็นแต่บาง
00:06:50 → 00:06:53 คนเป็นนะคะอย่างงี้ถ้าเอาถ้าเอาง่ายก็คือ
00:06:53 → 00:06:55 เราพยายามกินผักให้ได้พอชั่นเยอะที่สุด
00:06:55 → 00:06:58 นั่นแหละแล้วก็หลากหลายกันไปอยากกินสลัด
00:06:58 → 00:07:00 บ้างก็ได้แต่อ่ะก็เอาผักตามฤดูกาลมาด้วย
00:07:00 → 00:07:04 เนี่ยก็จะทำให้เรามีกากในร่างกายค่ะแต่
00:07:04 → 00:07:07 นี่ในส่วนตัวจริงๆเท่าที่เคยเคยเห็นมา
00:07:08 → 00:07:10 เนี่ยนะคะกากใยเนี่ยอาจจะไม่ใช่อย่าง
00:07:10 → 00:07:13 เดียวที่จะช่วยทำให้ถ่ายอุจจาระได้ค่ะนะ
00:07:13 → 00:07:17 คะเพราะว่าหลายคนที่กินกากใยไปแล้วแต่เรา
00:07:17 → 00:07:20 ไม่สามารถจะกินแบบเนี้ยได้ทุกมื้ออันนี้
00:07:20 → 00:07:22 ต้องต้องระวังนิดนิดนึงนะคะแต่เพราะว่า
00:07:22 → 00:07:25 เป็นไปได้เลยว่ามื้อเช้าเนี่ยส่วนใหญ่เรา
00:07:25 → 00:07:28 กินข้าวต้มนะหรือบางคนจะกินข้าวสวยแต่ก็
00:07:28 → 00:07:30 จะใช้พลังงานเยอะกว่าเพราะฉะนั้นก็จะกิน
00:07:30 → 00:07:33 ได้น้อยมื้อเย็นเราอาจจะกินได้เยอะหน่อย
00:07:33 → 00:07:36 นะกินพวกกากใหญ่ได้เยอะหน่อยแล้วพวกกาก
00:07:36 → 00:07:39 ใหญ่เนี่ยถ้ามีไม่มากพอเนี่ยจริงๆก็ไม่
00:07:39 → 00:07:42 ช่วยอ่าไม่ช่วยไม่ช่วยมากเลยเพราะมันพอไป
00:07:43 → 00:07:45 ทับถมข้างล่างทับถมตรงไอ้ลำไส้ใหญ่แล้ว
00:07:45 → 00:07:49 เนี่ยมันจะถูกดดน้ำกลับไปอืมันก็จะไม่
00:07:49 → 00:07:52 สามารถจะช่วยออกมาได้เพราะฉะนั้นบางที
00:07:52 → 00:07:55 อาหารเนี่ยอาจจะต้องปรับเรื่องรสรสใช่มั้
00:07:55 → 00:07:58 ใช่ปรับเรื่องรสด้วยเอ่อรสที่จะต้องปรับ
00:07:58 → 00:08:00 ก็คือเผ็ดกับเปรี้ยวนะคะเพิ่มเข้าไปเพิ่ม
00:08:00 → 00:08:04 เข้าไปค่ะนะคะคำว่ารสเผ็ดเนี่ยไม่ใช่กิน
00:08:04 → 00:08:07 พริกนะฮะเพราะว่าพริกเนี่ยมันไม่ใช่เผ็ด
00:08:07 → 00:08:11 จริงๆในภาษาแผนไทยนะมันคือแสบอืนะฮะพริก
00:08:11 → 00:08:13 เนี่ยมันแสบแล้วมันจะทำให้ลำไส้ดีดตัวก็
00:08:13 → 00:08:16 จริงแต่มันจะระคายเคืองลำไส้ค่อนข้างเยอะ
00:08:16 → 00:08:18 ค่ะเพราะงั้นคำว่ารสที่บอกว่าเผ็ดเนี่ยก็
00:08:18 → 00:08:23 คือพวกพริกชัยขีดหิงหรือก็ตะไคร้หรืออะไร
00:08:23 → 00:08:26 พวกเนี้ยเพราะงั้นอาหารกลุ่มที่อ่าเหมาะ
00:08:26 → 00:08:30 ก็คือต้มยำอืนะฮต้มยำหรือแกงเลี้ยงก็ได้
00:08:30 → 00:08:33 ค่ะแต่เพิ่มพิเข้าไปเพิ่มหน่อยนะเอ่อแล้ว
00:08:34 → 00:08:37 ก็เปรี้ยวเพิ่มเปรี้ยวขึ้นไปนิดนึงนะคะ
00:08:37 → 00:08:40 ถ้าสมมุติว่าไม่ชอบอาหารรสเปรี้ยวก็ให้
00:08:40 → 00:08:45 กินตีผลาตีผลานี่ก็จะเป็นเอ่อตัวน้ำที่
00:08:45 → 00:08:48 เขา้าทำมาหรือใครไม่ชอบกินอย่างแคปซูลก็
00:08:48 → 00:08:51 พอได้อยู่นะคะอที่พวกนี้ไม่ใช่ยาถ่ายนะ
00:08:51 → 00:08:55 จริงๆตีผลาไม่ใช่ยาถ่ายแต่เป็นยาที่ทำให้
00:08:55 → 00:08:59 น้ำมันออกมาเยอะขึ้นแล้วก็ไปทำให้ลำไส้
00:08:59 → 00:09:02 เนี่ยมันมีไอ้กากตรงนั้นน่ะคะมันมีน้ำมาก
00:09:02 → 00:09:04 ขึ้นพอมันมีน้ำมากขึ้นมันก็คือมีมวลมาก
00:09:05 → 00:09:08 ขึ้นแล้วก็คือบังคับให้มีการบีบตัวอืนะคะ
00:09:08 → 00:09:11 เพราะฉะนั้นตรงเนี้ยค่ะคือจุดที่จะช่วย
00:09:11 → 00:09:15 ได้งั้นแบอกกินน้ำก็เยอะแล้วแต่ทำไมไม่
00:09:15 → 00:09:18 ถ่ายเพราะว่ากินน้ำเนี่ยเอ่อโดยเฉพาะน้ำ
00:09:18 → 00:09:21 อุ่นนะหลายคนบอกแนะนำโอ้กินน้ำอุ่นนะถ้า
00:09:21 → 00:09:25 จะรักแข็งๆจริงๆไม่ช่วยเลยค่ะอืเพราะว่า
00:09:25 → 00:09:28 อาจารย์กินเข้าไปเสร็จเนี่ยมันจะถูกซับ
00:09:28 → 00:09:31 เข้าไปในร่างกายสุดท้ายไปขับออกทางไทางไต
00:09:31 → 00:09:33 สังเกตดูดีๆถ้าเรากินน้ำเยอะๆวันไหนเรา
00:09:33 → 00:09:36 กินน้ำเยอะๆเราจะปัสสาวะเยอะอ๋อเพราะมัน
00:09:36 → 00:09:39 จะไม่ไปอยู่ที่ตรงนั้นเพราะฉะนั้นไอ้ตัว
00:09:39 → 00:09:41 อุจจาระที่แข็งอยู่แล้วมันก็ยังคงอยู่ที่
00:09:41 → 00:09:45 ตรงลำไส้ใหญ่อยู่ดีอ่ะมันก็ไม่ออกอยู่ดี
00:09:45 → 00:09:48 รสต่างหากที่จะช่วยรสที่จะทำให้ดึงน้ำ
00:09:48 → 00:09:50 เข้ามาแล้วเข้า
00:09:50 → 00:09:52 อุบ
00:09:52 → 00:09:56 ได้ดีกว่านะคะอันนี้เป็นวิธีแก้โดยใช้
00:09:56 → 00:09:59 อาหารเป็นตัวช่วยนะคะค่ะแล้วนอกจากอาหาร
00:09:59 → 00:10:02 เราจะปรับอะไรได้อีกคะเดี๋ยวจะเข้าเรื่อง
00:10:02 → 00:10:04 ยานะเพราะว่าแดงเชื่อว่าคนท้องผูกเนี่ยไป
00:10:05 → 00:10:07 ยาแน่นอนแล้วว่ากินไม่ถูกด้วยนะคะแต่เอา
00:10:07 → 00:10:09 พฤติกรรมก่อนเออนอกจากอาหารแล้วค่ะ
00:10:09 → 00:10:11 อาจารย์มีอะไรอีกที่จะช่วยให้เราเออแก้
00:10:11 → 00:10:14 ปัญหาท้องผูกได้สำคัญคือออกกำลังกายค่ะ
00:10:14 → 00:10:17 หลายคนคิดไปถึงว่าการออกกำลังกายมันช่วย
00:10:17 → 00:10:19 เรื่องท้องหูได้ยังไงเพราะว่ากล้ามเนื้อ
00:10:19 → 00:10:22 หน้าท้องตรงเนี้ยค่ะมันสำคัญมันเป็นตัว
00:10:22 → 00:10:26 บีบในตอนที่เราถ่ายอุจาระอนะคะเพราะงั้น
00:10:26 → 00:10:28 ถ้าเราไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อตรงนี้เลย
00:10:28 → 00:10:31 เนี่ยมันก็จะนรู้สึกมันก็จะไม่เกร็งตัว
00:10:32 → 00:10:34 ไม่บีบตัวไม่ถ่ายนะคะเพราะฉะนั้นการออก
00:10:34 → 00:10:38 กำลังกายก็จะช่วยได้อืจริงๆแล้วเนี่ยการ
00:10:38 → 00:10:41 ออกกำลังกายที่ง่ายๆสำหรับคนท้องผูกนะก็
00:10:41 → 00:10:43 คือนอนบนเตียงค่ะแล้วยกค้าขึ้นมาถีบ
00:10:44 → 00:10:47 จักรยานอ่าจักรยานอากาศค่ะก็เอาแค่นั้น
00:10:47 → 00:10:50 วันตอนเช้าเช้าก็พยายามทำอย่างเงี้ยให้
00:10:50 → 00:10:52 ได้สักปริมาณนึงประมาณสัก 10 นาที 15
00:10:52 → 00:10:57 นาทีนะคะหรือไม่บางคนก็ถ้ารู้วิธีนวดก็ก็
00:10:57 → 00:11:00 นวดเอานวดท้องเอาค่ะอ่าโอเคอ่ะเพราะ
00:11:00 → 00:11:02 ฉะนั้นจริงๆแล้วออกกำลังกายเนี่ยรักษาทุก
00:11:03 → 00:11:04 โรคจริงๆนะคะแล้วถ้าเกิดว่ามันทำให้เรา
00:11:04 → 00:11:07 ระบายได้แสดงว่าเราก็กำจัดไป 10 โรคแล้ว
00:11:07 → 00:11:09 อ่ะเพราะว่าตัวของเสียเนี่ยแหละเป็นตัว
00:11:09 → 00:11:11 ก่อเกิดโรคนะคะอ่ะคราวนี้มาที่ยาค่ะ
00:11:11 → 00:11:15 อาจารย์คือคนที่ท้องผูกเนี่ยจะสนิทสนมกับ
00:11:15 → 00:11:17 ยาระบายมากเลยซึ่งถ้าเป็นยาแผนปัจจุบัน
00:11:17 → 00:11:19 เนี่ยเราก็จะเห็นว่าเป็นเป็นยาระบายเม็ด
00:11:19 → 00:11:22 เล็กๆสีเหลืองๆนะคะหรือว่าเป็นยาเออเดี๋
00:11:22 → 00:11:25 จะพูดถึงยาอันนึงด้วยที่คนถามธรณีสารฆาต
00:11:25 → 00:11:28 อย่างงี้หรือว่ายาระบายพวกมะขามแขก
00:11:28 → 00:11:30 อาจารย์อธิบายให้ฟังหน่อยว่ามันมีข้อดี
00:11:30 → 00:11:32 ข้อเสียต่างกันยังไงยาแผ่นปัจจุบันกับยา
00:11:33 → 00:11:35 สมุนไพรแล้วเราควรจะเลือกใช้ยังไงคะจริงๆ
00:11:35 → 00:11:38 แล้วยาระบายเนี่ยเป็นตัวเดียวที่มันมี
00:11:38 → 00:11:40 ความเชื่อมโยงระหว่างแผนปัจจุบันกับแผน
00:11:40 → 00:11:43 ไทยจริงๆนะที่อ่าบอกว่าเป็นไอ้เม็ดเล็กๆ
00:11:44 → 00:11:47 อันนั้นน่ะนะคะอันนั้นน่ะยาแผนไทยที่เขา
00:11:47 → 00:11:50 ใช้กันน่ะคือตัวยาหลุมเดียวกันอ่าเป็นตัว
00:11:50 → 00:11:53 ยาที่บีบลำไส้คือทำให้ลำไส้เนี่ยบีบตัวนะ
00:11:53 → 00:11:57 คะเป็นตัวกระตุ้นลำไส้ทำให้ลำไส้เนี่ยบีบ
00:11:57 → 00:12:00 ตัวมากกว่าปกติแล้วก็ถ่ายได้อันนี้เป็น
00:12:00 → 00:12:05 การบังคับลำไส้ให้ทำงานนะคะซึ่งเอ่อตัวยา
00:12:05 → 00:12:06 อันเนี้ยถ้าแผนปัจจุบันจะเรียกว่า
00:12:06 → 00:12:10 บิสโคดิลนะคะก็คือเป็นชื่อสามัญของเขาใน
00:12:10 → 00:12:13 แผนไทยเนี่ยตัวสารที่เหมือนกับบิสโกดิล
00:12:13 → 00:12:18 เนี่ยจะอยู่ในกลุ่มยาจุจำนวนนึงนะคะก็คือ
00:12:18 → 00:12:20 เอ่อฝูน
00:12:20 → 00:12:26 ยาดำโกรธน้ำเต้ามะขามแขกและชุมเ็ดเทศอืนะ
00:12:26 → 00:12:30 คะเนี่ย 5 ตัวเนี้ยก็คืออยู่ในยาแต่นี้
00:12:30 → 00:12:33 ตัวชุมเห็ดเทศกับมะขามแขกเนี่ยมันจะมี
00:12:33 → 00:12:37 เป็นยาเดี่ยวอ่าใช่นะคะที่มาเป็นแคปซูล
00:12:37 → 00:12:40 บ้างเป็นชาชงบ้างเอ่อตัวเนี้ยมันมีความ
00:12:40 → 00:12:44 พิเศษที่ที่เราต้องเข้าใจนิดนึงว่าเอ่อยา
00:12:44 → 00:12:49 เนี่ยมันมีตัวยาที่เวลากินเข้าไปเนี่ยตอน
00:12:49 → 00:12:51 ที่ออกฤทธิ์เนี่ยนะคะอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ถูก
00:12:51 → 00:12:55 มั้ยฮะอือ่ามันจะออกในรูปฟอร์มที่รูป
00:12:55 → 00:12:57 ฟอร์มนึงซึ่งจะทำให้ลำไส้ใหญ่เนี่ย
00:12:58 → 00:13:01 กระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวทีนี้แต่ตัว
00:13:01 → 00:13:03 ฟอร์มนั้นน่ะหรือรูปแบบนั้นน่ะเมื่อไป
00:13:03 → 00:13:07 อยู่ที่กระเพาะมันจะทำให้ตัวเอ่อกระเพาะ
00:13:07 → 00:13:10 เนี่ยบีบตัวเหมือนกันอืแล้วในขณะเดียวกัน
00:13:10 → 00:13:13 พอบีบตัวเสร็จมันจะทำให้เรารู้สึกขึ้นไส้
00:13:13 → 00:13:16 อาเจียนอ่าใช่ไส้ท้องไส้ท้องที่ภาษาแผน
00:13:16 → 00:13:18 โบราณเรียกไซสท้องแต่ปัจจุบันเรียกปวดมวล
00:13:18 → 00:13:21 ท้องอ่าอ่านั่นเกิดจากตัวยาที่ที่ตัวนั้น
00:13:21 → 00:13:26 น่ะมันอยู่ในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมทีนี้ถ้า
00:13:26 → 00:13:28 มันถ้ามันอยู่ในรูปแบบนั้นมันก็ทำให้เกิด
00:13:28 → 00:13:30 การไซ้ท้องแล้วหมดฤทธิ์ตั้งแต่ตอนนั้นไม่
00:13:31 → 00:13:34 ทำให้เกิดการถ่ายนะมวลแล้วไม่ถ่ายทีนี้ใน
00:13:34 → 00:13:38 สมุนไพรเนี่ยยารูปแบบนั้นเนี่ยมันอยู่ผสม
00:13:38 → 00:13:42 กันนะระหว่างตัวที่ออกฤทธิ์กับตัวที่ทำ
00:13:42 → 00:13:46 ให้ไซส์ท้องเนี่ยมันอยู่ผสมกันนะฮะเพราะ
00:13:46 → 00:13:50 ฉะนั้นเวลากินเนี่ยมันถึงมีอาการปวดมวล
00:13:50 → 00:13:54 แต่เราใช้ยาคุมลิฟอย่างที่บอกอ่าเราใช้ยา
00:13:54 → 00:13:57 พวกกลุ่มยาขับลมเข้าไปช่วยนะคะเพราะ
00:13:57 → 00:13:59 ฉะนั้นในตำรับก็จะมียาขับลมช่วยทำให้
00:13:59 → 00:14:02 อาการปวดมนเนี่ยมันลดลงอืนะฮะนั่นคือนั่น
00:14:02 → 00:14:06 คือประเด็นนึงทีนี้ในมะขามแขกเนี่ยก็พบ
00:14:06 → 00:14:09 ว่ามันก็มีทั้งรูป 2 รูปอยู่ด้วยกัน
00:14:09 → 00:14:13 เหมือนกันนะเพราะงั้นเวลากินก็จะมีอาการ
00:14:13 → 00:14:16 ปวดมวลงั้นเจอคนไข้หลายคนที่เอ่อเข้ามา
00:14:16 → 00:14:20 ปรึกษาว่าทำไงดีกินมะขามแขกทีไรก็ปวดมวล
00:14:20 → 00:14:23 ทุกทีเลยเอ่อหรือชุมเห็ดเทศกินก็แล้วปวด
00:14:23 → 00:14:26 มวลหมดเลยจะบอกว่าตรงนี้ค่ะการเลือกรูป
00:14:26 → 00:14:29 แบบสำคัญการเลือกเค้าเรียกว่าโดสฟอร์ม
00:14:29 → 00:14:33 หรือรูปแบบของยาเนี่ยสำคัญมากสำหรับมะขาม
00:14:33 → 00:14:35 แขกกับจุมเทพอ่าแล้วทำไงคะอาจารย์เพราะ
00:14:36 → 00:14:41 ว่าถ้าเราใช้ในรูปแคปซูลหรือเอ่อรูปแบบ
00:14:41 → 00:14:45 ที่เราเรียกว่าลูกกลอนค่ะนะพวกช่วงนี้
00:14:45 → 00:14:48 เนี่ยจะมียาทั้ง 2 ชนิดอยู่ด้วยกันเพราะ
00:14:48 → 00:14:51 ฉะนั้นยังไงก็ไซ้ท้องอ่าไม่ไม่มีทางหลีก
00:14:51 → 00:14:53 เลี่ยงถ้าไม่มีตัวคลุมฤทธิ์มันก็ต้องมี
00:14:53 → 00:14:58 การไซ้ท้องอยู่แล้วค่ะแต่ถ้าเราไปใช้รูป
00:14:58 → 00:15:03 แบบที่เรียกว่าชาชงออชาชงนะคะเอ่อชาชงนี่
00:15:03 → 00:15:07 มีข้อดีอะไรคือมันสกัดเฉพาะส่วนที่ละลาย
00:15:07 → 00:15:11 น้ำอืส่วนที่ไม่ถูกทำลายในกระเพาะจะเข้า
00:15:11 → 00:15:14 ไปได้นะพอเรากินปั๊บมันไม่มีถูกทำลายใน
00:15:14 → 00:15:17 กระเพาะเพราะนั้นมันไม่เกิดอาการไซสท้อง
00:15:17 → 00:15:20 อืนะนั่นคือรูปแบบจะช่วยได้เพราะฉะนั้น
00:15:20 → 00:15:24 ตอนเนี้ยถ้าถ้าถามพี่ว่าถ้าจะกินยาตรงนี้
00:15:24 → 00:15:27 ให้กินในรูปแบบของอันที่ 1 คือใช้ชาดี
00:15:27 → 00:15:32 กว่านะคะแล้วก็มันมีอีกอันนึงก็คือว่า
00:15:32 → 00:15:35 ชาชงตอนเนี้ยมันก็จะมีว่าผสมมะขามผสมอะไร
00:15:35 → 00:15:38 นะส้มแขกผสมนู่นผสมนี่เยอะแยะไปหมดเลยนะ
00:15:38 → 00:15:41 ฮะให้สังเกตอย่างี้ค่ะถ้าผสมยารสเปรี้ยว
00:15:41 → 00:15:44 เข้าไปด้วยเนี่ยมันจะช่วยเสริมฤทธิ์
00:15:44 → 00:15:48 อ๋อนะคะเพราะงั้นก็จะทำให้น้ำมันออกมา
00:15:48 → 00:15:51 เยอะขึ้นแต่เวลาในการออกลิ้นเนี่ยมันอาจ
00:15:51 → 00:15:54 จะยังยาวเท่าเดิมนะแต่ยังไงก็ตามเนี่ยมัน
00:15:54 → 00:15:56 จะช่วยทำให้ออกลิตรได้ดีขึ้นนุ่มนวลขึ้น
00:15:56 → 00:16:00 อืนะฮะทีนี้กลุ่มนี้มีข้อเสียยังไงกลุ่ม
00:16:00 → 00:16:02 นี้เนี่ยมันเนื่องจากว่ามันกระตุ้นให้ลำ
00:16:02 → 00:16:05 ไส้บีบตัวเพราะฉะนั้นพอใช้ติดต่อกันยาวๆ
00:16:05 → 00:16:09 ยาวๆเนี่ยมันจะทำให้เกิดลำไส้ขี้เกียจพวก
00:16:09 → 00:16:12 เราคงเคยได้ยินคำว่าลำไส้ขี้เกียจก็คือลำ
00:16:12 → 00:16:14 ไส้ไม่ทำงานไม่มีอะไรกระตุ้นฉันก็อยู่ของ
00:16:14 → 00:16:17 ฉันอย่างงี้แหละอ่าอยู่นิ่งๆเฉยๆเลยเพราะ
00:16:17 → 00:16:20 ฉะนั้นเอ่ออย.ก็เลยบอกว่าถ้าแกกินยาพวก
00:16:20 → 00:16:23 เนี้ยเค้าไม่ให้กินติดต่อกันเกิน 15 วัน
00:16:23 → 00:16:27 อืนะคะแล้วก็ไม่ให้ใช้ในเด็กที่ต่ำกว่า 10
00:16:28 → 00:16:30 ขวบอนะคะเพราะฉะนั้นต้องยาระบายพวกเนี้ย
00:16:31 → 00:16:35 ห้ามใช้ในเด็กถ้าถ้างั้นในเด็กทำไงในเด็ก
00:16:35 → 00:16:38 ส่วนใหญ่เราใช้ยาเหน็บออนะคะยาเหน็บพวก
00:16:38 → 00:16:40 กลีเซลีนพวกอะไรเงี้ยได้หรือยาสวนนี้ได้
00:16:40 → 00:16:42 มั้คะยาสวนยาสวนแบบนี้อย่างงี้เป็นรูป
00:16:42 → 00:16:43 โป่งอย่างงี้ก็ได้ใช่มั้ยคะอาจารย์ค่ะ
00:16:43 → 00:16:46 เป็นรูปโป่งแบบนี้ก็ได้อ่าใช้ในเด็กได้
00:16:46 → 00:16:48 จริงๆในผู้ใหญ่ก็ได้เนาะผู้ใหญ่ก็ใช่ค่ะ
00:16:48 → 00:16:52 แต่ในกรณีที่เอ่ออุจจาระแห้งมากๆนะคะก็
00:16:52 → 00:16:54 สวนเข้าไปเพื่อให้หล่อลื่นอุจจาระเท่า
00:16:54 → 00:16:57 นั้นเองค่ะเพราะงั้นอุจจาระแห้งแข็งแล้ว
00:16:57 → 00:17:00 เราถ่ายไม่ออกเนี่ยเราก็แก้ได้ 2 ทางคือ 1
00:17:00 → 00:17:03 ใช้รสเปรี้ยวเพื่อซึมน้ำเข้าไปในอุจจาระ
00:17:03 → 00:17:05 กับอันที่ 2 ก็คือสวนเพื่อที่จะให้หล่อ
00:17:05 → 00:17:08 ลื่นให้พวกเนี้ยหลุดออกมาได้ง่ายขึ้นเวลา
00:17:08 → 00:17:11 เบ่งก็จะไม่ไม่บาดไม่เป็นฤิธสีเพราะ
00:17:11 → 00:17:13 ฉะนั้นเท่าที่ฟังอ่ะถ้าเกิดว่าท้องผูก
00:17:13 → 00:17:15 แล้วเอ่อรู้สึกว่ากินยาพวกกระตุ้นลำไส้
00:17:15 → 00:17:18 แล้วมันออกเราก็กินเป็นการเฉพาะกิจเนาะ
00:17:18 → 00:17:20 อย่างที่อาจารย์บอกว่ามันก็ไม่ควรเกิน 15
00:17:20 → 00:17:22 วันแล้วแดงก็ว่ามันก็มันก็จริงๆมันเหมือน
00:17:22 → 00:17:24 กับไม่ได้ใช้ระบบธรรมชาตินะคะแล้วแก้ที่
00:17:25 → 00:17:26 ต้นเหตุดีกว่าแต่อันนี้ก็เป็นยากลุ่มแรก
00:17:26 → 00:17:29 ที่บอกว่าช่วยระบายได้คราวนี้นอกเหนือจาก
00:17:29 → 00:17:31 กลุ่มนี้แล้วมีกลุ่มอื่นมั้คะอาจารย์ก็ก็
00:17:31 → 00:17:34 มีกลุ่มที่คล้ายๆกับพวกรสเปรี้ยวอ่ะค่ะ
00:17:34 → 00:17:37 เอ่อรสเค็มซึ่งอันนี้เนี่ยยาแผนปัจจุบัน
00:17:37 → 00:17:40 ก็มีเหมือนกันเราเรียกว่าดีเกลือฝรั่งอื
00:17:40 → 00:17:44 นะคะดีเกลือฝรั่งเนี่ยยาไทยใช้ค่ะนะเพราะ
00:17:44 → 00:17:48 ว่ามันอยู่ในเอ่อปฏิบัติของยานะคะพวกนี้
00:17:48 → 00:17:51 ก็จะทำให้ถ่ายถ่ายเหลวถ่ายแรงถ่ายเร็วที
00:17:51 → 00:17:56 นี้เอ่อพวกดีเกลือฝรั่งเนี่ยกับไอ้เอ่อ
00:17:56 → 00:17:58 ตัวกลุ่มแรกที่เราบอกว่ามันบีบลำไส้เนี่ย
00:17:58 → 00:18:01 จริงๆอยู่ด้วยกันเนี่ยถ้าตั้งตำรับไม่
00:18:01 → 00:18:03 เหมาะสมเนี่ยมันจะทำให้เสียตัวยาตัวใดตัว
00:18:03 → 00:18:08 หนึ่งไปอนะคะเพราะว่าไอ้ตัวกลุ่มของตัว
00:18:08 → 00:18:11 ที่บีบตัวในลำไส้เนี่ยมันใช้เวลาออกฤทธิ์
00:18:11 → 00:18:14 6-8 ชมงถึงจะออกฤทธิ์เพราะฉะนั้นก็จะให้
00:18:14 → 00:18:18 กินตอนกลางคืนอืเช้าแล้วก็ถ่ายตอนเช้านะ
00:18:18 → 00:18:22 คะเอ่อก็จะยาวค่อนข้างยาวแต่ถ้าดีเกือ
00:18:22 → 00:18:25 ฝรั่งเนี่ยถ้ากินเต็มโดสจริงๆเนี่ยจะพอ
00:18:25 → 00:18:27 มันอย่างเดียวเนี่ย 15 นาที 30 นาทีมันก็
00:18:27 → 00:18:31 ออกฤทธิ์ะอืนะคะในในยาฝรั่งเนี่ยการใช้ดี
00:18:31 → 00:18:34 ฝรั่งก็อยู่ในรูปแบบเป็นชื่อยาอันนึงที่
00:18:34 → 00:18:38 เขา้าเรียกว่ามอมถ้าเคยได้ยินนะมอมหรือ
00:18:38 → 00:18:42 MOM นะคะซึ่ง Mil of Magnียiaค่ะซึ่ง
00:18:42 → 00:18:46 ตัวนี้น่ะยาฝรั่งจะใช้เดี่ยวออแต่ยาไทย
00:18:46 → 00:18:49 เอามาใช้ร่วมเช่นอ่าเอามาใช้ร่วมอย่าง
00:18:49 → 00:18:52 เช่นยาถ่ายดีเครือฝรั่งของไทยนะคะเราก็จะ
00:18:52 → 00:18:55 เอาดีเครลือฝรั่งมาร่วมกับพวกยาดำอ่าซึ่ง
00:18:55 → 00:18:58 อยู่ในกลุ่มนี้ทีนี้พอใช้ร่วมเนี่ยแล้ว
00:18:58 → 00:19:02 มันดียังไงมันดีตรงที่ว่ามันทำให้น้ำมวล
00:19:02 → 00:19:06 น้ำมันเยอะขึ้นมวลน้ำมันเยอะขึ้นแล้วก็
00:19:06 → 00:19:09 การออกฤทธิ์เนี่ยมันจะเร็วขึ้นอ่ามันจะ
00:19:09 → 00:19:12 เร็วขึ้นเหมือนผสานกำลังของทั้ง 2 ิใช่
00:19:12 → 00:19:15 ใช่แต่ก็ต้องต้องอย่าลืมว่าตัวยาบางตัว
00:19:15 → 00:19:18 มันก็ออกเล็บไม่ทันเหมือนกันใช้ได้เช่น
00:19:18 → 00:19:22 มันก็มีปัญหาเช่นเดียวกันนะคะแต่ก็นับว่า
00:19:22 → 00:19:27 เป็นยาถ่ายที่ทำให้เอ่อเราไม่ต้องเผชิญ
00:19:27 → 00:19:30 กับยามากนักอ่ะคือกินยาแล้วปั๊บมันก็ถ่าย
00:19:30 → 00:19:34 ออกได้เลยค่ะอแล้วอันนี้มั้คะอาจารย์่า
00:19:34 → 00:19:37 ถ้าเป็นกลุ่มพวกเนี้ยนะฮะที่เค้าเขียนว่า
00:19:37 → 00:19:40 อ่าเป็นพวกยาถ่ายค่อนข้างรุนแรงเนี่ยนะฮะ
00:19:40 → 00:19:42 กลุ่มพวกเก็จะใส่ดีเกลือฝรั่งค่ะอ่าเนี่ย
00:19:42 → 00:19:45 ค่ะดีเกลือฝรั่ง 1,500 กรัมเลยนะใช่ค่ะ
00:19:45 → 00:19:47 แล้วก็มีหัวยาข้าวเย็นทั้ง 2 แล้วก็มี
00:19:47 → 00:19:51 โกรธทั้ง 7 เทียนทั้ง 9 ค่ะแต่นี่ตัวเอ่อ
00:19:51 → 00:19:55 ดีเกลือฝรั่งเนี่ยมันจะมีสักประมาณเท่า
00:19:55 → 00:19:59 ไหร่ใน 1 ช้อนโต๊ะ 1,500 กรัมใน 300 ซีซ
00:19:59 → 00:20:02 ค่ะอ่าใน 300 ซีซแล้วก็ให้กินครั้งละออ
00:20:02 → 00:20:06 โทษทีในน้ำยา 12,000 ซีซมีตัวยาสำคัญ
00:20:06 → 00:20:09 ดีเกอร์ฝรั่ง 1,500 กรัมอ่าฮะเอออ๋อแล้ว
00:20:09 → 00:20:11 เค้าให้กินยังไงใช่มั้ 1 ช้อนโต๊ะต้องให้
00:20:12 → 00:20:15 กิน 1 ช้อนโต๊ะซึ่งอ๋อเค้าบอกว่าถ้าธาตุ
00:20:15 → 00:20:17 ถ้าธาตุหนักอ่ะให้กิน 2-4 ช้อนโต๊ะ
00:20:17 → 00:20:20 อันเนี้ยเขาจะปรับตามธาตุหนักธาตุเบาว่า
00:20:20 → 00:20:23 ก็เพราะฉะนั้นถ้าเห็นว่าเอ่อยามเขียนว่า
00:20:23 → 00:20:25 ธาตุหนักเท่านี้ธาตุเบาเท่านี้อันนี้ก็
00:20:25 → 00:20:28 ให้รู้ตัวเองแล้วถ้าตัวเองเป็นคนที่ท้อง
00:20:28 → 00:20:31 เสียง่ายก็ถือว่าธาตุเบาท้องเสียง่ายอยู่
00:20:31 → 00:20:35 ท้องถูกก็กินน้อยหน่อยอแต่ถ้าคนที่ปกติ
00:20:35 → 00:20:38 อ่ะเรียกว่าอะไรผูกเป็นนิสัยอันนั้นให้
00:20:38 → 00:20:42 ใช้เยอะถือว่าเป็นตัวเองท่านหนักอืแต่พวก
00:20:42 → 00:20:44 เนี้ยที่อาจารย์บอกว่ามันจะถ่ายเร็ว 15-20
00:20:44 → 00:20:47 นาทีมันจะแรงไปมั้ยคะตัวนี้ไม่ถึงอันนี้
00:20:47 → 00:20:49 เกิน 15-20 นาทีค่ะคือถ้าใช้เดี่ยวๆอ่ะ
00:20:49 → 00:20:52 ใช่อ๋ออ่าฮะแต่มันผสมมาถ้าผสมมาเนี่ย
00:20:52 → 00:20:56 ประมาณสัก 1-2 ชั่วโมงค่ะอืนะคะก็ถ่ายแรง
00:20:56 → 00:20:59 ค่ะแต่ว่าเอ่อมันมีข้อดีคือพอถ่ายปั๊บ
00:20:59 → 00:21:02 เนี่ยไอ้ตัวยาที่มันออกฤทธิ์นานเนิ่นน่ะ
00:21:02 → 00:21:04 มันออกไปด้วยเพราะฉะนั้นมันก็ถ่ายแค่
00:21:04 → 00:21:06 ครั้งเดียว 2 ครั้งก็เลิกแล้วค่ะแต่ไม่
00:21:06 → 00:21:09 เหมือนกับกลุ่มยาที่เอ่อบีบตัวบางทีบางคน
00:21:09 → 00:21:12 นะฮะกินมะขามแขกเนี่ยกิน 1 ดแต่ถ่ายหลาย
00:21:12 → 00:21:15 ครั้งเหมือนกันมีเหมือนกันนะอืค่ะก็เป็น
00:21:15 → 00:21:19 ข้อดีที่เรียกว่าชดเชยกันนะฮะแต่ยังไงก็
00:21:19 → 00:21:22 ตามเนี่ยการเลือกซื้อพวกเนี้ยให้อ่านดู
00:21:22 → 00:21:25 ว่าฉลาดมันประกอบด้วยตัวยาอะไรบ้างนะคะ
00:21:25 → 00:21:28 และสำคัญที่สุดไม่ว่าตัวยาอะไรก็ห้ามกิน
00:21:28 → 00:21:30 ติดต่อเกิน 15 วันเพราะไม่งั้นลำไส้ขี้
00:21:30 → 00:21:34 เกียจนะคะอือแล้วก็อย่างถ้าดีเกลือฝรั่ง
00:21:34 → 00:21:37 ใช้เยอะไปนานไปก็ทำให้สูญเสียเกลือแร่อื
00:21:37 → 00:21:40 ก็จะมีปัญหากับระบบเกลือแร่ในร่างกายอีก
00:21:40 → 00:21:43 อาจารย์ถ้าคือก็เจอจริงๆนะคนที่เขาท้อง
00:21:43 → 00:21:46 ผูกเหลือรังแล้วเขาก็ออกห่างจากอะไรพวก
00:21:46 → 00:21:50 นี้ไม่ได้เลยอ่ะเขาจะต้องทำยังไงมั้คะค่ะ
00:21:50 → 00:21:53 อันเนี้พี่เคยเจอตัวมิสโกดิลอ่ะพี่เคยเจอ
00:21:53 → 00:21:56 คนที่ปกติเราให้เม็ดนึง 2 เม็ดใช่มั้ฮะ
00:21:56 → 00:21:58 อือๆอ่าเพราะว่าพอยิ่งกินนานๆเนี่ยมัน
00:21:58 → 00:22:02 ดื้อยาดื้อยานะคะกินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆน่ะ
00:22:02 → 00:22:05 ค่ะเคยเจอคนที่กินมากถึง 200 เมต่อครั้ง
00:22:05 → 00:22:08 อ่ะซึ่งตัวเนี้ยเป็นอันตรายต่อไตอย่างงี้
00:22:08 → 00:22:11 200 เมเจนี่เคยเจอจริงๆ 200 ม.ต่อครั้ง
00:22:11 → 00:22:14 แล้วก็สุดท้ายคือถ้าออฟคือเขาจะกินประมาณ
00:22:14 → 00:22:17 อาทิตย์ละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ครั้งเพราะ
00:22:17 → 00:22:19 เค้าเค้ารู้แต่ในระหว่างนั้นเไม่ถ่ายเลย
00:22:19 → 00:22:21 นั่นคือสิ่งที่การปล่อยให้ลำไส้ขี้เกียจ
00:22:21 → 00:22:25 นานๆแล้วปรับยากอืเพราะงั้นเอ่อวิธีทำก็
00:22:25 → 00:22:28 คือเหมือนเด็กเล็กอ่ะค่ะต้องกลับมาใหม่
00:22:28 → 00:22:30 กลับมาทำงานใหม่เลยตั้งแต่ 1 ปรับเรื่อง
00:22:31 → 00:22:34 พฤติกรรมอันที่ 2 เนี่ยออกกำลังกายนะคะ
00:22:34 → 00:22:37 ปรับเรื่องออกกำลังกายอันที่ 3 เนี่ยตัว
00:22:37 → 00:22:40 ตัวยาพวกเนี้ยงดไปเลยนะแล้วฝึกถ่ายใหม่
00:22:40 → 00:22:43 เช้าก็ลองไปนั่งดูได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
00:22:43 → 00:22:46 แรกๆก็จะเป็นอย่างนี้แล้วก็เพิ่มอาหารพวก
00:22:46 → 00:22:50 รสเปรี้ยวรสเผ็ดเข้าไปแล้วก็ผักก็หากาก
00:22:50 → 00:22:54 เยอะๆผลไม้ผักและผลไม้เนี่ยหากากเยอะๆที่
00:22:54 → 00:22:57 สำคัญรสหวานต้องลดลงค่ะเพราะว่าเมื่อไหร่
00:22:57 → 00:23:01 ที่กินหวานเยอะท้องก็ผูกอ่าใช่มันเป็น
00:23:01 → 00:23:06 แสลงเลยล่ะค่ะอืก็คือต้องปรับจริงๆค่ะ
00:23:06 → 00:23:08 อย่างเวลาแดงให้คำปรึกษาคนไข้แดงก็จะบอก
00:23:08 → 00:23:11 ว่าเราต้องเชื่อในธรรมชาติของร่างกายของ
00:23:11 → 00:23:13 เราอ่ะเหมือนเมื่อก่อนเราเราฝึกเค้าให้
00:23:13 → 00:23:16 มันเคยชินกับอะไรแบบเนี้ยเราไม่ได้ให้
00:23:16 → 00:23:18 เค้าได้แบบร่าเริงของเขาเองอ่ะเพราะ
00:23:18 → 00:23:21 ฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลานะคะขอให้เชื่อ
00:23:21 → 00:23:23 มั่นในร่างกายคราวนี้อาจารย์มันมีอีกอัน
00:23:23 → 00:23:25 นึงที่มีคนถามมาเยอะๆเดี๋จะค่อยไปเข้า
00:23:25 → 00:23:27 ดีท็อกซ์นะคะเพราะว่ามีบางคนบางคนบาง
00:23:27 → 00:23:28 กลุ่มเหมือนกันค่ะอาจารย์นี่เค้ากังวล
00:23:28 → 00:23:30 เรื่องของถ่ายคือรับสารมาเยอะไงว่าต้อง
00:23:30 → 00:23:32 ถ่ายทุกวันนะถ้าไม่ถ่ายเนี่ยของเสียจะ
00:23:32 → 00:23:34 อยู่ในลำไส้เราจะเป็นมะเร็งได้กลับกลาย
00:23:34 → 00:23:36 เป็นดีท็อกซ์ทุกวันเดี๋ยวดีท็อกซ์เนี่ย
00:23:36 → 00:23:38 เป็นอีกอันนึงที่อาจารย์ก็อยากจะมาพูด
00:23:38 → 00:23:40 เหมือนกันนะคะแต่อันนึงที่เมื่อกี้พูด
00:23:40 → 00:23:46 เกริ่นไว้ก็คือยาธรณีสันทฆาตกับยากระสับ
00:23:46 → 00:23:48 ถ่ายเหมือนกันมันมันกินได้มั้มันมันเป็น
00:23:48 → 00:23:50 ยาระบายหรือเปล่าคือจริงๆแล้วยา 2 ตัว
00:23:50 → 00:23:53 เนี้ยไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ถ่ายนะคะ
00:23:53 → 00:23:56 เพราะว่าถ้าแพทย์แผนไทยเนี่ยก็ถือว่าการ
00:23:56 → 00:23:59 ถ่ายคือการรักษาโรคอาการท้องผูกจริงๆแผน
00:23:59 → 00:24:01 ไทยสมัยก่อนเนี่ยเราไม่ได้คิดถึงเลย
00:24:01 → 00:24:04 เนื่องจากว่าคนสมัยก่อนเนี่ยออกกำลังกาย
00:24:04 → 00:24:06 เยอะแล้วก็ถ่ายเป็นนิสัยเป็นปกติเพราะ
00:24:06 → 00:24:09 ฉะนั้นเขาไม่ได้กังวลถึงเรื่องนี้แต่ทีพอ
00:24:09 → 00:24:12 ตอนหลังเนี่ยเค้าตั้งยาพวกนี้มาเพื่ออะไร
00:24:12 → 00:24:14 เพราะว่าการถ่ายเนี่ยคือการทำให้เส้น
00:24:14 → 00:24:18 หย่อนนะแผนเป็นแผนไทยนะคะเพราะว่าเราบอก
00:24:18 → 00:24:21 ว่าลมทั้งหมดเนี่ยมันเอ่อเกี่ยวเนื่อง
00:24:21 → 00:24:24 เชื่อมโยงกันทั้งหมดใช่เพราะฉะนั้นเอ่อ
00:24:24 → 00:24:27 เวลาถ่ายปั๊บเนี่ยไอ้กล้ามเนื้อต่ออะไร
00:24:27 → 00:24:29 ที่มันแข็งมันเกร็งมันตึงเนี่ยมันก็จะดี
00:24:29 → 00:24:32 ขึ้นอ่าเพราะฉะนั้นเอ่อเขาก็เลยตั้งตำรับ
00:24:32 → 00:24:35 ยาถ่ายเนี่ยมาเพื่อช่วยหมอนวดเพื่อให้หมอ
00:24:35 → 00:24:38 เนี่ยได้นวดได้ดีขึ้นแล้วคนไข้ก็หายจาก
00:24:38 → 00:24:41 โรคที่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนี่ยได้เร็ว
00:24:41 → 00:24:44 ขึ้นเพราะว่าถ้าเรานวดอย่างเดียวไม่กินยา
00:24:44 → 00:24:47 อะไรพวกนี้ช่วยเนี่ยก็จะพบว่ามันเกร็งอ่ะ
00:24:47 → 00:24:49 เพื่อเวลานั่นปั๊บเนี่ยเพราะระบบเราเป็น
00:24:49 → 00:24:51 ระบบปิดมันไม่ได้ถูกถ่ายออกไม่ได้ถูก
00:24:51 → 00:24:53 เรียกว่าระบายออกเพราะนั้นมันเหมือนลูก
00:24:53 → 00:24:56 โป่งบีบตรงนี้ไปโปร่งตรงนั้นบีบตรงนั้นมา
00:24:56 → 00:24:58 โปร่งตรงนี้เป็นอย่างเงี้ยไปเรื่อยๆเพราะ
00:24:58 → 00:25:01 ว่านวดกี่ทีกี่ทีก็ไม่หายบางคนก็บอกหาว่า
00:25:02 → 00:25:04 หมอเลี้ยงไข้นะคะซึ่งจริงๆอ่ะไม่ใช่มัน
00:25:04 → 00:25:08 มันต้องจับไอ้ตัวเรียก
00:25:08 → 00:25:12 Pressure หรือความดันข้างในทิ้งก่อนเน
00:25:12 → 00:25:15 ใช่เพราะนั้นหลายหมอหลายคนถ้าไปหาแล้วเก็
00:25:15 → 00:25:18 จะบอกว่าเอายานี้ไปกินก่อนนะเกาะกินล่วง
00:25:18 → 00:25:22 หน้าถ่ายสัก 1 วันก่อนที่จะมาหาหมออืนะคะ
00:25:22 → 00:25:25 เพราะฉะนั้นยาเนี้ยสร้างขึ้นเพื่อทำให้
00:25:25 → 00:25:27 การรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเนี่ย
00:25:27 → 00:25:32 มันดีขึ้นค่ะนะทีนี้พอตอนหลังๆคนไข้เอง
00:25:32 → 00:25:36 นั่นแหละพอไปกินเอ๊ะมันระบายนะอ่าก็เลย
00:25:36 → 00:25:39 เอามาใช้แก้ท้องภูอยู่ถามว่าได้มยก็พอได้
00:25:39 → 00:25:42 อยู่แต่ก็ต้องระวังเหมือนเดิมก็คือ 15
00:25:42 → 00:25:47 วันนะฮะ 15 วันมันก็ไม่ควรเกินนั้นเพราะ
00:25:47 → 00:25:50 มันก็มีตัวยาแบบเดียวกันนะคะอแล้วก็อีก
00:25:51 → 00:25:55 อันนึงบางคนก็ดีใจว่าพอกินแล้วขายไม่นวด
00:25:55 → 00:25:58 แล้วอ่าฉันก็หายนะมันไม่หายนะคะพวกนี้มัน
00:25:58 → 00:26:02 เป็นการรักษาปลายเหตุอืนะคะเพราะฉะนั้น
00:26:02 → 00:26:04 ยังไงก็ตามก็ต้องไปรักษาที่กล้ามเนื้อ
00:26:04 → 00:26:07 อยู่อีกอยู่ดีอ่ะพวกนี้แค่ช่วยทำให้การ
00:26:07 → 00:26:10 รักษาเนี่ยมันเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นเ้า
00:26:10 → 00:26:12 เรียกว่าเป็นการรักษาแบบส่วนควบอ่ะค่ะอ่า
00:26:12 → 00:26:15 โอเคเออพออาจารย์พูดอย่างงี้เห็นภาพเลย
00:26:15 → 00:26:17 ค่ะคือจะมันจะเป็นยาที่ไอ้อะไรที่มัน
00:26:17 → 00:26:19 เกี่ยวกับเส้นๆนะ่ะคะธรณีสันฆ่ายาไถ่
00:26:19 → 00:26:22 กระส่เส้นมันเป็นยาที่คุณหมอนวดเนี่ยเขา
00:26:22 → 00:26:25 จะให้คนไข้เนี่ยกินเพื่อรุลมออกไปจากตัว
00:26:25 → 00:26:28 ก่อนมันถึงจะนวดแล้วมันจะได้ผลเนาะแต่พอ
00:26:28 → 00:26:30 เวิร์คหลังๆก็จะมีคนเอามาเอ้อมันช่วย
00:26:30 → 00:26:33 ระบายนี่เอามากินมันอาจจะผิดวัตถุประสงค์
00:26:33 → 00:26:35 พูดง่ายๆนะคะแต่ถามว่าช่วยได้มั้ก็ช่วย
00:26:35 → 00:26:37 ได้เหมือนกันคราวนี่ดีท็อกซ์ค่ะอาจารย์
00:26:37 → 00:26:40 บางคนกังวลมากๆแล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ย
00:26:40 → 00:26:42 ดีท็อกซ์ไปเลยหมดเรื่องหมดราวออกเลยด้วย
00:26:43 → 00:26:47 เลยทำทุกวันเลยอืดีมั้คะคือการดีท็อกซ์
00:26:47 → 00:26:50 เนี่ยคือการเอาน้ำเข้าไปในลำไส้เนาะแต่
00:26:50 → 00:26:54 ว่าเอ่อมันมีอยู่ 2 คอนเซปตอ่ะคอนเซปนึง
00:26:54 → 00:26:56 คือก็จะใส่กาแฟเข้าไปด้วยนะคะเพราะเบอก
00:26:56 → 00:26:58 ว่ามันคือการล้างพิษเพราะกาแฟสวนเข้าพิษ
00:26:59 → 00:27:03 นั้นก็จะเข้าไปสู่การดึงพิษออกมาด้วยนะคะ
00:27:03 → 00:27:06 ในความเห็นที่เอ่อคือการสวนเสริมกาแฟ
00:27:06 → 00:27:08 เนี่ยคือคงบอกไม่ได้เพราะว่ายังไม่สามารถ
00:27:08 → 00:27:12 ที่จะมีงานวิจัยอะไรหรือว่าการรับรองอะไร
00:27:12 → 00:27:16 ใดๆแต่ในคนปกติก็สามารถทำได้แต่ทีนี้
00:27:16 → 00:27:18 ทท็อกซ์เนี่ยเนื่องจากมันเป็นการใส่น้ำ
00:27:18 → 00:27:22 มวลค่อนข้างเยอะนะคะประมาณ 3-5 ลิตรเข้า
00:27:22 → 00:27:25 ไปอันเนี้ยถ้าทำประจำมันก็จะทำให้ลำไส้
00:27:25 → 00:27:30 หย่อนอืนะฮะลำไส้หย่อนแล้วลำไส้ยืดแล้ว
00:27:30 → 00:27:34 สุดท้ายมันก็อาจจะแตกทะลุได้นะคะหน้าใน
00:27:34 → 00:27:35 ขณะที่เราใส่เข้า
00:27:36 → 00:27:39 นะมันก็ต้องระมัดระวังเอ่อการทำดีท็อกซ์
00:27:39 → 00:27:42 ก็ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่ดูแลตรง
00:27:42 → 00:27:44 นั้นนะฮะโดยปกติก็จะมีเมื่อก่อนนี้ก็จะมี
00:27:44 → 00:27:48 การแนะนำว่าให้เอามาทำเองที่บ้านนะถ้าทำ
00:27:48 → 00:27:52 เองที่บ้านเนี่ยก็แนะนำว่าทำทุกวันไม่ได้
00:27:52 → 00:27:57 อืนะคะไม่ให้ทำทุกวันอย่างมากสุดอาทิตย์
00:27:57 → 00:28:01 ละครั้งก็ก็มีโอกาสทำให้ขยายแล้วแหละจริง
00:28:01 → 00:28:04 ๆแล้วถ้าจำเป็นจริงๆเดือนละครั้งหรือดู
00:28:04 → 00:28:09 ตัวเองว่าตัวเองดูเนี่ยแล้วรักษาวิธีอื่น
00:28:09 → 00:28:11 ไม่ได้ผลแล้วชวงนี้มันท้องผูกมากจริงๆนะ
00:28:12 → 00:28:15 ไม่อยากใช้ยาก็ทำดีท็อกห้ามติดกันทุกวัน
00:28:15 → 00:28:19 อันที่ 1 นะอันที่ 2 7 วันครั้งนี่ก็
00:28:19 → 00:28:22 เอ่อนั่นแล้วถ้าตั้งทำทุก 7 วันอันนั้น
00:28:22 → 00:28:25 แปลว่าคุณไม่ได้แก้ไขปัญหาเรื่องท้องผูก
00:28:25 → 00:28:28 ถ้าไม่ได้แก้ไขปัญหาเรื่องท้องผูกไอ้การ
00:28:28 → 00:28:31 ให้พวกเนี้ยไม่ใช่การแก้ที่ต้นเหตุสุขภาพ
00:28:31 → 00:28:34 คุณมีสิทธิ์ที่จะแย่ลงแย่ลงเรื่อยๆเพราะ
00:28:34 → 00:28:37 ลำไส้ไม่ดีไม่ได้แบแปลว่ามันดีจริงนะ
00:28:37 → 00:28:40 เพราะว่าในเรื่องดีท็อกซ์เนี่ยมันไม่ใช่
00:28:40 → 00:28:43 เอาแค่น้ำกับกากออกนะมันเอาเชื้อออกด้วย
00:28:43 → 00:28:46 อันนี้ต้องระวังเพราะว่าเชื้อในลำไส้หรือ
00:28:46 → 00:28:48 ว่าเชื้อทั่วร่างกายเราเนี่ยมันดุลกัน
00:28:48 → 00:28:50 ระหว่างเชื้อมีประโยชน์กับเชื้อไม่มี
00:28:50 → 00:28:52 ประโยชน์แล้วเมื่อไหร่ก็ตามเนี่ยคุณดึง
00:28:53 → 00:28:55 ออกไปเยอะๆเชื้อจะมีประโยชน์ไม่มี
00:28:55 → 00:28:57 ประโยชน์ก็ตามเนี่ยพอเชื้อแบคทีเรียออก
00:28:57 → 00:29:00 เยอะเชื้อราขึ้นอ่านะฮะแล้วเราจะเจอว่าคน
00:29:01 → 00:29:03 ที่ดีท็อกซ์เนี่ยดีท็อกซ์ใหม่ๆเนี่ยแล้ว
00:29:03 → 00:29:06 คุณไม่ได้ทานยาอะไรที่จะทำให้เอ่อลำไส้
00:29:06 → 00:29:08 มันกลับมาเคลื่อนตัวเป็นปกติเนี่ยลำไส้
00:29:08 → 00:29:10 มันจะหยุดค้างอยู่นานเลยค่ะเพราะมันไม่มี
00:29:10 → 00:29:13 อะไรอยู่ในลำไส้มันออกหมดนะพี่พี่เคยเคย
00:29:13 → 00:29:17 ไปทำเอ่อมันก็จะค้างนานหยุดไม่พยายามอะไร
00:29:17 → 00:29:21 เลยเพราะฉะนั้นเอ่อลำไส้ก็จะเย็นนะเย็น
00:29:21 → 00:29:25 ไอ้เชื้อก็เจริญเติบโตไม่ได้เต็มที่ไม่มี
00:29:25 → 00:29:29 อะไรมาสมดุลบางทีเชื้อราขึ้นได้คือดุลพวก
00:29:29 → 00:29:32 เนี้ยมันเป็นดุลที่เราไม่รู้แต่มันเป็น
00:29:32 → 00:29:34 ดุลธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองเพราะฉะนั้น
00:29:34 → 00:29:37 อะไรที่มันมากเกินไปอะไรที่มันน้อยเกินไป
00:29:37 → 00:29:39 ย่อมไม่ดีกับสุขภาพทั้งนั้นค่ะมีอีกอัน
00:29:39 → 00:29:42 นึงค่ะอาจารย์คือพอเราอายุมากขึ้นเดิมเรา
00:29:42 → 00:29:44 ไม่ทองถูกนะแต่พอเราเริ่มอายุมากขึ้น
00:29:44 → 00:29:46 เหมือนกับเอ๊ะจะเป็นแรงเบ่งหรืออะไรหรือ
00:29:46 → 00:29:47 เปล่าหรือเรามีคุณแม่อยู่ที่บ้านอย่าง
00:29:47 → 00:29:51 เงี้ยเริ่มมีประเด็นะเราจะให้ท่านกินยา
00:29:51 → 00:29:53 อะไรหรือช่วยอะไรดีเพราะว่ามันอาจจะตาม
00:29:53 → 00:29:56 วัยด้วยคะที่จะปลอดภัยใช่ค่ะจริงๆเรื่อง
00:29:56 → 00:29:58 นี้ก็เป็นเรื่องถกเถียงกันเนาะแล้วก็ใน
00:29:58 → 00:30:01 แผนปัจจุบันนึงบางคนก็จะบอกว่าจริงๆแล้ว
00:30:01 → 00:30:04 พอถึงวัยนึงอ่ะลำไส้ก็ไม่ทำงานแล้วแหละก็
00:30:04 → 00:30:06 มีการจ่ายให้คนไข้กินทุกวันก็มีเหมือนกัน
00:30:06 → 00:30:11 นะคะในส่วนตัวเนี่ยก็ยังมองว่าความจำเป็น
00:30:11 → 00:30:13 ในการใช้ยาเนี่ยมันต้องเอาเท่าที่จำเป็น
00:30:13 → 00:30:17 ถ้าเกิดไม่ถ่ายจริงๆแล้วก็ทานผักไม่ได้
00:30:17 → 00:30:20 ใช้วิธีออกกำลังกายอืนะคะถ้าเดินไม่ได้
00:30:20 → 00:30:24 จริงๆนวดนะคะอืใช้นวดเอานะคะเพราะว่าการ
00:30:24 → 00:30:27 นวดก็จะเป็นการช่วยทำให้ลำไส้ทำงานได้
00:30:27 → 00:30:30 ส่วนนึงค่ะอย่าละเลยอย่าแค่แค่ว่าแก่แล้ว
00:30:30 → 00:30:32 จริงๆแล้วยังไงมันก็แก้ไขไม่ได้จริงๆด้าน
00:30:32 → 00:30:35 เริ่มแก้ไขตั้งแต่แรกๆนะคะตั้งแต่รู้สึก
00:30:35 → 00:30:38 ว่าท้องผูกและแรกๆเนี่ยเริ่มต้นอย่างี้
00:30:38 → 00:30:41 เลยอย่าเอาความแก่เป็นตัวตั้งก่อนเอาออก
00:30:41 → 00:30:45 ไปจากสมการเอ้อจริงๆหลายคนก็บอกว่าอายุ
00:30:45 → 00:30:47 อย่างขนาดพี่เนี่ยหลายคนเลยพอพูดเอ้า
00:30:47 → 00:30:49 เพราะแก่แล้วจริงๆไม่ใช่ค่ะเพราะว่าเพราะ
00:30:49 → 00:30:53 ว่าจริงๆคนแก่ยังการทำงานเสื่อมลงก็จริง
00:30:53 → 00:30:56 แต่ถ้าคุณสามารถที่จะดูแลตัวเองให้มัน
00:30:56 → 00:31:00 เสื่อมช้าลงอโดยการออกกำลังกายโดยการปรับ
00:31:00 → 00:31:03 เรื่องอาหารเป็นส่วนหนึ่งเนี่ยมันก็จะทำ
00:31:03 → 00:31:05 ให้คุณเสื่อมช้าลงได้แล้วโดยไม่ต้องไป
00:31:05 → 00:31:11 พึ่งพายาตลอดนะคะพยายามเอาความแก่ออกไป
00:31:11 → 00:31:13 เห็นด้วยค่ะเห็นด้วย 100% ค่ะอาจารย์จริง
00:31:13 → 00:31:16 ๆค่ะเพราะว่าแดงก็เห็นผู้สูงอายุเอ่อหลาย
00:31:16 → 00:31:18 คนนะเค้าก็ไม่ได้มีประเด็นเรื่องนี้นะ
00:31:18 → 00:31:21 เพราะฉะนั้นก็มันเป็นสิ่งที่เราปรับด้วย
00:31:21 → 00:31:23 ตัวเองได้ขอให้สังเกตจริงๆท่าแต่ละคน
00:31:23 → 00:31:25 ลักษณะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันตัวเราเองนี่
00:31:25 → 00:31:27 แหละจะรู้จักตัวเองแล้วก็ปรับอย่างที่เรา
00:31:27 → 00:31:30 คุยกันนะคะมันก็มีไม่กี่อย่างเสาหลัก
00:31:30 → 00:31:33 สุขภาพ 5 อย่างพฤติกรรมกรรมอ่าการกินการ
00:31:33 → 00:31:36 นอนการออกกำลังกายจิตใจที่เบิกบานการหาย
00:31:36 → 00:31:39 ใจที่ที่ดีนะคะมันก็มีอยู่ไม่กี่บาทลองทำ
00:31:39 → 00:31:41 แบบนี้ดูดังนั้นก็เชื่อว่าการขับถ่ายมัน
00:31:41 → 00:31:45 เป็นปลายทางที่เดี๋ยวมันจะตามมาเองพี่ๆก็
00:31:45 → 00:31:46 เชื่ออย่างงั้นนะแล้วก็พี่คิดว่าออกกำลัง
00:31:47 → 00:31:50 กายเป็นคีย์อ่าที่สำคัญมากสำหรับเราทุกคน
00:31:50 → 00:31:54 นะทุกโลกด้วยสังเกตไม่ว่าโรคไหนการออก
00:31:54 → 00:31:56 กำลังกายเนี่ยสำคัญแล้วไม่มีโรคไหนที่บอก
00:31:56 → 00:31:59 ว่าห้ามออกกำลังกายจริงยกเว้นเรื่องของ
00:31:59 → 00:32:02 เกี่ยวกับข้อกับอะไรพวกเนี้ยเนาะจริงซึ่ง
00:32:02 → 00:32:04 ถ้าทำได้อย่างเงี้แล้วเวลาเราพูดถึงออก
00:32:04 → 00:32:07 กำลังกายหลายคนอาจจะคิดว่าต้องไปสนามกีฬา
00:32:07 → 00:32:10 ต้องไปเอ่อฟิตเนสต้องไปอะไรไม่ใช่อยู่
00:32:10 → 00:32:13 กลับบ้านก็ได้ค่ะที่จริงการออกกำลังกายนะ
00:32:13 → 00:32:15 คะการยืดเหยียดเนี่ยก็คือการออกกำลังกาย
00:32:15 → 00:32:18 นะคะมีงานวิจัยหลายงานวิจัยที่พูดถึง
00:32:18 → 00:32:20 เรื่องของการยืดเหยียดว่าใช้พลังงานเท่า
00:32:20 → 00:32:23 ไหร่แล้วก็ทำให้หัวใจเต้นได้เท่าไหร่อะไร
00:32:23 → 00:32:25 อย่างเงี้ยนะคะแล้วก็พื้นที่ก็ไม่ต้องการ
00:32:25 → 00:32:29 พื้นที่เยอะนะคะในแผนไทยเนี่ยเขาใช้วิธี
00:32:29 → 00:32:33 การเดินไอ้สี่เหลี่ยมอ่ะค่ะอืนะคะซึ่งพี่
00:32:33 → 00:32:36 ก็จำชื่อไม่ได้ละแค่เดินสลับก้าวไปก้าวมา
00:32:36 → 00:32:39 ได้กี่ครั้งเนี่ยใน 1 วันเนี่ยแค่นั้นก็
00:32:39 → 00:32:42 ออกกำลังกายได้แล้วค่ะอืมใช่ขอให้เราแบบ
00:32:42 → 00:32:44 ดีไซน์ให้เหมาะกับตัวเองเนาะอย่างคุณแม่
00:32:44 → 00:32:47 แดงก็ยืดเหยียดบนเตียงก่อนนอนคือขอแค่ว่า
00:32:47 → 00:32:50 มันต้องมีการขยับยืดเหยียดออกกำลังกาย
00:32:50 → 00:32:53 อะไรก็ได้ในแต่ละวันแค่เนี้ยแดงก็ว่าเป็น
00:32:53 → 00:32:55 เป็นอันนึงที่จะทำให้เราสุขภาพแข็งแรงใน
00:32:55 → 00:32:59 ระยะยาวนะคะโอเควันนี้ก็ได้ประโยชน์อีก
00:32:59 → 00:33:01 แล้วค่ะอาจารย์แล้วแดงเชื่อว่าอยาก
00:33:01 → 00:33:04 กระตุ้นอยากเป็นส่วนนึงที่ให้ทุกคนไม่
00:33:04 → 00:33:07 ต้องไปยุ่งกับยาอะไรมากค่ะวันเนี้ยที่เรา
00:33:07 → 00:33:09 เอายามาพูดเยอะๆเพราะว่าคนในปัจจุบันยัง
00:33:09 → 00:33:11 ใช้อยู่เยอะจริงๆแต่ทีสำคัญก็คือขอให้รู้
00:33:11 → 00:33:13 ว่าเราอ่ะเป็นเพราะอะไรเราจะได้มาปรับ
00:33:13 → 00:33:15 ตั้งแต่ต้นเหตุยามันก็ไม่ต้องไปยุ่งกับ
00:33:15 → 00:33:18 มันแล้วค่ะเพราะว่าเหตุไม่เกิดขึ้นนะคะก็
00:33:18 → 00:33:19 หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะใครที่มีปัญหา
00:33:19 → 00:33:22 ท้องผูกเรือรังก็ลองส่งคลิปนี้ให้เค้าดู
00:33:22 → 00:33:24 เพื่อที่จะได้ปรับไปด้วยกันนะคะแล้ว
00:33:24 → 00:33:26 เดี๋ยวครั้งต่อไปก็กลับมาพบกับเรื่องที่
00:33:26 → 00:33:28 น่าสนใจได้ใหม่นะคะวันนี้ดกับอาจารย์ก็ลา
00:33:28 → 00:33:33 ไปก่อนค่ะบ๊ายบายค่ะ
00:33:33 → 00:33:46 [เพลง]