00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:16 กับรายการ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดี สร้างได้
00:00:16 → 00:00:19 ดำเนินรายการโดยอาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง
00:00:19 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:25 คุณผู้ชมครับ พออายุเยอะขึ้นนี่ ร่างกายก็เสื่อมลงเนอะ
00:00:26 → 00:00:28 แต่มันไม่ได้แค่เสื่อมแค่ร่างกายเท่านั้นนะ
00:00:28 → 00:00:31 โรคต่าง ๆ ก็รุมเร้าเข้ามา
00:00:31 → 00:00:34 สุขภาพ จิตใจของเราก็ห่อเหี่ยวนะ
00:00:34 → 00:00:41 จะดีกว่าไหมถ้าอายุสัก 60-70 แล้ว เรายังเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
00:00:41 → 00:00:42 ยาก็ไม่ต้องกิน
00:00:42 → 00:00:46 ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลานมาดูแลเราอยู่ตลอดเวลา
00:00:46 → 00:00:49 วันนี้ครับ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้
00:00:49 → 00:00:55 จะพาคุณผู้ชมมารู้จักกับเทรนด์สุขภาพแบบใหม่ Longevity
00:00:55 → 00:01:03 วันนี้เราจะมาดูกิจกรรมที่จะยืดอายุของเรา ให้มีสุขภาพดี และจิตใจของเราดีไปด้วย
00:01:03 → 00:01:05 กับนี่เลยครับ อาจารย์ป๊อบของเราครับ
00:01:05 → 00:01:09 ผศ. ดร. กบ.ศุภลักษณ์ เข็มทอง
00:01:09 → 00:01:13 อาจารย์นักกิจกรรมบำบัดจิตสังคม คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
00:01:14 → 00:01:19 ที่จะมาพูดคุยกันว่า Longevity นี่ มันคืออะไร แล้วมันจะดีกับเราอย่างไร
00:01:19 → 00:01:20 อาจารย์ป๊อบ
00:01:20 → 00:01:22 - สวัสดีครับ - สวัสดีครับผม
00:01:22 → 00:01:24 - สบายดีเนอะ - สบายดีครับ
00:01:24 → 00:01:25 คำถามแรกเลย ถามเลย
00:01:26 → 00:01:29 Longevity นี่ เทรนด์สุขภาพยุคใหม่นี่ มันคืออะไรครับ
00:01:29 → 00:01:31 Longevity นี่ก็คือ
00:01:31 → 00:01:37 ให้เรายืดอายุไปสัก 1 2 หรือ 3 ปี
00:01:37 → 00:01:38 เอา เฮ้ย 3 ปีพอเหรอ
00:01:39 → 00:01:43 โดยทั่วไปนี่ ด้วยความที่อวัยวะของเรานี่ ใช้เวลานะอาจารย์เต้
00:01:43 → 00:01:47 คือมันต้องการสะสมเป็น 5 ปี
00:01:48 → 00:01:50 ดังนั้นนี่ ในช่วง 5 ปีนี้
00:01:50 → 00:01:53 ขอให้เรายืดอายุ จากเดิมนี่ ถ้าเราไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย
00:01:53 → 00:01:56 ไม่ได้ยืดอายุอวัยวะต่าง ๆ นี่
00:01:56 → 00:02:02 อย่างน้อยมันก็จะมากกว่า 0 ปี ก็เป็น 1 ปี, 1.5, 2 ปี หรือ 3 นี่
00:02:02 → 00:02:04 อันนี้ถือว่าคุ้มค่าชีวิตแล้ว
00:02:04 → 00:02:08 อืม พอพูดถึงการยืดอายุ แสดงว่าเรายืดอายุช่วงไหนนี่
00:02:08 → 00:02:10 ช่วงที่กำลังเป็นเด็ก
00:02:10 → 00:02:12 หรือว่าช่วงที่แบบกำลังโตเต็มวัย
00:02:12 → 00:02:15 หรือว่าช่วงที่เข้าสู่วัยสูงอายุ ที่กำลังเสื่อมแล้ว
00:02:15 → 00:02:16 เรายืดตรงไหนครับ
00:02:16 → 00:02:19 ช่วงที่อวัยวะบางอวัยวะกำลังจะเสื่อม
00:02:19 → 00:02:19 อืม
00:02:19 → 00:02:24 แต่ละอวัยวะนี่ ก็มีทั้งอวัยวะภายใน อวัยวะภายนอก
00:02:24 → 00:02:25 มันจะเสื่อมแตกต่างกัน
00:02:25 → 00:02:26 อืม
00:02:26 → 00:02:30 อายุของเรานี่ มันก็คงจะยืนยาว แต่เราเริ่มเสื่อมกันช่วงไหนนี่
00:02:30 → 00:02:31 อืม
00:02:31 → 00:02:34 เสื่อมตั้งแต่ 20 เลยไหม หรือว่าไปเสื่อมกันตอนไหน
00:02:34 → 00:02:39 จริง ๆ แล้ว โดยเฉลี่ยนี่ครับ ถ้าอายุของเราประมาณ 20 นี่
00:02:39 → 00:02:42 ถือว่าอวัยวะกำลังพร้อมใช้งาน
00:02:42 → 00:02:43 - เต็มที่ - เต็มที่เลย
00:02:43 → 00:02:46 - โอ้โห หนุ่มเต็มที่ สาวเต็มที่ - หนุ่มเต็มที่ สาวเต็มที่เลย
00:02:46 → 00:02:49 เพียงแต่ว่าเราจะใช้งานถูกที่ถูกทางไหม
00:02:49 → 00:02:52 ถ้าเกิดใช้งาน เช่น นอนทั้งวัน
00:02:52 → 00:02:52 อ้าว
00:02:52 → 00:02:53 กินเยอะ ๆ
00:02:53 → 00:02:54 เออ...
00:02:54 → 00:02:55 แล้วก็คิดมาก
00:02:56 → 00:03:00 มันก็สามารถที่จะเสื่อมตั้งแต่เบญจเพสเลย 25 ปี
00:03:00 → 00:03:03 - 25 ก็เริ่มเสื่อมแล้ว - เริ่มแล้ว อันนี้โดยรวมนะครับ โดยรวม
00:03:03 → 00:03:05 แต่จริง ๆ แล้วนี่ เขาให้เจาะลึก
00:03:05 → 00:03:07 ถ้าเราพูดถึง Longevity นี่
00:03:07 → 00:03:09 เขาต้องเจาะลึกเป็นระบบ ระบบ ระบบไป
00:03:10 → 00:03:11 โอ้
00:03:12 → 00:03:15 ถ้าอย่างนั้น ระบบแรกที่ผมอาจจะนึกถึงเลยเนอะ พูดถึงความเสื่อมนี่
00:03:15 → 00:03:16 นอกจากจิตใจตัวเองแล้วนี่
00:03:17 → 00:03:20 - ก็คงจะเป็นเรื่องของสมอง - สมองเลยเนอะ
00:03:20 → 00:03:22 - ทุกคนกลัวมากเลยเนอะ - เรื่องของสมองเสื่อม
00:03:22 → 00:03:22 ใช่เลย
00:03:22 → 00:03:24 อาจารย์เต้คิดว่าสมองเป็นยังไง
00:03:24 → 00:03:25 - ลักษณะของมันหรอ - ใช่
00:03:25 → 00:03:30 ก็คงจะเป็น คล้าย ๆ เป็นก้อนเต้าหู้ ที่มีกะโหลกหุ้มเอาไว้อย่างนี้ครับ
00:03:30 → 00:03:32 จริง ๆ แล้วเขาบอกว่าสมองของเรานี่
00:03:32 → 00:03:36 จริง ๆ ก็คือ เหมือนเรามือเราทำแบบนี้ ทำท่าดอกบัว
00:03:36 → 00:03:39 - ดอกบัว ดอกบัวบาน - ใช่ ดอกบัวอย่างนี้ ดอกบัวบาน
00:03:39 → 00:03:42 เขาก็บอกว่า ถ้าเราสามารถบานเป็นดอกบัวแบบนี้ได้
00:03:42 → 00:03:42 ครับ
00:03:42 → 00:03:44 สมองเราก็เท่านี้แหละ
00:03:44 → 00:03:46 สมองตรงนี้ครับ มันมีความยืดหยุ่น
00:03:46 → 00:03:50 พอ 25 ปี เราเริ่มแบบใช้สมองได้ถูกที่ถูกทาง
00:03:51 → 00:03:53 มันก็ทำให้ยืดหยุ่นไปเรื่อย ๆ
00:03:53 → 00:03:56 และจะเริ่มเสื่อมตามวัยที่ 30-40 ปี
00:03:56 → 00:04:01 อยู่ที่ว่า 5-10 ปีก่อนหน้านั้นนี่ เราได้ฝึกสมองหรือเปล่า
00:04:01 → 00:04:02 อ๋อ
00:04:03 → 00:04:07 ถ้าอย่างนั้น พอพูดถึงเรื่องของการเสื่อม เอาแบบโดยรวมก่อน
00:04:07 → 00:04:10 เวลาที่สมองเสื่อมนี่ มันเสื่อมเป็นส่วน ๆ ไหม
00:04:10 → 00:04:13 หรือว่าเสื่อมกันโดยรวม ทั้งก้อนของสมองดอกบัวบาน
00:04:13 → 00:04:18 เรามักจะบอกว่าสมองดอกบัวของเรานี่ มีอยู่ 4 ตำแหน่งการใช้งาน
00:04:18 → 00:04:21 ส่วนหน้านี่ เป็นการคิดแก้ปัญหา
00:04:21 → 00:04:21 อืม
00:04:22 → 00:04:29 ส่วนหลังนี่ เป็นการมองภาพ จินตนาการ แล้วก็ทำภาพอะไรก็ได้ที่มันสร้างสรรค์
00:04:29 → 00:04:33 ส่วนด้านข้างนี่ ทางขวานี่ เกี่ยวข้องกับอารมณ์
00:04:33 → 00:04:37 ส่วนด้านซ้ายนี่ เป็นเรื่องของความคิด เหตุผล
00:04:37 → 00:04:42 ดังนั้น ทั้ง 4 ส่วนนี่ ถ้าใช้มันถูกที่ถูกทาง และใช้ไปพร้อม ๆ กัน
00:04:42 → 00:04:44 สมองก็จะยืดหยุ่นได้ดี
00:04:44 → 00:04:47 แล้วถ้าเสื่อม มันจะเสื่อมกับส่วนไหนก่อน
00:04:47 → 00:04:49 มันจะเสื่อมจากส่วนที่ไม่ใช้งาน
00:04:49 → 00:04:53 และมักจะ…สมมุติว่า เราไม่ค่อยได้เห็นภาพ ไม่ได้ใช้ภาพ
00:04:53 → 00:04:55 ไม่ได้เรียนรู้จากภาพ
00:04:55 → 00:04:57 มันก็มักจะเสื่อมจากบริเวณด้านหลัง
00:04:58 → 00:05:00 ค่อย ๆ ค่อย ๆ ตรงกลาง แล้วก็ไปด้านหน้า
00:05:00 → 00:05:02 ถ้าเราใช้อารมณ์เยอะ
00:05:02 → 00:05:04 อารมณ์โมโหง่ายมากเลย
00:05:04 → 00:05:06 แสดงว่าเราควบคุมอารมณ์ไม่ดี
00:05:06 → 00:05:09 เราก็จะไม่ค่อยได้ใช้ด้านซ้าย เราใช้ด้านขวาเยอะ
00:05:09 → 00:05:13 มันก็เสื่อมจากด้านขวาไปที่กลางกระหม่อม แล้วก็ไปด้านซ้าย
00:05:13 → 00:05:15 อืม
00:05:15 → 00:05:18 ตรงที่ไม่ใช้งาน มันเหมือนกับไม่ได้ออกกำลังกาย
00:05:18 → 00:05:20 สมองก็เสื่อมไวครับผม
00:05:20 → 00:05:25 เวลาพูดที่ถึงการเสื่อมของสมอง หลาย ๆ คนก็มักจะไปผูกกับเรื่องของความทรงจำ
00:05:25 → 00:05:26 เกี่ยวข้องกันไหมครับ
00:05:26 → 00:05:30 เกี่ยวข้อง แต่เกี่ยวข้องแค่ 50% เอง ครึ่งนึง
00:05:30 → 00:05:35 ต้องบอกว่าความทรงจำนี่ มันก็มีความทรงจำจากภาพ
00:05:35 → 00:05:36 ภาพทรงจำ
00:05:36 → 00:05:38 มันก็ใช้ท้ายทอย
00:05:38 → 00:05:43 เสียง เสียงที่แบบมีอารมณ์ร่วม อารมณ์ที่เราจดจำได้ ก็ใช้ข้างขวา
00:05:43 → 00:05:44 อืมฮึ
00:05:44 → 00:05:48 เสียงทางด้านซ้ายก็คือเป็นเสียงความคิด ที่เรามีการคิดเป็นระบบ
00:05:48 → 00:05:51 พูดคุยสื่อสารได้รู้เรื่อง พูดรู้เรื่อง ก็ใช้ด้านซ้าย
00:05:52 → 00:05:56 แล้วเราจะมีการจำเพื่อวางแผนแก้ไขปัญหา ก็ใช้ด้านหน้า
00:05:57 → 00:06:00 อยู่ที่ว่าเราจำส่วนไหน จำ 4 ส่วนหรือเปล่า หรือจำแค่ส่วนเดียว
00:06:00 → 00:06:02 อ๋อ เข้าใจแล้ว
00:06:02 → 00:06:06 เวลาที่เรารับ แล้วก็รู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
00:06:06 → 00:06:08 - ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ส่วนไหน - ใช่ครับ
00:06:08 → 00:06:10 แล้วเราใช้ร่วมกันหรือเปล่า
00:06:10 → 00:06:13 หรือเราก็มองไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์อะไร
00:06:13 → 00:06:16 หรือว่าไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรกับมัน หรือตีความอะไรกับมัน
00:06:16 → 00:06:20 ทีนี้พอพูดถึงเรื่องของพฤติกรรมต่าง ๆ
00:06:20 → 00:06:21 สิ่งที่เราเคยทำมา
00:06:21 → 00:06:26 แล้วมันทำให้ความเสื่อมของสมอง มันเร็วขึ้นน่ะ มันมีอะไรบ้าง
00:06:26 → 00:06:30 ใช่เลย สมองที่เสื่อมเร็วขึ้นนี่ก็คือ อาจจะน้อยกว่า 30 ปี
00:06:30 → 00:06:34 นั่นหมายถึงว่าช่วง 20 ปีนี่ ถ้าเราเริ่มสูบบุหรี่หนัก ๆ
00:06:34 → 00:06:35 ครับ
00:06:35 → 00:06:36 ทานเหล้าหนัก ๆ
00:06:36 → 00:06:36 อืม
00:06:36 → 00:06:40 แล้วก็นอนหลับไม่เพียงพอ นอนดึกมาก เป็นมนุษย์นอนดึกมาก
00:06:41 → 00:06:43 แล้วก็ขี้เกียจออกกำลังกาย
00:06:43 → 00:06:45 แล้วก็อ้วนตุ๊ต๊ะเลย
00:06:45 → 00:06:46 สมองเสื่อมเร็วมาก
00:06:46 → 00:06:49 โอ้โห ตอนนี้ผู้ฟังหลาย ๆ ท่านครับ สะดุ้ง สะดุ้ง สะดุ้งแล้ว
00:06:49 → 00:06:53 ฟังดูเป็นเรื่องของกิจกรรม ที่ทำด้วยตัวเองใช่ไหม
00:06:53 → 00:06:55 อย่างนี้มันมีกิจกรรม อย่างเช่น ในการที่จะเข้าสังคม
00:06:55 → 00:07:00 เรื่องของการเข้าสังคม มีผลไหมในการที่จะทำให้สมองเสื่อมเร็วช้า
00:07:00 → 00:07:02 ที่ถามไม่ใช่อะไร เพราะว่าคุณผู้ชมครับ
00:07:02 → 00:07:06 ผมน่ะ Introvert สุด ๆ อยู่กับตัวเอง เพื่อจะชาร์จพลังตัวเอง
00:07:06 → 00:07:08 ผมไม่ค่อยได้เจอผู้คนเท่าไหร่
00:07:08 → 00:07:09 เก็บตัวเงียบไหม
00:07:09 → 00:07:11 บางทีเก็บตัว แต่ไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่ แต่ชอบอยู่คนเดียว
00:07:11 → 00:07:13 ใช่ ที่ถามอาจารย์เต้เพราะว่า
00:07:13 → 00:07:17 Introvert นี่ เก็บตัวเงียบ หรือว่าเก็บตัวบ้าง
00:07:18 → 00:07:20 อ๋อ ผมเก็บตัวบ้าง
00:07:20 → 00:07:24 ถ้าเก็บตัวบ้าง อยู่ที่ว่าเก็บตัวแล้วช่างคิดช่างเขียนไหม
00:07:24 → 00:07:28 บางคนเก็บตัว ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เขียน วางแผนนี่
00:07:28 → 00:07:29 สมองอันนี้ดี
00:07:29 → 00:07:31 ค่อย ๆ ทบทวนใช่ไหมครับ ก็คือ
00:07:31 → 00:07:36 ใช้สมองหลาย ๆ ส่วนเลยในการคิดวางแผน อันนี้สมองดีมาก
00:07:36 → 00:07:37 - อ๋อ เหรอ - ดีมากเลย
00:07:37 → 00:07:37 ครับ
00:07:37 → 00:07:40 อีกกลุ่มนึงก็คือ เก็บตัว แล้วก็เงียบ
00:07:40 → 00:07:45 เงียบมากเกินไป เช่น บางคนใส่หูฟังด้วย ใส่หูฟังนาน ๆ เลย
00:07:46 → 00:07:48 - อยู่ตรงไหนตรงไหนก็ใส่ฟัง - มีโลกส่วนตัวไง
00:07:48 → 00:07:50 มีโลกส่วนตัวสูงมาก
00:07:50 → 00:07:52 แต่หูนี่ก็จะเสื่อมไว
00:07:52 → 00:07:54 และหูไม่ได้เสื่อมไวอย่างเดียว
00:07:54 → 00:07:57 ประสาทหูซึ่งอยู่กับสมองก็จะเสื่อมไวด้วย
00:07:57 → 00:08:00 อันนี้ครับ ก็จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
00:08:00 → 00:08:04 กับอีกอันนึงคือ ใช้มือถือเยอะ ๆ เลย ติดมือถือมากเลย ไม่ปล่อยเลย
00:08:04 → 00:08:07 ใช้มือถือเกินชั่วโมงนึงต่อวัน
00:08:07 → 00:08:08 จอตาก็เสื่อม
00:08:08 → 00:08:09 อืม
00:08:09 → 00:08:13 ประสาทตาในสมอง ก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการที่เป็นภาพได้
00:08:14 → 00:08:17 งั้นเวลาความทรงจำจากภาพ ก็จะหายไป
00:08:17 → 00:08:21 มันมีพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่จะช่วยทำให้เรา สมองนี่มันเสริมช้าลง
00:08:21 → 00:08:23 แล้วก็เจริญเติบโตได้เต็มที่ อย่างที่มันควรจะเป็น
00:08:23 → 00:08:25 วิธีแรกเลยนะครับก็คือ
00:08:25 → 00:08:29 อะไรที่เราไม่เคยใช้ ก็ต้องลองท้าทายให้สมองใช้
00:08:29 → 00:08:29 เช่น?
00:08:29 → 00:08:31 เช่น เคยเล่นเกมไหมครับ
00:08:31 → 00:08:33 ถนัดเลย
00:08:33 → 00:08:34 เกมนี่มี 4 ประเภท
00:08:34 → 00:08:38 ถ้าเป็นเกมที่ตัวเลข ซึ่งมันทำให้สมองนี่ คล่องแคล่วสูงมาก
00:08:39 → 00:08:42 สมองไม่พอนะ สังเกตเวลาเราดูตัวเลข ต้องใช้ตาและมือ
00:08:42 → 00:08:42 อา...
00:08:43 → 00:08:45 ความสัมพันธ์ของตาและมือนี่ มันคล่องแคล่วว่องไวมาก
00:08:45 → 00:08:46 อา...
00:08:46 → 00:08:49 แม้จะเล่นบนโต๊ะหรือว่าเล่นบน iPad
00:08:49 → 00:08:52 แต่ iPad ต้องระวัง เพราะว่าใช้นานเกินไป ก็จะเป็นการเสื่อมแทน
00:08:53 → 00:08:56 อันที่ 2 คือ การใช้สมองเรื่องของภาพ
00:08:56 → 00:08:58 - เคยเล่นเกมจับผิดภาพไหมครับ - ถนัดเลย
00:08:58 → 00:09:01 โอ้โห แบบ…มีการจับผิดภาพ 2 ภาพนี่
00:09:02 → 00:09:06 มันจะทำให้ความคล่องแคล่วในการตัดสิน และแก้ปัญหานี่ว่องไวมาก
00:09:07 → 00:09:09 เคยเล่นเกมหมากต่าง ๆ ไหมครับ
00:09:09 → 00:09:11 หมากรุก หมากกระดาน หมากทั้งหลาย
00:09:12 → 00:09:13 หมากต่าง ๆ เหล่านี้ครับ
00:09:13 → 00:09:17 คือเราเล่นแล้วมีการแบบได้แก้ปัญหา แบบว่องไว คล่องแคล่ว
00:09:17 → 00:09:20 แล้วก็มีการแบบ...ได้แข่งขันกัน
00:09:20 → 00:09:22 - มีการวางแผน - นับแต้ม วางแผน หลายอย่าง
00:09:22 → 00:09:26 หมากที่ดีที่สุดที่ชัวร์นะครับ บนโลกใบนี้คือหมากล้อม
00:09:26 → 00:09:27 หมากล้อม โกะ
00:09:27 → 00:09:29 โกะ ใช่ ๆ
00:09:29 → 00:09:31 เพราะว่ามันใช้แบบหลายอย่าง
00:09:31 → 00:09:33 แล้วจริง ๆ ก็คือเป็นการสื่อสารความคิด
00:09:33 → 00:09:36 แล้วก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย มีน้ำใจกันน่ะครับ
00:09:36 → 00:09:38 อีกอันหนึ่งคือ เกมซูโดกุ
00:09:39 → 00:09:40 - ซูโดกุ - ใช่
00:09:40 → 00:09:42 จะมีเรื่องตัวอักษร
00:09:42 → 00:09:46 หรือแม้แต่เป็นเกมที่มีการ์ด ที่มีคำต่าง ๆ ให้เราได้วิเคราะห์
00:09:46 → 00:09:51 หรือ Crossword เป็นคำศัพท์ต่าง ๆ อันนี้ล่ะครับ ทำให้สมองการสื่อสารนี่
00:09:51 → 00:09:53 เก็บเรื่องของความจำ คำศัพท์ต่าง ๆ ได้ด้วย
00:09:53 → 00:09:56 นั่นก็แปลว่า อาจารย์ป๊อบกำลังบอกว่า
00:09:56 → 00:10:01 มาเล่นเกมกันเถอะ เพื่อที่จะยืดอายุของสมอง ให้มันเสื่อมช้าลงนี่ใช่ไหม
00:10:01 → 00:10:02 ใช่
00:10:02 → 00:10:02 อืม
00:10:02 → 00:10:04 - มีงานวิจัยครับ อาจารย์เต้ครับ - ครับ
00:10:04 → 00:10:09 งานวิจัยว่าเกมเหล่านี้ ถ้าเราเล่นต่อกันนาน ๆ ก็ไม่ค่อยดีนะ
00:10:09 → 00:10:10 มันเบื่อ
00:10:10 → 00:10:12 สมองเขาเบื่อ เขาชอบความหลากหลาย
00:10:12 → 00:10:13 มันต้องเปลี่ยนเป็น...
00:10:13 → 00:10:15 สมมุติเราเล่นหมากล้อม ก็เป็นจันทร์ พุธ ศุกร์
00:10:15 → 00:10:20 เพื่อให้สมองเขาทรงจำว่า เราจะต้องเล่นวันไหนยังไง วางแผนนั่นเองครับ
00:10:20 → 00:10:22 เราต้องเล่นวันเว้นวัน
00:10:22 → 00:10:24 ให้มันหลากหลายด้วยไหม
00:10:24 → 00:10:24 ใช่ ๆ
00:10:24 → 00:10:28 แล้วในแต่ละวันที่เราเล่นนี่ ใช้เวลานานสักเท่าไหร่
00:10:28 → 00:10:30 อย่างน้อยนี่ 20 นาทีขึ้นไป
00:10:30 → 00:10:31 ครับ
00:10:31 → 00:10:34 ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็ได้
00:10:34 → 00:10:39 เกมเหล่านี้นี่ บางเกมมันก็เล่นในมือถือ หรือว่าในแท็บเล็ตของเราได้
00:10:39 → 00:10:42 ถ้าเป็นไปได้ อาจารย์ป๊อบแนะนำให้เล่นกับมือถือ
00:10:42 → 00:10:45 หรือแท็บเล็ต หรือเล่นกับคนจริง ๆ
00:10:45 → 00:10:46 เล่นกับคนจริง ๆ
00:10:46 → 00:10:49 เพราะการเล่นกับคนนั้น มันจะได้เรื่องของสมองอารมณ์
00:10:49 → 00:10:52 สมองจิตใจ แล้วก็ได้เพื่อนด้วยครับ
00:10:52 → 00:10:56 เมื่อสักครู่นี้อาจารย์ป๊อบบอกว่า สมองไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำ ๆ
00:10:56 → 00:10:56 ครับ
00:10:56 → 00:11:00 ถ้าพฤติกรรมของคนที่เขาทำอะไรซ้ำ ๆ ซ้ำซากจำเจอย่างนี้
00:11:00 → 00:11:02 มันมีผลไม่ดีต่อสมองเหรอครับ
00:11:02 → 00:11:07 ขึ้นอยู่กับว่าพฤติกรรมซ้ำ ๆ นั้นนี่ เป็นไปในทางที่ขยัน หรือฝืนทำ
00:11:07 → 00:11:08 ยังไง
00:11:08 → 00:11:10 เช่น ถ้าเกิดเป็นคุณแม่บ้าน
00:11:10 → 00:11:15 คุณแม่บ้านก็จะรู้เวลาเลยว่า ช่วงเวลาเช้านี้นะ ทำงานห้องนี้ให้สะอาด
00:11:15 → 00:11:17 อีกเวลาต่อมาก็ทำแบบนี้
00:11:18 → 00:11:22 แต่ในแต่ละวันนี่ อยู่ที่ว่าเขามีความสุขกับการทำไหม เช่น
00:11:22 → 00:11:25 ทำแล้วนี่ มีความคิดบวก ว่าทำแล้วฉันขยันนะนี่
00:11:25 → 00:11:27 ขยัน แล้วฉันก็ได้ออมเงินอะไรอย่างนี้
00:11:27 → 00:11:28 อันนี้เป็นความคิดบวก
00:11:28 → 00:11:31 แต่ว่าในทางกลับกัน ถ้าเป็นคิดลบ
00:11:31 → 00:11:36 โห ไม่มีงานไหนจะทำเลย ฝืนทำนะนี่ ถ้าไม่ได้ทำ ก็มีหนี้สินเยอะแยะเลย
00:11:36 → 00:11:38 สมองจะต่างกันมากเลย
00:11:38 → 00:11:40 สมองอารมณ์ดีก็คือสมองที่ขยัน
00:11:41 → 00:11:43 แล้วก็ไม่ได้ฝืนทำจนเกินไป
00:11:43 → 00:11:45 ทำด้วยความที่มีเหตุมีผล
00:11:45 → 00:11:49 สมองที่คิดลบก็คือฝืนทำ แล้วก็อาจจะหมดไฟง่าย ๆ
00:11:49 → 00:11:52 ดังนั้น การทำอะไรซ้ำซาก ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดบวกหรือคิดลบ
00:11:52 → 00:11:57 กับอีกอย่างหนึ่งคือทำซ้ำซากในเวลาที่ควรจะ นอนหลับเพียงพอหรือไม่เพียงพอ
00:11:57 → 00:11:57 โอ๊ะ
00:11:58 → 00:12:00 อะ...ถ้าเราแบบเราต้องเข้ากะดึกอะไรอย่างนี้
00:12:00 → 00:12:04 แต่ว่าเราแบบ…ง่วงเหลือเกิน ฝืนมากเลย แล้วนอนหลับได้น้อยมาก
00:12:04 → 00:12:06 สุขภาพสมองก็จะเสื่อมเร็วเช่นกัน
00:12:06 → 00:12:07 อืม
00:12:07 → 00:12:10 นอกจากเรื่องของการเล่นเกมชนิดต่าง ๆ
00:12:11 → 00:12:15 มันมีวิธีหรือว่ากิจกรรมอื่น ๆ อีกไหม ที่ช่วยกระตุ้นเรื่องของสมองของเรานี่ครับ
00:12:15 → 00:12:19 ผมกำลังทำกิจกรรมนี้ครับอาจารย์เต้ เราเรียกว่ากิจกรรมทางสังคม
00:12:19 → 00:12:25 กิจกรรมที่ทางสังคมที่ เวลาที่เราไปดูอะไรมานี่ แล้วเราประทับใจมาก
00:12:25 → 00:12:28 เราต้องเล่าเรื่องให้กับใครก็ได้ฟัง
00:12:28 → 00:12:31 และเล่าเรื่องให้ได้แบบสาระและรู้เรื่อง
00:12:31 → 00:12:33 จนแบบ…คนที่ฟังนี่เขาเห็นภาพตาม
00:12:33 → 00:12:36 คลื่นสมองนี่ครับ มันจะเกิดอัลฟา
00:12:36 → 00:12:40 และมันทำให้อัลฟาของเขานี่ มีสมาธิอย่างน่าสนใจมาก
00:12:40 → 00:12:44 เพราะว่าเวลาที่เขาแบบ… จดจำภาพอะไรที่เขาไปดูมาแล้วมาเล่าต่อนี่ครับ
00:12:44 → 00:12:46 สมองคิดเป็นระบบมากเลย
00:12:46 → 00:12:49 แล้วสมอง 4 ส่วนที่ว่าเมื่อกี้ ทำงานพร้อมกันดีมาก
00:12:49 → 00:12:50 อืม
00:12:50 → 00:12:53 ทำงานพอดีพอดี แล้วก็เหลือพลังงานไปทำอย่างอื่นได้ด้วย
00:12:53 → 00:12:54 อืม
00:12:54 → 00:12:57 มันเลย…เราเรียกว่าสมองผ่อนคลาย จากการเล่าเรื่อง
00:12:57 → 00:12:59 ผมเป็นคน Introvert
00:12:59 → 00:12:59 โอ้
00:13:00 → 00:13:04 ผมไม่ค่อยชอบที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง ให้กับคนอื่นฟัง
00:13:05 → 00:13:07 อย่างนี้ผมจะเล่าเรื่องให้ใครฟังดี
00:13:07 → 00:13:08 ให้ตัวเองฟังอย่างนี้เหรอ
00:13:08 → 00:13:10 ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเล่าของเรื่องตัวเอง
00:13:11 → 00:13:13 แต่ว่าเป็นสิ่งที่เราฟังมา
00:13:13 → 00:13:16 เพลงที่เราชอบ หนังที่เราชอบ
00:13:16 → 00:13:19 หรือแม้แต่การที่เราไม่ต้องเล่า แต่เราเขียนให้กัน
00:13:20 → 00:13:21 อืม
00:13:21 → 00:13:24 เราเขียนอะไรดี ๆ ให้กับคนที่เรารักหรือยังครับอาจารย์เต้
00:13:24 → 00:13:26 คนที่รักที่สุดก็คงจะเป็นตัวเองก่อน
00:13:26 → 00:13:27 อา...
00:13:27 → 00:13:29 - คำถามก็คือเขียนให้ตัวเองได้ไหม - ได้
00:13:30 → 00:13:33 การที่เราได้เขียนว่าวันนี้เราทำอะไร เรารู้สึกดี ๆ อะไรไหม
00:13:33 → 00:13:35 เขียนง่าย ๆ 3 ข้อก่อนนอน
00:13:35 → 00:13:38 สมองจะแบบ…ผ่อนคลาย หลับสบายเลย
00:13:38 → 00:13:42 3 ข้อที่ว่าก็คือ สิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำ เราได้พบ หรือว่าคนอื่นทำให้เรา
00:13:42 → 00:13:44 ถูกต้องครับ ใช่ครับ
00:13:44 → 00:13:47 ซึ่งย้ำนะครับ จะต้องเขียนบันทึกที่ไม่ใช่ iPad
00:13:47 → 00:13:48 ยังไงอะ
00:13:48 → 00:13:53 เพราะว่าการที่เราเขียนแล้วลงน้ำหนัก หรือเขียนด้วยความรู้สึกบนกระดาษนี่
00:13:53 → 00:13:57 มันจะทำให้สมองเรานี่ สร้างความทรงจำระยะยาว
00:13:58 → 00:14:00 มากกว่าเขียนเร็ว ๆ ลื่น ๆ บน iPad
00:14:00 → 00:14:03 มันทำให้สมองจดจำอารมณ์ตรงนั้นได้จริง ๆ แล้ว
00:14:03 → 00:14:08 อันนี้คือส่วนสมองที่ด้านหน้า เขาจะจดจำอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมนั้น ๆ
00:14:08 → 00:14:12 อาจารย์ป๊อบบอกว่า 3 ข้อนี่ มันควรจะเป็นเชิงบวก
00:14:12 → 00:14:16 แต่ถ้าเผื่อมันมีเหตุการณ์ ที่เป็นเรื่องของที่ต้องเสียน้ำตา
00:14:16 → 00:14:17 มันคงไม่ค่อยเชิงบวกเท่าไหร่
00:14:17 → 00:14:18 เชิงลบก็ได้
00:14:18 → 00:14:19 - เขียนได้ เขียนได้ด้วยเหรอ - ใช่
00:14:19 → 00:14:22 อาจารย์เต้รู้ไหมว่าบันทึกไดอารี่ทั่วโลกนี่
00:14:22 → 00:14:24 เขาอยากเรียน แล้วก็อยากเขียนมาก
00:14:24 → 00:14:29 เพื่อให้สมองของเขานี่ยืดอายุยาว ๆ คือการเขียนอะไร
00:14:29 → 00:14:31 เขียนอะไร เขียนไดอารี่
00:14:31 → 00:14:34 เขียนบันทึกก่อนที่เราจะตายนั่นเอง
00:14:34 → 00:14:37 โอ้โฮ เอาใหม่ ขยายนิดนึง
00:14:37 → 00:14:41 หมายถึงเรารอว่า เออ…เราใกล้จะตายแล้ว จึงไปเขียน
00:14:41 → 00:14:44 หรือว่าเราเขียนแบบเตรียมตัวตายในทุก ๆ วัน
00:14:44 → 00:14:46 เตรียมตัวตายในทุก ๆ วันก็ได้
00:14:46 → 00:14:51 หรือเตรียมว่าถ้างานศพเกิดขึ้น เราจะจัดงานแบบไหน
00:14:51 → 00:14:52 มีการเขียนแบบนั้นนะครับ
00:14:52 → 00:14:54 แล้วเป็นคอร์สที่คนอยากไปเรียนมากเลย
00:14:55 → 00:14:56 มันช่วยเรายังไง
00:14:56 → 00:14:59 มันช่วยในแง่ของการเผชิญความเป็นจริง
00:14:59 → 00:15:01 นั่นก็คือในสมองอารมณ์ของเรานี่นะครับ
00:15:01 → 00:15:07 ส่วนที่ในทุก ๆ ส่วนเลยก็คือ หนึ่ง ภาพที่เราวางไว้เป็นภาพที่เป็นจริงนะ
00:15:07 → 00:15:09 เพราะเราคิดอย่างประณีตแล้ว
00:15:09 → 00:15:15 เสียงที่เราต้องการ เช่น อยากฟังพระสวด หรืออยากฟังใครสุนทรพจน์ไหม
00:15:15 → 00:15:18 แล้วก็การแก้ปัญหาวางแผนระยะยาว
00:15:18 → 00:15:21 ซึ่งระยะยาวนั้นอาจจะเกิดวันไหนก็ได้ เป็นความไม่ประมาท
00:15:21 → 00:15:24 สมองตรงนี้ก็เกิดความมั่นคงทางอารมณ์
00:15:24 → 00:15:24 อืม
00:15:24 → 00:15:27 ดังนั้น ทุกสมองนี่ยืดอายุได้ดีมาก
00:15:28 → 00:15:31 มีคนที่เขียนอย่างนี้ครับ แล้วก็ตายช้า
00:15:31 → 00:15:33 อวัยวะต่าง ๆ นี่พร้อมจะไปแล้ว
00:15:33 → 00:15:36 แต่จริง ๆ แล้ว มันยืดอายุไปโดยธรรมชาติมากเลย
00:15:36 → 00:15:41 พอพูดถึงการเขียน หรือว่าพูดถึง ความสามารถทางเรื่องของภาษา
00:15:41 → 00:15:44 การที่เราได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ศัพท์ใหม่ ๆ นี่
00:15:44 → 00:15:48 มันมีส่วนช่วยในการที่จะยืดอายุสมอง หรือว่าทำให้มันเสื่อมช้าลงไหม
00:15:48 → 00:15:49 โอ้ มันดีมากเลย
00:15:49 → 00:15:51 เมื่อกี้ถ้าเราพูดถึงเกม Crossword
00:15:51 → 00:15:55 นั่นคือคำศัพท์ของ Crossword ก็เป็น Category นึงใช่ไหมครับ
00:15:55 → 00:15:57 แต่จริง ๆ แล้วนี่ มันมีดิกชันนารีแบบนึงนะครับ
00:15:57 → 00:15:59 ที่เราเรียกว่า Thesaurus นะครับ
00:16:00 → 00:16:01 คือเป็นดิกชันนารีที่มันมีภาพ
00:16:01 → 00:16:05 แล้วมันก็ยังมีที่มา ประวัติศาสตร์ ของคำคำนั้นว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร
00:16:05 → 00:16:08 แล้วก็มีพวกคำพ้องเสียง คำอะไรอย่างนี้
00:16:08 → 00:16:11 มันจะกลายเป็นเรื่องของ การเรียนรู้เรื่องภาษาเลย
00:16:11 → 00:16:13 สมองชอบอันนี้มาก
00:16:13 → 00:16:14 เพราะมันจัดหมวดหมู่ไว้ได้
00:16:14 → 00:16:15 และเชื่อไหมครับว่า
00:16:16 → 00:16:19 เพียงแค่ 3 วันนะ ในการดูพยัญชนะ A ก็ได้
00:16:19 → 00:16:21 อีกวันดู B, C อย่างนี้
00:16:21 → 00:16:25 เชื่อไหมครับว่าสมองเขาเรียงตามลำดับได้ดีมาก โดยอัตโนมัติด้วย
00:16:25 → 00:16:28 อันนี้จะยืดอายุได้ครับ เป็นคลังคำศัพท์ครับ
00:16:28 → 00:16:28 อืม
00:16:28 → 00:16:31 สมมุติว่าได้ลองทำตามกิจกรรม ที่อาจารย์ป๊อบแนะนำ
00:16:32 → 00:16:38 มันจะทำให้สมองของเราเสื่อมช้าลง สักเท่าไหร่ มีหน่วยที่เป็นจับต้องได้ไหมครับ
00:16:38 → 00:16:41 โดยมาตรฐานสากลนี่ เขาประมาณการนะครับ
00:16:41 → 00:16:43 ก็ประมาณ 2-5 ปี
00:16:43 → 00:16:44 อืม
00:16:44 → 00:16:45 เยอะทีเดียวนะครับ
00:16:45 → 00:16:46 - ก็เยอะอยู่นะ - เยอะนะครับ
00:16:46 → 00:16:48 เพราะว่าจริง ๆ แล้ว 5 นี่คือเต็มที่
00:16:48 → 00:16:52 ทุก ๆ 5 ปี มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แต่ว่าเปลี่ยนแปลงช้าลง
00:16:52 → 00:16:56 2-5 ปี แล้วแต่กิจกรรมจะสะสม ในแต่ละตำแหน่งของสมอง
00:16:56 → 00:17:01 [เสียงดนตรี]
00:17:01 → 00:17:04 อาจารย์ป๊อบครับ นอกจากสมองที่มันจะเสื่อมแล้วนี่
00:17:05 → 00:17:09 กระดูกก็คงจะเป็นอีกอวัยวะชุดนึง ที่มันจะเสื่อม
00:17:09 → 00:17:10 สมองนี่เสื่อมตอน 30
00:17:11 → 00:17:12 กระดูกนี่ไปพร้อมกันไหม
00:17:12 → 00:17:17 กระดูกนี่ ด้วยฮอร์โมนของเพศหญิงนี่ ก็จะไปพร้อม ๆ กับสมองเหมือนกัน 30
00:17:17 → 00:17:20 แล้วก็ถ้าเกิดผู้ชายนี่ ฮอร์โมนจะแตกต่างกัน
00:17:20 → 00:17:24 อาจจะเสื่อมที่ 40 หรือบางที 50 ก็ยังชะลอได้อยู่
00:17:24 → 00:17:28 อืม ความเสื่อมของกระดูกนี่ เกิดขึ้นในเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้นหรือเปล่า
00:17:28 → 00:17:31 หรือว่าในใครก็เกิดอาการกระดูกเสื่อมได้
00:17:31 → 00:17:36 จริง ๆ แล้ว กระดูกนี่ มันจะเสื่อมตามวัยนี่ ที่ 30 นะครับ ในเพศหญิงนะ
00:17:36 → 00:17:38 หรือว่าที่ 40 ในเพศชาย
00:17:38 → 00:17:43 แต่จริง ๆ ถ้าบางคนทำงานหนัก ก็คือใช้แรงงานของกล้ามเนื้อ
00:17:43 → 00:17:45 แล้วก็บาดเจ็บง่าย ๆ นี่
00:17:45 → 00:17:48 บางทีช่วงก่อน 30 นะครับ ก็เอาเรื่องอยู่
00:17:48 → 00:17:53 กระดูกนี่จะเสื่อมสะสม เช่น กระดูกพรุน สะสมเรื่อย ๆ จนทรุดอย่างนี้
00:17:53 → 00:17:55 หรือบางคนนี่เคยผ่าตัดกระดูก
00:17:55 → 00:17:57 หรือว่าเคยแขนขาหักอย่างนี้
00:17:57 → 00:17:58 อันนี้ก็จะเสื่อมเร็วขึ้น
00:17:58 → 00:18:00 ถ้าพูดถึงเรื่องของฮอร์โมนน่ะ
00:18:00 → 00:18:02 บางทีเราก็ควบคุมไม่ได้
00:18:02 → 00:18:02 ใช่
00:18:02 → 00:18:06 มันมีพฤติกรรมอะไรที่จะทำให้ ความเสื่อมของกระดูกนี่มันช้าลงไหม
00:18:06 → 00:18:08 มันจะเกี่ยวข้องกับการลงน้ำหนัก
00:18:08 → 00:18:11 ข้อต่อ โครงร่างต่าง ๆ ร่างกาย
00:18:11 → 00:18:15 เช่น เรานั่งตัวตรงไหม เราได้เดินเท้าเปล่าแบบหนักแน่นไหม
00:18:15 → 00:18:17 เดินมั่นคงไหมอย่างนี้
00:18:17 → 00:18:20 ถ้าเราทำบ่อย ๆ นะครับ จนร่างกายเราปรับตัวได้
00:18:20 → 00:18:23 กระดูกก็จะแข็งแรงโดยโครงสร้างนะครับ
00:18:23 → 00:18:27 แต่คราวนี้ กระดูกเองนี่ ก็ไม่ใช่เป็นทำงานอย่างเดียว
00:18:27 → 00:18:30 มันมีกล้ามเนื้อ มันมีเอ็นด้วยครับ
00:18:30 → 00:18:32 ถ้าอย่างนั้น ฟังดูแล้วนี่
00:18:32 → 00:18:38 พฤติกรรมที่จะทำให้กระดูก และกล้ามเนื้อมันเสื่อมได้เร็วขึ้น
00:18:38 → 00:18:40 จะเป็นเรื่องของการที่ไม่เคลื่อนไหวไหม
00:18:40 → 00:18:42 เพราะว่าเมื่อกี้อาจารย์ป๊อบบอกว่า
00:18:42 → 00:18:46 การที่เราได้เดินกับพื้น ได้มีแรงมากระทำกับกระดูกและกล้ามเนื้อ
00:18:46 → 00:18:47 มันทำให้กระดูกของเราแข็งแรง
00:18:48 → 00:18:51 อย่างนี้ถ้าเผื่อไม่ค่อยเคลื่อนไหว นั่งที่โต๊ะ ทำงานอยู่ตลอดเวลา
00:18:51 → 00:18:54 เป็นมนุษย์ออฟฟิศอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว
00:18:54 → 00:18:55 อย่างนี้มันทำให้เราเสื่อมเร็วหรือเปล่า
00:18:55 → 00:18:57 มันก็จะขึ้นอยู่กับว่า
00:18:57 → 00:19:00 มันสมดุลระหว่างเคลื่อนไหว กับไม่เคลื่อนไหว
00:19:00 → 00:19:03 ไม่เคลื่อนไหวในที่นี้ก็คือเราได้พักผ่อนไหม
00:19:03 → 00:19:03 อืม
00:19:03 → 00:19:07 เราใช้งานกล้ามเนื้อและกระดูกหนักเกินไปไหม
00:19:07 → 00:19:10 ถ้าเราพักพอดี ๆ ให้มันซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอนะครับ
00:19:10 → 00:19:12 และเราเคลื่อนไหวแบบจากช้าไปเร็ว
00:19:12 → 00:19:15 ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ไม่ให้บาดเจ็บอย่างนี้
00:19:15 → 00:19:18 อันนี้จะพอดี จะเสื่อมช้าลง
00:19:18 → 00:19:21 คำว่าการเคลื่อนไหว มันเท่ากับออกกำลังกายไหมครับ
00:19:21 → 00:19:22 ไม่เท่าครับ
00:19:22 → 00:19:26 เคลื่อนไหวนี่ ถ้าแบ่งเป็นระดับ เอาเป็น 3 ระดับง่าย ๆ
00:19:26 → 00:19:29 ก็คือเคลื่อนไหวเบา ๆ สบาย ๆ นะครับ ไม่ได้เหนื่อยเลย
00:19:29 → 00:19:32 กับเคลื่อนไหวระดับ 2 นี่ ก็คือเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อเลย
00:19:33 → 00:19:36 กล้ามเนื้อมีการยก มีการออกแรงมากกว่าเดิม
00:19:36 → 00:19:38 ซึ่งบางทีมันอาจจะเจ็บช่วงแรก
00:19:38 → 00:19:42 แต่ว่าบางทีกล้ามเนื้อมันก็ขยาย เหมือนปริให้มันโตขึ้น
00:19:42 → 00:19:46 อันที่ 3 คือใช้หัวใจและปอด และสมองด้วย
00:19:46 → 00:19:48 เพราะต้องให้ออกซิเจนเต็มที่เลย
00:19:48 → 00:19:51 อันนี้ก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างนาน อึด แล้วก็ถึกด้วย
00:19:51 → 00:19:54 ดังนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราได้ออกซิเจนเต็มที่ไหม
00:19:54 → 00:19:57 ออกซิเจนจากสมองนี่ ก็สัมพันธ์กับปอดและหัวใจ
00:19:57 → 00:20:02 รวมทั้งการไหลเวียนของหลอดเลือดต่าง ๆ ซึ่งจะไปที่กล้ามเนื้อ
00:20:02 → 00:20:03 ถ้ากล้ามเนื้อเราแข็งแรง
00:20:03 → 00:20:06 กระดูกก็สามารถรองรับได้แข็งแรงด้วยครับ
00:20:06 → 00:20:07 อืม
00:20:07 → 00:20:09 นอกจากเราไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนี่ครับ
00:20:09 → 00:20:11 มันยังมีปัจจัยอื่นด้วยครับอาจารย์เต้ เช่น
00:20:11 → 00:20:13 กระดูกและกล้ามเนื้อนี่ เราใช้งานหนักครับ
00:20:14 → 00:20:18 เช่น เรายกของหนักเกินไป โดยที่เราไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อก่อน
00:20:18 → 00:20:21 เลยเป็นที่มาว่าถ้ากล้ามเนื้อมันยืดหยุ่นพอ
00:20:21 → 00:20:25 มันก็จะปกป้องกระดูกของเรา ให้ชะลอความเสื่อมได้
00:20:25 → 00:20:27 มีพฤติกรรมเพิ่มเติมอีกไหมครับที่จะแนะนำ
00:20:27 → 00:20:30 พฤติกรรมเพิ่มเติมคือเวลาเราเคลื่อนไหว เช่น ยกของนี่
00:20:30 → 00:20:35 ถ้าเรายกแบบไม่ชิดตัว อย่างนี้ก็ทำให้หลังเราปวดง่าย
00:20:35 → 00:20:38 หรือง่ายมากเลย พฤติกรรมมือถือครับ
00:20:38 → 00:20:40 ถ้าเราก้มอย่างนี้นาน ๆ อาจารย์เต้รู้สึกไหม
00:20:40 → 00:20:42 - นี่เลย คอเลย - คอไปเลยเนอะ
00:20:42 → 00:20:46 หรือบางทีเราพิมพ์งาน แล้วคอมพิวเตอร์เรา อยู่ระดับต่ำกว่าสายตา
00:20:46 → 00:20:48 เราก็จะปวดคอ บ่า ไหล่ไปหมดเลย
00:20:49 → 00:20:53 ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังเมื่อไหร่ กระดูกก็จะเสื่อมเร็วเมื่อนั้น
00:20:53 → 00:20:57 แล้วจะมีกิจกรรม หรือว่าพฤติกรรมอะไรที่อาจารย์ป๊อบแนะนำ
00:20:57 → 00:21:01 ที่จะช่วยทำให้คุณผู้ชมนี่ มีอัตราการเสื่อมของกระดูกที่มันช้าลง
00:21:01 → 00:21:04 กิจกรรมแรกเลย เมื่อกี้ที่เราพูดถึงก็คือ การลงน้ำหนัก
00:21:04 → 00:21:07 ถ้าเรานั่งอย่างนี้ครับ แล้วเราลองนั่งแยกขานี่
00:21:07 → 00:21:10 หมายถึงแยกขาสักกี่องศาดีอาจารย์ 180 กว้างไปเนอะ
00:21:10 → 00:21:13 ประมาณสักนี่ ให้เรา 90 องศา
00:21:13 → 00:21:15 - 90 องศานี่มุมฉากเลยนะ - มุมฉากเนอะ
00:21:15 → 00:21:20 เสร็จแล้ว ตัวเท้านี่ ถ้าเราโน้มตัวไปให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า
00:21:20 → 00:21:26 กางเท้า แล้วก็นิ้วเท้า แล้วก็ลองแผ่แบนิ้วเท้า
00:21:26 → 00:21:28 นี่ตอนนี้คุณผู้ชมลองทำไปด้วยนะครับ
00:21:28 → 00:21:29 ลองทำตามนะครับ อันนี้ครับ
00:21:29 → 00:21:33 ลองสัมผัสนะครับ แล้วก็ขยับขึ้นลงขึ้นลง ส้นเท้านี่ครับ
00:21:33 → 00:21:33 ครับ
00:21:33 → 00:21:37 ให้เวลากับตรงนี้ประมาณ 3-5 นาที ในท่านั่งนี่ครับ
00:21:37 → 00:21:41 มันจะฟีลดีมากเลยครับ ก็คือได้ลงน้ำหนักอย่างอ่อนโยน
00:21:41 → 00:21:44 - อ๋อ ก็คือน้ำหนักตัวไม่ได้กดลงไปทั้งหมด - ใช่
00:21:44 → 00:21:46 เพราะว่าเวลาที่เรานั่ง น้ำหนักส่วนหนึ่งก็ไปที่เก้าอี้เนอะ
00:21:46 → 00:21:47 ใช่ครับ
00:21:47 → 00:21:51 ก็คือเป็นการแบ่งกระดูก ให้รับโครงสร้างครึ่งหนึ่ง
00:21:51 → 00:21:55 แล้วก็ให้กล้ามเนื้อบริเวณเท้า ซึ่งรับน้ำหนักเรานี่แข็งแรงขึ้น
00:21:55 → 00:21:57 แต่ที่สำคัญครับอาจารย์เต้ครับ
00:21:57 → 00:21:58 น้ำหนักตัวเราก็ต้องดูแลนะครับ
00:21:59 → 00:22:00 ไม่ให้ท้วมอย่างอาจารย์ป๊อบมากนัก
00:22:00 → 00:22:04 ก็คืออย่าให้อ้วนเกิน 10% ของน้ำหนักทั่ว ๆ ไป
00:22:04 → 00:22:05 น้ำหนักทั่ว ๆ ไปคืออะไรครับ
00:22:05 → 00:22:09 ถ้าเราเอาความสูงนี่ครับ ถ้าอย่างผม 167 อย่างนี้ครับ
00:22:09 → 00:22:11 ก็ลบ 120 หรือ 110 อย่างนี้
00:22:11 → 00:22:13 ปกติเราใช้ 120 ก่อน
00:22:13 → 00:22:16 ก็คือไม่เกิน 10% ของน้ำหนักตัวนะครับ
00:22:16 → 00:22:18 มันก็จะทำให้เรานี่รูปร่างกำลังดี
00:22:18 → 00:22:20 อ้วนสมส่วน บางทีจะเรียกอ้วนสมส่วน
00:22:20 → 00:22:22 เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ตัวกล้ามเนื้อหรือกระดูกนี่
00:22:22 → 00:22:25 พอมันเสื่อมลงนี่ ยังไงความอ้วนก็จะสมส่วน
00:22:25 → 00:22:27 แต่ว่าไม่ให้อ้วนจนปวดเข่า
00:22:27 → 00:22:30 แต่ว่าไม่ให้อ้วนจนปวดหลังอย่างนี้ครับ
00:22:30 → 00:22:35 และสุดท้ายครับ เพื่อให้ร่างกายของเรานี่ กระดูกและกล้ามเนื้อนี่มันได้พักผ่อน
00:22:35 → 00:22:38 มันคือการหายใจเข้าและกลั้นไว้
00:22:39 → 00:22:41 นี่คือพักผ่อนเหรอ
00:22:41 → 00:22:44 เป็นการให้โครงกระดูกเขานี่ ได้ออกซิเจนครับ
00:22:44 → 00:22:45 อ๋อ เหรอ
00:22:45 → 00:22:49 เหมือนเรากลั้นหายใจก็คือ ให้ออกซิเจนมันไปทบทวนแต่ละข้อต่อ
00:22:50 → 00:22:51 แล้วก็ผ่อนคลาย
00:22:51 → 00:22:54 เป็นการกลั้นหายใจไว้ชั่วครู่หนึ่ง ประมาณ 4 วินาที
00:22:54 → 00:22:55 ครับ
00:22:55 → 00:22:56 - นี่ผมกลั้นอยู่นะครับ - ครับ
00:22:56 → 00:22:57 แล้วก็ผ่อนคลาย
00:22:57 → 00:23:00 หายใจเข้าปุ๊บ กลั้นให้ได้ 4 วิเป็นอย่างน้อย
00:23:00 → 00:23:02 - อ๋อ ให้เน้นที่ตรงกลั้นหายใจ - ใช่
00:23:02 → 00:23:07 และที่สำคัญคือ ถ้ากลั้นได้และแขม่วพุงได้ อันนี้จะดีมาก
00:23:07 → 00:23:10 ช่วงเวลาเรายืนรอรถเมล์ ยืนรอคิว
00:23:10 → 00:23:14 ถ้าเรากลั้น แขม่วท้อง 4 วินาทีบ่อย ๆ นี่
00:23:14 → 00:23:17 กระดูกก็จะสวยงามและเรียง
00:23:17 → 00:23:19 - อืม อ๋อเหรอ - ชะลอความเสื่อมได้
00:23:20 → 00:23:21 - อันนี้เป็นความรู้ใหม่นะ - ใช่ครับ
00:23:21 → 00:23:23 อาจารย์ป๊อบครับ เรื่องของการพักผ่อนนี่
00:23:23 → 00:23:27 การนอนหลับนี่ มันมีผลไหมเกี่ยวกับกระดูก แล้วก็ข้อต่อ หรือว่ากล้ามเนื้อของเรา
00:23:27 → 00:23:30 ถ้าเรานอนดึกเกินไป หลังเที่ยงคืนนี่อาจารย์เต้
00:23:30 → 00:23:32 วิตามินดีกับแคลเซียมนี่
00:23:32 → 00:23:38 เขาจะไม่ซ่อมแซมส่วนที่กระดูกและกล้ามเนื้อ มันเสียหายระหว่างวันที่เราทำงานนะครับ
00:23:38 → 00:23:41 ดังนั้นนี่ ทำให้กระดูกเสื่อมง่ายขึ้น
00:23:41 → 00:23:43 กล้ามเนื้อก็จะบาดเจ็บง่ายขึ้นถ้าเรานอนดึก
00:23:43 → 00:23:46 อืม ถ้างั้นผมก็นอนมันทั้งวันเลย
00:23:46 → 00:23:48 - มันเหมือนจะเป็นทางแก้ใช่ไหม - ใช่ไหม
00:23:48 → 00:23:49 ถ้าเรานอนทั้งวันจริง ๆ นี่
00:23:49 → 00:23:52 ตัวกล้ามเนื้อนี่ครับ มันจะแข็งเกร็ง
00:23:52 → 00:23:55 พอเป็นแข็งเกร็งปุ๊บ มันจะไปชนกับกระดูก
00:23:56 → 00:23:59 โดยเฉพาะกระดูกที่แบบแนวราบ ตรงหลังกับกลางอก
00:24:00 → 00:24:03 แล้วถ้าเราหายใจน้อย ๆ คือหายใจทิ้ง
00:24:03 → 00:24:06 ก็นอนแบบขี้เกียจอะไรอย่างนี้ครับ มันจะหายใจทิ้ง
00:24:06 → 00:24:08 มันยิ่งกระดูกนี่จะเสื่อมเร็วมาก
00:24:08 → 00:24:09 อืม
00:24:09 → 00:24:11 เพราะฉะนั้น ก็ลุกขึ้นมาขยับเขยื้อน
00:24:12 → 00:24:13 ขยับบนเตียงก็ได้นะ
00:24:13 → 00:24:14 ขยับบนเตียงเหรอ
00:24:14 → 00:24:15 ใช่ วิธีการขยับบนเตียงนี่ง่ายมากเลย
00:24:16 → 00:24:19 ก็คือตั้งขาของเรานี่ให้ตั้งฉากขึ้นไป
00:24:19 → 00:24:21 ยกขาทั้งขานี่ หรือว่ายกเข่า
00:24:21 → 00:24:23 ยกเข่าก่อนก็ได้
00:24:23 → 00:24:25 ถ้าง่าย ๆ แบบอยากขยับนิดหน่อย ก็ชันเข่า
00:24:25 → 00:24:29 ชันเข่า แล้วก็แค่ตัวนอนไว้ แล้วก็บิดแค่ช่วงเอวกับเข่า
00:24:29 → 00:24:32 ไปทางซ้ายที ช้า ๆ ขวาที
00:24:33 → 00:24:37 หรือถ้าอยากให้ดีมาก ๆ เลย เพื่อเลือดไหลเวียนเพราะนอนเยอะแล้ว
00:24:37 → 00:24:41 ก็เอาขายกขึ้นพิงกำแพงประมาณสัก 3-5 นาที
00:24:41 → 00:24:43 มันจะฟีลดีมากเลย
00:24:43 → 00:24:45 มันจะเลือดไหลเวียน แล้วมันจะแบบ
00:24:45 → 00:24:48 โอ้โห กระดูกกล้ามเนื้อ พร้อมจะลุกทำอย่างอื่นเลย
00:24:48 → 00:24:52 ก็ฟังดูแล้ว เรื่องของพฤติกรรมเนอะ เรื่องของการวางท่าทางของตัวเอง
00:24:52 → 00:24:54 เรื่องของการพักผ่อนให้เพียงพอ
00:24:54 → 00:24:56 เรื่องของการกินต้องปรับไหม
00:24:56 → 00:25:01 การกินก็ที่เราพูดเมื่อกี้ก็คือ ถ้าเรารู้สึกว่าร่างกายมันอ่อนล้านี่
00:25:01 → 00:25:04 บ่งบอกว่าเรากินอาหารไม่ได้เหมาะสม
00:25:04 → 00:25:06 วิตามินดีนี่ จริง ๆ เราได้รับแสงแดด
00:25:06 → 00:25:10 ตอนช่วงเช้า ๆ นี้นะครับ ประมาณสัก 15 นาที
00:25:10 → 00:25:11 อันนี้จะได้วิตามินดีเลยนะ
00:25:12 → 00:25:14 แล้วก็เราก็เลือกทานอาหารที่มีวิตามินดี
00:25:14 → 00:25:18 พวกปลาน้ำลึก ผักใบเขียวต่าง ๆ อย่างนี้ มันจะได้เลย
00:25:18 → 00:25:21 เพียงแต่ว่า สมมุติทานอาหารเมื่อกี้ แล้วเราไปสูบบุหรี่
00:25:21 → 00:25:26 เราไปทานของมึนเมาอะไรอย่างนี้ มันก็หักล้างกัน อันนี้มันก็จะเสื่อมง่าย
00:25:26 → 00:25:28 - อีกอันนึงคือแคลเซียมใช่ไหมครับ - ครับ
00:25:28 → 00:25:32 แคลเซียมที่เราต้องทานอาหาร ที่ไปพร้อมกับวิตามินดีอยู่แล้วนะครับ
00:25:32 → 00:25:34 แคลเซียมนี่ก็ได้จากอาหารทะเล
00:25:34 → 00:25:35 อาหารทะเล
00:25:36 → 00:25:40 อาหารที่มีลักษณะแบบมีความเค็ม แต่ไม่ได้ต้องเติมน้ำปลาเพิ่มนะครับ
00:25:40 → 00:25:42 เป็นเกลือจริง ๆ นะครับ
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็เป็นพวกผักที่แบบ มีความขม ๆ หน่อยอย่างนี้
00:25:45 → 00:25:47 - ปลาเล็กปลาน้อย มีกระดูกนิด ๆ - ปลาเล็กปลาน้อยด้วย
00:25:47 → 00:25:49 ที่เคี้ยวได้กินได้
00:25:49 → 00:25:51 หรือบางทีมันจะเป็นกระดูกอ่อนเนอะ
00:25:51 → 00:25:55 กระดูกอ่อนของพวกซี่โครงหมูอะไรอย่างนี้ครับ ที่ตุ๋นจนแบบเคี้ยวได้อย่างนี้ครับ
00:25:55 → 00:25:57 อันนี้เป็น 2 อันที่เรื่องอาหาร
00:25:57 → 00:26:02 [เสียงดนตรี]
00:26:02 → 00:26:04 นอกจากสมอง กระดูก แล้วก็กล้ามเนื้อครับ
00:26:04 → 00:26:06 อวัยวะไหนอีกที่มันจะเสื่อม
00:26:06 → 00:26:08 นี่เลยครับ ไต
00:26:08 → 00:26:10 ไตสำคัญมากในการขับสารพิษในร่างกาย
00:26:10 → 00:26:13 แล้วก็ขับถ่ายปัสสาวะใช่ไหมครับ
00:26:13 → 00:26:16 ดังนั้น ไตนี่จะเริ่มเสื่อม ตั้งแต่อายุ 40 ครับอาจารย์
00:26:17 → 00:26:17 อืม
00:26:17 → 00:26:21 เพราะจริง ๆ แล้วนี่ ไตนี่ มันทำงานหลายหน้าที่นะครับ
00:26:21 → 00:26:25 ถ้าเราดูแลไตดี ๆ นี่ มันยืดอายุไปถึง 2 หรือ 3 ปีเลยครับอาจารย์
00:26:25 → 00:26:30 ดังนั้นนี่ การไตเริ่มเสื่อมนี่ ก็คือปัสสาวะเล็ด
00:26:30 → 00:26:35 เหรอ อาการเสื่อมของไตนี่ มันนำไปสู่การปัสสาวะเล็ดได้เหรอครับ
00:26:35 → 00:26:36 มันสัมพันธ์กันยังไงครับ
00:26:36 → 00:26:40 ครับ ก็คือไตนี่ทำหน้าที่ กรองของเสียใช่ไหมครับ
00:26:40 → 00:26:44 พยายามขับสารต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะน้ำในร่างกายที่เกินนี่ครับ
00:26:44 → 00:26:48 ดังนั้นนี่ ถ้าเกิดน้ำในร่างกายเราเกินเร็วไป ในแต่ละวัน
00:26:48 → 00:26:51 มันก็ทำให้เรานี่ต้องลุกไปปัสสาวะบ่อย
00:26:51 → 00:26:54 ดังนั้น การลุกไปปัสสาวะบ่อยนี่
00:26:54 → 00:26:57 ไม่ว่าจะเป็นเวลานอน หรือเป็นเวลาระหว่างวันนี่
00:26:57 → 00:26:58 แสดงว่าไตทำงานหนัก
00:26:58 → 00:27:00 พอไตทำงานหนักนี่
00:27:00 → 00:27:03 ถ้าไตทำงานแบบนี้ก่อนอายุ 40 ปี
00:27:03 → 00:27:06 แสดงว่าไตเสื่อมก่อนอายุ 40 ปี
00:27:06 → 00:27:11 แต่ไตก็ตั้งค่าไว้ว่า 40 ปีขึ้นไปนะ มันจะเริ่มเสื่อมโดยอวัยวะของมัน
00:27:11 → 00:27:15 การปัสสาวะนี่ จริง ๆ แล้ว มันเว้นช่วงได้ 1-2 ชั่วโมงเลยนะครับ
00:27:15 → 00:27:15 ครับ
00:27:15 → 00:27:17 กว่าจะปัสสาวะอีกทีหนึ่ง
00:27:17 → 00:27:19 อยู่ที่ว่าเราทานน้ำเยอะหรือน้อย
00:27:19 → 00:27:19 อืม
00:27:19 → 00:27:23 กับอีกอันนึงก็คือ เราทานน้ำที่มีน้ำตาลเยอะหรือน้อย
00:27:23 → 00:27:25 ถ้าทานน้ำตาลเยอะ
00:27:26 → 00:27:31 น้ำตาลนี่มันก็จะดึงน้ำเข้าไป ในเซลล์ของอวัยวะที่เป็นหน่วยกรองของไต
00:27:31 → 00:27:33 ก็ทำให้เราปัสสาวะเร็วขึ้น
00:27:33 → 00:27:35 อืม
00:27:35 → 00:27:37 พอพูดถึงปัสสาวะเล็ด
00:27:37 → 00:27:40 - อาการของมันก็ต้องมีการปัสสาวะเล็ดใช่ไหม - ปัสสาวะบ่อย แน่นอน ใช่
00:27:40 → 00:27:43 มันมีอาการอย่างอื่นอีกไหมครับ ปัสสาวะเล็ด
00:27:43 → 00:27:45 อาการอย่างอื่นมีอีก 2 อาการนะอาจารย์เต้
00:27:45 → 00:27:47 ก็คือปัสสาวะแต่ละครั้งนี่ มันออกไม่สุด
00:27:48 → 00:27:54 น้ำในร่างกายนี่ มันค่อย ๆ กรอง แต่นี่คือมันลุกขึ้นมาเพื่อขับออกไป
00:27:54 → 00:27:56 คราวนี้การกรองนี่ มันกรองไม่ทัน
00:27:56 → 00:28:00 กรองของที่เป็นของเสียเพื่อออกไป มันจะค่อย ๆ กรอง
00:28:00 → 00:28:03 ดังนั้น พอเราค่อย ๆ เบ่งฉี่ ปัสสาวะออกไปนี่
00:28:03 → 00:28:07 มันออกไปไม่สุด มันเหมือนมีน้ำคั่งอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
00:28:07 → 00:28:10 อันนี้เป็นสัญญาณของปัสสาวะเล็ดอันที่ 1
00:28:10 → 00:28:10 ครับ
00:28:10 → 00:28:15 อันที่ 2 คือ มันจะไปพร้อมกับ การที่เราต้องแบบ...เกร็งหน้าท้อง
00:28:15 → 00:28:17 โดยเฉพาะท้องน้อยด้านล่างขวานี่นะครับ
00:28:18 → 00:28:19 เวลาเราเกร็งบ่อย ๆ นี่
00:28:19 → 00:28:22 กล้ามเนื้อปัสสาวะก็จะอักเสบด้วย
00:28:22 → 00:28:22 อืม
00:28:22 → 00:28:25 มันกลายเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบตามมาด้วย
00:28:25 → 00:28:28 ปัสสาวะเล็ดนี่เกิดขึ้นกับผู้ชายบ้างไหม
00:28:28 → 00:28:32 เพราะว่าปกติเวลาที่ผมได้ยินนี่ ส่วนใหญ่ก็จะได้ยินผู้หญิงเขาบ่นกัน
00:28:32 → 00:28:34 อืม เกิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลย
00:28:34 → 00:28:39 เนื่องจากว่ากระเพาะปัสสาวะจะมีการทำงาน เหมือนกันเลยทั้งผู้ชายผู้หญิง
00:28:39 → 00:28:42 เพียงแต่ว่าของผู้ชายนั้นนี่จะยืดหยุ่นกว่า
00:28:42 → 00:28:44 ของผู้หญิงนี่ อุ้งเชิงกรานนะครับ
00:28:44 → 00:28:48 เอ่อ...กระเพาะที่เตรียมพร้อม สำหรับคนที่ตั้งครรภ์อีกนะครับ
00:28:48 → 00:28:53 อันนี้มันจะยืดหดขยายได้ก็จริง แต่ว่า มันจะยืดหดขยายเมื่อมีฮอร์โมนมาทำงาน
00:28:53 → 00:28:56 ดังนั้นของผู้ชายนี่มันเลยเป็นน้อยกว่า
00:28:57 → 00:28:57 อืม
00:28:57 → 00:28:59 เป็นได้ แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นเยอะกว่า
00:28:59 → 00:29:00 ใช่ ๆ
00:29:00 → 00:29:05 พฤติกรรมแบบไหนที่จะทำให้โอกาสในการ มีอาการปัสสาวะเล็ดนี่มันมากขึ้น
00:29:05 → 00:29:07 แบ่งออกเป็น 3 พฤติกรรมด้วยกันครับ
00:29:07 → 00:29:12 อันที่ 1 คือ พฤติกรรมการทานน้ำ หรือดื่มน้ำนี่ล่ะครับ
00:29:12 → 00:29:17 ขึ้นอยู่กับว่าน้ำนั้นเป็นน้ำเปล่า หรือว่าน้ำที่มีน้ำตาลเยอะหรือน้อยอย่างนี้
00:29:17 → 00:29:21 อันที่ 2 คือพฤติกรรมการใช้ร่างกายของเรา
00:29:21 → 00:29:26 ในการเกร็งหน้าท้อง แล้วก็ยกของชิดตัวอย่างถูกวิธีหรือเปล่า
00:29:26 → 00:29:28 แต่ถ้าไม่มีการยกของอย่างถูกวิธี
00:29:28 → 00:29:30 มันทำให้กระเพาะปัสสาวะนั้นอักเสบได้
00:29:30 → 00:29:31 อืม
00:29:31 → 00:29:32 มันก็มีผลปัสสาวะเล็ด
00:29:32 → 00:29:35 อันที่ 3 เป็นการที่เราแบบทานของเค็มเยอะ
00:29:35 → 00:29:37 พอทานของเค็มเยอะ
00:29:37 → 00:29:40 - ร่างกายพยายามที่จะขับออกไป - พยายามจะขับออกไป ใช่
00:29:40 → 00:29:43 ขับเกลือออกไปอย่างเดียวไม่ได้ มันจะขับน้ำออกไปด้วย
00:29:43 → 00:29:43 ใช่
00:29:43 → 00:29:45 ผมเคยได้ยินอย่างนี้ อาจารย์ป๊อบบอกว่า
00:29:45 → 00:29:48 หัวเราะจนน้ำตาเล็ดและปัสสาวะเล็ด
00:29:48 → 00:29:52 การหัวเราะอย่างนี้ มันทำให้ปัสสาวะเล็ดได้ด้วยเหรอ
00:29:52 → 00:29:55 จริง ๆ แล้วมันต้องเป็นหัวเราะแบบ หัวเราะดังมาก
00:29:55 → 00:29:59 ดังมาก แล้วก็กระเพาะปัสสาวะ มันมีการอักเสบอยู่แล้วอย่างนี้
00:29:59 → 00:30:03 มันก็จะระคายเคือง และกระตุ้นให้ปัสสาวะ ที่มันคั่ง ๆ อยู่นี่ออกไปด้วย
00:30:03 → 00:30:07 กับอีกอันนึงที่มากกว่าการหัวเราะคือ การไอกับจามอย่างแรง
00:30:07 → 00:30:10 พอพูดถึง ไอ จาม หัวเราะ
00:30:10 → 00:30:12 เพิ่มแรงดันในช่องท้อง
00:30:12 → 00:30:16 ทีนี้เล่นกีฬาที่มันกระแทกเยอะ ๆ กระโดดโลดเต้นบ่อย ๆ นี่
00:30:16 → 00:30:17 มันทำให้มีโอกาสที่จะเล็ดออกมาไหมครับ
00:30:17 → 00:30:22 ก็ต้องระวัง โดยเฉพาะถ้าช่วงที่เรารู้สึกว่า เริ่มมีปัสสาวะเล็ดแล้วนี่
00:30:22 → 00:30:24 แล้วเราไปกระโดดโลดเต้นเยอะ ๆ
00:30:24 → 00:30:25 กระโดดแรง ๆ ด้วยนะครับ
00:30:25 → 00:30:27 มันก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน
00:30:27 → 00:30:32 ซึ่งตรงบริเวณของปัสสาวะนี่ มันก็จะเก็บไม่อยู่ กลั้นไม่อยู่นั่นเอง
00:30:32 → 00:30:36 ปัญหาปัสสาวะเล็ดนี่ พบได้บ่อยในผู้สูงอายุเนอะ
00:30:36 → 00:30:39 ผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่านนี่ ไม่อยากที่จะออกนอกบ้าน
00:30:39 → 00:30:43 เพราะว่าถ้าเผื่อปัสสาวะเล็ด ในระหว่างที่ออกไปทานข้าว
00:30:43 → 00:30:45 ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ
00:30:45 → 00:30:46 บางทีมันกลั้นไม่อยู่
00:30:46 → 00:30:49 มันอาจจะทำให้มีรอยหรืออาจจะมีกลิ่นบางอย่าง
00:30:50 → 00:30:53 มันมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้สูงวัยไหม
00:30:53 → 00:30:56 คือผู้สูงวัยอาจจะอายใช่ไหมครับ
00:30:56 → 00:30:58 คอยปัสสาวะเรื่อย ๆ อย่างนี้
00:30:58 → 00:31:00 ซึ่งจริง ๆ แล้วนี่ อันที่ 1 เลย ต้องกล้าครับ
00:31:01 → 00:31:05 ต้องกล้าที่จะขอตัวเข้าห้องน้ำ ตามที่เรารู้สึกปวดครับ
00:31:05 → 00:31:07 แล้วจริง ๆ ต้องเผื่อนะครับ ต้องฝึกนะครับ
00:31:07 → 00:31:10 ถ้าเราฝึกบ่อย ๆ จะรู้เลยว่าเรากลั้นได้นานเท่าไหร่
00:31:10 → 00:31:14 อันนี้เป็น 2 ทางก็คือ เรากล้าที่จะขอตัวเข้าห้องน้ำ
00:31:14 → 00:31:16 แต่ไม่ใช่ปวดแล้วกล้าขอเลย
00:31:16 → 00:31:18 เพราะมันจะเกิดความลังเล
00:31:18 → 00:31:21 เราอาจจะต้องฝึกดูนิสัยเราว่า เราบันทึกไว้หน่อยนะครับ
00:31:21 → 00:31:24 ว่าเรามักจะปัสสาวะบ่อยแค่ไหน
00:31:24 → 00:31:26 - กี่นาทีอะไรอย่างนี้เหรอ - กี่นาทีอะไรอย่างนี้
00:31:26 → 00:31:27 ซึ่งมันเป็นเวลาเลยครับ
00:31:27 → 00:31:27 อืม
00:31:27 → 00:31:30 ตัวอวัยวะที่เป็นไตนี่ มัน...เวลามันเป๊ะมากนะครับ
00:31:30 → 00:31:31 อืม
00:31:31 → 00:31:33 ดังนั้นบันทึกไว้หน่อย พอบันทึกเราจะรู้เลยว่า
00:31:33 → 00:31:38 เอ๊ะ ถ้าเราต้องปัสสาวะเวลานี้ เราต้องขอตัวตอนไหนอะไรอย่างนี้
00:31:38 → 00:31:39 มันต้องมีสติเพิ่มขึ้น
00:31:39 → 00:31:40 อืม
00:31:40 → 00:31:41 อันนี้เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
00:31:41 → 00:31:44 มันดีกว่าการอาย เพราะผลเสียจากการอายก็คือ
00:31:45 → 00:31:46 ปัสสาวะก็อักเสบ
00:31:46 → 00:31:48 ปัสสาวะจะเล็ดมากขึ้นเมื่ออักเสบครับ
00:31:48 → 00:31:49 อืมฮึ
00:31:49 → 00:31:53 อย่างนี้ถ้าเผื่อใช้วัสดุซึมซับ หรือว่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่นี่ มันจะช่วยไหม
00:31:53 → 00:31:57 ถ้าระยะไกลเนอะ หมายถึงว่าถ้าเดินทาง นั่งนาน ๆ นะครับ
00:31:57 → 00:32:02 หรือว่าต้องอยู่กับเพื่อนสังสรรค์นาน ๆ แนะนำว่ากล้าที่จะใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่
00:32:02 → 00:32:03 อืม
00:32:03 → 00:32:04 บางทีมันหาห้องน้ำยาก
00:32:05 → 00:32:07 อันนี้เราก็ช่วยเหลือได้ ในแง่ของผ้าอ้อมผู้ใหญ่
00:32:07 → 00:32:10 เวลาที่เราปัสสาวะนี่ อย่าเร่งรีบนะครับเนอะ
00:32:10 → 00:32:12 เวลาเราแปรงฟันในห้องน้ำส่วนตัวนี่ครับ
00:32:12 → 00:32:14 แปรงฟันก็คืออย่าลืมแปรงลิ้น
00:32:15 → 00:32:19 ในขณะแปรงลิ้นนี่ แนะนำว่าให้นั่งโถปัสสาวะเลย
00:32:19 → 00:32:21 ทั้งผู้ชายผู้หญิงนะครับ นั่งเลยนะครับ
00:32:21 → 00:32:24 มันสามารถที่จะผ่อนคลายกระเพาะปัสสาวะได้
00:32:24 → 00:32:27 จริง ๆ นะครับ อันนี้มันน่าสนใจมาก ระบบประสาทอัตโนมัติลองดูนะครับ
00:32:27 → 00:32:28 ยังไม่เคยลอง
00:32:28 → 00:32:31 พอปัสสาวะไปแล้ว ให้เรายืดตัวตรงสักพักนึง
00:32:32 → 00:32:35 แล้วเอามือเรานี่แตะที่สะดือนะครับ 2 ข้างแบบนี้ครับ
00:32:36 → 00:32:38 แล้วกดลงไปนิดนึง กดเบา ๆ
00:32:40 → 00:32:44 แล้วก็ค่อย ๆ ดูว่าปัสสาวะมันยังไหลอยู่ไหม
00:32:44 → 00:32:45 อ๋อ เผื่อมีก๊อกสองอย่างนี้หรือ
00:32:45 → 00:32:47 เผื่อมีก๊อกสอง ซึ่งมันเป็นไปได้ มีก๊อกสอง
00:32:47 → 00:32:48 และมีก๊อกสามครับ
00:32:48 → 00:32:49 โอ๊ะ
00:32:49 → 00:32:49 ใช่ครับ
00:32:49 → 00:32:53 อันที่ 3 ก็คือให้เราเป่าลมออกจากปากยาว ๆ
00:32:53 → 00:32:54 [เสียงเป่าลมออก]
00:32:56 → 00:32:57 จนสุด แล้วแขม่วท้องนิดนึง
00:32:57 → 00:32:59 โดยมือไม่ได้กด
00:32:59 → 00:33:00 มีก๊อกสามหรือเปล่า
00:33:00 → 00:33:01 อืม
00:33:01 → 00:33:02 อันนี้จะช่วยได้ครับ
00:33:02 → 00:33:06 - นี่คือกิจกรรมที่ทำให้ปัสสาวะได้สุดใช่ไหม - ได้สุด
00:33:06 → 00:33:12 ซึ่งการเป่าลมเมื่อกี้ครับ มันเป็นการ นอกจากเป็นการไล่กรดแลคติกออกจากร่างกาย
00:33:12 → 00:33:14 ตัวไตนี่มันจะขับของเสีย
00:33:14 → 00:33:17 ซึ่งเราเป็นอีกทางหนึ่ง ที่เราไล่ออกไปทางปากแล้ว
00:33:17 → 00:33:23 ทางรูทวารหรือว่าทางอวัยวะนี่ ที่ปัสสาวะออกไปก็จะช่วยอีกทางนึงด้วย
00:33:24 → 00:33:27 และต่อมา ถ้าเราทานน้ำนะครับ
00:33:27 → 00:33:29 ตื่นมาตอนเช้าอาจารย์เต้ทานน้ำไหมครับ
00:33:29 → 00:33:29 ครับ
00:33:29 → 00:33:33 ครับ เราต้องทานแบบไม่เร็วครับ ค่อย ๆ จิบครับ
00:33:33 → 00:33:34 อ๋อ
00:33:34 → 00:33:36 เพราะว่าเราเพิ่งตื่นนี่ ตัวไตก็เพิ่งจะเริ่มทำงาน
00:33:37 → 00:33:39 มันจะค่อย ๆ ทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป
00:33:39 → 00:33:42 แต่ถ้าเราไปกดดันเขา จิบแบบแรง ๆ เร็ว ๆ รีบ ๆ
00:33:42 → 00:33:46 มันจะทำให้ปัสสาวะยังคงค้างอยู่ แล้วก็ปัสสาวะไม่สุด
00:33:46 → 00:33:47 อืม
00:33:47 → 00:33:50 เพราะฉะนั้น ถ้าจะดื่มน้ำ
00:33:50 → 00:33:53 อย่าดื่มแบบ โอ๊ย ทีละ 3 แก้ว 4 แก้ว ขนาดนี้
00:33:53 → 00:33:57 - จิบไปบ่อย ๆ จะดีกว่า - ใช่ครับ ใช่ครับ
00:33:57 → 00:34:01 พอจิบไปนี่ มันก็จะเป็นการให้ปัสสาวะนี่ ค่อย ๆ ชะลอไว้อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
00:34:01 → 00:34:05 กระเพาะปัสสาวะก็จะจำปริมาณได้ แล้วก็เป็นเวลาด้วยครับ
00:34:05 → 00:34:09 มีสิ่งหนึ่งครับอาจารย์เต้ที่อยากเตือน พี่ ๆ ผู้สูงอายุครับ
00:34:09 → 00:34:14 ว่าถ้ายิ่งกลัวปัสสาวะเล็ดนี่ แล้วก็ยิ่งไม่ดื่มน้ำ
00:34:14 → 00:34:16 มันก็เสี่ยงที่จะเป็นนิ่วในไตได้
00:34:16 → 00:34:19 อาจารย์เต้ว่าเป็นยังไงรู้ไหมครับ อันตรายของมัน
00:34:19 → 00:34:24 พอเป็นนิ่วในไต มันก็อาจจะทำให้มีอาการเจ็บปวด อักเสบ
00:34:24 → 00:34:26 แล้วก็ปัสสาวะเล็ดมากขึ้น
00:34:26 → 00:34:27 อ้าว เหรอ
00:34:27 → 00:34:28 เผลอ ๆ ก็คือปัสสาวะราดเลย
00:34:28 → 00:34:32 อาจารย์ป๊อบครับ สำหรับผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาเรื่องของปัสสาวะเล็ดนี่
00:34:32 → 00:34:33 เขาก็รู้สึกทุกข์ใจของเขาอยู่แล้วเนอะ
00:34:33 → 00:34:36 แล้วบางทีเขายิ่งรู้สึกทุกข์ใจมาก
00:34:36 → 00:34:40 เพราะเขากำลังสร้างความเดือดร้อน ให้กับคนที่อยู่รอบข้าง
00:34:40 → 00:34:43 แสดงว่าคนที่อยู่รอบข้าง ก็มีผลเหมือนกันกับผู้สูงอายุถูกไหม
00:34:43 → 00:34:46 อาจารย์ป๊อบมีคำแนะนำ สำหรับผู้ที่อยู่รอบข้างไหม
00:34:46 → 00:34:47 โอ้ มีผลมาก ๆ เลยนะครับ
00:34:48 → 00:34:51 เพราะว่าผู้สูงอายุนี่เขาจะรู้สึกเกรงใจ
00:34:51 → 00:34:53 แล้วก็รู้สึกเป็นภาระเนอะ
00:34:53 → 00:34:54 เขาก็ไม่อยากจะออกจากบ้านแหละ
00:34:55 → 00:34:57 แต่ว่าถ้าเราเพิ่มความกล้า
00:34:57 → 00:35:00 ให้เขาออกจากบ้านด้วยความรู้สึกว่ามั่นใจนะ
00:35:00 → 00:35:04 ถึงปัสสาวะเล็ดนะ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้เพราะเรารู้เวลา
00:35:05 → 00:35:08 เราก็รู้ว่าเราจะไปจอดตรงไหน ห้องน้ำอย่างไร
00:35:08 → 00:35:11 หรือใส่ผ้าอ้อมนะ ตรงนี้เราจัดการได้
00:35:11 → 00:35:14 อันที่ 2 ก็คือถ้าเกิดเราตำหนิท่านบ่อย ๆ นี่
00:35:14 → 00:35:18 ในอนาคตข้างหน้า ถ้าเราเป็นผู้สูงอายุบ้าง ก็จะโดนลูกหลานตำหนิเหมือนกัน
00:35:18 → 00:35:20 มันจะทำให้เราไม่สบายใจเนอะ
00:35:21 → 00:35:24 จงภูมิใจที่ผู้สูงอายุเรานี่ กล้าที่จะดูแลสุขภาพ
00:35:24 → 00:35:26 แล้วก็สามารถป้องกันปัสสาวะเล็ดได้
00:35:26 → 00:35:29 อันนี้เป็นความภาคภูมิใจที่เราต้องชมท่าน
00:35:29 → 00:35:29 เนอะ
00:35:29 → 00:35:31 ลูก ๆ หลาน ๆ หรือว่าคนที่อยู่รอบตัว
00:35:31 → 00:35:37 ก็คงจะเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะเดินทาง ใน Journey นี้ พร้อม ๆ กันกับผู้สูงวัย
00:35:37 → 00:35:40 แล้วก็เป็นกำลังที่สำคัญ ในการที่จะไปถึงเส้นชัยด้วยกัน
00:35:40 → 00:35:45 ในการที่จะยืดอายุ แบบเทรนด์สุขภาพใหม่ Longevity
00:35:45 → 00:35:50 ใช่เลยครับผม แล้วท่านก็จะอยู่กับเรา อย่างมีคุณค่า แล้วก็อยู่กันไปนาน ๆ เลยครับ
00:35:50 → 00:35:52 ผมว่าฟังอาจารย์ป๊อบแล้วนี่
00:35:52 → 00:35:54 ในเรื่องของพฤติกรรม
00:35:54 → 00:35:56 ถ้าเราจัดการดูแลเรื่องของพฤติกรรมของเราได้
00:35:57 → 00:36:00 ดูแลเรื่องของอาหารการกินของเราได้
00:36:00 → 00:36:03 ดูแลเรื่องของการออกกำลังกายของเราได้
00:36:03 → 00:36:05 โดยรวม ๆ แล้วนี่
00:36:05 → 00:36:08 มันจะทำให้สุขภาพกายและใจ มันยืดออกไป
00:36:08 → 00:36:12 มันอาจจะยืดออกไป 2 ปี 3 ปี 4 ปี 5 ปี
00:36:12 → 00:36:14 ไม่ว่าจำนวนนั้นจะเป็นเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่า
00:36:15 → 00:36:19 มันจะเป็นต้นทุนที่ดีในการที่จะทำให้เรา สูงวัยอย่างมีคุณภาพ
00:36:19 → 00:36:22 ในช่วงสุดท้ายครับ อยากที่จะให้อาจารย์ป๊อปได้พูดถึง
00:36:22 → 00:36:26 ความสำคัญของการดูแลตัวเอง ให้มีสุขภาพชีวิตที่ยืนยาวครับ
00:36:26 → 00:36:28 อายุที่ยืนยาวนี่ไม่ได้สำคัญมากนักหรอกครับ
00:36:29 → 00:36:32 อยู่ที่ว่าร่างกาย จิตใจ และสังคมของเรานี่
00:36:32 → 00:36:37 มีคุณค่าและมีความหมายต่อการอยู่ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
00:36:37 → 00:36:39 แล้วก็ทำให้เรารู้จักดูแลสุขภาพ
00:36:39 → 00:36:44 และที่สำคัญคือลูกหลานและสังคมรอบข้างของเรา อ่อนโยนดีพอหรือยัง
00:36:44 → 00:36:45 อืม
00:36:45 → 00:36:49 คุณผู้ชมครับ ในช่วงสุดท้ายของ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้
00:36:49 → 00:36:53 ต้องขอบคุณอาจารย์ป๊อบ ผศ. ดร. กบ.ศุภลักษณ์ เข็มทอง
00:36:54 → 00:36:57 อาจารย์นักกิจกรรมบำบัดจิตสังคม คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
00:36:58 → 00:36:59 ที่มาให้ความรู้ดี ๆ
00:36:59 → 00:37:02 และที่สำคัญมีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง ที่คุณผู้ชมเอาไปใช้ได้
00:37:02 → 00:37:09 ในการที่จะทำให้ร่างกายของเรา สุขภาพใจของเรา ยืนยาวแบบเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า Longevity
00:37:09 → 00:37:13 ในโอกาสหน้าครับ กลับมาพบกับผม อาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง
00:37:13 → 00:37:16 และแขกรับเชิญท่านต่อไปใน Well-Being
00:37:16 → 00:37:17 ฝากติดตามใน Mahidol Channel
00:37:18 → 00:37:20 กด Subscribe กด Like กด Share ไว้นะครับ
00:37:20 → 00:37:23 แล้วจะได้ไม่พลาดทุกข้อมูลดี ๆ จากมหาวิทยาลัยมหิดล
00:37:23 → 00:37:26 วันนี้อาจารย์ป๊อบและผมลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
00:37:26 → 00:37:30 พบกับ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้
00:37:31 → 00:37:32 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:37:32 → 00:37:35 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:37:35 → 00:37:37 YouTube Mahidol Channel
00:37:37 → 00:37:38 Apple Podcasts
00:37:38 → 00:37:39 Spotify
00:37:39 → 00:37:40 Anchor
00:37:40 → 00:37:41 Joox
00:37:41 → 00:37:44 [เสียงดนตรี]
00:37:44 → 00:37:47 ดำเนินรายการโดยอาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง
00:37:47 → 00:37:51 [เสียงดนตรี]