00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้ง
00:00:03 → 00:00:06 ใหญ่ในประเทศไทยวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่าน
00:00:06 → 00:00:09 มานะครับมันก็ทำให้เกิดตึกถล่มแล้วก็บ้าน
00:00:09 → 00:00:13 เรือนอาคารเสียหายเป็นจำนวนมากในขณะนี้ก็
00:00:13 → 00:00:16 ยังมีผู้ที่ติดอยู่ภายใต้ซากปรากนะครับ
00:00:16 → 00:00:20 แล้วก็ยังคงมีความพยายามที่จะช่วยเหลือนำ
00:00:20 → 00:00:24 พาผู้ที่ติดอยู่ข้างในออกมาวันนี้นะครับ
00:00:24 → 00:00:27 ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมเล่าเนี่ยอาจจะไปไม่
00:00:27 → 00:00:30 ถึงผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคารเหล่านั้นนะ
00:00:30 → 00:00:32 ครับแต่ผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมเล่าจะเป็น
00:00:32 → 00:00:36 ประโยชน์กับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือกับคน
00:00:36 → 00:00:38 เหล่านี้นะครับถ้าเกิดว่าเป็นแพทย์หรือ
00:00:38 → 00:00:41 บุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เคยเจอภาวะนี้มา
00:00:41 → 00:00:45 ก่อนก็จะได้ทราบนะครับรวมทั้งบุคลากรคน
00:00:45 → 00:00:48 ทั่วไปประชาชนทั่วไปถ้าในอนาคตเกิดท่าน
00:00:49 → 00:00:51 โชคร้ายจริงๆแล้วไปติดอยู่ในซากอาคารแบบ
00:00:51 → 00:00:55 เดียวกันนะครับมันมีวิธีอะไรบ้างที่จะทำ
00:00:55 → 00:00:58 ให้เรามีสติแล้วก็เพิ่มโอกาสมีชีวิตรอด
00:00:58 → 00:01:01 เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับ
00:01:01 → 00:01:03 นายแพทย์ธนีตนียวัณเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:01:03 → 00:01:05 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:01:05 → 00:01:09 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเรื่อง
00:01:09 → 00:01:11 แผ่นดินไหวครั้งนี้นะครับก็ทำให้ประเทศ
00:01:11 → 00:01:13 ไทยของเราเนี่ยจะต้องกลับมาทบทวนหลายๆ
00:01:13 → 00:01:16 อย่างเลยนะครับไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างนะ
00:01:16 → 00:01:19 ครับของอาคารต่างๆนะครับการก่อสร้างการ
00:01:19 → 00:01:23 จัดซื้อจัดจ้างนะครับว่าเหมาะสมแค่ไหนนะ
00:01:23 → 00:01:26 ครับแล้วก็แน่นอนครับระบบรักษาความปลอด
00:01:26 → 00:01:29 ภัยต่างๆนะครับก็จำเป็นจะต้องมาดูแลนะ
00:01:29 → 00:01:33 ครับทีนี้เวลาที่เราติดในซากอาคารเป็น
00:01:33 → 00:01:35 เวลานานนะครับก็ต้องบอกอย่างี้ครับว่า
00:01:35 → 00:01:38 โอกาสในการรอดชีวิตมันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ
00:01:38 → 00:01:42 นะครับคนเราเนี่ยขาดน้ำได้ประมาณ 72 ชมง
00:01:42 → 00:01:45 นะครับแต่จะขาดอาหารได้ประมาณ 2-3
00:01:45 → 00:01:49 อาทิตย์อย่างไรก็ตามนะครับตัวเลขนี้เนี่ย
00:01:49 → 00:01:52 มันไม่ใช่เป็นตัวเลขที่เป๊ะๆนะครับเพราะ
00:01:52 → 00:01:56 ว่ามันก็มีคนที่รอดชีวิตอยู่ภายใต้ซากปัก
00:01:56 → 00:01:58 หักพันธ์เป็นเวลานานกว่านั้นเช่นกันนะ
00:01:58 → 00:02:02 ครับถึงแม้ว่าจะมีอาหารและน้ำเลยนะฮะและ
00:02:02 → 00:02:05 ที่สำคัญนะครับแต่ละคนร่างกายก็ไม่เหมือน
00:02:05 → 00:02:08 กันถ้าเกิดว่าเราเป็นคนที่มีภาวะทุกข์
00:02:08 → 00:02:11 โภชนาการมีโรคต่างๆมากมายนะครับพวกนี้แน่
00:02:11 → 00:02:14 นอนครับมันก็จะต้องทนการขาดน้ำขาดอาหาร
00:02:14 → 00:02:18 ไม่ไหวนะครับและนี่ครับเป็นเหตุหนึ่งซึ่ง
00:02:18 → 00:02:23 เป็นอันตรายได้นะฮะแล้วกรณีนี้นะครับผม
00:02:23 → 00:02:26 ต้องขอโยงไปกับสิ่งซึ่งกำลังเป็นแฟชั่นใน
00:02:26 → 00:02:29 ปัจจุบันนั่นก็คือการทำ Intermittent
00:02:29 → 00:02:33 fasting แล้วบางคนนะครับทำ intermittent
00:02:33 → 00:02:36 fasting ชนิดที่เรียกว่าโหดมากนะครับ
00:02:36 → 00:02:39 แล้วเป็นการทำ dry fasting นั่นก็คือไม่
00:02:39 → 00:02:42 กินเลยแม้แต่น้ำนะครับอันเนี้ยถือว่าเป็น
00:02:42 → 00:02:45 อันตรายต่อร่างกายมากๆนะครับดังนั้นก็
00:02:45 → 00:02:49 ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งนะครับ
00:02:49 → 00:02:53 ทีนี้คนที่เค้าติดอยู่ภายใต้ซากปรากเนี่ย
00:02:53 → 00:02:57 เค้าจะเสียชีวิตได้ยังไงนะครับกรณีแรกนะ
00:02:57 → 00:03:02 ครับแน่แน่นอนถูกหินถูกสิ่งก่อสร้างต่างๆ
00:03:02 → 00:03:04 หล่นลงมาทับนะครับถ้าทับบริเวณที่มัน
00:03:04 → 00:03:07 สำคัญของร่างกายเช่นหัวนะครับหรือตรงหน้า
00:03:07 → 00:03:10 อกเนี่ยก็อาจจะเสียชีวิตได้ทันทีนะครับ
00:03:10 → 00:03:13 การที่ทับตรงหน้าอกแล้วทำให้เขาหายใจไม่
00:03:13 → 00:03:17 ได้เนี่ยนะครับมันก็จะมีปัญหาอย่างหนึ่ง
00:03:17 → 00:03:19 นะครับเรียกว่าเป็นการกดทับและทำให้เรา
00:03:19 → 00:03:22 หายใจเข้าออกไม่ได้เลยนะครับนั่นก็จะทำ
00:03:22 → 00:03:24 ให้เสียชีวิตได้ในที่สุดนะครับเรียกว่า
00:03:24 → 00:03:27 compression aspixiation นะครับก็มีการ
00:03:27 → 00:03:31 กดทับแล้วก็ขาดอากาศในที่สุดนะครับหรือ
00:03:31 → 00:03:33 บางทีเนี่ยทำให้ซี่โครงของเรามันหักแล้ว
00:03:33 → 00:03:36 ก็ไปทิ่มปอดเกิดลมรั่วออกมาจากปอดสุดท้าย
00:03:37 → 00:03:39 ก็เสียชีวิตพวกนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่า
00:03:39 → 00:03:42 โอกาสเสียชีวิตเนี่ยสูงมากแล้วก็มักจะ
00:03:42 → 00:03:44 เสียชีวิตในทันทีกลุ่มพวกนี้ไม่ว่าจะทำ
00:03:44 → 00:03:47 ยังไงเนี่ยก็มักจะไม่รอดเพราะว่าการช่วย
00:03:47 → 00:03:50 เหลือกว่าจะมาถึงตัวเนี่ยเค้าก็มักจะไม่
00:03:50 → 00:03:53 มีชีวิตเหลืออยู่แล้วนะครับแต่อีกกลุ่ม
00:03:53 → 00:03:56 นึงที่อาจจะมีชีวิตรอดได้ก็คือกลุ่มที่
00:03:56 → 00:04:00 ยังไม่ได้เสียชีวิตในทันทีอาจจะติดอยู่ใน
00:04:00 → 00:04:03 ช่องว่างระหว่างซากปรักหักพังนะครับหรือ
00:04:04 → 00:04:07 ว่าอาจจะมีการโดนทับบองบริเวณเช่นแขนขา
00:04:07 → 00:04:09 หรืออะไรพวกนี้ทำให้ออกมาไม่ได้นะครับ
00:04:09 → 00:04:13 กลุ่มพวกเนี้ยยังพอที่จะมีโอกาสรอดได้นะ
00:04:13 → 00:04:16 ครับในการเพิ่มโอกาสที่จะรอดได้นะครับ
00:04:16 → 00:04:20 สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึงเลยก็คือจะต้อง
00:04:20 → 00:04:23 ควบคุมการหายใจให้ได้เพราะว่าเมื่อไหร่
00:04:23 → 00:04:27 ที่เราตื่นตกใจหายใจเร็วร่างกายจะยิ่งใช้
00:04:27 → 00:04:30 ออกซิเจนเร็วมากขึ้นเท่านั้นนะครับแล้ว
00:04:30 → 00:04:32 ถ้าท่านอยู่ในซากปักหักพังเนี่ยก็ต้องรู้
00:04:32 → 00:04:35 ว่าบริเวณที่จะทำให้ท่านขยับขยายได้เนี่ย
00:04:35 → 00:04:38 มันจะน้อยอากาศตรงบริเวณนั้นก็จะน้อยดัง
00:04:38 → 00:04:41 นั้นถ้าท่านหายใจเร็วและแรงนะครับก็มี
00:04:41 → 00:04:44 โอกาสที่อากาศมันจะหมดไปแล้วก็นำไปสู่การ
00:04:44 → 00:04:47 เสียชีวิตได้นะครับตรงเนี้ยเป็นสิ่งที่
00:04:47 → 00:04:52 ต้องควบคุมคำถามก็คือแล้วเราจะควบคุมยัง
00:04:52 → 00:04:56 ไงเรื่องของการหายใจนะครับแน่นอนครับผม
00:04:56 → 00:04:59 ใส่เสื้อสติตัวนี้ไว้เพื่อที่จะให้ทุกคน
00:04:59 → 00:05:03 มีสติก่อนนะครับในหัวเราอ่ะวิธีแรกที่จะ
00:05:03 → 00:05:07 ทำให้เราเข้าใจทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวนะ
00:05:07 → 00:05:10 ครับลองพยายามขยับเขยื้อนส่วนต่างๆของ
00:05:10 → 00:05:12 ร่างกายเล็กน้อยเช่นพวกบริเวณนิ้วเท้า
00:05:12 → 00:05:15 นิ้วมือนะครับให้รู้ตัวว่าเราสามารถควบ
00:05:15 → 00:05:18 คุมอะไรได้บ้างมีการบาดเจ็บอยู่ที่ไหน
00:05:18 → 00:05:22 สำรวจตัวเองก่อนนะครับแล้วหลังจากนั้น
00:05:22 → 00:05:25 เนี่ยให้เราลองดูถ้าเรามีตรงไหนที่บาด
00:05:25 → 00:05:28 เจ็บอย่าเคลื่อนไหวบริเวณนั้นเพราะว่ามัน
00:05:28 → 00:05:31 จะยิ่งทำให้บาดแผลเนี่ยเป็นหนักขึ้นนะ
00:05:31 → 00:05:34 ครับการที่เราจะเรียกสติกลับมาให้เรานอก
00:05:34 → 00:05:37 เหนือจากการที่เราเคลื่อนไหวนิ้วแล้วก็
00:05:37 → 00:05:39 อวัยวะต่างๆของร่างกายเท่าที่เราพอทำได้
00:05:39 → 00:05:43 แล้วนะครับการหายใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง
00:05:43 → 00:05:46 ซึ่งท่านจะทำได้นะครับและวิธีนึงซึ่งช่วย
00:05:46 → 00:05:49 ได้ดีมากในภาวะนี้ก็คือ Box Breathing
00:05:49 → 00:05:51 หรือการหายใจแบบกล่องนะครับหมายความว่า
00:05:51 → 00:05:54 เราหายใจเข้านับ 1-4 1 2 3 4 แล้ว
00:05:54 → 00:05:57 กลั้นนับ 1 2 3 4 เหมือนกันนะครับหาย
00:05:57 → 00:06:01 ใจออกนับ 1 2 3 4 แล้วก็กลั้น 1 2 3
00:06:01 → 00:06:04 4 ทำอย่างเงี้ยสลับไปเรื่อยๆอย่างนี้นะ
00:06:04 → 00:06:09 ครับ 4 นับ 1 2 3 4 หายใจออก 1 2 3
00:06:09 → 00:06:14 4 กลั้นไว้ 1 2 3 4 หายใจเข้า 2
00:06:14 → 00:06:16 อย่างเงี้ยทำไปเรื่อยๆนะครับมันจะช่วยทำ
00:06:16 → 00:06:19 ให้ระบบร่างกายของเราเนี่ยช้าลงเราก็จะ
00:06:19 → 00:06:22 ตื่นเต้นน้อยลงนะครับสติของเราก็จะมาง่าย
00:06:22 → 00:06:25 ขึ้นทีนี้ในช่วงเวลาเนี้ยเนี่ยความคิด
00:06:25 → 00:06:28 ต่างๆมันจะต้องเข้ามาแน่นอนนะครับเช่นว่า
00:06:28 → 00:06:32 ฉันติดอยู่ในเนี้ยฉันจะตายแน่ๆละนะครับ
00:06:32 → 00:06:34 ให้คุณเปลี่ยนความคิดอย่างนี้นะครับข้อ
00:06:34 → 00:06:37 แรกคนเราจะมีชีวิตอยู่ได้เนี่ยมันจะต้อง
00:06:37 → 00:06:40 มีเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนนะครับให้เรา
00:06:40 → 00:06:43 ลองคิดไว้เลยว่ามีใครที่ต้องการฉันอยู่
00:06:43 → 00:06:47 ไหมนะครับฉันจะต้องไปทำอะไรบ้างจะต้อง
00:06:47 → 00:06:49 กลับไปหาพ่อแม่กลับไปหาคนรักกลับไปหาลูก
00:06:49 → 00:06:52 ให้ได้เขายังคงต้องการฉันอยู่นะครับสร้าง
00:06:53 → 00:06:55 เป้าหมายของชีวิตให้ชัดเจนนะครับแล้วก็
00:06:55 → 00:06:58 คิดภาพในหัวให้มันแจ่มชัดไว้เลยว่าหลัง
00:06:58 → 00:07:00 จากที่ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เนี่ยท่านจะ
00:07:00 → 00:07:03 เข้าไปกอดคนรักเข้าไปหาเค้านะครับมันเป็น
00:07:03 → 00:07:06 การสร้างความรู้สึกที่ทำให้เราอยากมี
00:07:06 → 00:07:10 ชีวิตอย่างแรงกล้านะครับและต้องพยายามตัด
00:07:10 → 00:07:13 ความคิดลบต่างๆออกไปเช่นเราบอกว่าเนี่ย
00:07:13 → 00:07:16 ตอนนี้เราติดอยู่ในซากปราหักพังตรงเนี้ย
00:07:16 → 00:07:18 มันคงไม่มีใครหาเราเจอเปลี่ยนความคิดซะ
00:07:18 → 00:07:23 ครับเปลี่ยนว่าในขณะเนี้ยเรากำลังหลบอยู่
00:07:23 → 00:07:25 เพียงแค่รอรอคนมาหาเราเท่านั้นนะครับ
00:07:25 → 00:07:29 เดี๋ยวเค้าก็หาเราเจอนะฮะคิดซะว่าในขณะ
00:07:29 → 00:07:32 นี้นะครับเราอยู่ในที่ที่มันปลอดภัยที่
00:07:32 → 00:07:35 สุดนะครับเรากำลังพยายามมีชีวิตรอดนะฮะ
00:07:35 → 00:07:38 เราไม่ได้กำลังถูกทิ้งนะครับคนภายนอก
00:07:38 → 00:07:42 เนี่ยนะฮะเค้าพยายามช่วยเราอยู่ส่วนคนภาย
00:07:42 → 00:07:45 นอกคนไหนที่บอกว่าอุ๊ยเกินเวลาไปแล้วนะ
00:07:45 → 00:07:48 ครับเกินช่วงเวลาไปแล้วดังนั้นเราไม่ควร
00:07:48 → 00:07:50 จะไปค้นหาคนเหล่านี้ต่อท่านก็ไม่ต้องไป
00:07:50 → 00:07:52 ฟังคนเหล่านี้นะครับไม่ต้องเอาคนเหล่านี้
00:07:52 → 00:07:54 เข้ามาไว้ในสมองของท่านเลยแม้แต่น้อย
00:07:54 → 00:07:57 เดียวนะครับคนเหล่านี้เนี่ยเดี๋ยวรอจน
00:07:57 → 00:07:59 กระทั่งเขาเกิดเรื่องขึ้นมาและถ้าเขาไม่
00:07:59 → 00:08:01 มีความช่วยเหลืออะไรตกมาถึงเขานะครับเดี๋
00:08:01 → 00:08:03 เขาก็จะคิดเสียใจเองนั่นแหละที่สมัยก่อน
00:08:03 → 00:08:06 เคยพูดแบบนั้นออกไปนะ
00:08:06 → 00:08:09 ครับงั้นเราต้องเรียกสติด้วยการหายใจก่อน
00:08:09 → 00:08:12 นะครับสร้างเหตุผลที่ต้องการจะมีชีวิต
00:08:12 → 00:08:15 อยู่ให้ชัดเจนแล้วก็ตัดความคิดลบออกไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับด้วยวิธีอย่างที่ผมเล่าไปเมื่อกี้นี้
00:08:18 → 00:08:21 นะครับต่อมานะครับสิ่งที่ต้องทำอย่างนึง
00:08:21 → 00:08:24 ก็คือบริเวณนั้นจะมีฝุ่นฝุ่นเยอะมากนะ
00:08:24 → 00:08:26 ครับการหายใจเอาฝุ่นเข้าไปเนี่ยไม่ดีนะ
00:08:26 → 00:08:30 ครับและมันจะทำให้เราเนี่ยยิ่งคอแห้งจมูก
00:08:30 → 00:08:33 แห้งนะครับถ้าเป็นไปได้นะครับท่านมีเสื้อ
00:08:33 → 00:08:36 ผ้าอะไรซักอย่างที่ใส่อย่างเงี้นะครับดึง
00:08:36 → 00:08:40 มันขึ้นมาตรงจมูกนะครับแล้วหายใจผ่านตรง
00:08:40 → 00:08:42 นั้นอย่างน้อยๆมันจะเป็นการกรองอีกชั้น
00:08:42 → 00:08:45 หนึ่งการหายใจแนะนำว่าให้หายใจผ่านทาง
00:08:45 → 00:08:48 จมูกนะครับเพราะว่าการหายใจทางปากมันจะทำ
00:08:48 → 00:08:53 ให้เราสูญเสียไอน้ำนะครับสูญเสียความร้อน
00:08:53 → 00:08:56 ไปได้ค่อนข้างรวดเร็วซึ่งในขณะนั้นเนี่ย
00:08:56 → 00:08:59 แน่นอนครับน้ำหายากแล้วบางทีก็ไม่มีการ
00:08:59 → 00:09:02 พยายามจะเก็บน้ำไว้ในร่างกายตัวเองเนี่ย
00:09:02 → 00:09:04 เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำให้มากที่สุดนะ
00:09:04 → 00:09:08 ครับงั้นการสร้างการหายใจด้วยจมูกจะเป็น
00:09:08 → 00:09:11 สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำการใช้ผ้าปิดเพื่อ
00:09:11 → 00:09:14 ป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปข้างในร่างกายเรา
00:09:14 → 00:09:17 จำเป็นต้องทำนะครับพยายามสร้างบริเวณที่
00:09:17 → 00:09:20 จะหายใจได้นะครับถ้ายังเคลื่อนไหวไปตรง
00:09:20 → 00:09:23 ไหนที่มันมีช่องเล็กๆเนี่ยเนี่ยให้เอา
00:09:23 → 00:09:25 ช่องนั้นเป็นช่องที่เราหายใจได้นะครับอ่า
00:09:25 → 00:09:28 อาจจะเอาเอาเสื้อผ้าเอาอะไรไปปิดไม่ให้มี
00:09:28 → 00:09:31 ฝุ่นไม่ให้มีอะไรเข้ามาเท่าที่เราพอทำได้
00:09:31 → 00:09:34 นะครับนี่เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำสิ่งที่ 2
00:09:34 → 00:09:36 ต่อมานะครับถ้ามีน้ำอยู่ตรงบริเวณนั้นไม่
00:09:36 → 00:09:41 ว่าจะเป็นน้ำอะไรนะครับท่านดื่มซะนะครับ
00:09:41 → 00:09:44 ดื่มซะบางทีอยู่ตรงบริเวณที่มันมีแอร์นะ
00:09:44 → 00:09:46 ครับอาจจะมีไอน้ำเหลืออยู่นะครับหรือว่า
00:09:46 → 00:09:49 ตรงไหนก็แล้วแต่ที่มีน้ำเนี่ยดื่มซะแต่
00:09:49 → 00:09:52 แนะนำว่าอย่าดื่มปัสสาวะตัวเองเป็นขาด
00:09:52 → 00:09:54 เพราะว่ามันจะยิ่งทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้
00:09:55 → 00:09:57 นะครับเนื่องจากว่าปัสสาวะของเราเี่มันมี
00:09:57 → 00:09:59 ความเข้มข้นสูงนะครับยิ่งดื่มยิ่งกระหาย
00:09:59 → 00:10:02 น้ำนะครับไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นนะยกเว้น
00:10:02 → 00:10:06 แต่ตอนแรกสุดที่มันอาจจะยังไม่มีปัสสาวะ
00:10:06 → 00:10:09 ที่เข้มข้นเกินไปอาจจะพอเก็บไว้ได้นะถ้า
00:10:09 → 00:10:12 ปัสสาวะก็เก็บไว้ก่อนนะถ้าสุดๆจริงๆแล้ว
00:10:12 → 00:10:14 ตอนนั้นน่ะท่านอาจจะค่อยดื่มทีหลังก็ได้
00:10:14 → 00:10:17 นะครับนี่คือสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องทำนะ
00:10:17 → 00:10:22 ครับแล้วก็อย่าขยับตัวเยอะอยู่นิ่งๆถวคอย
00:10:22 → 00:10:25 เงียหูฟังว่ามีเสียงอะไรมามั้ยนะครับถ้า
00:10:25 → 00:10:28 แถวนั้นเนี่ยมีอะไรที่ท่านสามารถหยิบจับ
00:10:29 → 00:10:31 ได้เช่นกระเบื้องอิฐเหล็กหรืออะไรก็แล้ว
00:10:31 → 00:10:34 แต่นะครับให้หยิบไว้เพราะว่าท่านจะได้ใช้
00:10:34 → 00:10:39 มันในการส่งสัญญาณอย่าตะโกนท่านต้องเก็บ
00:10:39 → 00:10:43 แรงไว้นะครับยิ่งตะโกนมันยิ่งตกใจยิ่งทำ
00:10:43 → 00:10:46 ให้ท่านหายใจเร็วยิ่งใช้ออกซิเจนเยอะยิ่ง
00:10:46 → 00:10:49 มีปัญหามากนะครับดังนั้นการที่คุณมีของ
00:10:49 → 00:10:52 ที่เอาไว้ส่งสัญญาณได้เช่นหินเนี่ยนะครับ
00:10:52 → 00:10:56 ก็เคาะไปเลย
00:10:56 → 00:11:00 ครับอย่างเงี้ยนะครับมันเป็นสัญญาณซึ่ง
00:11:00 → 00:11:02 แน่นอนทุกคนก็ฟังแล้วก็เอออันเนี้ยจะเป็น
00:11:02 → 00:11:05 สัญญาณที่ส่งมาจากคนแน่ๆดังนั้นแปลว่าจะ
00:11:05 → 00:11:08 ต้องค้นหาเราได้นะครับอันเนี้ยมันจะเป็น
00:11:08 → 00:11:11 การช่วยเซฟพลังงานของท่านได้นะครับอันนี้
00:11:11 → 00:11:14 คือวิธีในการเอาตัวรอดให้ได้นานที่สุด
00:11:14 → 00:11:18 เท่าที่จะเป็นไปได้นะทีนี้สำหรับผู้ที่
00:11:18 → 00:11:21 เข้าไปช่วยเหลือนะครับก็ต้องทราบอย่าง
00:11:21 → 00:11:25 หนึ่งคนเหล่านี้เนี่ยถ้าเกิดว่าติดภายใต้
00:11:25 → 00:11:28 ซากปคักพันธ์เป็นเวลานานนะครับหลาย
00:11:28 → 00:11:32 ชั่วโมงถ้าไปเจอเค้านะครับอย่าได้ดึงเค้า
00:11:32 → 00:11:36 มาออกมาเดี๋ยวนั้นทันทีเพราะว่าเขาจะเสีย
00:11:36 → 00:11:37 ชีวิต
00:11:37 → 00:11:40 ได้บางคนเนี่ยผมไม่รู้ว่าคนเคยเห็นหรือ
00:11:40 → 00:11:43 เปล่านะครับมันเคยมีกรณีตึกถล่มแบบนี้
00:11:43 → 00:11:47 แหละนะฮะแล้วคนก็อยู่ตรงบริเวณนั้นนะฮะมี
00:11:47 → 00:11:51 ชีวิตดีรอดได้นะครับโดนหินทับอยู่ยกหิน
00:11:51 → 00:11:55 ออกอุ้มออกมาหมดสติไปเรียบร้อยเลยเสีย
00:11:55 → 00:11:58 ชีวิตเลยถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นนะครับ
00:11:58 → 00:12:01 มันจะเกิดภาวะอันหนึ่งเรียกว่า crush
00:12:01 → 00:12:03 injury นะครับ crush injury เนี่ยคือ
00:12:03 → 00:12:06 การที่เนื้อเยื่อของเราเนี่ยมันโดนทับ
00:12:06 → 00:12:10 แล้วมันก็เกิดการตายนะครับแน่นอนหินทับ
00:12:10 → 00:12:12 เช่นทับขาเนี่ยกระดูกหักหรือว่ากล้าม
00:12:12 → 00:12:15 เนื้อตรงนั้นมันตายมันสลายไปเวลามันสลาย
00:12:15 → 00:12:18 ไปเนี่ยเซลล์ต่างๆมันแตกออกนะครับในเซลล์
00:12:18 → 00:12:21 เนี่ยมันจะมีสารที่มันมีปัญหาเยอะๆอย่าง
00:12:21 → 00:12:24 แรกก็คือโพแทสเสียมอย่างที่ 2 คือไมโลบิน
00:12:24 → 00:12:27 นะครับและอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น
00:12:27 → 00:12:32 ยูริซนะครับอ่าฟอสฟอรัสนะฮะและเซลล์มันก็
00:12:33 → 00:12:36 มีของที่มันเป็นพิษแล้วเราไม่ชอบนะครับที
00:12:36 → 00:12:40 นี้ถ้าท่านยกเอาหินน่ะออกจากขาทันทีนะ
00:12:40 → 00:12:44 ครับเลือดที่อยู่ตรงบริเวณนั้นจะกลับมาใน
00:12:44 → 00:12:46 ระบบร่างกายทันทีนะครับและเลือดนั้นจะ
00:12:46 → 00:12:49 เต็มไปด้วยของเสียเหล่านี้ร่างกายจะมี
00:12:49 → 00:12:52 ภาวะโพแทสเซียมสูงแบบฉับพลันโปแทสเซียม
00:12:52 → 00:12:55 สูงฉับพลันปุ๊บจะทำให้หัวใจหยุดเต้นทันที
00:12:55 → 00:12:58 ครับหัวใจเต้นผิดปกติแล้วก็หยุดเต้นแล้ว
00:12:58 → 00:13:01 ก็เสียชีวิตในที่สุดนะนี่คือปัญหาอัน
00:13:01 → 00:13:05 หนึ่งเลยอันที่ 2 มันจะเกิดภาวะที่เรียก
00:13:05 → 00:13:08 ว่า reperfusion injury reperfusion
00:13:08 → 00:13:10 injury ก็คือบริเวณที่โดนกดทับเป็นเวลา
00:13:10 → 00:13:13 นานเนี่ยนะครับมันขาดเลือดถ้าเราเอาหิน
00:13:13 → 00:13:16 ที่มันกดทับออกแล้วนะฮะสิ่งที่เกิดขึ้น
00:13:16 → 00:13:18 ต่อมาก็คือเลือดเลือดจะไปเลี้ยงบริเวณ
00:13:18 → 00:13:21 นั้นได้มากขึ้นการที่เลือดไปเลี้ยงบริเวณ
00:13:21 → 00:13:24 นั้นได้มากขึ้นมันเห็นว่าระบบต่างๆตรง
00:13:24 → 00:13:26 บริเวณนั้นมันเสียหายเยอะนะครับมันจะต้อง
00:13:26 → 00:13:28 มีการซ่อมแซมแต่เนื่องจากมันเสียหายเยอะ
00:13:28 → 00:13:32 มีการซ่อมแซมมันจะเกิดภาวะอักเสบรุนแรง
00:13:32 → 00:13:35 มากๆนะครับหรือเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า
00:13:35 → 00:13:38 อนุมูลอิสระ reactive oอก species อย่าง
00:13:38 → 00:13:42 เยอะเลยการมีอนุมูลอิสระที่มากมายมหาศาล
00:13:42 → 00:13:44 รวดเดียวเข้ามาในกระแสเลือดเนี่ยแน่นอน
00:13:44 → 00:13:48 ครับว่ามันทำให้เกิดช็อกได้แล้วคนอาจจะ
00:13:48 → 00:13:51 เสียชีวิตเพราะเหตุนี้ได้นะฮะอันเนี้ย
00:13:51 → 00:13:54 เป็นเหตุผลหลักๆอีกเหตุผลนึงก็คือแน่นอน
00:13:54 → 00:13:57 ต้องมีเลือดออกภายในสักอย่างนึงดังนั้นนะ
00:13:57 → 00:14:00 ครับถ้าเราไปเจอคนเหล่านี้แล้วเนี่ยก่อน
00:14:00 → 00:14:04 ที่จะทำอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับหาทางแทงน้ำ
00:14:04 → 00:14:08 เกลือเข้าไปให้ได้นะครับตรงไหนก็ได้เลยนะ
00:14:08 → 00:14:11 เส้นเลือดตรงไหนก็ได้ตรงแขนตรงขาตรงคอสัก
00:14:11 → 00:14:15 ที่นึงใส่เข้าไปนะครับแล้วเราจะทำการให้
00:14:15 → 00:14:19 normal เeneนะครับผสมกับไบคาร์บอเนตนะ
00:14:19 → 00:14:22 ครับไบคาร์บอเนตเนี่ยมันจะมีเป็นแอมป์ก็
00:14:23 → 00:14:25 คือเป็นหลอด 1 อันใหญ่ๆนะครับเราผสม 1
00:14:25 → 00:14:29 หลอดเข้าไปใน Normaline นะครับ 1 แอมป์
00:14:29 → 00:14:31 กับ 1 ถุง Normaline 1 ลิตรนะครับกับนี่
00:14:31 → 00:14:34 เข้าไปใส่เข้าไปเลยนะครับแล้วให้เข้าไป
00:14:34 → 00:14:36 เลยทั้งขวดเนี่ยให้ไปเร็วๆเลยนะครับถาม
00:14:37 → 00:14:39 ว่าให้ไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมาข้อแรกนะ
00:14:39 → 00:14:42 ครับมันเป็นการเติมสารน้ำให้กับคนที่เขา
00:14:42 → 00:14:45 ขาดน้ำนะครับไบคาร์บอเนตเนี่ยมันจะช่วยใน
00:14:45 → 00:14:48 การลดโปแทasแเซียมในร่างกายได้นะครับการ
00:14:48 → 00:14:51 ที่มีสารน้ำเข้าไปในร่างกายก็จะทำให้ไต
00:14:51 → 00:14:54 มันสามารถขับโปแทสเซียมออกทางปัสสาวะได้
00:14:54 → 00:14:58 นะครับตรงเนี้ยเป็นสิ่งสำคัญไตมันขาดน้ำ
00:14:58 → 00:15:00 มานานมันมีปัญหาแล้วกล้ามเนื้อที่มันสลาย
00:15:00 → 00:15:03 มันปล่อยไมโลบินนะครับซึ่งเป็นอันตรายต่อ
00:15:03 → 00:15:06 ไตดังนั้นไตเนี่ยมันโดนรุม 2 แล้วนะครับ
00:15:06 → 00:15:09 คุณจะต้องจัดการภาวะพวกนี้ออกไปโดยการ
00:15:09 → 00:15:11 เติมสารน้ำเข้าไปในร่างกายช่วยให้ไตมัน
00:15:11 → 00:15:14 สามารถขับปัสสาวะได้นะครับไบคาร์บอเนต
00:15:14 → 00:15:16 ช่วยลดเรื่องของโปแทสเซียมถ้าไตทำงานได้
00:15:16 → 00:15:18 ดีแล้วปัสสาวะได้เยอะนะครับมันก็จะ
00:15:18 → 00:15:21 ปัสสาวะเอาโปแทสเซียมออกมาได้นี่คือสิ่ง
00:15:21 → 00:15:24 ที่ต้องทำแน่ๆนะครับคืออาจจะให้ไปเลย 2
00:15:24 → 00:15:29 ครั้งนะครับและที่สำคัญจะต้องเตรียมการ
00:15:30 → 00:15:33 รักษาภาวะโพแทสเซียมสูงแน่นอนครับว่าเรา
00:15:33 → 00:15:36 อาจจะไม่ได้ตรวจโปแทสเซียมได้ทันทีนะครับ
00:15:36 → 00:15:38 ยกอาจจะมีข้อยกเว้นถ้าเกิดเหมือนที่
00:15:38 → 00:15:42 อเมริกาเนี่ยเราจะมีเครื่องตรวจแบบพกผ่า
00:15:42 → 00:15:44 สามารถตรวจดูครีตนีนโพแทสเซียมแลคเตอะไร
00:15:44 → 00:15:48 พวกเได้นะครับแล้วถ้าถ้าเมืองไทยมีก็ดี
00:15:48 → 00:15:49 เหมือนกันเพราะถ้าเอาไปตรวจแล้วเราโอ้
00:15:49 → 00:15:51 โพแทสเซียมสูงเราจะรักษาได้นะครับแต่ถ้า
00:15:51 → 00:15:54 เกิดไม่มีเครื่องพวกเนี้ยสิ่งที่เมืองไทย
00:15:54 → 00:15:56 มีแน่ๆก็คือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจครับ
00:15:56 → 00:15:59 การตรวจไฟฟ้าหัวใจไม่ยากครับมันไม่ต้อง
00:15:59 → 00:16:02 ตรวจเป๊ะขนาดว่าโอ๊ยต้องติดเหมือนที่เขา
00:16:02 → 00:16:06 ติดในโรงพยาบาลเวลาตรวจนะครับไม่แขนกับขา
00:16:06 → 00:16:09 ก็พอหรือบางทีแค่ตรงนี้นะครับตรงตรงไหล่ 2
00:16:09 → 00:16:12 ข้างแล้วก็ตรงใต้ตรงท้องอีกอันนึงก็พอนะ
00:16:12 → 00:16:15 ครับตรงนี้เนี่ยเราเพื่อที่จะดูคลื่น
00:16:15 → 00:16:17 คลื่นไฟฟ้าที่มีลักษณะเข้าได้กับ
00:16:17 → 00:16:21 โพแทสเซียมสูงนะครับนั่นก็คือ Peak T wa
00:16:21 → 00:16:25 Wave นะครับปกติคลื่นฟ้าจะมี PQRS แล้ว
00:16:25 → 00:16:28 ก็ U นะครับถ้าเป็นภาวะโพแทสเซียมสูงใน
00:16:28 → 00:16:32 ร่างกายสิ่งแรกที่เราจะเจอนะครับคือตัว T
00:16:32 → 00:16:34 เวเนี่ยมันจะสูงแหลมเปี๊ยบขึ้นมาเลยนะ
00:16:34 → 00:16:38 ครับอ่าสูงแหลมเปี๊ยบเลยนะครับมันแค่ไหน
00:16:38 → 00:16:41 ถึงเรียกว่าสูงแหลมเปี๊ยบนะครับให้ลอง
00:16:41 → 00:16:43 จินตนาการอย่างนี้ดูนะครับอาจารย์ผมเคย
00:16:43 → 00:16:46 สอนมาว่าถ้าเกิดคุณเห็นตัว T Wave แล้ว
00:16:46 → 00:16:50 เนี่ยคิดซะว่ามันเป็นเก้าอี้นั่งแล้วกัน
00:16:50 → 00:16:52 ถ้าคุณนั่งแล้วคุณรู้สึกเจ็บก้นน่ะเออ
00:16:52 → 00:16:55 นั่นแหละ Peak T Wave
00:16:55 → 00:16:58 T แล้วก็แปลว่ามีภาวะโพแทสเซียมเกิดแต่
00:16:58 → 00:16:59 ถ้าเกิดคุณรู้สึกว่าเออคุณนั่งสบายมไม่มี
00:17:00 → 00:17:02 ปัญหาอันนั้นน่ะไม่ใช่ Peak T Wave นะ
00:17:02 → 00:17:04 ครับคุณไม่ต้องกังวลนะถ้ามีภาวะแบบนี้
00:17:04 → 00:17:09 ขึ้นมาแล้วนะครับแน่นอนว่าต้องรีบรักษานะ
00:17:09 → 00:17:12 ครับคือเราทำยังไงได้บ้างสิ่งแรกที่ต้อง
00:17:12 → 00:17:15 ทำก็ครับเนื่องจากว่าโปแทสเซียมสูงเนี่ย
00:17:15 → 00:17:17 มันจะทำให้กล้ามหัวใจทำงานผิดปกติได้เรา
00:17:17 → 00:17:22 จะต้องทำให้กล้ามหัวใจมันไม่ผิดปกตินะ
00:17:22 → 00:17:25 ครับโดยการฉีดแคลเซียมกลูโคนเข้าไปนะครับ
00:17:25 → 00:17:28 แคลเซียมกลูโคนมันมาเป็นแอมพูอยู่แล้วเรา
00:17:28 → 00:17:30 ก็ฉีดอันนั้นเข้าไปทั้งอันเลยฉีดเข้าไป
00:17:30 → 00:17:32 เร็วๆเลยก็ได้นะครับไม่ได้มีปัญหาอะไรตรง
00:17:32 → 00:17:35 นี้นะเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้หัวใจมัน
00:17:35 → 00:17:37 เต้นผิดปกติเราเรียกว่า Cardiac
00:17:38 → 00:17:40 Stabilization นะครับทำให้หัวใจไม่เต้น
00:17:40 → 00:17:43 ผิดปกติแต่แคลเซียมมันไม่ได้ช่วยลดโปแทas
00:17:43 → 00:17:46 ซียมครับมันจะต้องมีอีกการรักษานึงเพื่อ
00:17:46 → 00:17:49 เอาโปแทสเซียมไปไว้สักที่นึงอ่ะในที่นี้
00:17:49 → 00:17:51 ก็คือเอาเข้าไปในเซลล์ของเรานะครับโดยการ
00:17:51 → 00:17:55 ให้อินซูลินบวกกับกลูโคสนะครับอินซูลิน
00:17:55 → 00:17:57 เนี่ยมันจะทำให้โปแทสเซียมเข้าไปในเซลล์
00:17:57 → 00:18:00 ของเราได้นะครับทำให้ฟอสเฟตเข้าไปในเซลล์
00:18:00 → 00:18:03 ของเราได้แต่การฉีดอินซูลินเปล่าเข้าไป
00:18:03 → 00:18:05 เนี่ยไม่ได้มันจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ
00:18:05 → 00:18:09 ได้นะครับโดยเฉพาะถ้าเกิดคุณติดใต้ซากปับ
00:18:09 → 00:18:11 พังมานานเนี่ยแน่นอนนะครับว่ามันใช้น้ำ
00:18:11 → 00:18:13 ตาลในร่างกายไปค่อนข้างที่จะเยอะ
00:18:14 → 00:18:16 น้ำตาลเหลือน้อยการฉีดอินซูลินเข้าเพียวๆ
00:18:16 → 00:18:19 น้ำตาลตกแน่นอนนะครับและขนาดปกติคนธรรมดา
00:18:20 → 00:18:22 ฉีดอินซูลินเปล่าๆน้ำตาลยังตกเลยนะครับ
00:18:22 → 00:18:25 ดังนั้นก็เลยต้องมีการให้น้ำตาลควบคู่ไป
00:18:25 → 00:18:28 ด้วยในที่นี้ก็คือ Dexrose นะครับ Dexrose
00:18:28 → 00:18:32 บวกอินซูลินนะให้เข้าไปพร้อมกันโดยทั่วไป
00:18:32 → 00:18:35 ถ้าเป็นคนธรรมดาเนี่ยเราจะให้ regular
00:18:35 → 00:18:38 อินซูลิน 10 ยูนิตนะครับแล้วก็บวกกับ
00:18:38 → 00:18:42 Dextrose เนี่ย 1 แอมป์นะครับ 1 แอมพลนะ
00:18:42 → 00:18:48 ครับแต่มีแต่ถ้าเป็นกรณีคนติดในซากตึกแบบ
00:18:48 → 00:18:51 นี้นานๆและขาดอาหารมานานนะครับถ้าเป็นผม
00:18:51 → 00:18:54 นะผมจะให้อินซูลิน 10 ยูนิตเหมือนกันแต่
00:18:54 → 00:18:57 จะต้องให้ Dexrose 2 ample เพื่อป้อง
00:18:57 → 00:19:00 กันภาวะน้ำตาลตกครับมันจะต้องทำแบบนี้คน
00:19:00 → 00:19:02 เราน้ำตาลสูงน้ำตาลเกินเนี่ยไม่ค่อยเป็น
00:19:02 → 00:19:05 อะไรในช่วงแรกนะครับแล้วมันก็ไม่มีทาง
00:19:05 → 00:19:08 เกินเยอะไปด้วยแต่ถ้าน้ำตาลตกแล้วเนี่ย
00:19:08 → 00:19:11 ถึงตายได้ดังนั้นเนี่ยจำเป็นจะต้องให้แบบ
00:19:11 → 00:19:14 นี้นะครับวิธีในการให้คือ 2 amp ของ
00:19:14 → 00:19:17 Dexrose บวกกับ 10 ยูนิตของ regular
00:19:17 → 00:19:19 อินซูลินนะอันนี้ให้เข้าไปเลยก็จะช่วยได้
00:19:19 → 00:19:22 นะฮะอีกอย่างนึงซึ่งอาจจะพอช่วยได้แต่ก็
00:19:22 → 00:19:26 ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ก็คือการให้ตัวอัทol
00:19:26 → 00:19:28 นะซึ่งก็คือเป็นยาขยายรอลมนี่แหละแต่มัน
00:19:28 → 00:19:30 ต้องให้ขนาดสูงและให้ต่อเนื่องด้วยเพื่อ
00:19:30 → 00:19:33 ที่จะให้โพแทสเสียมเข้าไปในเซลล์นานๆ
00:19:33 → 00:19:35 อันเนี้ยมันผมไม่ค่อยอยากจะให้เพราะว่า
00:19:35 → 00:19:38 มันจะทำให้เราใจสั่นมากเลยนะครับใจสั่น
00:19:38 → 00:19:41 มากแล้วก็บางคนเนี่ยให้เข้าไปนานการเกิด
00:19:41 → 00:19:46 ภาวะแลคติสูงในร่างกายอ่ามันมีภาวะพิเศษ
00:19:46 → 00:19:48 นะครับสำหรับนักเรียนแพทย์ที่เข้ามาฟังนะ
00:19:48 → 00:19:52 ครับปกติแลคติเนี่ยข้อแรกมันเกิดจากการ
00:19:52 → 00:19:54 ที่ร่างกายของเราเนี่ยมีเลือดไปเลี้ยงไม่
00:19:54 → 00:19:56 เพียงพอนะครับเซลล์มันเกิดการหายใจแบบไม่
00:19:56 → 00:19:59 ใช้ออกซิเจนก็จะเกิดภาวะlaคติ asidosis
00:19:59 → 00:20:05 ขึ้นมาได้นะอีกภาวะนึงก็คือมันมีปัญหาที่
00:20:05 → 00:20:07 การใช้พลังงานนะครับไมโตคอนเดรียไม่
00:20:07 → 00:20:10 สามารถที่จะใช้พลังงานแบบผลิตออกมาตาม
00:20:10 → 00:20:14 ปกติได้นะครับพวกเนี้ยก็อาจจะเป็นจากยา
00:20:14 → 00:20:16 เช่นเม็ดฟอมินหรืออะไรพวกนี้ก็ได้นะครับ
00:20:16 → 00:20:18 แต่สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้เป็นแบบนั้นได้ก็
00:20:18 → 00:20:22 คือ high cataคolamineในที่นี้ก็คือคุณ
00:20:22 → 00:20:24 ให้ albiter หรือประเทศไทยใช้ตัว beutmal
00:20:24 → 00:20:27 เนี่ยให้เยอะเกินไปจะเกิดภาวะactิidosis
00:20:27 → 00:20:30 ได้แล้วคนไข้จะแย่ลงได้ดังนั้นเนี่ยส่วน
00:20:30 → 00:20:33 ใหญ่ผมจะไม่ให้ตัวนี้เท่าไหร่นะครับถ้าจะ
00:20:33 → 00:20:37 ให้ก็ให้ระยะสั้นๆนะโดยทั่วไปเวลาเราให้
00:20:37 → 00:20:40 ของพวกนี้เข้าไปนะครับให้แคลเซียมและตาม
00:20:40 → 00:20:42 ด้วยอินซูลินกับ dextrose เนี่ยเราจะดู
00:20:42 → 00:20:45 แล้วโอ้ค่าtวที่มันแหลมๆเนี่ยมันจะกลายไป
00:20:45 → 00:20:48 เป็นทู่เหมือนปกติและให้เราดูตรงเไว้ตลอด
00:20:48 → 00:20:51 เวลานะครับนี่คือสิ่งที่เราต้องทำนะบางคน
00:20:51 → 00:20:55 ถามว่าเออแล้วไอ้ขาที่มันโดนทับไปเนี่ย
00:20:55 → 00:20:58 เราต้องเอาอะไรมารัดมันมั้ยเพื่อไม่ให้
00:20:58 → 00:21:00 สารพิษมันวิ่งเข้ามาในร่างกายอันนั้นน่ะ
00:21:00 → 00:21:03 ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับนะถ้าจะรัดก็อาจจะ
00:21:03 → 00:21:05 รัดเพื่อห้ามเลือดเฉยๆก็ได้นะครับแต่ยัง
00:21:05 → 00:21:08 ไงก็ตามมันก็ต้องรักษาโปแทสเซียมอย่างที่
00:21:08 → 00:21:12 ผมบอกไปนะครับอ่าดังนั้นก่อนจะช่วยออกมา
00:21:12 → 00:21:16 Normaline บวกไปทั้งแอมป์นะครับให้ไป
00:21:16 → 00:21:18 ทั้งถุงเลยนะอาจจะต้องให้เพิ่มมากกว่า 1
00:21:18 → 00:21:21 ถุงด้วยซ้ำไปนะครับติด EKG เตรียมให้
00:21:21 → 00:21:24 แคลเซียมเตรียมให้ Dexose แล้วก็อินซูลิน
00:21:24 → 00:21:27 อาจจะต้องให้Dexซoseเป็น 2 ต่ออินซูลิน 10
00:21:27 → 00:21:30 นะครับจะต้องเป็นแบบนี้อัลบูทอลหรือal
00:21:30 → 00:21:32 เนี่ยอ่าไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่แต่ถ้าเกิด
00:21:32 → 00:21:35 สมมุติว่ามีโพแทสเซียมสูงจนกระทั่งTวสูง
00:21:35 → 00:21:37 มากๆนะครับแล้วเราทำทุกอย่างมันไม่ลง
00:21:37 → 00:21:39 เนี่ยก็อาจจำเป็นจะต้องใช้วิธีนี้เช่นกัน
00:21:39 → 00:21:43 นะครับอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นจะ
00:21:43 → 00:21:46 ต้องทราบนะฮะสำหรับผู้ที่ช่วยเหลือนะครับ
00:21:46 → 00:21:48 แน่นอนนะฮะว่าจะต้องมีการดูแลเรื่องของ
00:21:48 → 00:21:51 การบาดเจ็บก่อนที่จะเอาเ้าออกมานะครับ
00:21:51 → 00:21:53 เพราะว่ามีอีกอย่างนึงซึ่งจะทำให้คนแบบ
00:21:53 → 00:21:55 เนี้ยเสียชีวิตได้ทันทีถึงแม้ว่าท่านจะ
00:21:55 → 00:22:00 ช่วยได้ก็ตามนะครับคือภาวะที่กระดูกมัน
00:22:00 → 00:22:03 หักนะครับโดยเฉพาะกระดูกขาเวลามันหักแล้ว
00:22:03 → 00:22:05 เนี่ยไข่กระดูกซึ่งมีไขมันอยู่ตรงนั้นน่ะ
00:22:05 → 00:22:07 ไขมันมันเข้าไปในเส้นเลือดแล้วมันลอยไป
00:22:07 → 00:22:10 อุดที่ปอดอันเนี้ยช่วยอะไรไม่ได้แล้วครับ
00:22:10 → 00:22:13 เขาเรียกว่า fat Embolism เสียชีวิตสถาน
00:22:13 → 00:22:15 เดียวยังไงก็ไม่มีทางช่วยต่อให้หมออยู่
00:22:15 → 00:22:17 ตรงนั้นก็ช่วยไม่ได้นะครับเออเพราะว่า
00:22:18 → 00:22:21 ส่วนใหญ่พวกเนี้ยมันเร็วมากนะฮะและถ้าเรา
00:22:21 → 00:22:23 จะพอช่วยชีวิตได้เราต้องฉีดadดนลีนเข้าไป
00:22:23 → 00:22:27 ตลอดเวลาแล้วก็หวังว่าไอ้ไขมานะมันจะสลาย
00:22:27 → 00:22:30 หายไปเองนะครับอันเนี้ยเป็นภาวะที่คนหลาย
00:22:30 → 00:22:33 คนไม่รู้แล้วก็ไม่คิดถึงนะครับมันทำให้คน
00:22:33 → 00:22:35 เสียชีวิตได้นะเวลาเอาออกมาทันทีปุ๊บมี
00:22:35 → 00:22:37 เสียชีวิตได้ 2 อย่างอย่างแรกก็คือจาก
00:22:37 → 00:22:39 crush injury มีโปแทสเซียมเข้ามาที่หัว
00:22:39 → 00:22:42 ใจหัวใจหยุดเต้นนะครับกับอันที่ 2 ก็คือ
00:22:42 → 00:22:46 เรื่องของการมีไอ้ไขมันตรงเนี้ยหลุดเข้า
00:22:46 → 00:22:47 ไปในเส้นเลือดแล้วไปอุดตันที่ปอดนะครับ
00:22:47 → 00:22:51 ตรงนี้เป็นทั้งหมดเลยนะช่วยออกมาได้รีบพา
00:22:51 → 00:22:53 ส่งโรงพยาบาลที่มี ICU ครับเพราะว่ามันจะ
00:22:53 → 00:22:56 ต้องดูอีกหลายระบบนะครับโดยเฉพาะเกลือแร่
00:22:56 → 00:22:59 ในร่างกายมันจะเพี้ยนไปหมดเลยในคนเหล่า
00:22:59 → 00:23:01 นี้นะฮะโดยเฉพาะถ้าท่านมีโรคประจำตัวต่าง
00:23:01 → 00:23:04 ๆแล้วด้วยเนี่ยยิ่งต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
00:23:04 → 00:23:08 มากที่สุดเลยนะครับอ่านะนอกเหนือจากนี้นะ
00:23:08 → 00:23:11 ครับแน่นอนผู้ที่ช่วยเหลือก็เดี๋ยวนี้ใช้
00:23:11 → 00:23:14 อ่าสุนัขนะครับก็เป็นสิ่งที่ดีมากในการ
00:23:14 → 00:23:16 ช่วยเหลือนะอาจจะต้องมีอุปกรณ์เป็นเค้า
00:23:16 → 00:23:19 เรียกว่า Snake Camera นะครับกล้องงูนะ
00:23:19 → 00:23:21 คล้ายๆเป็นท่อยาวๆนะครับที่มันงอไปงอมา
00:23:22 → 00:23:24 ได้แล้วแต่เราบังคับให้มันไปทางไหนนะครับ
00:23:24 → 00:23:26 แล้วตรงปลายจะมีแสงสว่างออกมาแล้วก็มี
00:23:26 → 00:23:29 กล้องอยู่มันใช้เอารอดเข้าไปในรูเล็กๆ
00:23:29 → 00:23:31 เพื่อที่จะค้นหาได้ว่าข้างในมีอะไรอยู่นะ
00:23:31 → 00:23:33 ครับถ้าในทางการแพทย์เราก็ใช้ในการส่อง
00:23:33 → 00:23:36 กล้องทางเดินอาหารส่องกล้องปอดอะไรพวก
00:23:36 → 00:23:40 เนี้ยนะฮะก็คล้ายกันนะฮะในอุตสาหกรรมเค้า
00:23:40 → 00:23:41 ก็มีกล้องแบบเนี้ยเรียกว่า Snake Camera
00:23:42 → 00:23:45 ใช้เหมือนกันก็มีความมีประโยชน์ในภาวะนะ
00:23:45 → 00:23:48 ครับอ่าวันนี้ผมก็เล่ามาเท่านี้นะครับขอ
00:23:48 → 00:23:51 เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนแล้วก็ครอบครัวของ
00:23:51 → 00:23:53 ทุกคนที่ยังต้องเฝ้ารอข่าวผู้ที่ติดอยู่
00:23:53 → 00:23:56 ในซากปากหักพังนะครับก็ขอให้ทุกคนเนี่ย
00:23:56 → 00:23:59 ปลอดภัยนะฮะและแน่นอนครับว่าหลังจากเกิด
00:23:59 → 00:24:03 เหตุการณ์ในครั้งนี้เราก็จะต้องมาดูกันยก
00:24:03 → 00:24:05 ใหญ่เลยว่ามีการคอร์รัปชั่นอะไรตรงไหน
00:24:05 → 00:24:07 เกิดขึ้นบ้างเพราะมันต้องแก้ไขนี่คือ
00:24:07 → 00:24:11 ชีวิตคนนะครับมันคอร์รัปชัอะไรที่มันยัง
00:24:11 → 00:24:13 ไม่ถึงขั้นชีวิตคนเนี่ยมันอาจจะเปลี่ยน
00:24:13 → 00:24:16 แปลงอะไรไม่ได้นะแต่ในกรณีเนี้ยคือคนเสีย
00:24:16 → 00:24:20 ชีวิตเยอะแล้วเสียตึกอะไรไม่ไม่เสียมาติด
00:24:20 → 00:24:24 มันติดที่สื่อติดตัวตึกสตงที่มันพังนะ
00:24:24 → 00:24:27 ครับคืออันเนี้ยขายหน้ามากเลยนะเพราะว่า
00:24:27 → 00:24:30 เป็นตึกที่น่าจะต้องมีความมั่นคงสูงมากๆ
00:24:30 → 00:24:33 นะครับแต่ว่าปรากฏอย่างที่ทุกท่านก็คงจะ
00:24:33 → 00:24:35 เห็นนะครับทั้งไม่ว่าโครงสร้างเหล็กนะ
00:24:35 → 00:24:38 ครับของที่จัดซื้อจัดจ้างข้างในต่างๆก็ดู
00:24:38 → 00:24:41 มีปัญหาแล้วพอไปสืบที่เค้าเป็นบริษัทก่อ
00:24:41 → 00:24:44 สร้างที่เนี่ยก็ดูมีปัญหาเหมือนกันแถมถ้า
00:24:44 → 00:24:47 ไปดูเพิ่มมากขึ้นจากที่ทางอินเทอร์เน็ต
00:24:47 → 00:24:50 เา้าได้แชร์มาเนี่ยเค้าก็มีการไปสร้างที่
00:24:50 → 00:24:52 อื่นๆไว้แล้วก็มีปัญหาเหมือนกันซึ่งตรง
00:24:52 → 00:24:54 นี้เนี่ยคงจะต้องมีการไปสืบสวนสอบสวนนะ
00:24:54 → 00:24:57 ครับผมก็ไม่แน่ใจว่าเค้าถูกหรือผิดแล้วก็
00:24:57 → 00:24:59 ผมก็คงไม่ฟันธงอะไรทั้งสิ้นแต่ว่าเป็น
00:24:59 → 00:25:02 สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจแล้วก็ไปดูนะ
00:25:03 → 00:25:05 ครับว่าตกลงแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ
00:25:05 → 00:25:07 ไม่นะครับมีการคอร์รัปชั่นจริงหรือไม่ถ้า
00:25:07 → 00:25:10 มีก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องที่
00:25:10 → 00:25:12 ต้องแก้ไขนะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟัง
00:25:13 → 00:25:14 เพียงเท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:25:14 → 00:25:17 ครับ