00:00:00 → 00:00:02 บางคนบอกว่าไผลมกลิ่นฉุนเนี่ยมีความ
00:00:02 → 00:00:03 เสี่ยงเป็นมะเร็งไปดูหน่อยซิเป็นมะเร็ง
00:00:03 → 00:00:06 หรือเปล่าทำไม่ายลมเยอะ
00:00:06 → 00:00:08 ลมเยอะายลมกินฉุนจากมะเร็งเป็นก้อนเท่า
00:00:09 → 00:00:10 มันต้องไม่ตดดิ
00:00:10 → 00:00:13 มันต้องไม่อึดิมันถึงจะมีความเสี่ยงที่
00:00:13 → 00:00:15 เฮ้ยเป็นมะเร็งหรือเปล่าแก๊สก็ผ่านไม่ได้
00:00:15 → 00:00:18 มีการโฆษณาขายไฟเบอร์ไฟเบอร์ล้างพิษ
00:00:18 → 00:00:22 ไฟเบอร์ล้างลำไส้ลดโอกาสเกิดมะเร็งอ่าใน
00:00:22 → 00:00:25 ฐานะหมอศัลยกรรมที่ผ่าตัดลำไส้มะเร็งได้
00:00:25 → 00:00:26 ประโยชน์หรือเพิ่มโทษ
00:00:26 → 00:00:29 ให้ความสำคัญกับไฟเบอร์มากเกินไปอ่าคุณ
00:00:29 → 00:00:31 ใช้ไฟเบอร์เอส่วนประกอบอุจาระเนี่ย 75%
00:00:32 → 00:00:35 เป็นน้ำนี่อุจาระที่ดีต้องเกิดจากการกิน
00:00:35 → 00:00:37 ที่ดีเว้ยส่วนประกอบที่ดีเราต้องเลือกกิน
00:00:37 → 00:00:41 ที่ดีท้องผูกสลับท้องเสียอ๋อเนี่ยดิฉัน
00:00:41 → 00:00:43 เป็นมะเร็งแน่เพราะว่าชั้นท้องผูกสลับ
00:00:43 → 00:00:46 ท้องเสียที่มาด้วยอาการท้องผูกสลับท้อง
00:00:46 → 00:00:49 เสียเนี่ยมะเร็งส่วนใหญ่ต้องมีขนาดใหญ่
00:00:49 → 00:00:52 ประมาณนึงที่มันจะทำให้เกิดลำไส้เกิดใกล้
00:00:52 → 00:00:56 ๆจะอุดตันก็คือการล้างลำไส้การทำดีท็อกซ์
00:00:56 → 00:00:59 ช่วยลดมะเร็งลำไส้ใหญ่ไปตรวจเช็คอัพที่
00:00:59 → 00:01:03 เขาขายกันตามท้องตลาดมีผลค่ามะเร็งส่วน
00:01:03 → 00:01:05 ใหญ่จะเป็นค่ามะเร็งในช่องท้องก็จะเดินมา
00:01:05 → 00:01:09 หาหมอสันค่ามะเร็งมันขึ้นตรวจไม่เจอแสดง
00:01:09 → 00:01:12 ว่ามันแปลว่าอะไรล้มหัวฟากหมอไม่เห็น CT
00:01:12 → 00:01:15 สแกนสมองเลยกินเผ็ดเป็นฤิสีดวง
00:01:15 → 00:01:17 ทุกคนน่ะมีฤทธิ์สีดวงหมดเลย
00:01:17 → 00:01:19 เลือดออกทางทวารซื้อยาฤิสีดวงตกม้าตายมา
00:01:20 → 00:01:20 หลาย
00:01:20 → 00:01:22 ถ้าสมมุติว่ามีถ่ายเป็นเลือดเนี่ยถ้าใคร
00:01:22 → 00:01:24 ไม่เคยตรวจเนี่ยจะต้องไปตรวจสักครั้งนึง
00:01:24 → 00:01:27 มีก้อนออกมาแล้วนะหาหัวสันไม่ต้องทำอะไรแ
00:01:27 → 00:01:28 มะเร็ง
00:01:28 → 00:01:31 มะเร็งเข้าห้องน้ำที่สาธารณะการเกิดหูด
00:01:31 → 00:01:33 ปากทวารในอวัยวเเพศด้วยปวดท้องแบบไหนที่
00:01:33 → 00:01:36 คุณหมออยากจะแนะนำว่าอันเนี้ยเป็นปวดท้อง
00:01:36 → 00:01:38 ที่ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะปวดท้อง
00:01:38 → 00:01:42 ปุ๊บ CT เลยแล้วก็อ่านว่าไส้ติ่งบวมอ่าไป
00:01:42 → 00:01:43 ผ่าตัดไส้ติ่ง
00:01:43 → 00:01:46 มีไส้ติ่งบางรายเนี่ยไม่ต้องผ่าตัดก็มีคน
00:01:46 → 00:01:49 ทั่วไปยังเข้าใจว่าเฮ้ยเป็นไส้ติ่งทำไม
00:01:49 → 00:01:51 หมอไม่ผ่าทำไมหมอไม่ผ่าไส้ติ่งที่มันแตก
00:01:51 → 00:01:53 แล้วมันเป็นฝีอยู่ในช่องท้องอันเนี้ยไม่
00:01:53 → 00:01:56 ต้องผ่าหมอเปิ้งเนี่ยเป็นคนที่ตัวใหญ่
00:01:56 → 00:01:56 ครับ
00:01:56 → 00:01:59 น้ำหนัก 100 กว่ากลอ่ะใช่มั้ปัจจุบันเป็น
00:01:59 → 00:02:02 นักก้ามไปละวันนั้นที่ 100 กว่าแล้วลูก
00:02:02 → 00:02:04 ยังเล็กอยู่นะอุ้มลูกๆ
00:02:04 → 00:02:07 อะไรเป็นจุดเปลี่ยนความเชื่อผิดๆที่สังคม
00:02:07 → 00:02:11 บอกว่ามันลดน้ำหนักไม่ได้หมอเป้งจะแนะนำ
00:02:11 → 00:02:21 อย่างไรฮะ
00:02:21 → 00:02:24 วันนี้ผมได้รับเกียรติจากหมอเป้งเป็นหมอ
00:02:24 → 00:02:28 ศัลยกรรมนะฮะซึ่งผมเชื่อว่าช่องต้องแก
00:02:28 → 00:02:32 เนี่ยเป็นการทำข้อมูลที่ตอบโจทย์ความ
00:02:32 → 00:02:35 เชื่อผิดๆในสังคมในภาษาบ้านแล้วก็เน้น
00:02:36 → 00:02:39 ความตลกเน้นความแบบเข้าถึงวัยรุ่นแล้วก็
00:02:39 → 00:02:43 ประชาชนได้อ่าแต่ตอบรับคำเชิญของผมแล้วก็
00:02:43 → 00:02:46 สละเวลามาออกเวทีนะครับวันนี้ผมได้ตั้งคำ
00:02:46 → 00:02:48 ถามสำคัญๆคัญเพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับ
00:02:49 → 00:02:51 เรานะฮะเกี่ยวข้องกับความเชื่อผิดๆเกี่ยว
00:02:51 → 00:02:54 กับทางเดินอาหารเกี่ยวกับไส้ติ่งเกี่ยว
00:02:54 → 00:02:57 กับอุบัติเหตุศีรษะทำไมหมอไม่ยอม CT สแกน
00:02:57 → 00:03:01 นะฮะทำไมต้องผ่าตัดไส้ติ่งด้วยทำไมต้อง CT
00:03:01 → 00:03:05 สแกนไส้ติ่งนะครับเอ่อการไผลมมีกลิ่นมีผล
00:03:05 → 00:03:09 ต่อมะเร็งยังไงการสวนการล้างอุจจาระนะฮะ
00:03:09 → 00:03:10 ลองดูนะครับ
00:03:10 → 00:03:13 อสวัสดีครับก็ผมหมอชัยนันท์นะครับอ่าชื่อ
00:03:13 → 00:03:16 เล่นก็หมอเป้งครับก็เป็นหมอศัลยกรรมนะที่
00:03:16 → 00:03:18 อยู่ในเพจพี่หมอน้องลิซี่นะครับขอบคุณนะ
00:03:18 → 00:03:20 ครับที่สละเวลามาเดิมทีผมเข้าจะหมอเป้ง
00:03:20 → 00:03:22 เนี่ยเป็นคนที่ตัวใหญ่
00:03:22 → 00:03:24 น้ำหนัก 100 กว่ากล
00:03:24 → 00:03:27 อ่าถูกใช่มั้ปัจจุบันเป็นนักกล้ามไปละไม่
00:03:27 → 00:03:27 ถึงขนาดนั้น
00:03:28 → 00:03:30 โอเคก็ค่อนข้างบึกมากเลยนะน้ำหนักลงมา
00:03:30 → 00:03:31 เหลือ 70 มั้ย
00:03:31 → 00:03:32 75 ครับพี่
00:03:32 → 00:03:33 ในเวลา
00:03:33 → 00:03:37 ประมาณเอาจริงๆแล้วก็คือ 2 ปีเนี่ยผมน้ำ
00:03:37 → 00:03:38 หนัก 75 ละ
00:03:38 → 00:03:39 คือนิ่งละ
00:03:39 → 00:03:42 ใช่คือนิ่งและแล้วจากนั้นเนี่ยก็
00:03:42 → 00:03:44 เค้าเรียกว่าเปลี่ยนแปลงรูปร่างแล้วกัน
00:03:44 → 00:03:46 ใช้เวลาเปลี่ยนแปลงรูปร่างประมาณ
00:03:46 → 00:03:47 ปีนึง
00:03:47 → 00:03:47 อื
00:03:47 → 00:03:49 2 ปีจริงๆคือผมลดน้ำหนักมาแล้วประมาณ 3
00:03:49 → 00:03:50 ปีกว่านิดนึง
00:03:50 → 00:03:53 โดยที่ไม่ได้ฉีดยาไม่ได้ใช้อะไรเลย
00:03:53 → 00:03:55 ผมไม่มีตัวช่วยอะไรเลยนอกจากตัวเองล้วนๆ
00:03:55 → 00:03:57 แล้วก็ใจล้วนๆอ้าวแล้วทำไมหมอเปี้ยงไม่
00:03:58 → 00:04:00 ไม่ไปฉีดที่เ้าโฆษณากันเยอะแยะฉีดสะดือ
00:04:00 → 00:04:02 ฉีดเข้มอะไร
00:04:02 → 00:04:06 คือผมคิดว่าแบบนั้นมันน่าจะเค้าเรียกว่า
00:04:06 → 00:04:09 เวลาเราได้สิ่งของอะไรมาอย่างนึงเนี่ยถ้า
00:04:09 → 00:04:14 เราได้มาด้วยความยากของเราผมว่ามันจะยั่ง
00:04:14 → 00:04:17 ยืนกว่าที่จะมีตัวช่วยเช่นสมมุติเรามีของ
00:04:17 → 00:04:19 มาชิ้นนึงมีค่าเท่ากันเลย 1 เราเก็บเงิน
00:04:19 → 00:04:20 เองแล้วเราได้มา
00:04:20 → 00:04:21 อือ
00:04:21 → 00:04:23 กับ 2 ก็คืออาจจะมีคนซื้อให้หรือว่าอะไร
00:04:23 → 00:04:24 เงี้ย
00:04:24 → 00:04:24 อือ
00:04:24 → 00:04:27 บางทีความรู้สึกในการได้ของมาจากที่เรา
00:04:27 → 00:04:30 เก็บเงินเองครับดูแลรักษามันอย่างดี
00:04:30 → 00:04:32 ร่างกายเราก็เหมือนกันพี่
00:04:32 → 00:04:34 เราได้มันมายากเพราะฉะนั้นการที่เราจะ
00:04:34 → 00:04:37 หลุดของเดิมกลับไปอ้วนเหมือนเดิมจะ
00:04:37 → 00:04:40 ยากมากแล้วอย่างนึงคือ
00:04:40 → 00:04:42 ความยากที่ไม่ได้อยู่กันที่การตรวจน้ำ
00:04:42 → 00:04:45 หนักครับพี่ความยากของมันก็คืออยู่ที่
00:04:45 → 00:04:47 maintenance ก็คือทำให้มันเป็นอย่าง
00:04:47 → 00:04:49 เงี้ยตลอดไป
00:04:49 → 00:04:49 อื
00:04:49 → 00:04:52 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้มาแบบยากเราต้อง
00:04:52 → 00:04:55 ทำนู่นทำนี่ทำนั่นทำนี่อดทนนั่นนี่เราจะ
00:04:55 → 00:04:57 ไม่อยากกลับไปในสภาพเดิมๆ
00:04:57 → 00:04:59 อือ
00:04:59 → 00:05:01 กลับสภาพเดิมๆเพราะว่าอย่างที่ผมทำมาทั้ง
00:05:01 → 00:05:03 หมดคือเปลี่ยนคนเลยบางคนจำผมไม่ได้ด้วย
00:05:03 → 00:05:06 ซ้ำคนไข้ผมบางคนที่เคยเจอนัดปีนัดปีอย่าง
00:05:06 → 00:05:10 เงี้ย 2 ปีเจอยังจำไม่ได้บางทีเปลี่ยนคน
00:05:10 → 00:05:12 เปลี่ยนบุคลิกเปลี่ยนพฤติกรรมเปลี่ยนทุก
00:05:12 → 00:05:13 อย่างเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนทั้งตู้
00:05:13 → 00:05:16 เปลี่ยนทุกอย่าง
00:05:16 → 00:05:17 อืด
00:05:17 → 00:05:21 ความเชื่อผิดๆที่สังคมบอกว่ามันลดน้ำหนัก
00:05:21 → 00:05:24 ไม่ได้หมอเป้งจะแนะนำอย่างไรฮะ
00:05:24 → 00:05:27 พวกใช้ยาตัวช่วยต่างๆอือ
00:05:27 → 00:05:29 เรื่องการกินพวกอาหารเสริมอะไรงี้แล้วกัน
00:05:29 → 00:05:30 เนาะ
00:05:30 → 00:05:30 อือ
00:05:30 → 00:05:33 ผมเชื่อว่าคนเราเนี่ยโตมาได้ถึงขนาดเนี้ย
00:05:33 → 00:05:37 เรากินข้าวอ่ะไอ้พวกวิตามินเสริมสันนั่น
00:05:37 → 00:05:40 นี่นี่คือมันใช้ในคนที่เขากินไม่ได้คนที่
00:05:40 → 00:05:41 ขาดคนที่ป่วย
00:05:41 → 00:05:41 อือ
00:05:41 → 00:05:45 อ่าหรือว่าเค้าเรียกว่าไม่สามารถตั้งได้
00:05:45 → 00:05:47 อันนั้นเรากินเสริมได้แต่คนที่ลดน้ำหนัก
00:05:47 → 00:05:51 อ่ะตั้งใจลดน้ำหนักจริงๆอ่ะเราเรางดอาหาร
00:05:51 → 00:05:54 เองไงเราเลือกได้เรามีสิทธิ์เลือกเราไม่
00:05:54 → 00:05:56 ใช่ว่าเราย่อยอาหารไม่ได้แล้วเราต้องกิน
00:05:56 → 00:05:57 วิตามินเสริม
00:05:57 → 00:05:57 อื
00:05:57 → 00:06:02 เราเลือกได้แล้วเราก็แค่เลือกในสิ่งที่
00:06:02 → 00:06:03 มันไม่จำเป็น
00:06:03 → 00:06:04 อือ
00:06:04 → 00:06:07 กับเลือกกินในสิ่งจำเป็นเออถ้าเรากิน
00:06:07 → 00:06:10 เฉพาะในสิ่งจำเป็นน่ะมันไม่ขาดหรอกทุกวัน
00:06:10 → 00:06:12 นี้ที่เราอ้วนอยู่น้ำหนักเกินอยู่อ่ะคือ
00:06:12 → 00:06:17 มันเกินเรามีเรามีเรามีเงินสะสมเยอะเรา
00:06:17 → 00:06:20 เปรียบเหมือนความน้ำหนักเป็นไขมันรูปร่าง
00:06:20 → 00:06:22 อะไรเงี้ยนะมันเหมือนเงินส่วนเกินอ่ะถ้า
00:06:22 → 00:06:25 เราไม่เอาเงินที่แปลกอยู่ตามกระเป๋าเาเรา
00:06:25 → 00:06:25 ออก
00:06:25 → 00:06:25 อื
00:06:25 → 00:06:30 เราจะเอาไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในที่
00:06:30 → 00:06:33 สำคัญเนี่ยไม่ใช่เรื่องความดูดีนะครับพี่
00:06:33 → 00:06:35 ลดน้ำหนักที่สำคัญเนี่ยการลดน้ำหนักลงมา
00:06:35 → 00:06:42 เนี่ยผมต้องการจะลดโรคต่างๆ
00:06:42 → 00:06:46 คิดแบบนี้เวลาเราจะลงทุนอะไรสักอย่างนึง
00:06:46 → 00:06:48 อ่ะเราคิดถึงกำไรในอนาคตน่ะ
00:06:48 → 00:06:49 อื
00:06:49 → 00:06:51 ว่ามันจะได้กำไรมากๆน้อยแค่ไหนเป็นตัว
00:06:51 → 00:06:54 เงินถ้าสมมุติเราทำให้สุขภาพดีในวันนี้
00:06:54 → 00:06:58 แล้ววันข้างหน้าเราโอกาสที่เราจะเป็นโรค
00:06:58 → 00:07:00 เรื้อรังหรือป่วยติด
00:07:00 → 00:07:03 เราไม่อยากเป็นการที่เราลงทุนตรงเนี้ย
00:07:03 → 00:07:04 คุ้มค่านะครับพี่
00:07:05 → 00:07:05 อ
00:07:05 → 00:07:07 ระหว่างที่เราจะไปเสียตอนที่เราแก่ที่โลก
00:07:07 → 00:07:08 มันทำ
00:07:08 → 00:07:09 อือ
00:07:09 → 00:07:11 เราแลกเอาเงินตรงเนี้ยหรือความพยายามตรง
00:07:11 → 00:07:14 เนี้ยแลกกับเราไม่ต้องติดเตียน
00:07:14 → 00:07:14 อือ
00:07:14 → 00:07:17 หรือมีข้อจำกัดณตอนที่เราแก่
00:07:17 → 00:07:17 อือ
00:07:17 → 00:07:20 หรือเมื่อตอนเราแก่แล้วเรายังเป็นภาระของ
00:07:20 → 00:07:22 คนอื่นไอ้ตรงเนี้ย
00:07:22 → 00:07:25 อือถ้าเราสุขภาพดีเรายังเป็นที่พึ่งของ
00:07:25 → 00:07:25 ตัวเราเองได้
00:07:26 → 00:07:26 อื
00:07:26 → 00:07:30 เพราะฉะนั้นผมคิดว่าผมเชิญชวนและแนะนำนะ
00:07:30 → 00:07:33 เรื่องของการดูแลสุขภาพในวันนี้ไม่มีการ
00:07:33 → 00:07:36 เริ่มช้าไปและทุกคนสามารถทำได้
00:07:36 → 00:07:37 อือ
00:07:37 → 00:07:42 ถามว่าลดเองได้มั้ยได้แต่มันจะยากมากและ
00:07:42 → 00:07:45 ต้องใช้เวลาและใช้ความอดทนมากการอะไรที่
00:07:45 → 00:07:47 เราได้มาอย่างเร็วเช่นลดน้ำหนักเร็วก็มี
00:07:47 → 00:07:50 ผลเสียฮอร์โมนปรับไม่ทันเนื้อเหลือส่วน
00:07:50 → 00:07:53 เกินต่างๆมันก็ต้องไปตัดทิ้งทำนู่นทำนี่
00:07:53 → 00:07:53 เพิ่มเติม
00:07:53 → 00:07:54 อื
00:07:54 → 00:07:57 แต่ถ้าเราค่อยๆลดร่างกายโม Modeling เค้า
00:07:57 → 00:07:59 เรียกว่าอะไรรีลingใหม่ทั้งหมด
00:07:59 → 00:08:00 อื
00:08:00 → 00:08:04 ไม่มีย้วยไม่มียืดแต่ต้องทำตามขั้นตอนถ้า
00:08:04 → 00:08:08 สมมุติว่าเรางดอาหารอย่างเดียวโดยที่เรา
00:08:08 → 00:08:12 ไม่มีไม่มีวิธีการเลย process ที่จะได้มา
00:08:12 → 00:08:15 มันอาจจะมีผลเสียตามมาได้ไม่ใช่เกี่ยวกับ
00:08:15 → 00:08:19 พวกวิตามินที่กินนะความเชื่อก็คือเวลาเรา
00:08:19 → 00:08:23 ลดอาหารเนี่ยในช่วงแรกๆอ่ะเราจะเค้าเรียก
00:08:23 → 00:08:26 ว่าอะไรฮะพอเราลดน้ำหนักมาได้ร่างกายจะ
00:08:26 → 00:08:28 เก็บจุกเม็ดนะแล้วเราหลุดขึ้นมาทีนึง
00:08:28 → 00:08:30 เนี่ยเราจะเกิดโย
00:08:30 → 00:08:30 อื
00:08:30 → 00:08:32 ก็คือเราจะน้ำหนักพุ่งขึ้นไปทีเดียวแม้
00:08:32 → 00:08:34 เราจะคนเชื่อว่าเฮ้ยเราไม่ได้กินเยอะเท่า
00:08:34 → 00:08:37 เดิมหรอกแต่น้ำหนักจะขึ้นเท่าเดิมเลย
00:08:37 → 00:08:38 อือ
00:08:38 → 00:08:40 เพราะว่าร่างกายมันเก็บทุกเม็ดโดยที่มัน
00:08:40 → 00:08:43 ไม่ปล่อยให้เสียเปล่าเลยคือคนเรามีความ
00:08:43 → 00:08:46 สุขกับการกินเราอยากจะกินหลายๆอย่างกิน
00:08:46 → 00:08:49 เยอะๆแต่เราไม่อยากเอาพลังงานไปเก็บ
00:08:49 → 00:08:52 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเรากินแบบโอ้ยมีความสุข
00:08:52 → 00:08:55 ดีแล้วเราเอาพลังงานที่ใช้ไป 20% พอนอก
00:08:55 → 00:08:58 นั้นทิ้งอ่ะมันก็จะแถบฟรีมา
00:08:58 → 00:09:01 แต่ที่เรากินไปร่างกายมันเป็นตัวเลือกใน
00:09:01 → 00:09:04 การเก็บอาหารเก็บพลังงานนู่นนี่สะสมอะไร
00:09:04 → 00:09:06 เงี้ยเพราะฉะนั้น
00:09:06 → 00:09:09 เบื้องต้นการลดน้ำหนักเนี่ย
00:09:09 → 00:09:10 เริ่มต้นแรกเนี่ยไม่จำเป็นต้องออกกำลัง
00:09:10 → 00:09:15 กายอยู่ที่การกินประมาณ 80-90%
00:09:15 → 00:09:19 ออันที่ 2 หมอสันเนี่ยชีวิตมันวุ่นอยู่
00:09:19 → 00:09:20 แล้วนะหมอเป้งเองก็
00:09:20 → 00:09:23 ใช่ผมว่าอยู่เวรแทบจะเกือบทุกวันนะของ
00:09:23 → 00:09:27 ศัลยกรรมเที่ดูแลลงมาแล้วเอาแรงบันดาลใจ
00:09:27 → 00:09:28 หรือแรงกระตุ้น
00:09:28 → 00:09:32 เอาชนะความขี้เกียจยังไงเอาผมคิดว่ามัน
00:09:32 → 00:09:36 ต้องทำอ่ะคือตอนเนี้ยตั้งแต่สมัยก่อน
00:09:36 → 00:09:38 เนี่ยผมเลิกงานมา 2200- 2300 น.อ่ะ
00:09:38 → 00:09:38 อื
00:09:38 → 00:09:41 ผมก็ออกกำลังกายแล้วพี่
00:09:41 → 00:09:42 หึ 23:00 น.เนี่ยนะใช่ครับ
00:09:43 → 00:09:43 ไม่ง่วงครับ
00:09:43 → 00:09:47 ไม่ง่วงแต่ว่าอาจจะจำเป็นต้องทำเพราะว่า
00:09:47 → 00:09:51 ในช่วงที่ในการเค้าเรียกว่าในการเปลี่ยน
00:09:51 → 00:09:54 รูปร่างของผมอ่ะถ้าผมผมมีเวลาเท่าคนอื่น
00:09:54 → 00:09:58 น่ะ 24 ชมงถ้าผมไม่ออกมาทำอ่ะแต่จริงๆ
00:09:58 → 00:10:00 แล้วคือเวลามันแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่า
00:10:00 → 00:10:01 นั้นเองนะครับ
00:10:01 → 00:10:02 อื
00:10:02 → 00:10:04 กับการแค่ผมกับแลกกับถ่ายโทรศัพท์ก่อนนอน
00:10:04 → 00:10:05 ไปครึ่งชั่วโมง
00:10:05 → 00:10:07 ะครึ่งชั่วโมงเองเหรอมาได้ขนาดนี้นี่
00:10:07 → 00:10:08 ครึ่งชั่วโมงเองเหรอ
00:10:08 → 00:10:12 อ่าผมออกเกือบทุกวันแต่ว่าวันนึง 30 นาที
00:10:12 → 00:10:14 ถึง 40 นาทีแค่นั้นนะครับ
00:10:14 → 00:10:15 อืพ
00:10:15 → 00:10:17 มันไม่ได้ใช้คือบางคนคิดว่ามันต้องใช้
00:10:17 → 00:10:17 เวลาเยอะ
00:10:17 → 00:10:20 อ่าจริงๆมันใช้เวลาเชื่อเราคิดว่าต้องไป
00:10:20 → 00:10:24 ยิ้มต้องมีเหล็กหลังบ้านแบบหลังภาพเรา
00:10:24 → 00:10:25 ต้องอยู่ในฟิตเนสโ
00:10:25 → 00:10:28 ออันนั้นเนี่ยผมคิดว่ามันเป็นตัวช่วย
00:10:28 → 00:10:28 อื
00:10:28 → 00:10:31 ถ้าคนไหนที่อ่าเคยได้ยินมั้ยเราอยากจะ
00:10:31 → 00:10:34 เป็นคนแบบไหนอ่ะให้เราเอาตัวเ้าไปใกล้กับ
00:10:34 → 00:10:34 คนแบบนั้น
00:10:34 → 00:10:35 อื
00:10:35 → 00:10:39 เพราะว่าสมมุติว่าเราอ่ะเอาเอาที่เข้าไป
00:10:39 → 00:10:41 ยิมอ่ะทุกคนเ้าเล่นหมดเราไปนั่งนั่งเฉยๆ
00:10:42 → 00:10:43 ไปทำอะไรไม่ได้เราก็ต้องเล่นด้วย
00:10:43 → 00:10:43 อ
00:10:44 → 00:10:46 เราก็ต้องเป็นคนอื่นคอยกระตุ้นให้เรา
00:10:46 → 00:10:49 ทำด้วยยกได้คนนั้นอาจจะเป็นแรงแดนคนนั้น
00:10:49 → 00:10:52 หล่อคนนั้นหุ่นดีเราอยากเป็นเาบ้างเราก็
00:10:52 → 00:10:54 ไปนึกภาพเอาแล้วก็มีเพื่อนมนุษย์เป็น
00:10:54 → 00:10:55 สัตว์สังคม
00:10:55 → 00:10:55 อื
00:10:55 → 00:10:57 แต่ของผมเนี่ยผมมีเหล็กเหมือนกันนะพี่ไม่
00:10:57 → 00:11:01 ใช่ไม่มีเหล็กแต่ผมมีเหล็กแค่ชุดเดียว
00:11:01 → 00:11:02 ก็คือข้างนึง 20 กล
00:11:02 → 00:11:05 ทั้งหมดรวม 40 กแล้วมีมานั่งตัวนึง
00:11:05 → 00:11:05 ที่บ้าน
00:11:05 → 00:11:06 กับใจ
00:11:06 → 00:11:06 ที่บ้าน
00:11:06 → 00:11:07 ใช่ครับ
00:11:07 → 00:11:07 อื
00:11:07 → 00:11:09 แค่เนี้ยกับใจ
00:11:09 → 00:11:09 อื
00:11:10 → 00:11:11 มันก็เล่นได้เกือบหมดแหละ
00:11:11 → 00:11:13 อยู่ที่ท่าของคุณคุณก็เปิดอินเทอร์เน็ต
00:11:13 → 00:11:14 เอาก็ได้อ
00:11:14 → 00:11:14 อือ
00:11:14 → 00:11:16 ว่าคุณต้องเล่นท่าไหนกล้ามเนื้อนี้เล่น
00:11:17 → 00:11:17 ยังไงอ
00:11:17 → 00:11:18 อือ
00:11:18 → 00:11:20 หลักการมันก็มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมด
00:11:20 → 00:11:20 อือ
00:11:20 → 00:11:23 ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแต่เวลาเราไปฟิตเนส
00:11:23 → 00:11:25 อ่ะเราอาจจะมีคนแนะนำ
00:11:25 → 00:11:25 อือ
00:11:25 → 00:11:28 เราอาจจะมีคนช่วยเราอาจจะจ้างเทรนเนอร์มา
00:11:28 → 00:11:30 ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของเราเพราะว่า
00:11:30 → 00:11:33 จริงๆแล้วการยกพวกเนี้ยมันมีอันตรายนะได้
00:11:33 → 00:11:34 ในที่ที่มันหนักมากๆ
00:11:34 → 00:11:35 อือ
00:11:35 → 00:11:38 เพราะฉะนั้นการเล่นที่บ้านก็ต้องศึกษาให้
00:11:38 → 00:11:40 ดีมันมีทั้งข้อดีแล้วมีทั้งข้อเสีย
00:11:40 → 00:11:42 อือแต่การไปฟิตเนสนู่นนั่นนี่ก็คือทำให้
00:11:42 → 00:11:45 เราสังคมอ่ะเราก็ติดกับเขาไปด้วยทำให้เรา
00:11:45 → 00:11:47 รู้สึกเหมือนไม่โดดเดี่ยว
00:11:47 → 00:11:47 อื
00:11:47 → 00:11:51 ไม่โดดเดี่ยวไม่ใช่ไม่ได้ได้
00:11:51 → 00:11:55 ตัวพิษร้ายที่สุดที่ทำให้เราน้ำหนักเกิน
00:11:55 → 00:11:58 ถ้ามองย้อนกลับไป
00:11:58 → 00:12:02 พิษร้ายที่สุดพี่พุถึงสารอาหารใช่มั้ย
00:12:02 → 00:12:02 ใช่
00:12:02 → 00:12:03 คือน้ำตาลครับ
00:12:03 → 00:12:05 อื
00:12:05 → 00:12:06 ติดกาแฟ
00:12:06 → 00:12:07 อื
00:12:07 → 00:12:09 คนส่วนใหญ่เป็นอย่างี้ก็คือกินกาแฟที่ใส่
00:12:09 → 00:12:10 น้ำตาล
00:12:10 → 00:12:14 น้ำตาลเนี่ยเป็นตัวเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะ
00:12:14 → 00:12:17 พลังงานเยอะกินไม่อิ่มทุกวันนี้คนที่ลด
00:12:17 → 00:12:20 น้ำหนักมาผมจะขอกินอะไรก็ได้ที่มันอิ่มๆ
00:12:20 → 00:12:21 อ่ะ
00:12:21 → 00:12:24 แต่พลังงานได้น้อยๆ
00:12:24 → 00:12:27 น้ำตาลเนี่ยเป็นตัวให้พลังงานแบบกาแฟแก้ว
00:12:27 → 00:12:31 นึงไม่อิ่มช่วงเช้ามากินไปทั้งหมดนั้น
00:12:31 → 00:12:34 3-400 กิโลแคลอรี่
00:12:34 → 00:12:37 แล้วต้องกินข้าวอีกอันนึงนะข้าวเช้าตอน
00:12:37 → 00:12:40 บ่ายก็มีกาแฟอีกแก้วนึงก็อีก 400 ก
00:12:40 → 00:12:44 แคลอรี่แล้วข้าวอีกจานนึงเออเพราะฉะนั้น
00:12:44 → 00:12:46 มันกินอย่างเงี้ยเจอน้ำตาลเข้าไป 2 แก้ว
00:12:46 → 00:12:47 ต่อวันพี่ไม่เกินเหรอ
00:12:48 → 00:12:50 เกินเพราะมันโดนไป 800 แล้ว
00:12:50 → 00:12:50 อือ
00:12:50 → 00:12:52 ข้าวอีกจานนึง 450 500
00:12:52 → 00:12:53 อือ
00:12:53 → 00:12:55 3 มื้อโดนไปเท่าไหร่ 1,500 อีก 800 ก็
00:12:55 → 00:12:56 2,000 กว่า 3,000
00:12:56 → 00:12:57 อือ
00:12:57 → 00:13:01 หลุดกินพวกแป้งเยอะหน่อยอะไรเงี้ยก็เกิด
00:13:01 → 00:13:05 แหละวันนึงที่เราไม่ใช้ร่างกายก็ใจดีอ่ะ
00:13:05 → 00:13:08 ก็คือตามหลักการของมันมันเกินมันสะสม
00:13:08 → 00:13:11 มันก็สะสมแต่ที่มันสะสมไม่ดีก็คือมันสะสม
00:13:11 → 00:13:13 ในอวัยวะภายในอ
00:13:13 → 00:13:14 เรียก internal fat นี่แหละที่มัน
00:13:14 → 00:13:18 อันตรายมันเป็นเบาะเกิดของ metabic syrม
00:13:18 → 00:13:18 รู้ดี
00:13:18 → 00:13:19 อือ
00:13:19 → 00:13:21 คือโรคความดันหัวใจเบาหวานอะไรเงี้ยพวก
00:13:21 → 00:13:23 เนี้ยเป็นเบาะเกิด
00:13:23 → 00:13:25 มันสะสมขึ้นมาเพราะฉะนั้นหลักการของเรา
00:13:25 → 00:13:29 อ่ะไม่ใช่แค่หุ่นดีพี่เราหุ่นดีก่อนแล้ว
00:13:29 → 00:13:32 เราถึงจะเอาแฟชที่อยู่อ่าไขมันที่อยู่ใน
00:13:32 → 00:13:33 ภายในเราเอาไปใช้ได้
00:13:33 → 00:13:34 อื
00:13:34 → 00:13:38 เพราะฉะนั้นหลักการผมไม่ได้ต้องการหล่อ
00:13:38 → 00:13:41 น่าจะดีหุ่นดีอะไรเงี้ยต้องการจะสุขภาพดี
00:13:41 → 00:13:41 อือ
00:13:41 → 00:13:44 แต่ไอ้เนี่ยมันเป็นโบนัสลาม
00:13:44 → 00:13:45 อือๆ
00:13:45 → 00:13:48 ดีนะดีๆอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณหมอ
00:13:48 → 00:13:51 รู้สึกว่าเไม่ได้ละจากวันนั้นที่ 100
00:13:51 → 00:13:54 กว่าแล้วลูกยังเล็กอยู่นะอุ้มลูกๆ
00:13:54 → 00:13:55 อะไรเป็นจุดเปลี่ยน
00:13:55 → 00:13:56 ก็คือลูกอะไรครับ
00:13:56 → 00:13:59 คือในคนกลุ่มนึงอ่ะเนาะพี่มันจะมีศัพท์คำ
00:13:59 → 00:14:02 นึงพี่เรียกว่าmidิ
00:14:02 → 00:14:02 อื
00:14:02 → 00:14:07 มIDคสิทเนี่ยก็คือเราเป็นเสาหลักเราต้อง
00:14:07 → 00:14:08 ดูแลทุกคน
00:14:08 → 00:14:08 อื
00:14:08 → 00:14:11 ในบาทไม่ใช่ทุกคนในบ้านนี่ที่ไม่มีบุญคุณ
00:14:11 → 00:14:14 กับเรานะไม่เกี่ยวแต่คือเวลาเรากำลังจะ
00:14:14 → 00:14:17 เติบโตอ่ะกำลังจะเดินไปข้างหน้าได้ดี
00:14:17 → 00:14:17 อือ
00:14:17 → 00:14:19 แต่เหมือนมีหินหนักๆถ่วงไว้
00:14:19 → 00:14:20 อือ
00:14:20 → 00:14:24 เพราะฉะนั้นผมต้องการจะไม่เป็นภาระของใคร
00:14:24 → 00:14:28 เลยไม่ว่าใครไม่อยากทำให้เกิดมิตรร้ายใคร
00:14:28 → 00:14:32 สิทธิ์กับลูกอ่าผมอยากจะยืนด้วยขาตัวเอง
00:14:32 → 00:14:34 แล้วผมก็ยังอยากที่จะเมื่อผ่านคนไข้มา
00:14:34 → 00:14:37 เยอะพี่จะรู้อ่ะคุณภาพชีวิตมีความ
00:14:37 → 00:14:41 สำคัญกว่าเงินเพราะฉะนั้นเรากินได้เดิน
00:14:41 → 00:14:43 ได้ไปเที่ยวได้ขึ้นเขาได้ที่เรายังไม่
00:14:43 → 00:14:46 ต้องติดเตียงอ่ะเพราะว่าจากประสบการณ์
00:14:46 → 00:14:49 ส่วนตัวผมก็คือคุณพ่อเป็นสตรกและต้องดูแล
00:14:50 → 00:14:51 คนติดเตียงผมอยู่กับคุกกี้กับคุณพ่อมา
00:14:51 → 00:14:56 ตลอดผมรู้ว่าคุณพ่อรู้สึกยังไงซึมซับมา
00:14:56 → 00:14:58 คุณภาพชีวิตแกเป็นยังไงและคุณภาพชีวิตของ
00:14:59 → 00:15:01 คนที่ต้องแบกอ่ะมันเป็นยังไง
00:15:01 → 00:15:01 อ
00:15:01 → 00:15:05 เออเพราะฉะนั้นผมอ่ะไม่อยากไปยืนในจุด
00:15:05 → 00:15:05 นั้น
00:15:05 → 00:15:06 อ
00:15:06 → 00:15:09 และไม่อยากให้ลูกผมหรือใครก็ตามที่ดูแลผม
00:15:09 → 00:15:12 ไปยืนอยู่ในจุดนั้น
00:15:12 → 00:15:16 พอผมเริ่มรู้ว่าผมเริ่มเป็นความดันขึ้นมา
00:15:16 → 00:15:19 ผมรู้ทันทีว่าเฮ้ยไอ้ที่ผ่านมาทั้งหมดอ่ะ
00:15:19 → 00:15:23 ต่อไปมันจะเริ่มรันเร็วละโลกต่างๆจากความ
00:15:23 → 00:15:25 รู้ที่เราเป็นหมอด้วยนะเริ่มรันเร็วเราจะ
00:15:25 → 00:15:28 ตามมาด้วยความดันก่อนแล้วมันก็จะตามมา
00:15:28 → 00:15:31 ด้วยเรื่องอื่นแล้วก็ในครอบครัวผมมีเบา
00:15:31 → 00:15:34 หวานเกิดขึ้นด้วยอ่าเพราะฉะนั้นแล้วมี
00:15:34 → 00:15:38 stroke อีกผมคิดว่าถ้าผมต้องมาเป็นแบบ
00:15:38 → 00:15:39 คุณพ่อผมเนี่ย
00:15:39 → 00:15:40 อื
00:15:40 → 00:15:42 ลูกผมจะต้องมาดูแลต้องรับผิดชอบคนข้างกาย
00:15:43 → 00:15:45 จะต้องเป็นเค้าเรียกว่าอะไรเป็นเป็นเสา
00:15:45 → 00:15:47 หลักแทนอะไรเงี้ยเพราะฉะนั้นผมยอมลงทุน
00:15:47 → 00:15:52 ตรงนี้ดีกว่ากัดฟันเลยลงทุนตรงนี้เพื่อจะ
00:15:52 → 00:15:56 ให้คนที่อยู่ข้างหลังอ่ะเ้าไม่ต้องมาโดน
00:15:56 → 00:15:57 ที่ร้ายใครสิทธิ์อย่างผม
00:15:57 → 00:15:58 อื
00:15:58 → 00:16:00 แล้วก็ลูกก็จะไปได้โดยที่ไม่ต้องผวงหลัง
00:16:00 → 00:16:03 ว่าผมจะดูแลตัวเองได้มั้ยลูกอยากจะเช่น
00:16:03 → 00:16:05 สมมุติเขาอยากจะไปเติบโตต่างประเทศนู่น
00:16:05 → 00:16:08 นั่นนี่ที่มันอยู่ไกลอ่ะผมดูแลตัวเองได้
00:16:08 → 00:16:10 ผมโอเคอย่างเงี้ย
00:16:10 → 00:16:11 ไปได้ครับ
00:16:11 → 00:16:14 หมอเป้งครับผมว่าโจทย์แรกที่หมอน่าจะเจอ
00:16:14 → 00:16:17 มากที่สุดและเป็นอะไรที่ประชาชนอาจจะเข้า
00:16:17 → 00:16:20 ใจผิดมากที่สุดคือค่ามะเร็ง
00:16:20 → 00:16:20 ครับ
00:16:20 → 00:16:23 ไปตรวจเช็คอัพที่เขาขายกันตามท้องตลาดมี
00:16:23 → 00:16:29 ผลค่ามะเร็งเสร็จปุ๊บคนไข้ดูตกใจอ้าวส่วน
00:16:29 → 00:16:30 ใหญ่จะเป็นค่ามะเร็งในช่องท้อง
00:16:31 → 00:16:33 ใช่มั้ครับก็จะเดินมาหาหมอสันก่อนเวลาเรา
00:16:33 → 00:16:36 วินิจฉัยมะเร็งอ่ะเราก็ใช้ชิ้นเนื้อ
00:16:36 → 00:16:36 อือื
00:16:36 → 00:16:39 คือเราเจอก้อนเราเอาชิ้นเนื้อมาตรวจตรวจ
00:16:39 → 00:16:40 ว่าเป็นมะเร็งเราถึงไปวินิจฉัยว่าเป็น
00:16:40 → 00:16:41 มะเร็ง
00:16:41 → 00:16:41 อื
00:16:41 → 00:16:45 แล้วเราถึงจะเจาะค่ามะเร็งที่ที่คาดว่า
00:16:45 → 00:16:46 ตัวนั้นจะสร้าง
00:16:46 → 00:16:46 อื
00:16:46 → 00:16:49 เพื่อใช้ในการติดตามการรักษา
00:16:49 → 00:16:49 ครับ
00:16:49 → 00:16:51 ไม่ได้ใช้สรีeningเมื่อไหร่ก็ตามเราใช้
00:16:51 → 00:16:55 สeningเนี่ยมันจะทำให้เราเค้าเรียกว่า
00:16:55 → 00:16:59 อะไรอ่ะแบบกังวลไปถ้าเกิดตรวจไม่เจอแล้ว
00:16:59 → 00:17:01 เป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยแบบไม่จำเป็นนะ
00:17:01 → 00:17:01 พี่
00:17:01 → 00:17:02 ครับ
00:17:02 → 00:17:05 ไม่จำเป็นตรวจไปทั้งโหมดทั้งมวลเราก็บาง
00:17:05 → 00:17:07 ทีไม่ได้คำตอบเราจะต้องนัดติดตาม
00:17:07 → 00:17:08 ครับ
00:17:08 → 00:17:11 ค่ามะเร็งเนี่ยจริงๆมันมีประโยชน์นะพีมัน
00:17:11 → 00:17:14 บ่งบอกถึงว่ามะเร็งมันสร้างแต่จริงๆแล้ว
00:17:14 → 00:17:18 อ่ะอ่ามีมะเร็งมันไม่สร้างก็มีนะครับ
00:17:18 → 00:17:19 อื
00:17:19 → 00:17:22 อ่ะเช่นยกตัวอย่างดีกว่าค่า CEA อย่าง
00:17:22 → 00:17:25 เงี้ยมันเป็นค่ามะเร็งที่มะเร็งลำไส้มัน
00:17:25 → 00:17:27 ส่วนใหญ่มันสร้างแต่จริงๆแล้ว CEA อ่ะ
00:17:27 → 00:17:28 มะเร็งเต้านมก็สร้าง
00:17:28 → 00:17:28 อือ
00:17:28 → 00:17:30 มะเร็งไทรอยด์ก็สร้างมะเร็งอย่างอื่นก็
00:17:30 → 00:17:31 สร้างด้วย
00:17:31 → 00:17:33 เออเพราะฉะนั้น
00:17:33 → 00:17:36 เวลาเราเจาะค่ามะเร็งขึ้นตัวนึงอ่ะ
00:17:36 → 00:17:37 มันไม่ใช่แค่หาอวัยวะเดียวนะ
00:17:37 → 00:17:38 อือ
00:17:38 → 00:17:40 มันจะหาทั่วทุกอย่างเลยอ
00:17:40 → 00:17:43 ทั่ววนไปทั้งหมดเลยทำไอ้นี่ก็ไม่เจอทำ
00:17:43 → 00:17:47 นั่นก็ไม่เจอทำนู่นก็ไม่เจอแล้วสุดท้าย
00:17:47 → 00:17:48 สรุปได้มั้
00:17:48 → 00:17:48 อื
00:17:48 → 00:17:50 ไม่ได้ว่าเราเป็นมะเร็งอะไรเพราะหาไม่เจอ
00:17:50 → 00:17:53 คราวนี้ก็กลายเป็น
00:17:53 → 00:17:56 ประสาทอ่ะประสาทแล้วว่าเฮ้ยเราจะต้องติด
00:17:56 → 00:17:58 ตามเราต้องตรวจที่อื่นอีกมั้หรือว่าเรา
00:17:58 → 00:18:00 ต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลหรือว่าอะไรเงี้ยมัน
00:18:00 → 00:18:02 ก็จะไม่จบทำให้สิ่งเนี้ยมันเป็นเค้าเรียก
00:18:02 → 00:18:05 ว่าอะไรอ่ะค้างคาอยู่กับคนไข้
00:18:05 → 00:18:08 แล้วมันขึ้นเพราะอะไรฮะคือคุณหมอกำลังจะ
00:18:08 → 00:18:12 บอกว่าค่ามะเร็งมันขึ้นตรวจไม่เจอแสดงว่า
00:18:12 → 00:18:13 มันแปลว่าอะไร
00:18:13 → 00:18:15 คืออย่างงี้ครับค่ามะเร็งอ่ะมันขึ้นได้
00:18:15 → 00:18:19 จากหลายสาเหตุน่ะบางคนของกินบางคนจากยา
00:18:19 → 00:18:21 บางคนจากการสูบบุหรี่บางคนจากกินเหล้า
00:18:21 → 00:18:23 อะไรเงี้ยบางทีพอเราตรวจค่ามะเร็งพวกนี้
00:18:23 → 00:18:24 ขึ้นเนี่ย
00:18:24 → 00:18:27 เราอาจจะต้องซักถามถึงประวัติ
00:18:27 → 00:18:30 เรื่องของอ่าการออกกำลังกายการกินดื่มการ
00:18:30 → 00:18:33 สูบบุหรี่การใช้ยาต่างๆเวลาเราเป็นมะเร็ง
00:18:33 → 00:18:35 ชนิดใดชนิดนึงขึ้นมาแล้วอ่ะ
00:18:35 → 00:18:35 อือ
00:18:35 → 00:18:37 เราก็เจาะค่ามะเร็งค่านั้นขึ้นมา
00:18:38 → 00:18:38 ครับ
00:18:38 → 00:18:41 ถ้าสมมุติว่ามันสูงขึ้นด้วยมันสูงขึ้น
00:18:41 → 00:18:44 ด้วยให้อนุมานว่ามะเร็งนั้นน่ะเป็นตัว
00:18:44 → 00:18:45 สร้าง
00:18:45 → 00:18:46 อื
00:18:46 → 00:18:48 เป็นตัวสร้างสารนี้ขึ้นมาเพราะฉะนั้นถ้า
00:18:48 → 00:18:51 เราผ่าตัดมะเร็งตัวนี้ออกไปตัดแล้วมัน
00:18:51 → 00:18:51 ต้องลดลง
00:18:51 → 00:18:52 อ
00:18:52 → 00:18:53 ถูกมย
00:18:53 → 00:18:53 ครับ
00:18:53 → 00:18:56 เราก็มาติดตามกันเรารักษาให้เคมีนั่นนู่น
00:18:56 → 00:18:58 นี่ไปติดตามกันรักษาแล้วเจาะค่ามะเร็งนี้
00:18:58 → 00:19:01 ด้วยถ้าสมมุติว่ามันขึ้นเนี่ยประโยชน์ของ
00:19:01 → 00:19:04 มันก็คือเฮ้ยนายกำลังเป็นซ้ำหรือเปล่า
00:19:04 → 00:19:05 อื
00:19:05 → 00:19:07 ถ้าค่ามะเร็งขึ้นนายจะเป็นซ้ำหรือเปล่า
00:19:07 → 00:19:09 เราก็ต้องตามหาที่อื่น
00:19:09 → 00:19:11 ตามหาที่เดิมส่วนใหญ่เจะเป็นที่เดิมว่า
00:19:11 → 00:19:12 มัน
00:19:12 → 00:19:14 มันมีกลับเป็นซ้ำมั้ยอะไรเงี้ยครับ
00:19:14 → 00:19:18 เพราะฉะนั้นในการสreeningดีกว่า
00:19:18 → 00:19:19 ในการคัดกรองมะเร็ง
00:19:19 → 00:19:21 เราไม่ใช้ค่ามะเร็งนะ
00:19:21 → 00:19:23 ปัจจุบันไม่ไม่ใช้เลยเหรอหรือว่าไม่
00:19:23 → 00:19:27 ใช้ค่ากองไม่มีอ่ามีแค่มะเร็งต่อมลูกหมาก
00:19:27 → 00:19:30 ครับที่เจาะค่ามะเร็งขึ้นก็คือมีมะเร็ง
00:19:30 → 00:19:31 ชนิดเดียวก็คือมะเร็งต่อมลูกหมาก
00:19:32 → 00:19:32 อื
00:19:32 → 00:19:33 คือค่า PCA ครับ
00:19:33 → 00:19:36 ใช่ที่แบบที่เราจะวินิจฉัยได้อ่ะก็คือ
00:19:36 → 00:19:39 เจาะค่า PSA มะเร็งต่อมาแต่ว่ามะเร็งอื่น
00:19:39 → 00:19:42 ไม่ใช้ค่ามะเร็งในการคัดกรองด้วยนะและไม่
00:19:42 → 00:19:44 ใช้ค่ามะเร็งในการวินิจฉัยด้วยอ
00:19:44 → 00:19:47 อืเป้งกำลังจะบอกว่า
00:19:47 → 00:19:50 ผลเลือดที่เราใช้ในการคัดกรองมะเร็งจริงๆ
00:19:50 → 00:19:52 แล้วในเชิงหมอศัลยกรรมเนี่ยมันแทบจะไม่มี
00:19:52 → 00:19:55 ประโยชน์ถ้ามันมีก็มีแค่ตัวเดียวคือ
00:19:55 → 00:19:56 มะเร็งตอบลูกปาก
00:19:56 → 00:19:57 ใช่ครับ
00:19:57 → 00:19:59 ค่านั้นน่ะจริงๆแล้วมันเป็นค่าที่เอาไว้
00:19:59 → 00:20:02 ติดตามมากกว่าหลังจากการรักษาใช่มั้รักษา
00:20:02 → 00:20:05 ถูกทีนี้ถ้าประชาชนเอยากจะคัดกรองมะเร็ง
00:20:06 → 00:20:07 ล่ะแล้วเาจะใช้อะไร
00:20:07 → 00:20:10 อยู่ที่ว่าบัdจetของแต่ละคนเป็นยังไง
00:20:10 → 00:20:10 อื
00:20:10 → 00:20:12 แล้วก็อาการของแต่ละคนเป็นยังไงโดยปกติ
00:20:12 → 00:20:16 เนี่ยในทางศัลยกรรมเนี่ยก็เ้าจะมีของ
00:20:16 → 00:20:18 รัฐบาลอะไรเงี้ยก็จะมีรอบอยู่แล้ว
00:20:18 → 00:20:19 อื
00:20:19 → 00:20:21 กองมะเร็งลำไส้ใหญ่ 500 คนอะไรเงี้ยมา 2
00:20:21 → 00:20:23 กล้องไปเลยถ้าจะตรวจจะคัดกรองมะเร็งไส้
00:20:23 → 00:20:25 ใหญ่ก็ 2 กล้องก็ส่องไปเลย
00:20:25 → 00:20:25 อื
00:20:25 → 00:20:29 อ่า 2 กล้องข้อส่องเลยหรือจากสกรีนิ่งจาก
00:20:29 → 00:20:31 การตรวจเม็ดเลือดแฝงและอุจาระก็ตรวจเลย
00:20:31 → 00:20:32 อื
00:20:32 → 00:20:33 ไม่ต้องจอคเอง
00:20:33 → 00:20:34 อืม
00:20:34 → 00:20:38 ก็คืออยากตรวจตรวจเลยหรือคนบางคนที่มีอ่า
00:20:38 → 00:20:41 budัจเค้าก็อาจจะส่ง Xray คอมพิวเตอร์ที่
00:20:41 → 00:20:43 ทำเป็นหมื่นๆน่ะนะก็ส่ง X คอมพิวเตอร์เลย
00:20:43 → 00:20:44 หรือจะ 2 กล้องเลย
00:20:45 → 00:20:45 อื
00:20:45 → 00:20:47 ก็จะเจอเลยถ้ามีก็คือมี
00:20:47 → 00:20:48 ตัดมาตรวจเลย
00:20:48 → 00:20:49 ใช่ตัดเนื้อมาตรวจเลยอันนี้ก็จะได้
00:20:49 → 00:20:50 วินิจฉัย
00:20:50 → 00:20:53 โอเคงั้นหมอเป้งกำลังบอกว่าถ้าต้องการคัด
00:20:53 → 00:20:56 กรองมรดกาเพิ่งไปเสียเวลาและอย่าไปตกใจ
00:20:56 → 00:20:58 กับค่าเลือดถ้า
00:20:58 → 00:21:01 ถ้ามีเงินหรือมีสวัสดิการก็ไปส่องกล้อง
00:21:01 → 00:21:03 หรือ CT เลยจบจบ
00:21:03 → 00:21:04 โอเคเข้าใจ
00:21:04 → 00:21:07 ก็คือสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งไหนก็ตรวจ
00:21:07 → 00:21:10 อวัยวะนั้นเลยอวัยวะนั้นเลยเพราะว่า
00:21:10 → 00:21:13 บางทีอ่ะเราต้องทำใจนิดนึงว่าคนเราอ่ะไม่
00:21:13 → 00:21:17 จะตรวจทั้งตัวเลยอ่ะมันไม่ได้ตรวจทั้งตัว
00:21:17 → 00:21:19 นะบางคนตรวจทั้งหัวจดเท้า
00:21:19 → 00:21:21 มันมันมีแต่ว่า
00:21:21 → 00:21:22 อ่ะมันไม่ได้
00:21:22 → 00:21:24 เพราะว่ามะเร็งเราอ่ะ
00:21:24 → 00:21:25 มันเป็นได้ตั้งแต่เล็บนะพี่
00:21:25 → 00:21:27 เล็บเป็นมะเร็งได้
00:21:27 → 00:21:27 อือ
00:21:27 → 00:21:30 เออจนถึงแบบจนถึงมะเร็งสมองอะไรเงี้ยต่อ
00:21:30 → 00:21:32 ให้เราตรวจมะเร็ง
00:21:32 → 00:21:34 มะเร็งปอดไป
00:21:34 → 00:21:37 ตรวจมะเร็งเต้านมไปตรวจมะเร็งลับไส้ไปก็
00:21:37 → 00:21:39 ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เป็นมะเร็งที่อื่น
00:21:39 → 00:21:39 ที่อื่น
00:21:39 → 00:21:41 โอเคเข้าใจเข้าใจป
00:21:41 → 00:21:42 เพราะฉะนั้น
00:21:42 → 00:21:45 ทางที่ดีที่สุดน่ะเราก็กลับมากลับมาดูแล
00:21:45 → 00:21:47 ตัวเองแล้วก็ลดปัจจัยเสี่ยง
00:21:47 → 00:21:48 อื
00:21:48 → 00:21:51 ลดปัจจัยเสี่ยงที่ที่มันจะทำให้เกิด
00:21:51 → 00:21:53 มะเร็งอยู่แล้วอ่ะเช่นสมมุติคุณไม่ดูแล
00:21:53 → 00:21:56 ตัวเองเลยไม่ดูแลตัวเองเลยนะไม่ต้องออก
00:21:56 → 00:21:59 กำลังกายไม่ต้องกินดีไม่ต้องอยู่ประเด็น
00:21:59 → 00:22:03 คือคุณเลิกบุหรี่ก็เลิกเล่าชีวิตคุณก็ยืน
00:22:03 → 00:22:04 ยาวขึ้นนะ
00:22:04 → 00:22:04 อือ
00:22:04 → 00:22:05 ถูกมั้ยพี่
00:22:05 → 00:22:07 คราวนี้มันย้อนแย้งอย่างงี้เช่นคุณดูแล
00:22:07 → 00:22:09 ตัวทุกอย่างแต่ไอ้พวกเนี้ย
00:22:09 → 00:22:10 คุณไม่เลิกมัน
00:22:10 → 00:22:11 อื
00:22:11 → 00:22:13 มันก็ย้อนแย้งกันไงพวกนี้ทำลาย
00:22:13 → 00:22:15 กับเราต้องการจะออกกำลังกายเพื่อเสริม
00:22:15 → 00:22:16 สร้างอย่างเงี้ย
00:22:16 → 00:22:17 อ
00:22:17 → 00:22:19 มันก็ขัดแย้งกันเพราะฉะนั้น
00:22:19 → 00:22:21 ผมมองว่าถ้าสมมุติไม่ทำอะไรเลยไม่ต้อง
00:22:22 → 00:22:25 ตรวจไม่ต้องระวังมันแต่คุณแค่ไม่เทคความ
00:22:25 → 00:22:25 เสี่ยงไป
00:22:25 → 00:22:26 อื
00:22:26 → 00:22:30 ไม่ถูกบุหรี่ไม่ดื่มเหล้าไม่ไม่ไม่ทำที่
00:22:30 → 00:22:32 มันเป็นความเสี่ยงอ่ะพูดง่ายๆอ
00:22:32 → 00:22:34 ตรงนี้มันก็ช่วยลดแล้วนะ
00:22:34 → 00:22:34 ครับ
00:22:34 → 00:22:37 เออแต่ถ้าคุณลดเลอรตรงนี้ได้บวกกับคุณไป
00:22:37 → 00:22:39 สreening
00:22:39 → 00:22:42 ในที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือเราก็ต้อง
00:22:42 → 00:22:46 สกreีนในที่มันพบเจอบ่อยในในคนไทย
00:22:46 → 00:22:49 อืในคนไทยก็มีพวกมะเร็งลำไส้มะเร็งเต้านม
00:22:50 → 00:22:51 มะเร็งปอดแล้วแต่เพศด้วยนะ
00:22:51 → 00:22:54 พวกเนี้ยเราก็ตรวจเช็คไปถ้าเกิดสมมุติว่า
00:22:54 → 00:22:56 บังเอิญ
00:22:56 → 00:23:00 จะเรียกโชคดีโชคร้ายเด็กถ้าโชคโชคร้าย
00:23:00 → 00:23:02 เจอเจอมะเร็งคุณโชคร้ายจริงแต่โชคดีถ้า
00:23:02 → 00:23:05 สมมุติว่ามันเจอเล็กๆคุณรักษาได้หายขาด
00:23:05 → 00:23:07 อ่ะคุณก็จะมีชีวิตยืนยาวขึ้นน่ะอ
00:23:07 → 00:23:08 อือ
00:23:08 → 00:23:12 เออเพราะฉะนั้นพวกนี้เนี่ยก็ลดล้าเลิกบวก
00:23:12 → 00:23:15 ตรวจเท่าที่เราเจอบ่อยแค่นี้ก็น่าจะเพียง
00:23:15 → 00:23:16 พออ
00:23:16 → 00:23:19 อืมเห็นภาพเพราะงั้นหมอเป้งกำลังไขข้อ
00:23:20 → 00:23:22 ความวุ่นวายในสังคมก็คือตรวจค่าเลือด
00:23:22 → 00:23:24 มะเร็งโดยเฉพาะอันในบริบทนี้เราคุยเรื่อง
00:23:24 → 00:23:28 มะเร็งลำไส้ก่อนนะครับถ้า
00:23:28 → 00:23:31 ตรวจได้ก็ตรวจการส่องกล้องหรือ CT ไปเลย
00:23:31 → 00:23:34 นะครับชัวร์กว่าแต่เหนือกว่านั้นคือการ
00:23:35 → 00:23:37 ปรับพฤติกรรมลดความเสี่ยงมีชัยไปกว่า
00:23:37 → 00:23:40 ครึ่งใช่มั้ครับนี่คือปัญหาความเข้าใจผิด
00:23:40 → 00:23:42 อันที่ 1
00:23:42 → 00:23:45 แล้วก็หมอเวกำลังจะบอกว่าตรวจไม่เจอไม่
00:23:45 → 00:23:47 ได้หมายถึงว่าคุณจะไม่เป็นมะเร็ง
00:23:47 → 00:23:50 อย่าลืมนะไม่ใช่ว่าคุณไปตรวจเลือดหา
00:23:50 → 00:23:53 มะเร็งลำไส้เลือดไม่เจอไม่ได้แปลว่าคุณ
00:23:53 → 00:23:55 ไม่เป็นนะก็อย่างที่บอกเลือดมันไม่ได้
00:23:55 → 00:23:59 สามารถจะบ่งบอกได้อันที่ 3 ถึงแม้ว่าคุณ
00:23:59 → 00:24:02 ตรวจมะเร็งลำไส้ไม่เจอมันก็ไม่ได้การันตี
00:24:02 → 00:24:05 ว่าคุณจะไม่เป็นมะเร็งอวัยวะอื่น
00:24:05 → 00:24:08 ครับขอบคุณมากอันนี้คือโจทย์ที่ 1 โจทย์
00:24:08 → 00:24:12 ที่ 2 คืออ่าอันนี้ที่ผมเห็นเยอะๆกับหมอ
00:24:12 → 00:24:13 ศัลยกรรม
00:24:13 → 00:24:17 คือคนไข้ชอบมาเรื่องฤษีดวง
00:24:17 → 00:24:17 อ่าอ่า
00:24:18 → 00:24:18 ครับ
00:24:18 → 00:24:20 ขอไปที่ข้ามไปที่ฤิษีดวงก่อนตะกี้เราคุย
00:24:20 → 00:24:23 เรื่องลำไส้ใหญ่นะเดี๋ผมขอข้ามไปที่ฤิสี
00:24:23 → 00:24:26 ดวงก่อนอ่าอันนี้ก็เป็นอีกโจทย์นึงคือ
00:24:26 → 00:24:28 เรื่องฤิสีดวงมีความเชื่อผิดๆอันดับแรก
00:24:28 → 00:24:32 เลยกินเผ็ดเป็นฤทธิ์สีดวงจริงๆแล้วทุกคน
00:24:32 → 00:24:35 น่ะมีฤิสีดวงหมดเลยคือฤทธิ์สีดวงเนี่ยมัน
00:24:35 → 00:24:38 หมายถึงว่าเป็น normal cusion นี่คือ
00:24:38 → 00:24:41 เขียนในหนังสือเลยนะที่มีเส้นเลือดอยู่
00:24:41 → 00:24:43 ข้างในทุกคนมีหมด
00:24:43 → 00:24:45 อ๋อเปพูดเป็นภาษาไทยหน่อย Analion แปลว่า
00:24:45 → 00:24:46 อะไร
00:24:46 → 00:24:47 เป็นขอบอ่ะ
00:24:47 → 00:24:49 นูนๆหน่อยที่มีเส้นเลือดอยู่ข้างในนึกถึง
00:24:49 → 00:24:52 ภูเขาอ่ะแล้วก็ข้างในก็จะมีกลุ่มของเส้น
00:24:52 → 00:24:52 เลือดอยู่
00:24:52 → 00:24:53 อ่าฮะ
00:24:53 → 00:24:56 พวกนี้เนี่ยมีฟังก์ชันในการ
00:24:56 → 00:25:02 อ่ากลั้นเวลาเราต้องการจะกลั้นเช่นสมมุติ
00:25:02 → 00:25:05 ว่าเป็นน้ำเป็นลมเป็นอะไรเงี้ยถ้าเรา
00:25:05 → 00:25:07 ต้องการจะให้เนื้อมันชิดกันเนี่ยเราไม่
00:25:07 → 00:25:10 สามารถจะเอากระดาษไปเอามาชิดกันให้มันแนบ
00:25:10 → 00:25:13 ได้แต่เนื้อเรามันเช่นเราเอามือไปตักน้ำ
00:25:13 → 00:25:14 อ่ะถ้าเราเอาเนื้อเราแนบกันพอ
00:25:14 → 00:25:15 เออ
00:25:15 → 00:25:17 น้ำไม่สามารถตึมได้
00:25:17 → 00:25:17 เข้าใจ
00:25:17 → 00:25:18 อ่ะถูกมั้ย
00:25:18 → 00:25:18 เข้าใจ
00:25:18 → 00:25:20 เพราะฉะนั้นหูรูดก็เหมือนกัน
00:25:20 → 00:25:21 มันต้องกลั้นอุจจระ
00:25:21 → 00:25:22 อ่า
00:25:22 → 00:25:24 เพราะฉะนั้นการมีcusชionัพวกเนี้ยการมี
00:25:24 → 00:25:27 ขอบพวกเนี้ยมันทำให้เนื้อเรากอดได้สนิท
00:25:27 → 00:25:29 อออึโอเคเข้าใจ
00:25:29 → 00:25:32 อ่าเพราะฉะนั้นิสิทดวงเรามีอยู่แล้วมันทำ
00:25:32 → 00:25:34 หน้าที่เกี่ยวกับพวกนี้แหละมันทำหน้าที่
00:25:34 → 00:25:35 เกี่ยวกับการกลั้นนี่แหละ
00:25:35 → 00:25:36 อ
00:25:36 → 00:25:38 แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มันสร้างความ
00:25:38 → 00:25:40 เดือดร้อนให้เรา
00:25:40 → 00:25:43 เราจะเติมคำว่าโรคไปหน้าฤิขิดวง
00:25:43 → 00:25:43 ออ
00:25:43 → 00:25:46 ก็กลายเป็นโรคฤิสีดวงอ่าั้นความเชื่ออัน
00:25:46 → 00:25:48 ที่ 1 ก็คือว่าเมื่อไหร่เขาพูดเรื่องฤิษี
00:25:49 → 00:25:50 ดวงไม่ได้หมายความว่าเป็นโรค
00:25:50 → 00:25:52 มนุษย์ต้องมีฤิษีดวง
00:25:52 → 00:25:52 มันมีอยู่แล้ว
00:25:52 → 00:25:55 เพราะมันช่วยในการกลั้นใช่มั้ครับแต่
00:25:55 → 00:25:58 เมื่อไหร่มันสร้างปัญหาหาเราถึงจะเรียก
00:25:58 → 00:26:01 ว่าโรคฤทธิดวงอ้าโอเค
00:26:01 → 00:26:02 แล้วกินเผ็ดอ่ะครับ
00:26:02 → 00:26:06 กินเผ็ดเนี่ยเนื่องจากว่ารสชาติเผ็ดเนี่ย
00:26:06 → 00:26:08 มันเค้าเรียกว่าอะไรมันไม่ใช่รสชาตินะมัน
00:26:08 → 00:26:10 เป็นการระคายเคือง
00:26:10 → 00:26:11 อ่า
00:26:11 → 00:26:13 เพราะฉะนั้นพี่กินมันก็ต้องเผ็ดตั้งแต่
00:26:13 → 00:26:13 ปาก
00:26:13 → 00:26:14 เออ
00:26:14 → 00:26:15 ลงไปลำไส้
00:26:15 → 00:26:15 ครับ
00:26:15 → 00:26:18 ลำไส้อยู่ที่เราที่เราไม่รู้สึกเผ็ดเพราะ
00:26:18 → 00:26:22 ว่าการรับประสาทสัมผัสของลำไส้อ่ะมันไม่
00:26:22 → 00:26:24 มีความรู้สึกตรงนั้นอ
00:26:24 → 00:26:24 ออ
00:26:24 → 00:26:27 แต่มันจะแสดงออกมาในการท้องเสีย
00:26:27 → 00:26:29 บีบตัวเร็วให้มันผ่านไป
00:26:30 → 00:26:33 ถูกมอ่าให้มันผ่านไปพอมันมาถึงที่ขอบก้น
00:26:33 → 00:26:37 ขอบทวารแล้วมันก็จะตรงขอบก้นเนี่ยมันก็จะ
00:26:37 → 00:26:39 มีส่วนแบ่งอยู่ระหว่าง
00:26:39 → 00:26:41 ระหว่างภายในกับภายนอก
00:26:41 → 00:26:43 ภายในจะไม่รู้สึกภายนอกจะรู้สึก
00:26:43 → 00:26:46 พอมันผ่านมาถึงภายนอกปุ๊บมันก็แสบแสบอ
00:26:46 → 00:26:47 เออมันก็แสบดิ
00:26:47 → 00:26:50 ออหมอเป็นบอกว่ามันเผ็ดที่ปากพอพอไปถึงลำ
00:26:50 → 00:26:52 ไส้ใหญ่มันไม่มีอาการเผ็ดละแต่มันท้อง
00:26:52 → 00:26:54 เดินท้องร่วงแทน
00:26:54 → 00:26:56 มันจะไปรู้สึกแสบร้อนอีกทีก็คือตอนปลาย
00:26:56 → 00:26:57 ทวาร
00:26:57 → 00:26:59 ถูกต้องเพราะพวกนี้เนี่ยมันก็คือสารระคาย
00:26:59 → 00:27:01 เคืองนั่นเองพริกเป็นสารระคายเคืองอ
00:27:01 → 00:27:01 โอเค
00:27:02 → 00:27:03 แคปไซซินเนี่ย
00:27:03 → 00:27:05 สารแคปไซซินเนี่ยมันก็จะมีฤทธิ์เป็นพวกยา
00:27:05 → 00:27:06 ระบายอ่อนๆด้วย
00:27:06 → 00:27:09 เพราะฉะนั้นเวลากินเผ็ดบางคนก็ท้องเสีย
00:27:09 → 00:27:09 อื
00:27:09 → 00:27:13 เออท้องเดินท้องอะไรเงี้ยแต่ว่าพอลงไปถึง
00:27:13 → 00:27:17 ลำไส้ใหญ่มันก็แค่แสบแต่ตัวมันเองอ่ะมัน
00:27:17 → 00:27:18 ไม่ได้ทำให้เกิดริสีดวงนะครับ
00:27:18 → 00:27:19 โรคฤทธิ์สีดวง
00:27:19 → 00:27:21 ใช่ครับโรคฤษีดวง
00:27:21 → 00:27:23 มันจะทำให้การระคายเคืองเกิดขึ้นนั่นเอง
00:27:23 → 00:27:25 บางคนน่ะมีฤทธิ์สีดวงอยู่แล้วเป็นโรคฤษี
00:27:25 → 00:27:27 ดวงแล้วก็เหมือนเอาพริกไปทามันน่ะ
00:27:27 → 00:27:27 อ่าเข้าใจ
00:27:27 → 00:27:30 เริ่มทรมานความทรมานมันก็เลย
00:27:30 → 00:27:32 โดนระคายเคืองไปด้วย
00:27:32 → 00:27:33 โอเคเห็นภาพ
00:27:33 → 00:27:33 เห็นภาพ
00:27:33 → 00:27:36 เห็นภาพพอมาเป็นสรุปว่า
00:27:36 → 00:27:40 ฤิสีดวงโรคฤิษีดวงไม่ได้เกิดจากพริกแต่คน
00:27:40 → 00:27:42 ที่เป็นโรคอยู่แล้วพริกอาจจะเป็นตัว
00:27:42 → 00:27:45 กระตุ้นอาจจะเป็นตัวที่ระคายเคืองทำให้
00:27:45 → 00:27:46 เรา
00:27:46 → 00:27:50 ฉุดคิดได้ว่าออโอเคเห็นภาพความเชื่อ
00:27:50 → 00:27:56 ผิดอันที่ 2 คือท้องผูกสลับท้องเสียเขา
00:27:56 → 00:27:59 มักจะคิดว่าเป็นมะเร็งแล้วยิ่งบางคนน่ะไป
00:27:59 → 00:28:02 ตรวจเลือดเจอค่าผลมะเร็งโอก็มาเลยบอกหมอ
00:28:02 → 00:28:05 เนี่ยดิฉันเป็นมะเร็งแน่เพราะว่าชั้นท้อง
00:28:05 → 00:28:08 ผูกสลับท้องเสียแล้วฆ่าเลือดคัดกรอง
00:28:08 → 00:28:11 มะเร็งชั้นสูงหมอศัลยกรรมว่าไงครับ
00:28:11 → 00:28:14 อ่าอย่างงี้ครับคือทุกวันเนี้ยอ่าพวกท้อง
00:28:14 → 00:28:16 ผูกสลับท้องเสียเนี่ยมันเป็นคีย์เวิร์ด
00:28:16 → 00:28:18 ที่คุณเสิร์ชเลย
00:28:18 → 00:28:19 เออ
00:28:19 → 00:28:20 เสิร์ชจาก Google นี่แหละ
00:28:20 → 00:28:20 เออ
00:28:20 → 00:28:22 เลิชปึ๊บ
00:28:22 → 00:28:25 อาการของมะเร็งขึ้นเลยทุกคน
00:28:25 → 00:28:28 อ่าตั้งแต่ 3 ล้อเลยยันนู่นนี่คิดว่า
00:28:28 → 00:28:31 อาการท้องผูกสลับท้องเสียนี่เป็นมะเร็ง
00:28:31 → 00:28:33 ชัวร์เนื่องของเนื่องจากมะเร็งเนี่ยมันจะ
00:28:33 → 00:28:36 เกิดก้อนในลำไส้มันก็ค่อยๆโตขึ้นโตขึ้นโต
00:28:36 → 00:28:39 ขึ้นจนมันมีการอุดอุดอุดตันแล้ว
00:28:39 → 00:28:40 อือ
00:28:40 → 00:28:42 อุจจาระใหญ่ๆมันจะผ่านไม่ได้
00:28:42 → 00:28:43 อือ
00:28:43 → 00:28:45 มันก็เริ่มจากอะไรมันก็จะเริ่มจากถ่ายช้า
00:28:45 → 00:28:49 ก่อนไม่ถ่ายไม่ถ่ายจนมันหมักกันจนเป็นน้ำ
00:28:49 → 00:28:51 มันสามารถเริ่มผ่านได้มันก็เริ่มผ่านออก
00:28:51 → 00:28:52 มา
00:28:52 → 00:28:52 อือ
00:28:52 → 00:28:54 เพราะฉะนั้นคนเราเนี่ยในชีวิตเราเนี่ยก็
00:28:54 → 00:28:57 มีท้องผูกได้มีท้องเสียได้ก็ขึ้นอยู่กับ
00:28:57 → 00:29:00 อาหารที่เรากินแต่ประเด็นคือท้องผูกสาบ
00:29:00 → 00:29:03 ท้องเสียในแนวของเป็นโรคมะเร็งเนี่ยมัน
00:29:03 → 00:29:08 ต้องผูกแล้วก็กลั้นอุจจาระไม่ได้ไหลออกมา
00:29:08 → 00:29:11 เป็นเหลวซึ่งระยะเวลาลักษณะของอาหารเนี่ย
00:29:11 → 00:29:14 ต้องเป็นลักษณะอาหารที่ถูกย่อยมานานๆน่ะ
00:29:14 → 00:29:17 ก็คือมันอุดกั้นจนมันย่อยเป็นของเหลวแล้ว
00:29:17 → 00:29:19 มันถึงจะผ่านในรูแคบๆนั้นได้
00:29:19 → 00:29:19 อ
00:29:19 → 00:29:21 มันก็เริ่มจากท้องผูกไม่ถ่ายมาหลายวัน
00:29:21 → 00:29:24 เสร็จแล้วมันก็เริ่มไหลเป็นเร็วเหลวแล้ว
00:29:24 → 00:29:27 ก็กั้นไม่ได้อะไรเงี้ยครับเหลวๆล่ะอาจจะ
00:29:27 → 00:29:29 มีมูกเลือดอะไรออกมาตามมาด้วย
00:29:29 → 00:29:30 อ
00:29:30 → 00:29:32 อันเนี้ยก็คือท้องผุแล้วจากนั้นพอน้ำมัน
00:29:32 → 00:29:34 ออกหมดมันก็เหลือแต่ส่วนที่มันเป็นของ
00:29:34 → 00:29:36 แข็งมันก็กลับไปผุอีก
00:29:36 → 00:29:36 อือ
00:29:36 → 00:29:38 พอมันหมักกันได้ที่มันก็ไหลออกมาอีกพี่
00:29:38 → 00:29:39 อือ
00:29:39 → 00:29:41 อ่ะอย่างเงี้ยเรียกภาพเห็นนี่คือท้องผูก
00:29:41 → 00:29:44 สลับท้องเสียในเพราะฉะนั้นคนที่มาด้วย
00:29:44 → 00:29:46 อาการท้องผูกสลับท้องเสียเนี่ย
00:29:46 → 00:29:49 มะเร็งส่วนใหญ่ต้องมีขนาดใหญ่ประมาณนึง
00:29:49 → 00:29:52 ที่มันจะทำให้เกิดลำไส้เกิดใกล้ๆจะอุดตัน
00:29:52 → 00:29:56 อ่าออลำดับถัดไปของคนไข้ที่ท้องผูกสาท้อง
00:29:56 → 00:29:59 เสียเนี่ยก็มักจะเป็นลำไส้อุตตันก็จะมา
00:29:59 → 00:30:00 ด้วยเรื่องไม่ทายไม่ผายลม
00:30:00 → 00:30:01 อือ
00:30:01 → 00:30:03 คลื่นไส้อาเจียนอะไรแบบเนี้ยซึ่งเป็นระยะ
00:30:03 → 00:30:07 ที่มันเต็มเต็มลำไส้แล้วมันไม่ใช่ระยะแรก
00:30:07 → 00:30:08 อภาพ
00:30:08 → 00:30:11 เพราะฉะนั้นมะเร็งเนี่ยมันเป็นมันเป็นท่า
00:30:11 → 00:30:14 ไม้ตายที่ธรรมชาติส่งมาจำกัดจำนวนมนุษย์
00:30:14 → 00:30:17 เพราะว่าเราต้องยอมรับว่าเราอ่ะก็เป็น
00:30:17 → 00:30:19 สิ่งมีชีวิตเหมือนกันเพราะฉะนั้นเมื่อ
00:30:19 → 00:30:22 ไหร่ก็ตามที่คนเราอายุยืนมากๆมันก็ต้องมี
00:30:22 → 00:30:24 ตัวที่มาควบคุมจำนวนของเรา
00:30:24 → 00:30:25 อือ
00:30:25 → 00:30:27 นึกภาพเราก็โควิดแล้วกัน
00:30:27 → 00:30:27 อือ
00:30:27 → 00:30:30 พอลดลงโควิดดีขึ้นคนเราก็ปรับสมดุลใหม่
00:30:30 → 00:30:32 พี่ในในสังคมในประชากร
00:30:32 → 00:30:33 เพราะฉะนั้น
00:30:33 → 00:30:36 มะเร็งเป็นท่าไม้ตายของธรรมชาติเพราะ
00:30:36 → 00:30:38 ฉะนั้นเวลามันมามันจะไม่บอกล่วงหน้านะ
00:30:38 → 00:30:39 ครับ
00:30:39 → 00:30:39 อื
00:30:39 → 00:30:42 มันต้องค่อยๆมาเป็นลำดับเล็กๆ
00:30:42 → 00:30:45 รูลำไส้รูขนาดนี้มะเร็งโตขึ้นเม็ดเงี้ย
00:30:45 → 00:30:45 เป็นมะเร็งละ
00:30:46 → 00:30:46 อือ
00:30:46 → 00:30:48 พี่คิดว่าจะมีอาการขี้ก็ผ่านไปดิ
00:30:48 → 00:30:50 ไอ้ติ่งเนี้ยไม่มีอาการเพราะฉะนั้นเราจะ
00:30:50 → 00:30:53 เจอพวกนี้ได้ในกรณีเดียวก็คือเรา
00:30:53 → 00:30:54 screening
00:30:54 → 00:30:55 อื
00:30:55 → 00:30:57 เราส่องเข้าไป
00:30:57 → 00:30:57 อือ
00:30:57 → 00:31:01 ตรวจเลือดบางทียังไม่ต่อให้มันสร้าง
00:31:01 → 00:31:02 นะมันอาจจะสร้างได้น้อยไม่ขึ้นอะไรก็ด้วย
00:31:02 → 00:31:03 ซ้ำ
00:31:03 → 00:31:05 อืเห็นภาพ
00:31:05 → 00:31:08 เพราะฉะนั้นท้องผูกสับท้องเสียอย่าเพิ่ง
00:31:08 → 00:31:12 เพราะว่าเราอ่ะบางทีก็ท้องผูกจากอาหารได้
00:31:13 → 00:31:15 จากกากอาหารจากนู่นจากนี่ท้องเสียแล้วก็
00:31:15 → 00:31:18 มาส่วนใหญ่ท้องเสียเนี่ย
00:31:18 → 00:31:20 ไม่ใช่ว่าท้องเสียไปวันแรกเขาจะรักษาพู้
00:31:20 → 00:31:21 โรคมะเร็งนี่แหละ
00:31:21 → 00:31:24 อืออเก็รักษาท้องเสียอะไรที่เราเจอบ่อย
00:31:24 → 00:31:26 ก่อนไม่นึกถึงมะเร็งนะแต่คนที่ท้อง
00:31:26 → 00:31:29 ตรวจประวัติให้มีกับท้องเสียสักพักกับ
00:31:29 → 00:31:32 ท้องเสียอีกท้องเสียอีกอ้ากลายเป็นระยะ
00:31:32 → 00:31:35 เวลามาจับมีข้อบ่งชี้ก็ 2 กลองสักที
00:31:35 → 00:31:35 อื
00:31:35 → 00:31:38 ก็น่าจะถ้ามีข้อบ่งชี้อ่ะเราก็ส่อง
00:31:38 → 00:31:38 อื
00:31:38 → 00:31:40 เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แค่ท้องผูกสลับท้อง
00:31:40 → 00:31:41 เสียแค่ครั้งเดียวอ่ะ
00:31:41 → 00:31:42 อือ
00:31:42 → 00:31:44 แล้วเราจะเป็นมะเร็งเลยเราจะ
00:31:44 → 00:31:46 เราจะตื่นตระหนกไปเลยอะไรเงี้ยซึ่งมันไม่
00:31:46 → 00:31:46 ใช่อ
00:31:46 → 00:31:47 อื
00:31:47 → 00:31:49 เออมันไม่ใช่เพราะฉะนั้นท้องผูกท้องทเสีย
00:31:49 → 00:31:51 ต้องเป็นมาระยะเวลานึง
00:31:51 → 00:31:53 แล้วก็อาการอื่นร่วมด้วยอาการอื่นร่วม
00:31:53 → 00:31:55 ด้วยอเช่น
00:31:55 → 00:31:57 เช่นมูกเลือดอันเนี้ยสำคัญมากอ
00:31:57 → 00:31:58 อือ
00:31:58 → 00:32:01 ถ้ามีมูกเลือดบวกชิ้นเนื้อหลุดออกมาเนี่ย
00:32:01 → 00:32:05 หรือว่าอุจจาระที่มันปนที่มันเป็นสีอื่น
00:32:05 → 00:32:08 ที่ไม่ใช่สีแดงสดแต่สีแดงสดเนี่ยก็คือ
00:32:08 → 00:32:10 ถ่ายเป็นเลือดอ่ะอันตรายหมด
00:32:10 → 00:32:11 อื
00:32:11 → 00:32:16 แต่สีเนี่ยเช่นสีดำอะไรเงี้ยมันมักจะมี
00:32:16 → 00:32:18 อะไรซ่อนอยู่สูงๆ
00:32:18 → 00:32:18 อื
00:32:18 → 00:32:20 โดยที่บางทีมันปนอุจรเรามามันจะไม่เห็น
00:32:20 → 00:32:21 อื
00:32:21 → 00:32:22 เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ก็ตามสีอุจจาระ
00:32:22 → 00:32:25 มันเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราไม่ได้ไปกินพวก
00:32:25 → 00:32:27 ลู่ลาบน้ำตกอะไรเงี้ที่มีเลือดบนน้ำดงน้ำ
00:32:28 → 00:32:31 แดงเงี้ยนั่นแหละอันนั้นน่ะอาจจะจำเป็น
00:32:31 → 00:32:36 ว่าเราต้องมาตรวจว่ามันมีเม็ดเลือดปนใน
00:32:36 → 00:32:36 อุจาระหรือเปล่า
00:32:36 → 00:32:37 อือ
00:32:37 → 00:32:39 ถ้ามันมีหรือว่ามีถ่ายเป็นเลือดอะไรเงี้ย
00:32:39 → 00:32:42 แล้วก็ร่วมกับท้องผูกสับท้องเสียน้ำหนัก
00:32:42 → 00:32:45 ลดโดยไม่ทราบสาเหตุมีภาวะซีดเปิดตาแล้ว
00:32:45 → 00:32:48 มันซีดหรือเจาะเลือดมาแล้วมันซีดกินธาตุ
00:32:48 → 00:32:50 เหล็กก็ไม่ขึ้นอะไรแบบเนี้ย
00:32:50 → 00:32:53 หรือว่าอายุมากอายุมากเนี่ยก็มีข้อผงชี้
00:32:53 → 00:32:55 เหมือนกันมีประวาซีนอาจจะต้องส่องกล้อง
00:32:55 → 00:32:56 ขึ้นไปหาสาเหตุ
00:32:56 → 00:32:58 ดูว่าเฮ้ย
00:32:58 → 00:33:01 มันซีดจากอะไรเพราะเวลาเราเป็นมะเร็งลำ
00:33:01 → 00:33:05 ไส้เนี่ยมันมักจะมีการหลุดลอกของมะเร็งทำ
00:33:05 → 00:33:06 ให้เราเสียเลือดแบบเรื้อหลักไม่เห็นด้วย
00:33:06 → 00:33:07 ตาเปล่า
00:33:07 → 00:33:07 อือ
00:33:07 → 00:33:09 เสียทีละนิดอนิดนิดอ
00:33:09 → 00:33:11 จนเราซีดได้
00:33:11 → 00:33:14 อืเห็นภาพเห็นภาพงั้นสรุปหมอเปี้งกำลังจะ
00:33:14 → 00:33:17 บอกว่าท้องผูกสลับท้องเสียอย่าเพิ่งไป
00:33:17 → 00:33:19 กระโดดคิดว่าเราเป็นมะเร็ง
00:33:19 → 00:33:21 มันจะต้องมีข้อมูลประกอบนะฮะอย่างที่หมอ
00:33:21 → 00:33:25 กำลังอธิบายกลไกว่าทำไมคนที่เป็นมะเร็ง
00:33:25 → 00:33:28 มันเกิดปรากฏการณ์ท้องเสียแล้วก็ท้องปลูก
00:33:28 → 00:33:31 สลับกันนะฮะแล้วก็อาการอื่นที่ประกอบก็
00:33:31 → 00:33:33 คือตัวสีตัวเนื้ออุจจาระเองนะครับอาการ
00:33:34 → 00:33:36 อื่นเช่นน้ำหนักลดมีซีดมีอะไรนะฮะมีอีก
00:33:37 → 00:33:40 อันนึงพี่ก็คือคนไข้ที่มีประวัติเรื่อง
00:33:40 → 00:33:44 ของครอบครัวที่มีมะเร็งในสายตรงที่เป็น
00:33:44 → 00:33:45 มะเร็งลำไส้ในสายตรง
00:33:45 → 00:33:46 อื
00:33:46 → 00:33:48 แล้วก็อายุ
00:33:48 → 00:33:50 น้อยกว่า 40 ปีก็คือเป็นมะเร็งโดน
00:33:50 → 00:33:52 วินิจฉัยอายุน้อยกว่า 40 ปีหรือตัวเองอ่ะ
00:33:52 → 00:33:55 อายุมากกว่า 50 แล้วมีอาการดังกล่าวเนี่ย
00:33:55 → 00:33:55 อือ
00:33:55 → 00:33:58 ก็มีแมีโอกาสที่มันจะเจอมะเร็งได้สูง
00:33:58 → 00:34:00 แต่พวกอายุแบบ
00:34:00 → 00:34:02 ถ้าน้อยๆนะ 20 25 30 ไม่ใช่ไม่เคยเจอ
00:34:02 → 00:34:04 มะเร็งเจอแต่พวกนี้ส่วนใหญ่จะต้องมี
00:34:04 → 00:34:06 ประวัติคนในครอบครัวก่อน
00:34:06 → 00:34:06 เข้าใจ
00:34:06 → 00:34:09 พวกนี้ต้องมาสกรีeningเพราะบางทีมะเร็งนำ
00:34:09 → 00:34:12 ไส้ใหญ่เนี่ยมันถ่ายทอดทางพันธุกรรมเราก็
00:34:12 → 00:34:15 จะเจอประวัติของคนที่เป็นมาก่อนหน้าน้อง
00:34:15 → 00:34:18 คนเนี้ยที่จะเป็นเราถึงจะมีการตรวจเพิ่ม
00:34:18 → 00:34:19 เติม
00:34:19 → 00:34:22 ครับงั้นท้องผูกสลับท้องเสียดูบริบทไม่
00:34:22 → 00:34:24 สบายใจปรึกษาแพทย์แต่อย่าเพิ่งไปคิดว่า
00:34:24 → 00:34:28 ตัวเองเป็นมะเร็งชาิไปที่มะเร็งความเชื่อ
00:34:28 → 00:34:31 อันต่อไปคือการล้างลำไส้การทำดีท็อกซ์
00:34:31 → 00:34:34 ช่วยลดมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:34:34 → 00:34:36 คืออย่างที่ผมเกริ่นไปเมื่อกี้นะพูดไป
00:34:36 → 00:34:38 เมื่อกี้นะครับคือมะเร็งเนี่ยลำไส้ใหญ่
00:34:38 → 00:34:41 เนี่ยมันเกิดได้จากหลายปัจจัยส่วนใหญ่
00:34:41 → 00:34:44 เนี่ยเป็นการเรื่องของสารกอมะเร็งพวก
00:34:44 → 00:34:46 อาหารปิ้งย่างพวกเนื้อสัตว์เนื้อแดงล้วน
00:34:46 → 00:34:50 อะไรเงี้ยครับแล้วก็ประวัติของพันธุกรรม
00:34:50 → 00:34:54 เนาะการสวนล้างเนี่ยมักไม่ไม่ช่วยลดด้วย
00:34:54 → 00:34:57 นะไม่ช่วยลดแล้วนะแถมยังอาจจะเกิดอันตราย
00:34:57 → 00:35:00 ได้ 1 ก็คือการสวนล้างเนี่ยเนื่องจากว่า
00:35:00 → 00:35:04 เขาจะต้องมีการใส่สายเข้าไปเสร็จแล้วมี
00:35:04 → 00:35:05 การใช้น้ำ
00:35:05 → 00:35:07 เข้าไปเพราะฉะนั้นพวกนี้เนี่ยอาจจะเกิด
00:35:07 → 00:35:11 การบาดเจ็บต่อหูรูดหรือการบาดเจ็บต่อผนัง
00:35:11 → 00:35:15 ลำไส้เช่นสวนแรงไปทำให้เกิดฉีกขาดทะลุ
00:35:15 → 00:35:16 อะไรงี้ก็ได้
00:35:16 → 00:35:16 อือื
00:35:16 → 00:35:19 เออหรือว่าลักษณะของน้ำที่ใส่เข้าไปเพราะ
00:35:19 → 00:35:24 ว่าหลายๆคนน่ะก็หลายๆเค้าเรียกว่าสูตรอ่ะ
00:35:24 → 00:35:26 มันก็ไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นบางคนโดนน้ำ
00:35:26 → 00:35:29 ร้อนบางคนโดนอะไรเงี้ยที่คิดว่ามันจะดี
00:35:29 → 00:35:29 อ่ะ
00:35:29 → 00:35:29 อือ
00:35:30 → 00:35:32 มันจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของลำไส้แต่ไม่
00:35:32 → 00:35:33 ช่วยลดเพิ่มความเสี่ยง
00:35:33 → 00:35:37 นี่คือ 1 นะ 2 คือการสวนล้างลำไส้อ่ะทำ
00:35:37 → 00:35:40 ให้แบคทีเรียที่มีอยู่ที่เราอ่ะ
00:35:40 → 00:35:41 มันหายไป
00:35:41 → 00:35:42 อื
00:35:42 → 00:35:44 คือเอาล้างเอาแบคทีเรียที่มันเป็นฟอเค้า
00:35:44 → 00:35:46 เรียกว่าแบคทีเรียประจำถี่นน่ะอ่า
00:35:46 → 00:35:49 มันอยู่มันล้างออกไปก็บางทีอาจจะทำให้
00:35:49 → 00:35:52 เกิดการติดเชื้อภาวะแทรกซ้อนขึ้นจาก
00:35:52 → 00:35:55 มะเร็งเอ้อจากเค้าเรียกว่าเชื้อโรคที่
00:35:55 → 00:35:58 เป็นเชื้อโรครุนแรง่ะพูดง่ายๆก็มัน
00:35:58 → 00:36:01 เหมือนกับเดิมเราอยู่แถวนี้อยู่แล้ว
00:36:01 → 00:36:04 แล้วเกิดมีต่างชาติเข้ามาคนไทยหายหมดเอา
00:36:04 → 00:36:06 ต่างชาติเข้ามาอยู่แทนอย่างเงี้ยอ
00:36:06 → 00:36:06 เข้าใจ
00:36:06 → 00:36:10 เออมันก็เลยทำให้ก่อโลกได้เพราะฉะนั้น
00:36:10 → 00:36:14 การสวนล้างเนี่ยก็มักจะไม่จำเป็นแล้วบาง
00:36:14 → 00:36:18 ทีแตกเช่นมีมะเร็งซ่อนอยู่ท้องผูกมี
00:36:18 → 00:36:23 มะเร็งซ่อนอยู่เราสเป็นส่วนมันทำให้เกิด
00:36:23 → 00:36:26 ที่มันมะเร็งที่มันหยุดกั้นอยู่มันไปไม่
00:36:26 → 00:36:28 ได้ใช่มั้ยความดันเนี่ยมันก็เพิ่มมันก็
00:36:28 → 00:36:28 แตก
00:36:28 → 00:36:29 อเหมือนท่อแตก
00:36:29 → 00:36:31 ถูกต้องเพราะว่าเดิมมันมีอุดกั้นอยู่แล้ว
00:36:31 → 00:36:33 แทนที่คนนี้จะต้องมาส่องกล้อง
00:36:33 → 00:36:34 อ่า
00:36:34 → 00:36:37 รักษาต่อกลายเป็นว่าไปสวนอะไรเงี้ยมันก็
00:36:37 → 00:36:41 อโอเคเห็นภาพมันก็แตกอะไรตามเรื่องหลัก
00:36:41 → 00:36:46 งั้นสรุปหมอเป้งบอก 1 การล้างไม่ได้จะลด
00:36:46 → 00:36:49 การเกิดมะเร็งลำไส้เผลอๆไปเพิ่มผลแทรก
00:36:49 → 00:36:51 ซ้อนอันดับแรกเลยถ้ามีมะเร็งอยู่
00:36:51 → 00:36:52 ใช่ครับ
00:36:52 → 00:36:54 อัดน้ำเข้าไปอาจจะทำให้ลำไส้เราแตกได้ 2
00:36:54 → 00:36:57 คือเชื้อโรคท้องถิ่นที่สูญเสียไปอันที่ 3
00:36:57 → 00:36:59 การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ
00:36:59 → 00:36:59 ถูกต้อง
00:36:59 → 00:37:01 เลือดออกกระเพาะทะลุ
00:37:01 → 00:37:03 สารพัดปัญหาอย่าทำ
00:37:03 → 00:37:06 ใช่บางคนอายุมากมีความปราอบบางนะครับพี่
00:37:07 → 00:37:09 เวลาสวนล้างลำไส้มันจะมีการเสียแร่นะพี่
00:37:09 → 00:37:12 ออครับอ่าเค้าเรียกว่าอะไรเสียเกลือแร่
00:37:12 → 00:37:15 ของร่างกายมันจะอิบาanceซไปไม่เหมาะสมทำ
00:37:15 → 00:37:16 ให้เกิดอ
00:37:16 → 00:37:18 โรคต่างๆตามมา
00:37:18 → 00:37:24 อื
00:37:24 → 00:37:27 คำถามต่อไปที่เจอก็คือมีการโฆษณาขาย
00:37:27 → 00:37:28 ไฟเบอร์
00:37:28 → 00:37:29 อื
00:37:29 → 00:37:30 ในท้องตลาด
00:37:30 → 00:37:31 ครับ
00:37:31 → 00:37:36 ไฟเบอร์รถดีอะไรนะผมเห็นไฟเบอร์ล้างพิษ
00:37:36 → 00:37:41 ไฟเบอร์ล้างลำไส้ลดโอกาสเกิดมะเร็งอ่าใน
00:37:41 → 00:37:44 ฐานะหมอศัลยกรรมที่ผ่าตัดลำไส้มะเร็ง
00:37:44 → 00:37:49 ไเบอร์พวกนี้ได้ประโยชน์หรือเพิ่มโทษ
00:37:49 → 00:37:52 จริงๆแล้วอ่ะเรื่องการขับถ่ายเนี่ย
00:37:52 → 00:37:55 ไฟเบอร์เนี่ยยังมีความจำเป็นแต่ว่า
00:37:55 → 00:38:00 ไฟเบอร์เนี่ยจะช่วยลดการเกิดมะเร็งมก็ไม่
00:38:00 → 00:38:03 ใช่แต่จริงๆแล้วผมอยากจะให้ดูตรงนี้ครับ
00:38:03 → 00:38:07 เวลาเราพูดถึงการขับถ่ายเนี่ยเรา
00:38:08 → 00:38:11 มักจะให้ความสำคัญกับไฟเบอร์มากเกินไป
00:38:11 → 00:38:12 อืม
00:38:12 → 00:38:13 เอกะอะก็พูดไฟเบอร์
00:38:13 → 00:38:15 คุณใช้ fber a
00:38:15 → 00:38:17 จริงๆแล้วคือ
00:38:17 → 00:38:20 เรามาดูส่วนประกอบของอุจาระเลยเราเสิร์ช
00:38:20 → 00:38:21 ปึ๊บถูกต้อง
00:38:21 → 00:38:24 ส่วนประกอบอุจาระเนี่ย 75% เป็นน้ำนี่มี
00:38:24 → 00:38:28 ส่วนอย่างอื่นเนี่ยอีกแค่ 25%
00:38:28 → 00:38:31 ไฟเบอร์เนี่ยอยู่ใน 25% นั้นเป็นส่วนหนึ
00:38:32 → 00:38:34 เป็นส่วนหนึ่งของ 25% นั้นด้วยถูกต้อง
00:38:34 → 00:38:36 พี่คิดดูว่า
00:38:36 → 00:38:39 คนน่ะตกม้าตายกันเยอะแล้วบางคนในช่วงแรก
00:38:39 → 00:38:40 อ่ะ
00:38:40 → 00:38:45 มาด้วยท้องผูกจริงๆผมชอบให้คนไข้กับเฮ้ย
00:38:45 → 00:38:49 น้องปลูกแล้วนายกลับไปกินน้ำก่อนเลยบางที
00:38:49 → 00:38:51 เราไม่มีความรู้ไงคนไข้ก็ไม่ได้รู้ว่า
00:38:51 → 00:38:55 จริงๆแล้วอ่ะการขับถ่ายของเราอ่ะน้ำเนี่ย
00:38:55 → 00:38:59 มันเป็นปัจจัยที่สำคัญนะเป็นส่วนประกอบ
00:38:59 → 00:39:02 สำคัญของอุจาระคืออุจาระที่ดีต้องเกิดจาก
00:39:02 → 00:39:03 การกินที่ดี
00:39:03 → 00:39:03 อื
00:39:03 → 00:39:06 เอ้อสัดส่วนอยู่ที่ดีมันต้องเกิดจากทุก
00:39:06 → 00:39:08 อย่างมันผ่านปากเราไงจะไม่พูดถึงการกิน
00:39:08 → 00:39:09 ได้ไงหรอก
00:39:09 → 00:39:10 เออผมชอบคำนี้นะ
00:39:10 → 00:39:12 เพราะฉะนั้นอุจาระที่ดีต้องเกิดจากการกิน
00:39:12 → 00:39:14 ที่ดีเลยส่วนประกอบที่ดีเราต้องเลือกกิน
00:39:15 → 00:39:17 ที่ดีให้สัดส่วนมันอยู่ในธรรมชาติให้มัน
00:39:17 → 00:39:20 เป็นธรรมชาติที่มันขับถ่ายได้ง่ายลำไส้
00:39:20 → 00:39:24 บีบตัวได้ง่ายมันก็จะขับถ่ายได้ง่าย
00:39:24 → 00:39:24 อื
00:39:24 → 00:39:29 แล้วไอ้ไฟเบอร์เนี่ยอยู่ใน 25% ของส่วน
00:39:29 → 00:39:34 หนึ่งเพราะฉะนั้นถ้าคนไหนที่มี def มีการ
00:39:34 → 00:39:37 ขาดของไฟเบอร์คนนั้นกินไฟเบอร์มันก็เติม
00:39:37 → 00:39:41 ใน 25% ตรงนั้นมันก็จะดีแต่ส่วนมาก 75%
00:39:41 → 00:39:45 น่ะก็ก็คือเรื่องน้ำยิ่งเวลาผ่านไปผ่านไป
00:39:45 → 00:39:48 ในน้ำไส้น้ำจะถูกดูดซึมกลับไปเรื่อยถ้า
00:39:48 → 00:39:53 ตั้งต้นน้ำน้อยผ่านไป
00:39:53 → 00:39:56 อุจาระก็แข็งบีบตัวเหมือนดินน้ำมัน
00:39:56 → 00:40:00 ยากเออเพราะฉะนั้นถ้าเราเติมน้ำไปเยอะลำ
00:40:00 → 00:40:03 ไส้ผ่านไปก็ยังมีตั้งต้นมันก็จะไปแข่ง
00:40:03 → 00:40:04 นุ่มพอดี
00:40:04 → 00:40:05 ตรงปลายไปอีก
00:40:05 → 00:40:06 อื
00:40:06 → 00:40:07 มันก็อาจจะขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
00:40:07 → 00:40:07 อ
00:40:07 → 00:40:08 เพราะฉะนั้น
00:40:09 → 00:40:12 บางคนเนี่ยถ้ากินน้ำไม่พอผมแนะแนะนำให้
00:40:12 → 00:40:15 ตั้งขวดน้ำเลยปกติเราใช้น้ำอ่ะในการ
00:40:15 → 00:40:17 metabolism แล้วกันการเผาผ่านทำนู่นทำ
00:40:17 → 00:40:20 นี่เนี่ยอย่างน้อยๆต้องมี 2,000 อ่ะพี่ 2
00:40:20 → 00:40:22 ขวด 2 ขลิตรอ่ะอือ
00:40:22 → 00:40:24 อืเพราะฉะนั้นถ้าเกิดอยากขับถ่ายดีมัน
00:40:24 → 00:40:25 ต้องกินเยอะกว่านั้นไง
00:40:25 → 00:40:26 อื
00:40:26 → 00:40:29 เออเพราะฉะนั้นเรื่องของน้ำเนี่ยเป็น
00:40:29 → 00:40:31 เรื่องที่คนตกมาตายกันเยอะเลยแล้วก็ชอบ
00:40:31 → 00:40:34 บอกเฮ้ยหมอไม่ไม่รักษาอะไรเพิ่มเติมเลย
00:40:34 → 00:40:37 ไล่ไปกินน้ำแต่จริงๆมีหลักการอยู่นะครับ
00:40:37 → 00:40:37 อ
00:40:37 → 00:40:39 มันกระจอกมากเลยก็คือ
00:40:39 → 00:40:42 ไม่ให้ยานู่นนั่นนี่เลยไปกินน้ำท้องผูก
00:40:42 → 00:40:44 จริงๆแล้วคือเวลารักษาท้องผูกเนี่ย
00:40:44 → 00:40:45 เออ
00:40:45 → 00:40:47 มันเป็นเค้าเรียกว่าอะไรเป็นมหากราบแล้ว
00:40:47 → 00:40:47 กันพี่
00:40:47 → 00:40:49 ไม่ใช่ว่าอ
00:40:49 → 00:40:52 พี่มาหาผมด้วยเฮ้ยท้องผูกมาผมจะเจอพี่แค่
00:40:52 → 00:40:53 ครั้งเดียวนะ
00:40:53 → 00:40:53 อ
00:40:53 → 00:40:55 แล้วไม่ใช่คุยกับพี่แค่ว่าพี่ต้องผูกกี่
00:40:55 → 00:40:57 วันละ 3 วัน 5 วันไม่ใช่
00:40:57 → 00:41:01 มันต้องคุยไปถึงเรื่องการกินพฤติกรรมอะไร
00:41:01 → 00:41:02 งี้เลยเพราะฉะนั้นไม่ได้คุยไม่ได้เจอกัน
00:41:02 → 00:41:03 แค่ครั้งเดียวหรอก
00:41:03 → 00:41:05 การรักษาท้องผูกอาจจะเจอกันหลายครั้ง
00:41:05 → 00:41:05 อือ
00:41:05 → 00:41:08 อาจจะต้องลองปรับเรื่องน้ำอาจจะต้องลอง
00:41:08 → 00:41:11 ให้ไฟเบอร์อาจจะต้องลองปรับพฤติกรรมกรรม
00:41:11 → 00:41:13 อาจจะต้องชวนมาคุยเรื่องอาหารหรือว่าคุณ
00:41:14 → 00:41:15 วันๆเนี่ยคุณกินอะไรบ้าง
00:41:15 → 00:41:15 อือ
00:41:15 → 00:41:18 ยาอะไรที่คุณกินบ้างที่ทำให้เกิดลำไส้มัน
00:41:18 → 00:41:21 บีบตัวช้ามั้ยมันต้องแบ่งเป็นหลายปัจจัย
00:41:21 → 00:41:24 เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่คนไข้มาท้องผูกเขา
00:41:24 → 00:41:25 ให้ยาระบายมันจบ
00:41:25 → 00:41:26 อื
00:41:26 → 00:41:31 มันไม่จบแล้วก็หมอที่มีเวลาตรวจน้อยๆเช่น
00:41:31 → 00:41:32 หมอในโรงพบาลรัฐอ่ะ
00:41:32 → 00:41:32 อือ
00:41:32 → 00:41:35 ถามว่าเขาจะมีเวลาคุยเรื่องพวกนี้หน่อย
00:41:35 → 00:41:35 อือ
00:41:35 → 00:41:38 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาทำได้ก็บางทีก็อ่ะ
00:41:38 → 00:41:40 คุณไข่กินน้ำคุณค่ายาบายไปก่อนแล้วให้
00:41:40 → 00:41:43 เค้าปรับตัวแล้วก็แนะนำนิดหน่อยแต่การจะ
00:41:43 → 00:41:46 สืบหาค้นสาเหตุจริงๆว่าเขาขาดอะไร
00:41:46 → 00:41:48 หรือส่วนประกอบมันใช้เวลามันใช้เวลาคุย
00:41:48 → 00:41:51 เพราะฉะนั้นโดยทั่วๆไปอ่ะเราไม่มีเวลามาก
00:41:51 → 00:41:52 ขนาดนั้น
00:41:52 → 00:41:52 อื
00:41:52 → 00:41:53 ในในชีวิตจริง
00:41:53 → 00:41:54 อื
00:41:54 → 00:41:56 ที่จะคุยกัน
00:41:56 → 00:41:59 งั้นคุณหมอแนะนำว่าน้ำเป็นปัจจัยหลัก
00:41:59 → 00:42:00 ถูกต้อง
00:42:00 → 00:42:03 ผมชอบคำคำพูดที่หมอบอกว่าอุจจาระเราจะ
00:42:03 → 00:42:05 เป็นอะไรมันขึ้นอยู่อาหารที่เรากิน
00:42:05 → 00:42:06 ถูก
00:42:06 → 00:42:07 ใช่มั้ยครับเลือกกินให้ถูก
00:42:08 → 00:42:09 อ่ะ
00:42:09 → 00:42:11 เลือกกินอะไร
00:42:11 → 00:42:14 เลือกกินอะไรจริงๆแล้วคืออย่างที่บอก
00:42:14 → 00:42:16 เมื่อกี้ 75% มันเป็นน้ำแล้วคราวนี้เนี่ย
00:42:16 → 00:42:20 อาหารในแต่ละมื้อที่เราใช้งานน่ะเช่นอ่า
00:42:20 → 00:42:25 แป้งเช่นพวกกากอาหารอะไรเงี้ยครับเราก็
00:42:25 → 00:42:28 ต้องเลือกให้ถูกต้องนะคือบางทีอ่ะผมเคย
00:42:28 → 00:42:31 เจอคนไข้ที่ท้องผูกเนี่ยมีปัญหาเรื่องการ
00:42:31 → 00:42:32 เคี้ยว
00:42:32 → 00:42:32 อื
00:42:32 → 00:42:35 ไปจับได้ว่าเคี้ยวอาหารได้ไม่ดีเพราะ
00:42:35 → 00:42:39 ฉะนั้นกากอาหารที่เราเลือกมามันต้องเป็น
00:42:39 → 00:42:40 ที่เป็นชิ้นเล็กๆ
00:42:41 → 00:42:41 อื
00:42:41 → 00:42:44 ชิ้นเล็กๆแล้วก็เคี้ยวให้มันขาดเมื่อไหร่
00:42:44 → 00:42:47 ก็ตามที่มันเป็นกากอาหารที่มันเป็นใบพืช
00:42:47 → 00:42:49 ใหญ่ๆเคี้ยวไม่ขาดอะไรเงี้ยครับไอ้พวก
00:42:49 → 00:42:53 เนี้ยก็จะอาจจะทำให้ท้องผูกเช่นอ่าอีกอัน
00:42:53 → 00:42:56 นึงที่บอกผักผลไม้อ่ะกินเข้าไปผักผักอ่ะ
00:42:56 → 00:42:58 กินเข้าไปมันจะได้ท้องไม่ผูกมถ้าคุณเริ่ม
00:42:58 → 00:43:02 ต้นจากการเคี้ยวอาหารไม่ดีพวกไฟเบอร์พวก
00:43:02 → 00:43:05 นั้นมันจะเป็นไฟเบอร์ที่มันไม่ขาดกันอือ
00:43:05 → 00:43:06 มันจะยิ่งอัดกันแน่น
00:43:06 → 00:43:07 อืออ
00:43:07 → 00:43:10 มันจะยิ่งอัดกันแน่นทำให้เกิดขับถ่ายได้
00:43:10 → 00:43:10 ไม่ดี
00:43:10 → 00:43:11 อื
00:43:11 → 00:43:14 โดยตัวหลักตัวหลักเนี่ยจำเป็นต้องเป็นน้ำ
00:43:14 → 00:43:16 เมื่อไหร่ก็ตามเราเราบอกให้เราซื้อ
00:43:16 → 00:43:18 ไฟเบอร์มากินนะแล้วไฟเบอร์นั้นเนี่ยเป็น
00:43:18 → 00:43:23 ไฟเบอร์ล้วนๆไม่มีไม่มีแบบพวกสารที่
00:43:23 → 00:43:24 กระตุ้นให้ลำไส้มันบีบตัวน่ะ
00:43:24 → 00:43:25 อือ
00:43:25 → 00:43:27 ไฟเบอร์เยอะๆมากเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำ
00:43:27 → 00:43:28 ให้ท้องผูก
00:43:28 → 00:43:28 อือ
00:43:28 → 00:43:31 เพราะฉะนั้นไฟเบอร์ต้องประกอบด้วยน้ำ
00:43:31 → 00:43:35 ไฟเบอร์ต้องเป็นกะอาหารที่เล็กและไม่ถูก
00:43:35 → 00:43:35 บุดซึ้ง
00:43:35 → 00:43:35 อือ
00:43:35 → 00:43:37 ให้เรานึกภาพบอกเม็ดโฟมอ่ะ
00:43:37 → 00:43:38 อือือ
00:43:38 → 00:43:41 พี่มีเบาะเมดโฟมกับพี่มีเบาะที่เป็นโซฟา
00:43:41 → 00:43:42 ผมเลือกนั่งเบาะเม็ดโฟมนะ
00:43:42 → 00:43:43 อือ
00:43:43 → 00:43:45 เพราะเม็ดโฟมอ่ะเม็ดเล็กๆนั้นน่ะเปรียบ
00:43:45 → 00:43:47 เสมือนไฟเบอร์แล้วมันแตกกระจายเข้าไปใน
00:43:47 → 00:43:48 เบาะพี่
00:43:48 → 00:43:48 อือ
00:43:48 → 00:43:51 พี่เป็นอุจาระลงไปนั่ง
00:43:51 → 00:43:51 อือ
00:43:51 → 00:43:54 หรือลำไส้พี่ว่าอันไหนมันจะเข้าเข้ากับ
00:43:54 → 00:43:55 รูปร่าง
00:43:55 → 00:43:56 ป
00:43:56 → 00:43:58 มันก็จะต้องเป็นบ่อเม็ดโฟมเพราะฉะนั้น
00:43:58 → 00:44:00 อุจาระเราที่มันแน่นๆน่ะเรามีไอ้เม็ดพวก
00:44:00 → 00:44:01 เนี้ยกระจายเข้าไปอยู่
00:44:02 → 00:44:02 อ
00:44:02 → 00:44:03 แล้วก็เติมน้ำเข้าไป
00:44:03 → 00:44:06 แล้วนึกภาพว่าน้ำไส้มันบีบตัวอ้ามันก็จะ
00:44:06 → 00:44:09 เคลื่อนไหวได้ดีขับถ่ายได้ดีหมอเป้งกำลัง
00:44:09 → 00:44:13 อธิบายในเชิงศัลยกรรมนะเราจะเห็นภาพนะหมอ
00:44:13 → 00:44:15 เพยายามจะยกตัวอย่างให้เห็นนะมันจะไม่
00:44:15 → 00:44:17 เหมือนหมออยุรกรรมเวลาเขาอธิบายนะหมอ
00:44:17 → 00:44:19 ศัลยกรรมเวลาจะอธิบายเนี่ยเขาจะอธิบาย
00:44:19 → 00:44:22 เป็นภาพเป็นอะไรให้เราเห็นนะนี่คือ
00:44:22 → 00:44:25 typical สไตล์ของหมอศัลยกรรมเลยโอเค
00:44:25 → 00:44:28 ขอบคุณครับอันนี้คือใครก็ความเข้าใจผิด
00:44:28 → 00:44:31 เรื่องท้องผูกอ่าทีนี้เรื่องขอแทรกเรื่อง
00:44:31 → 00:44:33 ลมอ่า
00:44:33 → 00:44:34 ครับ
00:44:34 → 00:44:37 ไผลมแบบไหนที่บางคนบอกว่าไผลมลมกลิ่นฉุน
00:44:37 → 00:44:40 เนี่ยมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งคนก็เข้าใจ
00:44:40 → 00:44:42 ว่า
00:44:42 → 00:44:45 เใช้คำว่าไผลมมีกลิ่นฉุนนะอ่าคุณเฮ้ยเป็น
00:44:45 → 00:44:48 มะเร็งหรือเปล่าไปดูหน่อยซิเป็นมะเร็ง
00:44:48 → 00:44:50 หรือเปล่าทำไมพายลมเยอะ
00:44:50 → 00:44:52 พายล้มเยอะลมอิ่มฉุนแก๊สที่อยู่ในลำไส้
00:44:53 → 00:44:56 เนี่ยมันจะเกิดขึ้นได้จาก 1 ก็คือเรากลืน
00:44:57 → 00:44:59 เข้าไปกลืนเข้าไปติดจากอาหารที่เรากิน
00:44:59 → 00:45:02 เข้าไป 2 ก็คือแบคทีเรียมันสร้างขึ้นอ
00:45:02 → 00:45:05 ครับพี่กลิ่นที่เกิดขึ้นเนี่ยมันก็เกิด
00:45:05 → 00:45:08 จากต้นตอของมันแหละก็คืออาหารที่เรากิน
00:45:08 → 00:45:12 แล้วก็แบคทีเรียเนี่ยหมักกันผสมกันเสร็จ
00:45:12 → 00:45:15 แล้วก็เค้าเรียกว่าหมักเนี่ยเรียกใช้การ
00:45:15 → 00:45:17 หมักถูกต้องเป็นกระบวนการหมัก
00:45:17 → 00:45:20 เกิดแก๊สอะไรคุณจะได้กลิ่นตามนั้น
00:45:20 → 00:45:23 ถ้ากลิ่นที่มันมาจากอาหารเราแล้วมันไม่
00:45:23 → 00:45:26 ถูกหมักมันก็คือเป็นกลิ่นอาหารเราล้วนๆ
00:45:26 → 00:45:26 เลย
00:45:26 → 00:45:26 อื
00:45:26 → 00:45:29 เออเพราะฉะนั้นเรื่องของตดเนี่ยโดยปกติ
00:45:29 → 00:45:31 เนี่ยเราต้องตดอยู่แล้วนะ
00:45:31 → 00:45:34 เพราะว่า 1 แบคทีเรียมันสร้างอยู่แหละแต่
00:45:34 → 00:45:37 ถ้าเรากินอาหารที่มีส่วนประกอบเช่นยอดผัก
00:45:37 → 00:45:40 ไนโตรเจนเป็นพวกถั่วอะไรเงี้ยไนโตรเจนมัน
00:45:40 → 00:45:42 อยู่ในถั่วเยอะเพราะฉะนั้นเรากินพวกถั่ว
00:45:42 → 00:45:44 พวกเนี้ยเราก็จะมีลมอยู่ในท้องเนี่ยเยอะ
00:45:44 → 00:45:47 ขึ้นเพราะว่าเราไปให้สารตั้งต้นแบคทีเรีย
00:45:47 → 00:45:47 มันไง
00:45:47 → 00:45:50 เราให้พวกไนโตรเจนมันไปเพราะฉะนั้นมันก็
00:45:50 → 00:45:53 ไปหมักกันแล้วก็เกิดแก๊สขึ้นมาเพราะ
00:45:53 → 00:45:55 ฉะนั้นแก๊สไอ้พวกเนี้ยไนโตรเจนเนี่ยมันก็
00:45:55 → 00:45:56 จะมีกลิ่นเหม็น
00:45:56 → 00:45:56 อื
00:45:56 → 00:45:58 เพราะฉะนั้นกลิ่นเหม็นไม่เหม็นเนี่ยมัน
00:45:58 → 00:45:58 ไม่เกี่ยว
00:45:59 → 00:45:59 อื
00:45:59 → 00:46:01 เกี่ยวกับมะเร็งเลยมันขึ้นอยู่กับเรากิน
00:46:01 → 00:46:04 อาหารอะไรเข้าไปแล้วแบคทีเรียเราย่อยแล้ว
00:46:04 → 00:46:07 แล้วแก๊สอะไรเพราะฉะนั้นอันเนี้ยไม่
00:46:07 → 00:46:10 เกี่ยวกับมะเร็งมะเร็งเป็นก้อนนะที่
00:46:10 → 00:46:13 อธิบายมะเร็งเป็นก้อนเพราะฉะนั้นมันต้อง
00:46:13 → 00:46:14 ไม่ตดดิ
00:46:14 → 00:46:15 มันต้องไม่อึดิ
00:46:15 → 00:46:16 อื
00:46:16 → 00:46:19 มันถึงจะมีความเสี่ยงที่เฮ้ยเป็นมะเร็ง
00:46:19 → 00:46:20 หรือเปล่าแก๊สก็ผ่านไม่ได้
00:46:20 → 00:46:21 อือ
00:46:21 → 00:46:25 ลมก็ผ่านไม่ได้ต่อให้คุณตดได้เนี่ยหมอตัน
00:46:25 → 00:46:27 ยังสบายใจนะว่าลำไส้ไม่อุดตันอ
00:46:27 → 00:46:31 อืสุดยอดตอบได้ตรงมากถ้าเป็นมะเร็งมะเร็ง
00:46:31 → 00:46:35 มันจะตันมันจะไม่ไผายลมมันจะไม่ทายอุจาระ
00:46:35 → 00:46:35 ครับ
00:46:35 → 00:46:36 ใช่ครับ
00:46:36 → 00:46:40 อาหารที่เรากินเป็นตัวกำหนดกลิ่นของลมที่
00:46:40 → 00:46:44 เราขายออกมานะครับไม่ใช่แปลว่าเราผายลมมี
00:46:44 → 00:46:46 กลิ่นแสดงว่าเราเป็นมะเร็งครับขอบคุณครับ
00:46:46 → 00:46:49 อันนี้ก็เป็นอะไรที่เจอเยอะคือเลือดออก
00:46:49 → 00:46:55 ทางทวารไปขายยาซื้อยาฤิสีดวงพลาดมาหลาย
00:46:55 → 00:46:58 รายม้าตายมาหลายรายเชื่อว่าหมอเป้งเห็น
00:46:59 → 00:46:59 เจอเป็นประจำ
00:47:00 → 00:47:01 ถูกต้องถูกต้อง
00:47:01 → 00:47:03 สิ่งนี้แทบจะเป็นเา้าเรียกว่าอะไรอ่ะเป็น
00:47:03 → 00:47:07 ปัญหาของเป็นปัญหาแบบที่เจอเยอะมากเรื่อง
00:47:07 → 00:47:09 ของถ่ายที่มีเลือดปนเนี่ย
00:47:09 → 00:47:13 ซึ่งปัญหาหลักปัญหาหลักของคนทั่วไปที่
00:47:13 → 00:47:16 ถ่ายเป็นเลือดเนี่ยก็คืออะไรรู้มั้พี่ก็
00:47:16 → 00:47:19 คือเขาไม่มีข้อมูลโลกอื่นในหัวเขา
00:47:19 → 00:47:20 อืม
00:47:20 → 00:47:23 ทำไมทำไม
00:47:23 → 00:47:27 ทำไมเราถึงต้องใช้หมอที่มีความรู้ในการ
00:47:27 → 00:47:31 ตรวจในการอธิบายเรื่องพวกนี้เพราะว่าในใน
00:47:32 → 00:47:34 เค้าเรียกว่าในความรู้ของหมอเนี่ยมันมี
00:47:34 → 00:47:38 โรคอื่นไงโดยคนทั่วไปไม่ว่าจะเป็น 3 ล้อ
00:47:38 → 00:47:41 เป็นอย่างอื่นเป็นอาชีพอื่นทุกอย่างเลย
00:47:41 → 00:47:44 เวลาผมลองไปถามเขาอ่ะถ่ายเป็นเลือดเดี๋ยว
00:47:44 → 00:47:46 เป็นฤิดวงมั้งไปซื้อยาเป็นฤิดวงมั้งไป
00:47:46 → 00:47:51 ซื้อยาแต่ 80% น่ะเป็นฤิดวงได้นะครับถ่าย
00:47:51 → 00:47:54 เป็นเลือดเนี่ยแต่ถ่ายเป็นเลือดอาจจะเกิด
00:47:54 → 00:47:55 จากมะเร็งได้
00:47:55 → 00:47:55 อ
00:47:55 → 00:47:57 เพราะฉะนั้น
00:47:57 → 00:48:00 ผมจะแก้ปัญหาตรงนี้แล้วกันก็คือถ้าสมมุติ
00:48:00 → 00:48:03 ว่ามีถ่ายเป็นเลือดเนี่ยควรจะต้องไปตรวจ
00:48:03 → 00:48:05 เลยถ้าใครไม่เคยตรวจเนี่ยจะต้องไปตรวจสัก
00:48:05 → 00:48:10 ครั้งนึงเพราะว่ามันมีโอกาสที่เลือดมันจะ
00:48:10 → 00:48:11 ออกจากมะเร็งไง
00:48:11 → 00:48:11 อื
00:48:11 → 00:48:13 มะเร็งอ่ะเวลามันหลุดลอกมันก็ออกเป็น
00:48:13 → 00:48:16 เลือดนิสีดวงเวลามันแตกหรือว่าขู่ขูดมัน
00:48:16 → 00:48:17 ก็ออกเป็นเลือด
00:48:17 → 00:48:17 อื
00:48:17 → 00:48:21 เพราะฉะนั้นพวกเนี้ยมันไม่สามารถแยกได้
00:48:21 → 00:48:23 มันไม่สามารถแยกได้เพราะฉะนั้นเราต้องหา
00:48:23 → 00:48:28 คนที่ดูเป็นบางทีก้อนออกเนี่ยมีก้อนออกมา
00:48:28 → 00:48:32 แล้วนะในหัวของสารในคนทั่วไปก็จะบอกว่า
00:48:32 → 00:48:35 มันเป็นที่ 4 ดวงจริงๆก้อนเนี่ยผมมาหาหมอ
00:48:35 → 00:48:37 สันไม่ต้องทำอะไรแดู
00:48:37 → 00:48:37 มะเร็ง
00:48:38 → 00:48:40 อื
00:48:40 → 00:48:43 เพราะฉะนั้นปัญหาเนี่ยมันคือความรู้
00:48:43 → 00:48:44 อื
00:48:44 → 00:48:47 คือคนส่วนใหญ่เนี่ยความรู้เนี่ยก็จะในหัว
00:48:47 → 00:48:49 จะมีแค่สีดวงโรคเดียวไง
00:48:49 → 00:48:50 แต่จริงๆแล้วอ่ะ
00:48:50 → 00:48:52 ที่ถ่ายเป็นเลือดผมจะเล่าให้ฟังว่ามันมี
00:48:52 → 00:48:55 โรคอะไรบ้างที่เจอบ่อยๆก็มี 1 ลิถีดวง
00:48:55 → 00:48:58 อันดับ 2 ก็คือแผลฉีกที่ขอบทวาร
00:48:58 → 00:48:58 อื
00:48:58 → 00:49:01 เออที่ถ่ายเป็นเลือดได้อันดับ 3 ก็คือ
00:49:01 → 00:49:04 เป็นพวกอ่าอ่ารอยโลกที่อยู่ในลำไส้ลำไส้
00:49:04 → 00:49:07 มันเป็นกระเปาะแล้วก็มีจุดมีเลือดออกสีก็
00:49:07 → 00:49:10 เป็นพวกที่เลือดที่ออกจากกระเพาะอาหาร
00:49:10 → 00:49:12 แล้วก็ไหลลงมาจนถึงทวาย
00:49:12 → 00:49:13 อ่า
00:49:13 → 00:49:14 เนี่ย
00:49:14 → 00:49:16 มีหลายโรคติ่งเนื้อนี่ก็มีเลือดออกได้
00:49:16 → 00:49:19 เพราะฉะนั้นมันมีตั้ง 5-6 โรคแล้วเนี่ย
00:49:19 → 00:49:21 ที่เวลาเลือดออกอ่ะคุณต้องมาแยกโรคมา
00:49:21 → 00:49:21 รักษา
00:49:21 → 00:49:22 อื
00:49:22 → 00:49:26 แต่ที่คุณนึกได้เนี่ยมีโรคเย
00:49:26 → 00:49:26 อื
00:49:26 → 00:49:29 มันก็เลยทำให้โรคมะเร็งเป็นหนึใน 5-6 โรค
00:49:29 → 00:49:30 เนี้ย
00:49:30 → 00:49:30 อ
00:49:30 → 00:49:31 หลุดไป
00:49:31 → 00:49:35 อืเห็นภาพเห็นภาพถ่ายเป็นเลือดไม่ได้แปล
00:49:35 → 00:49:37 ว่าต้องเป็นฤทธิ์สีดวง 80%
00:49:37 → 00:49:41 ยังคิดว่าถ่ายเป็นเลือดคือโรคเดียวที่เขา
00:49:41 → 00:49:44 รู้วันนี้หมอเบ้งเพิ่มให้เราอีก 6 โรคไป
00:49:44 → 00:49:47 หาหมอให้เขาดูว่าเป็นโรคอะไรได้บ้างอย่า
00:49:47 → 00:49:50 เพิ่งรีบไปซื้อยาเพื่อรักษาิสีดวง
00:49:50 → 00:49:50 ใช่ครับ
00:49:50 → 00:49:51 ครับ
00:49:51 → 00:49:55 คำถามต่อไปฮะอันเนี้ยก็คือเข้าห้องน้ำที่
00:49:55 → 00:49:59 สาธารณะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหูด
00:49:59 → 00:50:02 ในทวารนะบริเวณปากทวารอ่าอ่าแล้วก็ใน
00:50:02 → 00:50:03 อวัยวเเพศด้วย
00:50:03 → 00:50:08 ปกติเนี่ยเวลาหูดที่ขึ้นตามผิวหนังกับหูด
00:50:08 → 00:50:11 ที่ขึ้นจากตรงทวารหนักตรงปากตรงอะไรเงี้ย
00:50:11 → 00:50:13 นะมันอาจจะเป็นคนละ
00:50:13 → 00:50:13 คนละโรค
00:50:13 → 00:50:14 อื
00:50:14 → 00:50:16 คนละคนละตัวกันซึ่งหูดเนี่ยมันมีเยอะมาก
00:50:16 → 00:50:16 นะ
00:50:16 → 00:50:17 อื
00:50:17 → 00:50:19 ไวรัสหูดเนี่ยมันแบ่งเป็นหลายสายพันธุ์
00:50:19 → 00:50:22 มากไอ้หูดที่เรียกหลอนไก่เนี่ยโดยส่วน
00:50:22 → 00:50:24 ใหญ่เนี่ยมัน
00:50:24 → 00:50:26 มักจะเกิดจากเพศสัมพันธ์
00:50:26 → 00:50:28 เวลาเราไปเข้าห้องน้ำอะไรเงี้ยถ้ามันจะ
00:50:28 → 00:50:29 ติดอ่ะ
00:50:29 → 00:50:31 มันอาจจะเป็นหูดชนิด
00:50:31 → 00:50:34 ที่ที่สัมผัสได้ทางผิวหนังอะไรเงี้ยแต่ใน
00:50:34 → 00:50:37 เยื่อเมือกในก้นในปากอะไรเงี้ยส่วนใหญ่
00:50:37 → 00:50:39 มักจะเป็นอุดที่ติดต่อนะเพศสัมพันธ์จะ
00:50:39 → 00:50:42 ต้องมีการอาจจะมีการเข็ดสีมีแผลมีอะไร
00:50:42 → 00:50:45 อย่างเงี้ยที่เราสัมผัสบางทีที่ผมเจอนะ
00:50:45 → 00:50:47 ถ้าเราไปเข้าห้องน้ำแล้วมันติดจริงเนี่ย
00:50:47 → 00:50:49 ส่วนใหญ่อ่ะมันน่าจะติดจากข้างนอกนะแต่
00:50:49 → 00:50:51 เท่าที่ผมดูนี่ก็คือ
00:50:51 → 00:50:53 ส่องเข้าไปดูคือมันมีข้างในด้วยอ่ะ
00:50:53 → 00:50:53 อือ
00:50:53 → 00:50:55 คือหมายถึงว่ามันจะต้องมีการมันขึ้นไป
00:50:55 → 00:50:56 ข้างในได้ยังไงอ
00:50:56 → 00:50:57 อือ
00:50:57 → 00:51:00 อ่าบางทีมันขึ้นในปากบางทีขึ้นอะไรเงี้ย
00:51:00 → 00:51:02 ซึ่งพวกเนี้ยส่วนใหญ่มักมันจะไม่ติดจาก
00:51:03 → 00:51:05 จากมือจากอย่างอื่นเลยนะ
00:51:05 → 00:51:08 พวกพวกติดจากมืออ่ะที่ไปเกาอะไรเงี้ยนะ
00:51:08 → 00:51:11 มันก็หน้าตามันจะไม่เหมือน
00:51:11 → 00:51:13 หน้าตามันจะไม่เหมือนกับโรคที่ติดยังไม่
00:51:13 → 00:51:14 สัมผัส
00:51:14 → 00:51:15 ติดสัมผัสโอเคครับเห็น
00:51:15 → 00:51:20 เพราะฉะนั้นมันไม่ติดคือผมอยากจะย้ำว่า
00:51:20 → 00:51:22 เวลาเราไปใช้ห้องน้ำสาธารณะอะไรเงี้ยเรา
00:51:22 → 00:51:23 ก็ทำความสะอาด
00:51:23 → 00:51:23 อือ
00:51:23 → 00:51:25 เท่าที่เราทำได้แต่ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น
00:51:25 → 00:51:26 ที่มันจะติด
00:51:26 → 00:51:26 อือ
00:51:26 → 00:51:28 เออไม่ใช่เราไปสัมผัสปุ๊บมันจะติดไม่พวก
00:51:29 → 00:51:31 นี้เนี่ยมันมีโอกาสอยู่เช่นผิวหนังคุณจะ
00:51:31 → 00:51:33 ต้องมีแผลอย่างเช่นสัมพันธ์มันมีการเสียด
00:51:33 → 00:51:36 สีเกิดแผลเกิดอะไรเงี้ยมันก็มีการฝังตัว
00:51:37 → 00:51:40 เข้าไปได้เกิดอ่าโรคเกิดติกันได้อะไร
00:51:40 → 00:51:43 เงี้ยแต่ถ้าเราไปจับสัมผัสครั้งเดียวอะไร
00:51:43 → 00:51:45 เงี้ยด้วยมือของเรามันมีกลไกของร่างกาย
00:51:45 → 00:51:48 ที่ช่วยในการป้องกันโรคอยู่แล้วถ้าเราไม่
00:51:48 → 00:51:50 ไป
00:51:50 → 00:51:54 เหมือนอ่าอธิบายเช่นตาปาแล้วกันตาปานี่ก็
00:51:54 → 00:51:56 เป็นไวรัสชนิดนึงเหมือนกัน
00:51:56 → 00:51:56 อื
00:51:56 → 00:52:00 มันมักจะเกิดตรงเท้าเพราะว่าเวลาที่เท้า
00:52:00 → 00:52:02 เนี่ยใส่รองเท้ามันจะเสียดสี
00:52:02 → 00:52:02 อือ
00:52:02 → 00:52:04 มันก็ูateเข้าไปติดเข้าไปในบริเวณที่มัน
00:52:04 → 00:52:06 โดนเสียดสีนั่นแหละมันก็เลย
00:52:06 → 00:52:09 เป็นตาปลาขึ้นมามันไม่ใช่แค่แบบเราไปจับ
00:52:09 → 00:52:10 ตาปลาครั้งนึงแล้วมันจะเป็น
00:52:10 → 00:52:12 หรือเราไปหรือเราไปใส่รองเท้าแตะคนที่
00:52:12 → 00:52:15 คนที่เป็นตาปลาแล้วมันจะเป็นใช่ครับเพราะ
00:52:15 → 00:52:18 ฉะนั้นพวกนี้เนี่ยมันมันมีกลไกของมันอยู่
00:52:18 → 00:52:19 มันไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้น
00:52:19 → 00:52:22 อดภาพนั้นห้องน้ำสาธารณะ
00:52:22 → 00:52:25 ไม่ต้องระแวงไม่ต้องกลัวว่าทำให้เราเกิด
00:52:25 → 00:52:27 หูดมันติดต่อกันไม่ได้่
00:52:27 → 00:52:30 นะครับมันส่วนใหญ่จะติดต่อทางเพศสัมพันธ์
00:52:30 → 00:52:34 นะต้องเกิดการรับเชื้อโดยตรงผ่านการเสียด
00:52:34 → 00:52:35 สี
00:52:35 → 00:52:35 สัมผัส
00:52:35 → 00:52:39 สัมผัสโอเคครับมันจะเจอเยอะแล้วเข้าใจผิด
00:52:39 → 00:52:44 ก็คือพวกปวดท้องทั้งหลายอ่าปวดท้องแบบไหน
00:52:44 → 00:52:47 ที่คุณหมออยากจะแนะนำว่าอันเนี้ยเป็นปวด
00:52:47 → 00:52:49 ท้องที่ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะ
00:52:49 → 00:52:51 เวลาผมตรวจแพ้คนนึงเวลามาด้วยปวดท้อง
00:52:51 → 00:52:54 เนี่ยตั้งแต่เดินเลยผมจะดูท่าดงท่าเดิน
00:52:55 → 00:52:56 เขาก่อนเลยเพราะบางคนเนี่ยถ้าปวดท้อง
00:52:57 → 00:53:00 เนี่ยถ้ามันเดินผิดปกติอะไรเงี้ยแสดงว่า
00:53:00 → 00:53:02 ในช่องท้องมันมีการอักเสบแล้วอันนี้คือ
00:53:02 → 00:53:04 เรื่องปวดท้องนะแต่ถ้าเกิด
00:53:04 → 00:53:08 สงสัยว่าตรวจจากโรคกระเพาะเนาะว่าไม่ใช่
00:53:08 → 00:53:10 ส่วนใหญ่พวกนี้ก็ต้องมีการรักษาด้วยยา
00:53:10 → 00:53:11 ก่อนอ
00:53:11 → 00:53:15 ผมจะดูอายุดูท่าทางการตรวจดูเรื่องของสอบ
00:53:15 → 00:53:19 ถามเรื่องพฤติกรรมการกินก่อนว่าว่าเค้ามี
00:53:19 → 00:53:22 ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะมวก
00:53:23 → 00:53:26 ยาแก้ปวดต่างๆมีโรคเข่ามั้ยที่คุณปวด
00:53:26 → 00:53:27 เรื้อรังแล้วคุณกินยาแก้ปวดอะไรเงี้ยที่
00:53:27 → 00:53:30 มันจะส่งเสริมไปในทางที่มันจะกัดกระเพาะ
00:53:30 → 00:53:31 อ่ะเป็นโรคกระเพาะ
00:53:31 → 00:53:31 อือ
00:53:31 → 00:53:35 แต่ถ้าสมมุติว่าเราทำการรักษาแล้วให้ยาไป
00:53:35 → 00:53:41 แล้ว 3 อาทิตย์ไม่ดีขึ้นก็เท่ากับ
00:53:41 → 00:53:43 มันก็มีข้อผงชี้แล้วว่าอาจจะจำเป็นต้อง 2
00:53:43 → 00:53:45 กล้องถ้าสมมุติว่ารักษาไป 3 อาทิตย์ 4
00:53:45 → 00:53:48 อาทิตย์แล้วมันไม่ดีขึ้นทั้งๆที่เราหยุด
00:53:48 → 00:53:49 แล้วน่ะ
00:53:49 → 00:53:49 อือ
00:53:49 → 00:53:52 หยุดพวกความเสี่ยงต่างๆแล้วไม่กินเอเฟส
00:53:52 → 00:53:55 กินข้าวตรงเวลาอะไรเงี้ยสาเหตุไม่ได้ถูก
00:53:55 → 00:53:58 ต้องถูกต้องก็อาจจำเป็นต้องสอบหรือร่วม
00:53:58 → 00:54:03 กับอาการที่เขาเรียกอarm sympom ก็คือ
00:54:03 → 00:54:03 ทองแดง
00:54:03 → 00:54:07 ทองแดงใช่แดงก็มีพวกอาเจียนเป็นเลือด
00:54:07 → 00:54:08 อื
00:54:08 → 00:54:11 ถ่ายเป็นเลือดอย่างเงี้ยครับแล้วก็อาจจะ
00:54:11 → 00:54:13 มีเบื่ออาหารน้ำหนักลดโดยไม่ได้ลดน้ำหนัก
00:54:13 → 00:54:17 อืดแต่ว่าน้ำหนักลดเนี่ยมันไม่ใช่ทุกราย
00:54:17 → 00:54:19 นะอย่างที่บอกน้ำหนักลดไม่ใช่ทุกรายว่าคน
00:54:19 → 00:54:20 นั้นจะเป็นมะเร็ง
00:54:20 → 00:54:20 อ
00:54:20 → 00:54:21 เราต้องมี
00:54:21 → 00:54:25 เช่นอาจจะน้ำหนักลด 5 กก.ใน 1 เดือนทั้งๆ
00:54:25 → 00:54:27 ที่เราไม่ได้ลดน้ำหนักอ่าอย่างเงี้ยเรียก
00:54:27 → 00:54:29 คืออ่าให้น้ำหนักลดแบบนี้ในระยะสำคัญ
00:54:29 → 00:54:30 อือ
00:54:30 → 00:54:32 ที่เฮ้ยเราต้องหาสาเหตุว่าเฮ้ยอยู่ริมลด
00:54:32 → 00:54:34 ได้ไงเราเป็นไทรรอยด์หรือเปล่า
00:54:34 → 00:54:38 ต้องมาตรวจต้องมาคำทิปจรดูว่ามันเต้นเร็ว
00:54:38 → 00:54:39 มั้นั่นนู่นนี่ถ้าเราไม่ได้ลดน้ำหนักนะ
00:54:39 → 00:54:40 หรือ
00:54:40 → 00:54:42 เราไม่มีตังค์กินข้าว
00:54:42 → 00:54:42 อื
00:54:42 → 00:54:44 เอออย่างเงี้ยน้ำหนักลดได้แต่ถ้าเกิดเรา
00:54:44 → 00:54:45 กินปกติแต่อยู่ดีๆ
00:54:46 → 00:54:48 น้ำหนักลดไปเฉยอย่างเงี้ยอันนี้ต้องหาถูก
00:54:48 → 00:54:48 ต้อง
00:54:48 → 00:54:51 อันนี้ต้องต้องส่องต้องต้องดูเรื่อง
00:54:51 → 00:54:53 เรื่องโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคกระเพาะโรค
00:54:53 → 00:54:56 กระเพาะเพราะเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเรา
00:54:56 → 00:54:59 รักษาแล้วมันดีขึ้นปกติผมจะไม่ได้ 2
00:54:59 → 00:55:01 กล้องทุกร้านนะพี่อยู่ดีๆคนไข้เดินมาเอ้อ
00:55:01 → 00:55:04 เอาไปส่องเอาไปส่องเอาไปส่อง 1 งานเยอะ 2
00:55:04 → 00:55:06 คือการส่องกล้องเนี่ย
00:55:06 → 00:55:09 มันทำให้เกิดการสำลักได้นะพี่คือมันเจ็บ
00:55:09 → 00:55:11 ตัวกับคนไข้เพราะฉะนั้นถ้าอายุไม่เข้า
00:55:11 → 00:55:14 เกณฑ์อายุน้อยเจอมะเร็งโอกาสที่มันจะเจอ
00:55:14 → 00:55:17 น้อยหรือมีประวัติชัดเจนอะไรเงี้ยผมก็
00:55:17 → 00:55:18 รักษาเลยนะพี่
00:55:18 → 00:55:18 อือ
00:55:18 → 00:55:21 รักษาก่อนแล้วก็มาดูอาการทีหลังถ้าสมมุติ
00:55:21 → 00:55:24 ดูแล้ว 1 ปรับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วไม่
00:55:24 → 00:55:24 ดีขึ้น
00:55:24 → 00:55:25 อ
00:55:25 → 00:55:27 กินยารดกดแล้วไม่ดีขึ้นอ่าอย่างเงี้ยเรา
00:55:27 → 00:55:28 อาจจะต้องส่องดู
00:55:28 → 00:55:29 อือๆ
00:55:29 → 00:55:33 เพื่อคอนเฟิร์มว่าเฮ้ยเราเป็นเรารักษาโรค
00:55:33 → 00:55:35 เพาะจริงแล้วไม่มีมะเร็งซ่อนอยู่จริง
00:55:35 → 00:55:37 อือๆ
00:55:37 → 00:55:40 เห็นภาพดังนั้นการปวดท้องที่คุณหมอแนะนำ
00:55:40 → 00:55:43 มาที่เจอในคลินิกศัลยกรรมนะฮะปวดท้องแบบ
00:55:43 → 00:55:46 ไหนที่ไม่ใช่โรคกะเพราโอเคอันนี้ก็เป็น
00:55:46 → 00:55:49 อีกโจทย์นึงนะฮะอ่ะอันต่อไปฮะที่มักจะเจอ
00:55:49 → 00:55:54 ในคลินิกสัญลกรรมคือความเชื่อว่าลมล้ม
00:55:54 → 00:55:58 ล้มหัวฟากหมอไม่เห็น C สแกนสมองเลยอื
00:55:58 → 00:56:02 อ่าโอเคอันเนี้เนี่ยมันเป็นเค้าเรียกว่า
00:56:02 → 00:56:06 อะไรอ่ะเป็นปัญหาเหมือนกันเพราะว่าคน
00:56:06 → 00:56:08 เชื่อตอนเนี้ก็คือคนไข้เชื่อว่ามีการ Xray
00:56:08 → 00:56:11 คอมพิวเตอร์อ่ะแล้วมันจะวินิจฉัยได้ทุก
00:56:11 → 00:56:12 อย่างจริงๆแล้วเนี่ยอ
00:56:12 → 00:56:14 Xray คอมพิวเตอร์เนี่ยวินิจฉัยได้จริง
00:56:14 → 00:56:18 ครับแต่ว่า 1 ถ้าสมมุติว่าเรามีเค้าเรียก
00:56:18 → 00:56:22 ว่าอะไรมีทรัพยากรจำกัดนะพี่
00:56:22 → 00:56:25 อืพวกล้มมาเนี่ยส่วนใหญ่เราดูเป็นอาการ
00:56:25 → 00:56:29 เอาว่ามันมีข้อบ่งชี้ในการคอมพิวเตอร์
00:56:29 → 00:56:29 มั้ย
00:56:29 → 00:56:33 โดยปกติเนี่ยเลือดออกในสมองเนี่ยคนส่วน
00:56:33 → 00:56:35 ใหญ่จะคิดว่ามันรวดเร็วมาก
00:56:35 → 00:56:35 อื
00:56:35 → 00:56:38 แต่จริงๆแล้วเลือดออกในสมองเนี่ยมันมี
00:56:38 → 00:56:41 เวลาของมันอยู่นะครับมีเวลาของมันอยู่ก็
00:56:41 → 00:56:45 คือเวลาเลือดออกสมองปั๊บคนไข้ก็จะมีอ่า
00:56:45 → 00:56:47 เค้าเรียกความดันสมองเพิ่มก่อนก็เริ่มจะ
00:56:47 → 00:56:51 มีอ้วกๆๆม่านตาไม่เท่ากันแต่ไม่ใช่ว่าพอ
00:56:51 → 00:56:53 เริ่มมีอาการแล้วเราไปผ่าแล้วมันจะไม่รอด
00:56:53 → 00:56:57 นะก็คือพวกนี้เป็นอาการเตือนเช่นก็คือถ้า
00:56:57 → 00:57:00 มีอาการเตือนเนี่ยส่วนใหญ่อ่ะเราก็จะ
00:57:00 → 00:57:02 คอมพิวเตอร์หรือว่าคนไข้คนนั้นน่ะมีความ
00:57:02 → 00:57:05 เสี่ยงมีความเสี่ยงก็คือ
00:57:05 → 00:57:09 พออุปเหตุมาปุ๊บความรู้สึกตัวมันไม่เต็ม
00:57:09 → 00:57:12 ไม่เต็มอย่างเงี้ยไป 4 ทีหรือคนไข้ที่กิน
00:57:12 → 00:57:15 ยาลายลิ่มเลือดมาเ้ามีโอกาสที่หัวกระแทก
00:57:15 → 00:57:18 แล้วมันจะเลือดออกหรือคนอายุมากอีกอันนึง
00:57:18 → 00:57:21 ก็คือเด็ก
00:57:21 → 00:57:24 เนี่ยมันกับคนที่อายุมากเนี่ยดูจากคล้าย
00:57:24 → 00:57:27 กันเด็กเนี่ยสมองมันเค้าเรียกว่าอะไร
00:57:27 → 00:57:31 เนื้อสมองมันเต็มมากเนื้อสมองมันเต็มเ้า
00:57:31 → 00:57:34 เรียกว่ามันมันอัดแน่นน่ะเวลามีเลือดออก
00:57:34 → 00:57:38 อ่ะมันก็จะเต็มไวเพราะฉะนั้นเด็กเนี่ย
00:57:38 → 00:57:40 ส่วนใหญ่เราด้วยความกังวลด้วยเนาะเราจะ
00:57:40 → 00:57:45 ใช้ Xray คอมพิวเตอร์ช่วยด้วยในคนไข้ที่
00:57:45 → 00:57:46 เด็กที่ไม่สามารถตอบคำถามอะไรเราได้หรือ
00:57:46 → 00:57:48 มีประวัติเรื่องสลบอะไรเงี้ยเนาะแต่ถ้า
00:57:48 → 00:57:51 เป็นคนอายุมากที่กินยาละลายลิ่มเลือด
00:57:51 → 00:57:54 เดี๋ยวนี้ก็กินกันบ่อยก็คือโรคหัวใจโรค
00:57:54 → 00:57:55 หัวใจผิดจังหวะโรค
00:57:55 → 00:57:56 อ
00:57:56 → 00:57:58 โรคเค้าเรียกว่าโรคหลอดเลือดอ่ะ
00:57:58 → 00:57:58 อือ
00:57:58 → 00:58:02 พวกเนี้ยบางทีคนแก่เนี่ยเค้าเรียกว่าอะไร
00:58:02 → 00:58:05 อ่ะสมองมันเหี่ยวลงโดยตามอายุทำให้มีช่อง
00:58:05 → 00:58:08 ว่างเพราะฉะนั้นเลือดออกในตอนแรกอ่ะ
00:58:08 → 00:58:10 เจะไม่มีอาการเพราะว่าความดันในสมองมัน
00:58:10 → 00:58:11 ไม่เพิ่ม
00:58:11 → 00:58:11 อื
00:58:11 → 00:58:13 เพราะฉะนั้นในคนที่มีความเสี่ยงพวกเนี้ย
00:58:13 → 00:58:17 เราก็จะเกิดดูแล้วอุบัติเหตุไม่ได้รุนแรง
00:58:17 → 00:58:19 อะไรเงี้ยส่วนใหญ่เราจะไม่ได้ CT นะ
00:58:19 → 00:58:21 CT เนี่ยไม่ได้เป็นคำตอบ
00:58:21 → 00:58:26 แต่ว่ามันช่วยในรายที่เราไม่สามารถจะอ่า
00:58:26 → 00:58:30 สอบถามได้ไม่สามารถจะอ่าคุยรู้ตัวได้หรือ
00:58:30 → 00:58:32 offserve อ่าดูอาการไม่ได้อะไรเงี้ยส่วน
00:58:33 → 00:58:34 ใหญ่เราก็ตัดติดด้วยที
00:58:34 → 00:58:38 ครับดังนั้นล้มอุบัติเหตุกระแทกนะฮะศีรษะ
00:58:39 → 00:58:40 กระแทกเนี่ย
00:58:40 → 00:58:44 การที่หมอไม่ได้ CT ทุกรายก็มีข้อบงชี้
00:58:44 → 00:58:47 ตามที่หมอเป้งแนะนำดูเป็นดูบริบทด้วย
00:58:47 → 00:58:51 ทรัพยากรจำกัดแล้วก็ต้องช่างตั้งกับรังสี
00:58:51 → 00:58:52 ที่จะโดนได้รับ
00:58:52 → 00:58:54 ที่จะได้รับนะอันไหนคุ้มกว่ากันนะครับอัน
00:58:54 → 00:58:55 นี้
00:58:55 → 00:58:57 คงไม่มีหมอคนไหนไม่อยากตรวจให้เราเต็มที่
00:58:57 → 00:59:01 นะแต่ว่าก็ต้องดูตามหลักวิชาการครับอัน
00:59:01 → 00:59:04 นี้ที่ผมเห็นนะในชีวิตประจำวันหมอครับถาม
00:59:04 → 00:59:07 นอกรอบปัจจุบันยังมีไส้ติ่งแตกโบ๊ะพบมาก
00:59:07 → 00:59:09 อยู่มั้ยไส้ติ่งแตกยุคปัจจุบัน
00:59:09 → 00:59:13 คือไส้ติ่งแตกเนี่ยเราเจอกันบ่อยๆบ่อยเลย
00:59:13 → 00:59:13 ทุกวันนี้
00:59:13 → 00:59:17 ทุกวันนี้เพราะว่าเพราะว่าเรามี
00:59:18 → 00:59:21 เรามีเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะเรามีชาวต่าง
00:59:21 → 00:59:24 ชาติเยอะส่วนใหญ่พวกเนี้ยผมจะบอกว่าเรา
00:59:24 → 00:59:27 เจอได้ในคนไข้ที่เค้าอดทนมากๆพี่
00:59:27 → 00:59:27 อ
00:59:27 → 00:59:29 เช่นเค้าอวดท้องแล้วเค้าไม่มีสิทธิ์การ
00:59:29 → 00:59:31 รักษาหรือเค้าเดินทางมาไม่ถึงหรือว่าอะไร
00:59:31 → 00:59:36 เงี้ยมันก็จะเจอได้แล้วอีกอย่างนึงคือบาง
00:59:36 → 00:59:41 ทีพวกอ่าไปกระท่อมพวกกัญชาพวกอะไรเงี้ย
00:59:41 → 00:59:43 มันมีฤทธิ์ช่วยทำให้รสปวดตรงนี้นะครับ
00:59:43 → 00:59:44 อื
00:59:44 → 00:59:46 ถ้าเกิดคนไหนที่เขาใช้อยู่อาการปวดท้อง
00:59:46 → 00:59:48 แบบแปลกๆอาการปวดท้องที่เป็นเหมือนไเสก
00:59:48 → 00:59:49 ติ่งมันจะแปลกไป
00:59:49 → 00:59:50 อื
00:59:50 → 00:59:52 ทำให้เกิดการวินิจฉัยไม่ได้ก็มี
00:59:52 → 00:59:52 อือ
00:59:52 → 00:59:55 แต่ว่าถามว่าไส้ติ่งแตกเนี่ยมันจะแตกโพะ
00:59:55 → 00:59:57 แล้วตายมั้ยไม่
00:59:57 → 00:59:59 ไส้ติ่งแตกโพะมันยังมีเวลาให้เรา
00:59:59 → 01:00:00 อือ
01:00:00 → 01:00:02 ให้ผ่าตัดได้เพราะฉะนั้นมันไม่แตกไม่ใช่
01:00:02 → 01:00:04 แตกแล้วตายทุกรายเพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว
01:00:04 → 01:00:07 ไส้ติ่งแตกมากแต่คือเวลาไส้ติ่งแตกเนี่ย
01:00:07 → 01:00:10 มันจะทำให้อัตราการนอนโรงพยาบาลกับแผลติด
01:00:10 → 01:00:11 เชื้อมันเพิ่มแค่นั้นเอง
01:00:11 → 01:00:12 อือ
01:00:12 → 01:00:14 แต่ว่าอัตราการตายเนี่ยก็เพิ่มแต่ว่าไม่
01:00:14 → 01:00:16 ได้เยอะมากเพราะว่าเดี๋ยวนี้เนี่ยเราแทบ
01:00:16 → 01:00:19 จะผ่าตัดได้ทุกที่แล้วได้อื
01:00:19 → 01:00:21 เพราะฉะนั้น
01:00:21 → 01:00:24 ในปัจจุบันผมยังเจออยู่นะครับไส้ติ่งแตก
01:00:24 → 01:00:28 แต่ไม่ได้ทำให้คนไข้ผมไม่ได้คนไข้จากเสีย
01:00:28 → 01:00:30 ไส้ติงอ่าไส้ติงแตกไปมาก
01:00:30 → 01:00:32 ครับครับ
01:00:32 → 01:00:35 โรงพยาบาลบางโรงพยาบาลปวดท้องมาไป CT
01:00:35 → 01:00:39 ช่องท้องอันนี้ง่ายนะปวดท้องปุ๊บ
01:00:39 → 01:00:42 CT เลยแล้วก็อ่านว่าไส้ติ่งบวมอ้าวไปผ่า
01:00:42 → 01:00:45 ตัดไส้ติ่ง
01:00:45 → 01:00:48 มันอย่างงี้ครับคือเวลาอ่านมาไทติติ่งคือ
01:00:48 → 01:00:51 ไส้ติ่งเนี่ยมันอาจจะเป็นระยะแรกได้โดย
01:00:51 → 01:00:55 ข้อมูลล่าสุดเนี่ยจริงๆแล้วไส้ติ่งอ่ะมัน
01:00:55 → 01:00:58 สามารถให้ยาได้นะในระยะแรกเราให้ยาเลยเรา
01:00:58 → 01:01:00 งดน้ำอาหารเราให้ยาพวกนี้มันอาจจะดีขึ้น
01:01:00 → 01:01:05 ได้ก็มีแต่ในในทางปฏิบัติในปัจจุบันเนี่ย
01:01:05 → 01:01:08 เราพบว่าการ
01:01:08 → 01:01:11 เปลี่ยนตรงเนี้ยมันก็ยังเปลี่ยนได้ไม่หมด
01:01:11 → 01:01:12 อื
01:01:12 → 01:01:15 ก็คือในไต้ติ่งระยะแรกเนี่ยจริงๆคือมัน
01:01:15 → 01:01:17 สามารถให้ยาได้ให้ยาฆ่าเชื้อได้มันก็จะ
01:01:17 → 01:01:19 หายได้โดยที่เราไม่ต้องผ่าตัดแหละแต่คน
01:01:19 → 01:01:21 ส่วนใหญ่อ่ะยังคิดว่า
01:01:21 → 01:01:21 ออ
01:01:21 → 01:01:24 มันจะยังต้องผ่าตัดไส้ติ่งอือ
01:01:24 → 01:01:26 มีไส้ติ่งบางรายเนี่ย
01:01:26 → 01:01:30 ยังไม่ต้องผ่าตัดก็มีอ่ะเช่น
01:01:30 → 01:01:32 อ่าไส้ติ่งที่มันแตกแล้วมันเป็นฝีอยู่ใน
01:01:32 → 01:01:35 ช่องท้องอันเนี้ยไม่ต้องผ่าแต่คนทั่วไป
01:01:35 → 01:01:38 ยังเข้าใจว่าเฮ้ยเป็นไส้ติ่งทำไมหมอไม่
01:01:38 → 01:01:39 ผ่าทำไมหมอไม่ผ่าอะไรเงี้ยครับ
01:01:39 → 01:01:41 อ
01:01:41 → 01:01:43 จริงๆแล้วมันสามารถให้ยาฆ่าเชื้อได้ในบาง
01:01:43 → 01:01:45 กรณีนะในบางกรณีเพราะฉะนั้น
01:01:46 → 01:01:48 ผมยังคอนเฟิร์มอยู่ว่าการวินิจฉัยไส้ติ่ง
01:01:48 → 01:01:52 เนี่ยยังอาศัยอาการแล้วก็ยังอาศัยอาการ
01:01:52 → 01:01:54 แล้วก็การกดทางหน้าท้อง
01:01:54 → 01:01:55 อื
01:01:55 → 01:01:59 ในปัจจุบันอ่าคนที่กดบ่อยๆถึงจะรู้ว่ากด
01:01:59 → 01:02:01 อาการไทติ่งมันเป็นยังไงเพราะฉะนั้น
01:02:01 → 01:02:05 อันนี้แหละคือเค้าเรียกว่าอาการของคนไข้
01:02:05 → 01:02:10 เวลากดบางทีแน่นอนกว่าที่เราจะดูภาพบางที
01:02:10 → 01:02:13 มันเป็นภาพเนาะถ้าเห็นชัดมันโอเคถ้าคน
01:02:13 → 01:02:15 อ่านอ่านไม่ผิดมันก็โอเคถ้าสมมุติว่าเห็น
01:02:16 → 01:02:18 ไม่ชัดเงี้ยเราอาจจะตัดได้ติ่งฟรีก็ได้มี
01:02:18 → 01:02:21 แผลเพราะฉะนั้นพวกนี้เนี่ยบางทีถ้าไม่แน่
01:02:21 → 01:02:24 ใจนะการไม่เคอมพิวเตอร์แต่แmิดูอาการทาง
01:02:24 → 01:02:27 หน้าท้องเนี่ยก็ค่อนข้างชวนะเพราะว่า Xray
01:02:27 → 01:02:31 ไปตอนแรกมันอวมนิดเดียวอ่ะไม่เห็นไม่เห็น
01:02:31 → 01:02:33 แต่การ offsve เนี่ยไส้ติ่งเนี่ยถ้ามัน
01:02:33 → 01:02:35 เป็นมากขึ้นนะมันจะปวดเยอะขึ้นแล้วมันจะ
01:02:35 → 01:02:40 ชัดขึ้นเช่นปวดมากดไม่เหมือนพอกดผ่านไป
01:02:40 → 01:02:43 จะย้ายไติงจะย้ายตำแหน่งปวดกดแล้วมี
01:02:43 → 01:02:46 หน้าท้องชัดเจนอย่างเงี้ยก็ยังผ่าทันนะ
01:02:46 → 01:02:50 ไม่ติดกับแตกส่วนใหญ่เท่าที่ผมเจอมานะถ้า
01:02:50 → 01:02:54 สมมุติว่าเค้าปวดท้องแล้วเกิด
01:02:54 → 01:02:57 ส่วนอ่าปวดท้องแล้วรักษาเบื้องต้นแล้วไม่
01:02:57 → 01:03:00 ดีขึ้นส่วนใหญ่เราจะให้นอนโรงพยาบาลก็ดู
01:03:00 → 01:03:03 อาการน่ะบางทีอาจจะไม่ CT แต่ถ้าสมมุติ
01:03:03 → 01:03:06 ว่าเรามีบัจพอแล้วก็ไม่กลัวเรื่องรังสีนะ
01:03:06 → 01:03:08 ไม่กลัวเรื่องสารทึบแสงที่ฉีดเข้าไปเพราะ
01:03:08 → 01:03:11 ว่าโดยปกติอ่ะถ้าเราสุขภาพแข็งแรงดีใครจะ
01:03:11 → 01:03:13 ไปเrayคอมพิวเตอร์ถูกมั้ย
01:03:13 → 01:03:13 อือ
01:03:13 → 01:03:16 ใครจะได้รับสารชีรังสีเพราะฉะนั้นอยู่ดีๆ
01:03:16 → 01:03:18 เราเอาคนไข้มาคนนึงที่ปวดท้องอ่ะแล้วเกิด
01:03:18 → 01:03:21 คนไข้คนนั้นน่ะแพ้สารทึบรังสีขึ้นมา
01:03:21 → 01:03:22 อ
01:03:22 → 01:03:24 โดยที่ไส้ติ่งเค้าอาจจะปกติก็ได้ปวดท้อง
01:03:24 → 01:03:26 อย่างอื่นน่ะแต่เราไป CT แพ้สารทิพรังสี
01:03:26 → 01:03:27 ก็ไม่คุ้มอยู่ดี
01:03:28 → 01:03:32 เพราะฉะนั้นการผมยังสนับสนุนเรื่องของการ
01:03:32 → 01:03:35 ใช้ Xray คอมพิวเตอร์แบบมีข้อบ่งชี้นะ
01:03:35 → 01:03:36 ครับอ
01:03:36 → 01:03:39 ก็คือมีข้อบ่งชี้อ่ะไม่แน่ใจหน้าท้องไม่
01:03:39 → 01:03:42 ชัดเจนคนไข้ที่มีหน้าท้องหนามากๆตัดสิน
01:03:42 → 01:03:45 ไม่ได้หรืออาจจะเป็นของอ่าโรคที่ไม่ต้อง
01:03:45 → 01:03:48 ผ่าตัดเช่นของสูติกรรม
01:03:48 → 01:03:51 อะไรอย่างเงี้ยครับซึ่งมันจะแบ่งแผนกกัน
01:03:51 → 01:03:53 นะครับไม่สามารถตัดสินได้อ่ะอย่างเงี้ยไป
01:03:53 → 01:03:54 4G ได้
01:03:54 → 01:03:56 แต่ต้องแจ้งคนไข้ว่าการเrayเนี่ย
01:03:56 → 01:04:00 คอมพิวเตอร์เนี่ยเราได้มาแต่มันไม่ใช่ว่า
01:04:00 → 01:04:01 เราไม่เสียอะไรนะครับ
01:04:01 → 01:04:01 อื
01:04:01 → 01:04:04 เราก็เสียเราก็มีโอกาสเสี่ยงเรื่องสารทึบ
01:04:04 → 01:04:07 แพ้สารทึบรังสีหรือรังสีที่เราจะสะสมใน
01:04:07 → 01:04:08 อนาคต
01:04:08 → 01:04:08 อื
01:04:08 → 01:04:12 เพราะฉะนั้นเrayเนี่ยผมยังเน้นอยู่เสมอ
01:04:12 → 01:04:16 ว่าตรวจร่างกายก่อนมีข้อบ่งชี้แล้วก็ค่อย
01:04:16 → 01:04:17 ไป
01:04:17 → 01:04:21 ครับไม่ขอบคุณมากคุณหมอขอบคุณมากหวังว่า
01:04:21 → 01:04:25 เราทุกคนคงจะได้ประโยชน์เห็นภาพหวังว่า
01:04:25 → 01:04:29 เราทุกคนคงจะเข้าใจในคำถามนะฮะเพราะว่า
01:04:29 → 01:04:31 นี่คือปัญหาที่ผมคิดว่าหมอศัลยกรรมหลายๆ
01:04:31 → 01:04:36 ท่านกำลังเผชิญก็คือความเชื่อผิดๆนะนำไป
01:04:36 → 01:04:39 สู่การตรวจการเจาะเลือดนะฮะการเข้าพบ
01:04:39 → 01:04:43 แพทย์แล้วก็การเปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆนะครับ
01:04:43 → 01:04:45 วันนี้ผมก็ได้เกียรติจากหมอเป้งที่สละ
01:04:45 → 01:04:50 เวลามานะช่วยไขข้อความเข้าใจผิดให้กับเรา
01:04:50 → 01:04:52 ทุกคนนะครับ
01:04:52 → 01:04:56 แขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใครรอติดตามนะ
01:04:56 → 01:05:00 ครับในเวทีหมอชวนคุยกับปัญหาสังคมในภาษา
01:05:00 → 01:05:04 บ้านกับแขกรับเชิญที่มีความรู้มีความ
01:05:04 → 01:05:07 สามารถมาแลกเปลี่ยนบนเวทีนี้นะครับเพื่อ
01:05:07 → 01:05:10 ผลักดันบ้านเมืองเพราะหน้าที่การพัฒนา
01:05:10 → 01:05:14 บ้านเมืองไม่ได้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใด
01:05:14 → 01:05:17 หน่วยงานนึงแต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคนขอ
01:05:17 → 01:05:23 ให้โชคดีครับสวัสดีครับ
01:05:23 → 01:05:37 [เพลง]