00:00:00 → 00:00:02 ถ้าต้องเลือกระหว่างนอนเป็นเวลากับตื่น
00:00:02 → 00:00:04 เป็นเวลาจะต้องเสียอันใดอันนึงสมมุติว่า
00:00:04 → 00:00:07 วันนึงเกิดต้องไปทำงานหนักเป็นพิเศษต้อง
00:00:07 → 00:00:10 ต้องอยู่ดึกนอนผิดเวลาเราจะบังคับตัวเอง
00:00:10 → 00:00:13 ให้ตื่นเวลาเดิมไปอ่านงานวิจัยแล้วก็เจอ
00:00:13 → 00:00:16 ว่าจริงๆทุกเช้าอ่ะถ้าเราทำกิจกรรมที่
00:00:16 → 00:00:19 เป็นการพาตัวเองอ่ะเดินไปด้านหน้าที่ทำ
00:00:19 → 00:00:22 ให้เหมือนกับมีสิ่งของผ่านไปอ่ะด้านหลัง
00:00:22 → 00:00:26 เราอ่ะมันจะทำให้สมองส่วนอิกดา่าส่วนที่
00:00:26 → 00:00:29 แบบมันควบคุมความเครียดความวิตกกังวลน่ะ
00:00:29 → 00:00:32 มันทำงานน้อยลงแต่สิ่งที่คนไม่รู้คือไข
00:00:32 → 00:00:34 มันดีที่อยู่ในถั่วยังไม่ใช่ตัวที่ดีที่
00:00:34 → 00:00:38 สุดจริงๆไขมันที่ดีที่สุดมันคือโอเมก้า 3
00:00:38 → 00:00:41 DHA EPA ซึ่งมันมีอยู่ในปลาทะเลเพราะ
00:00:41 → 00:00:44 ฉะนั้นก็จะบอกตัวเองให้แบบเฮ้ยพยายามกิน
00:00:44 → 00:00:47 ปลาให้เยอะขึ้นแต่ตอนกลางคืนน่ะนาฬิกา
00:00:47 → 00:00:50 ชีวิตของเซลล์ผิวหนังน่ะมันทำให้ผิวหนัง
00:00:50 → 00:00:52 เราบางที่สุดตอนกลางคืนอาบน้ำเสร็จปุ๊บ
00:00:52 → 00:00:56 อ่ะตอนที่หน้าหมาดๆอ่ะยังไม่แห้งดีอ่ะ
00:00:56 → 00:00:58 โบ๊ะเลย This is the standard
00:00:58 → 00:01:00 podcast.
00:01:00 → 00:01:02 I open it for your
00:01:02 → 00:01:07 ears top พcastสุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์
00:01:07 → 00:01:14 ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:14 → 00:01:18 เท้าก็สนุกครับตอนแรกก็ไม่คิดเลยว่าจะทำ
00:01:18 → 00:01:22 มานานขนาดนี้แล้วก็อีกอย่างนึงคือรู้สึก
00:01:22 → 00:01:26 ว่ามันยากเหมือนกันนะการที่จะต้องแบบเล่า
00:01:26 → 00:01:28 เรื่องวิทยาศาสตร์ที่มันยากมากและให้มัน
00:01:28 → 00:01:31 เลิงกับสุขภาพอ่ะให้คนดูฟังเพราะตอนนึง
00:01:31 → 00:01:32 กว่ามันจะออกเป็น 1 ตอนเนี่ยเราอ่าน
00:01:32 → 00:01:35 papเปอร์เยอะมากเพราะว่าเป็นคนหาข้อมูล
00:01:35 → 00:01:37 ไม่ได้มาจากSearิร์ch Engine แต่มาจากการ
00:01:37 → 00:01:39 อ่านpapอเพราะเป็นนักวิจัยใช่ป่ะแล้วก็
00:01:39 → 00:01:41 เอาpapเปอรเนี่ยมาสรุปคือถ้ามันไม่เข้าใจ
00:01:42 → 00:01:44 อ่ะมันไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องยากๆให้
00:01:44 → 00:01:47 มันง่ายแล้วให้คนทั่วไปเอาไปใช้ได้นั่น
00:01:47 → 00:01:50 คือความยากของการทำทpท to กับอีกอย่างนึง
00:01:50 → 00:01:53 ที่แบบรู้สึกว่าทโทเนี่ยมันเปลี่ยนชีวิต
00:01:54 → 00:01:56 เราเหมือนกันเปลี่ยนมากเลยอ่ะก่อนที่ทำ
00:01:56 → 00:02:01 ทโทอ่ะก็ไม่ได้ดูแลตัวเองดีขนาดนี้แต่คือ
00:02:01 → 00:02:06 พอทำทโทมา 3 ปีแล้วใช่ป่ะคือชีวิตเปลี่ยน
00:02:06 → 00:02:09 ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนเออจากการที่แบบเราแชร์
00:02:09 → 00:02:12 ข้อมูลให้คนอื่นอีจังหวะที่พออัดเทปเสร็จ
00:02:12 → 00:02:14 เรารู้สึกว่าเออเราก็อยากทำบ้างเหมือนกัน
00:02:14 → 00:02:17 เนาะหรือบางทีใช้ชีวิตอยู่อ่ะจะกินไอ้นี่
00:02:17 → 00:02:19 จะกินไอ้นั่นจะออกกำลังกายแบบนี้แบบนั้น
00:02:19 → 00:02:22 ปึ๊บคำพูดเราที่อยู่ในรายการท็อปทโทมันก็
00:02:22 → 00:02:27 เข้ามาในหัวแล้วก็เออลองทำแบบนี้สิแบบนี้
00:02:27 → 00:02:28 สิ
00:02:28 → 00:02:30 แล้วสิ่งที่รับรู้ได้เลยว่า 3 ปีอ่ะ
00:02:30 → 00:02:33 สุขภาพดีขึ้นมากอืนั่นคือแบบสิ่งที่เกิด
00:02:33 → 00:02:36 ขึ้นกับตัวเองอืคือทูโทอ่ะเกิดมาเพราะว่า
00:02:36 → 00:02:40 อยากทำให้ทุกคนสุขภาพดีแล้วก็แก่ช้าที่
00:02:40 → 00:02:43 สุดเท่าที่เป็นไปได้ใช่ป่ะก็เหมือนกัน
00:02:43 → 00:02:45 อย่างเราเองส่วนตัวเนี่ยมีเป้าหมายอยู่ 2
00:02:45 → 00:02:50 อย่างคือ 1 คืออยากเด็กกว่าอายุจริงอ่ะ 10
00:02:50 → 00:02:54 ปีจะเข้า 40 ใช่ป่ะอยากให้ตอนเราอายุ 40
00:02:54 → 00:02:56 อ่ะเรายังใช้ชีวิตได้เหมือนตอนเราอายุ 30
00:02:56 → 00:02:59 คือยังทำนู่นทำนี่ทำกิจกรรมแคtiveได้
00:02:59 → 00:03:02 เหมือนตอน 30 ตอนเรา 50 เราก็หวังว่าเรา
00:03:02 → 00:03:04 จะทำอะไรได้เหมือนกับคนอายุ 40 เหมือนได้
00:03:05 → 00:03:07 กำไรชีวิตคือมา 10 ปีอ่ะ 10 ปีมันเยอะมาก
00:03:07 → 00:03:10 นะที่แบบเราจะได้ไปเที่ยวเรายังทำกิจกรรม
00:03:10 → 00:03:13 ที่เราอยากทำได้อ่ะเออนั่นคืออย่างแรกเลย
00:03:13 → 00:03:17 ขอสัก 10 ปีให้เรามีเวลาเกินขึ้นมาเป็น
00:03:17 → 00:03:21 กำไรชีวิตอ่ะกับอีกอย่างนึงคือเราไม่อยาก
00:03:21 → 00:03:25 อายุยืนแต่ป่วยแล้วทำอะไรไม่ได้ไม่อยาก
00:03:25 → 00:03:28 เป็นเลยเออคือส่วนตัวไม่ได้แพนจะมีลูกใช่
00:03:28 → 00:03:31 ป่ะเพราะฉะนั้นน่ะตอนที่แก่ไปอ่ะก็ต้องดู
00:03:31 → 00:03:34 แลตัวเองไม่มีใครดูแลไม่อยากป่วยไม่อยาก
00:03:34 → 00:03:37 อยู่แบบทรมานไม่อยากต้องเทียวเข้าเทียว
00:03:37 → 00:03:40 ออกโรงพยาบาลนั่นคือเป้าหมายเลยถ้าจะแก่
00:03:40 → 00:03:44 ขอแก่แบบดูแลตัวเองได้อ่ะเออนั่นคือเป้า
00:03:44 → 00:03:47 หมายสุขภาพ 2 อย่างเลยซึ่งก็ทำให้ทุกวัน
00:03:47 → 00:03:51 เนี้ยแบบหันมาดูแลตัวเองเยอะเยอะมากขึ้น
00:03:51 → 00:03:54 จากเมื่อก่อนตอนที่เด็กๆกว่านี้ใช่ป่ะ
00:03:54 → 00:03:57 เป็นคนโฟกัสกับการทำงานคืออยากประสบความ
00:03:57 → 00:04:00 สำเร็จในการทำงานในอาชีพถามว่าตอนนี้ก็
00:04:00 → 00:04:03 ยังอยากมั้ยก็อยากแต่รู้สึกว่าตอนเนี้ย
00:04:03 → 00:04:05 ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมาเป็น
00:04:05 → 00:04:08 อันดับ 1 คือต่อจะให้งานรุ่งประสบความ
00:04:08 → 00:04:12 สำเร็จมากมีเงินเยอะมากๆแต่สุขภาพแย่ไม่
00:04:12 → 00:04:15 เอาจะไม่ยอมเสียสละหรือ sacrifice สุขภาพ
00:04:15 → 00:04:18 เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิตจะไม่ทำ
00:04:18 → 00:04:20 งานจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสุขภาพต้องมา
00:04:20 → 00:04:23 ก่อนนี่คือสิ่งที่แบบเป็นmindsตใหม่เลย
00:04:23 → 00:04:26 อ่ะสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดแล้ว
00:04:26 → 00:04:28 ควรจะให้เนี่ยอันดับ 1 คือ
00:04:28 → 00:04:32 นอนนอนคือพื้นฐานที่แบบต้องนอนให้ดีเพราะ
00:04:32 → 00:04:36 มันจะทำให้อย่างอื่นตามมาดีมากเนองลงมา
00:04:36 → 00:04:40 อารมณ์ดีถ้าจิตใจเราอยู่ในสภาวะที่ดีอ่ะ
00:04:40 → 00:04:42 อย่างง่ายๆต้องไม่เครียดอ่ะถ้าเกิดเครียด
00:04:42 → 00:04:45 ใช่ป่ะกินก็ไม่ได้ไม่มีแรงไปทำนู่นทำนี่
00:04:45 → 00:04:47 กิจกรรมในชีวิตเลยออกกำลังกายก็ไม่ได้
00:04:47 → 00:04:50 เพราะฉะนั้นอารมณ์สำคัญมากที่ให้นอนสำคัญ
00:04:50 → 00:04:52 กว่าอารมณ์อ่ะเพราะว่าวันไหนอดนอนน่ะ
00:04:52 → 00:04:55 อารมณ์เสียอืเพราะฉะนเพจริงๆนอนคือพื้น
00:04:55 → 00:04:59 ฐานลองลงมาเป็นอารมณ์ลองลงมาเป็นกินแล้ว
00:04:59 → 00:05:02 สุดท้ายคือออกกำลังกายเพราะว่าออกกำลัง
00:05:02 → 00:05:04 กายเงี้ยคนอยากรักษาหุ่นใช่ป่ะต้องคิดว่า
00:05:04 → 00:05:05 เฮ้ยต้องไปออกกำลังกายเยอะๆจริงๆแล้วพื้น
00:05:06 → 00:05:09 ฐานน่ะกินก่อนถ้าอยากขนดีอ่ะคุมอาหารก่อน
00:05:09 → 00:05:12 เราก็เลยให้ความสำคัญกับเรื่องกินก่อนการ
00:05:12 → 00:05:15 ออกกำลังกายไล่ตามความสำคัญที่เราให้แล้ว
00:05:15 → 00:05:18 กันเนาะอย่างแรกคือเรื่องนอนอย่างที่บอก
00:05:18 → 00:05:20 นอนคือพื้นฐานใช่ป่ะแต่ก่อนตอนที่เด็ก
00:05:20 → 00:05:23 กว่าเนี้ยให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย
00:05:23 → 00:05:27 มากในตารางอย่างเราก็จะเห็นว่าเราใช้
00:05:27 → 00:05:29 Google candar มีสีเต็มไปหมดเลยแบ่งตาม
00:05:29 → 00:05:32 category ใช่มั้ยแต่ก่อนเนี่ยลงตารางออก
00:05:32 → 00:05:36 กำลังกายก่อนเป็นอย่างแรกงานหรือนอนอะไร
00:05:36 → 00:05:41 เงี้ยมาทีหลังแต่พออายุเนี่ยจะ 40 อ่ะ
00:05:41 → 00:05:45 ตารางใช้ชีวิตอ่ะลงตารางการนอนก่อนอย่าง
00:05:45 → 00:05:50 แรกเลยงานค่อยว่ากันเอานอนก่อนว่าช่วง
00:05:50 → 00:05:54 เนี้ยเราจะนอนอืแล้วก็ให้ความสำคัญหรือ
00:05:54 → 00:05:56 พยายามมันอาจจะทำไม่ได้สำเร็จทุกวันนะแต่
00:05:56 → 00:05:59 คือตั้งเป้าหมายเลยว่าต้องนอนให้ดีเออ
00:05:59 → 00:06:02 เพราะเรารู้แล้วว่าวันไหนนอนดีอ่ะอีกวัน
00:06:02 → 00:06:04 นึงชีวิตจะมีความสุขมากรู้สึกอยากมี
00:06:04 → 00:06:07 โมเมนต์นั้นบ่อยๆเออก็เลยลงตารางการนอน
00:06:07 → 00:06:10 ก่อนถามว่านอนยังไงจริงๆจำนวนชั่วโมงที่
00:06:10 → 00:06:12 ทดลองมากับตัวเองอ่ะรู้สึกว่าตัวเองต้อง
00:06:12 → 00:06:17 นอน 8 ช่มงขึ้นไปเคยพูดในทว่าอ่ะ range
00:06:17 → 00:06:21 ที่ healthy ในการนอนน่ะคือ 6 7 8 ใช่
00:06:21 → 00:06:25 มย 7 คือกลางเนาะถามว่านอน 7 ได้มนอนได้
00:06:25 → 00:06:27 แต่ว่ารู้สึกว่าไม่พอเพราะว่าตัวเองออก
00:06:27 → 00:06:29 กำลังกายหนักมากเออถ้านอน 7 รู้สึกว่า
00:06:29 → 00:06:33 เหนื่อยก็เลยทุกวันเนี้ยนอน 8 ชม.ก็จะ
00:06:33 → 00:06:36 กำหนดเวลานอนเลยว่า 22:30 น.นั่นคือเวลา
00:06:36 → 00:06:39 นอนของเราเออ 8 ชม.มันก็จะตื่นประมาณ
00:06:39 → 00:06:42 18:30 น.อืทีนี้นั่นคืออย่างแรกเนาะ
00:06:42 → 00:06:45 กำหนดเวลานอนแล้วก็พยายามสติ๊กอยู่กับมัน
00:06:45 → 00:06:48 ทีเนี้ยทริกนึงที่ทำก็คือว่าเราจะแบ่ง
00:06:48 → 00:06:51 เวลาก่อนนอนไปอีกครึ่ง
00:06:52 → 00:06:57 ชั่วโมงเป็นช่วงสงบจิตสงบใจเออเพื่อให้
00:06:57 → 00:07:00 ร่างกายรู้สึกรีแลกแล้วไีตอน 8 ชมงอ่ะมัน
00:07:00 → 00:07:03 หลับหลับให้เร็วที่สุดเพราะว่านิสัยเสีย
00:07:03 → 00:07:05 ส่วนตัวคือเป็น introvert ที่ชอบความ
00:07:05 → 00:07:07 เงียบเพราะฉะนั้นตอนกลางคืนน่ะเป็นช่วง
00:07:07 → 00:07:11 ที่สมองแคtiveที่สุดคือแบบคิดงานอะไร
00:07:11 → 00:07:14 เงี้ยหัวจะแล่นมากตอนกลางคืนถ้าไม่บีบตัว
00:07:14 → 00:07:18 เองให้แบบหยุดทุกกิจกรรมที่ทำให้สมองแคที
00:07:18 → 00:07:21 อ่ะมันก็จะทำงานจนเวลาเข้านอนแล้วสุดท้าย
00:07:21 → 00:07:24 มันก็จะนอนไม่หลับเพราะงั้นน่ะก็เลยจะ
00:07:24 → 00:07:27 แบ่งครึ่งชั่วโมงเอาไว้ก่อนเลยว่าแบบไม่
00:07:27 → 00:07:30 ปิดคอมไม่ทำอะไรแล้วทำกิจกรรมอะไรก็ได้
00:07:30 → 00:07:34 ที่ให้รู้สึกตัวเองสบายเบาพยายามเลี่ยง
00:07:34 → 00:07:38 ไม่ใช้มือถือไม่ใช้คอมอืมที่มักจะทำก็มัก
00:07:38 → 00:07:39 จะอักคุยโทรศัพท์
00:07:39 → 00:07:43 กับแฟนหรือว่าฟังเพลงหรืออะไรก็ตามที่ไม่
00:07:43 → 00:07:45 ต้องใช้สกรีนแล้วก็ปรับแสงไฟในห้องอ่ะ
00:07:45 → 00:07:50 เป็นไฟเหลืองอืมก่อนที่จะนอนอืแล้วก็จะ
00:07:50 → 00:07:52 พยายามไม่กินน้ำหรือเข้าห้องน้ำให้เรียบ
00:07:52 → 00:07:55 ร้อยเพราะว่าสิ่งที่จะไม่ชอบที่สุดและ
00:07:55 → 00:07:57 หงุดหงิดที่สุดคือนอนแล้วตื่นมาเข้าห้อง
00:07:57 → 00:08:00 น้ำตอนกลางคืนเพราะมันทำให้แบบการนอนมัน
00:08:00 → 00:08:02 ไม่มีคุณภาพถ้าวันไหนตื่นมาเข้าห้องน้ำ
00:08:02 → 00:08:05 ตอนกลางคืนน่ะจะรู้สึกเฟลมากอืเพราะว่า
00:08:05 → 00:08:08 อยากหลับให้ได้ดีที่สุดในช่วง 8 ช่โมง
00:08:08 → 00:08:12 คือวันไหนที่นอนดีได้ตามที่ตั้งใจไว้ใช่
00:08:12 → 00:08:15 ป่ะอีกวันนึงอ่ะ
00:08:15 → 00:08:18 เชทุกอย่างมันมีความสุขอ่ะอย่างแรกที่
00:08:19 → 00:08:22 สัมผัสได้เลยนะคืออารมณ์จะดีแทบจะทั้งวัน
00:08:22 → 00:08:26 นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสมองทำงานดี
00:08:26 → 00:08:29 ไม่ว่าวันนั้นน่ะจะเป็นวันที่แย่แค่ไหน
00:08:29 → 00:08:31 เจอเรื่องอะไรแย่ๆใช่ป่ะแต่ถ้ามันนอนดี
00:08:31 → 00:08:34 อ่ะมันจะจัดการกับปัญหาได้ดีกว่าวันที่
00:08:34 → 00:08:38 นอนแย่หงุดหงิดน้อยเรื่องกินก็ดีนะคือถ้า
00:08:38 → 00:08:43 วันไหนนอนนอนเอาไม่พออ่ะหิวคือมันทำให้
00:08:43 → 00:08:45 เราหิวอ่ะเออเพราะว่าฮอร์โมนมันก็แย่ถูก
00:08:45 → 00:08:49 มั้ยก็ไอ้ที่เราอยากจะแบบอาหารบางอย่าง
00:08:49 → 00:08:51 ที่ปกติเราจะเลี่ยงไม่กินน่ะมันจะมีความ
00:08:51 → 00:08:53 อยากกินแล้วบางทีมันแบบบังคับตัวเองไม่
00:08:53 → 00:08:56 ได้ต้องกินเพราะมันแบบสมองมันเรียกร้อง
00:08:56 → 00:08:58 เพราะฉะนั้นน่ะเพื่อตัดปัญหาพวกนั้นน่ะก็
00:08:58 → 00:09:00 พยายามนอนให้ดีที่สุดนอกจากเราจะฟิกเวลา
00:09:00 → 00:09:03 นอนแล้วใช่ป่ะจริงๆอีกอย่างนึงที่ทำแล้ว
00:09:03 → 00:09:07 คิดว่าเพิ่งเรียนรู้ว่ามันสำคัญคือการ
00:09:07 → 00:09:09 ตื่นตื่นนอนก็สำคัญเช่นกันไม่แพ้ตอนนอน
00:09:10 → 00:09:13 เดี๋ยวเนี้ยพยายามตื่นเป็นเวลาจริงๆกับ
00:09:13 → 00:09:15 เป้าหมายคืออยากตื่นโดยที่ไม่ใช้นาฬิกา
00:09:15 → 00:09:17 ปลุกถ้าช่วงไหนตื่นได้โดยที่ไม่ใช้นาฬิกา
00:09:17 → 00:09:20 ปลุกอ่ะช่วงนั้นจะรู้สึกแล้วว่าเฮ้ยร่าง
00:09:20 → 00:09:23 กายตอนเนี้ยดีว่ะแสดงว่าตอนนี้นาฬิกา
00:09:23 → 00:09:26 ชีวิตอ่ะทำงานดีมากนะครับเพราะงั้นอย่าง
00:09:26 → 00:09:30 ที่บอกไปคือพยายามตื่นเป็นเวลาถ้าต้อง
00:09:30 → 00:09:32 เลือกระหว่างนอนเป็นเวลากับตื่นเป็นเวลา
00:09:33 → 00:09:35 จะต้องเสียอันใดอันนึงสมมุติว่าวันนึง
00:09:35 → 00:09:37 เกิดต้องไปแบบทำงานหนักเป็นพิเศษ
00:09:37 → 00:09:40 ต้องต้องอยู่ดึกนอนผิดเวลาเราจะบังคับตัว
00:09:40 → 00:09:43 เองให้ตื่นเวลาเดิมปกติอ่ะร่างกายเราอ่ะ
00:09:43 → 00:09:46 ทำงานโดยอาศัยแสงที่วิ่งเข้าลูกกับตาใช่
00:09:46 → 00:09:49 ป่ะการตื่นเวลาเดิมอ่ะมันเป็นการบอกร่าง
00:09:49 → 00:09:52 กายว่าเฮ้ยนี่คือเวลาที่โรงงานต้องเปิด
00:09:52 → 00:09:54 คือร่างกายต้องทำงานถ้าเราตื่นเป็นเวลา
00:09:54 → 00:09:57 เสมออ่ะแม้ว่าวันนั้นเราจะนอนน้อยก็ตาม
00:09:57 → 00:10:02 อ่ะมันจะทำให้ระบบฮอร์โมนระบบเอนไซม์ทุก
00:10:02 → 00:10:05 อย่างกลไกร่างกายอ่ะมันจะรู้ว่าเวลาไหน
00:10:05 → 00:10:09 ควรทำอะไรอืแล้วตอนกลางคืนน่ะที่เราควรจะ
00:10:09 → 00:10:12 ง่วงแล้วเราควรจะนอนน่ะมันก็จะไม่ร่วน
00:10:12 → 00:10:15 เพราะฉะนั้นการตื่นเวลาตื่นจึงควรแบบฟิก
00:10:15 → 00:10:17 ให้เหมือนเดิมแม้ว่าวันนั้นเราจะนอนน้อย
00:10:17 → 00:10:20 ก็ตามเพื่อเป็นการบอกร่างกายว่านี่คือ
00:10:20 → 00:10:24 เวลาที่โรงงานควรจะเปิดอืมถามว่าตอนตื่น
00:10:24 → 00:10:27 ตื่นปุ๊บทำอะไรอันเนี้ยสำคัญคนส่วนใหญ่
00:10:27 → 00:10:30 อ่ะเราก็เป็นเนาะวัยทำงานเนาะมันรีบอ่ะ
00:10:30 → 00:10:32 เออมันมีภาระเต็มไปหมดใช่ป่ะบางคนตื่น
00:10:32 → 00:10:34 ปุ๊บรีบไปอาบน้ำและรีบขับรถออกจากบ้านไป
00:10:34 → 00:10:36 ทำงานใช่ป่ะ
00:10:36 → 00:10:39 แต่พยายามจะตื่นเช้าขึ้นมาหน่อยเพื่อให้
00:10:39 → 00:10:42 มีเวลา slow life ตอนเช้าถามว่าทำอะไร
00:10:42 → 00:10:44 ตื่นอย่างแรกที่ทำคือดื่มน้ำเพราะว่าเรา
00:10:44 → 00:10:47 ไม่ได้ดื่มน้ำแบบตอนนอนตั้งหลายชั่วโมง
00:10:47 → 00:10:49 ใช่ป่ะร่างกายเป็นขาดน้ำดื่มน้ำก่อนอย่าง
00:10:49 → 00:10:52 แรกเลยอย่างที่ 2 ที่ทำคือออกไปชิลนอก
00:10:52 → 00:10:57 บ้านถามว่าชิลคืออะไรคือเรามักจะพูดติด
00:10:57 → 00:11:00 ตลกว่าตอนเช้าเราต้องหิวแสงคือพยายามออก
00:11:00 → 00:11:04 ไปเจอแสงแดดไม่ใช่การมองดวงอาทิตย์ตรงๆนะ
00:11:04 → 00:11:06 แต่คือมองไปไปแบบที่ท้องฟ้าที่มันสว่าง
00:11:06 → 00:11:10 อ่ะเพื่อให้แสงอ่ะมันเข้าตาให้เยอะที่สุด
00:11:10 → 00:11:13 ซักแบบสัก 10 นาที 5 นาที 10 นาทีอย่าง
00:11:13 → 00:11:15 น้อยเลยอ่ะพยายามอย่าเพิ่งจับมือถือตอน
00:11:15 → 00:11:18 เช้าเราไม่จะพยายามไม่จับตื่นปึ๊บดื่มน้ำ
00:11:18 → 00:11:21 ออกไปนอกห้องเราอยู่ในบ้านใช่ป่ะบ้านมัน
00:11:22 → 00:11:24 ก็จะมีพื้นที่สวนเนาะก็สามารถจะเดินออกไป
00:11:24 → 00:11:27 ในสวนสิ่งที่พยายามทำก็คือ
00:11:27 → 00:11:32 เดินคือการพาตัวเองอ่ะเดินไปข้างหน้า
00:11:32 → 00:11:35 เพราะว่าไปอ่านงานวิจัยแล้วก็เจอว่าจริงๆ
00:11:36 → 00:11:38 ทุกเช้าอ่ะถ้าเราทำกิจกรรมที่เป็นการพา
00:11:38 → 00:11:42 ตัวเองอ่ะเดินไปด้านหน้าไม่ว่าจะเป็นเดิน
00:11:42 → 00:11:45 วิ่งหรือว่าแบบปั่นจักรยานอะไรก็ได้ที่ทำ
00:11:45 → 00:11:48 ให้เหมือนกับมีสิ่งของผ่านไปอ่ะด้านหลัง
00:11:48 → 00:11:53 เราอ่ะเอ่อมันจะทำให้สมองส่วนอิกดาส่วน
00:11:53 → 00:11:56 ที่แบบมันควบคุมความเครียดความวิตกกังวล
00:11:56 → 00:11:59 น่ะมันทำงานน้อยลงแล้วมันทำให้เรารู้สึก
00:11:59 → 00:12:03 รีxแล้วร่างกายอ่ะมันจะพร้อมที่จะทำงาน
00:12:03 → 00:12:06 มากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นการออกไป
00:12:06 → 00:12:09 เดินมองแสงแดดได้ประโยชน์ 2 อย่างก็คือ 1
00:12:09 → 00:12:13 ทำให้นาฬิกาชีวิตอ่ะทำงานถูกต้องแล้วก็ทำ
00:12:13 → 00:12:17 ให้ร่างกายพร้อมmindsตพร้อมที่วันนั้นจะ
00:12:17 → 00:12:19 เป็นวันที่แบบเราพร้อมจะออกไปเผชิญอะไรก็
00:12:19 → 00:12:23 ตามอืก็เลยจะทำ 2 อย่างก่อนที่จะไปอาบน้ำ
00:12:23 → 00:12:26 แต่ถ้าเกิดว่าใครแบบโหไม่มีเวลามันยุ่งก็
00:12:26 → 00:12:28 ก็อยากชวนให้ทุกคนทำเหมือนกันนะคืออย่าง
00:12:28 → 00:12:32 น้อยอ่ะน้ำอ่ะควรจะดื่มแล้วก็ถ้าต้องรีบ
00:12:32 → 00:12:36 อาบน้ำแล้วเดินทางไปทำงานถ้าใครใช้ขนส่ง
00:12:36 → 00:12:38 สาธารณะดีเลยมันต้องเดินมันต้องไรใช่ป่ะ
00:12:38 → 00:12:41 เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าอะไรอย่างเงี้ยการเดิน
00:12:41 → 00:12:43 ขอให้เดินหน่อยเหอะแล้วอยู่กับแสงแดด
00:12:43 → 00:12:46 หน่อยเหอะจะบอกว่าแสงแดดอ่ะมันต่างกับแสง
00:12:46 → 00:12:49 ไฟนะถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในแสงไฟตั้งแต่ตอน
00:12:49 → 00:12:52 เช้าอ่ะระบบในร่างกายมันไม่ดีเท่าแสงแดด
00:12:52 → 00:12:56 อืเพราะงั้นหาเวลาใช้ชีวิตอยู่กับแสงแดด
00:12:56 → 00:12:59 สัก 5-10 นาทีดีที่สุดคือครึ่งชั่วโมงถ้า
00:12:59 → 00:13:01 เป็นวันเสาร์อาทิตย์อ่ะออกไปทำอะไรเลยไป
00:13:01 → 00:13:04 เดินเล่นไปวิ่งไปอะไรก็ได้ตอนเช้าก่อนอื
00:13:04 → 00:13:07 แล้ววันนั้นน่ะจะ
00:13:07 → 00:13:11 ดีคือพื้นฐานก่อนต้องบอกว่าพื้นฐานเป็นคน
00:13:11 → 00:13:13 ไม่เครียดอยู่แล้วในตัวเป็นคนแบบสุขนิยม
00:13:13 → 00:13:18 อ่ะเป็นคนแบบไม่ค่อยเก็บความเครียดไว้เออ
00:13:18 → 00:13:20 ซึ่งไอ้เรื่องเป็นคนไม่เครียดหรือว่า
00:13:20 → 00:13:22 กำจัดความเครียดได้เร็วอ่ะมันเก่งขึ้นตาม
00:13:22 → 00:13:25 อายุด้วยนะตอนที่เด็กกว่าเนี้ยก็ก็ไม่ได้
00:13:25 → 00:13:29 ไม่ได้แบบกำจัดความเครียดได้ดีขนาดนี้ถาม
00:13:29 → 00:13:32 ว่าทำไมถึงแบบคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ
00:13:32 → 00:13:35 อย่างที่บอกไปใช่ป่ะคนเราอ่ะถามว่าเครียด
00:13:35 → 00:13:38 อ่ะมันเป็นเรื่องดีมยมันโอเคนะถ้าเราจะ
00:13:38 → 00:13:39 เครียดหรือเราจะ
00:13:40 → 00:13:43 แบบเออรู้สึก negative อะไรบางอย่างช่วง
00:13:43 → 00:13:47 สั้นๆน่ะดีเพราะมันช่วยทำให้เราอ่ะalิt
00:13:47 → 00:13:49 ช่วยให้เรามีชีวิตรอดเพราะเราต้องทำงาน
00:13:49 → 00:13:51 ตื่นตัวใช่ป่ะแต่มันจะเริ่มไม่ดีก็แต่
00:13:51 → 00:13:55 เมื่อความเครียดนั้นน่ะมันอยู่กับเรานาน
00:13:55 → 00:14:00 เกินไปแบบมีปัญหาเข้ามาในชีวิตแก้ไม่ได้
00:14:00 → 00:14:02 ย้ำคิดย้ำเครียดย้ำทำอยู่งั้นน่ะ
00:14:02 → 00:14:04 แล้วก็ปล่อยให้เราเครียดไปเรื่อยๆจนมัน
00:14:04 → 00:14:06 เรื้อรังเพราะถ้าเราใครก็ตามที่เครียด
00:14:07 → 00:14:09 เรื้อรังอ่ะสิ่งที่มันเกิดขึ้นน่ะคือสาร
00:14:09 → 00:14:13 สื่อประสาทในสมองอ่ะมีแต่สารที่มันเครียด
00:14:13 → 00:14:15 แล้วมันทำให้เซลล์พังจริงๆมันทำให้ทุก
00:14:15 → 00:14:18 อย่างรวนจริงๆเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม
00:14:18 → 00:14:21 ที่เราเครียดเราจะหาวิธีคายเครียดทันที
00:14:21 → 00:14:23 เอออย่างนึงก่อนที่อยากจะแชร์ก็คือว่า
00:14:23 → 00:14:27 เวลาทุกคนมีปัญหาเรื่องเครียดใช่ป่ะอย่าง
00:14:27 → 00:14:29 แรกอ่ะที่อยากให้ทำก็คืออยากให้มองมัน
00:14:29 → 00:14:31 ก่อนว่าจริงๆแล้วอ่ะ
00:14:31 → 00:14:35 มันเป็นปัญหาที่เราต้องเครียดหรือเปล่าคน
00:14:35 → 00:14:37 ส่วนใหญ่มักจะเครียดในสิ่งที่ไม่ใช่ปัญหา
00:14:37 → 00:14:40 ของตัวเองและปัญหาที่ควรจะเครียดหรือไม่
00:14:40 → 00:14:43 ก็เครียดในเรื่องที่แบบมโนไปก่อนคิดไป
00:14:43 → 00:14:46 ก่อนกังวลไปก่อนว่ามันคือปัญหาทั้งๆที่
00:14:46 → 00:14:48 มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาถ้าเกิดว่าสิ่งนั้น
00:14:48 → 00:14:50 ถามตัวเองแล้วว่าเฮ้ยมันมันไม่ใช่ว่ะบาง
00:14:50 → 00:14:53 ทีมันไม่ใช่เรื่องของเราเลยไม่ใช่ปัญหา
00:14:53 → 00:14:54 ที่เราต้องมานั่งเครียดด้วยไม่ต้องใส่ใจ
00:14:54 → 00:14:58 ด้วยตัดทิ้งเลยนั่นคืออย่างแรกเพราะมันจะ
00:14:58 → 00:15:01 มีเยอะมากปัญหา 100 อย่างอ่ะเชื่อเหอะมัน
00:15:01 → 00:15:04 จะมีปัญหาที่ไร้สาระที่ไม่ควรจะไปเสีย
00:15:04 → 00:15:08 เวลากับมันน่ะเยอะเลยตัดมันทิ้งไปก่อนที
00:15:08 → 00:15:11 นี้ถ้ามันเป็นปัญหาที่เราต้องเครียดจริงๆ
00:15:11 → 00:15:13 ที่ต้องแก้อ่ะจะถามตัวเองว่าแก้ได้มั้ย
00:15:13 → 00:15:16 ตอนเนี้ยถ้าแก้ได้แก้เลยเพราะถ้าแก้จบ
00:15:16 → 00:15:21 ปุ๊บหายเครียดแต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ยังไม่
00:15:21 → 00:15:22 ต้อง
00:15:22 → 00:15:26 แก้ไปทำอย่างอื่นก่อนที่ทำให้เราแบบ
00:15:26 → 00:15:29 เปลี่ยนความสนใจจากที่ต้องมานั่งย้ำคิด
00:15:29 → 00:15:32 ย้ำทำกับการแก้ปัญหากับเรื่องเครียดงั้น
00:15:32 → 00:15:34 สิ่งที่เราทำ 2 อย่างในการขายเครียด 1
00:15:34 → 00:15:35 คือ
00:15:35 → 00:15:38 นอนเครียดเมื่อไหร่คิดแล้วไม่ออกนอนเป็น
00:15:38 → 00:15:41 คนชอบนอนมากแต่ไม่ได้แบบนอนกลางวันพร่ำ
00:15:41 → 00:15:45 เพื่อนๆนะแต่แบบไม่มานั่งแบบอยู่กลางคืน
00:15:45 → 00:15:49 นั่งเครียดไม่เอานอนอืเพราะรู้สึกว่าถ้า
00:15:49 → 00:15:52 เครียดแสดงว่าเหนื่อยร่างกายเหนื่อยและ
00:15:52 → 00:15:55 ต้องการการพักผ่อนเดี๋ยวร่างกายรู้สึก
00:15:55 → 00:15:57 เฟรชขึ้นเดี๋มันก็อาจจะแก้ปัญหาได้กับอีก
00:15:58 → 00:16:00 อย่างนึงคือระบาย
00:16:00 → 00:16:03 คือการไปออกกำลังกายส่วนตัวเป็นคนชอบยก
00:16:03 → 00:16:08 น้ำหนักยกเวทใช่ป่ะก็ไปยิ่มเลยแล้วก็ยก
00:16:08 → 00:16:10 แค้นใครโกรธใครเครียดเรื่องอะไรไปลงกับ
00:16:10 → 00:16:13 น้ำหนักยกหนักๆเพราะว่าอีจังหวะที่เรายก
00:16:13 → 00:16:17 อ่ะมันทำให้เราต้องไปโฟกัสกับน้ำหนักว่า
00:16:17 → 00:16:20 ทำยังไงไม่ให้มันหล่นมาทับตัวเรามันเป็น
00:16:20 → 00:16:22 โมเมนต์ที่ทำให้เราหลุดจากการที่เราแบบ
00:16:22 → 00:16:24 นั่งย้ำคิดย้ำทำคอร์โมนเครียดๆที่มัน
00:16:24 → 00:16:27 หลั่งอยู่ในหัวพอหยุดคิดปุ๊บอ่ะมันก็ลดลง
00:16:27 → 00:16:30 ทันทีนะเพราะมันมีสารสื่ออื่นๆน่ะที่
00:16:30 → 00:16:33 สร้างขึ้นมาแทนที่อย่างน้อยให้เราหยุด
00:16:33 → 00:16:37 เครียดชั่วขณะนึงอ่ะแล้วเรามีความสุขขึ้น
00:16:37 → 00:16:41 มาแค่นั้นมันก็ช่วยแล้วเออวิธีการคืออย่า
00:16:41 → 00:16:43 ปล่อยให้ตัวเองเครียดต่อเนื่องหาอะไรมา
00:16:43 → 00:16:45 คั่นมันให้มันหยุดเครียดได้บ้างมีโมเมนต์
00:16:45 → 00:16:48 ที่แบบได้เรามีความสุขบ้างเล็กๆน้อยๆอ่ะ
00:16:48 → 00:16:50 แค่นั้นน่ะมันช่วยเราได้เยอะเลยอืมเพราะ
00:16:50 → 00:16:53 ว่าฮอร์โมนความเครียดหรือคอลีซออ่ะถ้ามัน
00:16:53 → 00:16:55 อยู่กับเรานานๆ
00:16:55 → 00:16:59 น่ะดินพังนะไมโตคนเดียวแล้วพังนะเพราะใน
00:16:59 → 00:17:02 ไมโตคอนเดียเมี DNA พูดเสมอเลยเซลล์มัน
00:17:02 → 00:17:06 พังจริงๆอืมเพราะฉะนั้นน่ะคิดว่าทักษะการ
00:17:06 → 00:17:08 กำจัดความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี
00:17:08 → 00:17:12 แล้วก็โดยเฉพาะน้องๆรุ่นใหม่อ่ะในฐานะแก่
00:17:12 → 00:17:14 กว่าก็รู้สึกว่าฝึกเหอะเดี๋ยวมันจะเก่ง
00:17:14 → 00:17:17 ขึ้นเรื่อยๆเออขอแชร์เร็วๆนิดนึงเป็นนัก
00:17:17 → 00:17:19 วิจัยใช่ป่ะจริงๆตอนที่เด็กกว่าเนี้ยเป็น
00:17:19 → 00:17:22 คน perfectionist มากทุกอย่างต้องเป๊ะ
00:17:22 → 00:17:27 ต้องดีแต่พอเรียนปทปเอกแล้วทำแลบอ่ะคนทำ
00:17:27 → 00:17:30 แลบทุกวันน่ะจะรู้ว่าแลบอ่ะมันเฟลทุกวัน
00:17:30 → 00:17:34 เลยนะไม่เคยได้ดั่งใจเลยพอใช้ชีวิตอยู่
00:17:34 → 00:17:36 กับเฟลกับความผิดหวังมาทุกวันจากการทำแลบ
00:17:36 → 00:17:41 อ่ะมันทำให้เหมือนกับโปร่งได้มั้งพอ
00:17:41 → 00:17:44 โปรยมองกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆในระหว่าง
00:17:44 → 00:17:46 วันน่ะต่อให้แลบจะเฟลเออมันก็ได้เรียนรู้
00:17:47 → 00:17:50 อะไรบางอย่างว่ะเออหาแบบสิ่งเล็กๆน้อยๆ
00:17:50 → 00:17:53 ที่เราได้ชื่นชมได้รู้สึกดีกับตัวเองอ่ะ
00:17:53 → 00:17:55 แค่นั้นมันก็ช่วยแล้วอาจจะเป็นเพราะงี้
00:17:55 → 00:17:58 มั้งทำให้โตขึ้นโตขึ้นปล่อยวางได้มากขึ้น
00:17:58 → 00:18:01 เพราะนั้นแนะนำให้ทุกคนชั่งมันให้ได้เร็ว
00:18:01 → 00:18:06 ที่สุดเป็นวิธีที่ทำให้สุขภาพดี
00:18:06 → 00:18:09 อืจริงๆอ่ะเจอคนเยอะมากคนมักจะคิดว่า
00:18:09 → 00:18:12 ดอกเตข้าวทำทูโทต้องกินแต่อาหาร healthy
00:18:12 → 00:18:15 อาหารคลีนแน่นอนซึ่งไม่จริงถ้าใครเป็นแฟน
00:18:15 → 00:18:18 แฟนแท้ท็อทจะรู้ว่าเราไม่เคยบอกให้ใครแบบ
00:18:18 → 00:18:21 ไม่กินของหวานไม่กินขนมไม่กินอาหารที่แบบ
00:18:21 → 00:18:24 ไม่ดีต่อสุขภาพเพราะว่าเราเป็นคนมีความ
00:18:24 → 00:18:27 สุขกับการกินแล้วหลายคนจะเห็นว่าไปเจอเออ
00:18:27 → 00:18:33 เราต่อคิวซื้อขนมตลอดเวลาเลยก็คิดว่าเรา
00:18:33 → 00:18:36 สามารถจะกินแล้วยังมีความสุขได้แค่เราใช้
00:18:36 → 00:18:40 ทริกเล็กๆน้อยๆซึ่งทริกแรกที่เราใช้ส่วน
00:18:40 → 00:18:43 ตัวและทำตลอดเวลาเรียกว่าเป็นอะไรเป็น
00:18:43 → 00:18:47 เป็นกดเป็นmindsตเลยอ่ะกินยังไงก็ได้อย่า
00:18:47 → 00:18:51 เป็นเบาหวานหรือว่าอย่าให้มีอินซูลิน
00:18:51 → 00:18:53 resistance หรือว่าดื้ออินซูลินเออนี่
00:18:53 → 00:18:56 คือนี่คือเทคนิคใหญ่มากเลยเพราะว่าถ้า
00:18:56 → 00:18:59 เกิดว่าเราดื้ออินซูลินปึ๊บอ่ะเราจะได้
00:18:59 → 00:19:03 โรคต่างๆที่เป็นของแถมตามมาหมดเบาหวาน
00:19:03 → 00:19:06 เป็นพื้นฐานของแทบจะทุกแทบจะทุกโรคเลยใน
00:19:06 → 00:19:09 มุมมองของเราเนาะเพราะเวลาที่เป็นเบาหวาน
00:19:09 → 00:19:14 ปึ๊บระบบเผาผานมันพังอ่ะแล้วระบบเผาผลาญ
00:19:14 → 00:19:17 พังเนี่ยเป็นพื้นฐานของเกือบทุกโรคนะรวม
00:19:17 → 00:19:19 ถึงมะเร็งด้วยซ้ำไปนะที่เชื่อๆกันว่า
00:19:19 → 00:19:21 มะเร็งเป็นเพราะเจนติกอ่ะมะเร็งจริงๆแล้ว
00:19:21 → 00:19:24 อ่ะก็เป็น metabolic disease เหมือนกัน
00:19:24 → 00:19:29 อืมเพราะฉะนั้นไม่อยากเป็นเบาหวานความดัน
00:19:29 → 00:19:32 stroke หัวใจขาดเลือดหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:19:32 → 00:19:35 อย่าเป็นเบาหวานเพราะฉะนั้นหลักใหญ่กิน
00:19:35 → 00:19:38 ยังไงก็ได้อย่าอย่าดื้ออินซูลินถามว่าอ่ะ
00:19:38 → 00:19:41 แล้วเราต้องกินยังไงอย่างแรกเป็นคนที่
00:19:41 → 00:19:44 โฟกัสกับการกิน Food คืออาหารที่มันเป็น
00:19:44 → 00:19:48 แบบอาหารจริงๆอ่ะคือดูรู้ว่าไอ้เนี่ยคือ
00:19:48 → 00:19:51 เนื้อสัตว์ไอ้นี่คือผักอันเนี้ยคือบอกได้
00:19:51 → 00:19:54 ว่าไอ้นี่คืออะไรนั่นคือFoodดไม่ใช่แบบ
00:19:54 → 00:19:58 อาหารแปรรูปอที่แบบเดาดูไม่ออกแล้วว่าไอ้
00:19:58 → 00:20:00 นี่มันคืออะไรตอนแรกให้ความสำคัญกับอาหาร
00:20:00 → 00:20:04 หลักมากคือการเลือกกินโฮฟู้ดก่อนอย่างที่
00:20:04 → 00:20:05 2 ก็
00:20:05 → 00:20:10 คืออะไรก็ตามที่มันหวานเราตีเป็นของหวาน
00:20:10 → 00:20:13 หมดหรือว่าเคี้ยวๆไปแล้วรู้ว่ามันหวานน่ะ
00:20:13 → 00:20:17 อันนั้นน่ะเราตีเป็นของหวานพอเราตีได้ว่า
00:20:17 → 00:20:18 อีเนี่ยเป็นของหวานปึ๊บก็จะมีเทคนิคในการ
00:20:18 → 00:20:22 กินแหละอย่างสมมุติส่วนตัวใช่ป่ะเป็นคน
00:20:22 → 00:20:26 ชอบเค้กแบบขนมหวานชอบมากกินหมดทุกอย่าง
00:20:26 → 00:20:29 ทั้งขนมไทยขนมฝรั่งผลไม้เของชอบคือ
00:20:29 → 00:20:34 ทุเรียนมะม่วงสุกมะยงชิดหวานทุกอย่างชอบ
00:20:34 → 00:20:37 มากไอติมอย่างเงี้ยไอศกรีมเงี้ยชอบทุก
00:20:37 → 00:20:40 อย่างหมดเนี่ยคือของหวานใช่ป่ะเรารู้แล้ว
00:20:40 → 00:20:42 ถ้าเรากินอะไรก็ตามที่มันหวานนะเดี๋ยว
00:20:42 → 00:20:45 แป๊บเดียวน้ำตาลพุ่งเพราะฉะนั้นเราก็จะ
00:20:45 → 00:20:49 กินของหวานก็ต่อเมื่อได้เนาะกินมื้อกลาง
00:20:49 → 00:20:54 วันเป็นมื้อที่จะอัดของทุกอย่างที่อาจจะ
00:20:54 → 00:20:57 ไม่ Healy ที่สุดอ่ะไปลงมื้อกลางวันก่อน
00:20:57 → 00:20:59 จะไม่กินมื้อเช้าหวานๆเท่าไหร่เพราะว่า
00:20:59 → 00:21:02 ถ้ากินหวานตอนเช้าปุ๊บอ่ะสมองจะงอแงแต่
00:21:02 → 00:21:04 มื้อกลางวันน่ะกินได้เพราะว่าแบบโอเคและ
00:21:04 → 00:21:07 สมองเริ่มเซตและแล้วช่วงบ่ายเรายังทำ
00:21:07 → 00:21:09 กิจกรรมนู่นนี่อยู่นู่นนั่นอยู่ไอ้แคลี่
00:21:09 → 00:21:12 ที่เรากินเข้าไปอ่ะเดี๋ยวมันถูกเผาผ่าน
00:21:12 → 00:21:15 ได้ไปกินมื้อกลางวันกับเทคนิคที่ใช้ที่
00:21:15 → 00:21:19 บอกทุกคนเสมอถ้าจะกินของหวานก็จะดันไป
00:21:19 → 00:21:22 เป็นท้ายๆที่สุดของมื้อแล้วก็จะกินผัก
00:21:22 → 00:21:26 เยอะๆกินเนื้อเยอะๆก่อนถ้าเป็นไปได้แล้ว
00:21:26 → 00:21:29 ก็ลดแป้งลงสมมุติมื้อนั้นต้องกินข้าวใช่
00:21:29 → 00:21:34 ป่ะลดข้าวลงเก็บโคต้าไว้ให้ของหวานทันที
00:21:34 → 00:21:36 อืมนั่นคือสิ่งที่จะทำแล้วก็อย่างที่ 3
00:21:36 → 00:21:39 อันเนี้ยคือแบบเออเป็นสิ่งที่ทำโดยที่ไม่
00:21:39 → 00:21:43 รู้ตัวแล้วเพิ่งสังเกตตัวเองก็คือว่าเวลา
00:21:43 → 00:21:47 เราจะกินอะไรอ่ะสมมุติว่าเราอยากจะ
00:21:47 → 00:21:52 กินเค้กสักสไลด์นึงใช่ป่ะอ่าบานฟี่อ่ะ
00:21:52 → 00:21:54 สมมุติอยากกินบานฟี่
00:21:54 → 00:21:57 เวลาเรามองบานฟี่อ่ะเราไม่ได้มองว่ามัน
00:21:57 → 00:22:01 คือบานฟี่ด้วยนะประหลาดมากเลยเราจะมองว่า
00:22:01 → 00:22:05 อีเนี่ยมันประกอบด้วยอะไรบ้างวะเออฐาน
00:22:05 → 00:22:09 แป้งข้างล่างมันประกอบด้วยอะไรเอออีตรง
00:22:09 → 00:22:13 ช็อกโกแลตอย่างเงี้ยมันทำมาจากอะไรกล้วย
00:22:13 → 00:22:16 คืออะไรเออคือน้ำตาลหรือแป้งนี่คือสิ่ง
00:22:16 → 00:22:20 ที่จะเข้ามาในหัวตลอดเออจะมองอาหารเป็น
00:22:20 → 00:22:24 ว่ามันประกอบด้วยอะไรเพราะว่ามันมีผลมาก
00:22:24 → 00:22:26 มันทำให้เรารู้ว่าอีเนี่ยที่กินเข้าไป
00:22:26 → 00:22:28 แล้วอ่ะมันทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งเร็ว
00:22:28 → 00:22:30 หรือพุ่งช้าพอย์คือแค่นั้นเลยด้วยความที่
00:22:30 → 00:22:33 เป็นคนชอบทำอาหารด้วยมั้งทำให้เอ่อพอรู้
00:22:33 → 00:22:36 หรือของที่เรากินบ่อยๆพยายามจะไปดูว่ามัน
00:22:36 → 00:22:39 ใช้วัตถุดิบอะไรวะในการทำอันเนี้ยแล้ว
00:22:39 → 00:22:42 อันเนี้ยมันทำให้น้ำตาลพุ่งหรือเปล่าถ้า
00:22:42 → 00:22:45 มันทำให้น้ำตาลพุ่งก็พยายามใช้เทคนิคใน
00:22:45 → 00:22:48 การมาพยายามทำให้น้ำตาลมันพุ่งน้อยที่สุด
00:22:48 → 00:22:52 อีกอย่างนึงก็คือถ้าจะกินของหวานทำตัว
00:22:52 → 00:22:55 active ก่อนกินหรือหลังกินคือกินแล้วอ่ะ
00:22:55 → 00:22:58 ก็จะไม่นั่งเฉยๆสมมุติกินอิ่มและอย่าง
00:22:58 → 00:23:00 น้อยอ่ะขอให้ไปเดินไปทำอะไรซะหน่อยสัก 5
00:23:00 → 00:23:04 นาที 10 นาทีจริงๆการทำแค่เนี้ยมันช่วยปก
00:23:04 → 00:23:07 ป้องร่างกายจากแบบการดื้ออินซูลินได้เยอะ
00:23:07 → 00:23:10 เลยอืมันก็เป็นสิ่งที่ทำเสมอเรื่องกินอีก
00:23:10 → 00:23:12 อย่างนึงนอกจากป้องกันไม่ให้ดื้ออินซูลิน
00:23:12 → 00:23:14 ใช่ป่ะก็
00:23:14 → 00:23:16 คือ
00:23:16 → 00:23:20 จะใส่ใจกับการกินไขมัน
00:23:20 → 00:23:23 ดีใส่ใจกับการกินผักเยอะ
00:23:23 → 00:23:26 แล้วก็ช่วงหลังๆใส่ใจกับการกินจุลินทรีย์
00:23:26 → 00:23:30 ที่ดีๆเออเรารู้สึกว่า 3 อย่างเนี้ยเป็น
00:23:30 → 00:23:32 ความท้าทายที่คนมักจะ
00:23:32 → 00:23:36 แบบไม่ค่อยได้กินน่ะเออเอาเริ่มที่อีไข
00:23:36 → 00:23:39 มันดีก่อนคือถ้ามองสารอาหารที่เป็น
00:23:39 → 00:23:42 แมคโครนิวตรียนอ่ะคือโปรตีนคาร์โบไฮเดรต
00:23:42 → 00:23:45 แล้วก็ไขมันใช่ป่ะเราคิดว่าหาโปรตีนกินดี
00:23:45 → 00:23:48 ๆอ่ะเดี๋ยวเนี้ยไม่ไม่ค่อยมีปัญหาและมี
00:23:48 → 00:23:52 ตัวช่วยเยอะแยะเลยแบบอกไกลปันนมโปรตีนสูง
00:23:52 → 00:23:54 ถ้ากินโปรตีนไม่พอกลัวกินเนื้อไก่เนื้อ
00:23:54 → 00:23:58 สัตว์ไม่พอมีของให้ของตัวช่วยเยอะแป้งนี่
00:23:58 → 00:24:01 ไม่ต้องพูดเมืองไทยนี่เมืองแป้งเต็มไป
00:24:01 → 00:24:04 ด้วยแป้งเยอะไปหมดแต่ปัญหาใหญ่ที่เรารู้
00:24:04 → 00:24:06 สึกว่าตัวเราเองมีปัญหาแล้วคิดว่าคนไทยมี
00:24:06 → 00:24:10 ปัญหาคือกินไขมันที่ดีไม่พอไขมันดีหากิน
00:24:10 → 00:24:13 ยากมากนะเอาจริงๆเออแต่ไขมันไม่ดีอ่ะกิน
00:24:13 → 00:24:15 ง่ายเออของทอดอะไรเงี้ยทั้งนั้นแต่ไขมัน
00:24:15 → 00:24:17 ดีอ่ะหากินไม่ได้เพราะฉะนั้นเลยพยายาม
00:24:17 → 00:24:20 เตือนตัวเองว่าต้องกินไขมันที่ดีใช่ป่ะที
00:24:20 → 00:24:23 นี้พอไขมันดีอ่ะแบบคนก็แบบกินอะไร
00:24:23 → 00:24:28 วะใกล้ตัวก็มีแบบถั่วเปือกแข็งใช่มั้ยก็
00:24:28 → 00:24:31 เคี้ยวถั่วจนฟันจะแบบจะหักอยู่แล้วแต่
00:24:31 → 00:24:34 สิ่งที่คนไม่รู้คือไขมันดีที่อยู่ใน
00:24:34 → 00:24:38 ถั่วมันยังไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุดจริงๆไข
00:24:38 → 00:24:42 มันที่ดีที่สุดมันคือโอเมก้า 3 DHA EPA
00:24:42 → 00:24:45 ซึ่งมันอยู่ในปลาทะเลเพราะฉะนั้นก็จะบอก
00:24:45 → 00:24:49 ตัวเองให้แบบเฮ้ยพยายามกินปลาให้เยอะขึ้น
00:24:49 → 00:24:52 เป็นคนเข้ายิมเล่นเวทใช่ป่ะเพราะงั้นเป็น
00:24:52 → 00:24:54 เพื่อนซี้กับไก่เป็นเพื่อนซี้กับเนื้อวัว
00:24:54 → 00:24:57 เพราะชอบกินเนื้อวัวปลาจะไม่ค่อยได้กินก็
00:24:57 → 00:24:59 เลยต้องบอกว่าเฮ้ยต้องกินปลาทะเลมากขึ้น
00:24:59 → 00:25:03 อาหารญี่ปุ่นเนี่ยก็สบายเลยแต่ปลาที่กิน
00:25:04 → 00:25:07 บ่อยที่สุดคือปลาทูราคาไม่แพงเข้าถึงง่าย
00:25:07 → 00:25:09 แล้วเป็นปลาทะเลเอาจริงๆปลาน้ำจืดอ่ะก็มี
00:25:09 → 00:25:12 ปลาน้ำจืดที่มันเยอะๆอ่ะก็กินได้เออนั่น
00:25:12 → 00:25:16 คือเรื่องไขมันดีใช่ป่ะอย่างที่ 2 คือผัก
00:25:16 → 00:25:19 จริงๆเป็นคนกินผักเก่งมากแบบมาแข่งกันได้
00:25:19 → 00:25:22 เลยเราว่าเราเป็นคนกินผักผักเก่งแล้วกิน
00:25:22 → 00:25:25 ผักได้หลากหลายมากๆเออไม่รู้เหมือนกันว่า
00:25:25 → 00:25:27 ไปเริ่มกินผักได้ตอนไหนน่าจะตอนไปเรียน
00:25:27 → 00:25:29 เมืองนอกมั้งเออกับอีกอย่างนึงคือที่บ้าน
00:25:29 → 00:25:33 ขอบคุณแม่ในรายการเลยแม่ทำกับข้าวให้กิน
00:25:33 → 00:25:36 อืแล้วแม่เป็นคนทำอาหารไทยซึ่งมีผักหลาก
00:25:36 → 00:25:40 หลายเพราะฉะนั้นน่ะพอกินผักเก่งใช่ป่ะก็
00:25:40 → 00:25:42 จะรีquสแม่เลยแม่ก็จะทำอาหารวนให้เลย
00:25:42 → 00:25:46 อาหารที่เต็มไปด้วยผักตระกูลแกงทั้งหลาย
00:25:46 → 00:25:51 แกงส้มแกงป่าแกงเรียง
00:25:51 → 00:25:56 จับฉ่ายอ่อมวนไปน้ำพริกน้ำพริกนี่ชอบมาก
00:25:56 → 00:25:58 เพราะมันได้กินผักเคียงไม่ว่าจะเป็นผักสด
00:25:58 → 00:26:02 ผักต้มอะไรอย่างเงี้ยคือเป็นคนกินผักชอบ
00:26:02 → 00:26:04 กินผักอ่ะแล้วทุกมื้ออาหารน่ะด้วยความที่
00:26:04 → 00:26:07 ทำจนเป็นนิสัยจนแบบติดเป็นไลฟ์สไตล์ไป
00:26:07 → 00:26:09 แล้วอ่ะทุกมื้อไม่ว่าจะสั่งอะไรก็ตามมอง
00:26:09 → 00:26:12 หาผักก่อนในจานแล้วจิ้มผักก่อนถ้าเป็นแต่
00:26:12 → 00:26:14 ก่อนเด็กๆอ่ะจิ้มเนื้อก่อนเดี๋ยวนี้จิ้ม
00:26:14 → 00:26:17 ผักก่อนเพราะเรารู้ว่ากินผักมันช่วยอืมก็
00:26:17 → 00:26:20 เลยติดเพราะฉะนั้นน่ะเราเคยบอกทุกคนไปว่า
00:26:20 → 00:26:23 เฮ้ยอาทิตย์นึงอ่ะควรจะกินผักผลไม้ให้ได้
00:26:23 → 00:26:27 แบบ 30 อย่างเราจะบอกเลยว่าสำคัญเพราะว่า
00:26:27 → 00:26:30 ในผักอ่ะมันเต็มไปด้วยของดีๆทั้งนั้นเออ
00:26:30 → 00:26:33 เนี่ยอายุมากขึ้นน่ะชอบมากเลยกิน
00:26:33 → 00:26:36 กระเทียมเห็นกระเทียมเงี้ยกินเป็นหัวๆเลย
00:26:36 → 00:26:40 จากเด็กๆกินไม่ได้กินขมิ้นอย่างเงี้ยขมิ้
00:26:41 → 00:26:43 ขาวอะไรเงี้ยกินกับน้ำพริกเห็นไม่ได้
00:26:43 → 00:26:47 กินผักทุกอย่างที่เป็นสมุนไพรไทยเพราะว่า
00:26:47 → 00:26:50 มันเต็มไปด้วยแอนตีออก
00:26:50 → 00:26:53 เราต้องการantioอกidantซึ่งมีอยู่ในผัก
00:26:53 → 00:26:56 แต่เป็นคนกินผลไม้ไม่ค่อยเก่งแล้วผลไม้
00:26:56 → 00:27:00 ที่ชอบกินมีแต่ผลไม้ที่แบบอ้วนๆน่ะเออก็
00:27:00 → 00:27:03 พยายามกินผลไม้เพิ่มมากขึ้นแต่เนี่ยผัก
00:27:03 → 00:27:05 กับผลไม้กินเยอะแล้วก็สุดท้ายคือเรื่อง
00:27:06 → 00:27:08 จุลินทรีย์ใช่ป่ะที่บอกเพราะว่ามันมีองค์
00:27:08 → 00:27:10 ความรู้เยอะเดี๋ยวเนี้ยว่าแบบจุลินทรีย์
00:27:10 → 00:27:13 มันสำคัญแล้วมันก็สำคัญจริงๆนะแล้วก็เลย
00:27:13 → 00:27:15 บังคับตัวเองให้แบบกินของที่มันมี
00:27:15 → 00:27:17 จุลินทรีย์ที่มีชีวิตเยอะขึ้นก็เลยบังคับ
00:27:17 → 00:27:19 ตัวเองกินโยเกิร์ตแล้วก็บังคับตัวกินผัก
00:27:19 → 00:27:23 ดองผักดองคือผักอะไรก็ตามเป็นผักไทยที่
00:27:23 → 00:27:26 ผ่านการดองนะเอ่อไม่ใช่ของหมักดองนะคนละ
00:27:26 → 00:27:29 เรื่องกันนะของหมักดองกับผักดองอ่ะมันมี
00:27:29 → 00:27:31 โปรไบติไม่เหมือนกันอย่างของหมักดองบาง
00:27:31 → 00:27:35 อย่างอย่างปลาร้าเงี้ยหมักดองก็จริงแต่
00:27:35 → 00:27:38 ว่ามันไม่ได้มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่
00:27:38 → 00:27:41 ช่วยในเรื่องของแบบกัสไมโครไบโอมแต่ถาม
00:27:41 → 00:27:43 ว่ากินได้มั้กินได้เราก็คิดชอบกินปลาร้า
00:27:43 → 00:27:47 แต่ถ้าอยากกินของดองที่ได้จุลินทรีย์อ่ะ
00:27:47 → 00:27:50 ไปกินผักดองเลยกับอีกอย่างนึงคือกินกะปิ
00:27:50 → 00:27:53 อืมแต่ต้องเป็นกะปิที่ไม่ผ่านความร้อนนะ
00:27:54 → 00:27:57 เออก็จะได้จุลินทรีย์อก็จะเนี่ยเรื่องกิน
00:27:57 → 00:28:00 ก็จะดูแลตัวเองประมาณนี้เรื่องออกกำลัง
00:28:00 → 00:28:01 กายใช่ป่ะคือเรื่องออกกำลังกายเนี่ยมันจะ
00:28:01 → 00:28:04 เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำหนักเว้ยเราเองอ่ะ
00:28:05 → 00:28:07 เราเป็นคนไม่คุมน้ำหนักแต่ว่าเวลาเรา
00:28:08 → 00:28:09 มอนิตอร์ตัวเองอ่ะเรามอนิตอร์ตัวเองด้วย
00:28:09 → 00:28:13 การคุมเปอร์เซ็นต์ไขมันเราว่ามันมี
00:28:13 → 00:28:15 ประโยชน์มากกว่ามากกว่าการคุมน้ำหนักคือ
00:28:15 → 00:28:17 เราจะดูว่าตอนเเราน้ำหนักไขมันในร่างกาย
00:28:17 → 00:28:19 เท่าไหร่น้ำหนักกล้ามเนื้อในร่างกายเท่า
00:28:19 → 00:28:22 ไหร่สัดส่วนเปอร์เซ็นต์แฟชเท่าไหร่โดย
00:28:22 → 00:28:24 ปกติจะพยายามให้ตัวเองอ่ะเปอร์เซ็นต์แฟ
00:28:24 → 00:28:28 อยู่ที่ 15 บวกลบช่วงไหนอยากลีนก็ลงมา
00:28:28 → 00:28:32 หน่อยแต่ 15 คือพื้นฐานช่วงไหนอยากจะแบบ
00:28:32 → 00:28:34 เพิ่มกล้ามเนื้อก็ยอมให้มันขึ้นมาหน่อย
00:28:34 → 00:28:37 แต่จะพยายามไม่ให้เกิน 20% body fat
00:28:37 → 00:28:39 อันนี้คือผู้ชายเนาะแต่ถ้าเกิดว่าสำหรับ
00:28:39 → 00:28:42 ใครที่เป็นผู้หญิงอะไรเงี้ยเรารู้สึกว่า
00:28:42 → 00:28:45 ผู้หญิงอ่ะเปอร์เซ็นต์ไขมันที่กำลังสวย
00:28:45 → 00:28:48 อ่ะในมุมมองของเราน่าจะอยู่ที่ 25 ที่
00:28:48 → 00:28:50 ร่างกาย Healthy อ่ะเพราะเราว่าผู้หญิง 25
00:28:50 → 00:28:53 บวกลบน่าจะกำลังดีแต่สำหรับเรา 15 บวกลบ
00:28:53 → 00:28:56 อืแล้วก็จะคอยมอนิเตอร์กล้ามเนื้อตลอดคือ
00:28:56 → 00:28:59 ออกกำลังกายอ่ะเป้าหมายทุกวันเนี้ยคือ
00:28:59 → 00:29:02 พยายามเพิ่มกล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุด
00:29:02 → 00:29:04 เพราะว่าเดี๋ยวแก่กว่าเนี้ยกล้ามเนื้อมัน
00:29:04 → 00:29:06 จะค่อยๆหายใช่ป่ะที่พยายามเพิ่มกล้าม
00:29:06 → 00:29:09 เนื้อแล้วก็ให้ไขมันมันไม่เยอะอ่ะเรื่อง
00:29:09 → 00:29:12 เดียวเลยเรื่อง metabolism อัตราการเผา
00:29:12 → 00:29:14 ผลาญมันเกี่ยวข้องกับ
00:29:14 → 00:29:17 ไมโตคอนเดรียงั้น 7 วันน่ะทุกวันเนี้ยออก
00:29:17 → 00:29:21 กำลังกาย 6 วัน 6 วันเนี้ยเวท 5 วันก็คือ
00:29:21 → 00:29:27 แบ่งเป็นอกวันนึงหลังวันนึงไหล่วันนึง
00:29:27 → 00:29:30 compound exercise วันนึง compound คือ
00:29:30 → 00:29:33 แบบท่าที่มันใช้ข้อต่อหลายๆหลายๆข้อต่อ
00:29:33 → 00:29:35 พร้อมกันเออซึ่งวันอีวันอีวัน compound
00:29:35 → 00:29:38 เนี่ยเป็นวันที่มีเทรนเนอร์ก็จะเป็นวัน
00:29:38 → 00:29:41 ที่เทรนเนอร์เนี่ยทดสอบร่างกายเราแล้วก็
00:29:41 → 00:29:44 จะเก็บสถิติไปว่าเออมันดีขึ้นมอีกวันนึง
00:29:44 → 00:29:47 เป็นวัน lower body ก็คือวันขาเออจริงๆ
00:29:48 → 00:29:50 เป็นคนชอบเล่นขาที่สุดเพราะว่ามันได้
00:29:50 → 00:29:52 เบิร์นเยอะสุดแล้วจริงๆอ่ะรู้สึกว่าผู้
00:29:52 → 00:29:58 ชายอ่ะขาสวยก้นสวยอ่ะมันเซ็กซี่เออเป็น
00:29:58 → 00:30:01 แบบอวัยวะที่คนมักจะไม่ค่อยเล่นแต่เราชอบ
00:30:01 → 00:30:05 เออนั่นคือ 5 วันในการเล่นเวทใช่ป่ะซึ่ง
00:30:05 → 00:30:07 ในวันที่เล่นเวทอ่ะหลังจากเล่นเวทเสร็จ
00:30:07 → 00:30:10 อ่ะก็จะไปคาร์ดิโอโซน 2 พยายามจะให้ทั้ง
00:30:11 → 00:30:15 อาทิตย์อ่ะโซน 2 รวมกันน่ะ 150 นาทีอืคือ
00:30:15 → 00:30:17 วันนึงอ่ะ
00:30:17 → 00:30:20 อาจจะสัก 20 นาทีก็ได้ 20 30 แล้วแต่ว่า
00:30:20 → 00:30:23 มีเวลาว่างแค่ไหนหลายคนอาจจะบอกอ้าทำไมทำ
00:30:23 → 00:30:25 20 เคยบอกว่าต้องออกกำลังกายโซน 2 นาน
00:30:25 → 00:30:28 กว่าครึ่งชั่วโมงหรือต้องไป 45 นาทีใช่
00:30:28 → 00:30:32 ป่ะคือใช่ถ้าเกิดว่าอยากเบิร์นแฟชด้วยโซน
00:30:32 → 00:30:36 2 โดยวันนั้นไม่ได้ยิมมาก่อนไม่ได้ight
00:30:36 → 00:30:39 training ก่อนคือไปถึงปึ๊บคาร์ดิโอเลย
00:30:39 → 00:30:41 อันนั้นน่ะต้องนานๆแต่นี่ไม่เราคเรา
00:30:41 → 00:30:44 เทนingมาเป็นชั่วโมงแล้วร่างกายอ่ะเบิร์น
00:30:44 → 00:30:47 น้ำตาลเบิร์นแป้งจะหมดตัวแล้วเพราะงั้น
00:30:47 → 00:30:50 น่ะตอนที่ไปเบิร์นโซน 2 อ่ะได้ใช้ไขมัน
00:30:50 → 00:30:54 เต็มๆเพราะฉะนั้นก็เก็บไปเรื่อยๆแล้วแต่
00:30:54 → 00:30:56 ว่าเวลาว่างอย่างน้อยพยายามให้ได้ 150
00:30:56 → 00:30:59 นาทีช่วงไหนน้ำหนักเยอะขึ้นไปกินเยอะก็จะ
00:30:59 → 00:31:02 เพิ่มระยะเวลาในการทำโซน 2 ให้ได้เกินไป
00:31:02 → 00:31:06 เป็น 200 อะไรเงี้ยนั่นคือ 5 วันวันที่ 6
00:31:06 → 00:31:12 ที่ออกคือทำฮิตหรือว่าแบบอารมณ์ circuit
00:31:12 → 00:31:15 training กับเทนอรแบบเทรนเนอร์มาแบบให้
00:31:15 → 00:31:20 ทำกิกิจกรรมที่แบบให้หัวใจเต้นเร็วๆเออ
00:31:20 → 00:31:22 เพราะว่าเราอยากจะไปฮิตโซน 5 ให้ได้อย่าง
00:31:22 → 00:31:26 น้อย 1 วันต่อสัปดาห์อืใน sess 1 ชมงที่
00:31:26 → 00:31:28 ทำฮิตกับหรือว่า circuit training กับ
00:31:28 → 00:31:32 เทนเนอร์อ่ะคือแบบตั้งเป้าว่าให้หายใจโซน
00:31:32 → 00:31:36 5 อย่างน้อยสัก 1-2 นาทีให้ได้เออถามว่า
00:31:36 → 00:31:38 เหตุผลคืออะไรมันเป็นการ
00:31:38 → 00:31:42 เพิ่ม VO2 Max มันคือเป็นค่าที่ศักยภาพ
00:31:42 → 00:31:46 ที่คนเราอ่ะจะใช้ออกซิเจนในการหายใจเพราะ
00:31:46 → 00:31:49 ว่าคนเราอ่ะหายใจสั้นหายใจไม่มี
00:31:49 → 00:31:51 ประสิทธิภาพโดยที่เราไม่รู้ตัวเออเพราะ
00:31:51 → 00:31:54 ฉะนั้นการฝึกให้แบบ to max สูงขึ้นให้
00:31:54 → 00:31:57 หายใจเต็มปอดมากยิ่งขึ้นน่ะมันช่วยเรื่อง
00:31:57 → 00:32:00 ชะลอไวมากๆเพราะงั้นก็เลย 1 วันขอไปโซน 5
00:32:00 → 00:32:03 อืส่วนอีกวันนึงวันที่ 7 เอาจริงๆอ่ะมัน
00:32:03 → 00:32:06 คือวันพักแต่ตอนเนี้ยเริ่มจะไม่พักและ
00:32:06 → 00:32:09 เพราะว่ารู้สึกว่าเพิ่งเห็นความสำคัญของ
00:32:09 → 00:32:13 การ stretching การยืดเหยียบหรือว่าการทำ
00:32:13 → 00:32:15 exercise ที่แบบอารมณ์เป็น my บอดี้อ่ะ
00:32:15 → 00:32:20 แบบโยคะพีทิสอะไรอย่าเงี้ยเออเพราะ 6 วัน
00:32:20 → 00:32:22 ที่ผ่านมามันหนักมากมันแบบกล้ามเนื้อตึง
00:32:22 → 00:32:24 ไปหมดแล้วอ่ะแล้วถ้าปล่อยแบบนั้นน่ะไม่
00:32:24 → 00:32:27 ใช่เรื่องดีเหมือนกันนะมัน 1 คือออกกำลัง
00:32:27 → 00:32:30 กายก็จะแย่ลงกับ 2 คือมันทำให้เกิดพังพืช
00:32:30 → 00:32:32 เกิดการอักเสบในร่างกายก็เลยรู้สึกว่า
00:32:32 → 00:32:35 เฮ้ยต้องแบ่งวันนึงว่ะใน 7 วันน่ะทำ
00:32:35 → 00:32:37 stretching คือยืดเหยียดเพราะฉะนั้นวัน
00:32:37 → 00:32:40 พักอ่ะคือเป็นวันยืดเหยียดก็เท่ากับถ้าจะ
00:32:40 → 00:32:42 ออกกำลังกาย 7 วันตอนเนี้ยนี่คือรูทีน
00:32:42 → 00:32:46 ปัจจุบันเลยที่ทำเพราะฉะนั้นใครเจอคนใน
00:32:46 → 00:32:50 ฟิตเนสเยอะมากบ่อยมากที่ดูทแล้วก็มาทัก
00:32:50 → 00:32:53 กันก็ใครเจอทักได้นะครับก็จะเห็นว่าเวลา
00:32:53 → 00:32:56 ไปยิมเป็นคนที่โฟกัสตั้งใจมากเพื่อให้แบบ
00:32:56 → 00:32:59 ใน sess มัน intense มากๆจะได้ประโยชน์
00:32:59 → 00:33:01 เยอะที่สุดมันเป็นวิธีที่กระตุ้นไมโตคน
00:33:01 → 00:33:03 เดียวที่สุดในการออกกำลังกายอีกอย่างนึง
00:33:03 → 00:33:07 ที่พยายามจะทำอันนี้ด้วยความที่เป็นนัก
00:33:07 → 00:33:10 วิจัยด้านเซลล์ใช่ป่ะเราไม่อยากเซลล์แก่
00:33:10 → 00:33:13 เรารู้สึกว่าไม่เรารู้สึกหรอกจาก evidence
00:33:13 → 00:33:15 ต่างๆอ่ะจริงๆจริงๆแล้ว
00:33:15 → 00:33:17 อ่ะถ้าใครอยากแก่
00:33:17 → 00:33:20 ช้าไม่ต้องไปทำอะไรดีๆกับร่างกายก็ได้
00:33:20 → 00:33:23 เว้ยขอแค่อย่าเอาสารพิษเข้ามาในร่างกาย
00:33:23 → 00:33:26 นั่นคือหลักการทางชีววิทยาเลยเพราะฉะนั้น
00:33:26 → 00:33:30 อีกทริกนึงที่ทำโดยนิสัยอ่ะคือพยายามที่
00:33:30 → 00:33:33 จะเลี่ยงเอาอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งไม่ดีที่
00:33:33 → 00:33:36 เป็นสารพิษอ่ะเข้ามาในร่างกายตัวเราเอง
00:33:36 → 00:33:40 อ่ะไม่สุบุหรี่บุหรี่นะฮะสำหรับเรานะเรา
00:33:40 → 00:33:43 คิดว่ามันเป็นตัวที่เป็นสารพิษที่หนักที่
00:33:43 → 00:33:49 สุดที่ทำลายร่างกายเพราะ
00:33:49 → 00:33:52 ฉะนุบุหรี่ปกติหรือบุหรี่ไฟฟ้าว่าแบบเฮ้ย
00:33:52 → 00:33:54 วันนึงเลิกเหอะเพราะว่าสารพิษมันเยอะจริง
00:33:54 → 00:33:58 ๆเอาเข้าไปอ่ะต่อให้จะกินดี healthy แค่
00:33:58 → 00:34:02 ไหนไปออกกำลังกายนอนพอแต่สูบุหรี่อ่ะพัง
00:34:02 → 00:34:06 เออเป็นคนไม่ดื่มเหล้าคือไม่ถึงกับขนาด
00:34:06 → 00:34:08 เป็นแบบพ่อพระนะคือดื่มเหล้าได้เป็น
00:34:08 → 00:34:12 Social Drinker แต่อยู่แบบจะดื่มปกติ
00:34:12 → 00:34:15 มั้ไม่แต่ถ้าเกิดต้องเข้าสังคมดื่มเพราะ
00:34:15 → 00:34:18 ปัจจุบันจริงๆแล้วแอลกอฮอล์อ่ะมันก็เป็น
00:34:18 → 00:34:21 คาสิโนเจนไม่ต่างกับบุหรี่แล้วนะอืงั้น
00:34:21 → 00:34:24 เป็นคนที่ไม่ไม่ค่อยได้ดื่ม
00:34:24 → 00:34:28 แอลกอฮอล์แต่ถ้าจะเลือกดื่มก็จะเลือกดื่ม
00:34:28 → 00:34:30 อืมเออเพราะว่า Y มันก็ยังมีแบบ
00:34:30 → 00:34:34 แอนตี้อซidantอยู่บ้างเนาะอย่างที่ 3 ที่
00:34:34 → 00:34:38 จะไม่ทำคือเป็นคนไม่ดื่มน้ำอัดลมเออไม่
00:34:38 → 00:34:40 ไม่ชอบอยู่แล้วเป็นเป็นพื้นฐานส่วนตัว
00:34:40 → 00:34:43 ซึ่งเผอิญพอดีว่าน้ำอัดลมก็ไม่ใช่สิ่งที่
00:34:43 → 00:34:45 ดีกับกับตัวเราเท่าไหร่กับร่างกายเท่า
00:34:45 → 00:34:47 ไหร่เพราะฉะนั้นไม่ดื่มน้ำอารมณ์เด็ดขาด
00:34:47 → 00:34:51 อย่างที่ 4 จริงๆเป็น guilty prชureชอบ
00:34:51 → 00:34:55 มากแต่หลังๆไม่ค่อยดื่มคือน้ำผลไม้เออ
00:34:55 → 00:34:59 เพราะเป็นคนชอบน้ำผลไม้มากแบบมะพร้าวน้ำ
00:34:59 → 00:35:01 ส้มคั้นหรืออะไรอย่า
00:35:01 → 00:35:04 เงี้ยดื่มน้อยลงแล้วก็จะตีมันว่าเป็นของ
00:35:05 → 00:35:07 หวานเพราะฉะนั้นเวลาจะอยากดื่มน้ำผลไม้ก็
00:35:07 → 00:35:10 คือไปดื่มตอนท้ายๆและก็คืองดกินเค้กแทนไป
00:35:10 → 00:35:12 ดื่มน้ำผลไม้ถ้าอยากกินแล้วก็อีกอย่างนึง
00:35:12 → 00:35:14 ที่เป็นสารพิษไม่เชิงสารพิษแต่ว่ามัน
00:35:14 → 00:35:18 ทำลาย DNA ก็คือแสงแดดแต่ก่อนเป็นคนที่
00:35:18 → 00:35:22 ไม่ทากันแดดเลยคือเป็นคนขี้เกียจทาอะไรก็
00:35:22 → 00:35:24 ตามกับหน้าอะไรเงี้ยมันก็ไม่เคยทาหน้าไม่
00:35:24 → 00:35:27 ทามอยสจอไรเซอร์จนอายุ 30 เป็นครั้งแรก
00:35:27 → 00:35:31 ที่ทากันแดดเพราะรู้ว่าเฮ้ยในแดดอ่ะมี UV
00:35:31 → 00:35:34 เว้ยแล้วมันก็แบบทำให้หน้าเหี่ยวทำลาย
00:35:34 → 00:35:36 คอลลาเจนเพราะงั้นทุกวันนี้ก็เลยใส่ใจกับ
00:35:36 → 00:35:39 การทากันแดดมากเอออย่างน้อยถ้าไม่ทาอะไร
00:35:39 → 00:35:42 เลยก่อนออกจากบ้านทากันแดดเออตอนเช้าเช้า
00:35:42 → 00:35:45 จะทากันแดดส่วนกลางคืนน่ะก็พยายามจะทา
00:35:45 → 00:35:49 มอยสจรไเซอร์กินอาหารเสริมมั้หรอคนถาม
00:35:49 → 00:35:52 เยอะมากเอาจริงเป็นคำถามที่โดนคำถามเยอะ
00:35:52 → 00:35:55 ที่สุดและเวลาเจอใครก็ตามให้แนะนำอาหาร
00:35:55 → 00:35:58 เสริมให้หน่อยซึ่งคำตอบอ่ะจะทำให้คนผิด
00:35:58 → 00:36:04 หวังเสมอเลยเป็นคนไม่กินอาหารเสริมแบบอื
00:36:04 → 00:36:08 แทบจะไม่กินเลยไม่กินเลยเอางี้ไม่กินเลย
00:36:08 → 00:36:12 จนเนี่ยปีที่ผ่านมารู้สึกว่าเฮ้ยเราเรา
00:36:12 → 00:36:14 แก่ขึ้นจริงๆว่ะร่างกายไม่เหมือนเดิมจริง
00:36:14 → 00:36:16 ๆว่ะก็เลยเริ่มศึกษาอาหารเสริมเพิ่มมาก
00:36:16 → 00:36:19 ขึ้นแล้วเริ่มมีการทดลองแล้วนะว่าอ่ะจะ
00:36:19 → 00:36:22 กินอะไรบ้างทนี้supพementที่เราทดลองกิน
00:36:22 → 00:36:26 อยู่คือกลุ่มวิตามิน
00:36:26 → 00:36:30 บีจุดเริ่มต้นมันคือ
00:36:30 → 00:36:32 อ่าไปตรวจ
00:36:32 → 00:36:35 จีนแล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองอ่ะมีจีนที่
00:36:35 → 00:36:40 บางอย่างที่บกพร่องไม่ใช่เรื่องหายากเลย
00:36:40 → 00:36:43 นะคนไทยอ่ะน่าจะเกือบครึ่งนึงของคนไทยก็
00:36:43 → 00:36:46 จะมีจีนพวกเบกพร่องเหมือนกันคือมันเป็น
00:36:46 → 00:36:48 จีนที่ process วิตามิน B9 กับ B12 ได้
00:36:48 → 00:36:53 ไม่ดีซึ่งถ้าใครตามทจะรู้ว่าเซลล์มันจะทำ
00:36:53 → 00:36:57 งานได้ดีไม่แก่มัน B9 หรือ rate กับ
00:36:57 → 00:37:00 วิตามิน B12 อ่ะคือตัว key สำคัญเลย key
00:37:00 → 00:37:03 man เลยที่ทำให้กระบวนการ DNA
00:37:03 → 00:37:07 mettilation คือการคุมการเปิดปิดจีน DNA
00:37:07 → 00:37:11 อ่ะมันทำงานได้ดีเออถ้ากิน FL หรือ B9
00:37:11 → 00:37:15 ไม่พอหรือ B12 ไม่พออ่ะคราวนี้เซลล์มันก็
00:37:15 → 00:37:17 ทำงานแย่ลงเว้ยนี้ไปเจอว่าจีนตัวเองมี
00:37:17 → 00:37:21 ปัญหาในการ process B9 กับ B12 ก็เลยทำ
00:37:21 → 00:37:25 ให้เริ่ม Explore การกินวิตามิน B9 หรือ
00:37:25 → 00:37:28 ว่า Florate ตัวที่กินน่ะคือ Methyal
00:37:28 → 00:37:31 Fate เพราะว่าอย่างที่บอก EB9 กับ B2 ทำ
00:37:31 → 00:37:34 ที่ในการส่ง MetIL เราก็เลยเลือกกิน Metal
00:37:34 → 00:37:37 Forest เพราะว่าต้องการ MetIL ไปให้คุม
00:37:37 → 00:37:40 การเปิดปิดจีนให้มันดีส่วนปี 12 เนี่ย
00:37:40 → 00:37:44 เนี่ยก็พยายามมันหาซื้อยากนะคือ B12 มี
00:37:44 → 00:37:47 หลายตัวซึ่งตัวที่เราอยากได้คือ
00:37:48 → 00:37:51 MetILบaminคือ MetIL B12 ซึ่งจริงๆแล้ว
00:37:51 → 00:37:54 มันตีเป็นยามันก็จะซื้อยากหน่อยที่ทำก็
00:37:54 → 00:37:57 คือดรอปหยดอีตัวเนี้ย B12 อ่ะใต้หลิน
00:37:57 → 00:37:59 เพราะว่า B12 มี
00:37:59 → 00:38:03 ความมันจะมีชาเลนนิดนึงคือถ้ากินเป็นเม็ด
00:38:03 → 00:38:06 เข้าไปอ่ะบางทีมันดูดซึมไม่ดีการหยดไป
00:38:06 → 00:38:08 อยู่ 2 ใต้ลิ้นน่ะมันทำให้ดูดซึมเข้า
00:38:08 → 00:38:10 กระแสเลือดได้ดีแล้วก็มีประสิทธิภาพกว่า
00:38:10 → 00:38:14 ตอนนี้ก็เลยเนี่ยกิน Metal FL กับ
00:38:14 → 00:38:17 B12 B อีกตัวนึงที่กินอันนี้เป็นพอ
00:38:17 → 00:38:21 เรื่องของชะลอไวล้วนๆก็คือวิตามิน
00:38:21 → 00:38:26 B3 คือ B3 ตัวที่กินเนี่ยบอกชื่อได้
00:38:26 → 00:38:28 เดี๋ยวมีแพลนจะทำตอนนี้แบบจังเลยเพราะว่า
00:38:29 → 00:38:31 เราศึกษาเรื่องนี้มาเยอะมากกิน B 3 ที่
00:38:31 → 00:38:35 ชื่อว่า Nicinam Rosy คือ NR หลายคนน่า
00:38:35 → 00:38:37 จะเคยได้ยินเราเคยทำตอน Nat ไปเนาะการดิฟ
00:38:37 → 00:38:39 Nat อะไรเงี้ยแล้วเราบอกว่าไม่ต้องไปดิฟ
00:38:39 → 00:38:42 แนดหรอกไม่ควรดิฟด้วยซ้ำแต่ถ้าจะเพิ่มแน
00:38:42 → 00:38:44 ร่างกายควรจะเพิ่มจากการกินก็คือกินตัว
00:38:44 → 00:38:47 นี้แหละnิotinamrบosหรือว่า NR คือตัวที่
00:38:47 → 00:38:50 เรากินแล้วก็ experiment อยู่ที่กินเพราะ
00:38:50 → 00:38:53 ว่าอย่างแรกอ่ะคือโมเลกุลแดดมันสำคัญกับ
00:38:53 → 00:38:57 การสร้างพลังงานกับสุขภาพของไมโคเดรียคือ
00:38:57 → 00:38:59 เซลล์ทุกเซลล์ต้องการพลังงานใช่ป่ะเรากิน
00:38:59 → 00:39:01 อาหารไปอ่ะเซลล์มันจะสร้างพลังงานได้มัน
00:39:01 → 00:39:03 ต้องใช้แหนบด้วยแล้วเวลาเราแกะขึ้นแหนบ
00:39:03 → 00:39:06 มันมันน้อยลงอ่ะก็เลยกินเพื่อเพิ่มแดดที่
00:39:06 → 00:39:08 กิน NR เพราะว่ามันมีงานวิจัยเป็นแบบ
00:39:08 → 00:39:14 Random Control
00:39:14 → 00:39:17 Cal ว่ามันมีแบบคนกินแล้วมันได้ประโยชน์
00:39:17 → 00:39:21 เยอะเราก็เลยลองกินแต่ทีเนี้ยกินไปตรวจ
00:39:21 → 00:39:24 เลือดตัวเองไปด้วยอืมว่าก่อน
00:39:25 → 00:39:28 กินแล้วกินนี้ไปแล้วหลังกินมันเพิ่มได้
00:39:28 → 00:39:31 จริงเปล่าค่าเลือดเลยอยากจะแชร์กับทุกคน
00:39:31 → 00:39:34 ว่าจริงๆอ่ะสมัยเนี้ยคนแบบพึ่งsupพก่อน
00:39:34 → 00:39:37 อ่ะซึ่งไม่เห็นด้วยเลยเชียร์ให้ทุกคน
00:39:37 → 00:39:39 เนี่ยกินอาหารหลักก่อน supplement คือมา
00:39:39 → 00:39:41 ทีหลังแล้วถ้าเกิดอยากจะกิน supplement
00:39:41 → 00:39:43 น่ะมันควรจะกิน supplement ที่แบบร่างกาย
00:39:43 → 00:39:46 ต้องการจริงๆอยู่ที่คitionร่างกายไม่ใช่
00:39:46 → 00:39:49 กินซุม 4 สุม 5 แล้วถ้าจะกินน่ะควรจะมี
00:39:49 → 00:39:53 การวัดผลด้วยเออซึ่งเราเองก็ทำอยู่แล้ว
00:39:53 → 00:39:57 เดี๋ยวได้ผลยังไงเดี๋ยวมาแชร์ให้ผู้ชมฟัง
00:39:57 → 00:40:00 เป็นข้อมูลด้วยอออีกตัวนึงอย่างที่บอกไป
00:40:00 → 00:40:03 ให้เอ่อให้ความสำคัญกับไขมันใช่ป่ะก็เลย
00:40:03 → 00:40:06 รู้สึกว่าตอนเนี้ยอ่าเริ่มหันมากิน
00:40:06 → 00:40:07 โอเมก้า
00:40:08 → 00:40:11 มากยิ่งขึ้นก็คือ EPA DHA เพราะว่ารู้
00:40:11 → 00:40:14 สึกว่าไม่มีเวลาจะกินปลาทะเลได้ทุกวันทุก
00:40:14 → 00:40:16 มื้อแล้วมันก็แพงด้วยบางทีอะไรเงี้ยก็เลย
00:40:16 → 00:40:19 รู้สึกว่าเอ้อต้องกินโอเมก้า 3 เพิ่มมาก
00:40:19 → 00:40:22 ขึ้นแล้วเพราะมันสำคัญกับสมองมากๆสมองเรา
00:40:22 → 00:40:25 มีเอ่อ DHA อยู่เป็นองค์ประกอบหลักเลย
00:40:25 → 00:40:29 แล้วเราอยากจะไม่ให้สมองแก่อืมเราบอกกับ
00:40:29 → 00:40:31 ผู้ชมเสมอว่าเราเราเป็นห่วงสมองเราที่สุด
00:40:31 → 00:40:34 ถ้าสมองไม่แก่เนี่ยอวัยวะอื่นมันก็ไม่แก่
00:40:34 → 00:40:36 ตามไปด้วยเพราะฉะนั้นเราอยากดูแลสมองก็
00:40:36 → 00:40:39 เลยใส่ใจกับไขมันดีมากยิ่งขึ้นเลยเริ่ม
00:40:40 → 00:40:41 Explore การกิน OMA
00:40:41 → 00:40:49 3 ทำอืทำทำเอาคือจริงๆไม่ค่อยไม่ค่อยตึ
00:40:49 → 00:40:51 รู้สึกเขินในการจะพูดแบบSkinแมไม่ใช่เป็น
00:40:51 → 00:40:54 Skin Care Expert เอาจริงๆตัวเองยัง
00:40:54 → 00:40:57 ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเลยในการที่แบบใช้มี
00:40:57 → 00:41:00 routine สกินแคร์ที่วุ่นวายอะไรเงี้ยขอ
00:41:00 → 00:41:01 พูดสกินแคร์นิดนึงแล้วกันเนาะอย่างเมื่อ
00:41:01 → 00:41:04 กี้ที่บอกไปคืออย่างน้อยอ่ะผู้ชายก็ได้
00:41:04 → 00:41:07 ขี้เกียจเหมือนผมอ่ะกันแดดสำคัญแล้วก็
00:41:07 → 00:41:10 อย่างน้อยกลางคืนmoอยสจurรizเซอร์ทาซะ
00:41:10 → 00:41:14 หน่อยสำคัญจริงๆนะเออถ้าถ้าขยันอีกนิดนึง
00:41:14 → 00:41:16 คือเอาจริงๆนี้เป็นทริกที่ทั้งผู้ชายผู้
00:41:16 → 00:41:20 หญิงใช้ได้อตอนกลางวันเนี่ยไม่รู้เคยพูด
00:41:20 → 00:41:22 เปล่าร่างกายเราอ่ะตอนกลางวันมันดีไซน์มา
00:41:22 → 00:41:25 ให้หน้าหนาให้หน้ามันด้านออกจากบ้านน่ะ
00:41:25 → 00:41:27 การทาพวกเซรั่มทาอะไรเงี้ยมันไม่ค่อยซึม
00:41:27 → 00:41:30 หรอกตอนกลางวันน่ะแต่การแดดมันช่วยป้อง
00:41:30 → 00:41:32 กันอะไร UV ที่มันจะเข้ามาใช่ป่ะแต่ตอน
00:41:32 → 00:41:36 กลางคืนน่ะนาฬิกาชีวิตของเซลล์ผิวหนังอ่ะ
00:41:36 → 00:41:38 มันมันทำให้ผิวหนังเราบางที่สุดตอนกลาง
00:41:38 → 00:41:42 คืนอาบน้ำเสร็จปุ๊บอ่ะตอนที่หน้าหมาดๆอ่ะ
00:41:42 → 00:41:46 ยังไม่แห้งดีอ่ะโบ๊ะเลยอัดอะไรได้อัดๆตัว
00:41:46 → 00:41:48 ที่มันเบาๆบางๆเข้าไปก่อนเซรั่มอะไรอย่าง
00:41:48 → 00:41:51 เงี้ยอัดๆไปเลยแล้วก็moอยสไรเซอร์ก็จะพอ
00:41:51 → 00:41:56 ช่วยได้แต่สิ่งที่เรียนรู้มาจาก
00:41:56 → 00:41:58 ประสบการณ์ก็คือว่าอยากให้หน้าเด้งหน้า
00:41:58 → 00:42:02 เด็กไปกระตุ้นคอลลาเจนน่ะส่วนตัวรู้สึก
00:42:02 → 00:42:05 ว่าการทำหัสการน่ะคุ้มค่ากว่าโดยเฉพาะการ
00:42:05 → 00:42:09 ทำเลเซอร์อืมอย่างเราเองเลือกที่จะทำ
00:42:09 → 00:42:11 เลเซอร์ถ้าเกิดอยากจะไปกระตุ้นคอลลาเจน
00:42:11 → 00:42:15 เพราะรู้สึกว่ามันตรงจุดกว่าอืมการทา
00:42:15 → 00:42:17 สกินแคร์เข้าไปแล้วหวังจะว่าจะไปกระตุ้น
00:42:17 → 00:42:21 คอลลาเจนน่ะเอาจริงๆหน้าเราอ่ะมันหนานะ
00:42:21 → 00:42:23 สารเคมีที่มันซึมเข้าไปกว่าจะไปกระตุ้น
00:42:23 → 00:42:25 คอลลาเจนน่ะมันแบบบางทีมันไม่ effective
00:42:25 → 00:42:27 ถามว่าช่วยมช่วยแต่เรารู้สึกว่าการยิง
00:42:27 → 00:42:32 เลเซอร์เข้าไปอ่ะให้เกิด Injury เล็กๆ
00:42:32 → 00:42:35 ข้างในอ่ะมันกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
00:42:35 → 00:42:37 ได้ดีกว่าแล้วรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ปลอด
00:42:37 → 00:42:43 ภัยในการทำส่วนตัวทำmปีละครั้งเพราะว่า
00:42:43 → 00:42:47 มันแพงแต่ทำแล้วมันจะชัดมากเลยว่าแบบหน้า
00:42:47 → 00:42:49 มันเปลี่ยนไปอีกหน้านึงเลยอ่ะมันเด็กลง
00:42:49 → 00:42:52 แบบชัดเจนมากๆเลยอ่ะเห็นผลจริงๆงั้นมันก็
00:42:52 → 00:42:55 จะมีเลเซอร์หลายๆรูปแบบเนาะซึ่งแก้ปัญหา
00:42:55 → 00:42:58 หน้าไม่เหมือนกันเช่นถ้าแก้ปัญหาเรื่อง
00:42:58 → 00:43:00 หลุมสิวอะไรเงี้ยมันก็จะเป็นอีกรูปแบบนึง
00:43:00 → 00:43:04 แก้ปัญหาเรื่องความกระชับดูขุมขนก็อีกรูป
00:43:04 → 00:43:07 แบบนึงเพราะฉะนั้นนั้นผมรู้สึกว่าถ้าใคร
00:43:07 → 00:43:10 เก็บเงินได้ทุกปีได้โบนัสจากการทำงานแล้ว
00:43:10 → 00:43:13 อยากจะให้รางวัลตัวเองอ่ะไปยิงเลเซอร์
00:43:13 → 00:43:17 หน้าอันนี้ไม่มีไม่ได้ถือหุ้นไม่ได้ทำ
00:43:17 → 00:43:19 คลินิกหน้านะแต่บอกไว้ว่าเรารู้สึกว่า
00:43:19 → 00:43:22 เป็นสิ่งที่คุ้มที่ทำได้กับอีกอย่างนึง
00:43:22 → 00:43:26 ที่ทำและเอาจริงๆแต่ก่อนไม่กล้าทำคือการ
00:43:26 → 00:43:29 ฉีดโท็อกซ์เพราะว่าเชื่อมาตลอดเอาจริงๆ
00:43:29 → 00:43:30 อย่างที่บอกไปไม่อยากเอาสารพิษเข้าร่าง
00:43:30 → 00:43:32 กายใช่ป่ะเพราะฉะนั้นโปรทอกเรารู้อยู่
00:43:32 → 00:43:34 แล้วมันคือสารพิษแต่หลังจากที่โอเคหาความ
00:43:34 → 00:43:36 รู้เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นก็รู้สึกโอเคเดี๋
00:43:36 → 00:43:39 โบท็อกซ็มันสลายได้เดี๋มันก็หมดไปมันก็
00:43:39 → 00:43:41 โอเคอยู่แล้วก็ถ้าเราเลือกโบทoอกที่มี
00:43:41 → 00:43:45 คุณภาพที่ดีจริงๆอ่ะมันค่อนข้างเซฟเพราะ
00:43:45 → 00:43:49 ฉะนั้นเนี่ยก็เลยเข้าวงการโบท็อกมาเมื่อ
00:43:49 → 00:43:54 น่าจะแบบไม่กี่ปีนี้เองซักก่อนจะทำทโทสัก
00:43:54 → 00:43:57 ปีนึง 3-4 ปีเองเหตุผลที่ฉีดโบท็อก์บ้าง
00:43:57 → 00:44:01 เพราะว่าแบบต้องออกกล้องออกกล้องแล้วหน้า
00:44:01 → 00:44:03 มันบานการฉีดโบท็อกแล้วมันก็ช่วยแล้วแบบ
00:44:03 → 00:44:06 บางทีเป็นคนยิ้มแล้วมีตีนกามันก็ช่วยงั้น
00:44:06 → 00:44:10 ก็ฉีดแต่ว่าไม่ได้บ่อยแล้วก็สำคัญกว่าคือ
00:44:10 → 00:44:13 เลือกโบท็อกซ์ตัวที่มีคุณภาพอืมเพราะ
00:44:13 → 00:44:16 ฉะนั้นหาการที่ทำทำ 2 อย่างคือโบทoอกกับ
00:44:16 → 00:44:20 เลเซอร์เลเซอร์ที่ทำก็เนี่ยแหละ Termage
00:44:20 → 00:44:24 ปีละ
00:44:24 → 00:44:26 ครั้งอยากบอก
00:44:26 → 00:44:33 ว่าฟังทแล้วทำด้วยเอาไปทำด้วยเถอะครับคือ
00:44:33 → 00:44:36 คือทโทเนี่ยมันเปลี่ยนมันเปลี่ยนชีวิตผม
00:44:36 → 00:44:40 เปลี่ยนชีวิตเราจริงๆจริงๆนะคือมันเหมือน
00:44:40 → 00:44:44 โดตัวเองโดนสะกดจิตอ่ะเราพูดเยอะเราก็
00:44:44 → 00:44:47 เหมือนกับเออก็ทำไปด้วยซึ่งมันเห็นผลจริง
00:44:47 → 00:44:52 ๆคืออยากจะบอกว่าอย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
00:44:52 → 00:44:55 เราไม่อยากให้ใครก็ตามฝากสุขภาพฝากชีวิต
00:44:55 → 00:44:57 ไว้กับ
00:44:57 → 00:45:00 หมอเราทุกคนควรจะฝากสุขภาพไว้กับมือตัว
00:45:01 → 00:45:04 เองในการดูแลตัวเองเอาจริงๆทุกวันนี้หมอ
00:45:04 → 00:45:06 ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วอ่ะคนไข้ล้นโรง
00:45:06 → 00:45:09 พยาบาลถูกป่ะเออเราอ่ะสามารถที่จะป้องกัน
00:45:09 → 00:45:14 ไม่ให้เป็นโรคได้ด้วยมือตัวเองอ่ะโรคที่
00:45:14 → 00:45:15 มันเกิดขึ้นน่ะมันเกิดจากเจนติกกับ
00:45:16 → 00:45:17 พฤติกรรมใช่ป่ะซึ่งส่วนใหญ่มันมาจาก
00:45:17 → 00:45:21 พฤติกรรมล้วนๆน่ะหลายๆอย่างอ่ะเราควบคุม
00:45:21 → 00:45:23 ด้วยมือเราเองได้เราเอาจริงๆอ่ะไม่ต้อง
00:45:23 → 00:45:27 ฟังทดุโทก็ได้ไปเดินถามคนน่ะว่าอันนี้ดี
00:45:27 → 00:45:30 หรืออันนี้ไม่ดีถามว่าทุกคนรู้มั้ยรู้แต่
00:45:30 → 00:45:35 ทำมั้ยทำรู้มั้มว่าบุหรี่ไม่ดีรู้แต่ก็สู
00:45:35 → 00:45:37 รู้มั้ย
00:45:37 → 00:45:40 ว่าของหวานๆของมันๆของทอด process food
00:45:40 → 00:45:44 มันไม่ดีรู้มั้ยรู้แต่ก็กินรู้ว่า
00:45:44 → 00:45:46 แอลกอฮอล์กินเยอะมากไปไม่
00:45:46 → 00:45:52 ดีแต่ก็ดื่มรู้ว่าอดนอนไม่ดีแต่ก็อด
00:45:52 → 00:45:57 นอนทุกคนรู้หมดเลยอ่ะแต่แบบบางทีไม่ได้ทำ
00:45:57 → 00:46:01 แล้วพอไม่ได้ทำอ่ะมันทำให้ร่างกายทรุด
00:46:01 → 00:46:03 แล้วก็แย่จริงวันเนี้ยใครที่รู้สึกว่า
00:46:03 → 00:46:06 เฮ้ยเราอยู่ในวัย 20 30 ยังเฮ้ยแล้วยัง
00:46:06 → 00:46:09 ไหวอยู่โอเคมันไหวแต่ข้างในอ่ะเซลล์มัน
00:46:09 → 00:46:12 แก่แล้วบางทีมันยังไม่แสดงออกพอถึงจุดนึง
00:46:12 → 00:46:15 ที่มันแบบสะสมความแบบไม่ไหวแล้วข้างในอ่ะ
00:46:15 → 00:46:17 แล้วมันระเบิดขึ้นมาแล้วเป็นโรคร้ายอะไร
00:46:17 → 00:46:20 สักโรคนึงอ่ะเฮ้ยมันไม่คุ้มเลยแล้วมัน
00:46:20 → 00:46:23 ทรมานมากอย่างที่บอกไปเราไม่อยากแก่แบบ
00:46:23 → 00:46:26 ต้องทรมานผมก็คิดว่าอยากส่งmindตเนี้ยต่อ
00:46:26 → 00:46:29 ให้คนดูอ่ะว่าแบบถ้าจะต้องอายุยืนแล้ว
00:46:29 → 00:46:33 อยู่แบบทรมานติดเตียงอ่ะอ่ะต้องเดินทาง
00:46:33 → 00:46:35 เข้าออกโรงพยาบาลเรื่อยๆเปลืองเงินก็
00:46:35 → 00:46:37 เปลืองเปลืองเวลาก็เปลืองใช้ชีวิตก็ไม่
00:46:37 → 00:46:40 ได้ไม่คุ้มเลยเพราะฉะนั้นสู้ดูแลตัวเองดี
00:46:40 → 00:46:45 กว่าแล้วการดูแลตัวเองอ่ะมันฟังวันเนี้ย
00:46:45 → 00:46:47 ทริกที่ให้อ่ะมันไม่ใช่ว่าต้องทำทุกอย่าง
00:46:47 → 00:46:50 เหมือนผมเลยในวันนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองใน
00:46:50 → 00:46:52 วันนี้มันค่อยๆทำกว่าผมจะทำทุกอย่างเนี้ย
00:46:52 → 00:46:55 จนกลายเป็นนิสัยอ่ะมันใช้เวลาเออเพราะ
00:46:55 → 00:46:58 ฉะนั้นน่ะทำไปเรื่อยๆแล้วเดี๋ยวมันจะรู้
00:46:58 → 00:47:01 สึกว่าชินไปเองจากที่เคยฝืนน่ะมันก็จะไม่
00:47:01 → 00:47:05 ต้องฝืนมันก็จะทำได้จนไม่รู้สึกว่าแบบมัน
00:47:05 → 00:47:08 ต้องใช้ความพยายามอะไรมากงั้นค่อยๆทำค่อย
00:47:08 → 00:47:13 ๆปรับเพียงแค่เริ่มลงมือทำเดี๋ยวสุขภาพก็
00:47:13 → 00:47:16 จะดีเองแล้วก็ท็อปทโทเองอ่ะพยายามจะให้
00:47:16 → 00:47:19 หลักการใช่ป่ะในการเอาไปปรับใช้ในการดูแล
00:47:19 → 00:47:22 ตัวเองเพราะว่ามันไม่มีสูตรตายตัวทุกวัน
00:47:22 → 00:47:25 เนี้ยทริกที่เราใช้เองอ่ะมันอาจจะไม่ได้
00:47:25 → 00:47:27 ดีกับคนฟังก็ได้นะมันไม่ได้เป็นทริกที่ดี
00:47:27 → 00:47:30 ที่สุดเลยแค่มันเป็นทริกที่เวิร์คกับเรา
00:47:30 → 00:47:33 แต่ละคนน่ะจะมีไลฟสไตลที่ healthy กับตัว
00:47:33 → 00:47:36 เองไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นเอาหลักการไป
00:47:36 → 00:47:38 แล้วไปปรับใช้
00:47:38 → 00:47:42 หาสูตรเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองให้เจอทด
00:47:42 → 00:47:44 ลองไปเรื่อยๆจนเจอสิ่งที่มันเวิร์คกับเรา
00:47:44 → 00:47:47 แล้วก็อยู่กับมันทำกับมันไปเรื่อยๆจนกลาย
00:47:47 → 00:47:49 เป็นนิสัยรับรองว่าถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ
00:47:49 → 00:47:54 สุขภาพก็จะดีแล้วก็จะแก่ฉาแน่
00:47:54 → 00:47:55 นอน
00:47:55 → 00:47:58 Top the standard podcast eye
00:47:58 → 00:48:01 opening for your ears