00:00:00 → 00:00:04 มีรถสิ่งนี้ 2 สัปดาห์คุณจะผอมลงและความ
00:00:04 → 00:00:08 ดันลดลงทันทีหลายๆคนนะครับตั้งใจกินอาหาร
00:00:08 → 00:00:11 สุขภาพก็แล้วนะครับไปออกกำลังกายก็พยายาม
00:00:11 → 00:00:15 ไปออกแล้วครับแต่ผลปรากฏว่ามาตกม้าตาย
00:00:15 → 00:00:18 เพราะสิ่งนี้ครับทำให้คุณลดน้ำหนักต่อไม่
00:00:18 → 00:00:22 ได้ครับเกิดภาวะตบะแตกอ้วนขึ้นนะครับแถม
00:00:22 → 00:00:25 ความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นด้วยครับในคลิป
00:00:25 → 00:00:28 นี้เรามาหาคำตอบด้วยกันครับก่อนอื่นเลย
00:00:28 → 00:00:30 หากใครชมคลิปมาแบงค์พันทาง Facebook
00:00:30 → 00:00:34 สามารถกดติดตามได้ทางวิธีการนี้ครับหาก
00:00:34 → 00:00:37 ใครชมคลิปหมอแบงค์พันทาง YouTube สามารถ
00:00:37 → 00:00:40 กดไลค์กดติดตามและกดสั่นกระดิ่งเพื่อที่
00:00:40 → 00:00:43 จะไม่พลาดคลิปดีๆครับสิ่งที่จะทำให้คุณนะ
00:00:43 → 00:00:46 ครับไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้ประสบความ
00:00:46 → 00:00:49 สำเร็จและความดันพุ่งขึ้นสูงครับก็คือ
00:00:49 → 00:00:53 โซเดียมนั่นเองครับหมอแบงค์โซเดียมเนี่ย
00:00:53 → 00:00:56 มันคืออะไรนะครับเคยได้ยินผ่านๆมาแต่ว่า
00:00:56 → 00:00:59 ไม่ได้รู้จริงนะครับบอกแบงค์อธิบายให้ฟัง
00:00:59 → 00:01:02 นะครับไปเที่ยวเนี่ยเป็นแร่ธาตุในร่างกาย
00:01:02 → 00:01:05 นะครับที่เราสามารถได้รับจากอาหารเข้ามา
00:01:05 → 00:01:08 ครับโดยหน้าที่ของโซเดียมเนี่ยจริงๆแล้ว
00:01:08 → 00:01:11 เขาไม่ได้เป็นตัวร้ายเลยนะครับโซเชียล
00:01:11 → 00:01:13 เนี่ยทำหน้าที่หลายๆอย่างในร่างกายเป็น
00:01:13 → 00:01:17 ระบบไฟฟ้าในร่างกายครับเป็นสื่อสัญญาณ
00:01:17 → 00:01:20 ประสาทแบบนี้ครับส่งกระแสประสาททำให้หัว
00:01:20 → 00:01:23 ใจเราเต้นทำให้กล้ามเนื้อเราทำงานได้ตาม
00:01:23 → 00:01:27 ปกติควบคุมระบบความหิวน้ำหรือว่าควบคุม
00:01:27 → 00:01:31 ระบบความดันส่งผลต่อไตแบบนี้ครับแปลทา
00:01:31 → 00:01:34 โซเดียมเนี่ยมีความจำเป็นและสำคัญกับร่าง
00:01:34 → 00:01:37 กายแล้วครับแต่ปัญหาเนี่ยจะเกิดขึ้นก็ต่อ
00:01:37 → 00:01:42 เมื่อเราได้รับโซเดียมมากเกินกว่าที่ร่าง
00:01:42 → 00:01:45 กายต้องการนั่นเองครับอ่ะอ่ะฟังหมอดีๆนะ
00:01:45 → 00:01:48 ตัวโซเดียมเนี่ยไม่ได้มีปัญหาครับและ
00:01:48 → 00:01:52 สำคัญกับร่างกายด้วยครับแต่โซเดียมที่มาก
00:01:52 → 00:01:54 เกินความต้องการของร่างกายเนี่ยเกิดปัญหา
00:01:55 → 00:01:58 ตามมาครับหนึ่งเลยทำให้ไตคุณทำงานหนัก
00:01:58 → 00:02:02 ครับจะต้องขับก็ต้องออกแบบนี้นะอันที่ 2
00:02:02 → 00:02:05 ครับทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นมาจะ
00:02:05 → 00:02:07 คลิปก่อนนะครับที่เราได้เรียนรู้กันไป
00:02:07 → 00:02:10 แล้วเนี่ยความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นเมื่อ
00:02:10 → 00:02:13 หลอดเลือดเราเนี่ยมีแรงดันมากขึ้นจริงไหม
00:02:13 → 00:02:15 ครับเวลาเราได้รับโซเดียมเข้ามานะครับ
00:02:15 → 00:02:19 ปึ๊บคุณผิวน้ำมากขึ้นไหมหิวน้ำมากขึ้นคุณ
00:02:19 → 00:02:22 ต้องกินน้ำมากขึ้นครับทำให้ในหลอดเลือด
00:02:22 → 00:02:25 เนี่ยมีน้ำมันกระจุกอยู่ในหลอดเลือดเยอะ
00:02:25 → 00:02:28 ครับเกิดความดันโลหิตสูงขึ้นมาในหลอด
00:02:28 → 00:02:30 เลือดนั่นเองครับนั่นเป็นสาเหตุที่ว่า
00:02:30 → 00:02:33 ทำไมเวลาเรามีภาวะความดันโลหิตสูงแล้ว
00:02:33 → 00:02:37 เนี่ยคุณหมอก็มักจะจ่ายยาขับปัสสาวะให้
00:02:37 → 00:02:39 คุณนะครับเพราะว่าต้องการไล่น้ำส่วนเกิน
00:02:39 → 00:02:43 ที่อยู่ในหลอดเลือดเนี่ยออกไปความดันก็จะ
00:02:43 → 00:02:47 ลดลงครับแต่ปัญหาก็คือโซเดียมที่มากเกิน
00:02:47 → 00:02:50 ไปในหลอดเลือดของเราเห็นไหมครับถ้าวันนี้
00:02:50 → 00:02:54 คุณไม่อยากกินยาลดความดันแล้วนะครับแค่ลด
00:02:54 → 00:02:57 โซเดียมลงมาแบงค์เชื่อว่าคุณจะลดยาความ
00:02:57 → 00:03:00 ดันได้ประมาณ 1 ตัวทันทีเลยครับคือคือก็
00:03:00 → 00:03:03 น่าจะสั่งลดยาความดันให้คุณอัตโนมัติเลย
00:03:03 → 00:03:05 เห็นไหมครับอันถัดมานะครับปัญหาของ
00:03:05 → 00:03:09 โซเดียมเลยก็คือทำให้คุณอ้วนขึ้นนั่นเอง
00:03:09 → 00:03:12 ครับคุณลองดูภาพนี้นะครับอันนี้คือ
00:03:12 → 00:03:16 เฟรนช์ฟรายส์ที่ไม่ใส่เกลือนะครับส่วนอีก
00:03:16 → 00:03:19 อันนึงคือเฟรนฟรายที่ใส่เกลือนะครับบ่
00:03:19 → 00:03:23 แบ่งให้คุณเลือกคำว่าอันไหนทำให้คุณกิน
00:03:23 → 00:03:27 เยอะกว่ากันครับอ่าอันไหนดูแนวโน้มอร่อย
00:03:27 → 00:03:30 กว่าครับแล้วกินมากขึ้นเป็นไฟล์ที่ใส่
00:03:30 → 00:03:33 เกลือจริงไหมครับอันไหนทำให้คุณผิวน้ำมาก
00:03:33 → 00:03:36 ขึ้นครับก็เป็นไฟล์ที่ใส่เกลือถูกต้องไหม
00:03:36 → 00:03:39 เพราะฉะนั้นครับอะไรก็ตามที่มีปริมาณ
00:03:39 → 00:03:42 เกลือหรือโซเดียมที่สูงครับจากทำให้คุณ
00:03:42 → 00:03:46 กินมากขึ้นสุดท้ายทำให้เราอ้วนขึ้นนั่น
00:03:46 → 00:03:49 เองแถมความดันเพิ่มขึ้นด้วยครับก็คือได้
00:03:49 → 00:03:51 โรคทรูอินวันเลยครับทั้งอ้วนขึ้นแล้วก็
00:03:52 → 00:03:55 ความดันพุ่งขึ้นครับเรามาดูงานวิจัยนี้นะ
00:03:55 → 00:03:58 ครับเขาบอกเลยครับว่าการกินโซเดียมที่มาก
00:03:58 → 00:04:02 ขึ้นครับเกี่ยวอยู่กับรอบเอวของเราที่มาก
00:04:02 → 00:04:05 ขึ้นและน้ำหนักตัวที่มาคืนกับผมเพราะ
00:04:05 → 00:04:08 ฉะนั้นเนี่ยหากคุณสามารถลดโซเดียมได้ครับ
00:04:08 → 00:04:11 แน่นอนภูมิคุณเนี่ยอาจจะยุบลงเลยนะครับ
00:04:11 → 00:04:15 แล้วก็ก็อาการบวมน้ำก็จะหายไปครับคราวนี้
00:04:15 → 00:04:19 หลายคนก็มีคำถามนะคะว่าหมอแบงค์แล้ว
00:04:19 → 00:04:22 โซเดียมขนาดไหนถึงเกินความต้องการของร่าง
00:04:22 → 00:04:26 กายอ่านะครับเราจะได้รู้โควตาในการกิน
00:04:26 → 00:04:28 โซเดียมของเราเราก็อยากมีความสุขในการกิน
00:04:28 → 00:04:31 ของเค็มบ้างจริงไหมครับตามงานวิจัยนี้นะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับร่างกายของเราถูกสร้างมาให้รับ
00:04:34 → 00:04:37 โซเดียมได้ประมาณ 1000 มิลลิกรัมเท่านั้น
00:04:37 → 00:04:41 ครับแต่ในคนยุคปัจจุบันโดยเฉพาะคนอเมริกา
00:04:41 → 00:04:45 นะครับได้รับโซเดียมมากถึง 3 พัน 400
00:04:45 → 00:04:48 มิลลิกรัมต่อวันเลยครับนั่นเป็นสาเหตุที่
00:04:48 → 00:04:51 ว่าทำไมคนอเมริกาถึงอ้วนมากขึ้นมีโรคหัว
00:04:51 → 00:04:55 ใจโรคไตตามมาเต็มไปหมดเลยเห็นมะบ่แบงค์
00:04:55 → 00:04:57 ไม่ได้อยากรู้ของคนอเมริกานะมีของคนไทย
00:04:57 → 00:05:00 ไหมมาแบงค์เตรียมไว้ให้คุณล่ะครับหัวใจ
00:05:00 → 00:05:03 นี้นะครับเขาเก็บรวบรวมปริมาณการกิน
00:05:03 → 00:05:06 โซเดียมของประชาชนชาวไทยนะครับเมื่อปี
00:05:06 → 00:05:10 2020 ที่ผ่านมาเท่านั้นเองผลปรากฏว่านะ
00:05:10 → 00:05:14 ครับคนไทยโดยเฉลี่ยกินโซเดียมมากถึง 3
00:05:14 → 00:05:17 พันหกร้อยกว่ามิลลิกรัมต่อวันเลยครับซึ่ง
00:05:18 → 00:05:20 เกินสิ่งที่ร่างกายควรได้รับแค่ประมาณ
00:05:20 → 00:05:24 1,000 mg ครับผมองค์การด้านสุขภาพต่างๆ
00:05:24 → 00:05:27 ของโลกนะครับเขาก็เลยแนะนำว่าคุณเนี่ยสม
00:05:27 → 00:05:30 ควรกินโซเดียมให้ลดลงนะเอาให้น้อยกว่า
00:05:30 → 00:05:34 2000 mg ได้ก่อนก็จะดีนะครับอย่างเช่น
00:05:34 → 00:05:37 องค์การอนามัยโลกนะครับก็แนะนำว่าสมควร
00:05:37 → 00:05:40 กินโซเดียมให้น้อยกว่าว่า 2000 mg ครับ
00:05:40 → 00:05:43 หรือแม้แต่สมาคมโรคหัวใจนะครับก็แนะนำให้
00:05:43 → 00:05:46 กินโซเดียมน้อยกว่า 2000 3000 mg ครับ
00:05:47 → 00:05:50 ให้ดีกว่านั้นก็คือน้อยกว่า 1,500 mg
00:05:50 → 00:05:53 เห็นไหมครับหรือสูตรอาหารที่ต้านความดัน
00:05:53 → 00:05:57 โลหิตสูงแล้วก็เป็น 1 ใน 3 สูตรอาหารที่
00:05:57 → 00:05:59 ดีที่สุดในโลกนะครับที่เรียกว่า Dash
00:05:59 → 00:06:02 Diet หมอก็แนะนำให้ทานโซเดียมน้อยกว่า
00:06:02 → 00:06:06 2000 3000 mg ครับแต่ในยุคหลังๆเนี่ย
00:06:06 → 00:06:08 เขารู้แล้วเขาว่ายิ่งกินโซเดียมเยอะเนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 ยิ่งความดันโลหิตสูงครับเราก็เลยจะมีสูตร
00:06:11 → 00:06:14 Dash Diet เนี่ยจำกัดปริมาณโซเดียมให้
00:06:14 → 00:06:18 ลดลงต่ำกว่าพัน 500 mg ลงมาอีกครับเพราะ
00:06:18 → 00:06:20 ฉะนั้นทุกคนก็จะรู้ตัวเลขเค้าๆนะครับว่า
00:06:20 → 00:06:23 อ๋ออย่างฉันเนี่ยไม่ควรกินเกิน 2,000
00:06:23 → 00:06:28 กรัมอ้าแล้วคราวนี้ 2,000 กรัมมันเทียบ
00:06:28 → 00:06:30 เท่ากับเครื่องปรุงแบบไหนบ้างล่ะหมอแบงค์
00:06:30 → 00:06:34 อะให้ทุกคนจำง่ายนะครับตัวเกลือเนี่ยมี
00:06:34 → 00:06:37 โซเดียมสูงที่สุดครับแบบเข้มข้นที่สุดเลย
00:06:37 → 00:06:42 ในเกลือ 1 ช้อนชานะครับจะมีโซเดียมอยู่
00:06:42 → 00:06:46 2000 mg เลยครับก็คือครบโควตาของเรา
00:06:46 → 00:06:48 นั่นเองเพราะฉะนั้นถ้าเกิดในวันนึงครับ
00:06:48 → 00:06:51 ถ้าคุณกินเกลือเนี่ยเกิน 1 ช้อนชาเมื่อ
00:06:51 → 00:06:54 ไหร่ก็คือเกินโควต้าล่ะครับคุณมีแนวโน้ม
00:06:54 → 00:06:58 ที่จะเป็นโรคอ้วนขึ้นมามีแนวโน้มที่จะเสพ
00:06:58 → 00:07:01 ติดอาหารตบะแตกและลดความดันโลหิตสูงขึ้น
00:07:01 → 00:07:04 ครับถ้ากินเกลือเกิน 1 ช้อนฉากส่วน
00:07:04 → 00:07:07 เครื่องปรุงอื่นๆครับอย่างเช่นน้ำปลา
00:07:07 → 00:07:10 ซีอิ๊วขาวซอสปรุงรสแบบนี้นะครับคุณจะ
00:07:10 → 00:07:12 สังเกตได้ว่าเหมือนเอาเกลือมาละลายน้ำ
00:07:12 → 00:07:16 ครับความเข้มข้นของโซเดียมก็จะลดลงครับมา
00:07:16 → 00:07:18 แบ่งให้จำง่ายครับพวกน้ำปรุงรสที่มีรส
00:07:18 → 00:07:21 เค็มเนี่ยปริมาณโซเดียมจะน้อยกว่าเกลือ
00:07:21 → 00:07:25 เข้มข้นประมาณสีเทาครับเพราะฉะนั้นโควตา
00:07:25 → 00:07:29 ในการกินพวกน้ำปลาซีอิ๊วขาวเนี่ยวันนึงนะ
00:07:29 → 00:07:33 ครับไม่ควรเกิน 4 ช้อนชานั่นเองครับถ้า
00:07:33 → 00:07:35 เกิดกินเกินเนี่ยแน่นอนครับจะมีโรคความ
00:07:35 → 00:07:39 ดันโลหิตสูงตามมาแล้วครับส่วนเครื่องปรุง
00:07:39 → 00:07:42 อื่นๆครับอย่างเช่นซุปก้อนอย่างนี้ครับก็
00:07:42 → 00:07:45 มีเกลือที่เข้มข้นครับอ่ะคราวนี้ก็จะมี
00:07:45 → 00:07:49 โซเดียมแฝงในเครื่องปรุงที่หลายๆคนไม่
00:07:49 → 00:07:52 ทราบมาก่อนครับปกติแล้วเรานึกถึงโซเดียม
00:07:52 → 00:07:55 เนี่ยเราจะนึกถึงแค่เกลือถูกต้องแนะแต่
00:07:55 → 00:07:58 จริงๆแล้วครับโซเดียมอยู่ในผงชูรสด้วย
00:07:58 → 00:08:01 ครับอาหมอแบงค์อาริมานให้ดูนะครับอันนี้
00:08:01 → 00:08:06 คือปริมาณโซเดียมในผงชูรส 1 ช้อนชา = 610
00:08:06 → 00:08:10 mg ครับผมมาแบงค์ทำไมผงชูรสถึงมีโซเดียม
00:08:11 → 00:08:13 ด้วยล่ะเพราะผงชูรสนะครับมีชื่อทาง
00:08:13 → 00:08:15 วิทยาศาสตร์ว่า
00:08:15 → 00:08:19 โมโนโซเดียมกลูตาเมตเห็นอะไรนะครับมีคำ
00:08:19 → 00:08:22 ว่าโซเดียมอยู่เพราะฉะนั้นการกินผงชูรสนะ
00:08:22 → 00:08:26 ก็จะได้รับโซเดียมเข้าไปทำให้คุณมีสิทธิ์
00:08:26 → 00:08:29 ควรขึ้นได้ด้วยครับอ่ะนักมีอย่างอื่นอีก
00:08:29 → 00:08:33 ไหมมาแบงค์มีครับตัวผงฟูครับที่เขาใช้ใน
00:08:33 → 00:08:36 พวกเบเกอรีขนมปังหรือใส่พวกของทอดเนี่ย
00:08:36 → 00:08:39 ให้มันทอดกรอบขึ้นมาก็มีโซเดียมครับเพราะ
00:08:39 → 00:08:43 ว่าผงฟูเนี่ยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ก็คือ
00:08:43 → 00:08:45 โซเดียมไบคาร์บอเนตครับเป็นนะครับเริ่ม
00:08:45 → 00:08:49 ต้นด้วยโซเดียมอีกแล้วครับก็จะทำให้คุณ
00:08:49 → 00:08:51 ได้รับโซเดียมเกินปริมาณที่ร่างกาย
00:08:51 → 00:08:54 ต้องการนั่นเองครับเพราะฉะนั้นในคลิปนี้
00:08:54 → 00:08:57 นะครับหมอแบงค์ขอสรุปให้กับทุกคนเลยครับ
00:08:57 → 00:09:01 ว่าว่าโซเดียมเนี่ยจริงๆแล้วก็เป็นสาร
00:09:01 → 00:09:04 สำคัญเป็นและ 5 สำคัญในร่างกายนะครับเขา
00:09:04 → 00:09:07 เป็นพระเอกเลยนะครับในร่างกายทุกอย่างเรา
00:09:07 → 00:09:10 ส่งกระแสสัญญาณประสาทดูแลระบบกล้ามเนื้อ
00:09:10 → 00:09:14 ระบบไตนะครับแต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคุณได้
00:09:14 → 00:09:18 รับโซเดียมมากเกินไปครับซึ่งคนทั่วโลกได้
00:09:18 → 00:09:20 รับเกินประมาณ 3-4 เท่าครับถ้าคุณไม่ได้
00:09:20 → 00:09:23 อยากมีหุ่นแบบคนทั่วโลกนะครับคุณก็ทำกับ
00:09:23 → 00:09:26 เขาเลยครับกินโซเดียมให้ต่ำกว่าพัน 500
00:09:26 → 00:09:30 mg ครับหรืออาจเริ่มต้นแค่เกลือ 1 ช้อน
00:09:30 → 00:09:33 ชาเนี่ยไม่ให้เกินต่อวันก่อนครับก็จะช่วย
00:09:33 → 00:09:37 ให้คุณไม่บวมน้ำครับทำให้คุณเนี่ยลดน้ำ
00:09:37 → 00:09:40 หนักต่อได้อย่างมีความสุขไม่เจอจุดตันและ
00:09:40 → 00:09:43 ไม่สะบัดแต่ครับที่สำคัญเนี่ยความดันคุณ
00:09:43 → 00:09:47 จะลดลงทันทีครับงานวิจัยสุดท้ายนะครับที่
00:09:47 → 00:09:50 มาแบงค์อยากให้ทุกคนดูครับยิ่งคุณลด
00:09:50 → 00:09:53 โซเดียมมากเท่าไหร่ครับความดันคุณจะยิ่ง
00:09:53 → 00:09:57 ดีตามปริมาณโซเดียมที่คุณลดลงนั่นเองครับ
00:09:57 → 00:09:59 สุดท้ายนี้นะครับถ้าเกิดใครนะครับอยาก
00:09:59 → 00:10:02 เหรอเริ่มต้นทานอาหารอย่างถูกต้องนะครับ
00:10:02 → 00:10:05 โดยไม่ถูก Diet ต่างๆต่ออีกแล้วนะครับให้
00:10:05 → 00:10:08 คุณดูคลิปนี้นะครับ 3 เคล็ดลับความผอมที่
00:10:08 → 00:10:11 คน 99 เปอร์เซ็นต์ไม่รู้จะช่วยคุณทาน
00:10:11 → 00:10:14 อาหารได้อย่างถูกต้องครับส่วนถ้าใครนะ
00:10:14 → 00:10:16 ครับอยากเรียนรู้ศาสตร์อาหารอย่างเชิงลึก
00:10:17 → 00:10:19 ครับแล้วก็มีหมอแบงค์คอยดูแลระหว่างทาง
00:10:20 → 00:10:23 ด้วยให้คุณดูคลิปนี้นะครับ HD oem คลาส
00:10:23 → 00:10:26 เรียนลดน้ำหนักสายธรรมชาติครับผมก่อนที่
00:10:26 → 00:10:29 เราจะจากกันในคลิปนี้นะครับทุกคนรับพรจาก
00:10:29 → 00:10:31 หมอแบงค์ก่อนนะครับขอให้ทุกคนนะครับมี
00:10:31 → 00:10:35 ความสุขในชีวิตมากขึ้นนะครับได้อยู่กับคน
00:10:35 → 00:10:38 ที่รักไปนานๆมีอายุที่ยืนยาวครับปราศจาก
00:10:38 → 00:10:41 โรคภัยไข้เจ็บแล้วเราเจอกันในคลิปถัดไป
00:10:41 → 00:10:44 อยู่กับผมหมอแบงค์ดอกเกอร์แบงก์ Food
00:10:44 → 00:10:47 Doctor
00:00:00 → 00:00:04 มีรถสิ่งนี้ 2 สัปดาห์คุณจะผอมลงและความ
00:00:04 → 00:00:08 ดันลดลงทันทีหลายๆคนนะครับตั้งใจกินอาหาร
00:00:08 → 00:00:11 สุขภาพก็แล้วนะครับไปออกกำลังกายก็พยายาม
00:00:11 → 00:00:15 ไปออกแล้วครับแต่ผลปรากฏว่ามาตกม้าตาย
00:00:15 → 00:00:18 เพราะสิ่งนี้ครับทำให้คุณลดน้ำหนักต่อไม่
00:00:18 → 00:00:22 ได้ครับเกิดภาวะตบะแตกอ้วนขึ้นนะครับแถม
00:00:22 → 00:00:25 ความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นด้วยครับในคลิป
00:00:25 → 00:00:28 นี้เรามาหาคำตอบด้วยกันครับก่อนอื่นเลย
00:00:28 → 00:00:30 หากใครชมคลิปมาแบงค์พันทาง Facebook
00:00:30 → 00:00:34 สามารถกดติดตามได้ทางวิธีการนี้ครับหาก
00:00:34 → 00:00:37 ใครชมคลิปหมอแบงค์พันทาง YouTube สามารถ
00:00:37 → 00:00:40 กดไลค์กดติดตามและกดสั่นกระดิ่งเพื่อที่
00:00:40 → 00:00:43 จะไม่พลาดคลิปดีๆครับสิ่งที่จะทำให้คุณนะ
00:00:43 → 00:00:46 ครับไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้ประสบความ
00:00:46 → 00:00:49 สำเร็จและความดันพุ่งขึ้นสูงครับก็คือ
00:00:49 → 00:00:53 โซเดียมนั่นเองครับหมอแบงค์โซเดียมเนี่ย
00:00:53 → 00:00:56 มันคืออะไรนะครับเคยได้ยินผ่านๆมาแต่ว่า
00:00:56 → 00:00:59 ไม่ได้รู้จริงนะครับบอกแบงค์อธิบายให้ฟัง
00:00:59 → 00:01:02 นะครับไปเที่ยวเนี่ยเป็นแร่ธาตุในร่างกาย
00:01:02 → 00:01:05 นะครับที่เราสามารถได้รับจากอาหารเข้ามา
00:01:05 → 00:01:08 ครับโดยหน้าที่ของโซเดียมเนี่ยจริงๆแล้ว
00:01:08 → 00:01:11 เขาไม่ได้เป็นตัวร้ายเลยนะครับโซเชียล
00:01:11 → 00:01:13 เนี่ยทำหน้าที่หลายๆอย่างในร่างกายเป็น
00:01:13 → 00:01:17 ระบบไฟฟ้าในร่างกายครับเป็นสื่อสัญญาณ
00:01:17 → 00:01:20 ประสาทแบบนี้ครับส่งกระแสประสาททำให้หัว
00:01:20 → 00:01:23 ใจเราเต้นทำให้กล้ามเนื้อเราทำงานได้ตาม
00:01:23 → 00:01:27 ปกติควบคุมระบบความหิวน้ำหรือว่าควบคุม
00:01:27 → 00:01:31 ระบบความดันส่งผลต่อไตแบบนี้ครับแปลทา
00:01:31 → 00:01:34 โซเดียมเนี่ยมีความจำเป็นและสำคัญกับร่าง
00:01:34 → 00:01:37 กายแล้วครับแต่ปัญหาเนี่ยจะเกิดขึ้นก็ต่อ
00:01:37 → 00:01:42 เมื่อเราได้รับโซเดียมมากเกินกว่าที่ร่าง
00:01:42 → 00:01:45 กายต้องการนั่นเองครับอ่ะอ่ะฟังหมอดีๆนะ
00:01:45 → 00:01:48 ตัวโซเดียมเนี่ยไม่ได้มีปัญหาครับและ
00:01:48 → 00:01:52 สำคัญกับร่างกายด้วยครับแต่โซเดียมที่มาก
00:01:52 → 00:01:54 เกินความต้องการของร่างกายเนี่ยเกิดปัญหา
00:01:55 → 00:01:58 ตามมาครับหนึ่งเลยทำให้ไตคุณทำงานหนัก
00:01:58 → 00:02:02 ครับจะต้องขับก็ต้องออกแบบนี้นะอันที่ 2
00:02:02 → 00:02:05 ครับทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นมาจะ
00:02:05 → 00:02:07 คลิปก่อนนะครับที่เราได้เรียนรู้กันไป
00:02:07 → 00:02:10 แล้วเนี่ยความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นเมื่อ
00:02:10 → 00:02:13 หลอดเลือดเราเนี่ยมีแรงดันมากขึ้นจริงไหม
00:02:13 → 00:02:15 ครับเวลาเราได้รับโซเดียมเข้ามานะครับ
00:02:15 → 00:02:19 ปึ๊บคุณผิวน้ำมากขึ้นไหมหิวน้ำมากขึ้นคุณ
00:02:19 → 00:02:22 ต้องกินน้ำมากขึ้นครับทำให้ในหลอดเลือด
00:02:22 → 00:02:25 เนี่ยมีน้ำมันกระจุกอยู่ในหลอดเลือดเยอะ
00:02:25 → 00:02:28 ครับเกิดความดันโลหิตสูงขึ้นมาในหลอด
00:02:28 → 00:02:30 เลือดนั่นเองครับนั่นเป็นสาเหตุที่ว่า
00:02:30 → 00:02:33 ทำไมเวลาเรามีภาวะความดันโลหิตสูงแล้ว
00:02:33 → 00:02:37 เนี่ยคุณหมอก็มักจะจ่ายยาขับปัสสาวะให้
00:02:37 → 00:02:39 คุณนะครับเพราะว่าต้องการไล่น้ำส่วนเกิน
00:02:39 → 00:02:43 ที่อยู่ในหลอดเลือดเนี่ยออกไปความดันก็จะ
00:02:43 → 00:02:47 ลดลงครับแต่ปัญหาก็คือโซเดียมที่มากเกิน
00:02:47 → 00:02:50 ไปในหลอดเลือดของเราเห็นไหมครับถ้าวันนี้
00:02:50 → 00:02:54 คุณไม่อยากกินยาลดความดันแล้วนะครับแค่ลด
00:02:54 → 00:02:57 โซเดียมลงมาแบงค์เชื่อว่าคุณจะลดยาความ
00:02:57 → 00:03:00 ดันได้ประมาณ 1 ตัวทันทีเลยครับคือคือก็
00:03:00 → 00:03:03 น่าจะสั่งลดยาความดันให้คุณอัตโนมัติเลย
00:03:03 → 00:03:05 เห็นไหมครับอันถัดมานะครับปัญหาของ
00:03:05 → 00:03:09 โซเดียมเลยก็คือทำให้คุณอ้วนขึ้นนั่นเอง
00:03:09 → 00:03:12 ครับคุณลองดูภาพนี้นะครับอันนี้คือ
00:03:12 → 00:03:16 เฟรนช์ฟรายส์ที่ไม่ใส่เกลือนะครับส่วนอีก
00:03:16 → 00:03:19 อันนึงคือเฟรนฟรายที่ใส่เกลือนะครับบ่
00:03:19 → 00:03:23 แบ่งให้คุณเลือกคำว่าอันไหนทำให้คุณกิน
00:03:23 → 00:03:27 เยอะกว่ากันครับอ่าอันไหนดูแนวโน้มอร่อย
00:03:27 → 00:03:30 กว่าครับแล้วกินมากขึ้นเป็นไฟล์ที่ใส่
00:03:30 → 00:03:33 เกลือจริงไหมครับอันไหนทำให้คุณผิวน้ำมาก
00:03:33 → 00:03:36 ขึ้นครับก็เป็นไฟล์ที่ใส่เกลือถูกต้องไหม
00:03:36 → 00:03:39 เพราะฉะนั้นครับอะไรก็ตามที่มีปริมาณ
00:03:39 → 00:03:42 เกลือหรือโซเดียมที่สูงครับจากทำให้คุณ
00:03:42 → 00:03:46 กินมากขึ้นสุดท้ายทำให้เราอ้วนขึ้นนั่น
00:03:46 → 00:03:49 เองแถมความดันเพิ่มขึ้นด้วยครับก็คือได้
00:03:49 → 00:03:51 โรคทรูอินวันเลยครับทั้งอ้วนขึ้นแล้วก็
00:03:52 → 00:03:55 ความดันพุ่งขึ้นครับเรามาดูงานวิจัยนี้นะ
00:03:55 → 00:03:58 ครับเขาบอกเลยครับว่าการกินโซเดียมที่มาก
00:03:58 → 00:04:02 ขึ้นครับเกี่ยวอยู่กับรอบเอวของเราที่มาก
00:04:02 → 00:04:05 ขึ้นและน้ำหนักตัวที่มาคืนกับผมเพราะ
00:04:05 → 00:04:08 ฉะนั้นเนี่ยหากคุณสามารถลดโซเดียมได้ครับ
00:04:08 → 00:04:11 แน่นอนภูมิคุณเนี่ยอาจจะยุบลงเลยนะครับ
00:04:11 → 00:04:15 แล้วก็ก็อาการบวมน้ำก็จะหายไปครับคราวนี้
00:04:15 → 00:04:19 หลายคนก็มีคำถามนะคะว่าหมอแบงค์แล้ว
00:04:19 → 00:04:22 โซเดียมขนาดไหนถึงเกินความต้องการของร่าง
00:04:22 → 00:04:26 กายอ่านะครับเราจะได้รู้โควตาในการกิน
00:04:26 → 00:04:28 โซเดียมของเราเราก็อยากมีความสุขในการกิน
00:04:28 → 00:04:31 ของเค็มบ้างจริงไหมครับตามงานวิจัยนี้นะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับร่างกายของเราถูกสร้างมาให้รับ
00:04:34 → 00:04:37 โซเดียมได้ประมาณ 1000 มิลลิกรัมเท่านั้น
00:04:37 → 00:04:41 ครับแต่ในคนยุคปัจจุบันโดยเฉพาะคนอเมริกา
00:04:41 → 00:04:45 นะครับได้รับโซเดียมมากถึง 3 พัน 400
00:04:45 → 00:04:48 มิลลิกรัมต่อวันเลยครับนั่นเป็นสาเหตุที่
00:04:48 → 00:04:51 ว่าทำไมคนอเมริกาถึงอ้วนมากขึ้นมีโรคหัว
00:04:51 → 00:04:55 ใจโรคไตตามมาเต็มไปหมดเลยเห็นมะบ่แบงค์
00:04:55 → 00:04:57 ไม่ได้อยากรู้ของคนอเมริกานะมีของคนไทย
00:04:57 → 00:05:00 ไหมมาแบงค์เตรียมไว้ให้คุณล่ะครับหัวใจ
00:05:00 → 00:05:03 นี้นะครับเขาเก็บรวบรวมปริมาณการกิน
00:05:03 → 00:05:06 โซเดียมของประชาชนชาวไทยนะครับเมื่อปี
00:05:06 → 00:05:10 2020 ที่ผ่านมาเท่านั้นเองผลปรากฏว่านะ
00:05:10 → 00:05:14 ครับคนไทยโดยเฉลี่ยกินโซเดียมมากถึง 3
00:05:14 → 00:05:17 พันหกร้อยกว่ามิลลิกรัมต่อวันเลยครับซึ่ง
00:05:18 → 00:05:20 เกินสิ่งที่ร่างกายควรได้รับแค่ประมาณ
00:05:20 → 00:05:24 1,000 mg ครับผมองค์การด้านสุขภาพต่างๆ
00:05:24 → 00:05:27 ของโลกนะครับเขาก็เลยแนะนำว่าคุณเนี่ยสม
00:05:27 → 00:05:30 ควรกินโซเดียมให้ลดลงนะเอาให้น้อยกว่า
00:05:30 → 00:05:34 2000 mg ได้ก่อนก็จะดีนะครับอย่างเช่น
00:05:34 → 00:05:37 องค์การอนามัยโลกนะครับก็แนะนำว่าสมควร
00:05:37 → 00:05:40 กินโซเดียมให้น้อยกว่าว่า 2000 mg ครับ
00:05:40 → 00:05:43 หรือแม้แต่สมาคมโรคหัวใจนะครับก็แนะนำให้
00:05:43 → 00:05:46 กินโซเดียมน้อยกว่า 2000 3000 mg ครับ
00:05:47 → 00:05:50 ให้ดีกว่านั้นก็คือน้อยกว่า 1,500 mg
00:05:50 → 00:05:53 เห็นไหมครับหรือสูตรอาหารที่ต้านความดัน
00:05:53 → 00:05:57 โลหิตสูงแล้วก็เป็น 1 ใน 3 สูตรอาหารที่
00:05:57 → 00:05:59 ดีที่สุดในโลกนะครับที่เรียกว่า Dash
00:05:59 → 00:06:02 Diet หมอก็แนะนำให้ทานโซเดียมน้อยกว่า
00:06:02 → 00:06:06 2000 3000 mg ครับแต่ในยุคหลังๆเนี่ย
00:06:06 → 00:06:08 เขารู้แล้วเขาว่ายิ่งกินโซเดียมเยอะเนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 ยิ่งความดันโลหิตสูงครับเราก็เลยจะมีสูตร
00:06:11 → 00:06:14 Dash Diet เนี่ยจำกัดปริมาณโซเดียมให้
00:06:14 → 00:06:18 ลดลงต่ำกว่าพัน 500 mg ลงมาอีกครับเพราะ
00:06:18 → 00:06:20 ฉะนั้นทุกคนก็จะรู้ตัวเลขเค้าๆนะครับว่า
00:06:20 → 00:06:23 อ๋ออย่างฉันเนี่ยไม่ควรกินเกิน 2,000
00:06:23 → 00:06:28 กรัมอ้าแล้วคราวนี้ 2,000 กรัมมันเทียบ
00:06:28 → 00:06:30 เท่ากับเครื่องปรุงแบบไหนบ้างล่ะหมอแบงค์
00:06:30 → 00:06:34 อะให้ทุกคนจำง่ายนะครับตัวเกลือเนี่ยมี
00:06:34 → 00:06:37 โซเดียมสูงที่สุดครับแบบเข้มข้นที่สุดเลย
00:06:37 → 00:06:42 ในเกลือ 1 ช้อนชานะครับจะมีโซเดียมอยู่
00:06:42 → 00:06:46 2000 mg เลยครับก็คือครบโควตาของเรา
00:06:46 → 00:06:48 นั่นเองเพราะฉะนั้นถ้าเกิดในวันนึงครับ
00:06:48 → 00:06:51 ถ้าคุณกินเกลือเนี่ยเกิน 1 ช้อนชาเมื่อ
00:06:51 → 00:06:54 ไหร่ก็คือเกินโควต้าล่ะครับคุณมีแนวโน้ม
00:06:54 → 00:06:58 ที่จะเป็นโรคอ้วนขึ้นมามีแนวโน้มที่จะเสพ
00:06:58 → 00:07:01 ติดอาหารตบะแตกและลดความดันโลหิตสูงขึ้น
00:07:01 → 00:07:04 ครับถ้ากินเกลือเกิน 1 ช้อนฉากส่วน
00:07:04 → 00:07:07 เครื่องปรุงอื่นๆครับอย่างเช่นน้ำปลา
00:07:07 → 00:07:10 ซีอิ๊วขาวซอสปรุงรสแบบนี้นะครับคุณจะ
00:07:10 → 00:07:12 สังเกตได้ว่าเหมือนเอาเกลือมาละลายน้ำ
00:07:12 → 00:07:16 ครับความเข้มข้นของโซเดียมก็จะลดลงครับมา
00:07:16 → 00:07:18 แบ่งให้จำง่ายครับพวกน้ำปรุงรสที่มีรส
00:07:18 → 00:07:21 เค็มเนี่ยปริมาณโซเดียมจะน้อยกว่าเกลือ
00:07:21 → 00:07:25 เข้มข้นประมาณสีเทาครับเพราะฉะนั้นโควตา
00:07:25 → 00:07:29 ในการกินพวกน้ำปลาซีอิ๊วขาวเนี่ยวันนึงนะ
00:07:29 → 00:07:33 ครับไม่ควรเกิน 4 ช้อนชานั่นเองครับถ้า
00:07:33 → 00:07:35 เกิดกินเกินเนี่ยแน่นอนครับจะมีโรคความ
00:07:35 → 00:07:39 ดันโลหิตสูงตามมาแล้วครับส่วนเครื่องปรุง
00:07:39 → 00:07:42 อื่นๆครับอย่างเช่นซุปก้อนอย่างนี้ครับก็
00:07:42 → 00:07:45 มีเกลือที่เข้มข้นครับอ่ะคราวนี้ก็จะมี
00:07:45 → 00:07:49 โซเดียมแฝงในเครื่องปรุงที่หลายๆคนไม่
00:07:49 → 00:07:52 ทราบมาก่อนครับปกติแล้วเรานึกถึงโซเดียม
00:07:52 → 00:07:55 เนี่ยเราจะนึกถึงแค่เกลือถูกต้องแนะแต่
00:07:55 → 00:07:58 จริงๆแล้วครับโซเดียมอยู่ในผงชูรสด้วย
00:07:58 → 00:08:01 ครับอาหมอแบงค์อาริมานให้ดูนะครับอันนี้
00:08:01 → 00:08:06 คือปริมาณโซเดียมในผงชูรส 1 ช้อนชา = 610
00:08:06 → 00:08:10 mg ครับผมมาแบงค์ทำไมผงชูรสถึงมีโซเดียม
00:08:11 → 00:08:13 ด้วยล่ะเพราะผงชูรสนะครับมีชื่อทาง
00:08:13 → 00:08:15 วิทยาศาสตร์ว่า
00:08:15 → 00:08:19 โมโนโซเดียมกลูตาเมตเห็นอะไรนะครับมีคำ
00:08:19 → 00:08:22 ว่าโซเดียมอยู่เพราะฉะนั้นการกินผงชูรสนะ
00:08:22 → 00:08:26 ก็จะได้รับโซเดียมเข้าไปทำให้คุณมีสิทธิ์
00:08:26 → 00:08:29 ควรขึ้นได้ด้วยครับอ่ะนักมีอย่างอื่นอีก
00:08:29 → 00:08:33 ไหมมาแบงค์มีครับตัวผงฟูครับที่เขาใช้ใน
00:08:33 → 00:08:36 พวกเบเกอรีขนมปังหรือใส่พวกของทอดเนี่ย
00:08:36 → 00:08:39 ให้มันทอดกรอบขึ้นมาก็มีโซเดียมครับเพราะ
00:08:39 → 00:08:43 ว่าผงฟูเนี่ยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ก็คือ
00:08:43 → 00:08:45 โซเดียมไบคาร์บอเนตครับเป็นนะครับเริ่ม
00:08:45 → 00:08:49 ต้นด้วยโซเดียมอีกแล้วครับก็จะทำให้คุณ
00:08:49 → 00:08:51 ได้รับโซเดียมเกินปริมาณที่ร่างกาย
00:08:51 → 00:08:54 ต้องการนั่นเองครับเพราะฉะนั้นในคลิปนี้
00:08:54 → 00:08:57 นะครับหมอแบงค์ขอสรุปให้กับทุกคนเลยครับ
00:08:57 → 00:09:01 ว่าว่าโซเดียมเนี่ยจริงๆแล้วก็เป็นสาร
00:09:01 → 00:09:04 สำคัญเป็นและ 5 สำคัญในร่างกายนะครับเขา
00:09:04 → 00:09:07 เป็นพระเอกเลยนะครับในร่างกายทุกอย่างเรา
00:09:07 → 00:09:10 ส่งกระแสสัญญาณประสาทดูแลระบบกล้ามเนื้อ
00:09:10 → 00:09:14 ระบบไตนะครับแต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคุณได้
00:09:14 → 00:09:18 รับโซเดียมมากเกินไปครับซึ่งคนทั่วโลกได้
00:09:18 → 00:09:20 รับเกินประมาณ 3-4 เท่าครับถ้าคุณไม่ได้
00:09:20 → 00:09:23 อยากมีหุ่นแบบคนทั่วโลกนะครับคุณก็ทำกับ
00:09:23 → 00:09:26 เขาเลยครับกินโซเดียมให้ต่ำกว่าพัน 500
00:09:26 → 00:09:30 mg ครับหรืออาจเริ่มต้นแค่เกลือ 1 ช้อน
00:09:30 → 00:09:33 ชาเนี่ยไม่ให้เกินต่อวันก่อนครับก็จะช่วย
00:09:33 → 00:09:37 ให้คุณไม่บวมน้ำครับทำให้คุณเนี่ยลดน้ำ
00:09:37 → 00:09:40 หนักต่อได้อย่างมีความสุขไม่เจอจุดตันและ
00:09:40 → 00:09:43 ไม่สะบัดแต่ครับที่สำคัญเนี่ยความดันคุณ
00:09:43 → 00:09:47 จะลดลงทันทีครับงานวิจัยสุดท้ายนะครับที่
00:09:47 → 00:09:50 มาแบงค์อยากให้ทุกคนดูครับยิ่งคุณลด
00:09:50 → 00:09:53 โซเดียมมากเท่าไหร่ครับความดันคุณจะยิ่ง
00:09:53 → 00:09:57 ดีตามปริมาณโซเดียมที่คุณลดลงนั่นเองครับ
00:09:57 → 00:09:59 สุดท้ายนี้นะครับถ้าเกิดใครนะครับอยาก
00:09:59 → 00:10:02 เหรอเริ่มต้นทานอาหารอย่างถูกต้องนะครับ
00:10:02 → 00:10:05 โดยไม่ถูก Diet ต่างๆต่ออีกแล้วนะครับให้
00:10:05 → 00:10:08 คุณดูคลิปนี้นะครับ 3 เคล็ดลับความผอมที่
00:10:08 → 00:10:11 คน 99 เปอร์เซ็นต์ไม่รู้จะช่วยคุณทาน
00:10:11 → 00:10:14 อาหารได้อย่างถูกต้องครับส่วนถ้าใครนะ
00:10:14 → 00:10:16 ครับอยากเรียนรู้ศาสตร์อาหารอย่างเชิงลึก
00:10:17 → 00:10:19 ครับแล้วก็มีหมอแบงค์คอยดูแลระหว่างทาง
00:10:20 → 00:10:23 ด้วยให้คุณดูคลิปนี้นะครับ HD oem คลาส
00:10:23 → 00:10:26 เรียนลดน้ำหนักสายธรรมชาติครับผมก่อนที่
00:10:26 → 00:10:29 เราจะจากกันในคลิปนี้นะครับทุกคนรับพรจาก
00:10:29 → 00:10:31 หมอแบงค์ก่อนนะครับขอให้ทุกคนนะครับมี
00:10:31 → 00:10:35 ความสุขในชีวิตมากขึ้นนะครับได้อยู่กับคน
00:10:35 → 00:10:38 ที่รักไปนานๆมีอายุที่ยืนยาวครับปราศจาก
00:10:38 → 00:10:41 โรคภัยไข้เจ็บแล้วเราเจอกันในคลิปถัดไป
00:10:41 → 00:10:44 อยู่กับผมหมอแบงค์ดอกเกอร์แบงก์ Food
00:10:44 → 00:10:47 Doctor