00:00:00 → 00:00:02 อาจารย์ขาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
00:00:02 → 00:00:05 อาจารย์ขาอยากจะรบกวนสอบถามค่ะอาจารย์แบบ
00:00:05 → 00:00:07 นี้ค่ะว่าเนี่ยค่ะเรื่องของการเดินค่ะ
00:00:07 → 00:00:11 อาจารย์เดินๆๆที่เราทุกคนก็จะคุ้นชินกัน
00:00:11 → 00:00:13 อยู่ว่าแบบว่าอ่ะอย่างน้อยเราเดินกันให้
00:00:13 → 00:00:15 ได้สักวันละ 19,000 หรือขยับสักหน่อยก็
00:00:15 → 00:00:17 ยังดีเดินเนี่ยค่ะมันมีผลดีกับร่างกายยัง
00:00:18 → 00:00:20 ไงแล้วมันจะช่วยให้เราแบบเผาผานได้จริง
00:00:20 → 00:00:22 หรือเปล่าเพราะบางคนบอกโอ๊ยดีเดินไม่เท่า
00:00:22 → 00:00:25 วิ่งหรอกต้องวิ่งสิต้องออกกำลังกายให้มัน
00:00:25 → 00:00:27 นานๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าด้วยสภาพ
00:00:27 → 00:00:29 อากาศที่ผ่านมาแต่ก่อนก็ร้อนจัดตอนนี้ฝน
00:00:29 → 00:00:31 ตกอีกแล้วค่ะอาจารย์อย่างที่ดรมว่าค่ะข้อ
00:00:32 → 00:00:32 อ้างมัน
00:00:32 → 00:00:37 เยอะมันใช่หรือเปล่าคะก็คือต้องต้องบอก
00:00:37 → 00:00:40 อย่างนี้นะครับว่าการออกกำลังกายเนี่ยอ่า
00:00:40 → 00:00:43 คงไม่ได้มีเพียงเฉพาะแค่การเล่นกีฬาหรือ
00:00:44 → 00:00:46 การออกกำลังกายที่หนักหรือหักโหมเพียง
00:00:46 → 00:00:48 อย่างเดียวนะครับปัจจุบันเราพบว่าการที่
00:00:48 → 00:00:51 ร่างกายเรามีกิจกรรมทางกายประเภทอื่นๆน่ะ
00:00:51 → 00:00:54 นะครับก็คือการขยับร่างกายแล้วทำให้กล้าม
00:00:54 → 00:00:56 เนื้อลายเนี่ยกล้ามเนื้อมันมีการเรียกว่า
00:00:56 → 00:00:59 มีการใช้งานเนี่ยแล้วจะพวกเนี้ยมันจะมีผล
00:00:59 → 00:01:02 ต่อการที่เรียกว่าเพิ่มเรียกว่าการเพิ่ม
00:01:02 → 00:01:04 พลังงานของร่างกายหรือการเพิ่มการพอพัน
00:01:04 → 00:01:07 ของพลังงานของร่างกายทั้งนั้นนะครับเพราะ
00:01:07 → 00:01:09 ฉะนั้นเนี่ยทั้ง W หรือหน่วยงานต่างๆก็
00:01:09 → 00:01:11 ส่งเสริมให้เรียกว่าเราเนี่ยต้องเพิ่ม
00:01:11 → 00:01:13 กิจกรรมทางกายมากขึ้นนะครับผมก็คือ
00:01:14 → 00:01:17 กิจกรรมทางกายคืออะไรครับทำงานบ้านนะครับ
00:01:17 → 00:01:20 ทำงานบ้านเดินไปเดินมาหรือว่ามีกิจกรรม
00:01:20 → 00:01:23 อะไรต่างๆในชีวิตประจำวันพวกนี้ถือว่า
00:01:23 → 00:01:25 เป็นกิจกรรมทางกายทั้งหมดอนะครับผมซึ่ง
00:01:25 → 00:01:28 กิจกรรมที่เรียกว่าทำง่ายแล้วก็บ่อยอย่าง
00:01:28 → 00:01:31 นึงที่เราเรว่าทุกคนต้องมีการก็คือการ
00:01:31 → 00:01:33 เดินนะครับการเดินเนี่เป็นเรียกว่าเป็น
00:01:33 → 00:01:36 การออกกำลังกายหรือเป็นกิจกรรมพื้นฐานของ
00:01:36 → 00:01:39 เราเลยนะครับซึ่งการออกกำลังกายเนี่ยต้อง
00:01:39 → 00:01:42 บอกว่ามันมีผลต่อการเผาผลาญพลังงานนะครับ
00:01:42 → 00:01:45 มากทีเดียวนะครับครับซึ่งจริงๆอย่างที่
00:01:45 → 00:01:49 บอกอนะครับว่าปกติเนี่ยอ่าแนะนำให้เดินเ
00:01:49 → 00:01:51 ประมาณสัก 19,000 นะครับหรือจริงๆแล้ว
00:01:51 → 00:01:54 เนี่ยต่ำๆเนี่ยไม่ให้ต่ำกว่า
00:01:54 → 00:01:57 6,9 ไปนะครับซึ่งถามว่าการเรียกว่าการ
00:01:57 → 00:02:01 เดินเนี่ยนะครับมีข้อดีครับ 1 มันมีข้อ
00:02:01 → 00:02:04 มูลชัดเจนก็คือ 1 เนี่ยก็คือเรื่องของการ
00:02:04 → 00:02:08 ฝึกความแข็งแรงของหัวใจแม้จะไม่มากเข้า
00:02:08 → 00:02:10 กับเรื่องของการออกกำลังกายแบบไ Exercise
00:02:10 → 00:02:13 แต่ก็มีข้อมูลชัดเจนนะครับว่าช่วยทำให้
00:02:13 → 00:02:16 การทำงานของหัวใจเนี่ยดีขึ้นลดความดลหิต
00:02:16 → 00:02:18 สูงนะครับลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค
00:02:18 → 00:02:22 อัลไซเมอร์นะครับแล้วก็ทำให้รูปร่างของ
00:02:22 → 00:02:25 เราดีขึ้นอารมณ์เราดีขึ้นนะครับนอกจากนี้
00:02:25 → 00:02:27 ก็ยังช่วยลดความเสี่ยงของทั้งโรคเบาหวาน
00:02:27 → 00:02:30 โรคกระดูกโรคปอดต่างๆลงมาได้นะครับอันนี้
00:02:30 → 00:02:33 คือคือข้อดีนะครับแล้วนอกจากนั้นเนี่ยเรา
00:02:33 → 00:02:37 ยังพบว่าการเดินเนี่ยยังสามารถช่วยลดความ
00:02:37 → 00:02:39 เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็ง
00:02:39 → 00:02:41 ลำไส้เนี่ยได้อีกด้วยเพราะฉะนั้นจริงๆ
00:02:41 → 00:02:43 ต้องบอกว่าการเดินเนี่ยมันเป็นหนึ่งใน
00:02:43 → 00:02:47 กิจกรรมที่เราควรจะเรียกว่ามีทุกวันอย่าง
00:02:47 → 00:02:50 สม่ำเสมอนะครับเพราะว่ามันเป็นผลดีกับ
00:02:50 → 00:02:54 สุขภาพของเราครับผมอืโอ้โหเป็นไงฟัง
00:02:54 → 00:02:57 สรรพคุณของการเดินพหยกมากมายเหลือเกินเออ
00:02:57 → 00:03:01 มันมันมันสามารถช่วยเราได้ถึงขนาดนั้นเลย
00:03:01 → 00:03:03 คุณหมนใช่อย่างอัลไซเมอร์เนี่ยค่ะแล้วก็
00:03:03 → 00:03:06 แบบมะเร็งลำไส้เออนั่นน่ะสิครับคุณหมอ
00:03:06 → 00:03:09 ครับพอดูเป็นโรคที่แบบดูแบบอืมนกมันดู
00:03:09 → 00:03:12 ห่างไปนะเออมันมันดูสวนหงกับเพราะปกติเรา
00:03:12 → 00:03:14 คิดได้จะว่าถ้าเราต้องจำเยอะๆแล้วเราไม่
00:03:14 → 00:03:17 จำอ่ะบอกว่าให้เราทานน้ำตาลน้อยลงหรือว่า
00:03:17 → 00:03:19 อะไรอย่างเงี้ยค่ะพอแบบอย่างเงี้ยเอ๊ะ
00:03:19 → 00:03:22 อัลไซเมอร์มันช่วยได้ด้วยหรอคะอาจารย์ใช่
00:03:22 → 00:03:26 ครับผมคือปกติพอเราเรียกว่าเราออกกำลัง
00:03:26 → 00:03:29 กายเนี่ยดันเดินบ่อยๆเนี่ยมันส่งผลให้
00:03:29 → 00:03:30 เรียกว่า
00:03:30 → 00:03:33 ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความจำเสื่อมลง
00:03:33 → 00:03:36 มาได้นะครับผมเพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้ก็
00:03:36 → 00:03:39 เลยเป็นจุดนึงซึ่งเราก็เลยแนะนำว่าโอเค
00:03:39 → 00:03:42 ควรจะเดินทุกวันนะครับอย่างสม่ำเสมอนะ
00:03:42 → 00:03:45 ครับผมอย่างน้อยๆรวมๆกันก็ประมาณ 19,000
00:03:45 → 00:03:47 หรือประมาณสัก 30 นาทีเราพบว่ามันมีข้อ
00:03:47 → 00:03:50 มูลในเรื่องของการความเสี่ยงต่างๆของโลก
00:03:50 → 00:03:52 อย่างชัดเจนครับผมอืเพราะบางคนบอกว่า
00:03:52 → 00:03:56 เดี๋ยวแบบการเคยได้ยินคุณหมอแบบพวกผู้สูง
00:03:56 → 00:03:58 อายุอ่ะค่ะเขาจะบอกว่าถ้าเราได้พูดคุยกับ
00:03:58 → 00:04:00 คนอื่นแปลกหน้าชุดความจำเราจะเปลี่ยนไปจะ
00:04:00 → 00:04:03 ช่วยลดอัลไซเมอร์ด้วยอย่างงี้คือการเดิน
00:04:03 → 00:04:06 เราอาจจะได้คนแบบไปทักทายคนอื่นอ่าได้ได้
00:04:06 → 00:04:08 เมมอยอะไรอย่างงี้ใช่มคะมันต้องเปลี่ยน
00:04:08 → 00:04:10 บรรยากาศมันทั้งเพลิดเพลินมันคือคือมัน
00:04:10 → 00:04:13 เป็นเกี่ยวกับเมมของร่างกายทำให้ร่างกาย
00:04:13 → 00:04:16 เราความสดชื่นขึ้นมีการหลังพวกฮอร์โมนบาง
00:04:16 → 00:04:18 อย่างในนอนที่เรามีความสุขต่างๆก็ทำให้
00:04:18 → 00:04:21 เรื่องของความจำเนี่ยดีขึ้นนอกจากนี้นะ
00:04:21 → 00:04:25 ครับการออกกำลังกายสมองเช่นการจดจำการพูด
00:04:25 → 00:04:27 คุยการสนทนาพวกเนี้ยก็เป็นปัจจัยหนึงที่
00:04:28 → 00:04:30 ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความจำ
00:04:30 → 00:04:32 เสื่อมหรืออัลไซเมอร์ด้วยเหมือนกันครับผม
00:04:32 → 00:04:35 อืค่ะอาจารย์ขาแล้วมะเร็งลำไส้อ่ะคะเคย
00:04:35 → 00:04:37 ได้ยินเหมือนกันว่าอ่าถ้าสมมุติว่าเรา
00:04:37 → 00:04:39 ขยับแล้วจะดีแต่ว่าส่วนใหญ่มะเร็งลำไส้
00:04:39 → 00:04:41 เขาบอกว่ามาจากพันธุกรรมด้วยอะไรหลายๆ
00:04:41 → 00:04:43 อย่างการเดินนี่มีผลกับมะเร็งลำไส้ยังไง
00:04:43 → 00:04:46 คะอาจารย์คือปกติพอการเดินปุ๊บมันมีผลทำ
00:04:47 → 00:04:49 ให้เรียกว่าการบีกตัวของลำไส้เนี่ยทำงาน
00:04:49 → 00:04:52 ได้ดีขึ้นอืนะครับผมการขับถ่ายต่างๆเนี่ย
00:04:52 → 00:04:55 จะดีขึ้นเพราะั้นมีผลทำให้เรียกว่าลดความ
00:04:55 → 00:04:58 เสี่ยงต่อการเกิดพวกมะเร็งลมนะครับไอ้
00:04:58 → 00:05:00 เรื่องของมะเร็งลำไส้
00:05:00 → 00:05:04 เร่กพธเป็นเรื่องอาหารที่บริคเข้าไปขณะ
00:05:04 → 00:05:07 กันถ้าออกกำลังายสม่ำเมอมันทำให้การทำงาน
00:05:07 → 00:05:10 ของระบบทงเดินอาหารดีขึ้นครับก็คิดง่ายๆ
00:05:10 → 00:05:13 เดินมากการขับถ่ายดีขึ้นก็ทำให้การเรียก
00:05:13 → 00:05:15 ว่าของเสียต่างๆที่อยู่ในร่างกายเรา
00:05:15 → 00:05:19 สามารถกำจัดหรือออกมาได้ตามสม่ำเมอครับ
00:05:19 → 00:05:22 ถ่ายวันละครั้งก็จะมีผลทำให้ความเสงการ
00:05:22 → 00:05:25 เกิดโรคมะเล็งลำไส้ดีขึ้นอเดินมันมีส่วน
00:05:25 → 00:05:29 ช่วยกระตุ้นเรื่องการขับถ่ายคะใช่ครับเด
00:05:29 → 00:05:32 ต่อการเรียกว่าการขับถ่ายที่ดีขึ้นนะครับ
00:05:32 → 00:05:37 การทำงานของล้ำไส้ดีขึ้นอือาจารย์ขาแล้ว
00:05:37 → 00:05:39 อย่างเงี้ยค่ะสมมุติว่าถ้าเราอ่ะค่ะ
00:05:39 → 00:05:42 อาจารย์เราทั่วๆไปเนี่ยค่ะคนทั่วไป
00:05:42 → 00:05:44 อาจารย์บอกว่าต้องเดินอย่างน้อย 6,000
00:05:44 → 00:05:46 8,000 หรือเงี้ยค่ะ 10,000 แต่เราอ่ะค่ะ
00:05:46 → 00:05:49 สมมุติถ้าบางคนไม่มีนาฬิกาสรวที่แบบเอา
00:05:49 → 00:05:51 ไว้จับอ่ะค่ะอาจารย์เราจะใช้กำหนดตัวเอง
00:05:51 → 00:05:55 ยังไงคะเป็นเดินกี่ชั่วโมงกี่นาทีหรือเรา
00:05:55 → 00:05:57 สามารถใช้แบบเดินช้อปปิ้งได้มั้คะไม่
00:05:57 → 00:06:00 จำเป็นจะต้องไปเดินออกกำลังกายเดินชมซื้อ
00:06:00 → 00:06:02 ของเติมตลาดเอออย่าเงี้ยค่ะทั่วไปได้มั้ย
00:06:02 → 00:06:04 คะหรือว่าต้องเป็นการเดินออกกำลังกายคือ
00:06:04 → 00:06:07 เดินจริงจังั้นค่ะคือจริงๆเนี่ยต้องบอก
00:06:07 → 00:06:10 อย่างงี้ครับผมว่าการเดินเนี่ยมันสะสมได้
00:06:10 → 00:06:13 อืนะครับเฉลี่ยก็คือวันนึงควรจะเดินรวมๆ
00:06:13 → 00:06:16 กันแล้วไม่น้อยกว่าประมาณ 30 นาทีค่ะนะ
00:06:16 → 00:06:19 ครับอันนี้ก็จะช่วยได้หือระยะทางก็ประมาณ
00:06:19 → 00:06:22 สักกิโลนึง aage ประมาณนั้นน่ะนะครับผม
00:06:22 → 00:06:25 ค่ะคือเราเคิดง่ายๆว่าเดิน 9 นึงอ่ะมา
00:06:25 → 00:06:29 ประมาณประมาณสัก 80 ถึงเมตรนึงอ่ะนะครับ
00:06:29 → 00:06:31 ก็เฉลี่ยเนี่ยเดินประมาณสักให้ได้อย่าง
00:06:31 → 00:06:33 น้อยๆเนี่ยถ้ารวมไปก็ประมาณสักกิลนึงได้
00:06:33 → 00:06:36 เนี่ยต่อวันเนี่ยอันเนี้ยจะทำให้สุขภาพ
00:06:36 → 00:06:42 เราดีขึ้นอืออกิลนึงคือเราไม่จำเป็นจะ
00:06:42 → 00:06:46 ต้องรวดเดียว 30 นาทีคือเราสามารถสะสมได้
00:06:46 → 00:06:49 ในแต่ละวันก็คืออ่ะอย่างเช้าเนี่ยเดินสัก
00:06:49 → 00:06:51 10 นาทีก็ได้อ่ะตอนเย็นแล้วก็ค่อยไปเติม
00:06:51 → 00:06:55 อีกสัก 20 ก็ก็ก็ให้ครบสักครึ่งชั่วโมงก็
00:06:55 → 00:06:57 ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายใน
00:06:58 → 00:07:00 1 วันใช่มั้ยคุณหมอครับอ
00:07:00 → 00:07:02 คืออย่างงี้ครับปกติเนี่ยการออกกำลังกาย
00:07:02 → 00:07:05 เนี่ยกับสุขภาพเนี่ยเรารเรารวมกันได้ครับ
00:07:06 → 00:07:09 นะครับก็คือส่วนใหญ่เนี่ยเดินเนี่ยก็คือ
00:07:09 → 00:07:13 ประมาณสักชั่วโมงนึงต่อวันอืนะครับออกออก
00:07:13 → 00:07:16 ทงหมดแล้วก็หรือประมาณ 19,000 นะครับที
00:07:16 → 00:07:18 นี้ถามว่าระยะทางเนี่ยมันขึ้นอยู่คือจริ
00:07:18 → 00:07:22 ง่ายๆว่าประมาณ 9 นึงเนี่ยประมาณ 60 ถ 80
00:07:22 → 00:07:25 ซมน่ะนะครับ 6 ก็เท่าไหร่นะก็ประมาณ 6-8
00:07:25 → 00:07:30 กลอนะครับรอบๆหนึงผมก็กะๆรวมๆประมาณสักัก
00:07:30 → 00:07:33 ักประมาณสักเนี่ยเฉลี่ยประมาณสัก 6-8 กล
00:07:33 → 00:07:36 ได้เนี่ยนะครับก็จะทำให้สุขภาพเราเนี่ยดี
00:07:36 → 00:07:39 ขึ้นแต่ทีนี้ถ้าเดินไม่ได้ก็อาจจะเดิน
00:07:39 → 00:07:41 เป็นรอบๆประมาณเฉลี่ยประมาณสักกิโลนึงรวม
00:07:41 → 00:07:43 ๆกันอันนี้ก็ได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นต้อง
00:07:43 → 00:07:44 บอก
00:07:44 → 00:07:48 ว่าการที่เราออกกำลังกายสม่ำเสมออาจจะ
00:07:48 → 00:07:50 ง่ายๆแค่การเดินอย่างเดียวเนี่ยก็ทำให้
00:07:50 → 00:07:52 สุขภาพเราดีขึ้นนะครับอย่างที่บอกมาเมื่อ
00:07:53 → 00:07:57 สักครู่นี้อืค่ะถ้าถ้าเราใช้ชีวิตประจำ
00:07:57 → 00:08:00 วันเนี่ยอย่างการทำงานอะไรอย่างเงี้ยเดิน
00:08:00 → 00:08:02 ไปเดินมาอย่างเงี้ยเรานับว่าเป็นการออก
00:08:02 → 00:08:04 กำลังกายได้มั้ยครับอ่ะสมมุติอย่างไอย่าง
00:08:04 → 00:08:07 ผมเนี่ยอ่ะเดินไปส่งงานเดินไปที่ห้องนู้น
00:08:07 → 00:08:10 ไปห้องนี้เพื่อไปส่งเอกสารให้กับคนนั้นคน
00:08:10 → 00:08:12 นี้เดินไปเดินมาเงี้ยเรานับเป็นการออก
00:08:12 → 00:08:14 กำลังกายได้มั้ยครับหรคุณหมอครับหรือว่า
00:08:14 → 00:08:17 อาจจะต้องจะต้องคือคือการคืออย่างที่บอก
00:08:17 → 00:08:20 ตั้งแต่ตอนต้นรายการว่าอ่าปัจจุบันเเค้า
00:08:20 → 00:08:22 ปกติเนี่ยเราเน้นในเรื่องของ physical
00:08:22 → 00:08:25 activity คือกิจกรรมทางกายครับไม่ว่าจะ
00:08:25 → 00:08:28 เป็นรูปแบบไหนก็ได้การเดินการทำงานบ้านถู
00:08:28 → 00:08:31 บ้านกว่าบ้านซักผ้าอะไรพวกนี้เนี่ยเป็น
00:08:31 → 00:08:34 กิจกรรมที่เราให้สามารถที่เรียกว่าให้
00:08:34 → 00:08:36 กล้ามเนื้อต่างๆมันมีการขยับมันมีการ
00:08:36 → 00:08:38 เพิ่มการเผาผลาเนี่ยอันเนี้ยมีส่วนช่วย
00:08:38 → 00:08:41 ให้สุขภาพดีขึ้นเท่านกันแต่ไอ้การเดิน
00:08:41 → 00:08:44 เนี่ยมันเป็นอะไรที่มันง่ายสะดวกนะครับ
00:08:44 → 00:08:45 แล้วมันเป็นอะไรส่วนหนึ่งในชีวิตเราอยู่
00:08:45 → 00:08:48 แล้วอนะครับจึงเป็นสิ่งที่ทำได้เพราะงั้น
00:08:48 → 00:08:51 การเดินส่งเอกสารเดินไปนู่นมานี่นะครับ
00:08:51 → 00:08:55 เดินไปสามารถช่วยเรื่องของสุขภาพถ้าเวลา
00:08:55 → 00:08:57 ไม่พอมันจริงๆเนี่ยมันสามารถสะสมกันได้
00:08:57 → 00:09:00 ต่อวันเลยนะครับก็แนะนำประมาณสักครึ่ง
00:09:00 → 00:09:02 ชั่วโมงหรือประมาณสัก 19,000 หรือประมาณ
00:09:02 → 00:09:04 สัก 6-8 กลในช่วงเนี้ยอันเนี้ยช่วยให้
00:09:05 → 00:09:09 สุขภาพเราดีขึ้นแน่นอนครับผมอืค่ะอืครึ่ง
00:09:09 → 00:09:11 ชั่วโมงนะพี่โยนะครึ่งชั่วโมงอาจารย์คะ
00:09:11 → 00:09:14 แล้วอันนี้หยกถามนิดนึงค่ะบางคนเขาบอกว่า
00:09:14 → 00:09:17 ถ้าเดินเนี่ยค่ะมันเดินระหว่างการเดิน
00:09:17 → 00:09:19 พื้นราบกับเดินเหมือนเราเดินขึ้นภูเขากับ
00:09:19 → 00:09:22 เดินขึ้นบันไดกับเดินลงบันไดอันไหนมันดี
00:09:22 → 00:09:25 กว่ากันคะอาจารย์คือต้องบอกอย่างงี้ว่า
00:09:25 → 00:09:29 การเดินยิ่งันมากเราต้องใช้แรงหรือใช้การ
00:09:29 → 00:09:31 ของกล้ามเนื้อเนี่ยหนักกว่าอือนะครับ
00:09:31 → 00:09:33 เพราะงั้นถามว่าการเผาผลาญเป็นยังไงการเ
00:09:33 → 00:09:37 ผลาญในังที่เดินขึ้นก็จะสูงกว่าเดินลงอื
00:09:37 → 00:09:40 แต่โดยหลักก็คือไม่ต้องสนใจเดินขึ้นหรือ
00:09:40 → 00:09:42 เดินลงนะครับให้ได้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
00:09:42 → 00:09:47 อันนี้ได้ประโยชน์นะครับค่ะอืมก็คือได้
00:09:47 → 00:09:51 หมดได้หมดเลยนะคุณหมอแล้วทีเนี้ยบางคน
00:09:51 → 00:09:54 เนี่ยก็อ่ะอฟังคุณหมอแล้วก็อ่ะก็อยากจะ
00:09:54 → 00:09:59 ออกไปเดินการเดินก้าวเร็วก้าวช้าเนี่ยช้า
00:09:59 → 00:10:03 มันมีผลต่อการเผาผลามันมีผลต่ออัตราการ
00:10:03 → 00:10:06 เต้นของหัวใจหรือในทางการแพทย์เนี่ย
00:10:06 → 00:10:09 ลักษณะการเดินแบบไหนถ้าจะใช้คำว่าเดิน
00:10:09 → 00:10:11 เพื่อสุขภาพเดินออกกำลังกายเนี่ยมันควรจะ
00:10:11 → 00:10:17 ต้องมีความเร็วมีระยะมีอะไรยังไงบ้างมั้ย
00:10:17 → 00:10:19 ครับคุณหมอครับครับผมมีมีครับต้องบอก
00:10:19 → 00:10:24 อย่างนี้ว่าการเดินบางคนเดินช้าๆนเดบาง
00:10:24 → 00:10:26 คันเดินเร็วเดินแกวะแขนเนี่ยมีผลต่อการ
00:10:26 → 00:10:29 เผาผลาญพลังงานทั้งสิ้นนะครับถามว่าแบบ
00:10:29 → 00:10:32 ไหนดีที่สุดคือต้องบอกว่าทุกอย่างได้
00:10:32 → 00:10:34 ประโยชน์หมดแต่ถ้าได้ออกแรงได้มากเดิน
00:10:35 → 00:10:37 แกว่งแขนหรือเดินเร็วอันนี้ก็จะมีการเา
00:10:37 → 00:10:40 ผ่านมากก็จะได้ประโยชน์ส่วนต่างๆเนี่ย
00:10:40 → 00:10:42 เพิ่มมากขึ้นในเรื่องของถ้าต้องการที่จะ
00:10:42 → 00:10:44 เาผ่านเพื่อจัดการลดน้ำหนักอย่างเงี้ยนะ
00:10:44 → 00:10:47 ครับงั้นถ้าเราดูนะครับว่าถ้าเราเดินสบาย
00:10:47 → 00:10:50 ๆเนี่ย 30 นาทีเนี่ยเราจะเผาผลาพลังงาน
00:10:50 → 00:10:53 เฉลี่ยประมาณสัก 120 กิลแคลอรี่นะครับถ้า
00:10:53 → 00:10:55 ก้าวเร็วหน่อยนึงก็อาจจะขึ้นมาถึง 150
00:10:55 → 00:10:58 ถ้าเดินแล้วแก่งแขนเร็วขึึ้นนะครับก็อาจ
00:10:58 → 00:11:00 จะเพิ่มขึ้นมาถึงประมาณสัก 200 กว่ากิโล
00:11:00 → 00:11:02 แคลอรีนะครับเพราะฉะนั้นจะเห็นนะครับว่า
00:11:02 → 00:11:06 ยิ่งเดินร่วมกับการเดินเร็วหรือการใช้
00:11:06 → 00:11:09 กล้ามเนื้อร่วมด้วยเช่นการแกว่งแขนเนี่ย
00:11:09 → 00:11:11 มันก็จะมีผลต่อการเผาผลาญพลังงานของร่าง
00:11:11 → 00:11:14 กายเนี่ยสูงขึ้นด้วยแล้วถ้าเดินชันคำตอบ
00:11:14 → 00:11:17 ก็คือการเผ่าผลาญพลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นอ
00:11:17 → 00:11:19 นะครับก็จะมีผลดีเพิ่มขึ้นในกรณีที่
00:11:19 → 00:11:21 ต้องการที่จะเอาผันพลังงานเพื่อจัการลด
00:11:21 → 00:11:25 น้ำหนักออย่างเงี้ยก็จะทำให้เรียกว่ามีผล
00:11:25 → 00:11:27 ต่อการลดน้ำหนักหรือการที่เรียกว่าเดิน
00:11:27 → 00:11:30 เร็วก็จะมีผลต่อการสร้างกเนื้อได้มากขึ้น
00:11:30 → 00:11:32 เหมือนกันงั้นคำตอบก็คือออกกำลังกายเนี่ย
00:11:32 → 00:11:34 ไม่ว่าทุกอย่างนดีหมดเพียงแต่ว่าถ้าออก
00:11:35 → 00:11:37 กำลังกายหนักปุ๊บเนี่ยก็อาจจะมีส่วนในการ
00:11:37 → 00:11:41 เผาผาญพลังงานได้สูงขึ้นครับผมค่ะอาจารย์
00:11:41 → 00:11:43 คะนี่พอดีมีคุณผู้ฟังทางบ้านค่ะรบกวนแบบ
00:11:43 → 00:11:47 นี้ค่ะแล้วถ้าแบบเดินจมกลมเนี่ยค่ะสัก 30
00:11:47 → 00:11:51 นาทีเนี่ยคะได้ยคะได้ครับได้ครับผมอืได้
00:11:51 → 00:11:54 เหมือนกันใชเราสังเกตเห็นว่าจากสมก่อน
00:11:54 → 00:11:56 เนี่ยก็คือพระเนี่ยนักบวชเนี่ยก็ต้องมี
00:11:56 → 00:11:59 ความสำรวมนะครับแต่ขณะเดียวกันเก็ต้อง
00:11:59 → 00:12:02 พยายามส่งเสริมให้มีการออกกิจการมทางกาย
00:12:02 → 00:12:04 ก็เลยเข้าใจว่าก็เลยสามารถที่จะบันก็เลย
00:12:04 → 00:12:07 จะมีการเดินจงกรมก็จะเป็นการฝึกสมาธิแล้ว
00:12:07 → 00:12:10 ก็มีการใช้กิจกรรมทางกายก็ทำให้เรียกว่า
00:12:10 → 00:12:13 เราเนี่ยสามารถที่จะออกกำลังกายไปด้วยนะ
00:12:13 → 00:12:15 ครับเพราะว่าต้องบอกว่าตอนนี้เนี่ยก็
00:12:15 → 00:12:17 เริ่มมีการรณณรงค์เพราะว่าเนื่องจาก
00:12:17 → 00:12:22 ไอ้พระภิกษุเนี่ยต่างๆเนี่ยบางทีปัจจุบัน
00:12:22 → 00:12:25 เนี่ยท่านเรียกว่ารับจิตนิมนต์ฐานอาหาร
00:12:25 → 00:12:27 เยอะมากก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:12:27 → 00:12:30 อ้วนครับนะครับการดึงจงกลมก็เป็นวิธีนึง
00:12:30 → 00:12:33 นะครับหรือการกาลานวัดอย่างเงี้ยที่จะ
00:12:33 → 00:12:35 ช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำดักเพราะว่า
00:12:35 → 00:12:37 มันมีการเผ่าผันพลังงานได้สูงกว่าปกติ
00:12:37 → 00:12:41 ครับผมอืค่ะคือจงกลมเนี่ยมันเดินช้ามาก
00:12:41 → 00:12:43 เลยนะคุณหมอใช่ค่ะไอเดินแบบมันค่อยๆเดิน
00:12:43 → 00:12:47 หายใจเข้าก้าวหายใจออกก้าอะไรเงี้ยมันจะ
00:12:47 → 00:12:51 สามารถทำให้หัวใจเราเนี่ยมันเต้นได้ได้
00:12:51 → 00:12:54 มากขนาดที่แบบเออมันช่วยเพิ่มแคลอรี่เผา
00:12:54 → 00:12:56 ผาญแคลอรี่ในร่างกายเราได้ด้วยหรอครับอัน
00:12:56 → 00:12:58 นี้ถามด้วยความไม่รู้เลยครับคุณหมอครับ
00:12:58 → 00:13:01 อ่ามันเขคือ 1 เนี่ยการเดินเนี่ยการเดิน
00:13:01 → 00:13:03 เนี่ยก็คือมันมีการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
00:13:03 → 00:13:05 มันจะมีผลทำให้เกิดพลังงานการเผ่าผันพลัง
00:13:06 → 00:13:08 งานเนี่ยสูงกว่าถ้าเทียบกับการนั่งการ
00:13:08 → 00:13:11 อะไรเนะครับผมแต่ขณะเดียวกันเนี่ยเรื่อง
00:13:11 → 00:13:12 ของหัวใจเนี่ย
00:13:12 → 00:13:16 อ่าปกติเราก็จะแนะนำให้เรียกว่ามีอัตรา
00:13:16 → 00:13:18 การเต้นของหัวใจเนี่ยอยู่ในระดับประมาณ
00:13:18 → 00:13:22 50-60 เ 60 - 70% ของอัตราการเต้นหัว
00:13:22 → 00:13:26 ใจสูงสุดนะครับผมซึ่งตรงนี้เนี่ยการเดิน
00:13:26 → 00:13:28 เนี่ยอาจจะไม่ถึงแต่อย่างน้อยก็มีส่วน
00:13:28 → 00:13:30 ช่วยทำให้เรียกว่าการทำาของร่างกายเดี
00:13:30 → 00:13:33 ขึ้นนะครับผมเพราะฉะนั้นเนี่ยพระภิกษุ
00:13:33 → 00:13:35 หรือว่านักบวชต่างๆถ้าไม่ได้มีอะไรก็อาจ
00:13:35 → 00:13:38 จะแนะนำส่งเสริมให้มีการออกกำลังกายที่
00:13:38 → 00:13:41 สำรวมเช่นในเรื่องของการกราบร้านวัดการ
00:13:41 → 00:13:44 เดินอย่างนี้เป็นต้นไม่ไม่ไม่มีปัญหาครับ
00:13:44 → 00:13:46 อพวกนี้ได้ประโยชน์กับร่างกายแน่นอนครับ
00:13:46 → 00:13:50 ผมค่ะคือง่ายๆคือขอให้ให้ขยับร่างกายอ่ะ
00:13:50 → 00:13:53 ให้ได้เดินให้ได้ก้าวเถอะนะเออช้าเร็ว
00:13:53 → 00:13:55 เนี่ยยังไงมันก็มันก็ดีกับรงกายอยู่แล้ว
00:13:55 → 00:13:58 เฉใช่อาจารย์คะแล้วการเดินเมื่อกี้
00:13:58 → 00:14:00 อาจารย์พูดถึงหัวใจอันนี้หยกเลยขอรบกวน
00:14:00 → 00:14:03 สอบถามค่ะอาจารย์การเดินนี้มีผลกับหัวใจ
00:14:03 → 00:14:05 ยังไงคะเพราะว่าส่วนใหญ่เห็นเวลานั้นเขา
00:14:05 → 00:14:08 จะบอกว่าออกกำลังกายเบาๆสำหรับคนเป็นโรค
00:14:08 → 00:14:11 หัวใจทีนี้มันมีผลยังไงบ้างคะปกโดยปกติก็
00:14:11 → 00:14:14 จะช่วยช่วยคือคือแม้แม้การเดินจะไม่ได้ทำ
00:14:14 → 00:14:17 ให้อัตรากันเล่นหัวใจสูงมากเพราะว่าการเา
00:14:17 → 00:14:20 พันน้อยแต่มันก็จะมีผลทำให้เรียกว่าหัวใจ
00:14:20 → 00:14:23 เนี่ยเต้นเร็วขึ้นนะครับก็จะมีส่วนช่วย
00:14:23 → 00:14:25 ให้เรียกว่าการทำงาของหัวใจเนี่ยดีขึ้น
00:14:25 → 00:14:28 ด้วยนะครับผมเพราะฉะนั้นเนี่ยการเดิน
00:14:28 → 00:14:30 เนี่ยนอกจากได้ประโยชน์กล้ามเนื้อแล้วยัง
00:14:30 → 00:14:32 ได้ประโยชน์ในเรื่องของหัวใจต่างๆด้วย
00:14:32 → 00:14:36 ครับผมอืค่ะอาจารย์ขาแล้วการเดินนะคะเรา
00:14:36 → 00:14:38 ควรเลือกช่วงเวลามั้คะอย่างแบบออกกำลัง
00:14:38 → 00:14:41 กายบางคนบอกว่าเออก็ควรออกเช้าแต่ก่อนเรา
00:14:41 → 00:14:43 เจอฝุ่นใช่มั้คะตอนนี้เราเจอแดดตอนนี้เรา
00:14:43 → 00:14:46 มาเจอฝนเราควรเลือกช่วงเวลาเดินนะคะในการ
00:14:46 → 00:14:49 เดินขยับหรือว่าที่จะบอกเดินสะสมได้แต่
00:14:49 → 00:14:51 ว่าถ้าเราแบบช่วงเวลาไหนที่เราเหมาะกับ
00:14:51 → 00:14:54 การเดินหรือบางคนบางคนคุณผู้ฟังก็บอกว่า
00:14:54 → 00:14:56 เนี่ยค่ะเดินแล้วดีกับการขับถ่ายมากเลย
00:14:56 → 00:14:58 ควรจะเดินหลังอาหารหรือก่อนอาหารคะ
00:14:58 → 00:15:01 อาจารย์อ่าคือต้องบอกอย่างงี้ครับว่าอย่า
00:15:01 → 00:15:04 สนใจนึตอนไหนได้เดินอันนี้ได้ประโยชน์นะ
00:15:04 → 00:15:06 ครับแต่ถ้าเกิดจะได้เดินเนี่ยถ้าเกิด
00:15:06 → 00:15:09 ต้องการอ่าได้แสงแดดตอนช่วงเช้าๆนะครับก็
00:15:09 → 00:15:12 จะมีส่งผลดีกับเรื่องของการได้รับวิตามิ
00:15:13 → 00:15:15 สร้างวิตามินดีเพิ่มมากขึ้นนะครับแต่จริง
00:15:15 → 00:15:17 ๆไม่จำเป็นว่าจะต้องตรงไหนพร้อมตอนไหน
00:15:18 → 00:15:21 ว่างตอนไหนออกกำลังกายได้เลยครับผมอืนะ
00:15:21 → 00:15:24 ครับทีนี้การเดินเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยอ่า
00:15:24 → 00:15:26 ปกติหลังจากทาอาหารใหม่ๆเนี่ยเราก็ไม่
00:15:26 → 00:15:29 ค่อยแนะนำให้ออกกำลังกายหนักกันนะครับแต่
00:15:29 → 00:15:32 การเดินเนี่ยไม่เบาๆช้าๆเนี่ยสามารถทำได้
00:15:32 → 00:15:35 มีผลดีกับลำไส้แน่นอนนะครับเพราะฉะนั้น
00:15:35 → 00:15:37 คิดถึงตอนไหนว่างได้เดินได้เดินเลยไม่
00:15:37 → 00:15:39 ต้องสัมพันธ์กับว่าจะต้องก่อนอาหารมั้ย
00:15:39 → 00:15:42 หลังกินอาหารจะต้องอะไรมเพราะว่ากิจกรรม
00:15:42 → 00:15:45 ไม่ได้หนักมากนะครับแล้วก็การเดินตรงเได้
00:15:45 → 00:15:47 ประโยชน์กับสุขภาพแน่นอนครับผมหนูนึกถึง
00:15:47 → 00:15:50 โฆษณาขนมค่ะตอนแรกบอกคิดจะพักคิดถึงจุดๆ
00:15:50 → 00:15:52 ตอนนี้เราเป็นคิดคิดจะพักคิดจะเดินเถอะ
00:15:52 → 00:15:55 คิดจะขอให้เดินเเดิน
00:15:55 → 00:15:59 ก่อนออาจารย์คะมีคุณผู้ฟังทางบ้านค่ะ
00:15:59 → 00:16:02 อาจารย์ขารบกวนค่ะบอกว่าเอ่ออาจารย์ให้
00:16:02 → 00:16:04 ข้อมูลแบบดีมากเลยค่ะแล้วก็ไปเป็น
00:16:04 → 00:16:06 ประโยชน์เพราะมันเป็นเรื่องจริงค่ะเพราะ
00:16:06 → 00:16:09 ว่าออย่างคุณพี่คนเนี้ยค่ะเค้าได้มีผลกับ
00:16:09 → 00:16:12 ตัวเองคือว่าลองเดินไปส่งเด็กๆไปโรงเรียน
00:16:12 → 00:16:14 อะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งให้ผลดีมากเลยแบบ
00:16:14 → 00:16:17 ว่าขับถ่ายได้ดีเช่นเดียวกับคุณพี่อีกคน
00:16:17 → 00:16:20 นึงค่ะก็เลยรบกวนสอบถามอาจารย์แบบนี้ด้วย
00:16:20 → 00:16:23 ค่ะว่าเอ่อถ้าสมมุติว่าเป็นคนสูงอายุอ่ะ
00:16:23 → 00:16:26 ค่ะ 76 ปีแล้วนะคะถ้าเดินวันๆันนึงเดินใน
00:16:26 → 00:16:28 บ้านเ่ะประมาณสัก 1,00 หรือว่าถ้าให้เดิน
00:16:28 → 00:16:31 เดินรอกหมู่บ้านอีกสัก 5, เนี่ยเพียงพอย
00:16:31 → 00:16:34 คะสำหรับวัยนี้หรือว่าควรจะเพิ่มอัตราการ
00:16:34 → 00:16:38 เดินยคะคือประดแรกอนะครับถ้าสูงอายุไม่
00:16:38 → 00:16:41 มากเนี่ยเดินได้เลย 6,000 ห 19,000 เนี่ย
00:16:41 → 00:16:44 ท่านเดินได้แน่นอนนะครับและสะสมจริงแต่
00:16:44 → 00:16:45 ว่าที่กังวลก็คือบางท่านเนี่ยอาจจะมี
00:16:45 → 00:16:48 ปัญหาเดินต้องใช้เกอร์ใช้อะไรเนี่ยก็อาจ
00:16:48 → 00:16:51 จะไม่จก็อาจจะเน้นในเรื่องของการเดินระยะ
00:16:51 → 00:16:54 เวลาเป็นหลักมากกว่าจำนวน 9 หรือระยะทาง
00:16:54 → 00:16:57 นะครับรวมๆกันก็อาจจะให้ได้ประมาณสัก 30
00:16:57 → 00:17:01 นาทีต่อวันนะครับอาจจะเป็นเช้าสัก 10
00:17:01 → 00:17:03 นาทีเที่ยงเยอะไรประมาณเนี้ยนะครับผมแต่
00:17:03 → 00:17:06 ถ้าเราจะไปกำหนดในผู้สงายุที่มีข้อจำกัด
00:17:06 → 00:17:08 นะครับเราจะเห็นนะบางทีเต้องเดินไม่ได้
00:17:08 → 00:17:11 ต้องใช้วอกเกอร์ค่ะหรือต้องถือไอ้ไม้ที่
00:17:11 → 00:17:15 ดืนอันเนี้ยเราใช้เวลาเนี่ยเป็นเกณฑ์ได้
00:17:15 → 00:17:18 ครับผมอือหืออืนะอันนี้เป็นอีกหนึ่ง
00:17:18 → 00:17:20 เรื่องนะคุณหมอแล้วทีนี้เนี่ยคนที่น้ำ
00:17:20 → 00:17:24 หนักตัวอาจจะน้อยหรืออยู่ในเกมปกติกับคน
00:17:24 → 00:17:26 ที่น้ำหนักอาจจะเกินกว่าเกฑ์หรือว่าน้ำ
00:17:26 → 00:17:28 หนักมากเนี่ยการเดินในแต่ละครั้งเนี่ยการ
00:17:29 → 00:17:32 เขาผลาญเนี่ยของแต่ละกลุ่มเนี่ยมันมี
00:17:32 → 00:17:34 จำนวนที่เท่ากันมยหรือว่ากลุ่มไหนมากกว่า
00:17:35 → 00:17:38 กลุ่มไหนอาจจะได้เป็นปกติทั่วไปครับคุณ
00:17:38 → 00:17:42 หมอครับคือต้องบอกอย่างงี้ครับว่าการถ้า
00:17:42 → 00:17:44 น้ำหนักมากเนี่ยการเดินเนี่ยก็จะมีส่วนใน
00:17:44 → 00:17:47 การเผาผลาญพลังงานเนี่ยเทียบสูงกว่าเพราะ
00:17:47 → 00:17:49 ว่าหลักของไอ้การเผาผลาญเนี่ยมันจะเป็น
00:17:49 → 00:17:51 ปัจจัยนึงก็คือเรื่องของน้ำหนักตัวอืนะ
00:17:51 → 00:17:53 ครับเพราะฉะนั้นการเผาผ่านเสูงมากอยู่
00:17:53 → 00:17:55 แล้วแต่ขณะเดียวกันคนสูงอายุเนี่ยก็
00:17:55 → 00:17:57 จำเป็นต้องการที่จะควบคุมน้ำหนักลงมา
00:17:57 → 00:18:00 จำเป็นที่จะต้องเพิ่มการเผ่าผลาญให้สูง
00:18:00 → 00:18:03 ขึ้นกว่าปกติอยู่แล้วนะครับผมนะครับส่วน
00:18:03 → 00:18:05 คนผอมเนี่ยก็ไม่ต้องกลัวว่าอูเนี่ยผอม
00:18:05 → 00:18:07 แล้วไปเดินแล้วจะทำให้ผอมมากกว่าเดิมอัน
00:18:07 → 00:18:10 นี้ไม่ไม่เกี่ยวนะครับผมอมันร่างกายมันจะ
00:18:10 → 00:18:12 มีลิมิตจากฮอร์โมนที่หลังมาอยู่แล้วเพราะ
00:18:12 → 00:18:16 ฉะนั้นเนี่ยการไม่ว่าจะอ้วนหรือจะผอมน้ำ
00:18:16 → 00:18:18 หนักเท่าไหร่การเดินเนี่ยเป็นปัจจัยที่
00:18:18 → 00:18:20 สำคัญนะครับช่วยในเรื่องของการส่งเสริม
00:18:20 → 00:18:24 สุขภาพทั้งนั้นถ้าคนอ้วนก็จะทำให้เรียก
00:18:24 → 00:18:27 ว่าน้ำหนักลดลงถ้าคนผอมก็จะมีส่วนกระตุ้น
00:18:27 → 00:18:29 การสร้างกล้ามเนือเราเพิ่มด้วยซ้ำไปนะ
00:18:29 → 00:18:31 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการเดินเนี่ยไม่ว่า
00:18:31 → 00:18:33 จะเพศหรืออายุหรือน้ำหนักยังไงเนี่ยออก
00:18:33 → 00:18:36 กำลังกายด้วยการเดินเนี่ยเป็นอะไรที่ง่าย
00:18:36 → 00:18:38 และมีความปลอดภัยสูงนะครับถ้าเทียบกับ
00:18:38 → 00:18:40 วิ่งบางคนวิ่งแล้วอาจจะเกิดอุบัติเหตุ
00:18:40 → 00:18:43 หรือเกิดในเรื่องของการบาดเจ็บได้แต่การ
00:18:43 → 00:18:46 เดินเนี่ยค่อนข้างน้อยนะครับถ้าระมัด
00:18:46 → 00:18:48 ระวังก็อาจจะระมัดระวังได้เฉพาะในคนที่
00:18:48 → 00:18:50 บาดเจ็บหรือไม่สามารถเดินได้ในผู้สูงอายุ
00:18:50 → 00:18:53 ต้องประคับประคองอะไรเงี้ยบ้างแต่จริงๆ
00:18:53 → 00:18:56 การเดินเนี่ยยังไงในผู้สูงอายุก็จำเป็นนะ
00:18:56 → 00:18:59 ครับสำหรับผู้สูงอายุยิ่งเราบอกว่าอายุ
00:18:59 → 00:19:02 มากแล้วอย่าเดินเลยนั่งรถเข็นอันนี้ยิ่ง
00:19:02 → 00:19:05 เป็นการลงโทษถ้าเขาสามารถเดินได้แต่ระยะ
00:19:05 → 00:19:08 ทางไม่ต้องมากระยะเวลาไม่ต้องมากเราค่อยๆ
00:19:08 → 00:19:11 ยที่จะนนี้สะสมสะสมกันขึ้นอันนี้จะเป็นผล
00:19:11 → 00:19:17 ดีกับผู้สูงอายุครับผมก็มากน้อยก็คือขอ
00:19:17 → 00:19:21 ให้เดินใช่อคะโดยเฉพาะผู้สูงอายุอืแต่ที
00:19:21 → 00:19:23 นี้เราส่วนใหญ่เราจะแบบกลัวลยคะโหลครั้ง
00:19:23 → 00:19:27 ต่อไปคือไม่โอ๋เดินนะต้องแบบบังคับคุณพ่อ
00:19:27 → 00:19:30 คุณแม่คุณปู่คุณย่าก็อจริิงๆในผู้สูงอายุ
00:19:30 → 00:19:32 เนี่ยการเดินบ่อยๆเนี่ยต้องการล้มด้วยนะ
00:19:32 → 00:19:34 ครับเพราะมันทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็ง
00:19:34 → 00:19:38 แรงโอกาสความเสี่ยงการล้มน้อยลงนะครับผม
00:19:38 → 00:19:40 คือหลายคนก็ไม่เข้าใจก็เออผู้สูงอายุอายุ
00:19:40 → 00:19:43 มากละหารถเข็นมาให้ท่านดีกว่าไปไหนมาไหน
00:19:43 → 00:19:47 จะได้นั่งไม่ยิ่งเป็นการลงโทษผู้สูงอายุ
00:19:47 → 00:19:48 นะครับเพราะ
00:19:48 → 00:19:51 ว่าไม่มีกิจกรรมอื่นเลยก็จะติดแต่รถเข็น
00:19:51 → 00:19:53 ทำให้ไม่สามารถเดินหรือเดินได้ระยะทาง
00:19:53 → 00:19:57 สั้นๆงั้นถ้าเดินได้เดินเหนื่อยพักแล้วก็
00:19:57 → 00:19:58 เดิน
00:19:58 → 00:20:03 ได้พวกนี้ไม่มีปัญหาครับผมอืโอคือถ้าเรา
00:20:03 → 00:20:07 ไปโอ๋ไม่ให้ไปไม่สปอยไม่สปอยคุณพ่อคุณแม่
00:20:07 → 00:20:09 สอยปู่ยเหมือนเราไปเพิ่มบาปให้กับคุณพ่อ
00:20:09 → 00:20:11 คุณแม่เหมือนกันนะอ่ะเราต้องฝึกให้ท่าน
00:20:11 → 00:20:14 ได้นัเป็นทัศนคติใหม่ค่ะอาจารย์เพราะว่า
00:20:14 → 00:20:18 เราเราจะเชยชินแบว่าอย่าล้มนะเออนั่นนะ
00:20:18 → 00:20:20 คือลูกทุกคนน่ะค่ะก็จะรักคุณพ่อคุณแม่
00:20:20 → 00:20:22 หรือคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายอยู่แล้วแบบ
00:20:22 → 00:20:25 ไม่อยากจะให้ท่านเดินมากกลัวเหนื่อยกลัว
00:20:25 → 00:20:27 ล้มจับนั่งเก้าอี้เลยดีกว่าอยู่ในสายตา
00:20:28 → 00:20:30 เหมือนเหมือนเล็กๆอ่ะเนาะใช่เอออ๋อแต่มัน
00:20:30 → 00:20:33 มีผลกับพัฒนาการเรื่องของการยืนการเดิน
00:20:33 → 00:20:36 ที่จะเพิ่มความแข็งแรงใช่มั้ยคะอาจารย์
00:20:36 → 00:20:39 ใช่ครับผมอืแต่ว่าคนส่วนใหญ่เขาชอบคิดว่า
00:20:39 → 00:20:41 ถ้าปล่อยให้ล้มมาน่ะมันเรื่องใหญ่นะ
00:20:41 → 00:20:43 เดี๋ยวเกิดกระดูกหักขึ้นมาจะต้องไปดาม
00:20:43 → 00:20:46 ต้องไปต่อก็เลยไม่ต้องกังวลผู้สูงอายุธ
00:20:46 → 00:20:49 เดินน่ะเดินได้ทีนี้ส่วนใหญ่เนี่ยถ้าจะ
00:20:49 → 00:20:51 ล้มเนี่ยส่วนใหญ่จะมีปัญหาก็คือบางทีผู้
00:20:51 → 00:20:53 สูงอายุธน่ะสังเกตดูกันก้าวจะก้าวไม่สูง
00:20:54 → 00:20:56 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าพื้นมันมีสเต็ปก้าว
00:20:56 → 00:20:58 ไม่สูงมันอาจจะไปชนแล้วทำให้ล้มเพราะ
00:20:58 → 00:21:01 ฉะนั้นพยายามหาในพื้นราดนะครับไม่มีสิ่ง
00:21:01 → 00:21:05 เกะกะนะครับแล้วก็อาจจะใช้ไม้เท้าหรือ
00:21:05 → 00:21:07 อะไรเนี่ยช่วยประคอประคองไม่ให้ล้มได้นะ
00:21:07 → 00:21:10 ครับดังนั้นผู้สูงอายุสามารถเดินได้นะ
00:21:10 → 00:21:13 ครับผมเพียงแต่จัดสถานที่หรือป้องกันนะ
00:21:13 → 00:21:16 ครับยิ่งไม่เดินเลยระยะยาวยิ่งเป็นผลเสีย
00:21:16 → 00:21:20 กับสุขภาพมากกว่าครับผมอืคุณหมอคุณหมอมี
00:21:20 → 00:21:23 คำแนะนำยังไงบ้างมครับคือผมอยากจะไปบอก
00:21:23 → 00:21:26 พ่อให้ไปเดินจังเลยอ่ะอยากให้ออกกำลังกาย
00:21:27 → 00:21:30 จังเลยอ่ะคุณหมอครับพ่อคุณน่ะทุกทุกรอบ
00:21:30 → 00:21:33 เลยอ่ะเราพยายามบอกแล้วแต่คือเราอยากจะ
00:21:33 → 00:21:36 เอาคำจากหมอเนี่ยไปบอกพ่อบ้างอะไรอย่าง
00:21:36 → 00:21:39 เงี้ยคุณหมอคือคนที่สูงอายุคนแก่เนี่ยคือ
00:21:39 → 00:21:43 เาเขอาจจะดื้อนิดนึงคุณหมอครับคุณหมอช่วย
00:21:43 → 00:21:46 แนะนำผมนิดนึงถ้าผมว่าผู้สงยุว่ามันมีข้อ
00:21:46 → 00:21:48 มูลชัดเจนนะครับมันช่วยเรื่องของสุขภาพ
00:21:48 → 00:21:51 หลายๆเรื่องได้อืนะครับผมเพราะฉะนั้น
00:21:51 → 00:21:54 เนี่ยพยายามฝึกเดินแล้วก็ดีที่สุดเนี่ย
00:21:54 → 00:21:56 อย่าไปบอกว่าจะต้องเดินอะไรเงี้ยมี
00:21:56 → 00:21:58 กิจกรรมเออเดี๋ยวเราไปเดินเล่นอะไรกัน
00:21:58 → 00:22:01 อย่างเงี้ยชักชวนจะได้ไม่เป็นการตั้งใจ
00:22:01 → 00:22:05 ให้มากเกินไปบางทีเจะมีการต่อต้านขึ้นมา
00:22:05 → 00:22:08 ได้อนะครับผมงั้นต้องหาแรงจูงใจต่างๆใน
00:22:08 → 00:22:12 การเดินนะครับอาจจะพาไปเดินไปเที่ยวห้าง
00:22:12 → 00:22:15 หรืออะไรอย่าทางเยเอลองเดินสักเพิมสักนิด
00:22:15 → 00:22:19 นึงอย่างนี้เป็นต้นนะครับผมอืคุณหมอมีคำ
00:22:19 → 00:22:22 ถามจากคุณผู้ฟังทางบ้านบอกว่าคือถ้าเดิน
00:22:22 → 00:22:25 มากเนี่ยมันกลับมีอาการปวดหลังคุณหมอครับ
00:22:26 → 00:22:29 คือเอาเยกตัวอย่างอย่างคนเนี้ยเค้าไปเดิน
00:22:29 → 00:22:32 เอ้อไปเที่ยวที่สถานที่หนึแล้วมันต้อง
00:22:32 → 00:22:35 เดินมากๆเนี่ยวันนึงหมื่นกว่าก้าวเกือบๆ
00:22:35 → 00:22:38 20,000 กเดินแล้วมันปวดบั้นเอวเนี่ยมัน
00:22:38 → 00:22:40 มันแปลว่าอะไรครับคุณหมอครับมันเดินผิด
00:22:40 → 00:22:43 ที่ผิดท่าหรือว่ามันเกิดจากอะไรครับคุณ
00:22:43 → 00:22:46 หมอครับคือต้องบอกอย่างงนี้นะครับว่าปกติ
00:22:46 → 00:22:48 เนี่ยพอสูอายุมากจะมีปัญหาเรื่องปวดหลัง
00:22:48 → 00:22:50 นะครับสาเหตุเป็นจากอะไรเป็นจากโครงสร้าง
00:22:50 → 00:22:53 ร่างกายเนี่ยอาจจะไม่พร้อมเช่นมีกระดูก
00:22:53 → 00:22:56 ทรุดหรือว่ามีปัญหาเรื่องเข่าเราเราคิด
00:22:56 → 00:22:59 สภาพเหมือนรถยนต์น่ะนะครับล้อมันบไปข้าง
00:22:59 → 00:23:02 นึงงั้นพอขับรถไปปุ๊บมันก็จะเรียกว่าสูน
00:23:02 → 00:23:06 ไม่ตรงนะครับผมแต่ร่างกายเราแตกต่างกันก็
00:23:06 → 00:23:09 คือยิ่งไม่ตรงยิ่งเดินนะครับมันก็จะทำให้
00:23:09 → 00:23:11 ร่างกายเริ่มมีการปรับสร้างมีการสร้าง
00:23:11 → 00:23:14 ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนะครับอาการปวด
00:23:14 → 00:23:17 ต่างๆก็จะดีขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:23:17 → 00:23:21 เ่าเดินได้แต่เราต้องในระยะเวลาที่เหมาะ
00:23:21 → 00:23:24 สมพ้าเหนื่อยเราก็ผักแล้วค่อยๆเดินต่อ
00:23:24 → 00:23:26 สาเหตุส่วนหนึ่งก็คืออาจจะไปต่างประเทศ
00:23:26 → 00:23:29 หรือว่าไปอะไรอย่างเงี้มีเหตุท่านเดินมาก
00:23:29 → 00:23:31 เกินไปหมายถึงว่าเดินแล้วเหนื่อยไม่พัก
00:23:31 → 00:23:34 อะไรอย่างเงี้ยนะครับก็อาจจะทำให้เกิด
00:23:34 → 00:23:37 เรียกว่ามีอาการปวดหลังได้เพงั้นหลักการ
00:23:37 → 00:23:40 ก็คือนะครับเดินนะครับให้ถูกต้องแล้วก็
00:23:40 → 00:23:43 อ่าถ้าเกิดเหนื่อยมากเมีปัญหาก็พักสักนิด
00:23:43 → 00:23:46 นึงแล้วเดินต่อก็จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น
00:23:46 → 00:23:48 แล้วถ้าเดินต่อเนื่องสักระยะหนึ่งจะ
00:23:48 → 00:23:51 สังเกตเห็นเลยนะครับว่าอาการปวดหลังหรือ
00:23:51 → 00:23:53 อาการปวดขาที่เป็นอยู่เนี่ยจะดีขึ้นครับ
00:23:53 → 00:23:56 ผมเพราะร่างกายมันจะมีการปรับตั้งความ
00:23:56 → 00:23:59 แข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วยทำให้เรียกว่า
00:23:59 → 00:24:01 ไอ้โครงสร้างของร่างกายเราดีขึ้นครับผม
00:24:01 → 00:24:03 อ๋อก็เป็นไปได้ใช่มั้ยครับถ้าอย่างกรณี
00:24:03 → 00:24:06 เนี้ยคือถ้าเดินเยอะๆเนี่ยแล้วรู้สึกว่า
00:24:06 → 00:24:08 ปวดหลังก็อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายเนี่ย
00:24:08 → 00:24:12 ก่อนหน้านี้มันอาจจะไม่ได้มีการเดินเยอะ
00:24:12 → 00:24:15 ขนาดนี้มาก่อนแล้วคือพอมันไปเดินหนักๆแบบ
00:24:15 → 00:24:19 นี้เนี่ยมันก็เลยทำให้มีอาการปวดตามกล้าม
00:24:19 → 00:24:21 เนื้อส่วนต่างๆใช่มั้ยฮะคุณหมอฮะใช่ครับ
00:24:21 → 00:24:24 ปกติเนี่ยเป็นหลักการเลยการออกกำลังกาย
00:24:24 → 00:24:27 เราต้องเริ่มจากเบาไปหาหนักนะครับการที่
00:24:27 → 00:24:29 เดินเหมือนกันถ้าไม่เคยเดินเลยเนี่ยเรา
00:24:29 → 00:24:32 เริ่มมานิดๆหน่อยๆให้ร่างกายเริ่มปรับตัว
00:24:32 → 00:24:35 แล้วก็ส่วนใหญ่ก็จะมีแนะนำให้ยืดเหยียด
00:24:35 → 00:24:38 ร่างกายบ้างนะครับก่อนเรียกว่าเดินนะครับ
00:24:38 → 00:24:41 เพื่อให้เราป้องกันการปัญหาต่างๆอย่างที่
00:24:41 → 00:24:44 เมื่อกี้เกิดขึ้นนะครับผมแต่การเดินเบาๆ
00:24:44 → 00:24:47 ช้าๆเนี่ยพวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหา
00:24:47 → 00:24:50 กับในเรื่องของสุขภาพและระยะยาวถ้าเรา
00:24:50 → 00:24:53 เดินต่อเนื่องเนี่ยก็จะทำให้หลายๆคนเนี่ย
00:24:53 → 00:24:55 เจอเลยก็คืออาการปดลังปดเอวต่างๆเนี่ยดี
00:24:55 → 00:24:58 ขึ้นครับผมอเอออาจารย์คะอันนี้หนูแอบเห็น
00:24:58 → 00:25:01 ผู้สูงอายุที่คอนโดอ่ะค่ะคือเขาจะแบบ
00:25:01 → 00:25:03 ลักษณะของการเดินบางคนเขาจะเดินลู่ใช่
00:25:03 → 00:25:05 มั้ยคะไปข้างหน้าเรื่อยๆเรื่อยๆจากนั้น
00:25:05 → 00:25:09 เนี่ยเขาจะเดินถอยหลังอืเขาเขาบอกว่ามัน
00:25:09 → 00:25:13 จะช่วยเรื่องแบบปวดหลังหรือว่าการตึงมัน
00:25:13 → 00:25:15 เกี่ยวมคะเพราะว่าเราเดินไปข้างหน้าอย่าง
00:25:15 → 00:25:16 นี้เราต้องถอยหลังกลับยคะเพื่อให้เอ็น
00:25:17 → 00:25:19 ด้านหลังเรามันดีขึ้นหรือว่ามันยังไงคะ
00:25:19 → 00:25:23 อาจารย์คือจริงๆไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้มี
00:25:23 → 00:25:26 ข้อห้ามนะครับผมอืจะเดินยังไงก็ได้แต่
00:25:26 → 00:25:29 ระมัดระวังบางทีเดินถอยหลังเนี่ยโอกาสล้ม
00:25:29 → 00:25:33 ในผู้สูงอายุจะมากขึ้นอืจะสามารถเดินได้
00:25:33 → 00:25:35 แต่การที่เดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
00:25:35 → 00:25:38 จะทำให้ปวดหลังอันนี้ไม่ไม่ไม่ได้เกี่ยว
00:25:38 → 00:25:41 ข้องกันนะครับสำคัญที่เรียกว่าการเดินเรา
00:25:41 → 00:25:45 เน้นท่าทางที่ถูกต้องนะครับผมอันนี้ก็จะ
00:25:45 → 00:25:48 มีส่วนช่วยกับร่างกายจะมากกว่าเพราะ
00:25:48 → 00:25:50 ฉะนั้นถามว่าจะเดินถอยหลังด้วยมยไม่
00:25:50 → 00:25:52 จำเป็นนะครับผมแต่ถ้าเดินเนี่ยก็ต้อง
00:25:52 → 00:25:55 ระมัดระวังเพราะว่าโอกาสจะล้มเนี่ยมี
00:25:55 → 00:26:00 โอกาสได้สูงกว่าการเดินตงครับผมทีนี้พูด
00:26:00 → 00:26:02 ถึงเรื่องของท่าทางการเดินการลงน้ำหนัก
00:26:02 → 00:26:08 คุณหมอครับการลงด้วยส้นกลางปลายเท้าเงี้ย
00:26:08 → 00:26:12 มันมีผลต่อสุขภาพร่างกายของเราขนาดไหนม
00:26:12 → 00:26:15 ครับคุณหมอครับครับผมการเดินนะครับมันก็
00:26:15 → 00:26:17 ต้องพยายามเดินให้ถูกต้องนะครับคือ 1
00:26:17 → 00:26:21 เนี่ยคือการเดินท่าตรงนะครับใช้ปลายเท้า
00:26:21 → 00:26:24 เนี่ยเดินอ่าพยายามเดินเดินลงฝ่าเท้าอ่ะ
00:26:25 → 00:26:27 นะครับผมจะจะทำให้น้ำหนักได้ดีกว่าแล้วก็
00:26:27 → 00:26:30 พยายามเลือดรองเท้าลงฝ่าเท้านะครับที่
00:26:30 → 00:26:34 นุ่มนะครับก็จะมีส่วนที่ทำให้เรียกว่า
00:26:34 → 00:26:37 ป้องกันการบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพตามมา
00:26:37 → 00:26:40 ได้ครับผมอืโหนี่ผม 2 คนกับพี่หยกนี่
00:26:40 → 00:26:45 พยายามอือลองฝึกการลงเท้าอยู่ก็คือฝ่า
00:26:45 → 00:26:47 เท้าใช่มั้ยครับคุณหมอครับเดินปลายเท้า
00:26:47 → 00:26:50 แล้วก็ลงฝ่าเท้าใช่มั้ยฮะครับปลายเท้าก็
00:26:50 → 00:26:53 อย่าแล้วก็ค่อยขายน้ำหนักลงมากลางเท้า
00:26:53 → 00:26:55 ประมาณนี้ใช่มั้ยครับคุณหมอครับคือจะเดิน
00:26:55 → 00:26:57 อย่างงี้ครับผม 1 เนี่ยไม่แนะนำให้เดินกด
00:26:57 → 00:27:02 ปลายเท้าอ๋อแล้วลงถ่ายลงฝเทที่เต็มอ๋อ
00:27:02 → 00:27:07 หลังมาค่อยหน้าหลังหน้าใชอหลังมาค่ะอื
00:27:07 → 00:27:10 หลังมาน่าหลังมาน่าหลังมาน่าหลังมาน่าอนะ
00:27:10 → 00:27:14 คะก็คือค่อยๆเดินแต่ว่าถ้าสำหรับผู้สู
00:27:14 → 00:27:16 อายุก็เพิ่มสติไปอีกนิดนึงเพราะว่าเจี๋ยว
00:27:16 → 00:27:19 เกิดหกล้มใช่มั้ยคะค่อยๆๆไม่ต้องรีบปัญหา
00:27:20 → 00:27:22 ก็คือผู้สูงายุเนี่ยจะก้าวสั้นแล้วจะยก
00:27:22 → 00:27:25 เท้าไม่สูงเพราะฉะนั้นบางทีมันมีอะไรอยู่
00:27:25 → 00:27:28 ข้างหน้าเนี่ยยกเท้าไม่ได้ก็จะไปเตะข้าง
00:27:28 → 00:27:32 อันนี้ต้องระมัดระวังครับผมอือือก็เออน
00:27:32 → 00:27:34 มินาผู้สูงอยู่ชอบบอกว่าเป็นอะไรก็ไม่รู้
00:27:34 → 00:27:37 ชอบเดินชนกับของนู่นของนี่เหมือนแบบหน้า
00:27:37 → 00:27:39 แข้งก็จะไปจูบกับขาโต๊ะอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:27:40 → 00:27:43 คะก็อ๋อเพราะจริงๆมาเกิดจากสรีระเรื่อง
00:27:43 → 00:27:45 ของเท้าเราอาจจะตกใช่มั้ยคะสำหรับผู้สูง
00:27:45 → 00:27:48 อายุฉะนั้นถ้ายกไม่ก็ต้องพยายามยกให้สูง
00:27:48 → 00:27:50 ขึ้นหรือว่าเปลี่ยนพื้นที่การเดินให้มัน
00:27:50 → 00:27:55 เป็นที่ราบไม่มีสิ่งกีบขวางถูกมั้ยคะออื
00:27:55 → 00:27:58 ใช่ครับผมค่ะเวลาเดินเววลาออกกำลังกาย
00:27:58 → 00:28:01 ด้วยการเดินคุณหมอครับคือต้องเปลี่ยนรอง
00:28:01 → 00:28:06 เท้าเป็นรองเท้ากีฬาหรือว่ารองเท้าผ้าใบ
00:28:06 → 00:28:10 ตลอดมั้ครับหรือว่าบางทีเนี่ยอืมหลายคน
00:28:10 → 00:28:13 คุณผู้ฟังหลายท่านหรือว่าที่ผมเห็นหลายคน
00:28:13 → 00:28:15 คืออ่ะเค้าพยายามจะออกกำลังกายเพียงแต่
00:28:15 → 00:28:18 ว่าอาจจะอืมไม่มีรองเท้าเปลี่ยนอะไรอย่าง
00:28:18 → 00:28:21 เงี้ยใช้รองเท้าแตะเดินเนี่ยมันมันพอจะทด
00:28:21 → 00:28:23 แทนกันได้มยครับมันจะมีผลอะไรตามมาด้วย
00:28:23 → 00:28:28 มั้ยฮะคุณหมอฮะคือจริงๆเนี่ยการเดินเนี่ย
00:28:28 → 00:28:30 อย่างที่บอกเราพยายามออกกำลังไกสมัเสมอ
00:28:30 → 00:28:32 ใส่รองเท้าอะไรไม่ว่าจะเป็นเท้าเปล่ารอง
00:28:32 → 00:28:35 เท้าแตะหรือรองเท้าหนังรองเท้าผ้าใบเนี่ย
00:28:35 → 00:28:38 สามารถเดินได้ครับนะครับแต่ถ้าบังเอิญจะ
00:28:38 → 00:28:40 ต้องวิ่งหรือว่าจะต้องใช้เวลานานๆเนี่ย
00:28:40 → 00:28:43 เราพยายามหารองเท้าที่มันกระชับอืนะครับใ
00:28:43 → 00:28:47 กระหลัดแล้วพื้นเค่อนข้างนิ่มเพื่อลดการ
00:28:47 → 00:28:49 ถ่ายไม่งั้นจะทำให้เกิดการเดินแล้วกระแทก
00:28:49 → 00:28:52 นะครับผมอืแต่ก็ไม่จะมีความจำเป็นต้องไป
00:28:52 → 00:28:55 ซื้อรองเท้าเป็นการเฉพาะอะไรเลยนะครับก็
00:28:55 → 00:28:57 คือใส่รองเท้าที่พอเหมาะไม่หลวมหรือคับจน
00:28:57 → 00:29:01 เกินไปนะครับผมแล้วก็พยายามเรียกว่าพื้น
00:29:01 → 00:29:04 รองเท้าเนี่ยนุ่มสามารถรับแรงกดของเท้า
00:29:04 → 00:29:06 ได้ดีนะครับอันนี้ก็เพียงพอแล้วครับผมอื
00:29:06 → 00:29:10 ออรองเท้าไม่จำเป็นเท่ากับจำเป็นก็คือเรา
00:29:10 → 00:29:13 ต้องมีเวลาขยับแล้วก็เดินในพื้นที่ที่เรา
00:29:13 → 00:29:15 นั่นดีกว่าใช่มั้ยคะอาจารย์คะคุณผู้ฟัง
00:29:15 → 00:29:18 ทางบ้านบอกว่าโอฟังอาจารย์แล้วรู้สึกผ่อน
00:29:18 → 00:29:20 คลายมากเลยค่ะรู้สึกว่าได้สามารถใช้ชีวิต
00:29:20 → 00:29:23 สบายๆมากขอต้องขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลย
00:29:23 → 00:29:26 ค่ะคุณผู้ฟังทางบ้านมาบอกแบบนี้เก็เลยแบบ
00:29:26 → 00:29:30 ว่าช่วยนำเรียนให้ให้กำลังอาจารด้วยเงี้
00:29:30 → 00:29:33 ใชใช่ครับยินดีเลยครับผมอนะครับการออก
00:29:33 → 00:29:35 กำลังกายการเดินเป็นหนึ่งส่วนหนึงของ
00:29:35 → 00:29:38 ชีวิตเราอนะครับท่านสังเกตเลยถ้าท่านนอน
00:29:38 → 00:29:40 บนเตียงอยู่ไม่ได้เดินไม่อะไรเนี่ยท่านจะ
00:29:40 → 00:29:43 เกิดปัญหาแลกับสุขภาพท่านแน่นอนนั้นการ
00:29:43 → 00:29:45 เดินยิ่งเดินได้ต่อเนื่องเนี่ยยิ่งดีกับ
00:29:45 → 00:29:48 สุขภาพครับผมอเลือกเดินตามช่วงเวลาไหนก็
00:29:48 → 00:29:52 ได้นะครับพยายามป้องกันระมัดระวังไม่ให้
00:29:52 → 00:29:55 ลมนะครับพื้นก็พยายามเรียกว่าไม่ให้มัน
00:29:55 → 00:29:58 เป็นที่ขรุขะนะครับให้มันอยู่ในเกณฑ์ที่
00:29:58 → 00:30:02 เรียกว่าง่ายแล้วก็บางทีถ้ามันมีพื้นที่
00:30:02 → 00:30:04 ไหนที่มันรกอะไรก็ต้องระมัดระวังนะครับไป
00:30:04 → 00:30:07 สะดุดไปล้มได้นะครับผมนั้นเป็นอาการออก
00:30:08 → 00:30:10 กำลังกายที่มีความจำเป็นอย่างหนึ่งใน
00:30:10 → 00:30:14 ชีวิตเราครับผมอคือนอกจากตัวผู้สูงอายุ
00:30:14 → 00:30:17 และที่เราเน้นๆกันเนี่ยน้องๆหนูๆเนี่ยเรา
00:30:17 → 00:30:22 ก็สามารถชวนกันออกมาเดินออกมาวิ่งเล่นกับ
00:30:22 → 00:30:24 คุณพ่อคุณแม่เนี่ยก็ก็ได้ด้วยใช่มั้ยคุณ
00:30:24 → 00:30:26 หมอครับควรจะต้องฝึกให้เด็กๆเนี่ยเริ่ม
00:30:26 → 00:30:29 ออกกำลังกายกันตั้งแต่ช่วงอายุประมาณสัก
00:30:29 → 00:30:32 เท่าไหร่ดีฮะคุณหมอครับเอาจริงๆก็เรียก
00:30:32 → 00:30:34 ว่าตั้งแต่เด็กนั่นเลยไม่ต้องกลัวว่าเด็ก
00:30:34 → 00:30:36 เนี่ยตั้งแต่เด็กเล็กเนี่ยถ้าเริ่มหัดคาน
00:30:36 → 00:30:39 หัดเนินอะไรเนี่ยเก็จะเริ่มวิวัฒนาการ
00:30:39 → 00:30:41 พยายามส่งเสริมให้เขาเรียกว่ามีกิจกรรม
00:30:41 → 00:30:44 ทางกายมีการออกกำลังกายมากกว่าครับหลีก
00:30:44 → 00:30:47 เลี้ยงพวกอาหารที่ที่เรียกว่าทำให้อ้วน
00:30:47 → 00:30:50 พวกขนมกบเคี้ยวขนมหวานต่างๆนะครับผมอัน
00:30:50 → 00:30:54 นี้ก็จะเป็นผลดีกับเด็กครับอค่ะก็เดินได้
00:30:54 → 00:30:58 เลยนะนใช่ค่ะเดินเป็นสิ่งที่ที่อาจารย์คะ
00:30:58 → 00:31:00 ส่วนใหญ่ค่ะคนเขาบอกว่าถ้าหลังมื้ออาหาร
00:31:00 → 00:31:02 หนักๆอย่างเช่นสมมติเเราทานทุเรียนหรือ
00:31:02 → 00:31:04 ทานอะไรอย่างเงี้ค่ะเราแบบมีแก๊สเยอะเรา
00:31:04 → 00:31:06 ควรรีบมาเดินเลยหรือว่าอะไรอย่างงี้มคะ
00:31:06 → 00:31:09 เพราะว่าบาคบอกว่ามันจะได้แบบเผ่าผลน
00:31:09 → 00:31:11 เพราะว่ามันจูกอ่ะไม่จำเป็นครับไม่จำเป็น
00:31:11 → 00:31:14 ครับผมกินเสร็จก็พักสักนิดนึงหรือว่ากิน
00:31:14 → 00:31:16 เสร็จจะเริ่มเดินคือปกติเนี่ยถ้าเป็นออก
00:31:16 → 00:31:19 กำลังกายรุนแรงเนี่ยเราก็จะไม่แนะนำให้
00:31:19 → 00:31:21 ให้เรียกว่าออกกำลังกายนะครับจะพักนิดนึง
00:31:21 → 00:31:24 คือให้อาหารมันย่อยไปก่อนแต่ในีที่เดิน
00:31:24 → 00:31:27 ช้าๆเนี่ยกินเสร็จก็สามารถจะเดินได้นะ
00:31:27 → 00:31:31 ครับไม่ต้องต้องกังวลอืค่ะอืได้หมดเลยนะอ
00:31:31 → 00:31:34 เออจะได้จะได้สบายๆใจกันไปนะฮะมีเพิ่ม
00:31:34 → 00:31:36 เติมมั้ยพี่หยกค่ะวันนี้มีคุณผู้ฟัง
00:31:36 → 00:31:38 อาจารย์คะอันนี้ค่ะแม้ว่าพี่คุนนี้เขาจะ
00:31:38 → 00:31:40 บอกว่าเขาหายแล้วจากเรื่องของ N 100
00:31:40 → 00:31:43 หวายค่ะอาจารย์สำหรับการคนที่ออกกำลังกาย
00:31:43 → 00:31:45 สำหรับคนที่มีปัญหาพวกเอ็นร้อยหวายหรือ
00:31:45 → 00:31:48 รองช้ำอย่างเงี้ค่ะอาจารย์คำแนะนำในการ
00:31:48 → 00:31:51 เดินออกกำลังกายอาจารย์ควรจะเริ่มยังไงดี
00:31:51 → 00:31:54 คะคือจริง
00:31:54 → 00:31:59 ๆโโๆคือลองลองช้ำเนี่ยนะครับผมส่วนใหญ่ก็
00:31:59 → 00:32:02 คือมันเป็นเอาาอักเสบครับนะครับเจอในผู้
00:32:02 → 00:32:05 สูงอายุหรือคนที่มีปัญหาเนี่ยได้นะครับ
00:32:05 → 00:32:07 ส่วนใหญ่เนี่ยก็จะเรียกว่ามันจะเดินแล้ว
00:32:07 → 00:32:10 มันจะเจ็บท้าแต่พอเดินสักระยะหนึ่งจะดี
00:32:10 → 00:32:13 ขึ้นนะครับส่วนใหญ่เราก็พวกนี้เดินได้อ่า
00:32:13 → 00:32:16 ส่วนใหญ่บางทีเราก็จะแนะนำให้เรียกว่าอ่า
00:32:16 → 00:32:18 ใช้น้ำอุ่นหรือประคบหรืออะไรอย่างเงี้ยก็
00:32:18 → 00:32:22 จะช่วยลดอาการเจ็บได้การเดินการเดินเนี่ย
00:32:22 → 00:32:25 จะช่วยเรียกว่าลดความโอกาสการเกิดรองช้ำ
00:32:25 → 00:32:28 อยู่แล้วสบายใจได้ครับผมอืใครเป็นอะไร
00:32:28 → 00:32:31 ต่างๆเนี่ยก็เรียกว่าค่อยๆเดินทีละนิดที
00:32:31 → 00:32:34 ละนิดนะครับแล้วก็มีนวดปลาเท้าอะไรบ้างก็
00:32:34 → 00:32:38 จะดีขึ้นครับผมอ่าเออต้องนวดหน่อยนะอืคือ
00:32:38 → 00:32:41 เวลาการผ่อนคลายหลังจากการเดินนะคุณหมอ
00:32:41 → 00:32:43 ครับคือถ้าอ่ะเราไปเดินกันมาสักครึ่ง
00:32:43 → 00:32:46 ชั่วโมงละอะไรอย่างเงี้ยเอ่อวิธีการที่จะ
00:32:46 → 00:32:49 ช่วยผ่อนคลายเท้าของเราเนี่ยให้ไม่ให้รู้
00:32:49 → 00:32:52 สึกว่ามันมันจะเจ็บมันจะปวดเนี่ยเรา
00:32:52 → 00:32:54 สามารถทำได้ด้วยวิธีไหนนอกจากการยืด
00:32:54 → 00:32:58 เหยียดหรือว่าการการใช้ยานวดบ้างฮะคุณหมอ
00:32:58 → 00:33:03 ฮะเอ่อจริงๆแล้วเนี่ยคนไข้ผมหลายๆคนเนี่ย
00:33:03 → 00:33:07 ยิ่งมีกิจกรรมทางกายการเดินการขยับเนี่ย
00:33:07 → 00:33:10 พวกนี้ช่วยในการลดอาการเจ็บปวดได้อยู่
00:33:10 → 00:33:13 แล้วนะครับอย่างที่ผมบอกเปัญหาใหญ่ของการ
00:33:13 → 00:33:16 ที่เราเรียกว่ามีอาการปวดหลังปวดเอวปวดขา
00:33:16 → 00:33:19 เนี่ยส่วนนึงก็คือท่าทางการเดินไม่ถูก
00:33:19 → 00:33:22 ต้องอืโครงสร้างร่างกายไม่ถูกต้องเพราะ
00:33:22 → 00:33:24 ฉะนั้นบางคนเนี่ยเราก็ใช้เรียกว่าการเดิน
00:33:24 → 00:33:28 บำบัดอืก็คือพยายามจัดท่าทางให้ถูกต้อง
00:33:28 → 00:33:31 เหมาะสมนะครับเดินเนี่ยมันก็จะช่วยทำให้
00:33:31 → 00:33:34 ร่างกายเนี่ยเริ่มปรับสภาพนะครับของหลัง
00:33:34 → 00:33:36 ของเอวให้อยู่ในแนวตรงได้เพราะฉะนั้น
00:33:36 → 00:33:38 เนี่ยการเดินเนี่ยไม่ได้เป็นข้อห้ามและ
00:33:38 → 00:33:41 อาจจะส่งผลดีกับคนที่มีปัญหาปวดหลังปวด
00:33:41 → 00:33:44 เอวด้วยเพียงแต่ว่าท่าทางในการเดินหน้าจะ
00:33:44 → 00:33:46 ต้องมีการปรับหรือให้มันถูกต้องให้มัน
00:33:46 → 00:33:50 เป็นการเดินตรงหน้าตรงนะครับอันนี้จะช่วย
00:33:50 → 00:33:53 ให้สุขภาพดีขึ้นครับลดโอกาสการเกิดอาการ
00:33:53 → 00:33:55 ปวดหลังหรืออาการปวดหลังปวดเอวต่างๆดี
00:33:55 → 00:33:59 ขึึ้นอืคือปัญหาที่คนไข้อันนี้ยกกรณีของ
00:33:59 → 00:34:03 คนไข้ของคนไข้ของคุณหมอนะก็คือที่มีปัญหา
00:34:03 → 00:34:05 เจ็บปวดทุกครั้งก็คือถ่าทางการเดินที่มัน
00:34:05 → 00:34:09 อาจจะผิดใช่มคุณหมอครับเนาะท่าทางการเดิน
00:34:09 → 00:34:11 ที่มันอาจจะส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
00:34:11 → 00:34:14 อะไรเงี้ยแต่ว่าถ้าปรับนู่นนั่นนี่ได้
00:34:14 → 00:34:16 เนี่ยมันก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของเรา
00:34:16 → 00:34:19 เนี่ยแน่ๆเลยนะะคุณหมอครับใช่ครับใช่ครับ
00:34:19 → 00:34:24 ผมอืได้คุณหมอมีอย่างวัยทำงานเมีคุณผู้
00:34:24 → 00:34:27 ฟังทางบ้านรบกวนถามมานิดนึงว่ามันต้องเด
00:34:27 → 00:34:31 เดินกี่นาทีครับถึงจะช่วยในการเผาผลาญไข
00:34:31 → 00:34:33 มันในร่างกายได้เพราะว่าอยากจะไปวิ่ง
00:34:33 → 00:34:36 เหลือเกินอยากจะไปฟิตเนสเหลือเกินแต่ว่า
00:34:36 → 00:34:39 อืก็ก็ก็ก็เหนื่อยก็มันมีข้ออ้างเยอะ
00:34:39 → 00:34:42 อาการเดินเนี่ยน่าจะจะง่ายสุดละเออในการ
00:34:42 → 00:34:44 ที่จะช่วยเผ่าผลาญไขมันในร่างกายเนี่ยมัน
00:34:45 → 00:34:47 มันจะมันต้องเดินกันขนาดไหนต้องเดินเร็ว
00:34:47 → 00:34:50 เดินน้อยเดินยังไงดีฮะคุณหมอครับคือต้อง
00:34:50 → 00:34:53 บอกอย่างนี้ครับว่า 1 เนี่ยแม้ว่าจะเป็น
00:34:53 → 00:34:55 เดินเพียงไม่นานเนี่ยมันก็มีส่วนช่วยใน
00:34:55 → 00:34:58 การเผาผลาญพลังงานของร่างกายอยู่แล้วแต่
00:34:58 → 00:35:00 ถ้าต้องการเดินมากน้อยแค่ไหนที่จะส่วน
00:35:00 → 00:35:02 ช่วยในเรื่องของการลดเรื่องอ้วนมันมีการ
00:35:02 → 00:35:05 ศึกษาอยู่ว่าอาจจะต้องประมาณสักต่อเนื่อง
00:35:05 → 00:35:08 ประมาณสัก 90 นาทีขึ้นไปมันจะเผาพลังงาน
00:35:08 → 00:35:10 มากพอที่จะช่วยเรียกว่าลดไขมันลงมาแต่ใน
00:35:10 → 00:35:13 ความเป็นจริงคือ 90 นาทีมันมันสะสมกันได้
00:35:13 → 00:35:18 นะครับเพราะฉะนั้นถามว่าเดินยังไงเนี่ยมี
00:35:18 → 00:35:21 ส่วนช่วยในการลดน้ำหนักอยู่แล้วให้ได้ต่อ
00:35:21 → 00:35:23 เนื่องยิ่งเดินนานก็ยิ่งทำให้เกิดการเผ่า
00:35:23 → 00:35:26 ขวานมากแล้วถ้าไอ significance เก็ควรจะ
00:35:26 → 00:35:28 เรียกว่ามากกว่าครึ่งชั่วโมง 30 นาทีขึ้น
00:35:28 → 00:35:31 ไปถ้าเกิดจะเห็นผลชัดเจนเนี่ยประมาณสัก
00:35:31 → 00:35:34 60-90 นาทีอันนี้ก็จะมีส่วนทำให้น้ำหนัก
00:35:34 → 00:35:38 ลดลงสังเกตนะครับนักกีฬาหรือวิ่งมาราธอน
00:35:38 → 00:35:41 เห็นมครับผมค่ะรูปร่างเขาจะค่อนข้างผอม
00:35:41 → 00:35:43 สัดสวนดีกว่าเพราะว่าการเดินบ่อยๆเนี่ย
00:35:43 → 00:35:46 ช่วยเผาผลาญพลังงานทำให้รูปร่างดีขึ้น
00:35:46 → 00:35:49 ครับผมหนูก็เดินเยอะนะคะอาจารย์หนูเดินมา
00:35:49 → 00:35:52 ตหมื่นกว่ากทำไมหนูไม่เห็นผอมเลยค่ะอ่า
00:35:52 → 00:35:54 อาจารย์ช่วยตอบช่วยตอบคำถามนิดหน่อยครับ
00:35:54 → 00:35:57 หลายคนหลายคนก็คิดเหมือนพี่หยกครับเดิน
00:35:57 → 00:36:01 เป็น 19,000 เนี่ยวันนึงเนี่ยรู้สึทำไม
00:36:01 → 00:36:05 ไม่รู้สึกว่ามันหอมลงเลยครับ
00:36:05 → 00:36:09 2, กับการควบคุมอาหารด้วยนะครับอันนี้
00:36:09 → 00:36:11 เราเจอได้ประจำก็คือบางทีออกกำลังกายไม่
00:36:11 → 00:36:14 ใช่เฉพาะเดินน่ะนะครับเอ๊ะทำไมเข้าฟิตเนส
00:36:14 → 00:36:16 ประจำแล้วไม่ลดคือตอนระหว่างเข้าฟิตเนส
00:36:16 → 00:36:19 เสร็จปุ๊บการเผาผลาญเนี่ยมันทำให้เราหิว
00:36:19 → 00:36:21 อยากอาหารแล้วพอกินแล้วกินมากเหมนว่าไม่
00:36:21 → 00:36:24 เป็นไรออกกำลังกายแล้วไม่เป็นไรออกกำลัง
00:36:24 → 00:36:28 กายแล้วเราก็เลยกินมากน้ำหนักก็ลดลงนะ
00:36:28 → 00:36:31 ครับผมอือนั้นการลดน้ำหนักต้องออกกำลัง
00:36:31 → 00:36:34 กายเพิ่มขึ้นและควบคุมอาหารควบคู่กันไป
00:36:34 → 00:36:37 ด้วยครับผมอืบางทีการออกกำลังกายมันก็คือ
00:36:37 → 00:36:39 เป็นการสร้างความชอบธรรมในการที่เราจะได้
00:36:39 → 00:36:43 ไปกินของที่เราอยากกินอยากทานได้รู้สึก
00:36:43 → 00:36:46 ว่าไม่ต้องผิดมากอาจจะผิดแหละแต่ว่ามัน
00:36:46 → 00:36:50 ผิดน้อยลงสบายใจไม่ได้สักทีนะครับวันนี้
00:36:50 → 00:36:53 ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับที่มาให้
00:36:53 → 00:36:55 ความรู้กับเราในค่ำคืนวันนี้ฟังคุณหมอ
00:36:55 → 00:36:58 แล้วรู้สึกว่าอยากจะออกไปเดินจากเลยอยจะ
00:36:58 → 00:37:01 ไปออกกำลังกายเพียงแค่วันละนิดวันละหน่อย
00:37:01 → 00:37:04 เนี่ยมันก็ทำให้ร่างกายดีขึ้นแล้วแข็งแรง
00:37:04 → 00:37:06 มากขึ้นแล้วขอบพระคุณคุณหมอมากๆขอบคุณนะ
00:37:06 → 00:37:09 คะอาจารย์ยินดีครับผมขอบคุณมาขุณค่ะ
00:37:10 → 00:37:13 สวัสดีคสวดีครับขอบพระคุณค่ะสวัสดีค่ะนะ
00:37:13 → 00:37:16 คะคุณผู้ฟังที่จบไปนะคะคุณหมอคนัคุดกุลนะ
00:37:16 → 00:37:19 คะหรือคุณหมอเอสนะคะที่