00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:24 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:24 → 00:00:28 อาหารที่คุณกิน ส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:28 → 00:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:31 → 00:00:34 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของเรา
00:00:34 → 00:00:38 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:38 → 00:00:40 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:40 → 00:00:43 และหมอตั้ม นายแพทย์ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข
00:00:43 → 00:00:46 [เสียงดนตรี]
00:00:46 → 00:00:48 - สวัสดีค่ะ - สวัสดีครับ
00:00:48 → 00:00:50 วันนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งนะคะ
00:00:50 → 00:00:53 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้
00:00:53 → 00:00:55 สำหรับวันนี้เราจะคุยกันเรื่องอะไรดีคะตั้ม
00:00:55 → 00:00:59 วันนี้หัวข้อผมว่าค่อนข้างกว้าง แล้วก็มีประโยชน์กับทุกคน
00:00:59 → 00:01:02 เพราะว่าจริง ๆ ผมกำลังจะพูดถึง อาหารชนิดหนึ่ง
00:01:02 → 00:01:04 - หมายถึงของที่วางอยู่ข้างหน้า - ใช่
00:01:04 → 00:01:05 เป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก ๆ นะครับ
00:01:05 → 00:01:08 ทั้งในแง่ของไฟเบอร์ ทั้งในแง่ของวิตามิน
00:01:08 → 00:01:11 แล้วก็อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่สามารถหามาทดแทนได้ครับ
00:01:12 → 00:01:13 เป็นของดีที่...
00:01:13 → 00:01:16 ...น่าเสียดายมากเพราะว่าคนเขี่ยออกเยอะมาก
00:01:16 → 00:01:20 โดยเฉพาะเด็ก ๆ นี่ ผมว่า... เขี่ยออกเกือบทุกคนครับผม
00:01:20 → 00:01:22 เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่า
00:01:22 → 00:01:27 แล้วถ้าเกิดเราไม่ทานผัก ผลไม้ ที่วางอยู่ตรงนี้นะครับ
00:01:27 → 00:01:29 เราจะทำอย่างไรกันได้บ้างครับ
00:01:31 → 00:01:34 ชอบมีคนมาถามว่า ไม่กินผักคุณหมอ กินอะไรแทนดี
00:01:34 → 00:01:38 เป็นคำถามที่โดนถามมาเยอะเช่นเดียวกันนะครับ
00:01:38 → 00:01:40 อันแรกก่อนต้องถามว่า กินผักไหม
00:01:41 → 00:01:42 ส่วนตัวผมกินผัก
00:01:42 → 00:01:44 แต่ว่ามีผักต้องห้ามอยู่ไม่กี่ชนิดครับ
00:01:44 → 00:01:47 อย่างแรกเลยที่ผมไม่กินคือ ถั่วงอก
00:01:47 → 00:01:48 ทำไมถึงไม่กิน
00:01:48 → 00:01:50 โอ้โฮ กลิ่นมันแรงมากครับพี่เอ๋
00:01:50 → 00:01:52 ผมไม่ชอบความเหม็นเขียวของถั่วงอกมาก ๆ
00:01:52 → 00:01:56 สาเหตุหลัก ๆ ที่จะมีคนไม่เลือกกิน หรือไม่ชอบกินนี่นะคะ
00:01:56 → 00:01:57 ก็จะมีหลายอย่างเนอะ
00:01:57 → 00:02:00 ส่วนใหญ่เวลาที่ไปถาม เขาก็จะบอกว่ามันไม่อร่อย
00:02:00 → 00:02:03 มันไม่อร่อย พอให้พยายามบอกว่าไม่อร่อยเพราะอะไร
00:02:03 → 00:02:04 กลิ่น
00:02:04 → 00:02:04 ครับ
00:02:04 → 00:02:07 ความขม แล้วก็เหม็นเขียวที่บอกเมื่อสักครู่นี้นะคะ
00:02:07 → 00:02:10 ทีนี้ คำถามว่าเรามีเหตุผลอะไรไหม
00:02:10 → 00:02:13 ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงไม่ชอบกินผัก หรือคน ๆ หนึ่งชอบกินผัก
00:02:14 → 00:02:17 ถ้าเอาในแง่ของวิทยาศาสตร์ ก็จะมีคนเคยทำวิจัยเหมือนกัน
00:02:17 → 00:02:23 แล้วก็บอกว่าส่วนหนึ่งของคนที่จะรู้สึกว่า รับรู้ความรู้สึกขมได้ดีขึ้น
00:02:23 → 00:02:25 มันก็จะมียีนที่จะคอยควบคุมอยู่
00:02:25 → 00:02:28 แล้วบอกว่า คนกลุ่มนี้ถ้ามียีนแบบนี้
00:02:28 → 00:02:30 เวลาที่เขากินของที่มันขมนี่
00:02:30 → 00:02:31 เขาจะรู้สึกขมกว่าปกติ
00:02:31 → 00:02:32 อืม ครับ
00:02:32 → 00:02:34 มีอยู่ประมาณสัก 20-25%
00:02:34 → 00:02:38 แล้วก็จะมีบางคนที่รู้สึกว่า อุ๊ย มันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย กินได้ ไม่ขม
00:02:39 → 00:02:43 แล้วคนที่เหลือประมาณครึ่งหนึ่ง กลาง ๆ ก็คือมีความรู้สึก แต่อาจจะน้อยหน่อย
00:02:44 → 00:02:48 ทีนี้เราก็เชื่อว่าถ้าคนที่กินอะไร แล้วรู้สึกมันขมมากกว่าปกตินี่
00:02:48 → 00:02:51 เขาก็อาจจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่ไม่เลือกกินผัก เพราะเขารู้สึกว่ามันขม
00:02:52 → 00:02:54 - วันนี้เชฟอุตส่าห์มานั่งกับเรา - ครับ
00:02:54 → 00:02:56 แล้วเป็นคุณหมอด้วย ก็รู้ว่ามันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
00:02:56 → 00:02:58 เดี๋ยววันนี้คุณหมอตั้มก็จะมาบอกเราว่า
00:02:58 → 00:03:03 เราจะทำอย่างไรกับผักดี เพื่อจะให้เรากินได้มากขึ้น แล้วก็อร่อยขึ้น
00:03:03 → 00:03:05 ได้เลย วันนี้ผมพกเทคนิคมาเพียบเลยครับ
00:03:05 → 00:03:05 โอเค
00:03:06 → 00:03:11 [เสียงดนตรี]
00:03:11 → 00:03:13 ก่อนที่เราจะมาดูเรื่องเทคนิคการทำอาหาร
00:03:13 → 00:03:15 ผมมีคำถามก่อนว่า
00:03:16 → 00:03:20 ใน 1 วัน เราควรจะต้องกินผักเยอะแค่ไหน ถึงจะเพียงพอต่อร่างกายของเรา
00:03:21 → 00:03:22 เรามีข้อมูลเนอะ
00:03:22 → 00:03:25 ก็คือบอกว่าเวลาที่เราไปดูงานวิจัย เราจะบอกว่า
00:03:25 → 00:03:29 คนกินผักผลไม้ อายุยืน สุขภาพดีใช่ไหมคะ
00:03:29 → 00:03:33 เราก็จะไปดูต่อว่า มันต้องกินแค่ไหนเหมือนที่ตั้มบอก
00:03:33 → 00:03:37 เวลาที่เขา รวมเขาจะรวมทั้งผักและผลไม้
00:03:37 → 00:03:40 เวลาเขาพูดผักและผลไม้ เขาจะพูดคำว่า 400 กรัม
00:03:40 → 00:03:41 อุ๊ย แม่เจ้า 400 กรัม เท่าไร
00:03:41 → 00:03:42 เยอะนะครับ
00:03:42 → 00:03:45 - เชฟรู้ ชาวบ้านอาจจะไม่รู้ - เยอะนะ 400 กรัมเยอะมากนะครับ
00:03:45 → 00:03:48 ทีนี้เวลาที่เราคุยกัน เราจะแยกมาเป็น 2 ส่วนนะคะ
00:03:48 → 00:03:50 ก็คือส่วนของผัก กับส่วนของผลไม้
00:03:50 → 00:03:52 ส่วนของผลไม้ เราจะบอกว่า 2 ส่วน
00:03:52 → 00:03:54 ส่วนของผัก จะเป็น 3 ส่วน
00:03:54 → 00:03:54 ครับ
00:03:54 → 00:03:56 อันนี้คือรวมกัน 400 กรัม
00:03:56 → 00:03:59 ทีนี้ส่วนของผักก่อนนะคะ
00:03:59 → 00:04:00 ส่วนของผักนี่เราใช้กำปั้นเนอะ
00:04:01 → 00:04:03 ถ้าสมมุติว่า…อันนี้วิธีคิดง่าย ๆ
00:04:03 → 00:04:05 ถ้าสมมุติว่าเป็นผักที่เป็นหัวนะคะ
00:04:05 → 00:04:07 1 กำปั้นนี่ก็คือจะเป็น 1 ส่วน
00:04:07 → 00:04:08 อืม
00:04:08 → 00:04:10 ก็จะมองภาพประมาณ 1 กำปั้นเนอะ
00:04:10 → 00:04:12 แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นผักใบ
00:04:12 → 00:04:12 ครับ
00:04:12 → 00:04:14 หรือว่าใช้เป็นอุ้งมืออย่างนี้
00:04:14 → 00:04:16 ถ้าผักใบยังไม่สุก จะใช้ 2
00:04:16 → 00:04:19 แต่ถ้ามันสุกแล้ว มันจะเหี่ยวลง มันก็จะเหลือ 1
00:04:19 → 00:04:20 ใช่ ใช่ครับ
00:04:20 → 00:04:25 เพราะฉะนั้นวันนึง ผักก็จะประมาณ 3 กำปั้น หรือว่า 3 ฝ่ามืออย่างนี้ที่เราจะต้องกิน
00:04:25 → 00:04:28 ซึ่งจะเพียงพอสำหรับในเรื่องของการป้องกันโรค
00:04:28 → 00:04:33 ไม่ว่าจะเป็นโรคของหัวใจ เรื่องของมะเร็ง หรือว่าช่วยเรื่องของสุขภาพ
00:04:33 → 00:04:36 เมื่อกี้พี่เอ๋พูดถึงเรื่องผักที่เป็นหัว กับผักที่เป็นใบ
00:04:36 → 00:04:38 คราวนี้เราลงลึกลงไปอีกนิดนึงว่า
00:04:38 → 00:04:41 ทำไมเราต้องแยกว่าเป็นผักชนิดหัวกับผักชนิดใบ
00:04:41 → 00:04:42 โอเคค่ะ
00:04:42 → 00:04:46 เวลากินนี้มันจะต่างกัน อันที่ 1 ก่อนเนอะ ความรู้สึกก่อนนะ กินแล้วต่างกัน
00:04:46 → 00:04:50 พวกที่เป็นหัวมันจะมีความรู้สึกหวาน ๆ แป้ง ๆ เป็นน้ำตาลนิดนึง
00:04:50 → 00:04:51 อย่างเช่นยกตัวอย่างเนอะ
00:04:51 → 00:04:55 เรากินมันเทศ ฟักทอง แคร์รอต ใช่ไหมคะ
00:04:55 → 00:04:59 หรือถ้ามันเป็นใบ ๆ นี่ ความรู้สึกมันจะแบบ มันจะได้เป็นน้ำ
00:04:59 → 00:05:02 - ที่สำคัญคือมันจะขม ๆ - ขม ๆ เป็นส่วนใหญ่
00:05:02 → 00:05:03 แล้วมันก็จะมีกลิ่น
00:05:03 → 00:05:05 อันนี้ล่ะค่ะที่มันจะเป็นพวกผักใบ
00:05:05 → 00:05:07 เพราะจริง ๆ ผักที่เป็นหัวนี่ คนยังกินเยอะอยู่
00:05:07 → 00:05:08 ใช่
00:05:08 → 00:05:10 แล้วก็มาทำอะไรต่อมิอะไรได้เยอะด้วย
00:05:10 → 00:05:10 ใช่
00:05:10 → 00:05:14 ในแง่ของคุณค่าทางอาหารนะคะ ถ้าเอาแคลอรีก่อนนะ
00:05:14 → 00:05:17 ใครอยากผอม เลือกผักใบ เพราะอันนี้แทบไม่มีแคลอรีเลย
00:05:17 → 00:05:21 แต่ถ้าเป็นพวกผักหัวที่กินแล้ว มันจะมีความรู้สึกว่าเป็นแป้ง
00:05:21 → 00:05:23 หรือถ้าภาษาอังกฤษเรียกว่า starchy
00:05:23 → 00:05:25 Starchy vegetable พวกนี้
00:05:25 → 00:05:27 พวกนี้กินแล้วมันมีแคลอรี
00:05:27 → 00:05:28 แต่ว่ามันก็จะน้อยหน่อย
00:05:28 → 00:05:30 เพราะฉะนั้น เอาง่าย ๆ เลยนะ ถ้าเราสังเกต
00:05:30 → 00:05:32 พวกอาหารคลีนหรืออาหารลดน้ำหนัก
00:05:32 → 00:05:33 เราจะเห็นพวกนี้เยอะ
00:05:34 → 00:05:35 ใช่ครับ ใช่ครับ
00:05:35 → 00:05:39 ฉะนั้น คนจะเริ่มเข้าใจผิด ว่าเรากินแคร์รอตเยอะ ๆ
00:05:39 → 00:05:41 เรากินฟักทองเยอะ ๆ ไม่น่าอ้วน
00:05:42 → 00:05:44 จริง ๆ ในทางกลับกัน แป้งก็เยอะเหมือนกันนะครับ
00:05:44 → 00:05:47 บางคนใช้เทคนิคว่าเราเอาข้าวออก
00:05:48 → 00:05:49 เราเอามันฝรั่งออก
00:05:49 → 00:05:51 แล้วกินฟักทองอย่างเดียวเลย อุ๊ย ผอมแน่นอน
00:05:51 → 00:05:52 แต่ในความเป็นจริง เป็นอย่างไรครับพี่
00:05:52 → 00:05:54 เหลืองค่ะ
00:05:54 → 00:05:56 - ใช่ครับ เหลืองก่อน - เหลืองก่อน ตัวเหลืองก่อน
00:05:56 → 00:05:58 แล้วก็คาร์บก็เยอะพอ ๆ กันนะครับ
00:05:58 → 00:06:00 เคยไปคุยกับฝรั่ง ฝรั่งเขาจะบอกว่า
00:06:00 → 00:06:02 ไม่จริงหรอก คุณกินผักผลไม้ คุณไม่มีทางอ้วน
00:06:02 → 00:06:05 มันเป็นอาหารที่เขาจะให้กิน เพื่อลดความอ้วนด้วย
00:06:05 → 00:06:06 เพราะว่าในความเป็นจริง
00:06:06 → 00:06:09 เวลาที่เรากินผัก มันจะมีความอิ่มอยู่
00:06:09 → 00:06:10 ใช่ครับ
00:06:10 → 00:06:11 พอมันมีความอิ่ม มันมีไฟเบอร์อยู่นี่
00:06:11 → 00:06:14 มันจะลิมิต มันจะกินไม่ได้แล้ว
00:06:14 → 00:06:17 แต่ว่าเราทำไงคะ อยากจะกินเยอะ ๆ เราก็เอาไปคั้นน้ำ
00:06:17 → 00:06:20 พอมันเป็นคั้นน้ำปั๊บนี่ ไฟเบอร์มันหายไปใช่ไหม
00:06:20 → 00:06:22 มันจะเหมือนดื่มน้ำ
00:06:22 → 00:06:24 เพราะฉะนั้น การกินน้ำแคร์รอตที่มันเป็นขวดนี่
00:06:25 → 00:06:26 มันได้พลังงานเยอะทีเดียว
00:06:26 → 00:06:28 ใช่ เพราะว่าน้ำตาลจากแคร์รอตนี่ได้เต็ม
00:06:28 → 00:06:30 แต่ว่าไฟเบอร์จากแคร์รอตหายไป
00:06:30 → 00:06:31 ถูกต้อง
00:06:31 → 00:06:35 คราวนี้เรารู้แล้วว่า ประโยชน์ของผักและผลไม้นี่เป็นอย่างไร
00:06:36 → 00:06:38 คราวนี้นี่ คนไม่ทาน เขาก็ไม่ทานจริง ๆ
00:06:38 → 00:06:39 ใช่
00:06:39 → 00:06:41 พี่เอ๋ปกติทานผักไหมครับ
00:06:41 → 00:06:42 พี่กินนะ บอกอย่างนี้ก่อนนี้ค่ะ
00:06:42 → 00:06:45 เมื่อก่อนตอนสมัยเด็ก ๆ นี่ เลือกกินคล้าย ๆ กัน
00:06:45 → 00:06:47 แล้วก็เราจะชอบกินขนมเนอะ
00:06:47 → 00:06:49 เพราะฉะนั้นพอกินขนมกินข้าวที่มันมีรสชาติ
00:06:49 → 00:06:51 ผักนี่ มันจะไม่อร่อย
00:06:51 → 00:06:51 ครับ
00:06:51 → 00:06:55 มันไม่มีรสชาติ มันมีกลิ่นใช่ไหม แล้วมันก็ขมเหมือนที่ทุกคนว่า
00:06:55 → 00:06:58 แต่ว่าอาจจะไม่ใช่คนที่กินผักแล้วรู้สึกขม ๆ
00:06:58 → 00:06:59 ก็จะเลือกกินก่อน
00:06:59 → 00:07:00 ตอนแรกถามตัวเองก่อนว่า
00:07:00 → 00:07:02 ตอนโตขึ้นมารู้สึกว่ามันดี
00:07:02 → 00:07:05 สะกดจิตตัวเองนิดนึงว่า กินไปเถอะอะไรอย่างนี้
00:07:05 → 00:07:07 แล้วจะเลือกจากของที่รู้สึกกินได้
00:07:08 → 00:07:11 เพราะฉะนั้นจะเลือกกินของที่เป็นผัก ที่รู้สึกว่ากินได้ก่อน
00:07:11 → 00:07:15 เช่น ฟักทองอย่างนี้ กินได้ มันอย่างนี้ค่ะ กินได้
00:07:15 → 00:07:17 แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นแบบมันแกว
00:07:17 → 00:07:18 เอาจืด ๆ ก่อนเนอะ
00:07:18 → 00:07:19 แล้วก็มาเป็นมะเขือเทศ
00:07:19 → 00:07:21 แคร์รอตพอได้ อย่างนี้ค่ะ
00:07:21 → 00:07:22 แล้วหลังจากนั้น พอมาเป็นผัก
00:07:23 → 00:07:25 ก็จะเลือกผักที่มันจืด ๆ ก่อน
00:07:25 → 00:07:26 แล้วตอนนี้ก็โอเคแล้ว
00:07:26 → 00:07:27 - โอเคแล้วใช่ไหมครับ - กินได้ กินได้ทุกอย่าง
00:07:27 → 00:07:30 - ผักใบนี่ ทานได้เรียบร้อย - ได้หมด ได้หมด
00:07:31 → 00:07:33 จริง ๆ นี่ เรื่องเทคนิคการทานผัก
00:07:34 → 00:07:35 มันจะมีแบ่งเป็นระดับ
00:07:35 → 00:07:39 บางคน อย่างพี่เอ๋นี่ เริ่มทานเป็นผักใบสดได้นี่
00:07:39 → 00:07:41 บางที บางคนกินสด ๆ เลยนะครับ
00:07:41 → 00:07:43 หรือบางคน เคยเห็นกิน snack อย่างนี้ครับ
00:07:43 → 00:07:46 แคร์รอตเป็นแท่งเลย เซเลอรีเป็นแท่งเลย
00:07:46 → 00:07:46 ใช่
00:07:46 → 00:07:48 แต่สามารถจิ้มกับน้ำสลัดนิดหน่อย
00:07:49 → 00:07:51 ให้มันตัดรสชาตินิดนึง ให้มันแบบ...มันไม่ใช่แค่จืด ๆ
00:07:51 → 00:07:53 แต่จริง ๆ นะ อย่างกินแคร์รอต
00:07:53 → 00:07:56 สมัยก่อน มันจะมีแคร์รอตอันใหญ่ ๆ ใช่ไหมคะ
00:07:56 → 00:07:57 ใช่ครับ ใช่ครับ
00:07:57 → 00:07:57 ไม่ชอบ
00:07:57 → 00:07:58 อืม
00:07:58 → 00:08:00 ที่กิน แล้วเริ่มกินแคร์รอตได้จริง ๆ คือเบบี้แคร์รอต
00:08:01 → 00:08:01 อ๋อ ครับ
00:08:01 → 00:08:05 อันเล็ก ๆ มันเริ่มต้นที่เห็นมันอยู่ในผักสลัด
00:08:05 → 00:08:07 แล้วก็ลองชิมเพราะมันชิ้นเล็กใช่ไหมคะ
00:08:07 → 00:08:09 เฮ้ย มันอร่อย มันหวาน กรอบ
00:08:09 → 00:08:12 แล้วก็ได้ อันนี้เทคนิคตอนแรกที่กิน กินแบบนั้น
00:08:12 → 00:08:16 - คราวนี้นี่ ถ้าคนกินสดได้ มันก็ง่าย - ใช่
00:08:16 → 00:08:19 แล้วคราวนี้ถ้าเกิดว่าไม่กินใบสดล่ะ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง
00:08:19 → 00:08:20 บางคนก็จะบอกว่า
00:08:20 → 00:08:22 คนไข้พี่เอามาปั่น
00:08:22 → 00:08:22 ใช่
00:08:22 → 00:08:27 แต่ปั่นบางทีคนจะเจอปัญหา ว่ากลิ่นมันแรงขึ้นครับ
00:08:27 → 00:08:27 ใช่ ไม่อร่อย
00:08:27 → 00:08:29 ถ้าเห็นได้ชัดสุดคือเซเลอรีเลยครับ
00:08:29 → 00:08:31 เซเลอรีนี่ ปกติ สมมุติกินเป็นแท่งนี่ครับ
00:08:32 → 00:08:34 มันจะได้ความหวาน กับกลิ่นที่เป็นเฉพาะของเซเลอรี
00:08:34 → 00:08:36 มันจะซ่า ๆ นิดนึง แล้วมันจะมีความหวาน
00:08:36 → 00:08:38 แต่มันไม่ได้ขมนะ เซเลอรีไม่ได้ขม
00:08:38 → 00:08:40 เซเลอรีมันจะแบบ...เหมือนมันมีน้ำ
00:08:40 → 00:08:42 แล้วก็มันจะมีความซ่า ๆ นิดหน่อย
00:08:43 → 00:08:45 แต่พอเอาไปปั่นหรือเอาไปคั้นสกัดเย็น
00:08:45 → 00:08:45 กลิ่นจะชัดมาก
00:08:45 → 00:08:47 กลิ่นจะชัดมาก เพราะหนึ่งเลยคือ
00:08:47 → 00:08:51 ตัวน้ำมันหอมระเหยของเขา ถูกสกัดออกมาจากตัวไฟเบอร์แล้ว
00:08:51 → 00:08:53 เพราะฉะนั้น พอมันอยู่ในรูปน้ำนี่
00:08:53 → 00:08:56 แล้วมีความฟุ้งกระจายของน้ำมันหอมระเหย ของตัวเซเลอรี
00:08:57 → 00:08:57 กลิ่นจะยิ่งชัดครับ
00:08:58 → 00:09:00 บางทีกลิ่นเหม็นเขียวมันยิ่งแรงขึ้น
00:09:00 → 00:09:03 หรือแม้กระทั่งน้ำแคร์รอตเองนะครับ ถ้าเกิดว่ากินเปล่า ๆ
00:09:03 → 00:09:07 อาจจะ บางคนอาจจะรู้สึกว่า มีความเหม็นเขียวมากขึ้นนะครับ
00:09:07 → 00:09:12 เพราะฉะนั้น การทำเป็น Cold Pressed หรือการปั่นอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีมากนัก
00:09:13 → 00:09:14 บางคนเขาก็เลยเอาไปผสมครับ
00:09:14 → 00:09:16 ผสมน้ำผลไม้
00:09:16 → 00:09:17 สับปะรด
00:09:17 → 00:09:20 เพื่อให้มันมีความหวานมากขึ้น ให้มันมีความอร่อยเพิ่มมากขึ้น
00:09:20 → 00:09:21 อย่างที่บอกกับพี่เอ๋
00:09:21 → 00:09:24 สับปะรดกับแอปเปิล จะเป็นอะไรที่ใส่เข้าไปตลอดเวลา
00:09:24 → 00:09:25 ใช่ครับ หรือบางทีใส่ส้มอย่างนี้ครับ
00:09:25 → 00:09:28 สิ่งที่คล้าย ๆ กัน เช่น แคร์รอต น้ำส้มอย่างนี้ครับ จะเจอบ่อย
00:09:28 → 00:09:32 หรือแม้กระทั่งเสาวรสเองที่จะมีรสเปรี้ยว ผสมรสหวานอย่างนี้ครับ
00:09:32 → 00:09:36 มันจะทำให้ความขม มันถูกบดบังด้วยรสเปรี้ยวรสหวานไป
00:09:36 → 00:09:37 อันนี้ก็อาจจะเป็นเทคนิคที่จะช่วยได้
00:09:37 → 00:09:39 แต่ก็ต้องระวัง
00:09:39 → 00:09:40 เพราะอย่างที่พี่เอ๋บอกว่า
00:09:40 → 00:09:42 การที่มันถูกคั้นเป็นน้ำ
00:09:42 → 00:09:43 น้ำตาลมันสูง
00:09:43 → 00:09:46 เรายิ่งถ้าเกิดว่าเราใส่ผลไม้ ที่เป็นน้ำผลไม้ด้วยนะครับ
00:09:47 → 00:09:48 บางทีน้ำตาลเกินได้ครับผม
00:09:48 → 00:09:50 อันนึงค่ะ นอกเหนือจากน้ำตาลเนอะ
00:09:50 → 00:09:54 พอพูดถึงเซเลอรี พอเวลาที่เราใช้ เป็นพวกผักที่มันเป็นผักหัว
00:09:54 → 00:09:55 มันจะมีน้ำตาล
00:09:55 → 00:09:58 แต่พอมันเป็นเซเลอรีนี่ คือมันเป็นลำต้นเนอะ
00:09:58 → 00:09:59 อันนี้น้ำตาลจะน้อย
00:09:59 → 00:10:00 แต่สิ่งที่อาจจะตามมา
00:10:00 → 00:10:03 คือเวลาเรากินน้ำผักทีละเยอะ ๆ
00:10:03 → 00:10:06 ก็คือแร่ธาตุที่อยู่ในผัก โดยเฉพาะพวกโพแทสเซียม
00:10:06 → 00:10:08 ถามว่าดีไหม ดีนะคะ
00:10:08 → 00:10:10 ในกรณีของโพแทสเซียม คือช่วยลดความดัน
00:10:10 → 00:10:11 เพราะฉะนั้นนี่ ช่วยได้
00:10:11 → 00:10:15 แต่ต้องระวังสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องโรคไต
00:10:15 → 00:10:18 เพราะอันนี้อาจจะทำให้มีปัญหา เรื่องโพแทสเซียมสูง
00:10:18 → 00:10:21 ซึ่งถ้าสูงมาก ๆ หัวใจหยุดเต้น แล้วก็เสียชีวิตได้
00:10:21 → 00:10:23 แต่ว่าไม่ได้บอกว่าห้ามกินผักนะคะ
00:10:23 → 00:10:27 แล้วก็อีกอันหนึ่งเมื่อกี้นี้ได้ยินตั้มพูด คือ Cold Pressed กับปั่น
00:10:27 → 00:10:28 มันต่างกันอย่างไร
00:10:28 → 00:10:31 เพราะเวลาเขาขายของ เราก็จะบอกว่าสกัดเย็น
00:10:31 → 00:10:33 แล้วก็ราคามันจะแพงขึ้น
00:10:33 → 00:10:35 พูดเรื่องเทคนิคก่อนแล้วกันครับ
00:10:35 → 00:10:38 เรื่องการปั่นนี่ ปกติ เวลาเราปั่นก็เป็นใบมีดใช่ไหมครับ
00:10:38 → 00:10:40 แล้วก็ปั่นด้วยความเร็วสูง
00:10:40 → 00:10:42 เวลาปั่นนี่ มันจะเกิดความร้อนนะครับ
00:10:42 → 00:10:45 เพราะฉะนั้น พอมันเกิดความร้อนนี่
00:10:45 → 00:10:49 เขาเคลมว่า วิตามินที่อยู่ในผักต่าง ๆ มันจะโดนความร้อนแล้วสลายไป
00:10:49 → 00:10:52 ใช่ โดยเฉพาะพวกที่เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ
00:10:52 → 00:10:55 ซึ่งในผักมันก็จะมีบีกับซีอยู่
00:10:55 → 00:10:57 อันนี้ก็อาจจะสูญเสียไปในระหว่างทาน
00:10:57 → 00:10:59 คราวนี้เขาก็เลยมีเทคนิคใหม่
00:10:59 → 00:11:00 เขาเรียกว่า Cold Pressed
00:11:00 → 00:11:04 ก็คือ เราจะลดแรงเสียดทาน แรงเสียดสีระหว่างใบมีดลง
00:11:04 → 00:11:05 โดยการใช้วิธีการบด
00:11:05 → 00:11:09 หรือเป็นใบมีดแบบตัด ๆ ที่ทำให้เกิดความร้อนน้อยลงครับ
00:11:09 → 00:11:11 ทำให้น้ำออกมานี่มีความเย็น
00:11:11 → 00:11:15 แล้วตัววิตามินนี่ เขาเคลมว่าจะสามารถเก็บได้ดีมากขึ้น
00:11:15 → 00:11:18 สรุปว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Cold Pressed
00:11:18 → 00:11:20 หรือว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปั่นปกติ
00:11:20 → 00:11:22 ในแง่ของกลิ่น อาจจะไม่ได้ช่วย
00:11:22 → 00:11:25 เพราะฉะนั้นเขาก็เลยจะต้องเติมอย่างอื่นลงไป
00:11:25 → 00:11:25 ต้องเติมอย่างอื่น
00:11:25 → 00:11:27 ต้องระวังเรื่องน้ำตาล
00:11:27 → 00:11:30 แล้วบางร้านเขาใส่น้ำเชื่อมด้วย ยิ่งต้องระวังขึ้นไปใหญ่เลยครับ
00:11:30 → 00:11:31 ค่ะ
00:11:31 → 00:11:35 ที่สำคัญ คือเวลาทำพวกนี้ ถ้าไม่ได้แยกกาก มันก็จะยังมีไฟเบอร์อยู่
00:11:35 → 00:11:35 ใช่ครับ
00:11:35 → 00:11:37 แต่ว่าหลาย ๆ ร้านนี่ เขาก็จะแยกกากออก
00:11:37 → 00:11:40 เพราะฉะนั้น ไฟเบอร์ก็จะหายไปนะคะ
00:11:40 → 00:11:42 แล้วก็ต่อให้เหลือวิตามินอยู่นี่
00:11:42 → 00:11:44 แต่ว่าวางทิ้งเอาไว้ สักพักนึง มันก็ยังเสียไปอีก
00:11:44 → 00:11:47 เพราะว่ามันเจอแสง เจอความร้อนนะคะ
00:11:47 → 00:11:48 เพราะฉะนั้นกินสดน่าจะดีกว่า
00:11:48 → 00:11:50 แต่ถ้าไม่ชอบจริง ๆ
00:11:50 → 00:11:54 อันนี้เป็นทางเลือกได้ทางหนึ่ง ใช้ทางเลือกได้ทางหนึ่ง โอเค
00:11:54 → 00:11:57 คราวนี้เมื่อกี้เราพูดถึงใบสดไปแล้ว ผักสดไปเรียบร้อยแล้ว
00:11:57 → 00:11:59 แล้วถ้าเกิดว่า ทำยังไงก็ไม่กิน
00:12:00 → 00:12:01 หลานพี่กิน
00:12:01 → 00:12:05 เริ่มต้นจากเห็ดก่อน เพราะว่าเห็ดนี่ มันจะเป็นความรู้สึกที่มันไม่ใช่สีเขียว
00:12:05 → 00:12:06 ใช่ครับ
00:12:06 → 00:12:07 แล้วพอมันเป็นเห็ดทอด เฮ้ย โอเค
00:12:07 → 00:12:10 หลังจากนั้น มาเป็นผัก แล้วมาเป็นผักทอดนี่
00:12:10 → 00:12:12 แม้กระทั่งใบบัวบก มันก็ไม่ได้อร่อยเนอะ
00:12:12 → 00:12:13 แต่เขาก็กิน
00:12:13 → 00:12:16 ใช่ เพราะว่ามันมีหลาย ๆ อย่าง คือหนึ่ง มันถูกมาก
00:12:18 → 00:12:20 อย่างที่สองคือรสชาติมันหวาน
00:12:20 → 00:12:22 จะบอกว่าผักที่ไม่ผ่านความร้อนนี่ครับ
00:12:22 → 00:12:25 บางทีแม้แต่กระทั่งเป็นพวกใบกันเองก็ตาม
00:12:25 → 00:12:28 เขาจะมีแป้งอยู่ข้างในใบอยู่แล้วนะครับ
00:12:28 → 00:12:31 เพราะว่าปกตินี่ ใบของพืชมันมีหน้าที่สังเคราะห์แสงเนอะ
00:12:31 → 00:12:32 ใช่
00:12:32 → 00:12:35 เพราะฉะนั้น แป้งที่ถูกผลิตออกมา บางทีเขาจะเก็บไปตามใบ
00:12:35 → 00:12:38 ตามราก ตามลำต้นต่าง ๆ ตามที่ตัวผล
00:12:38 → 00:12:40 ตัวใบเองก็มีน้ำตาลครับ
00:12:40 → 00:12:43 เพราะฉะนั้น ในรูปอย่างนี้นะครับ ที่ไม่ผ่านความร้อนนี่
00:12:43 → 00:12:45 แป้งมันไม่มีรสชาติถูกไหมครับ
00:12:45 → 00:12:46 เวลากินมันอาจจะมีความจืด
00:12:46 → 00:12:50 แต่ว่าได้ความขมของตัวพวกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในผักแทน
00:12:50 → 00:12:52 แต่พอเราไปต้มนี่ครับ
00:12:52 → 00:12:56 ตัว Starch หรือตัวแป้งที่มันอยู่ ติดตามใบต่าง ๆ มันก็สุก
00:12:56 → 00:12:57 แล้วมันก็จะสลายออกมาเป็นน้ำตาลครับ
00:12:58 → 00:12:59 เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นว่า
00:12:59 → 00:13:03 พอผักนำไปผ่านความร้อนบางอย่าง เช่น บางทีเราเอาไปต้มอย่างนี้ครับ
00:13:03 → 00:13:04 มันหวานขึ้นนะครับ
00:13:04 → 00:13:05 น้ำต้มผัก
00:13:05 → 00:13:06 ใช่ครับ
00:13:06 → 00:13:11 เวลาเราไปกินพวกชาบูต่าง ๆ สังเกตไหมครับ กิน ๆ ไป เฮ้ย มันหวาน
00:13:11 → 00:13:13 แล้วน้ำซุปมันหวานด้วยตัวเองนะครับ
00:13:13 → 00:13:16 เป็นเพราะว่าตัว Starch จากใบต่าง ๆ มันถูกสลายออกมา
00:13:16 → 00:13:18 แต่ส่วนใหญ่พวกนี้เวลาพี่ต้มซุป
00:13:18 → 00:13:20 แล้ว ๆ เขาเรียกน้ำสต๊อกเนอะ
00:13:20 → 00:13:22 น้ำสต๊อกผัก มันไม่ได้ใช้ใบ
00:13:22 → 00:13:23 มันจะใช้เป็นหัวมากกว่า
00:13:23 → 00:13:26 ส่วนใหญ่ ถ้าเกิดว่าเป็นของฝรั่งเองนี่ครับ
00:13:26 → 00:13:28 เขาจะใช้หัวทั้งหมด 3 อย่าง
00:13:28 → 00:13:30 จะมีเป็นหัวหอม เป็นเซเลอรี แล้วก็แคร์รอต
00:13:30 → 00:13:33 ซึ่งแน่นอนครับ มันเป็นแป้งอยู่แล้วนะครับ
00:13:33 → 00:13:35 อันนี้มันตรงไปตรงมาครับ มันก็จะหวาน
00:13:35 → 00:13:37 - แต่ว่าในทางกลับกัน - แล้วใส่มะเขือเทศด้วยใช่ไหม
00:13:37 → 00:13:39 ใช่ บางที่เขาจะใส่
00:13:39 → 00:13:42 แต่ว่าถ้าเกิดว่าเราไปกิน อย่างเช่น กินชาบูอย่างนี้ครับ
00:13:42 → 00:13:44 - บางทีเราก็จะใส่เป็นผักใบ - ข้าวโพด
00:13:44 → 00:13:47 ผักบุ้ง ใส่ผักกาด ใส่อะไรต่าง ๆ
00:13:47 → 00:13:49 ปรากฏว่ามันหวานขึ้นมาเอง
00:13:49 → 00:13:52 เพราะว่าพวกนี้ มันมีน้ำตาลแฝงอยู่ในใบอยู่แล้ว
00:13:52 → 00:13:54 บางทีนี่ เราเอาไปลวก เราเอาไปนึ่ง
00:13:54 → 00:13:56 หรือแม้กระทั่งเอาไปทอดนะครับ
00:13:56 → 00:13:58 มันผ่านความร้อนนี่ มันจะทำให้ผักพวกนี้นี่
00:13:58 → 00:14:00 ความขมมันถูกดรอปลง
00:14:00 → 00:14:02 แต่ว่าความหวานนี่มันเพิ่มมากขึ้นได้
00:14:02 → 00:14:05 โอเค ถ้างั้นเทคนิคแรก เราก็จะต้องทำให้มันสุก
00:14:06 → 00:14:07 ถูกต้องครับ ถูกต้อง
00:14:07 → 00:14:09 นอกเหนือจากเรื่องของรสชาติที่ดีขึ้นนี่
00:14:09 → 00:14:12 จริง ๆ เราจะบอกว่า ในคนที่มีปัญหาเรื่องลำไส้แปรปรวน
00:14:12 → 00:14:14 เวลากินผักสด มันจะท้องอืดเก่งกว่า
00:14:14 → 00:14:14 ใช่ครับ
00:14:14 → 00:14:17 แต่พอเวลาเป็นผักสุกนี่ มันจะดีขึ้น
00:14:17 → 00:14:18 เพราะฉะนั้นอันนี้เราแลดูดีขึ้นแล้ว
00:14:18 → 00:14:19 ครับผม
00:14:19 → 00:14:21 คราวนี้อย่างหนึ่งเมื่อกี้พี่เอ๋พูดว่า
00:14:21 → 00:14:24 ตัวผักใบนี่ครับ บางชนิดเขามีวิตามินเอสูง
00:14:24 → 00:14:25 ใช่
00:14:25 → 00:14:29 เช่น ผักบุ้งอย่างนี้ครับ เราจะรู้เลยว่า กลุ่มพวกนี้วิตามินเอสูงถูกไหมครับ
00:14:29 → 00:14:30 ถ้าเรากินสดนี่
00:14:30 → 00:14:33 บางทีเราไม่ได้ประโยชน์ จากวิตามินเออย่างเต็มที่นะครับ
00:14:33 → 00:14:35 เราก็สามารถเสริมรสชาติ
00:14:35 → 00:14:39 บวกกับได้ประโยชน์จากวิตามินเอจากผัก ได้เต็มที่ด้วยการใส่น้ำมันครับผม
00:14:39 → 00:14:40 ใช่
00:14:40 → 00:14:42 คราวนี้นี่ เมื่อกี้บอกแล้วว่าทอด
00:14:42 → 00:14:43 แต่ถ้าเกิดคนไม่กินทอดนี่
00:14:43 → 00:14:46 เราสามารถนึ่ง แล้วราดกะทิได้
00:14:46 → 00:14:47 อ๋อ
00:14:47 → 00:14:52 คนสมัยโบราณนี่ เขาจะกินผักลวกนี่ กับการราดน้ำกะทิลงไปเลย
00:14:52 → 00:14:56 สิ่งเหล่านี้ จะทำให้เราทานผักที่มีวิตามินเอสูงนี่
00:14:57 → 00:14:59 แล้วได้วิตามินเอได้อย่างเต็มที่ครับ
00:14:59 → 00:15:01 คือคงไม่เกี่ยวกับผักนะคะ แต่ว่าอย่างนี้ค่ะ
00:15:01 → 00:15:03 วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน
00:15:03 → 00:15:07 เพราะฉะนั้น วิตามินเอในผักนี่ ถ้ามันจะดูดซึม มันต้องมีไขมัน
00:15:07 → 00:15:09 กินด้วยกันกับกะทิซึ่งมีไขมัน
00:15:09 → 00:15:11 มันก็จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเอเยอะขึ้น
00:15:11 → 00:15:12 ถูกต้องครับ
00:15:12 → 00:15:15 นอกจากราดหัวกะทิแล้วนี่ บางคนก็จะทานกับหลน
00:15:15 → 00:15:17 มันเพิ่มรสชาติด้วยหรือเปล่าคะ
00:15:17 → 00:15:18 เพิ่มรสชาติด้วย
00:15:18 → 00:15:21 แถมยังมีตัวไขมันที่อยู่ในกะทิ ที่เอาไปใส่ในหลนด้วยนะครับ
00:15:21 → 00:15:24 นอกจากนั้นเราก็จะมีพวกผักจิ้มครับ
00:15:24 → 00:15:29 หรือแม้กระทั่งเป็นพวกน้ำพริกต่าง ๆ ที่จะทำให้รสชาติผักมันดีมากขึ้น
00:15:29 → 00:15:32 เช่น เรากินกับ…ปกติเรากินน้ำพริกกะปิเนอะ
00:15:32 → 00:15:34 หรือจะเป็นน้ำพริกลงเรือ น้ำพริกต่าง ๆ นี่
00:15:34 → 00:15:38 มันจะมีรสชาติ ที่มันเข้ามากลบรสชาติขมของผักได้
00:15:38 → 00:15:41 เช่น อย่างน้ำพริกกะปิ มันจะเป็นเค็มเด่น หวานเด่นใช่ไหมครับ
00:15:41 → 00:15:44 เปรี้ยว บางทีก็ บางคนกินเปรี้ยวหน่อย ก็จะเปรี้ยวเด่นขึ้นไป
00:15:44 → 00:15:47 พวกนี้ครับ พอมันมีรสชาติที่มันเข้มข้นมาก ๆ
00:15:47 → 00:15:49 มันมักจะอยู่ในรูปของน้ำพริกนี่นะครับ
00:15:49 → 00:15:51 ทานกับผักนี่ มันจะกลบไปหมดเลย
00:15:52 → 00:15:55 เรียกได้ว่า บางคนทานมะระนี่ ยังไม่รู้สึกขมเลยนะครับ
00:15:55 → 00:15:56 อ๋อ
00:15:56 → 00:15:58 เพราะว่ารสชาติพวกนี้มันถูกกลบไปหมดแล้ว ด้วยน้ำพริก
00:15:58 → 00:16:00 โอเค เป็นเทคนิคที่ดีค่ะ
00:16:00 → 00:16:02 สรุป ตอนนี้เรามี 2 อันแล้วเนอะ
00:16:02 → 00:16:02 ครับ
00:16:02 → 00:16:05 อันแรกก็คือเราจะเอามาทอดผักอย่างนี้นะคะ
00:16:05 → 00:16:07 อันที่ 2 ก็คือจะมีราดนู่นนี่นั่นด้วย
00:16:07 → 00:16:09 แล้วเราจะทำยังไงได้อีก เพื่อจะทำให้มันกินได้ดีขึ้น
00:16:09 → 00:16:13 คราวนี้บางทีผมยกตัวอย่างทั้งหมดนี่ เราเห็นเป็นชิ้น ๆ เลยถูกไหมครับ
00:16:13 → 00:16:16 เราเห็นเป็นใบ เราเห็นเป็นนึ่ง เป็นใบนั่น
00:16:16 → 00:16:18 แน่นอนว่าเด็กไม่ทานครับ
00:16:18 → 00:16:21 เพราะว่าเราเห็นตั้งแต่แรกแล้ว โอ้โฮ เขียวมาก
00:16:21 → 00:16:23 ต่อให้มันนิ่มแค่ไหน มันเละแค่ไหน
00:16:23 → 00:16:26 - ไม่ต้องชิมเลยครับ ไม่กินครับเด็กเขาไม่กิน - โอเค
00:16:26 → 00:16:28 เพราะฉะนั้นนี่ เราเอาไปซ่อนครับผม
00:16:29 → 00:16:31 ซ่อนในสิ่งต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ชอบทาน
00:16:31 → 00:16:34 ถ้าเกิดสมัยก่อน เราก็ง่าย ๆ ครับ ใส่ในไข่เจียว
00:16:35 → 00:16:36 อ๋อ ใช่ ๆ
00:16:36 → 00:16:37 แล้วก็หั่นให้เป็นชิ้นเล็กที่สุดเลยครับ
00:16:37 → 00:16:39 แล้วก็ใส่ในไข่เจียว เด็กก็จะกิน
00:16:39 → 00:16:42 เพราะว่าสุดท้ายแล้ว เขาเขี่ยไม่ไหวแล้วครับ นึกออกไหมครับ
00:16:42 → 00:16:45 อันที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ ต้นหอม
00:16:45 → 00:16:46 ใช่ครับ
00:16:46 → 00:16:49 - เพราะว่าเขาจะซอยซะแบบชิ้นเล็กมาก - ใช่
00:16:49 → 00:16:52 แล้วถ้าสมมุติว่าเป็นบรอกโคลี แล้วใส่ลงไปนี่ เด็กอาจจะยังเขี่ยได้
00:16:52 → 00:16:54 แต่พอมันชิ้นเล็กนี่มันจะเขี่ยไม่ได้
00:16:54 → 00:16:55 ใช่ครับ
00:16:55 → 00:16:57 แต่จริง ๆ แล้วนี่ ถ้าเกิดว่าอย่างบรอกโคลีเองนี่
00:16:57 → 00:17:01 บางทีเราใส่ลงไปเป็นต้น มันง่ายใช่ไหมครับ
00:17:01 → 00:17:03 เราก็ซอยมันก่อน ก็สับนั่นแหละครับ
00:17:03 → 00:17:06 ทำให้มันเป็นหน่วยที่มันย่อยเล็กลง
00:17:06 → 00:17:07 แล้วก็ใส่ลงไปในไข่เจียว
00:17:07 → 00:17:11 มันก็สามารถทำให้เด็กเจริญอาหาร เกี่ยวกับผักได้มากขึ้น
00:17:11 → 00:17:12 อ๋อ โอเค
00:17:12 → 00:17:14 ผสมลงไปในข้าวผัดบางทีก็ได้นะ
00:17:14 → 00:17:14 ได้ครับ ได้ครับ
00:17:14 → 00:17:16 มันเป็นสี แล้วมันก็จะแบบเล็ก ๆ หน่อย
00:17:16 → 00:17:17 ใช่
00:17:17 → 00:17:18 คราวนี้ เรื่องการซ่อนนี่
00:17:19 → 00:17:22 ผมจะบอกว่าในประเทศไทยนี่ เราก็จะมีเทคนิคไม่ได้เยอะมาก
00:17:22 → 00:17:25 ก็เลยเห็นกินเป็นชิ้น ๆ นั่นแหละ
00:17:25 → 00:17:29 แต่ว่าฝรั่งเขาก็จะมีเทคนิคมากมายเลยครับ ที่จะเอาแอบไปซ่อน เช่น
00:17:29 → 00:17:31 บางที เคยได้ยินคำว่ามูสไหมครับ
00:17:31 → 00:17:32 มูส โอเค ขนม
00:17:33 → 00:17:37 มูสนี่ เขาจะเอาเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไปปั่นรวมกับไข่กับตัวครีม
00:17:38 → 00:17:42 หลังจากนั้น เขาก็จะใส่ผักอะไรบางอย่าง ให้มันอยู่เข้าไปข้างใน ปั่นรวมกัน
00:17:42 → 00:17:46 แล้วก็เอาไปนึ่งหรือเอาไปทำความร้อน ให้มันขึ้นมาคล้าย ๆ เป็นลูกชิ้น
00:17:47 → 00:17:48 อ๋อ
00:17:48 → 00:17:49 ใช่ Texture จะเหมือนกินลูกชิ้น
00:17:49 → 00:17:53 - แต่ว่าจริง ๆ แล้วนี่มันมีผักอยู่ในนั้น - มันจะมีผักอยู่แต่มีเนื้อสัตว์แล้วก็มีอะไร
00:17:53 → 00:17:58 ใช่ ซึ่งจริง ๆ ฝรั่งนี่ ในเด็กนี่จะชอบทานพวกนี้เยอะมาก
00:17:58 → 00:18:01 บางทีแล้วเอาไปปั้นเป็นก้อน ให้มันดูน่าทานมากขึ้น
00:18:01 → 00:18:03 หรือแม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นเองนะครับ
00:18:03 → 00:18:05 ค่อนข้างที่จะแบบ... บังคับให้เด็กกินเป็นชิ้น ๆ
00:18:05 → 00:18:06 อืม
00:18:06 → 00:18:08 เขาจะไม่ค่อยได้หาเทคนิคอะไรมากมาย
00:18:08 → 00:18:10 แต่ว่าเทคนิคที่เขาจะทำให้เด็ก เจริญอาหารมากขึ้น
00:18:10 → 00:18:12 คือเขาทำเป็นตัวการ์ตูนครับผม
00:18:12 → 00:18:16 อ๋อ ใช่ ๆ ของญี่ปุ่นนี่จะมีพิมพ์เยอะมากเลย เพราะว่าเคยซื้อมาลอง
00:18:16 → 00:18:18 ที่ลองทำก็คือว่า
00:18:18 → 00:18:20 เวลาเขามีส่วนร่วมในการทำอาหารนี่
00:18:20 → 00:18:23 เขาจะรู้สึกภูมิใจ แล้วเขาจะกินของที่เขาทำเอง
00:18:23 → 00:18:24 ใช่ครับ
00:18:24 → 00:18:27 ยิ่งแบบหาว่า มันเป็นตัวการ์ตูนที่เด็กเขาชอบนะ
00:18:27 → 00:18:30 ที่แบบทำเป็นตัวไข่ขี้เกียจ เคยเห็นไหม
00:18:30 → 00:18:31 เฮ้ย ใช่ รู้จัก
00:18:31 → 00:18:33 หรือแม้กระทั่งเป็นตัวหมีอย่างนี้ครับ
00:18:33 → 00:18:36 เขาก็จะแบบ…แต่งด้วยตัวผักต่าง ๆ
00:18:36 → 00:18:38 - ให้มันมีสีสัน - ลูกตาจะเป็นนี่ จะเป็นงา
00:18:38 → 00:18:40 อะไรอย่างนี้เลย
00:18:40 → 00:18:43 เพราะฉะนั้นนี่ เทคนิคการซ่อนผักลงไปในอาหารต่าง ๆ
00:18:43 → 00:18:45 มันจะช่วยให้เด็กสามารถทานผักได้มากขึ้น
00:18:45 → 00:18:48 หลังจากนั้นนี้ เราก็ค่อย ๆ ปรับนิสัยเด็กได้
00:18:49 → 00:18:51 เอ้านี่ไง ยังกินได้อยู่เลย
00:18:51 → 00:18:53 แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มเป็นชิ้นที่แยกออกมา
00:18:53 → 00:18:53 โอเค
00:18:53 → 00:18:57 ลองทานดู เด็กก็จะเริ่มแบบ… ไม่กลัวในการทานผักเพิ่มมากขึ้น
00:18:57 → 00:19:00 มันเป็นประสบการณ์ เพราะบางทีเราเคยกิน แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่อร่อย
00:19:01 → 00:19:03 ความรู้สึกของเราคือ พอเห็นปุ๊บ เราก็จะไม่อร่อยแล้ว
00:19:03 → 00:19:03 ถูกครับ ถูกครับ
00:19:03 → 00:19:05 อีกอันหนึ่งที่หลานพี่ทานก็คือ
00:19:06 → 00:19:09 ก็คือพวกของผักที่มันจะทำเป็น snack ค่ะ
00:19:09 → 00:19:10 กรอบ ๆ ค่ะ
00:19:10 → 00:19:12 - เราเจอกันเยอะขึ้นเลยนะครับ - อันนี้ ใช่ ๆ
00:19:12 → 00:19:16 สมัยก่อนนี้เราจะเจอเฉพาะเป็นผักจำพวกหัว
00:19:16 → 00:19:20 เช่น เผือก มันเทศอย่างนี้ เอาไปทอด มันก็คลาสสิก
00:19:20 → 00:19:23 สุดท้ายมันก็คือแป้งที่เอาไปทอด
00:19:23 → 00:19:25 แต่อันนี้ เราเจอว่าเป็นผักอบแห้งครับ
00:19:25 → 00:19:25 ใช่ ๆ
00:19:25 → 00:19:31 ผักอบแห้งนี่ วิธีการคือเขาจะทำยังไงก็ได้ ผักมันอยู่ในสภาพเดิมถูกต้องไหมครับ
00:19:31 → 00:19:34 - แต่เราจะเอาให้มันแห้งที่สุด เราดื่มน้ำออก - เขาดึงน้ำออก
00:19:34 → 00:19:37 ฉะนั้นเทคนิคที่เขาใช้ เขาจะใช้วิธีการ Freeze Dry
00:19:37 → 00:19:40 Freeze Dry คือ เอาไปแช่ในที่ที่มันเย็นจัด
00:19:40 → 00:19:44 เช่นสมมุติว่า ถ้าเกิดเร็ว ๆ คิดเร็ว ๆ ก็เอาไปแช่ในลิควิดไนโตรเจนอย่างนี้ครับ
00:19:45 → 00:19:46 หยิบขึ้นมาก็จะแข็งเลยครับ
00:19:46 → 00:19:51 แล้วก็เวลาทานนี่ น้ำนี้มันถูกดูดออกไปแล้ว
00:19:51 → 00:19:52 ใช่ มันจะแห้ง
00:19:52 → 00:19:55 คงรูปเป็นผักอยู่ แต่ว่ามันแห้ง แล้วก็ทานง่ายเพิ่มมากขึ้น
00:19:55 → 00:19:57 - รสชาติมันจะเป็นยังไงพี่ไม่เคยกิน - รสชาติจะจืดครับ
00:19:58 → 00:19:58 อ๋อ
00:19:58 → 00:20:00 เพราะฉะนั้นนี่ เขาจะปรุงรสชาติครับผม
00:20:00 → 00:20:02 อา...
00:20:02 → 00:20:03 บางทีเขาจะใส่ผงปาปริกา
00:20:04 → 00:20:04 ใช่
00:20:04 → 00:20:07 ใส่ผงหัวหอมกับซาวครีมอะไรอย่างนี้ครับ
00:20:07 → 00:20:09 เพื่อให้เด็กทานได้ง่ายมากขึ้น
00:20:09 → 00:20:11 คืออันนี้จริง ๆ ไม่ติดเนอะ
00:20:11 → 00:20:14 ติดนิดเดียวคือเด็กจะติดรสชาติ อันนี้พี่ก็รู้สึกเหมือนกัน
00:20:14 → 00:20:16 เพราะว่าเคยไปชิมของเด็ก ๆ ค่ะ
00:20:16 → 00:20:19 แล้วบอกว่า โอ้โฮ ความรู้สึกคือเราอยากจะให้เขากินผัก
00:20:19 → 00:20:21 เรามองว่ามัน healthy เนอะ
00:20:21 → 00:20:24 แต่จริง ๆ แล้ว มันจะโรยพวกของโซเดียมค่อนข้างเยอะเลย
00:20:24 → 00:20:26 เพราะฉะนั้น อันนี้อาจจะต้องระวังนะคะ
00:20:26 → 00:20:29 คุณพ่อคุณแม่ถ้าจะซื้อ แล้วแบบคิดว่าอันนี้มันเป็นทางเลือกที่ดี
00:20:29 → 00:20:31 อาจจะบอกว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีมากนัก
00:20:31 → 00:20:33 แต่ว่าเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งแล้วกัน
00:20:33 → 00:20:34 ใช่
00:20:34 → 00:20:36 แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง คือวิตามินกับเกลือแร่นี่
00:20:36 → 00:20:39 บางทีมันสูญเสียไปกับวิธีการทาง Freeze Dry
00:20:40 → 00:20:43 เราก็สงสัย เอ๊ะ แต่มันไม่โดนความร้อนนะครับ
00:20:43 → 00:20:46 วิตามินนี่ ถ้ามันโดนความร้อน มันก็ควรจะอยู่ไม่ใช่หรือครับ
00:20:46 → 00:20:50 จริง ๆ นี่ ถ้ามันอยู่ในสภาพที่ อุณหภูมิ Extreme
00:20:50 → 00:20:51 อันนี้ 2 ด้าน
00:20:51 → 00:20:54 ไม่ว่าจะเป็นด้านเย็นจัดหรือร้อนจัด
00:20:54 → 00:20:56 วิตามินมันเสื่อมสภาพได้ทั้งคู่นะครับ
00:20:56 → 00:20:56 โอเค
00:20:56 → 00:21:00 เพราะฉะนั้นนี่ ผักเอาไป Freeze Dry นี่ บางทีวิตามินแทบไม่เหลือแล้ว
00:21:00 → 00:21:02 แต่ว่าสิ่งที่ยังเหลืออยู่ แล้วก็ยังมีประโยชน์
00:21:02 → 00:21:03 คือไฟเบอร์
00:21:03 → 00:21:05 โอ้ วันนี้เราได้เทคนิคเยอะเลยนะคะ
00:21:05 → 00:21:10 สำหรับในเรื่องของการปรับ เพื่อจะทำให้ผักดูน่ากินมากขึ้น
00:21:10 → 00:21:11 และยังคงคุณค่าทางอาหาร
00:21:11 → 00:21:16 แล้วก็มีหลาย ๆ เทคนิค เพื่อจะให้ทุกคนได้เอาไปใช้
00:21:16 → 00:21:18 แล้วยังคงกินผักได้เนอะ
00:21:18 → 00:21:21 ทีนี้คำถามคือ ไม่กินได้ไหม กินอย่างอื่นแทนได้ไหม
00:21:21 → 00:21:26 ถ้าเราแนะนำกันมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่ว่ายังไงก็ไม่อยากกินอยู่ดี
00:21:26 → 00:21:30 เพราะฉะนั้นนี่ เราก็จะเห็นเทรนด์สุขภาพ ในสมัยนี้นี่มาเยอะมากขึ้น
00:21:30 → 00:21:33 ไม่ว่าจะเป็นผักอัดเม็ดถูกไหมครับ
00:21:33 → 00:21:36 วิตามินอัดเม็ด วิตามินรวมต่าง ๆ
00:21:36 → 00:21:37 หรือแม้กระทั่งไฟเบอร์ละลายน้ำ
00:21:37 → 00:21:39 ทีนี้ผมถามพี่เอ๋ก่อนเลยว่า
00:21:39 → 00:21:42 สิ่งเหล่านี้สามารถทดแทนการทานผักได้ไหมครับ
00:21:42 → 00:21:45 เหมือนที่บอกนะคะว่าในกรณีของผักนี่ ถามว่ามันมีอะไรบ้าง
00:21:45 → 00:21:49 เมื่อกี้บอกแล้ว มีเกลือแร่มีวิตามินใช่ไหมคะ แล้วก็มีพวกของไฟเบอร์
00:21:49 → 00:21:53 รวมทั้งกลุ่มที่เป็น…เขาเรียกพฤกษเคมี หรือไฟโตเคมิคอล (Phyto Chemicals)
00:21:53 → 00:21:55 แล้วผักแต่ละชนิดก็มีไม่เหมือนกัน
00:21:55 → 00:21:57 ยกตัวอย่างเช่น มีสีส้ม ก็ตัวนึง
00:21:57 → 00:22:00 มีสีแดงก็ตัวนึง สีขาวก็ตัวนึง สีม่วงก็ตัวนึง
00:22:01 → 00:22:04 คำถามคือเราจะกินกี่เม็ดดีคะ เพื่อจะทดแทนพวกนี้
00:22:04 → 00:22:05 ใช่ครับ
00:22:05 → 00:22:05 ถูกหรือเปล่า
00:22:05 → 00:22:06 น่าจะต้องเยอะมาก ๆ เลยนะครับ
00:22:06 → 00:22:07 แล้วเราจะต้องกินเป็นกำ
00:22:07 → 00:22:10 แล้วเป็นกำนี่ เรายังไม่รู้เลยว่า ปริมาณที่เหมาะสมคืออะไร
00:22:10 → 00:22:12 อาจจะมากเกินไปสำหรับเรา
00:22:12 → 00:22:14 หรือว่าอาจจะกินแล้วไม่ได้ประโยชน์เลยก็ได้
00:22:14 → 00:22:14 ครับ
00:22:14 → 00:22:18 คำถามต่อไป สมมุติถ้าเม็ดละ 10 บาท แล้วกินประมาณ 10 เม็ด คือ 100 บาท
00:22:18 → 00:22:22 อันนี้เรา...มันจะกินผักคุ้มกว่าไหม ถ้ามองในแง่ของราคา
00:22:22 → 00:22:23 - ความคุ้มค่า - ใช่ ๆ
00:22:23 → 00:22:24 เพราะฉะนั้นนี่ ตรงนี้แล้วแต่เนอะ
00:22:24 → 00:22:26 แต่ว่าส่วนตัวจะคิดว่า
00:22:26 → 00:22:32 ไม่น่าจะมีของอะไรที่ชิ้นเดียวอย่างเดียว แล้วสามารถจะมาทดแทนในส่วนของผักได้
00:22:32 → 00:22:34 ในส่วนที่เราจะกินค่ะ
00:22:34 → 00:22:38 นอกเหนือจากนี้นะคะ เวลาที่กินผัก เราเคี้ยว รสสัมผัสของผัก
00:22:39 → 00:22:40 แล้วที่สำคัญคือมีความอิ่ม
00:22:40 → 00:22:43 ซึ่งอันนี้มันจะไม่ได้ถ้าเรากินเป็นแคปซูล
00:22:43 → 00:22:47 สรุปวันนี้นะครับ ผมว่าได้เทคนิคการทำอาหารไปเยอะมาก ๆ เลย
00:22:47 → 00:22:49 ทั้งทำแบบสดเองก็ตาม ทำแบบสุกเองก็ตาม
00:22:49 → 00:22:53 หรือว่าแม้กระทั่งว่าเราจะสามารถ นำผักต่าง ๆ ไปซ่อนอย่างไรได้
00:22:53 → 00:22:56 ครั้งหน้าเราจะมาคุยกัน เรื่องเกี่ยวกับอาหารสุขภาพอะไร
00:22:56 → 00:22:59 ขอให้ทุกท่านติดตามทาง Mahidol Channel นะคะ
00:22:59 → 00:23:02 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้
00:23:02 → 00:23:05 สำหรับวันนี้หมอเอ๋กับหมอตั้มขอลาไปก่อนนะคะ
00:23:05 → 00:23:06 สวัสดีค่ะ
00:23:06 → 00:23:07 สวัสดีครับ
00:23:07 → 00:23:12 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:23:12 → 00:23:14 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:23:14 → 00:23:16 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:23:16 → 00:23:18 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:23:18 → 00:23:20 YouTube Mahidol Channel
00:23:20 → 00:23:21 Apple Podcasts
00:23:21 → 00:23:23 Spotify
00:23:23 → 00:23:23 Anchor
00:23:24 → 00:23:24 Joox
00:23:24 → 00:23:29 [เสียงดนตรี]
00:23:30 → 00:23:32 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:23:32 → 00:23:34 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:23:34 → 00:23:35 ปัญญาของแผ่นดิน