00:00:00 → 00:00:04 เช็ค up สุขภาพใจกันหน่อยว่าเอ๊ะแล้วโลก
00:00:04 → 00:00:07 การตกหลุ่มกลัวการตกหลุ่มรักนี่มันเป็น
00:00:07 → 00:00:09 แบบไหนยังไงคะอันนี้ขวัญก็เพิ่งเคยได้ยิน
00:00:09 → 00:00:14 นี่ล่ะค่ะคุณหมอเออจริงๆโรบกลัวการตดหลุม
00:00:14 → 00:00:17 รักหรือว่าโรคกลัวความรักอ่ะค่ะมันมันก็
00:00:17 → 00:00:20 คือเป็นโรคกลัวประเภทนึงในอยู่ในกลุ่มของ
00:00:20 → 00:00:23 โรคกลัวอยู่ในโรคกลุ่มของโรควิตกกังวลค่ะ
00:00:23 → 00:00:26 เป็นกลุ่มของถ้าเราเคยได้ยินบ่อยๆจริงๆคน
00:00:26 → 00:00:29 เราอ่ะค่ะกลัวหลายอย่างแต่ว่ากลัวแล้ว
00:00:29 → 00:00:31 เป็นปัญหาเนี่ยจะได้ยินบ่อยๆอย่างเช่น
00:00:31 → 00:00:34 กลัวความสูงค่ะอย่างเช่นกลัวเลือดอย่าง
00:00:34 → 00:00:38 เช่นกลัวงูอเออหรือว่ากลัวที่แคบอย่าง
00:00:38 → 00:00:40 เงี้ยค่ะเ่าพวกเนี้ยเป็นเรื่องที่เรา
00:00:40 → 00:00:43 เรียกว่าโรคกลัวเฉพาะอย่างหรือสิิคือ
00:00:43 → 00:00:47 เฉพาะเจาะตรงอ่ะค่ะสิิโฟเบียก็คือกลัว
00:00:47 → 00:00:50 อันเนี้ยการตกหลุมลักก็เป็นหนึ่งในนั้นที
00:00:50 → 00:00:53 นี้ก่อนที่เราจะมาถึงวันวาเลนไทน์ตอนนี้
00:00:53 → 00:00:55 ยังไม่ถึงเนาะเดี๋ยวขอเล่าเรื่องโรคกลัว
00:00:55 → 00:00:58 ทั่วไปก่อนว่าเมื่อไหร่โเครับมันถึงจะ
00:00:58 → 00:01:01 เป็นโรคกลัวจนเป็นโรคเพราะว่าคนเราต้อง
00:01:01 → 00:01:04 ต้องบอกว่ามันไม่มีใครที่กล้าบ้าบิ่นกับ
00:01:04 → 00:01:06 ทุกเรื่องอ่ะค่ะคือต้องบอกว่าความกลัว
00:01:06 → 00:01:09 เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้แต่ว่าความ
00:01:09 → 00:01:12 กลัวปกติของของถ้าใช้ศัพท์ก็คือเขาจะ
00:01:12 → 00:01:15 เรียกว่าเฟียเฟียคือความกลัวที่ปกติแต่
00:01:15 → 00:01:17 ว่าเมื่อไหร่ที่เซียกลายเป็นโฟเบียหรือ
00:01:17 → 00:01:20 ว่าโรคกลัวอค่ะก็คือต้องบอกก่อนว่าคนเรา
00:01:20 → 00:01:22 เนี่ยค่ะมันกลัวได้อย่างอย่างตรงไปตรงมา
00:01:22 → 00:01:25 กลัวความมืดกลัวผีอะไรเงี้ยถ้ามันไม่ได้
00:01:25 → 00:01:27 เยอะมันก็ยังเป็นแค่ความกลัวแต่เมื่อไหร่
00:01:27 → 00:01:30 ที่เป็นโรคกลัวถ้ามันเป็นโกเนี่ยค่ะความ
00:01:30 → 00:01:33 กลัวตรงเนี้ยมันจะต้องเหมือนไม่สมเหตุสม
00:01:34 → 00:01:37 ผลอย่างรุนแรงแล้วจริงๆหลายๆครั้งเจ้าตัว
00:01:37 → 00:01:40 เจ้าตัวที่กลัวเองก็รู้ว่าอันเนี้ยมันมัน
00:01:40 → 00:01:44 ดูเกินเหตุเกินผลนะคะค่ะแล้วก็ความกลัว
00:01:44 → 00:01:48 เนี้ยมันทำให้ส่งผลกับการใช้ชีวิตครับส่ง
00:01:48 → 00:01:51 ผลกับการใช้ชีวิตของเราทำให้เราเหมือน
00:01:51 → 00:01:54 อย่างเช่นว่าต้องหลีกเลี่ยงมากๆอย่าง
00:01:54 → 00:01:57 สมมุติว่ากลัวอ่าบางคนกลัวกลัวฤทธอย่าง
00:01:57 → 00:02:00 เงี้ยค่ะต้องขึ้นบันไดสึกอย่างอย่าแขนก
00:02:00 → 00:02:02 อยู่ชั้น 18 ยอมเดินขึ้นชั้น 18 เลยอย่าง
00:02:02 → 00:02:05 เงี้ยมันก็ไม่ใช่แล้วส่งผลจับการใช้ชีวิต
00:02:05 → 00:02:08 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ความกลัวเยมันทำให้
00:02:08 → 00:02:12 เราเกิดความทุกข์ทรมานความไม่สบายใจคือ
00:02:12 → 00:02:15 เราก็รู้สึกลำบากกับชีวิตอ่ะค่ะค่ะมันไม่
00:02:15 → 00:02:17 ได้เหมือนแบบมันไม่ได้เหมือนแบบอย่างตอน
00:02:17 → 00:02:20 เด็กๆเรากลัวผีเราก็อาจจะรู้สึกว่าโอเค
00:02:20 → 00:02:23 เราสวดมนต์จบอะไรอย่างเงี้ยคอือแต่ว่า
00:02:23 → 00:02:25 อันเนี้ยมันกลัวจนมันกลายเป็นโรคมันมี
00:02:25 → 00:02:29 ความทุกข์ทรมานมันมีความเบียดเบียนชีวิต
00:02:29 → 00:02:33 แล้วก็ไม่สมเหตสมผลอ๋อก็คือเหมือนกับว่า
00:02:33 → 00:02:35 อาการอะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้สึกว่ามัน
00:02:35 → 00:02:38 กระทบต่อกระเทือนต่อการใช้ชีวิตแล้วก็มัน
00:02:38 → 00:02:41 อยู่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน
00:02:41 → 00:02:44 แล้วก็ส่งผลลบต่อการใช้ชีวิตอันเนี้ยถือ
00:02:44 → 00:02:49 ว่าแนวโน้มในการที่จะเป็นโรคกลัวได้ใช่
00:02:49 → 00:02:52 ค่ะอาจจะขอเล่าๆตัวอย่างจริงๆอย่าอย่าง
00:02:52 → 00:02:54 จริงๆต้องบอกก่อนว่าโรคกลัวเนี่ยจริงๆเ
00:02:54 → 00:02:58 บอกว่า 1 คนใน 10 คนน่ะจะต้องเป็นโรคกลัว
00:02:58 → 00:03:01 อะไรสักอย่างที่เยอะๆแต่ว่าต้องพูดกว่าคน
00:03:01 → 00:03:04 ไขที่มาจริงๆไม่ได้เยอะเพราะส่วนใหญ่เ
00:03:04 → 00:03:07 เลี่ยงเลี่ยงได้คำนี้แล้วกันค่ะอย่างเช่น
00:03:07 → 00:03:11 บางคนเนี่ยถ้าสมมุติว่ากลัวแบบกลัวที่แคบ
00:03:11 → 00:03:14 กลัวแบบกลัวจริงๆบางทีเขาก็พยายามไม่อยู่
00:03:14 → 00:03:16 หรือกลัวลิฟสมัยก่อนตัวเองเคยไปฝึกงาน
00:03:16 → 00:03:18 อยู่อเมริกาเพื่อนกลัวลิฟเพื่อนฝรั่ง
00:03:18 → 00:03:21 เนี่ยกลัวลิฟจริงๆเลยนางก็ดึงแต่ว่าเขาก็
00:03:21 → 00:03:24 จะอยู่แบบคอนโดที่แบบอยู่อพาร์ตเมนต์ที่ 3
00:03:24 → 00:03:27 ชั้น 5 ชั้นอะไรของเขาแต่ว่าอันที่มัน
00:03:27 → 00:03:30 กลัวแล้วเป็นปัญหาที่เจออย่างที่เจอนะ
00:03:30 → 00:03:33 คนไขที่เจคนไข้เนี่ยเป็น 2 รายแลเป็นกลัว
00:03:33 → 00:03:36 เครื่องบินังดูแบบเหมือนจะไม่เป็นปัญหา
00:03:36 → 00:03:40 เนาะแต่ว่าจริงๆอ่ะเดี๋ยวเนี้ยคือเอาง่าย
00:03:40 → 00:03:44 ๆบางทีเครื่องบินน่ะมันมันอาจจะถูกกว่า
00:03:44 → 00:03:47 คิดแล้วมันถูกกว่าการเดินทางบางกว่ารถไฟ
00:03:47 → 00:03:50 ดีๆชั้นหนึหรืออะไรอย่างงี้นะอย่างเงี้ย
00:03:50 → 00:03:52 เราก็คือเหมือนมันสะดวกมันซื้อเวลาคิดใน
00:03:52 → 00:03:55 แง่ของความคุ้มค่าเงี้บางทีอย่างเงี้ยคน
00:03:55 → 00:03:57 ก็เดินทางบ่อยหลายๆคนคือกลัวเครื่องบิน
00:03:57 → 00:04:02 แล้วมันมีปัญหาคือเทำการทำงานไม่ได้
00:04:02 → 00:04:06 เป็นแบบลูกๆทุกคนบว่าให้กเครื่บ๋ยฉันนั่ง
00:04:06 → 00:04:10 รถไฟว่าลูกเริ่มโลูกอพอลูกเริ่มโดมันก็
00:04:10 → 00:04:12 ไม่ได้เงี้ค่ะอย่างเงี้ยคือมันเริ่มเป็น
00:04:12 → 00:04:15 ปัญหาทำให้เขามาหาเราคือคนส่วนใหญ่ไม่มา
00:04:15 → 00:04:17 หาเราเพราะเขาเลี่ยงได้อย่างเช่นตัวเลือด
00:04:17 → 00:04:21 ฉันก็ไม่บริจาคเลือดไม่นู่นไม่นี่ไม่นั
00:04:21 → 00:04:23 แต่อันที่มันเลี่ยงไม่ได้ก็รู้สึกเขามาหา
00:04:23 → 00:04:26 เราอย่าเงี้ค่ะซึ่งกลัวความรักอ่ะก็เป็น
00:04:26 → 00:04:29 หนึ่งในนั้นแต่จริงๆเขไม่ค่อยมาหาเราเพอ
00:04:29 → 00:04:30 ทำไมฮะ
00:04:30 → 00:04:33 เาเลี่ยงค่ะเกลัวแล้วเก็เลี่ยงเลี่ยงจะ
00:04:33 → 00:04:36 ไม่มีความรักเลยหรอคะคุณหมอใช่ใช่ค่ะแต่
00:04:36 → 00:04:39 ถ้าเขามาหาเราอ่ะเขามักจะมาหาจนพอเลี่ยง
00:04:39 → 00:04:42 ปุ๊บไม่มีความรักปุ๊บมาด้วยจะใช้เรียกว่า
00:04:42 → 00:04:45 เป็นถ้าเป็นภาษาโลกทางกายก็เหมือนภาวะ
00:04:45 → 00:04:49 แทรกสอเงค่ะคือพอกลัวปุ๊บไม่มีความรัก
00:04:49 → 00:04:52 ปุ๊บบางคนคือเลี่ยงแยกตัวออกจากสังคม
00:04:52 → 00:04:54 อย่างเงี้ยค่ะจนบางทีมันก็จะรู้สึกโดด
00:04:54 → 00:04:58 เดี่ยวว้าเวรู้สึกแบบเหมือนขาดเป็น
00:04:58 → 00:05:01 สัมพันธบางคนเฝ้าครับบางทีโลเนอกจนำไปสู่
00:05:01 → 00:05:04 ซูมเศร้าบางทีนำไปสู่เรื่องของใช้สารเสพ
00:05:04 → 00:05:07 ติดก็มีเพราะมันรู้สึกวเวอ่ะค่ะมันรู้สึก
00:05:07 → 00:05:12 ขนาดนั้นเลยคณหมอเจใช่ๆใช่ค่ะคือมันมัน
00:05:12 → 00:05:17 มันกลัวก็กลัวแต่ว่าแต่ว่าคนมันเป็น
00:05:17 → 00:05:19 ธรรมชาติของมนุษย์เนาะคือมนุษย์อ่ะก็
00:05:19 → 00:05:22 ต้องการการเชื่อมโยงต้องการปฏิสัมพันธ์
00:05:22 → 00:05:26 แต่ว่าเรากลัวใช่ค่ะมันดูเหมือนย้อนแย้ง
00:05:26 → 00:05:29 กันเองคือเนี่ยมันก็คือเหตุผลที่บอกว่า
00:05:29 → 00:05:31 มันเมื่อความกลัวมันเป็นโรคกลัวหรือ
00:05:31 → 00:05:36 เซอร์เบียแล้วมันทำให้เราเกิดิอ๋อฮะครับ
00:05:36 → 00:05:39 เคยเคยได้ยินสำหรับบางคนที่กลัวการนั่ง
00:05:39 → 00:05:42 เครื่องบินเนื่องจากว่าเขามีประสบการณ์
00:05:42 → 00:05:45 ที่ไม่ดีกับการนั่งเครื่องบินตกหลุมอากาศ
00:05:45 → 00:05:48 แบบแรงๆหนักๆเช่นแบบเอ่อเคยได้ยินการ
00:05:48 → 00:05:51 สัมภาษณ์ของคุณจ๊ะนงวดีที่เป็นนักร้องอ่ะ
00:05:51 → 00:05:54 นะคะคุณหมอเขาบอกว่าเเคยตกเอ่อหลุมอากาศ
00:05:54 → 00:05:58 หนักมากจตอนเนี้ยเอ่อเวลาไปคอนเสิร์ตที่
00:05:58 → 00:06:00 เอ่อตังงจจังหวัดอะไเงี้ยก็จะใช้วิธีนั่ง
00:06:00 → 00:06:05 รถตู้แทนลักษณะความกลัวแบบเนี้ยมันรวมถึง
00:06:06 → 00:06:08 การกลัวความรักด้วยเนี่ยมันเกิดขึ้นจาก
00:06:08 → 00:06:11 ประสบการณ์ที่ไม่ดีทุกอย่างเลยมั้ยหรือ
00:06:11 → 00:06:14 ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรคะคุณหมออเออ
00:06:14 → 00:06:17 ต้องบอกว่าหลายๆครั้งใช่เลยค่ะในโรคกลัว
00:06:17 → 00:06:22 เฉพาะเจาะจงหรือว่าเิิโฟเบียเนี่ยหลายๆ
00:06:22 → 00:06:24 ครั้งใช่เลยค่ะอย่างอันเนี้ยที่เรื่องตก
00:06:24 → 00:06:27 หลุอากาศเนี่ยทั้งทั้ง 2 ท่านที่มาที่เรา
00:06:27 → 00:06:31 ก็เป็นแบบนั้นเลยเหมือนกันคออากาศแรงๆตอน
00:06:31 → 00:06:35 ตอนเดินทางกลับแล้วก็กลัวใช่แล้วเกลัว
00:06:35 → 00:06:38 กลัวกันเป็น 10 ปีนะคะแต่อาการหลัดขึ้น
00:06:38 → 00:06:40 เรื่อยๆคือหมายถึงนึกนึกถึง 10 ปีก่อนน่ะ
00:06:40 → 00:06:42 คนมันก็ไม่ได้เดินทางด้วยเครื่องบินเยอะ
00:06:42 → 00:06:45 ขนาดนั้นด้วยแหละเก็ยังยังยังอยู่ได้แต่
00:06:45 → 00:06:48 เดี๋ยวนี้มันมันก็แบบเน้องเก็ไปไหนมาไหน
00:06:48 → 00:06:51 มันก็สะดวกกว่าจริงๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะอ
00:06:51 → 00:06:55 ค่ะอือแล้วแต่ว่าถ้าที่กลัวความรักก็
00:06:55 → 00:06:58 เหมือนกันค่ะอืมันเกิดจากประสบการณ์ยังไง
00:06:58 → 00:07:01 ได้บ้างคะคุณหมออือูครัวความรักเนี่ยค่ะ
00:07:01 → 00:07:04 ประสบการณ์เนี่ยเกิดได้หลายแบบตั้งแต่
00:07:04 → 00:07:08 ประสบการณ์ตรงตรงๆตรงไปตรงมาเลยตั้งแต่
00:07:08 → 00:07:11 เราเนี่ยมีความรักเองอบหักอบหักแบบแรงๆ
00:07:11 → 00:07:14 แบบใช้คำว่าถ้าใช้สอบคือถูกแทงข้างหลัง
00:07:14 → 00:07:19 อย่างเงี้ยถูกหักอกถูกหักหลังถูกทำให้แบบ
00:07:19 → 00:07:23 รู้สึกว่าความรักของฉันมันพังทลายอะไร
00:07:23 → 00:07:26 เงี้ใช่หรือว่าแบบบางทีก็คือมีความ
00:07:27 → 00:07:30 สัมพันธ์ที่เป็นความสัมพันธ์ที่คือเ่อลง
00:07:30 → 00:07:33 ไม้้ลงมือความสัมพันธ์ที่ถูกทำร้ายจิตใจ
00:07:33 → 00:07:36 ทำร้ายร่างกายทำร้ายด้วยวาจาอย่างเงี้ย
00:07:36 → 00:07:39 ค่ะคือทำให้รู้สึกความรักมันไม่สวยงามอีก
00:07:39 → 00:07:42 ต่อไปอือหรือว่าบางคนก็คือเป็นความ
00:07:42 → 00:07:45 สัมพันธ์เขาเรียกว่าลอสต์เหมือนนั่งรถไฟ
00:07:45 → 00:07:48 หอตีลังกาตลอดเวลาเดาไม่ได้เดี๋ยวดีเดียว
00:07:48 → 00:07:53 ร้ายดีก็ดีใจหายเวลาดีใช่เวลาดีก็ดีจนเรา
00:07:53 → 00:07:56 หลงอะไรเงี้ยคะเวลาร้ายก็งงติดต่อไม่ได้
00:07:56 → 00:07:59 หรืออยู่ก็อะไรฟาดงงฟาดงาเงี้ยคอือัน
00:08:00 → 00:08:03 เนี้ยก็มีแต่ว่าบางทีมันมันอาจจะเกิดไม่
00:08:03 → 00:08:05 ได้แค่เกิดอย่างงนี้ครั้งเดียวแต่ว่า
00:08:05 → 00:08:08 สมมุติแฟนคนที่ 1 ก็แบบนี้แฟนคนที่ 2 ก็
00:08:08 → 00:08:11 แบบนี้แฟนคนที่ 3 ก็แบบนี้อะไรเงี้ยค่ะอื
00:08:11 → 00:08:17 เอซ้ำไปซ้ำมาใช่ค่ะแล้วก็บางทีบางอย่าง
00:08:17 → 00:08:21 มันไม่ได้ออมันไม่ได้เกิดกับเราโดยตรงใน
00:08:21 → 00:08:23 แง่ความรักเชิงโรแมนติกแต่เราเป็นผู้ที่
00:08:23 → 00:08:26 อยู่ในเหตุการณ์นั้นอย่างเช่นวัยเด็กอวัย
00:08:26 → 00:08:28 เด็กเราอยู่ในเหตุการณ์ที่ครอบครัวพ่อแม่
00:08:28 → 00:08:34 ทะเลาะอือันครับอย่าล้างค่ะหรือว่าเอาแน่
00:08:34 → 00:08:37 เอานอนไม่ได้ในภาพของความรักของพ่อแม่
00:08:37 → 00:08:39 ครับหรือว่าทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นเด็ก
00:08:39 → 00:08:42 ขาดรักอย่างเงี้ยค่ะค่ะหรือแม้แต่พ่อแม่
00:08:42 → 00:08:46 ที่อารมณ์ไม่เสถียรเหมือนเราเดาไม่ได้ว่า
00:08:46 → 00:08:50 วันเนี้ยเรามา่า้วคว่าหนูหนูสมมุติพาย
00:08:50 → 00:08:53 อารมณ์โมโหร้ายสมมุติบางวันเราแค่บอกว่า
00:08:53 → 00:08:56 วันนี้มาเล่าให้ฟังไปโรงเรียนแต่งขนมให้
00:08:56 → 00:08:58 เพื่อนวันนี้ก็อยู่ๆก็ชมว่าเออน่ารักมาก
00:08:58 → 00:09:03 เลยออีกวันนึงให้อะไเออ 2 อารมณ์อะไร
00:09:03 → 00:09:05 อย่างเงี้ยนึกออกมั้ยคะเออเก็เราไม่ได้
00:09:05 → 00:09:09 อย่าเงี้อ๋อคือมันคาดเดาไม่ได้จับทางไม่
00:09:09 → 00:09:13 ถูกเลยทีเดียวออก็มีใช่ค่ะซึ่งมันก็ส่งผล
00:09:13 → 00:09:17 ต่อสภาพจิตใจใช่ค่ะคือเด็กอีกกลุ่มนึงที่
00:09:17 → 00:09:20 เราเจอเรื่อยๆก็คือเ่อที่พี่แนเจเป็นแบบ
00:09:20 → 00:09:22 นี้เรื่อยๆก็คืออาจจะเป็นเด็กที่เหมือน
00:09:22 → 00:09:25 เป็นอ่าลูกบุญธรรมหรือเด็กที่โตในสถาน
00:09:25 → 00:09:28 เลี้ยงเด็กที่เบางทีเาคือมีพ่อแม่ที่
00:09:28 → 00:09:31 เปรียบไปเรื่อยๆอ่ะค่ะเหมือนขัดความขัด
00:09:31 → 00:09:35 ความอบอุ่นในสมัยก่อนที่เรียกกันใช่
00:09:35 → 00:09:38 ค่ะไม่ต้องรู้บุญธรรก็ได้อย่างอย่างแบบ
00:09:38 → 00:09:40 เด็กหลายๆคนเงี้ยค่ะเหมือนสมมุติตอนเด็ก
00:09:40 → 00:09:43 ยายเลี้ยงต่อมาป้าเลี้ยงต่อไปเป็นม้าเป็น
00:09:43 → 00:09:47 อาเลี้ยงย้ายบ้านย้ายไปย้ายมาอย่างเงี้ค
00:09:47 → 00:09:51 ออค่ะครับอแต่ถ้าถ้าลักษณะการย้ายบ้านแต่
00:09:51 → 00:09:54 เขาอยู่กับพ่อแม่เนี่ยเอ่อแล้วแล้วได้รับ
00:09:54 → 00:09:56 ความรักจากพ่อแม่แต่ว่าคือเขาอาจจะขาด
00:09:56 → 00:09:59 เพื่อนตรงนี้เขาจะเป็นโรคกลัวความรักมคะ
00:09:59 → 00:10:02 คุณหมออืถ้าส่วนใหญ่ความสัมพันธ์ถ้าเป็น
00:10:02 → 00:10:04 ความสัมพันธ์ที่เป็นปัญหาเรื่องของเพื่อน
00:10:04 → 00:10:07 อาจจะเป็นลักษณะอื่นอย่างเช่นเป็นลักษณะ
00:10:07 → 00:10:09 ของการเพราะว่าโลกกลัวเอาต้องเข้าใจก่อน
00:10:09 → 00:10:11 ว่าโลกกลัวความรักที่เราพูดตรงเนี้ยเรา
00:10:11 → 00:10:14 พูดถึงความรักในแง่มุมของเชิงโรแมนติก่อน
00:10:14 → 00:10:17 แล้วกันค่ะเล Love ที่เหมือนเป็นโรนิเล
00:10:17 → 00:10:20 อย่างเงี้ยค่ะรักหน่มสมมุติว่าเป็นขาดใช่
00:10:20 → 00:10:23 ค่ะถ้าถ้าขาดเื่อนน่ะมันก็อาจจะเป็นในแง่
00:10:23 → 00:10:26 ของการสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างเช่นอย่าง
00:10:26 → 00:10:29 สมมุติว่าอาจจะเป็นเรื่องของโซเชียลเอ่อ
00:10:29 → 00:10:32 เป็นโชล fia คือหมายถึงกลัวการเข้าสังคม
00:10:32 → 00:10:34 หรืออะไรอย่างนี้อาจจะเป็นตรงนั้นมากกว่า
00:10:34 → 00:10:37 แต่ว่าถ้าเป็นความรักในแง่หนุ่มสาวในแง่
00:10:37 → 00:10:40 โรแมนติอย่างเงี้ยถ้าถ้าเป็นกับเอ่อพ่อ
00:10:40 → 00:10:42 แม่ตัวเองหรือเห็นบทบาทของพ่อแม่จะมีความ
00:10:42 → 00:10:46 สัมพันธ์ที่ดีเอ่อความสัพันธ์ตัวเองในแฟน
00:10:46 → 00:10:49 หรืออะไรที่ผ่านๆมาดีก็มักจะไม่ได้มี
00:10:49 → 00:10:53 ปัญหาค่ะอ๋อค่ะค่ะกับอีกกลุ่มนึงที่พบแต่
00:10:53 → 00:10:56 จริงๆอาจจะไม่ไม่ค่อยพบในบ้านเราเพราะว่า
00:10:56 → 00:10:58 บ้านเราเนี่ยค่อนข้างเป็นธรรมที่เปิดแล้ว
00:10:58 → 00:10:59 ก็น่า
00:10:59 → 00:11:02 แต่ว่าบางทีถ้าเป็นประเทอื่นหลายครั้งก็
00:11:02 → 00:11:06 จะพบในประเทที่สมมติการการเเรียกอะไรอ่ะ
00:11:06 → 00:11:09 คุมุงชนมันยังมีอยู่อย่างเงี้ยค่ะอย่า
00:11:09 → 00:11:12 เช่นบางประเทศอย่างเช่นเ่อจีนอย่างเช่น
00:11:12 → 00:11:15 อินเดียอย่างเงี้ยค่ะที่เคุมถูงชนแรงๆเน
00:11:15 → 00:11:18 เราก็เหมือนคือคนน่ะก็จะกัวคือหมายถึงว่า
00:11:18 → 00:11:21 ไม่ไม่อนุญาตให้ตัวเองรับใครเพราะเพราะ
00:11:21 → 00:11:22 ว่ารู้สึกว่าเดี๋ยวก็ต้อง
00:11:22 → 00:11:26 อยู่ค่ะกับอีกประเภทนึงคือคนที่เป็นเพศ
00:11:26 → 00:11:29 ทางเลือกที่อยู่ในประเทศที่เที่เปิดรับ
00:11:29 → 00:11:34 เพศทางเลือกออค่ะออที่พบบ่อยๆเก็จะแบบใช่
00:11:34 → 00:11:37 เก็จะแบบมันก็มันก็พอมันแสดงออกตรงนี้ไม่
00:11:37 → 00:11:40 ได้มันก็ไม่กล้ารับใเลยเี้ค่ะอย่างที่
00:11:40 → 00:11:44 อย่างที่หมอเจเคยพบเจอกับผู้ที่เข้ามา
00:11:44 → 00:11:47 ปรึกษาครับส่วนใหญ่กลุ่มไหนอ่ะที่จะมี
00:11:47 → 00:11:52 ปัญหาในเรื่องของโรคเนี้ยตกกลัวการตกหลุม
00:11:52 → 00:11:55 รักวัยเรียนวัยรุ่นวัยทำงาน
00:11:55 → 00:12:00 วัยวัยกลางคนหรือว่าวัวัที่อืมี
00:12:00 → 00:12:03 ประสบการณ์มากแล้วอะไรเงี้ยคุณหมอเจว่า
00:12:03 → 00:12:07 กลุ่มไหนที่พบบ่อยอคุณใช้คำนี้ก่อนแล้ว
00:12:07 → 00:12:10 กันนะคะว่าจริงๆอ่ะที่ที่มาปรึกษาเราด้วย
00:12:10 → 00:12:13 คนที่เดินมาแล้วตอบเป็นโรคนี้เลยเอาจริงๆ
00:12:13 → 00:12:16 ทำมาเกือบ 10 ปีแล้วตั้งแต่ตอนเรียนเรียน
00:12:16 → 00:12:19 เรียนเฉพาะทางจนตอนเนี้ยยังไม่เคยเจอใคร
00:12:19 → 00:12:22 ที่แบบเดินมาด้วยด้วยด้วแบบด้วยแบบบอกเรา
00:12:22 → 00:12:24 เรื่องนี้หมายถึงว่าปกติสมมุติเดินมาเียน
00:12:24 → 00:12:27 เรื่องงานค่ะเดินมาอกหับค่ะอะไรอย่าง
00:12:27 → 00:12:29 เงี้ยจะมีแต่ว่าเรื่องเที่มาเจอก็คือจะ
00:12:29 → 00:12:31 เจอด้วยอย่างที่เล่าให้ฟังว่าเอาจจะมาเจอ
00:12:31 → 00:12:34 เรื่องเศร้าเรื่องรู้สึกแบบ
00:12:34 → 00:12:39 อืแบบเหงาเศ้าฟ้าแล้วพอเจไปเจมาก็มีโรคิ
00:12:39 → 00:12:42 ร่วมอะไเงี้ยค่ะเออถ้าถ้าสมมุติเป็นกลุ่ม
00:12:42 → 00:12:45 ไหนอย่างเงี้ยค่ะก็จริงๆก็จะเป็นเรื่อง
00:12:45 → 00:12:48 ของวัยเค้าเรียกอะไรอ่ะวัยวัยวัยผู้ใหญ่
00:12:49 → 00:12:53 ตอนต้นหรอเหมือนอายุประมาณซัก 20 30 อ่า
00:12:53 → 00:12:55 40 ต้นๆอย่างเงี้ยค่ะก็คือตรงไปววัยที่
00:12:56 → 00:12:58 ยังยังมีความสนใจในเรื่องความรักเ
00:12:58 → 00:13:02 โรแมนติกอยู่แล้วจารใช้คำนี้ค่ะออืค่ะแต่
00:13:02 → 00:13:04 ว่าถ้าตามทฤษีเนี่ยอย่างที่พูว่าโลกเนี้ย
00:13:04 → 00:13:08 พอเป็นเไม่ค่อยมาหาเราเนาะค่ะออฮะแต่ว่าโ
00:13:08 → 00:13:10 ถ้าอาจารย์ทฤษฎีเนี่ยเขาบอกว่าถ้าเป็น
00:13:10 → 00:13:13 กลุ่มกลุ่มไม่ใช่แค่กลุ่มกลัวความรักแต่
00:13:13 → 00:13:16 ว่ากลุ่มโรคกลัวโรคกลัวแล้วก็โรควิตก
00:13:16 → 00:13:20 กังวลเนี่ยผู้หญิงมักจะมีโอกาสเป็นได้มาก
00:13:20 → 00:13:24 กว่าผู้ชายอ้าวทำไมล่ะหมอเจเอออันนี้อ่ะ
00:13:24 → 00:13:28 ค่ะจริงๆก็คือคิดว่ามันก็คือคงมันมันมัน
00:13:28 → 00:13:30 ไม่ได้มีเหมือนทฤษฎีที่ฟันธงเป๊ะๆแต่ว่า
00:13:30 → 00:13:32 มันก็จะเป็นเหมืออย่างเช่นซึมเศร้าก็ผู้
00:13:32 → 00:13:36 หญิงเป็นได้มากกว่าผู้ชายเอ่อโลกของ่ะซึม
00:13:36 → 00:13:38 เศร้าผู้หญิงมักจะพบมากเจะเรียกว่าความ
00:13:38 → 00:13:42 ชุกของโลกเค่ะผู้หญิงพบมากกว่าผู้ชายแต่
00:13:42 → 00:13:45 ถ้าเป็นอารมณ์ 2 คู่อ่ะก็จะพบได้เท่ากัน
00:13:45 → 00:13:48 อะไรอย่างเงี้ยค่ะอคือเข้าใจว่าส่วนหนึ่ง
00:13:48 → 00:13:50 อ่ะค่ะเข้าใจว่าส่วนนึงคือโดยธรรมชาติอ่ะ
00:13:50 → 00:13:54 ผู้หญิงเองก็อาจจะมีเรื่องของความอ่อนไหว
00:13:54 → 00:13:57 ทางอารมณ์ในในแง่ของธรรมชาติยีนอะไรอย่าง
00:13:57 → 00:14:01 เงี้ยได้กว่าอยู่แล้วค่ะอืความอ่อนไหว
00:14:01 → 00:14:04 เรื่องของเอ่อเป็นเป็นเขาเรียกว่าเพศสภาพ
00:14:04 → 00:14:07 นะที่ทำให้ผู้หญิงมีความอ่อนไหวได้ง่าย
00:14:07 → 00:14:10 ต่อหลายๆเรื่องไม่เฉพาะเรื่องนี้เนาะมัน
00:14:10 → 00:14:13 มีหลายๆเรื่องด้วยสภาพจิตใจความแข็งแกรง
00:14:13 → 00:14:16 ต่างๆเนาะเอพอพูดถึงคำนี้นึกถึงคำว่าอะไร
00:14:16 → 00:14:20 ก็ได้ของผู้หญิงเลยที่ไม่ใช่อะไรก็ได้อ๋อ
00:14:20 → 00:14:22 เวลาจะเลือกตักประธานเหรออะไรก็ได้เงี้ย
00:14:22 → 00:14:27 เหรอค่ะอืค่ะคุณหมอคะสำหรับเอ่อต้องบอก
00:14:27 → 00:14:31 ค่ะสำหรับยังไงแล้วคะเอ่อไอ้ตัวโรคกลัว
00:14:31 → 00:14:35 การตกหลุมรักเนี่ยสำหรับตรงนี้เนี่ยคือ
00:14:35 → 00:14:39 ถ้ามีเช็คลิสสำหรับคนฟังตอนนี้มั้ยคะว่า
00:14:39 → 00:14:42 เอ๊ะฉันเป็นหรือเปล่ามันจะมีแบบอะไรพอให้
00:14:42 → 00:14:44 เป็นสัญญาณหรือว่าเป็นข้อสังเกตสำหรับตัว
00:14:44 → 00:14:49 เาเองได้บ้างคะอือืค่ะอนี้ก็เป็นคำถามที่
00:14:49 → 00:14:52 ดีมากเลยคือสัญญาหรือข้อสังเกตเนี่ยไม่
00:14:52 → 00:14:56 ไม่ได้ไม่ได้ต่างจากโรคกลัวเฉพาะทางอื่นๆ
00:14:56 → 00:14:58 ก็คืออย่างที่บอกว่ากลัวกลัวไอ้สิ่งอย่าง
00:14:58 → 00:15:02 เงี้ยกลัวมากกลัวมากกลัวจนเป็นปัญหาคือ
00:15:02 → 00:15:04 กลัวความรักจนมากจนเป็นปัญหาถ้าในแง่ของ
00:15:04 → 00:15:07 ความรักส่วนใหญ่เนี่ยเวลากลัวมาจะเป็น
00:15:07 → 00:15:10 ปัญหาก็คือไม่สามารถที่จะที่จะมีความ
00:15:10 → 00:15:13 สัมพันธ์เชิงโรแมนติกหรือใกล้ชิดสนิทสนม
00:15:13 → 00:15:16 ได้ไม่สามารถมีความรักได้อ่ะเอ่อมันก็จะ
00:15:16 → 00:15:20 มีระดับไปตั้งแต่ว่าอย่างเช่นว่าหนีเลย
00:15:20 → 00:15:25 ไม่เดดใทยไม่เจาะแจ๊ะเห็นเทพตรงข้ามก็หนี
00:15:25 → 00:15:29 ไปเลยอย่างเงี้ยค่ะหรือว่ามีในลักที่ว่า
00:15:29 → 00:15:33 โอเคอยู่ในความสัมพันธ์มีแฟนมีคนคุยอะไร
00:15:33 → 00:15:36 อย่างเงี้ยได้แต่ว่ามีแล้วมันก็ดูกังวล
00:15:36 → 00:15:38 มากเหลือเกินจะกังวลเรื่องความสัมพันธ์จะ
00:15:38 → 00:15:42 กัวว่าความสัมพันธ์จะจบลงจะรู้สึกว่าเขา
00:15:42 → 00:15:45 จะคิดยังไงหรือบางคนคือกลัวเราจะควบคุม
00:15:45 → 00:15:48 ความรู้สึกอารมณ์ใจคอตัวเองไม่ได้ก็มี
00:15:48 → 00:15:51 เหมือนกันอหรือบางคนคืออยู่ๆก็อะไรก็ไม่
00:15:52 → 00:15:55 รู้ตัดจบความสัมพันธ์ซะงั้นอะไรอย่าง
00:15:55 → 00:15:59 เงี้ยค่ะออคือความกลัวมันเป็นแบบนี้แล้ว
00:15:59 → 00:16:01 นอกจากนี้ด้วยความที่โรคกลัวโรคกังวล
00:16:01 → 00:16:03 เนี่ยมันเป็นกลุ่มเดียวกันมันอยู่ในกลุ่ม
00:16:03 → 00:16:06 เยวกันโรคโรกลัวโรคกังวลหลายๆครั้งมันจะ
00:16:06 → 00:16:09 เ่อสารสูดประสาทในสมองหรือว่าเรากลัวเรา
00:16:09 → 00:16:12 กังวลเนี่ยมันจะส่งผลกับระบบประสาท
00:16:12 → 00:16:15 อัตโนมัติที่ควบคุมร่างกายด้วยเพราะ
00:16:15 → 00:16:18 ฉะนั้นมันมักจะมีอาการทางกายร่วม
00:16:18 → 00:16:23 ด้วยยังไงบ้างคะหมอเหมือนเวลาเรากลัวเรา
00:16:23 → 00:16:25 ตื่นเต้นที่เขาใช้คำว่าเหมือนสัง่ายๆว่า
00:16:25 → 00:16:29 กลัวจนตัวสั่งอย่างเงี้ยค่ะก็คือต่อมาก็
00:16:29 → 00:16:31 มีทั้งกลัวตัวสั่นหรือบางคนกลัวแล้วก็
00:16:31 → 00:16:34 โอโหรู้สึกมวลท้องคลื่นเหียงคึ่นไส้
00:16:34 → 00:16:38 อาเจียนไปเต้นตุบๆบๆใจจะหลุดออกมานอกหน้า
00:16:38 → 00:16:42 อกอยู่แล้วหายใจแบบไม่อิ่มกลัวแล้วแ
00:16:42 → 00:16:46 เหมือนกันหายใจหายใจไม่อิ่มไม่ออกเลยหรือ
00:16:46 → 00:16:49 เหงื่อแตกพลักๆกลัวจนเหงื่อแตกพลักเลย
00:16:49 → 00:16:54 อะไรเงี้ยค่ะหน้าหมึดเป็นดิงๆเบนหัวคือมี
00:16:54 → 00:16:57 อาการทางกายร่วมด้วยด้วยซ้ำคือพอเรารู้
00:16:57 → 00:17:02 สึกได้ว่าแบบอุ้ยมันกำลังจะต้องมีความรัก
00:17:02 → 00:17:04 มีความรักทั้งในงแงว่าเรารู้สึกรักใคร
00:17:04 → 00:17:07 หรือว่ารู้สึกว่าคนเนี้ยมาตีบเรามารักเรา
00:17:07 → 00:17:10 อย่างเงี้ยค่ะมีอาการทางกายร่วมด้วยแบบ
00:17:10 → 00:17:13 นั้นเลยอย่างเงี้ค่ะอเอ่อสิ่งที่ว่าเรียก
00:17:13 → 00:17:18 ว่ากลัวการตกหลุมรักเนี่ยหมอเจเอ่อเขา
00:17:18 → 00:17:21 กลัวตั้งแต่ระดับไหนครับตั้งแต่มีคนเข้า
00:17:21 → 00:17:24 มาหาเลยหรือเปล่าหรือกลัวที่ตัวเองจะไป
00:17:24 → 00:17:27 รักใครอย่างงั้นหรือเปล่าหรือมันมันมี
00:17:27 → 00:17:29 หลากหลายแบบที่ที่จะบ่งบอกว่าเป็นอาการ
00:17:29 → 00:17:34 นี้ครับอืก็คือได้หมดเลยค่ะหลายๆคนคือคือ
00:17:34 → 00:17:37 คือต้องบอกว่าส่วนใหญ่อ่ะคนไข้ก็จะกลัว
00:17:37 → 00:17:39 แล้วก็จะหลีกเลี่ยงทั้งหลีกเลี่ยงที่จะตก
00:17:39 → 00:17:42 หลุมรักแล้วก็หลีกเลี่ยงที่จะได้รับความ
00:17:42 → 00:17:47 ลับในโชงโรแมนติกด้วยความรักเโรแมนติด้วย
00:17:47 → 00:17:50 เพราะว่าหลายๆครั้งบางคนบางที่ะค่ะเไม่
00:17:50 → 00:17:53 ได้กลัวแค่กลัวความรักหรือกลัวปกหลุ่มรัก
00:17:53 → 00:17:57 อย่างเดียวแต่มันมักจะมีความกลัวอื่นที่
00:17:57 → 00:18:00 เป็นโรคกลัวอื่นที่เเี่ยวโยงกันอย่างเช่น
00:18:00 → 00:18:03 กลัวการถูกปฏิเสธอออือกลัวการถูกปฏิเสธ
00:18:03 → 00:18:06 เพราะว่าหลายๆคนก็คือตรงไปตรงมาคือเรามอง
00:18:06 → 00:18:09 คือเหมือนการรับรู้ของคนเหล่าเนี้ยบางที
00:18:09 → 00:18:11 เขามองว่าความรักอ่ะมันเป็นเรื่องน่ากลัว
00:18:11 → 00:18:14 คือเหมือนที่ใดมีรักที่แ่นมีทุกข์ความรัก
00:18:14 → 00:18:18 คือความเสี่ยงที่มันจะต้องเจ็บปวดเจ็บปวด
00:18:18 → 00:18:21 ได้ถ้ารักแล้วเดี๋ยวมันต้องเจ็บปวดต้อง
00:18:21 → 00:18:24 ปวดใจต้องอกขัต้องอะไรมีโอกาสแบบนั้นแล้ว
00:18:24 → 00:18:27 เกลัวแบบนั้นอย่างเงี้ยค่ะอหรือบงคนก็คือ
00:18:27 → 00:18:30 กลัวการผูกัคือเอ่อกลัวการปมาที่ไม่ได้
00:18:30 → 00:18:32 หมายถึงว่าเจ้าชู้แต่หมายถึงว่าพว่าพอปู
00:18:32 → 00:18:36 มาแล้วสมมุติว่าโอ๊ยเราจะต้องมานั่งกังวล
00:18:36 → 00:18:39 กับความสัมพันธ์กับความรู้สึกแฟนความรู้
00:18:39 → 00:18:42 สึกเราความสัมพันธ์ว่าเราจะประคับประคอง
00:18:42 → 00:18:45 มันได้มยมันจะขึ้นๆลงๆหรือเปล่าอะไรเงี้ย
00:18:45 → 00:18:49 ค่ะอค่ะมันก็คือจะเป็นแบบนั้นได้เลยอย่าง
00:18:49 → 00:18:53 เงี้ยค่ะออค่ะเอ๊ะคุณหมอคะถ้าเอ่อกลุ่ม
00:18:53 → 00:18:56 ที่ถ้าแบเป็นคนที่ต้องการความ Perfect
00:18:56 → 00:18:58 perfectionist อะไรอย่างเงี้ยค่ะจะมี
00:18:58 → 00:19:01 ความเสี่ยงที่จะตกเป็นคนที่เป็นโรคกลัว
00:19:02 → 00:19:06 การตกกลุ่มรักได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่นมคะออื
00:19:06 → 00:19:09 ถ้าสมมุติว่าคนที่ต้องการเรื่องของความ
00:19:09 → 00:19:12 สมบูรณ์แบบต้องการเรื่องของความ
00:19:12 → 00:19:15 perfectionist อันนี้ถ้าถ้าตอนนี้อะไรไง
00:19:15 → 00:19:18 ค่ะเท่าเท่าที่เท่าที่มีข้อมูลอาจจะยัง
00:19:18 → 00:19:20 ไม่ได้ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนักส่วน
00:19:20 → 00:19:23 ใหญ่ถ้าเป็นตรงเนี้ยส่วนใหญ่จริงๆถ้าเป็น
00:19:23 → 00:19:26 พวกเอ่อบุคลิกที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ
00:19:26 → 00:19:28 จริงๆส่วนใหญ่อ่ะค่ะถ้าสมมติความเสี่ยง
00:19:28 → 00:19:31 ที่ไปสัมพันธ์กันอาจจะเป็นเรื่องของโลค
00:19:31 → 00:19:34 ที่เกี่ยวกับพวกย้ำคิดย้ำทำอะไรอย่างงี้ะ
00:19:34 → 00:19:36 มากกว่าเงี้ค่ะแต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของ
00:19:36 → 00:19:40 กลัวในเงี้ยของกลัวของปฏิสัมพันธ์หรือว่า
00:19:40 → 00:19:42 กลัวอะไรจะยังยังไม่ได้ยังไม่ได้พบว่า
00:19:42 → 00:19:47 เกี่ยวเชื่อมโยงกันมากนักออค่ะครับสำหรับ
00:19:47 → 00:19:51 คนที่อืมไม่รู้สิเอ่อจริงๆอ่ะคนที่กลัว
00:19:51 → 00:19:54 การตกหลุมรักจริงๆเขาเองก็อยากมีความรัก
00:19:54 → 00:19:59 ใช่มั้ยฮะมันย้อนแย้งมั้ยอืก็ก็มีทั้งคน
00:19:59 → 00:20:03 ที่อยากอยากแต่กลัวก็มีอะไรเงี้ยค่ะคือ
00:20:03 → 00:20:06 ใช้คำว่าหลายๆคนประสบการณ์ที่ไม่ดีเหมัน
00:20:06 → 00:20:10 น่าจะเป็นเป็นโจทย์ใหญ่เนอะใช่ค่ะใช่ค่ะ
00:20:10 → 00:20:13 แล้วก็หลายๆคนอ่ะค่ะคือพอเคกลัวแล้วบางคน
00:20:13 → 00:20:16 อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้กลัวตอนมันไม่ได้
00:20:16 → 00:20:20 กลัวตอนอายุ 35 40 ะมันกลัวตั้งแต่เด็ก
00:20:20 → 00:20:22 เพราะว่าแบบมันเจอประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่
00:20:22 → 00:20:25 ของพ่อแม่ของคนรอบตัวหรือแล้วแต่เด็กบาง
00:20:25 → 00:20:29 คนคือถูกเหมือนเป็นอ่าถูกทำร้ายไม่ว่าจะ
00:20:29 → 00:20:32 ถูกถูกถูกล่วงละเมิดไม่ว่าจะทางกายทางใจ
00:20:32 → 00:20:35 ทางเทศตั้งแต่เด็กอย่างเงี้ยค่ะเพราะ
00:20:35 → 00:20:38 ฉะนั้นหลายๆครั้งอ่ะเค้าเแม้แต่เหมือนจะ
00:20:38 → 00:20:41 ไม่ว่าสูญเสียก็ไม่เคอแต่ว่าเขาไม่ไม่รับ
00:20:41 → 00:20:44 รู้อารมณ์ของตัวเองเท่าที่ควรด้วยซ้ำคือ
00:20:44 → 00:20:46 เขาแสดงออกทางอารมณ์ก็ไม่ค่อยเป็นหรือว่า
00:20:47 → 00:20:49 แคู้กันว่าตอนนี้อารมณ์เขาเป็นยังไงอย่า
00:20:50 → 00:20:54 เงี้ยค่ะออค่ะแล้วสถานการณ์ของคนที่เป็น
00:20:54 → 00:20:57 โรคนี้เนี่ยเขาปลีกแยกออกจากสังคมถึงขั้น
00:20:57 → 00:21:00 นั้นเลยมั้คะคือแบบเอ่อเหมือนกลัวการเข้า
00:21:00 → 00:21:03 ร่วมสังคมการแบบปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไอ
00:21:03 → 00:21:08 ตรงนี้รุนแรงถึงขั้นไหนได้บ้างคะคุณหมออื
00:21:08 → 00:21:11 ถ้าสมมุติว่าเป็นเรื่องของคนที่เป็นโรค
00:21:11 → 00:21:13 กลัวความรักเงี้ยค่ะส่วนใหญ่ปฏิสัมพันธ์
00:21:13 → 00:21:15 ที่เา้าเรียดเรี่ยงก็คือประสุสัมพันธ์
00:21:15 → 00:21:18 เชิงเอ่อเชิงโรแมนติเชิงเชิงหญิงชายอย่าง
00:21:18 → 00:21:22 เงี้ยมากกว่าค่ะแต่ว่าถ้าวนกลัวสังคมถ้า
00:21:22 → 00:21:25 ถ้าโดยถ้าเป็นแค่โรคนี้เราไม่ได้เป็นโรค
00:21:25 → 00:21:27 เรื่องของไม่ได้เป็นโรคกลัวสังคมร่วมอ่ะ
00:21:27 → 00:21:30 ค่ะอค่ะมันไม่ควที่จะต้องมีอากยกเว้นว่า
00:21:30 → 00:21:33 ถ้าเป็นตรงนี้แล้วถหลายๆคนอย่างที่บว่าโ
00:21:33 → 00:21:36 ด้วยความที่มันเป็นกลุ่มเยวกันหลายๆครั้ง
00:21:36 → 00:21:40 พยาธิสภาพเอ่อไม่ใช่พภาพหมายถึงความ
00:21:40 → 00:21:42 เสี่ยงอ่ะค่ะตัวมูลเสี่ยงอย่างเช่นเหตุ
00:21:42 → 00:21:44 การณ์สมมติเราถูกทำร้ายนู่นนี่นั่นหรือ
00:21:44 → 00:21:47 พ่อแม่แยกกันหรือว่าเอ่ออะไรอย่างเงี้ยใน
00:21:47 → 00:21:50 อดีตอย่างเงี้ยค่ะมันก็คือเป็นความเสี่ยง
00:21:50 → 00:21:53 คล้ายๆกันที่ในในที่จะเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ
00:21:53 → 00:21:55 ได้ด้วยเพราะฉะนั้นมันก็มีโอกาสที่จะมี
00:21:55 → 00:21:59 โรคกสังคมร่วมได้แต่ว่าถ้าเป็นลักษณะของ
00:21:59 → 00:22:02 หลีกเี่ยงจากสังคมอเลยแบบปฏิสัมพันธ์
00:22:02 → 00:22:05 เหมือนทุกรูปแบบอะไรเงี้ยค่ะมันจะออกไปใน
00:22:05 → 00:22:08 แนวของโลกกลัวสังคมหรือว่าโชลบียมากกว่า
00:22:08 → 00:22:15 ี้ค่ะอืครับเอ่อสำหรับคนที่มาคนไข้ที่มา
00:22:15 → 00:22:19 ปรึกษาอ่าทางแพทย์หรือหมอเจเองเนี่ยจริงๆ
00:22:19 → 00:22:20 แล้วคือ
00:22:20 → 00:22:23 เขาอยากปรึกษาเพราะอยากหายจากโรคนี้หรือ
00:22:24 → 00:22:27 ว่าเขาอยากอยากอยากใช้ชีวิตให้เป็นปกติใน
00:22:28 → 00:22:31 าสามารถที่จะรักได้อย่างเอ่อมีความสุขมาก
00:22:31 → 00:22:34 ขึ้นหรือหรือหรหรือปรึกษาเพราะอะไรครับหม
00:22:34 → 00:22:38 หมอเจ๊ครับอือจริงๆแล้วอ่ะเาก็อยากหายค่ะ
00:22:38 → 00:22:40 เพราะว่าอย่างที่เล่าให้ฟังว่าพอเเป็นโลก
00:22:40 → 00:22:44 นี้มันนำมาสู่ความทุกข์ทางใจอย่างหลายๆ
00:22:44 → 00:22:47 อย่างเลยเพรางั้นว่าเค้ารู้สึกโดดเดี่ยวอ
00:22:47 → 00:22:50 คือหมายถึงว่าคือคือต้องบอกว่าความรักแบบ
00:22:50 → 00:22:52 เพื่อนใช่ความรักแบบเพื่อนมันก็ไม่ได้
00:22:52 → 00:22:55 เหมือนกับความรักแบบแฟนอยู่ดีอะไรอย่า
00:22:55 → 00:22:58 เงี้ยค่ะอือคือหมายถึงว่าถ้าคนที่เคเลือก
00:22:58 → 00:23:00 โสดก็คือเรื่องนึงเนาะแต่ว่าอันนี้หมาย
00:23:00 → 00:23:02 ถึงว่าอย่างเช่นว่ามันก็ไม่ได้รู้สึกว่า
00:23:02 → 00:23:06 มันมีเหมือนคู่ชีวิตอะไรอย่างเงี้ยค่ะบาง
00:23:06 → 00:23:08 ทีมันก็จะรู้สึกแคว้งๆรู้สึกโดดเดี่ยว
00:23:08 → 00:23:11 แล้วพอมันเริ่มรู้สึกโดดเดี่วเริ่มรู้สึก
00:23:11 → 00:23:16 ว่าเออเหมือนเราไม่ไม่มีเค้าเรียกอะไรไม่
00:23:16 → 00:23:20 มีความมั่นคงปลอดภัยไม่มีความอุ่นทางใจ
00:23:20 → 00:23:22 อ่ะค่ะคไม่ได้มีไม่ได้มีที่ซึ่งหรือความ
00:23:22 → 00:23:26 อุ่นใจอย่างเงี้ยค่ะอมันก็จะทำให้เรารู้
00:23:26 → 00:23:30 สึกแบบกลัวเป็นรู้สึกกังวลรู้สึกเศร้าก็
00:23:30 → 00:23:33 มีหรือบางคนอย่างที่บอกว่าบางคนที่เขาที่
00:23:33 → 00:23:36 เขากลัวแต่เขาก็ยังอยู่ในความสัมพันธ์น่ะ
00:23:36 → 00:23:39 มันก็เป็นความสัมพันธ์แบบกลัวๆแบบเราต้อง
00:23:39 → 00:23:42 เหมือนเหมือนรู้สึกรู้สึกต้องเกร็งกับ
00:23:42 → 00:23:46 ความสัมพันธ์ต้องคอยกลัวตลอดเวลาว่าแบบ
00:23:46 → 00:23:50 เอ้ยอันเนี้ยแบบเหมือนแฟนเราจะคิดยังไงเ
00:23:50 → 00:23:53 จะโอเคมยความสัพันธ์มันจะจบลงหรือเปล่า
00:23:53 → 00:23:56 อันนี้เราพูดอันนี้ไปมันไม่น่าไม่น่าพูด
00:23:56 → 00:23:58 เลยหรือเปล่าอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะมันก็
00:23:58 → 00:24:00 เป็นความสัมพันธ์ที่บางทีมันก็กระทบกับ
00:24:01 → 00:24:03 ความสัมพันธ์้วยความกลัวของเราบางทีความ
00:24:03 → 00:24:05 กลัวนั้นมันก็ไปกระทบกับความสัมพันธ์จริง
00:24:05 → 00:24:07 ๆด้วยแล้วมันก็เลยยิ่งไปตอกย้ำเพว่าเห็น
00:24:07 → 00:24:11 มั้ยเนี่ยแฟนแฟนโกรธจริงๆด้วยคือแรแฟนอาจ
00:24:12 → 00:24:14 จะไม่โกรธแต่ว่าพอมันมีปฏิกิริยาอย่าง
00:24:14 → 00:24:16 งั้นไปอะไรเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นน่ะหลายๆ
00:24:17 → 00:24:19 ครั้งคือเขาก็อยากกลับไปใช้ชีวิตให้ได้
00:24:19 → 00:24:23 ปกติอ่ะค่ะกลับไปให้ได้อย่างคือไม่ไม่ได้
00:24:23 → 00:24:26 ต้องกลัวไม่ได้ต้องหนีไม่ได้ต้องอยู่ๆแบบ
00:24:26 → 00:24:30 ต้องมาไปสั่นเงือออกอะไรแบบเนี้ยค่ะค่ะอื
00:24:30 → 00:24:33 อันนี้ที่คุณหมอเจคุยเนี่ยก็คือเป็นความ
00:24:33 → 00:24:37 สัมพันธ์ในเชิงโรแมนติกเป็นแฟนมีคู่สามี
00:24:37 → 00:24:41 ภรรยามาขอคำปรึกษาบ้างมั้ยคะแบบเหมือนเคเ
00:24:41 → 00:24:44 อาจจะแบบไม่ได้คลุมถุงชนแหละแต่ว่าคือ
00:24:44 → 00:24:46 เหมือนแต่งงานไปแล้วค่อยมาเป็นเนี่ยมีมี
00:24:46 → 00:24:50 มีมั้ยคะคุณหมออือืก็ตัวเองยังไม่เคยเจอ
00:24:50 → 00:24:53 ผู้สามีภรรยาที่มาในเรื่องของความตัวความ
00:24:53 → 00:24:57 รักนะคะแต่ถ้าู้สามีภรรยามาในเรื่องของ
00:24:57 → 00:25:00 ปัญหาความสัมพัน์รูปแบบอื่นเยเจอเรื่อยๆ
00:25:00 → 00:25:02 แต่ว่ารูปแบบอื่นก็คือจะไม่ไม่ได้เป็นใน
00:25:02 → 00:25:05 ลักษณะของกลัวความรักจะเจอรูปแบบอื่นเ
00:25:05 → 00:25:08 อย่างเช่นก็คือมีตั้งแต่มีตั้งแต่อย่าง
00:25:08 → 00:25:12 เช่นความสัมพันธ์คือไม่เข้าใจการออย่าง
00:25:12 → 00:25:15 น่ารักๆรักไม่เข้าใจกันหรือว่าความ
00:25:15 → 00:25:17 สัมพันธ์ในแง่ของทะเลาะกันบ่อยหรือว่า
00:25:17 → 00:25:20 ความสัมพันธ์ในแง่ของมีคนอื่นในความ
00:25:20 → 00:25:24 สัมพันธ์แล้วเราจะแก้ตรงนี้ยังไงหรือว่า
00:25:24 → 00:25:27 อาจจะไม่ใช่มีด้วยอาจจะเคยมีแว่าความ
00:25:27 → 00:25:30 เชื่อใจมันไม่กลับมาอะไรอย่างงนี้มากกว่า
00:25:30 → 00:25:34 อ๋อค่ะอแต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่ะไม่ไม่
00:25:34 → 00:25:37 ส่งผลให้กับคนที่มารับคำปรึกษาจากคุณหมอ
00:25:37 → 00:25:40 เกิดโรคกลัวการตกหลุมรักอีกครั้งหมายถึง
00:25:40 → 00:25:42 ว่าตกหลุมรักกับคนเดิมนี่แหละเหมือนกับ
00:25:42 → 00:25:45 ว่าเคยรักแล้วมันหมดรักแล้วก็พอมามันจะไป
00:25:45 → 00:25:48 สู่การตกแบบกลัวการตกหลุมรักใหม่อีกครั้ง
00:25:48 → 00:25:51 ได้มั้ยอะไรเงี้ยเออถ้าสมมุติว่าเป็นความ
00:25:51 → 00:25:53 สัมพันธ์แบบนั้นมันจะเป็นเหมือนเรื่อง
00:25:53 → 00:25:55 ความถ้าถ้าเป็นใช้คำว่ากับคนเดิมใช้คำนี้
00:25:55 → 00:25:59 ก่อนแล้วกันนะคะถ้ากัวกลัวความรักถ้ากลัว
00:25:59 → 00:26:01 ความรักในแง่โลกกลัวความรักอย่างเงี้ยค่ะ
00:26:01 → 00:26:02 มันคือ
00:26:02 → 00:26:05 กับทุกคนคือหมายถึงว่าไม่ได้สนใจว่าเป็น
00:26:05 → 00:26:08 ใครแต่ว่าสนใจว่าประเภทของความรักคือ
00:26:08 → 00:26:12 ประเภทเชิงโรแมนติกจะกลับนาย a ก็ได้หรือ
00:26:12 → 00:26:15 ว่าสมมุติน a มาจีบฉันก็ไม่โอเคหรือฉัน
00:26:15 → 00:26:18 แอบตินาย B ฉันก็ไม่โอเคหรือนาย C มาจีบ
00:26:18 → 00:26:21 ฉันก็ไม่โอเคอะไรอย่างเงี้ยค่ะคือไม่ไม่
00:26:21 → 00:26:24 ได้เป็นตัวบุคคลแต่ว่าถ้าเป็นในลักษณะของ
00:26:24 → 00:26:28 สามีภรรยาสมมุติสามีภรรยาที่เคยมีคนอื่น
00:26:28 → 00:26:31 ในความสัมพันธ์แล้วตอนเนี้ยมันทำให้เรา
00:26:31 → 00:26:34 รู้สึกแบบสมมุติว่าอย่างบางทีเบอกว่ารู้
00:26:34 → 00:26:38 สึกแบบคิโทรศัพทสามีแล้วก็ไม่มีอะไรอ่ะ
00:26:38 → 00:26:40 แต่มันก็ยังไม่เชื่อใจอยู่ดีทานี้มันก็
00:26:40 → 00:26:44 ผ่านไป 3 ปีแล้วนะหมอหรือสามีบอกว่าเออ
00:26:44 → 00:26:47 แบบภรรยาผมอ่ะผมก็รู้เไปกินข้าวกับเพื่อน
00:26:48 → 00:26:50 อือผมก็รู้เพื่อนเขาก็มารับเพื่อนเขาก็มา
00:26:50 → 00:26:53 ส่งเพื่อนผู้หญิงแต่ผมก็ยังไม่เชื่อใจ
00:26:53 → 00:26:58 อยู่ดีอะไรอย่างเงี้ยอบบคามใมันมันใช่ๆ
00:26:58 → 00:27:00 อันนี้มันมันมันอันเนี้ยอันเนี้ยมันจะ
00:27:00 → 00:27:04 เป็นในเรื่องของปัญหาของความเชื่อใจเชื่อ
00:27:04 → 00:27:06 ใจหยถึงว่ามันจะเป็นปัญหาของใช่มันจะเป็น
00:27:06 → 00:27:09 ใช้คำว่าปมแล้วกันใช้คำว่าเป็นเรื่องของ
00:27:09 → 00:27:12 ปมมากกว่ามันจะไม่ได้มันจะมันจะไม่ได้
00:27:12 → 00:27:14 เป็นลักษณะของการกลัวการตกหลุมรักกับคน
00:27:14 → 00:27:17 เดืมแต่มันเป็นเรื่องของความไวเนื้อเชื่อ
00:27:17 → 00:27:19 ใจที่มันร้าวไปแล้วเราจะซอบมันยังไงอย่าง
00:27:19 → 00:27:24 งี้มากกว่าค่ะอออืโอขฟังแล้วเนาะเป็นไง
00:27:24 → 00:27:27 อยากตกหลุมรักมั้ยพี่ตกหลุมรักอยู่แล้วค
00:27:27 → 00:27:30 รักใครครับเป็นความ
00:27:30 → 00:27:33 รักมาถึงวิธีการรักษาดีกว่าคุณหมอเรา
00:27:33 → 00:27:35 เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนเรื่องวิธีการรักษา
00:27:35 → 00:27:38 โรคกลัวการตกหลุ่มรักรักษาด้วยวิธีไหนได้
00:27:38 → 00:27:41 บ้างเอมันรักษาได้มั้ยหมอเจมันแบบเอ้ยคน
00:27:41 → 00:27:44 เราแบบกลัวฉันกลัวการตกหลุมรักแล้ววันนึง
00:27:44 → 00:27:47 ฉันอยากใช้ชีวิตปปปกติอ่ะอยากมีความรัก
00:27:47 → 00:27:50 ใช่แบบเอ้ยมันมีจะมีไปปรึกษาแพทย์แล้วหาย
00:27:50 → 00:27:53 เลยหรือว่ามันต้องเริ่มจากตรงไหนหมอเจเออ
00:27:53 → 00:27:58 ได้ค่ะจริงๆโลกกลัวทุกรูปแบบแล้ว่าได้
00:27:58 → 00:28:01 อย่างน้อยคือเอ่อพอไอ้พวกนี้มันก็ใช้คำ
00:28:01 → 00:28:04 ว่าหายมันก็มันก็ใช้คำว่าหายได้นะเพราะ
00:28:04 → 00:28:06 อย่างคนไข้ตัวเครื่องบินที่วันนี้คือคน
00:28:06 → 00:28:09 ไข้บินไปญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วโหดีมากเลยค
00:28:09 → 00:28:11 ไขบินไปเยอรมันนีเรียบร้อยแล้วอะไรอย่าง
00:28:11 → 00:28:14 เงี้ยค่ะก็คือมันหายได้แต่ว่าส่วนใหญ่ค่ะ
00:28:14 → 00:28:17 มันก็ต้องดูก่อนว่าอะไอันเนี้ยมันจะเป็น
00:28:17 → 00:28:20 มากเป็นน้อยด้วยเนาะแต่ว่าส่วนใหญ่อ่ะค่ะ
00:28:20 → 00:28:22 อย่างที่บอกว่าโรคพวกถ้าเป็นถ้าเป็นใช้คำ
00:28:22 → 00:28:25 ว่าถ้าเป็นกลัวความรักอย่างเงี้ยค่ะส่วนเ
00:28:25 → 00:28:28 หลักๆที่เราบอกว่ามันมักจะมีที่มาที่มีมี
00:28:28 → 00:28:31 ปมในใจมีเรื่องราวในอดีตที่มันทำให้เรา
00:28:31 → 00:28:34 ฝังใจแล้วเรากลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นอีก
00:28:34 → 00:28:37 เราไม่อยากให้มันเกิดแบบนั้นเราก็เลยปิด
00:28:37 → 00:28:40 ประตูลงกลอนเลยอะไรเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้น
00:28:40 → 00:28:43 หลายๆครั้งอ่ะค่ะวิธีการรักษาิคือการทำจิ
00:28:43 → 00:28:46 ลำบาดคใทำสิตลำบาดก็คือการที่เราทำให้คน
00:28:46 → 00:28:51 ไข้เนี่ยเข้าใจถึงว่าไอ้ความกลัวเนี้ยมัน
00:28:51 → 00:28:54 ตรงเนี้มันเกิดจากอะไรเข้าใจเข้าใจในสิ่ง
00:28:54 → 00:28:57 อันดีเข้าใจว่าอืมันเป็นยังไงมันเกิดจาก
00:28:57 → 00:29:01 อะไรแล้วในที่สุดให้เขาไปมองมันในมุมอื่น
00:29:01 → 00:29:04 บ้างอือเพราะว่าตอนนั้นต้องอยากรู้ว่า
00:29:04 → 00:29:09 สมมุติคุณเคยอกหักตอนอายุ 19 อ่ะแต่ตอน
00:29:09 → 00:29:12 นี้คุณอายุ 29 แล้วอะไรเงี้ยค่ะมันไม่ได้
00:29:12 → 00:29:15 แปลว่าเอ้ยผู้ชายที่เข้ามาทุกคนมันจะ
00:29:15 → 00:29:18 เหมือนคิดจะนั่นตลอดไปหรือว่ามันก็ไม่ได้
00:29:18 → 00:29:22 แปลว่าการที่เ้ยคุณเห็นพ่อแม่คุณเป็นแบบ
00:29:22 → 00:29:24 นั้นแล้วแปลว่าความสัมพันธ์ของคุณจะต้อง
00:29:24 → 00:29:28 เป็นแบบนั้นไปด้วยอะไรงี้คะออือๆคือเให้
00:29:29 → 00:29:32 มามองในมุมใหม่ให้เขาเข้าใจมากขึ้นแล้วก็
00:29:32 → 00:29:37 ให้เขารู้ว่าแบบอืถ้าสมมุติว่ามันมีแบบ
00:29:37 → 00:29:39 เนี้ยจริงๆมันมันไม่ได้มันไม่ได้เป็นแบบ
00:29:39 → 00:29:42 นี้ได้แบบเดียวแล้วมันจะแก้ไขมันจะดูมัน
00:29:42 → 00:29:45 จะจับการได้ยังไงอะไรอย่างเงี้ยค่ะใน
00:29:45 → 00:29:48 เรื่องของความสัมพันธ์รวมถึงอย่างเช่น
00:29:48 → 00:29:50 อาการทางกายอย่างอื่นที่เวลากัวปุ๊บใจ
00:29:50 → 00:29:53 สั่นเลยเหื่อออกศาสตแบบเนี้ยเราก็ต้องให้
00:29:53 → 00:29:58 เขารู้จักวิธีการควบคุมอาการทางการ
00:29:58 → 00:30:02 เ่อให้เขรู้ว่าพอมีปุ๊บตั้งสติก่อนแทนที่
00:30:02 → 00:30:07 จะวิ่งหนีไปเลยตั้งสติหายใจเออกช้าๆลึกๆ
00:30:07 → 00:30:11 อ่าค่อยๆค่อยๆไปบอกบอกีวีก็ได้ว่าแบบเออ
00:30:11 → 00:30:14 เธออย่าเพ่งเดี๋ยวๆฉันขออยู่คนเดียวแป๊บ
00:30:14 → 00:30:17 นึงนะหรืออะไรอย่างเงี้ค่ะสการกับอาการ
00:30:17 → 00:30:20 ทางกายรวมถึงบางคนน่ะค่ะเราก็คือเหมือน
00:30:20 → 00:30:24 ค่อยๆให้เขาสัมผัสความรักอย่างเช่นค่อยๆ
00:30:24 → 00:30:27 ให้เสัมผัสความรักอย่างเช่นว่าอาจจะแบบเ
00:30:28 → 00:30:31 ลองไปแบบสมมุติว่ามีคนมาจีบอย่างเงี้ยค่ะ
00:30:32 → 00:30:34 แทนที่จะต้องไปเดทกัน 2 คนเลยแล้วก็อาจจะ
00:30:34 → 00:30:38 ไปในกลุ่มเพื่อนๆแล้วก็อามีคนนี้มาแบบ
00:30:38 → 00:30:40 หมายถึงว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไปกัน
00:30:40 → 00:30:43 หลายๆคนหรือว่าแนที่จะเดดมันแบบเจอกัน
00:30:43 → 00:30:46 ตั้งแต่เช้ายานเย็นก็เริ่มจากแบบไปกิน
00:30:46 → 00:30:50 กาแฟกันก่อนมยแที่จะต้องไปกินข้าวเย็นทาง
00:30:50 → 00:30:52 มื้อแล้วะด้วยดูหนังหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:30:52 → 00:30:56 ค่ะค่ะรวมรวมถึงแบบว่าบางทีก็คือใช้แบบ
00:30:56 → 00:30:59 เหมือนให้คนคนเข้าที่กลัวเงี้ยพอลองนึก
00:30:59 → 00:31:02 ถึงหน้าคนที่รู้สึกว่าอุยคคนนี้จะเข้ามา
00:31:02 → 00:31:05 หรือคนนี้ที่เราิงแต่เราก็ไม่กลัวเวลาแบบ
00:31:05 → 00:31:08 เราตกหลุมรักใครเราก็กลัวอะไรเงี้ยเราก็
00:31:08 → 00:31:11 ลองลองหลับตาลองพอมันเริ่มมีปริญญาทางการ
00:31:11 → 00:31:14 ไม่ว่าจะเหือออกใจฝั่นเราก็ค่อยๆคุมตัว
00:31:14 → 00:31:18 เองหายใจ้าๆค่อยๆตับการพวกเยค่ะมันจะช่วย
00:31:18 → 00:31:22 ได้อย่างเงี้ยค่ะครับมีคุณผู้ฟังสอบถามมา
00:31:22 → 00:31:26 พอสมควรเลยหมอเจเอ่อคุณผู้ฟังสอบถามฝผ่าน
00:31:26 → 00:31:29 แฟนเพจของของเรา f เอ่อ MCOT News FM
00:31:29 → 00:31:33 100.5 นะครับก็เอ่อมีคุณผู้ฟังบอกว่า
00:31:33 → 00:31:37 เรื่องจริงเลยครับเอ่อเรื่องจริงเลยครับ
00:31:37 → 00:31:41 กลัวเรื่องความรักผิดหวังบ่อยๆชักชเเข็ด
00:31:41 → 00:31:43 ก็เป็นเรื่องของประสบการณ์ที่เข้าสะสมมา
00:31:43 → 00:31:47 สะสมมาหมอเจ๊นะมันทำให้กลัวค่ะอย่างที่
00:31:47 → 00:31:49 เมื่อกี้บอกอค่ะว่าพอกลัวความรักแล้วมัน
00:31:49 → 00:31:53 ก็ักเป็นอะไรที่มันต่อๆกันก็คือกลัวผิด
00:31:53 → 00:31:56 หวังกลัวถูกปฏิเสธองว่าความรักมันเป็น
00:31:56 → 00:32:00 ความเสี่ยงที่มันจะต้อง 50 50 อ่ะไม่ไม่
00:32:00 → 00:32:04 ผิดหวังก็สมหวังใช่ๆเหมือน vulnerable
00:32:04 → 00:32:07 อ่ะมันเสี่ยงที่จะเจ็บตัวได้เงี้ยภาษาไทย
00:32:07 → 00:32:11 มันจะแบภาษาคือมันจะเป็นอาชีบคือมีความ
00:32:11 → 00:32:14 เสี่ยงที่จะเจ็บตัวอะไรเงี้ยค่ะทีเนี้ย
00:32:14 → 00:32:17 จริงๆมันก็อาจจะต้องแบบไปแก้ตรงนี้ด้วย
00:32:17 → 00:32:19 คืออย่างเช่นว่ามันก็อาจจะต้องไปแก้
00:32:19 → 00:32:21 เหมือนที่คุณผู้ชายเท่านเมื่อกี้บอกอ่ะ
00:32:21 → 00:32:24 ค่ะว่าที่ถามมาว่าเออกลัวผิดหวังเงี้ยค่ะ
00:32:24 → 00:32:27 จริงๆอ่ะมันก็อาจจะต้องต้องต้องรักอย่าง
00:32:27 → 00:32:31 มีสติเหมือนกันนะแต่ถึงว่ามีสติว่าเออบาง
00:32:31 → 00:32:34 ทีอ่ะมันก็ต้องมันก็พูดยากแหละว่าเราจะ
00:32:34 → 00:32:37 ไม่คลาดหวังเพราะบางทีเวลาตกมันถึงใช้คำ
00:32:37 → 00:32:40 ว่าตกหลุมรักคือเราตกึบไปเลยนึกออกมันตก
00:32:40 → 00:32:43 วึบไปเลยตกตอนไหนก็ไม่รู้อะไรอย่าเงี้ยเอ
00:32:43 → 00:32:46 แต่ว่าก็แค่ให้รู้ว่าเออถ้ามันผิดหวังอ่ะ
00:32:46 → 00:32:50 มันก็มันก็เริ่มใหม่ได้เสมอใช่จะเริ่ม
00:32:50 → 00:32:52 ใหม่กับคนใหม่หรือจะเริ่มใหม่กับคนเดิม
00:32:52 → 00:32:54 มันก็ได้หมดแะ
00:32:54 → 00:32:58 เลือกใหม่ก่อนอืค่ะมันไม่ต้องรีบแล้วก็
00:32:58 → 00:33:02 การที่เราผิดหวังหรือแม้แต่ถูกปฏิเสธอ่ะ
00:33:02 → 00:33:05 ค่ะมันไม่ได้แปลว่าเราไม่ดีครับจำได้ตอน
00:33:05 → 00:33:08 เรียนเนี่ยมีเพื่อนอกหักเพื่อนที่เรียน
00:33:08 → 00:33:11 ด้วยกันอกหักแล้วอาจารย์น่ะบอกเพื่อนบอก
00:33:11 → 00:33:13 ได้ดีมากเลยนะคะอาจารย์บอกว่ามันก็แค่แบบ
00:33:13 → 00:33:16 เหมือนอ่ะสเปกกับส้มต่อาจารย์เปรียบเทียก
00:33:17 → 00:33:19 ให้เพื่อนฟังนี้เลยนะจริงๆอาจารย์เปให้
00:33:19 → 00:33:22 เพื่อนฟังนี้เลยแล้วแบบเพื่อนอกหัก
00:33:22 → 00:33:25 อาจารย์ก็บอกทำไมแบบทำไมแบบฉันอกหักอะไร
00:33:25 → 00:33:28 เงี้ยเพื่อนก็แบบหบิ่นอยู่อย่างงั้นแหละ
00:33:28 → 00:33:31 ว่าโอกขาสอะไเนี่ยคุณมันเหมือนสเตกกับส้ม
00:33:31 → 00:33:35 ตำนะคุณคุณรู้มยว่าแบบมันไม่ได้แปลว่า
00:33:35 → 00:33:39 อะไรอะไรดีกว่าอะไรนะสมมุติไปถามคนไทยถาม
00:33:39 → 00:33:42 คนอีสานหรือเดี๋ยวเนี้ยถามฝรั่งบางคนเรก
00:33:42 → 00:33:47 ส้มตำเลยนะไม่สเกเออใช่มแต่ว่าบางทีอ่ะ
00:33:47 → 00:33:49 บางคนน่ะที่เขาเลือกสเตกก็ไม่ได้แปลว่า
00:33:49 → 00:33:55 ส้มตำไม่ดีหรือที่คนฉสตกไม่ดีใช่ค่ะเพราะ
00:33:55 → 00:33:58 ฉะนั้นก็เหมือนกันถ้าสมตเราไม่สมหวังอ่ะ
00:33:58 → 00:34:00 มันก็ไม่ได้แปลว่าหมาคามว่าเราไม่ดีใคร
00:34:00 → 00:34:02 ไม่
00:34:02 → 00:34:06 ดีเพียงแต่ว่ายังไม่เจอคนที่อยากจะรู้จัก
00:34:06 → 00:34:08 เราหรือว่าอยากจะดูแลเราหรืออยากจะเป็น
00:34:08 → 00:34:12 คู่ชีวิตเรานั่นเองนะครับอีกคำถามคุณหมอ
00:34:12 → 00:34:16 เจเอ่ออันนี้อันนี้น่าสนใจหลานเป็นเด็ก
00:34:16 → 00:34:20 ผู้หญิงอยู่ม 1 ครับไม่มีเพื่อนสนิทไม่มี
00:34:20 → 00:34:24 เพื่อนรักเลยแบบเนี้ยมันจะมีวิธีในการ
00:34:24 → 00:34:29 ช่วยหลานได้อย่างไรบ้างเออน่าสนใจค่ะอัน
00:34:29 → 00:34:31 นี้จริงๆก็คืออาจจะต้องดูมนว่ามันมันได้
00:34:32 → 00:34:37 หลายอย่างนะ 1 คือน้องอ่ะเาเป็นคนที่อาย
00:34:37 → 00:34:39 หรือถึงเขาอ่ะเป็นคนไม่ต้องการมีเพื่อน
00:34:39 → 00:34:42 สนิทหรือเปล่าในวัยเาพืที่ส่วนตัวสูงเป่า
00:34:42 → 00:34:44 ใช่เรียกว่าไม่ต้องการหรรือเปล่าก็ไม่เคอ
00:34:44 → 00:34:47 อ่ะเว่าไม่ต้องการก็ผิดน้องเป็นคนหลีก
00:34:47 → 00:34:51 เลี่ยงสังคมเองหรือเปล่าคำกันคือจริงๆเก็
00:34:51 → 00:34:54 ต้องการอ่ะค่ะหมายถึงว่าทุกคนก็ต้องการมี
00:34:54 → 00:34:56 สังคมอยู่แล้วแหละแต่ว่าเขามีพฤติกรรม
00:34:56 → 00:34:59 หลีกเลี่ยงสังสมเองหรือเปล่าซึ่งอันเนี้ย
00:34:59 → 00:35:01 มันก็ต้องไปประเมินต้องไปดูซึ่งถ้าถ้า
00:35:01 → 00:35:04 น้องมีพฤติกรรมดึเรื่องสังคมเงยอันนี้ก็
00:35:04 → 00:35:06 น่าเป็นห่วงเหมือนกันแต่ถึงน่าเป็นห่วง
00:35:06 → 00:35:09 ว่าเฮ้ยทำไมเด็กแบบเหมือนสมมติว่าเวลาไป
00:35:09 → 00:35:11 เรียนก็คือไม่คุยกับใครเป็นเด็กเองสมมุติ
00:35:11 → 00:35:14 เพื่อนมาคุยเพื่อนมาคุยเพื่อนชวนเล่นด้วย
00:35:14 → 00:35:17 เด็กก็แบบหนีเองอะไรอย่างเงี้ยหนีไปหลบ
00:35:17 → 00:35:20 อยู่มุมห้องไม่คุยรีบกลับอะไรอย่างเงี้ย
00:35:20 → 00:35:22 อันนี้ก็ต้องไปดูว่าเฮ้ยมันเกิดอะไรขึ้น
00:35:22 → 00:35:25 ทำไมน้องถึงต้องหลีกเลี่ยงสังคมกับอีกแบบ
00:35:26 → 00:35:28 นึงคือน้องอ่ะอยากเข้าสังคมแล้วก็เข้า
00:35:28 → 00:35:31 จริงๆแต่เพื่อนหนีหมดอะไรอย่างเงี้ยอัน
00:35:31 → 00:35:33 นี้ก็ต้องไปดูอีกเหมือนสมมุติสมมติว่า
00:35:33 → 00:35:35 อย่างเช่นเด็กบางคนอาจจะเป็นแบบเหมือน
00:35:35 → 00:35:38 สมาธิสั้นอย่างเงี้ยก็ได้นะบางทีพอสมาธิ
00:35:38 → 00:35:42 สั้นปุ๊บเด็กหลายๆคนพอสมาธิสั้นเคก็จะยุก
00:35:42 → 00:35:45 ยิกไปอยู่ไม่นิ่งจะมุดโต๊ะจะเดินไปเดินมา
00:35:45 → 00:35:48 จะอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งบางทีเพื่อนๆใน
00:35:48 → 00:35:51 วัยม1ึก็อาจจะรู้สึกว่าคนเนี้ยแบบอะไรอ่ะ
00:35:51 → 00:35:54 เพื่อนๆก็ไม่เข้าไปยื่นด้วยอีกอะไรค่ะ
00:35:54 → 00:35:56 เพราะฉะนั้นอเงี้ยคือคิดว่าถ้าสมมุติว่า
00:35:56 → 00:36:00 น้องไม่มีเพื่อนเลยแบบเลยอย่างเงี้ยค่ะก็
00:36:00 → 00:36:03 อันเนี้ยคิดว่าก็คงต้องคุยกับคุณครูคุย
00:36:03 → 00:36:08 กับตัวน้องต้ค่อยๆถามค่อยๆตลอดใช่ค่ะแล้ว
00:36:08 → 00:36:11 ถ้ามันดูน่าเป็นห่วงจริงๆอย่างเช่นบางคน
00:36:11 → 00:36:14 น่ะพอมันมีเรื่องแบบนี้ปุ๊บมันไม่ได้ส่ง
00:36:14 → 00:36:18 ผลกระทบแค่กับเพื่อนๆหรือกับกับชีวิต
00:36:18 → 00:36:20 เรื่องเรืเรืเรื่องการใช้ชีวิตในโรงเรียน
00:36:20 → 00:36:24 แต่มันส่งผลกับการเรียนผลการเรียนก็ตกลง
00:36:24 → 00:36:28 ตกลงอย่างน้องเคยได้เกด 3.5 เหลือ 2
00:36:28 → 00:36:32 เหลือ 2.3 หรือว่ากเป็นติรอส่งงานไม่ครบ
00:36:32 → 00:36:33 อย่างอื่นไปด้วยอะไอย่างเงี้ยค่ะก็คือ
00:36:33 → 00:36:37 เหมือนกับว่าคนไม่ไปโรงเรียนปลีกจากสังคม
00:36:37 → 00:36:40 ไปมันก็ทำให้เรื่องของเอ่อภาวะสังคมวัย
00:36:40 → 00:36:42 เด็กอ่ะมันจะไม่ต้องมีเพื่อนต้องต้องมี
00:36:43 → 00:36:45 การละเล่นมันต้องมีกลุ่มสังคมมันต้องมี
00:36:45 → 00:36:48 กิจกรรมมันก็อาจจะขาดหายไปได้ผมผมกำลัง
00:36:48 → 00:36:52 ต่อยอดจากคำถามนี้แว่าแสดงว่าเอ่อคุณไม่
00:36:52 → 00:36:57 รู้ละจะเป็นคุณลุงคุณอาคุณปู่เที่ที่ที่
00:36:57 → 00:37:00 สงสัยพฤติกรรมหลานอยู่ในขณะเนี้ยอาจจะมอง
00:37:00 → 00:37:02 ไปว่าเอ้ยหรือมันจะไปไกลถึงขั้นซึมเศร้า
00:37:02 → 00:37:06 หรือเปล่านี้เป็นไปได้มฮะใช่ค่ะก็คือถึง
00:37:06 → 00:37:08 บอกว่าเนี่ยอย่างเช่นที่บอกว่าถ้าเด็กเขา
00:37:08 → 00:37:11 หลีกเลี่ยงจากสังคมเองหรือเปล่าไคือถ้า
00:37:11 → 00:37:14 เขาเศร้าก็หลีกนะถบอกพูดอันนี้ก่อนด้วย
00:37:14 → 00:37:16 ซ้ำอ่ะพูดอันนี้ก่อนก่อนก่อนอีกอันนึง
00:37:16 → 00:37:19 ก่อนอีกอันนึงถ้าพูดษาบ้านใคือเด็กฉูดแดน
00:37:19 → 00:37:21 คือพูดอันนี้ก่อนด้วยซ้ำว่าเป็นเด็กเอง
00:37:21 → 00:37:26 ที่หนีออกจากสังคมเลยคออืเพราะฉะนั้นเอง
00:37:26 → 00:37:29 ก็ต้องสังเกตใช่มั้ยก็คือ 1 คนที่เป็นอาจ
00:37:29 → 00:37:31 จะเป็นญาติผู้ใหญ่เนาะพี่ขวัญเนาะอาจจะ
00:37:31 → 00:37:35 ต้องดูสังเกตมากขึ้นดูแลพฤติกรรมถามสอบ
00:37:35 → 00:37:38 ถามมากขึ้นเป็นอะไรหรือเปล่าเอ่อปรึกษา
00:37:38 → 00:37:40 ได้นะพูดคุยได้นะอย่างงี้หรือเปล่าฮะแทน
00:37:40 → 00:37:43 ที่จะแบบสงสัยเป็นอะไรไม่มีเพื่อนเหรอ
00:37:43 → 00:37:46 ทำไมอย่าไปใช้คำถามแบบว่าไม่มีใครคบเหรอ
00:37:46 → 00:37:48 ไม่คนเกิดใครเหรอไม่หาเพื่อนเหรออะไร
00:37:48 → 00:37:51 เงี้ยใช่มยเพราะบางทีเด็กอ่าบางทีเด็กอาจ
00:37:51 → 00:37:54 จะเป็นเหยื่อแบบถูกบูลี่ก็ได้นะแต่ถึงได้
00:37:54 → 00:37:57 หมดอ่ะค่ะีที่สุดก็อาจจะถามง่ายๆก่อนเลย
00:37:57 → 00:38:01 ก็ได้ว่าเออหนูไปโรงเรียนเป็นยังไงมีความ
00:38:01 → 00:38:05 สุขมรบางทีอ่ะใช่ค่ะบางทีเราอาจจะไม่ไม่
00:38:05 → 00:38:07 มีอะไรเลยนะบางทีอาจจะง่ายสุดคือเด็กม 1
00:38:07 → 00:38:10 ใช่มยคือเปลี่ยนโรงเรียนอืคือหมายถึงว่า
00:38:10 → 00:38:14 เปลี่ยนจากประถมโรงเรียนนึงไงอ๋อเปลี่ยน
00:38:14 → 00:38:16 ระดับชั้นพอดีสังคมมันเปลี่ยนเพื่อนหาย
00:38:16 → 00:38:20 เพื่อนไม่มีเพื่อนเก่าหายพม 1 ก็เอาไป
00:38:20 → 00:38:22 อยู่อีกโรงเรียนนึงอย่างเงี้ยค่ะยังเพิ่ง
00:38:22 → 00:38:27 ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่สังคมใหม่อแล้ว
00:38:27 → 00:38:29 สมมติอันเนี้ยสมมติบางที่อ่ะอย่างเช่นเ่อ
00:38:29 → 00:38:31 อย่างอย่าเคยเคไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด
00:38:31 → 00:38:33 เงี้ยบางที่คือการเปลี่ยนโรงเรียนมันคือ
00:38:33 → 00:38:37 การเปลี่ยนอำเภอเลยนะอืเปลี่ยนแบบไกลไป
00:38:38 → 00:38:40 อีกเพราะว่าต่างคนต่างอยู่อำเภอปกติของ
00:38:40 → 00:38:42 ฉันแล้วฉันก็เอไปอยู่โรงเรียนประจำ
00:38:42 → 00:38:46 จังหวัดอำเภอเมืองอะไรอย่าเงี้ก็จะ
00:38:46 → 00:38:49 เปลี่ยนเพื่อนอีกกลุ่มนึงใหม่ไปเลยอื
00:38:49 → 00:38:52 สังคมก็เปลี่ยนเนาก็ต้องดูหลายๆอย่างใช่
00:38:52 → 00:38:55 ค่ะคือดีสุดก็อาจจะถามเรืองคำถามพื้นฐาน
00:38:55 → 00:38:57 ง่ายๆก่อนคือไม่ต้องถามว่าหนูไม่มีคหรอ
00:38:57 → 00:39:01 ลูกอาจจะถามว่าไปเรียนเป็นยังไงบ้างเอ่อ
00:39:01 → 00:39:04 แล้วตอนนี้มีเพื่อนเยอะมีมีเพื่อนมี
00:39:04 → 00:39:07 เพื่อนแฟนนิคบ้างมีเพื่อนแฟนนิคซื่ออะไร
00:39:07 → 00:39:09 บ้างคะชอบทำอะไรบ้างอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:39:10 → 00:39:14 เดี๋ยวเขาก็จะค่อยๆเล่ามาแหละอืก็ค่อยๆ
00:39:14 → 00:39:17 คุยเนคะอาศัยอาศัยความสนิทอาศัยแบบเอ่อ
00:39:17 → 00:39:20 พูดคุยกันแบบครอบครัวเข้าไปคุยตะล่อมคุย
00:39:20 → 00:39:24 ทีเล่นคุยทีเล่นทีจริงบ้างใชค่ะอีกอันนึง
00:39:24 → 00:39:28 ก็คือถามครูเออหมายถึงผู้ปกครองกับครูอ่ะ
00:39:28 → 00:39:31 ค่ะก็ต้องประสานกันออครับหมอเจช่วงสุด
00:39:31 → 00:39:36 ท้ายนี้เอ่อสำหรับเรื่องของโรคกลัวตกหลุม
00:39:36 → 00:39:40 รักอืมถ้าอยากให้แนะนำคุณผู้ฟังซะหน่อย
00:39:40 → 00:39:43 ว่าโรคนี้มันน่ากลัวมั้ยน่ากลัวจริงๆมย
00:39:43 → 00:39:47 หรือว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นโรคที่เรารับ
00:39:47 → 00:39:53 มือได้ขนาดไหนครับหมอเจอือคือจริงๆถามว่า
00:39:53 → 00:39:56 โลคกลัวการตกหลุมรักอ่ะค่ะถ้าคำว่านน่า
00:39:56 → 00:39:59 กลัวมั้ยคือถ้าถ้าใช้คำว่าน่ากลัวมยก็
00:39:59 → 00:40:01 ต้องใช้คำว่ามันเป็นโรคที่ทำให้เราไม่มี
00:40:01 → 00:40:06 ความสุขแล้วกันอือหมายถึงว่าหรือว่าเรา
00:40:06 → 00:40:08 ไม่ได้รับความสุขที่อย่างน้อยมันก็ควรที่
00:40:08 → 00:40:12 จะต้องเป็นคามสุใชมอไม่ว่าไม่ว่าคือมัน
00:40:12 → 00:40:14 การที่รักเนี่ยมันไม่ได้แปลว่าต้องรัก
00:40:14 → 00:40:17 แล้วสมหวังด้วยนะว่างน้อยมีคนมารักเรา
00:40:17 → 00:40:20 หรือเราไปแอบรักใครบางคนแคแอบรักก็มีความ
00:40:20 → 00:40:23 สุขแล้วมันก็แล้วแต่อะไรเงี้ยค่ะแต่ว่า
00:40:23 → 00:40:26 มันเป็นโรที่เออทำให้เรารู้สึกว่ามันข
00:40:26 → 00:40:30 โอกาสที่จะมีความสุขในรูปแบบนึงของชีวิต
00:40:30 → 00:40:32 หรือบางคนก็คือทุกข์อย่างที่พูดว่าบางคน
00:40:32 → 00:40:35 เขาก็อยากอยากรักอยากอยากรักคือเก็
00:40:35 → 00:40:37 อุตส่าห์ไปอยู่ในความสัมพันธ์แล้วอยู่ก็
00:40:37 → 00:40:40 เนี่ยพอมันกลัวก็อยู่ๆไปได้สักพักนึงพอ
00:40:40 → 00:40:44 สมมติอพอมันใกล้จะไปถึงระดับที่มันพัฒนา
00:40:44 → 00:40:47 ขึ้นไปอีกขั้นนึงปุ๊บก็ตัดผับตัวตัวเอง
00:40:47 → 00:40:50 นี่แหละตัวคนที่ไม่สบายเนี่ยเป็นคนตัดผับ
00:40:50 → 00:40:52 เลยหรืออะไรก็ตามอย่างเงี้ยค่ะเพราะ
00:40:52 → 00:40:57 ฉะนั้นน่ะมันคงเป็นโรคที่แบบเอ่อน่ากลัว
00:40:57 → 00:41:00 ในแง่นั้นมากกว่าในแง่ที่ทำให้เราขาด
00:41:00 → 00:41:03 โอกาสที่จะสัมผัสความสุขที่มนุษย์ทุกคน
00:41:03 → 00:41:06 ควรที่จะได้รับอะไรอย่างเงี้ยอมากกว่าแต่
00:41:06 → 00:41:09 ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้แบบโอ๊ยมันก็ไม่ได้ทำ
00:41:09 → 00:41:11 ให้ตายหรืออะไรอย่างงี้เนาะแต่มันก็น่า
00:41:11 → 00:41:14 กลัวในแง่ที่แบบเออทำไมเราต้องอยู่โดยที่
00:41:14 → 00:41:17 เราขาดความรักไปไม่ว่าความรักจริงๆจริงๆ
00:41:17 → 00:41:21 เ่ะมันก็เป็นสที่สวยงามอะไรเงี้ยคครับอ
00:41:21 → 00:41:24 อ่านะครับก็เป็นช่วงอีกหนึ่งช่วงเทศกาล
00:41:24 → 00:41:26 ต่อจากจุดจีนนะหมอเจนะสำหรับเทศกาลแห่ง
00:41:26 → 00:41:30 ความรักวาเลนไทน์นะครับก็น่าจะเป็นอีก
00:41:30 → 00:41:33 หนึ่งเรื่องที่เรามาพูดคุยกันแล้วทำให้
00:41:33 → 00:41:36 คุณผู้ฟังเนี่ยรู้จักเอ่อเกี่ยวกับเรื่อง
00:41:36 → 00:41:38 เกี่ยวกับรักๆใคร่ๆมากขึ้นแล้วก็รู้จัก
00:41:38 → 00:41:42 ตัวเองมากขึ้นแล้วก็อย่าอย่ากลัวเรื่อง
00:41:42 → 00:41:44 ของการตกหลุมรักเพียงแต่ว่าต้องรู้จักรัก
00:41:44 → 00:41:48 ให้เป็นใช่มั้ยหมอเจใช่ค่ะแล้วก็รักให้
00:41:48 → 00:41:51 เป็นขอฝันนิดนึงคือรักให้เป็นหนเลยคือ
00:41:51 → 00:41:53 ต้องรักตัวเองก่อนอ่ะถ้ารักตัวเองยังไม่
00:41:53 → 00:41:57 เป็นเลยก็อย่าไปหวังว่าเราจะรักคนอื่นใช
00:41:57 → 00:41:59 ครับเพถ้าเรารักตัวเองบางีเรารักคนอื่น
00:41:59 → 00:42:02 แบบหลงอืหลงว่าถ้าเรายังรักตัวเองไม่เป็น
00:42:02 → 00:42:04 เลยก็อย่าอย่าคิดว่าคนอื่นเขจะมารักเรา
00:42:04 → 00:42:07 ได้เยอะเราก็ต้องรักตัวเองคือหรือถึงรัก
00:42:07 → 00:42:10 คนอื่นก็ต้องไม่หลงลืมตัวเองไม่ทิ้งตัว
00:42:10 → 00:42:13 เองไว้ข้างหลังอ่ะคะอืเุมให้ทั้งหมดแล้ว
00:42:13 → 00:42:16 ก็ความรักที่ดีที่สุดที่แบบอันนี้เป็น
00:42:16 → 00:42:18 พุทธเนาะที่พระพุทธเจ้าบอกก็คือความรัก
00:42:18 → 00:42:21 ที่เป็นในรูปแบบของความเมตตาหรือแล้ว้แบบ
00:42:21 → 00:42:24 ฝรั่งก็เรียดอ่ะมันก็เรียกว่าคือ comp
00:42:24 → 00:42:28 ครับถ้าเรารักแบบตาเมตตาตัวเราเมตตาทุกคน
00:42:28 → 00:42:33 อย่างเงี้ยค่ะอืมันก็จะมันก็จะรู้สึก
00:42:33 → 00:42:37 สุขดีต่อกันทั้งทุกฝ่ายนะหมอเจ๊นะค่ะ
00:42:37 → 00:42:40 ขอบคุณหมอเจมากครับวันนี้ที่มาพูดคุยกัน
00:42:40 → 00:42:42 เรื่องเกี่ยวกับต่อเนื่องเทศกาลของของใน
00:42:43 → 00:42:44 เดือนกุมภาพันธ์แบบนี้เดือนแห่งความรักนะ
00:42:44 → 00:42:48 ครับหมอเจก็ขอให้สมฝังทุกๆฝ่ายนะหมอเจนะ
00:42:48 → 00:42:50 ทุกๆคนด้วยที่ฟังเราอยู่ด้วยเนาส่งหวัง
00:42:50 → 00:42:53 ทุกท่านเลยค่ะครับแล้วก็วันนี้วันตรุษจีน
00:42:53 → 00:42:56 เฮงๆนะครับหมอเจฮะเฮงๆรวยๆ
00:42:56 → 00:43:00 ครับใจทั้งกายค่ะขอบคุณครับเจโอขอบคุณค่ะ
00:43:01 → 00:43:04 คุณขอบคุณค่ะครับสวัสดีครับสวัสดีครับสดี
00:43:04 → 00:43:09 ค่ะแพทยหิเพ็ญไชยาอติวัฒน์นะครับแพทย์ผู้
00:43:09 → 00:43:11 ชำนาญการด้านจิตเวทศูนย์สุขภาพใจโรง
00:43:11 → 00:43:14 พยาบาลวิมุตสุข