00:00:00 → 00:00:03 ปัจจุบันคนมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมากขึ้น
00:00:03 → 00:00:08 แล้วก็มีความสนใจที่จะลดน้ำหนัก โดยการทำกิจกรรมที่เราเรียกว่า IF
00:00:08 → 00:00:13 มันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบให้เราเห็น ชัด ๆ ในช่วงระยะเวลาใกล้ ๆ นี้
00:00:14 → 00:00:16 การลดน้ำหนักแบบ IF นี่
00:00:16 → 00:00:19 จะมีปัญหาเกี่ยวกับสมองต่อไป ในอนาคตหรือเปล่า
00:00:19 → 00:00:21 แล้วมันทำยังไงให้มันปลอดภัยล่ะ
00:00:21 → 00:00:23 เพราะถ้าเกิดผลเสียขึ้นมา
00:00:23 → 00:00:26 มันเป็นกับตัวเรา มันไม่ได้เป็นกับคนอื่นนะ
00:00:26 → 00:00:32 [เสียงดนตรี]
00:00:32 → 00:00:38 ปัจจุบันนี้คนสนใจที่จะควบคุมน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เราอยากได้เนอะ
00:00:38 → 00:00:44 แล้วก็มีอันหนึ่งที่พูดถึงว่า หยุด ไม่รับประทานอาหารช่วงหนึ่ง
00:00:44 → 00:00:45 เราเรียกกันง่าย ๆ คือ IF
00:00:45 → 00:00:48 อาจารย์ก็ได้ยินกันมาตั้งแต่ว่า
00:00:48 → 00:00:51 12 ชั่วโมงนะคะ ก็คือกิน 12 ชั่วโมง เช้า กลางวัน เย็น
00:00:51 → 00:00:54 ตอนหลัง ๆ นี่ ก็มากันเป็น 16 ชั่วโมง
00:00:54 → 00:00:58 เมื่อกี้อาจารย์เพิ่งจะได้ยิน เดี๋ยวนี้มี 23 ชั่วโมงเลย ไม่กินเลย
00:00:58 → 00:00:59 ถามว่า เอ๊ะ แล้วมันมีปัญหาไหม
00:00:59 → 00:01:02 มันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบ ให้เราเห็นชัด ๆ
00:01:02 → 00:01:04 ในช่วงระยะเวลาใกล้ ๆ นี้
00:01:04 → 00:01:09 แต่ว่ามันน่าจะมีผลในช่วงระยะเวลา ที่หลายปีต่อจากนี้ไป
00:01:09 → 00:01:12 คือสมองเรานี่ทำงานตลอดเวลา
00:01:12 → 00:01:14 สมองไม่มีพลังสำรอง
00:01:14 → 00:01:17 ปกติแล้วกล้ามเนื้อของเราทั้งตัว มันจะมีพลังสำรอง
00:01:17 → 00:01:20 เพื่อที่จะสามารถให้เดินให้วิ่งได้
00:01:20 → 00:01:21 แต่สมองไม่เหมือนกันค่ะ
00:01:22 → 00:01:23 สมองไม่มีพลังสำรองอย่างนั้น
00:01:23 → 00:01:26 สมองต้องการอาหาร
00:01:26 → 00:01:27 นั่นก็คืออยู่ในรูปของน้ำตาล
00:01:27 → 00:01:30 ถ้าหากว่าคุณหยุดอาหารเป็นเวลานานนี่ค่ะ
00:01:30 → 00:01:33 ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงไปถึงขนาดหนึ่ง
00:01:34 → 00:01:36 เซลล์บางตัวที่มันต้องการอาหาร
00:01:36 → 00:01:38 มันทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน
00:01:38 → 00:01:42 พอถึงเวลาตอนนี้ ขอน้ำตาลไปช่วยต่ออายุมัน
00:01:42 → 00:01:45 เราบอกว่าอดไว้ อดไว้ อดไว้ อดไว้ อดไว้
00:01:45 → 00:01:50 เซลล์ตัวที่มันต้องการน้ำตาล แต่มันไม่ได้ มันจะตาย
00:01:50 → 00:01:54 เพราะฉะนั้น อย่าอดอาหารยาว ๆ เพราะสมองต้องใช้พลังงานตลอดเวลา
00:01:54 → 00:02:01 [เสียงดนตรี]
00:02:01 → 00:02:03 อาจารย์คิดว่า ถ้าเราไปออกกำลังกายหนัก ๆ
00:02:03 → 00:02:06 แล้วก็บวกกับอดอาหารด้วยนี่นะ
00:02:06 → 00:02:07 ท่าจะไปไม่รอด
00:02:07 → 00:02:09 จริง ๆ แล้วนี่ การที่เราจะกินมากน้อยแค่ไหน
00:02:09 → 00:02:11 อดอาหารได้นานสักเท่าไร
00:02:11 → 00:02:15 ขึ้นอยู่กับว่า เราทำกิจกรรม มากน้อยแค่ไหนอย่างไร
00:02:15 → 00:02:17 กิจกรรมที่ต้องใช้สมอง
00:02:17 → 00:02:20 สมองก็ต้องการใช้พลังงานเหมือนกันนะคะ
00:02:20 → 00:02:20 บางทีบอกว่า
00:02:20 → 00:02:22 โอ๊ย ไม่ได้ทำอะไรเลยนั่งอยู่เฉย ๆ นั่งเขียนแบบอยู่นี่
00:02:23 → 00:02:25 กินน้อยหน่อยก็ได้ มันไม่ใช่
00:02:25 → 00:02:27 เขียนแบบก็ต้องคิด ต้องการอาหาร
00:02:27 → 00:02:31 ที่อาจจะไม่ได้ปริมาณเยอะเท่ากับคนที่ เป็นนักกีฬาออกไปวิ่ง
00:02:31 → 00:02:36 เพราะฉะนั้น การเลือกอยู่ เลือกกิน จะต้องปรับให้เหมาะสมกับตัวเรา
00:02:36 → 00:02:40 ไม่ใช่ใครทำอย่างไร เราก็ตามเข้าไป
00:02:40 → 00:02:41 เพราะคนไม่เหมือนกัน
00:02:41 → 00:02:43 เคมีในตัวเราก็ไม่เหมือนกัน
00:02:43 → 00:02:45 กิจกรรมเราก็ไม่เหมือนกัน
00:02:45 → 00:02:47 แล้วก็ร่างกายเราก็ไม่เหมือนกัน
00:02:47 → 00:02:50 ถ้าเราไม่มีความรู้ ก็ต้องปรึกษาหารือคนที่รู้
00:02:50 → 00:02:55 แล้วก็เอาสิ่งที่เขาพูดมาประมวล กับการที่เรารู้จักตัวเราเอง
00:02:55 → 00:02:56 รู้ว่าเราจะทำอะไร
00:02:56 → 00:03:00 แล้วค่อยมาผนึก เป็นสิ่งที่จะเหมาะสมกับตัวเรา
00:03:00 → 00:03:02 [เสียงดนตรี]
00:03:02 → 00:03:05 สำหรับในความเห็นของอาจารย์นะคะ อาจารย์คิดว่า
00:03:05 → 00:03:08 การทำ IF นี่ เต็ม ๆ เลยนะ เอา 12 ชั่วโมงเถอะ
00:03:08 → 00:03:11 แต่ถามว่าอาจารย์เอาตัวเลขมาจากไหนมา 12 ชั่วโมง
00:03:11 → 00:03:15 อาจารย์ก็คิดว่า ช่วงเวลาที่นอน ก็จะตกอยู่ที่ประมาณสัก 8-10 ชั่วโมง
00:03:15 → 00:03:17 12 ชั่วโมงนั้นหยุดเลย
00:03:17 → 00:03:19 12 ชั่วโมงนี้ คุณรับประทานอาหาร 3 มื้อ
00:03:19 → 00:03:22 ไม่ใช่ไปเรื่อย ตั้งแต่หลังอาหารกลางวันไปยันเย็น
00:03:22 → 00:03:25 แล้วก็บอกว่า กินอยู่ภายใน 12 ชั่วโมงนี้ อันนี้ไม่ใช่นะ
00:03:25 → 00:03:27 [เสียงดนตรี]
00:03:27 → 00:03:31 เราจะรับประทานอาหารกันอย่างไร ที่จะทำให้ร่างกายดี
00:03:31 → 00:03:32 รวมทั้งสมองดีด้วย
00:03:33 → 00:03:35 อันที่ 1 ที่มันล่อใจเราคือน้ำตาล
00:03:35 → 00:03:38 จริง ๆ แป้งกับน้ำตาลอยู่หมวดเดียวกัน ที่เราเรียกคาร์โบไฮเดรต เรียกคาร์บ
00:03:38 → 00:03:40 แป้ง ทานได้ไหม แป้ง ทานได้
00:03:40 → 00:03:42 เรายังแนะนำให้ทานแป้ง
00:03:42 → 00:03:45 แต่ว่าจริง ๆ ขอเป็นแป้งที่มันย่อยช้า ๆ
00:03:45 → 00:03:49 ถ้าคุณกินข้าวกล้อง มันจะย่อยช้ากว่าข้าวขาว
00:03:49 → 00:03:51 มันจะอิ่มท้องนานกว่า
00:03:51 → 00:03:53 ถ้าตอนนี้สมัยนี้ ข้าวโอ๊ตก็มาแรง
00:03:53 → 00:03:56 ข้าวโอ๊ตนี่จะมีเปลือก มีใยอาหารอยู่เยอะ
00:03:56 → 00:03:58 แต่ว่าระดับน้ำตาลในเลือด มันก็จะขึ้นช้า ๆ
00:03:58 → 00:04:01 พอจากข้าว มันก็ต้องมาที่ผักแล้วค่ะ
00:04:01 → 00:04:03 เพราะว่าผักมันทำให้เราเต็มท้อง
00:04:03 → 00:04:06 พอเต็มท้องแล้ว อะไรทั้งหลายแหล่ที่อยากจะย่อยก็ช้า
00:04:06 → 00:04:09 บวก ต้องไม่ลืมอาหารโปรตีน
00:04:09 → 00:04:10 เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเนื้อสัตว์นี่
00:04:10 → 00:04:14 เราก็อยากได้เนื้อสัตว์ ที่มันมีไขมันปนมาน้อย
00:04:14 → 00:04:16 เราก็อยากได้เนื้อสัตว์ที่ทำให้สุก
00:04:17 → 00:04:19 โดยการที่ใช้น้ำมันน้อย ๆ หรือไม่ใช้น้ำมัน
00:04:19 → 00:04:23 เช่น ใช้นึ่ง อันนี้ก็จะดีกว่า ที่เราจะมาด้วยอาหารทอด
00:04:23 → 00:04:25 แล้วก็อีกอันหนึ่งคือลดเค็ม
00:04:25 → 00:04:29 ทำไมต้องลดเค็ม เพราะว่าไตทำงานหนักขึ้น ไตก็จะพัง
00:04:29 → 00:04:32 เพราะฉะนั้น อันนี้เป็นของสำคัญที่จะต้องระวังค่ะ
00:04:32 → 00:04:39 [เสียงดนตรี]
00:04:39 → 00:04:42 ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมมาพบหมอกันนะคะ
00:04:43 → 00:04:45 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:04:45 → 00:04:47 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:04:47 → 00:04:48 ปัญญาของแผ่นดิน