00:00:23 → 00:00:24 สวัสดีค่ะ
00:00:24 → 00:00:27 ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยกับหมออัจจิมานะคะ
00:00:27 → 00:00:29 เราเจอกันเป็นประจำทุกสับดาห์
00:00:30 → 00:00:31 คุณหมอก็จะสรรหาเรื่องราว
00:00:31 → 00:00:33 มาคุย มาเล่า มาเม้าท์
00:00:33 → 00:00:35 มาแชร์ ให้กับพวกเราได้ติดตามกันตลอด
00:00:35 → 00:00:37 แล้วก็สนุกทุกครั้งเลยที่ฟังคุณหมอพูด
00:00:37 → 00:00:39 เพราะว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ
00:00:39 → 00:00:41 ใช่ถูก อันนี้ก็ใกล้ตัวเหมือนกันคุณแนน
00:00:41 → 00:00:42 ใกล้มากๆ
00:00:42 → 00:00:43 ใกล้มากเลย
00:00:43 → 00:00:44 วันนี้พูดเรื่อง
00:00:45 → 00:00:48 พิษร้ายชูรส
00:00:48 → 00:00:50 ชูรสที่ว่าก็คือผงชูรสนั้นหรอคะ
00:00:51 → 00:00:52 มันไม่ดีหรอคะคุณหมอ
00:00:53 → 00:00:55 ของมันก็ต้องมีดีและไม่ดีคุณแนน
00:00:55 → 00:00:57 เหรียญมีสองด้าน
00:00:57 → 00:00:58 ผงชูรสก็เหมือนกัน
00:00:58 → 00:01:01 ว่าแต่ว่าพิษร้ายที่ว่ามันคืออะไร
00:01:01 → 00:01:04 แล้วมันส่งผลอะไรกับร่างกายเราบ้าง
00:01:04 → 00:01:07 วันนี้ต้องดูเพราะว่าทุกคนต้องกินอาหารทุกวันอยู่แล้วนะคะ
00:01:07 → 00:01:09 วันนี้สนุกสนานและได้ประโยชน์แน่นอน
00:01:09 → 00:01:10 เพราะฉะนั้นห้ามหนีไปไหนค่ะ
00:01:21 → 00:01:23 คุณผู้ชมค่ะสัปดาห์นี้คุณหมออัจจิมา
00:01:23 → 00:01:27 จะชวนพวกเราคุยเกี่ยวกับเรื่องของพิษร้ายชูรส
00:01:28 → 00:01:32 แน่นอนว่าอาหารหรือขนมหรืออะไรก็แล้วแต่คุณหมอคะ
00:01:32 → 00:01:35 เวลาที่เราไปทานแล้วเรารู้สึกอร่อยอยากมากินอีก
00:01:35 → 00:01:37 บางร้านเนาะอร่อยจริงๆ
00:01:37 → 00:01:39 อร่อยแป๊บเดียวค่ะเริ่มหายใจไม่ออก
00:01:39 → 00:01:43 แต่หลายๆร้านเขาก็ยังใส่เพื่อให้อาหารเขามีรสชาติที่ดีนะคะ
00:01:43 → 00:01:45 วันนี้เราก็เลยต้องมาคุยกันเรื่องนี้กันก่อน
00:01:45 → 00:01:48 ซึ่งจริงๆเนี่ยเหรียญมันก็มี 2 ด้านใช่ไหมคะคุณหมอ
00:01:48 → 00:01:50 มันก็ต้องมีข้อดีไม่งั้นเขาจะมาใช้ทำไม
00:01:50 → 00:01:51 ใช่
00:01:51 → 00:01:52 งั้นถามก่อนเลยดีกว่าว่า
00:01:52 → 00:01:55 ประโยชน์ของผงชูรสนี้จริงๆแล้วมันมีไหมคะ
00:01:55 → 00:01:56 แล้วเขาเอาไว้ทำอะไร
00:01:56 → 00:01:59 ประโยชน์ของผงชูรสถ้าใส่น้อยๆ
00:01:59 → 00:02:00 มันก็ Not to bad นะคุณแนน
00:02:00 → 00:02:04 คือมันไม่ได้ถึงขนาดแบบว่าแย่ แย่แบบแย่มากๆ
00:02:04 → 00:02:05 แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
00:02:05 → 00:02:08 ถ้ามันมีการใช้ผิดประเภทหรือใช้แบบเยอะเกินไป
00:02:08 → 00:02:10 มันก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้
00:02:10 → 00:02:12 เพราะว่าจริงๆเนี่ยผงชูรสเองเนี่ย
00:02:12 → 00:02:15 มันมีรสที่คล้ายๆกับเนื้อสัตว์
00:02:15 → 00:02:18 แล้วเขามีรสครบเลยคุณแนนมีรสเปรี้ยวหวานมันเค็ม
00:02:19 → 00:02:20 มีขมด้วยนะคะ
00:02:21 → 00:02:23 ก็คือเวลาใส่เข้าไปในอาหารแล้วเนี่ย
00:02:23 → 00:02:26 มันจะมีการกระตุ้นระบบประสาทในปากและลำคอ
00:02:26 → 00:02:30 ทำให้แบบรู้สึกว่ามันอร่อยรู้สึกว่ามัน
00:02:30 → 00:02:34 ใช่รสอาหารในปากในคอเนี่ยก็จะอยู่นาน
00:02:34 → 00:02:37 แล้วก็จะรู้สึกแบบว่าทานแล้วมีอารมณ์สุนทรีย์
00:02:37 → 00:02:39 ในการรับประทานอาหารมากขึ้น
00:02:39 → 00:02:39 ค่ะ
00:02:39 → 00:02:41 ซึ่งเวลาที่เขาเอาไปใส่เนี่ย
00:02:41 → 00:02:44 มันจะเสริมรสในอาหารประเภทต่างๆ
00:02:44 → 00:02:47 ซึ่งเป็นประเภทที่มันมีกลิ่น
00:02:47 → 00:02:50 ที่ถ้าไม่มีผงชูรสเข้าไปช่วยเนี่ยอาจจะแบบทานลำบาก
00:02:50 → 00:02:50 ค่ะ
00:02:50 → 00:02:52 หลายๆอย่างเลยคุณแนน
00:02:52 → 00:02:58 กลุ่มที่มีกลิ่นแรงทั้งหลายคือเป็นกลุ่มของเนื้อ สัตว์ไก่นะคะ
00:02:58 → 00:03:02 หรือแม้กระทั่งกลิ่นคาวที่อยู่ในเนื้อดิบ
00:03:02 → 00:03:06 พวกนี้ก็สามารถที่จะช่วยทำให้ลบกลิ่นที่มันไม่ดีอ่ะได้
00:03:06 → 00:03:09 หรืออาจจะเป็นพวกกลิ่นของพวกผักบางอย่าง
00:03:09 → 00:03:10 ผัดฉุนๆ
00:03:10 → 00:03:12 ผักที่มีกลิ่นฉุนๆอย่างหัวหอม
00:03:12 → 00:03:16 หรือบางทีอาจจะเป็นพวกกลิ่นดินที่อยู่ในพวกผักต่างๆ
00:03:16 → 00:03:16 ค่ะ
00:03:16 → 00:03:18 ฟังดูมันก็ดูดีดูมีประโยชน์ดีนะคะคุณหมอ
00:03:19 → 00:03:22 แต่ทีนี้ทำไมคนถึงชอบออกมาเตือนว่าอาหารที่ใส่ผงชูรส
00:03:22 → 00:03:25 มันมีโทษ มันไม่ดี มันเป็นอันตรายนะ
00:03:25 → 00:03:27 คือนอกเหนือจากตัวปริมาณที่ใส่แล้ว
00:03:27 → 00:03:30 มันก็จะมีการผสมอีก
00:03:30 → 00:03:33 ผงชูรสแท้เนี่ยโมโนโซเดียมกลูตาเมตเองเนี่ย
00:03:33 → 00:03:36 มันมีการนิยมเอามาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร
00:03:37 → 00:03:39 มันก็จะกลายเป็นว่าเอาอย่างอื่นผสมเข้าไป
00:03:39 → 00:03:40 เพื่อจะทำให้มันถูกลง
00:03:40 → 00:03:42 ลดต้นทุนซะงั้น
00:03:42 → 00:03:43 ลดต้นทุน ใช่
00:03:43 → 00:03:45 ก็จะมีกลุ่มที่เป็นผงชูรสปลอมขึ้นมา
00:03:45 → 00:03:48 ซึ่งพวกนี้เนี่ยก็จะมีพวกสารเจือปนต่างๆ
00:03:48 → 00:03:52 ซึ่งมันมีผลต่อสุขภาพอย่างเช่นอาจจะเป็นสารบอแรกซ์
00:03:53 → 00:03:56 หรืออาจจะเป็นสารโซเดียมเมตาฟอสเฟต
00:03:56 → 00:04:01 ซึ่งพวกนี้จะเป็นตัวที่มีด่างสูงเขาเอาไว้ล้างพวกถังน้ำอะไรอย่างนี้
00:04:02 → 00:04:04 ซึ่งมันไม่ดีต่อสุขภาพเลย
00:04:04 → 00:04:07 ซึ่งบางทีตรวจดูง่ายๆจะดูว่ามันเป็นของแท้หรือไม่แท้
00:04:07 → 00:04:09 คุณแนนเอามาเผาไฟ
00:04:09 → 00:04:11 อาจจะใส่ช้อนแล้วเผาไฟ
00:04:11 → 00:04:14 ถ้าเกิดว่าเป็นแท้เนี่ยมันก็จะไหม้ไปจนหมดเป็นสีดำ
00:04:14 → 00:04:18 แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นผงชูรสที่มีส่วนเจือปน
00:04:18 → 00:04:20 เผาไหม้แล้วกลายมีสีขาวด้วยดำด้วย
00:04:21 → 00:04:23 หรือสีขาวเยอะอะไรอย่างเงี้ย
00:04:23 → 00:04:25 อันนี้เขาให้เราสงสัยว่าผงชูรสที่เราได้มา
00:04:25 → 00:04:28 อาจจะไม่ใช่ผงชูรสที่มีความบริสุทธิ์หรือว่าไม่แท้
00:04:28 → 00:04:29 ค่ะ
00:04:29 → 00:04:30 อาจจะมีแบบสารอื่นเจือปน
00:04:31 → 00:04:32 ซึ่งอันนี้จะอันตรายมาก
00:04:32 → 00:04:33 ใช่ๆ
00:04:33 → 00:04:35 แล้วจริงๆแล้วตัวผงชูรสเองเนี่ยคุณแนน
00:04:35 → 00:04:37 มันก็จะมีกลุ่มคนที่แพ้ผงชูรส
00:04:37 → 00:04:38 ค่ะ
00:04:38 → 00:04:39 จริงๆมันเริ่มจากในต่างประเทศ
00:04:39 → 00:04:43 ซึ่งพบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เวลาไปทานอาหารจีน
00:04:43 → 00:04:46 ทำไมเราจะพบว่าเราทานมาแล้วเราไม่ปกติ
00:04:47 → 00:04:48 ทานมาแล้วหน้าแดง
00:04:49 → 00:04:51 ทานมาแล้วรู้สึกว่าร้อนวูบวาบ
00:04:52 → 00:04:55 หรือบางทีทานมาแล้วรู้สึกท้องอืดแน่นอึดอัด
00:04:55 → 00:04:57 หรืออาจจะมีชาบริเวณริมฝีปาก
00:04:57 → 00:05:00 แล้วก็เลยทำให้เขาตั้งเป็นโรคเลยคุณแนน
00:05:00 → 00:05:04 เขาตั้งเป็นโรคกลุ่มอาการที่พบหลังจาก
00:05:04 → 00:05:05 ที่รับประทานอาหารจีน
00:05:06 → 00:05:08 เขาเรียกว่า Chinese Restaurant Syndrome
00:05:08 → 00:05:09 หรือว่า CRS
00:05:10 → 00:05:12 แล้วก็เขาพบว่าผู้ชายเนี่ย
00:05:12 → 00:05:13 จะพบมากกว่าผู้หญิง
00:05:15 → 00:05:18 ยิ่งถ้าทานไปเยอะๆก็ยิ่งมีอาการเยอะ
00:05:19 → 00:05:20 ซึ่งอาการแพ้ผงชูรสเนี่ย
00:05:20 → 00:05:22 มันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนใช่ไหมคะคุณหมอ
00:05:22 → 00:05:24 ใช่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
00:05:24 → 00:05:29 แต่ถ้าเกิดว่าคนทั่วๆไปถ้าเรารับประทานอาหารที่มีผงชูรสอยู่ทุกวัน ทุกวัน
00:05:29 → 00:05:31 แต่อันนี้มันก็สะสมได้มันไม่ดี
00:05:31 → 00:05:32 ในการทดลองในสัตว์ทดลองเนี่ย
00:05:32 → 00:05:35 เขาพบว่ามันสามารถจะทำให้เกิดความผิดปกติ
00:05:35 → 00:05:38 ในโครโมโซมของเซลล์ที่อยู่ในโพรงกระดูกได้ทำในหนู
00:05:38 → 00:05:39 ค่ะ
00:05:39 → 00:05:40 มันก็เลยเป็นอะไรที่
00:05:40 → 00:05:42 มันจะเกิดในคนรึเปล่า
00:05:42 → 00:05:45 แล้วเขายังค้นพบอีกว่าในสัตว์ทดลองเนี่ย
00:05:45 → 00:05:47 มันมีผลต่อการเจริญของระบบสืบพันธุ์
00:05:48 → 00:05:49 มีผลต่ออัณฑะ
00:05:49 → 00:05:51 ทำให้อัณฑะเล็กลง
00:05:51 → 00:05:54 นั้นก็หมายถึงว่าโอกาสการสืบพันธุ์มันก็น้อยลง
00:05:54 → 00:05:57 หรือว่าในตัวเมียพบว่ามันทำให้ไม่มีการตกไข่
00:05:58 → 00:06:01 มันก็เป็นอะไรที่แบบแล้วมันจะเกิดในคนไหม
00:06:01 → 00:06:03 แล้วคนต้องขนาดไหนถึงจะเกิดในคน
00:06:04 → 00:06:06 แล้วก็พบว่าในลูกอ่อนในครรภ์เนี่ย
00:06:06 → 00:06:07 ก็มีปัญหาอีก
00:06:08 → 00:06:11 คือในสัตว์ทดลองเขาพบว่าถ้าเกิดว่าได้รับในปริมาณสูง
00:06:11 → 00:06:14 พวกนี้จะทำให้มีความพิการเกิดขึ้น
00:06:14 → 00:06:15 อย่างเช่นตาบอด
00:06:15 → 00:06:17 หรือไม่มีขากรรไกร
00:06:17 → 00:06:18 ค่ะ
00:06:18 → 00:06:21 หรือสมองอยู่นอกกะโหลกอะไรอย่างเงี้ยเป็นต้น
00:06:21 → 00:06:23 หรือมีความผิดปกติในหน้าตา
00:06:23 → 00:06:27 ซึ่งก็นับว่ามันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว
00:06:28 → 00:06:31 ถ้าเกิดว่ามันสามารถที่จะเกิดขึ้นในคน
00:06:32 → 00:06:35 มันก็มีการตื่นตัวกันในหลายๆประเทศ
00:06:35 → 00:06:37 หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเอง
00:06:37 → 00:06:40 ก็ร้านไหนที่ไม่ใส่ผงชูรสก็จะบอกเลยว่าไม่ใส่ผงชูรส
00:06:40 → 00:06:41 ค่ะ
00:06:41 → 00:06:42 No MSG
00:06:42 → 00:06:45 MSG มันเป็นตัวย่อของโมโนโซเดียมกลูตาเมต
00:06:45 → 00:06:47 ซึ่งก็เป็นเรื่องของผงชูรส
00:06:47 → 00:06:47 ค่ะ
00:06:47 → 00:06:48 คือเป็นตัวผงชูรส
00:06:48 → 00:06:49 เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:06:49 → 00:06:52 ถ้าร้านไหนที่เขาทำกับข้าวโดยที่ไม่ใส่ผงชูรส
00:06:52 → 00:06:55 เขาก็จะเขียนไว้ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ
00:06:56 → 00:06:57 ในอาหารที่รับประทาน
00:06:57 → 00:06:59 ก็สบายใจไปเปราะนึง
00:06:59 → 00:07:00 ใช่สบายใจไปเปราะนึง
00:07:00 → 00:07:03 จริงๆแล้วเราได้ติดตามแล้วก็ได้ฟังมาว่า
00:07:03 → 00:07:05 ผงชูรสจริงๆพิษร้ายมันก็เยอะเหมือนกัน
00:07:06 → 00:07:08 แต่แน่นอนค่ะว่าพอใส่ไปมันก็
00:07:09 → 00:07:09 มันก็อร่อย
00:07:09 → 00:07:10 อร่อย
00:07:10 → 00:07:11 กินก็ชอบก็ติดใจ
00:07:12 → 00:07:14 มันจะมีไหมนะว่าใส่แค่ไหน
00:07:14 → 00:07:15 ถึงจะทานได้
00:07:15 → 00:07:16 มีความปลอดภัย
00:07:16 → 00:07:16 ปลอดภัย
00:07:17 → 00:07:19 หรือถ้าอาหารที่ไม่ใส่ผงชูรสเลย
00:07:19 → 00:07:21 เราจะทำยังไงให้มันอร่อยได้เหมือนกัน
00:07:21 → 00:07:23 เดี๋ยวช่วงหน้าเราต้องมาคุยกันต่อนะคะ
00:07:23 → 00:07:25 เกี่ยวกับเรื่องของพิษร้ายชูรสนี้แหละค่ะ
00:07:25 → 00:07:27 ตอนนี้พักสักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันค่ะ
00:07:37 → 00:07:39 หมอชวนคุยช่วงที่ 2
00:07:39 → 00:07:43 สนับสนุนโดย Ginseng โลชั่นโสมครีมลดริ้วรอย
00:07:43 → 00:07:45 ปรับผิวขาวจากประเทศเกาหลี
00:07:47 → 00:07:49 หมอชวยคุยช่วงที่ 2 ค่ะ
00:07:49 → 00:07:52 วันนี้เราพูดเรื่องของพิษร้ายชูรสนั้นเองนะคะ
00:07:52 → 00:07:53 ทราบกันไปแล้วว่าใส่ผงชูรส
00:07:54 → 00:07:55 ถ้าเกิดเกินปริมาณ
00:07:55 → 00:07:57 หรือว่าถ้าเกิดบางคนแพ้มันจะเกิดอาการอะไรบ้าง
00:07:58 → 00:07:59 น่ากลัวมากๆเลย
00:07:59 → 00:08:03 แต่ว่าคนที่เป็นพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่เขาก็ใส่กันนะคะคุณหมอ
00:08:03 → 00:08:06 เพื่อให้เราเจริญอาหารแล้วก็ให้กลับไปทานร้านเขาอีกนั้นแหละ
00:08:07 → 00:08:08 คือหมอจะบอกว่าชูรสเนี่ย
00:08:09 → 00:08:12 เขาไม่ได้มีข้อห้ามล้านเปอร์เซ็นมันก็ไม่ใช่
00:08:12 → 00:08:15 อย่างอเมริกาเองซึ่งเขาค่อนข้างที่จะFixเรื่องของสุขภาพ
00:08:16 → 00:08:19 เขาก็อนุญาตให้มีการใช้ผงชูรสได้
00:08:19 → 00:08:22 แต่ว่ากรณีที่มันอยู่ในส่วนประกอบของอาหารต่างๆ
00:08:22 → 00:08:26 คือต้องให้มีบอกว่าคุณมีผงชูรสหรือไม่
00:08:26 → 00:08:27 ในส่วนประกอบเนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 จะต้องมีบอกว่าเป็นไขมันเท่านี้
00:08:30 → 00:08:31 เป็นน้ำตาลเท่านี้
00:08:31 → 00:08:33 เป็นโซเดียมเกลือเท่านี้
00:08:33 → 00:08:36 แล้วก็ต้องมีว่าของคุณเนี่ยใส่สีรึเปล่า
00:08:36 → 00:08:38 ใส่ผงชูรสรึเปล่า
00:08:38 → 00:08:40 หรือใส่สารกันบูดใส่อะไรต้องบอก
00:08:40 → 00:08:41 คือเป็นกฎหมายของเขา
00:08:41 → 00:08:42 ซึ่งเดี๋ยวนี้ประเทศไทยก็มี
00:08:42 → 00:08:43 ค่ะ
00:08:43 → 00:08:45 เพราะฉะนั้นหมายความว่าก่อนที่คุณจะรับประทานอาหาร
00:08:45 → 00:08:46 คุณจะต้องควรดูสักนิดนึง
00:08:47 → 00:08:49 ถ้าคุณแพ้ผงชูรสต้องดูว่าในส่วนประกอบของคุณ
00:08:49 → 00:08:50 ในน้ำปลา
00:08:50 → 00:08:52 ในซีอิ๊ว
00:08:52 → 00:08:53 ในเต้าเจี้ยว
00:08:53 → 00:08:56 ทั้งหลายแหล่เนี่ยคุณอ่านก่อนเลย
00:08:56 → 00:08:59 ว่ามีสารโมโนโซเดียมกลูตาเมต หรือ MSG
00:09:00 → 00:09:03 หรือบางคำที่ลงท้ายคล้ายๆกัน
00:09:03 → 00:09:05 กลูตาเมตคล้ายๆกัน
00:09:05 → 00:09:09 ก็เป็นกลุ่มเดียวกันคือเป็นสารอาหารที่ใช้ในการปรุงแต่ง
00:09:09 → 00:09:11 ลดพวกนี้เราก็ต้องระวัง
00:09:11 → 00:09:14 คือกฎหมายเขาก็มีบังคับให้ใช้ว่าคุณไม่ควรใส่ เท่าไหร่
00:09:14 → 00:09:14 เท่าไหร่
00:09:15 → 00:09:19 เด็กเนี่ยมันมีตั้งแต่น้อยกว่า 12 สัปดาห์น้อยกว่า 12 เดือน
00:09:20 → 00:09:22 ห้ามทานผงชูรสเป็นอันขาด
00:09:22 → 00:09:24 เพราะฉะนั้นในกลุ่มที่เป็นอาหารเด็ก
00:09:24 → 00:09:25 ห้ามใส่ผงชูรส
00:09:27 → 00:09:28 เพราะว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ย่อส่วน
00:09:28 → 00:09:31 เพราะฉะนั้นเด็กรับเข้าไปปริมาณที่เราคิดว่าไม่เยอะเนี่ย
00:09:31 → 00:09:35 แต่ว่ามันมีผลต่อการทำงานของอวัยวะของเด็กได้
00:09:35 → 00:09:35 ค่ะ
00:09:35 → 00:09:39 แล้วก็ถ้าเป็นผู้ใหญ่น้ำหนักตัวสักประมาณ 50 กิโลเนี่ย
00:09:39 → 00:09:42 ก็คือห้ามทานเกินวันนึงประมาณ 6 กรัม
00:09:42 → 00:09:45 6 กรัมก็ประมาณสักค่อนช้อนชา
00:09:45 → 00:09:45 ค่ะ
00:09:45 → 00:09:49 ซึ่งจริงๆแล้วหมอว่าการใส่ผงชูรสเนี่ย
00:09:50 → 00:09:53 บางคนใส่ผงชูรสน่ากลัวมากคุณแนน
00:09:54 → 00:09:56 เวลาไปร้านส้มตำข้างทางคุณหมอค่ะ
00:09:56 → 00:09:59 ตักซึ่งเรานึกว่าน้ำตาลมองดีๆผงชูรส
00:09:59 → 00:09:59 ถูก
00:09:59 → 00:10:01 เต็มทัพพีเลย
00:10:01 → 00:10:01 ใช่
00:10:01 → 00:10:02 เวลาอยู่ในส้มตำ
00:10:02 → 00:10:04 เต็มทัพพีเลย
00:10:05 → 00:10:07 ไม่ดีต่อสุขภาพมากๆเลย
00:10:07 → 00:10:09 ถ้าเกิดว่าต้องสะสมเป็นระยะเวลานานๆ
00:10:10 → 00:10:11 อย่างที่บอกว่าเขาก็มี
00:10:11 → 00:10:15 มีกฎหมายว่าวันนึงคุณควรรับประทานไม่เกิน 6 กรัม
00:10:15 → 00:10:17 ซึ่ง 6 กรัมเนี่ยมันแค่ไม่ถึง 1 ช้อนชา
00:10:17 → 00:10:18 ซึ่งมันน้อยมาก
00:10:18 → 00:10:20 นั่นหมายความว่าสมมุติถ้าคุณจะต้องทาน
00:10:20 → 00:10:21 เช้า กลางวัน เย็น ต่อมื้อเนี่ย
00:10:21 → 00:10:23 จริงๆแล้วเอาแค่ช้อนแตะ
00:10:24 → 00:10:26 ปลายช้อนแตะนิดเดียวแค่นั้นเอง
00:10:26 → 00:10:29 เพื่อที่จะไม่ให้ปริมาณผงชูรสเนี่ยมันเยอะเกินไป
00:10:29 → 00:10:29 ค่ะ
00:10:30 → 00:10:32 จริงๆแล้วหมอว่านะคุณแนนที่ดีกว่านั้นเนี่ย
00:10:32 → 00:10:33 ไม่ใช้เลยดีกว่า
00:10:33 → 00:10:34 นั่นสิคะ
00:10:34 → 00:10:38 เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยรสที่มาจากธรรมชาติเองเนี่ย
00:10:38 → 00:10:39 มันก็อร่อย
00:10:39 → 00:10:40 อยู่แล้ว
00:10:40 → 00:10:41 ค่ะ
00:10:41 → 00:10:43 อย่างคุณแนนปกติเวลาไปทานส้มตำ
00:10:44 → 00:10:46 แทนที่เราจะใส่ผงชูรสเนี่ย
00:10:47 → 00:10:50 เราอาจจะไปเลือกใส่ผลไม้อย่างอื่นแทน
00:10:50 → 00:10:51 แอปเปิ้ลก็หวานนะคะ
00:10:51 → 00:10:52 ใช่
00:10:52 → 00:10:54 มีตั้งหลายอย่างแอปเปิ้ล มะปราง
00:10:55 → 00:10:57 หรือว่าของเปรี้ยวก็เป็น
00:10:58 → 00:10:59 มะขาม
00:11:01 → 00:11:02 พูดแล้วน้ำลายไหล
00:11:03 → 00:11:05 ได้ทั้งแบบว่าเปรี้ยวอมหวานอะไรอย่างเงี่ย
00:11:06 → 00:11:07 ก็คือจะได้ทั้งหลายๆอย่าง
00:11:07 → 00:11:08 โดยที่ไม่ต้อง
00:11:08 → 00:11:13 ไม่ต้องไปใส่พวกปรุงแต่งรสพวกนั้นเลย
00:11:13 → 00:11:14 ใช่
00:11:14 → 00:11:16 จะแบบผสมของจากธรรมชาตินี่แหละ
00:11:16 → 00:11:19 เอาแบบรสอาหารธรรมชาติจากผักและผลไม้ทั้งหลาย
00:11:20 → 00:11:21 เข้ามาปนกัน
00:11:22 → 00:11:24 อาจจะเป็นมะขามป้อม
00:11:24 → 00:11:26 อะไรก็แบบคิดของเราว่าเราจะใส่อะไร
00:11:26 → 00:11:27 หรือมะม่วง
00:11:28 → 00:11:31 มะม่วงหวาน มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงสุก อะไรใส่ได้หมด
00:11:31 → 00:11:35 คือใส่แล้วให้มันมีรสที่มันเป็นรสที่มันมาจากธรรมชาติ
00:11:36 → 00:11:38 แล้วก็หลีกเลี่ยงอะไรที่มันเป็นการปรุงแต่ง
00:11:38 → 00:11:39 ค่ะ
00:11:39 → 00:11:43 หมอว่ามันก็ทำให้เราลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหา
00:11:43 → 00:11:46 หรือการเกิดพวกโรคเรื้อรังหรือการอักเสบในร่างกาย
00:11:46 → 00:11:47 โดยที่เราไม่รู้ตัว
00:11:48 → 00:11:50 หรือแม้กระทั่งบางทีน้ำซุป
00:11:50 → 00:11:52 แทนที่จะใส่ก้อนปรุงรส
00:11:53 → 00:11:56 เราก็เลือกใช้น้ำต้มกระดูกหมู
00:11:56 → 00:11:59 อาจจะใส่ผักลงไปนิดนึงมันก็จะมีความหวานของผัก
00:12:00 → 00:12:01 อย่างเช่นใส่หัวไชเท้าลงไป
00:12:01 → 00:12:03 ใส่มะเขือเทศ
00:12:03 → 00:12:05 ใส่แครอท
00:12:05 → 00:12:07 มันก็จะมีรสหวาน
00:12:08 → 00:12:09 ที่มันมาจากธรรมชาติ
00:12:10 → 00:12:12 แล้วก็อร่อยโดยที่ไม่ต้องเติมอะไรลงไป
00:12:12 → 00:12:16 หรือรสเค็มเราอาจจะใช้เกลือธรรมชาติ
00:12:16 → 00:12:17 เข้ามาช่วยก็ได้
00:12:18 → 00:12:20 รสชาติไม่ต้องให้มันแบบ
00:12:20 → 00:12:22 มันอะไรแบบถึงใจขนาดนั้น
00:12:22 → 00:12:26 บางทีเราอาจจะใช้กลุ่มของพวกไขมันดีเข้ามาช่วย
00:12:26 → 00:12:31 เอาน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันงา
00:12:31 → 00:12:35 มันก็ทำให้อาหารมีรสชาติมีกลิ่นหอม
00:12:35 → 00:12:38 หรือเราอาจจะเลือกพวกเครื่องเทศต่างๆ
00:12:38 → 00:12:40 มาใช้ให้มันมีกลิ่นหอม
00:12:40 → 00:12:44 ในการทำอาหารที่จะเป็นกลุ่มขมิ้นเครื่องเทศ
00:12:44 → 00:12:45 นู้นนี้นี้นั้นเยอะแยะ
00:12:45 → 00:12:50 ก็เป็นตัวที่ช่วยทำให้มันอร่อยได้โดยที่
00:12:50 → 00:12:53 ไม่ต้องไปพึ่งสารปรุงแต่งไม่ต้องไปพึ่งผงชูรส
00:12:53 → 00:12:55 คือฟังคุณหมอพูดไปก็คิดตาม
00:12:55 → 00:12:57 มันก็น่าสนุกดีนะที่เราจะท้าทายตัวเอง
00:12:57 → 00:13:01 ว่าเราจะไปหาอาหารทำตามธรรมชาติอะไร
00:13:01 → 00:13:04 มาปรุงให้ได้รสแบบนี้โดยที่ไม่ต้องใช้สารปรุงแต่งเลย
00:13:04 → 00:13:06 วันนี้เราได้ฟังทั้งสองด้านนะคะ
00:13:06 → 00:13:08 ของการใช้ผงชูรสนะคะ
00:13:08 → 00:13:12 ก็อย่าลืมถ้าเกิดเราเลือกที่จะทำอาหารทานเอง
00:13:12 → 00:13:14 เป็นคุณแม่บ้านทำกับข้าวให้คนทางบ้านทาน
00:13:14 → 00:13:15 เลิกใส่ดีกว่า
00:13:15 → 00:13:16 จริง
00:13:16 → 00:13:17 เราก็ปรุงรสธรรมชาตินี้แหละ
00:13:18 → 00:13:19 นี่ไม่ได้หวานอะไรเลยนะ
00:13:19 → 00:13:20 ใส่ความรักลงไป
00:13:20 → 00:13:22 ตอนผัดด้วยเนี่ย
00:13:22 → 00:13:23 หวานธรรมชาติ
00:13:24 → 00:13:25 ดีกว่าอีกนะคะ
00:13:26 → 00:13:29 หมดเวลาแล้วสำหรับวันนี้สนุกสนานมากมายนะคะ
00:13:29 → 00:13:30 แต่ถ้าเกิดว่าคุณผู้ชมคนไหน
00:13:30 → 00:13:31 ที่อยากจะติดตามรายการย้อนหลัง
00:13:31 → 00:13:34 สามารถเข้าไปดูได้ใน YouTube ค่ะ
00:13:34 → 00:13:36 เสิร์ชชื่อรายการ คุยกับหมออัจจิมา
00:13:36 → 00:13:37 อย่าลืมกด Subscribe
00:13:37 → 00:13:40 เป็นสมาชิกเป็นแฟนรายการกันด้วยจะได้เห็นทุกตอนเลย
00:13:40 → 00:13:41 ที่มันขึ้นมานะคะ
00:13:41 → 00:13:43 เดี๋ยวนี้มีช่องทางด้วย
00:13:43 → 00:13:46 เดี๋ยวนี้มีช่องทางใหม่เอาไว้ให้สำหรับเราสื่อสารกันง่ายขึ้น
00:13:46 → 00:13:48 ติดต่อกันง่ายขึ้น
00:13:48 → 00:13:49 ก็แอดไลน์มาได้
00:13:49 → 00:13:50 แอดไลน์มา
00:13:50 → 00:13:52 Line@ dr.atchimaนะคะ
00:13:52 → 00:13:54 dr. แล้วตามด้วยชื่อคุณหมอ
00:13:54 → 00:13:56 ขึ้นให้หน้าจอเรียบร้อยแล้วนะคะ
00:13:56 → 00:13:59 ก่อนจากกันวันนี้ขอบคุณสำหรับการเติมความสดชื่น สดใส
00:13:59 → 00:14:01 ในรายการของเราทุกสัปดาห์ค่ะ
00:14:01 → 00:14:03 ด้วยดอกไม้สวยๆจาก Kapsule Floriat
00:14:03 → 00:14:06 เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ที่เหมือนมาก
00:14:06 → 00:14:09 จริงๆแนนรู้สึกว่าแบบเนี่ยลดโลกร้อนด้วยนะคะคุณหมอ
00:14:09 → 00:14:11 เพราะว่ามันอยู่ตลอดกาล
00:14:11 → 00:14:14 ลงทุนครั้งเดียวสวยไปตลอดเลย
00:14:14 → 00:14:15 โทรได้เหมือนกันอันนี้
00:14:15 → 00:14:18 ขึ้นให้แล้ว Social ก็มีเบอร์โทรก็ง่ายๆ
00:14:18 → 00:14:20 เมมไปแล้วก็ติดต่อไปนะคะ
00:14:20 → 00:14:22 สัปดาห์หน้าคุณหมอจะชวนพวกเราคุยเรื่องไหน
00:14:22 → 00:14:25 กลับมาติดตามกันกลับรายการคุยกับหมออัจจิมาค่ะ
00:14:25 → 00:14:27 วันนี้คุณหมอและแนนลาไปก่อนะคะ
00:14:27 → 00:14:28 สวัสดีค่ะ