00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell f for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:32 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง
00:00:32 → 00:00:35 for Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:35 → 00:00:38 ธัญลักษณ์สดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังทุก
00:00:42 → 00:00:44 ท่านคะเรื่องที่จะมาพูดคุยในวันนี้เป็น
00:00:44 → 00:00:47 เรื่องของวันการได้ยินโลกค่ะเราจะมาพูด
00:00:47 → 00:00:50 คุยถึงเรื่องการได้ยินว่ามีความสำคัญยัง
00:00:50 → 00:00:53 ไงแล้วการสูญเสียการได้ยินเนี่ยเกิดจาก
00:00:53 → 00:00:56 อะไรได้บ้างมีผลกระทบอย่างไรต่อการใช้
00:00:56 → 00:01:00 ชีวิตนะคะรวมถึงวิธีการดูแลตัวเองให้ปลอด
00:01:00 → 00:01:03 ภัยจากเสียงดังค่ะผู้ที่จะมาพูดคุยกับเรา
00:01:03 → 00:01:07 ท่านคืออาจารย์แพทย์หญิงนาพิชาสุพี
00:01:07 → 00:01:10 อาจารย์ประจำภาคพิชาโสดสนาสิวิทยาคณะ
00:01:10 → 00:01:13 แพทศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะสวัสดี
00:01:13 → 00:01:17 ค่ะอาจารย์สวัสดีค่ะคุณฟ้าเรื่องที่จะมา
00:01:17 → 00:01:19 พูดคุยกันในวันนี้ผู้ฟังหลายท่านน่าจะให้
00:01:19 → 00:01:22 ความสนใจค่ะสำหรับวันการได้ยินโลกคืออะไร
00:01:22 → 00:01:25 แล้วก็มีความสำคัญยังไงบ้างคะค่ะเกริ่น
00:01:25 → 00:01:28 กันก่อนแล้วกันเนาะว่าวันการได้ยินโลก
00:01:28 → 00:01:29 หรือว่า World hearing Day เนี่ยเป็น
00:01:29 → 00:01:32 วันที่จัดตั้งโดย Who หรือว่าองค์การ
00:01:32 → 00:01:35 อนามัยโลกนะคะซึ่งตรงกับวันที่ 3 มีนาคม
00:01:35 → 00:01:37 ของทุกปีเนาะคุณฟ้ารู้ไหมว่าทำไมต้องเป็น
00:01:38 → 00:01:40 วันที่ 3 มีไม่รู้เลยค่ะหรือว่าเป็นเพราะ
00:01:40 → 00:01:43 เลข 3 มีความใกล้เคียงกับรูปหูหรือเปล่า
00:01:43 → 00:01:46 เก่งมากใช่มือนเคยได้ยินมาใช่เเลือกวัน
00:01:46 → 00:01:48 ที่ 3 ของเดือน 3 เพื่อให้จำง่ายเนาะองค์
00:01:48 → 00:01:51 การอนามัยโลกเนี่ยเขาก็เลยเลือกวันที่ 3
00:01:51 → 00:01:54 ของเดือนมีนาคมให้คล้ายกับหู 2 ข้างเพื่อ
00:01:54 → 00:01:57 ที่ให้คนจำง่ายว่าวันเนี้ยเป็นวันที่เรา
00:01:57 → 00:02:00 จะต้องตระหนักถึงเรื่องของการได้ยินก็คือ
00:02:00 → 00:02:03 ใกล้เคียงกับรูปหูก็เลยเอามาให้จำง่ายๆ
00:02:03 → 00:02:05 เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะว่าประมาณนี้ถูก
00:02:05 → 00:02:08 ต้องเลยแล้วมีความสำคัญยังไงคะที่ต้องมี
00:02:08 → 00:02:11 วันนี้ขึ้นมาค่ะในแต่ละปีเนาะองค์การอราม
00:02:11 → 00:02:14 โลกเนี่ยเขาก็จะชูหัวข้อหลักในแต่ละปีมา
00:02:14 → 00:02:17 เพื่อที่จะรณรงค์เพื่อให้เราเนี่ยส่ง
00:02:17 → 00:02:19 เสริมเกี่ยวกับสุขภาพการฟังแล้วก็การได้
00:02:19 → 00:02:21 ยินเนาะโดยมีวัตถุประสงค์เนี่ยเพื่อจะ
00:02:21 → 00:02:23 สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการได้
00:02:23 → 00:02:26 ยินผลกระทบของการสูญเสียการได้ยินแล้วก็
00:02:26 → 00:02:28 กระตุ้นเตือนให้เราเนี่ยส่งเสริมดูแล
00:02:28 → 00:02:32 สุขภาพการได้ยินเช่นการฟังถูกวิธีการตรวจ
00:02:32 → 00:02:34 คัดกรองเมื่อมีอาการผิดปกติหรือว่าการ
00:02:34 → 00:02:36 ฟื้นฟูการได้ยินโดยทันถ้วนทีอย่างเงี้ย
00:02:36 → 00:02:40 ค่ะค่ะแล้วสำหรับีมในปีนี้นะคะรณรงค์ใน
00:02:40 → 00:02:43 เรื่องไหนล่ะคะอาจารย์อ่อีมในปีนี้นะคะก็
00:02:43 → 00:02:46 จะเป็นคล้ายๆกับปีที่แล้วแต่ว่าจะโฟกัส
00:02:46 → 00:02:49 ที่ตัวเองมากขึ้นเนาะก็จะเป็นในแง่ของการ
00:02:49 → 00:02:51 ปลุกให้เราตระหนักว่าตัวเราเองเนี่ยมี
00:02:51 → 00:02:54 ศักยภาพที่จะสามารถดูแลหูแล้วก็การได้ยิน
00:02:54 → 00:02:57 ของเราเองได้เนาะอย๋จะพูดให้ฟังอีกทีนึง
00:02:57 → 00:03:00 ว่าทำไมถึงเป็นีมนี้อะไรอย่างเงี้คะใช่
00:03:00 → 00:03:02 ค่ะแล้วสำหรับปัจจุบันค่ะปัญหาการได้ยิน
00:03:02 → 00:03:05 เนี่ยมีความสำคัญยังไงบ้างคะแล้วก็มีการ
00:03:05 → 00:03:08 สูญเสียการได้ยินเกิดจากอะไรได้บ้างค่ะ
00:03:08 → 00:03:11 โอเคค่ะในเรื่องของการได้ยินเนาะแน่นอน
00:03:11 → 00:03:13 ว่าการได้ยินเนี่ยเป็นเรื่องที่กระทบกับ
00:03:13 → 00:03:16 การดำเนินชีวิตของพวกเราทุกคนในทุกเพศทุก
00:03:16 → 00:03:18 วัยอยู่แล้วเนาะเพราะเราใช้การได้ยินใน
00:03:18 → 00:03:21 การสนทนาสื่อสารกันในทุกๆวันค่ะเอามาใน
00:03:21 → 00:03:24 แง่ของผู้พิการก่อนนะผู้พิการทางการได้
00:03:24 → 00:03:27 ยินเนี่ยจัดเป็นการออกใบรับรองความพิการ
00:03:27 → 00:03:30 ของผู้พิการทั้งหมดเนี่ยนับเป็น 20% หรือ
00:03:30 → 00:03:33 ว่าเป็นอันดับที่ 2 ของความพิการต่างๆรอง
00:03:33 → 00:03:35 ลงมาจากความพิการทางการเคลื่อนไหวเลยก็
00:03:35 → 00:03:38 ถือว่าเป็นจำนวนที่มากแล้วก็อันนี้เป็น
00:03:38 → 00:03:40 รายงานล่าสุดที่เพิ่งออกมาเดือนที่แล้ว
00:03:40 → 00:03:43 แล้วก็แนวโน้มเนี่ยมากเป็นอันดับ 2 เป็น
00:03:43 → 00:03:46 ระยะเวลาประมาณนึงแล้วทีนี้เรื่องการสูญ
00:03:46 → 00:03:48 เสียการได้ยินเนี่ยต้องเกริ่นก่อนว่ามัน
00:03:48 → 00:03:50 มีหลายประเภทเนาะการได้ยินของคนเราเนี่ย
00:03:50 → 00:03:53 อ่าต้องมารู้ก่อนว่าปกติเนี่ยมันเกิดขึ้น
00:03:53 → 00:03:56 ได้ยังไงการได้ยินของคนเราเนี่ยจะปกติได้
00:03:56 → 00:03:58 ก็ต้องมีการนำเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียง
00:03:58 → 00:04:01 ผ่านเข้ามาผ่านหูชั้นนอกของเราชั้นกลาง
00:04:02 → 00:04:06 ชั้นในเข้าไปสู่เ่าเส้นปสาทนะคะซึ่งการ
00:04:06 → 00:04:08 ได้ยินจะปกติได้เนี่ยต้องมีหูชั้นนอกชั้น
00:04:08 → 00:04:11 กลางชั้นในที่มีการเชื่อมต่อกันโดยไม่มี
00:04:11 → 00:04:13 อะไรมาขวางกันแล้วก็ไม่มีอะไรมาทำลายทาง
00:04:13 → 00:04:16 เดินนี้เนาะพอไปถึงหูชั้นในเนี่ยเสียงที่
00:04:16 → 00:04:18 เข้าไปก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็น
00:04:18 → 00:04:22 กระแสประสาทแล้วก็นำไปแปลผลที่สมองต่อไป
00:04:22 → 00:04:25 นะคะโดยปัญหาของการได้ยินของประชากรส่วน
00:04:25 → 00:04:27 ใหญ่เนี่ยปัญหาเนี่ยจะอยู่ที่การนำการได้
00:04:28 → 00:04:30 ยินระดับประสาทหือหรือว่าที่เราเข้าใจกัน
00:04:30 → 00:04:32 ว่ามันเป็นประสาทหูเสื่อมเรื่องการสูญ
00:04:32 → 00:04:35 เสียการได้ยินที่เกี่ยวกับความเสียหายของ
00:04:35 → 00:04:38 อวัยวะหูชั้นในหรือว่าปสาทหูเนี่ยมันเป็น
00:04:38 → 00:04:40 การเสียการได้ยินที่เสื่อมแล้วเสื่อมเลย
00:04:40 → 00:04:42 แล้วก็อาจจะไม่สามารถรักษาให้ตัวเส้น
00:04:42 → 00:04:45 ประสาทเนี่ยกลับมาทำงานปกติเท่าเดิมได้
00:04:45 → 00:04:47 แต่อาจจะต้องใช้การรักษาโดยการฟื้นฟูบาง
00:04:47 → 00:04:50 อย่างเช่นเครื่องช่วยฟังที่เรารู้จักกัน
00:04:50 → 00:04:53 หรือว่าการฝั่งปราสาทหัวเทียมในบางโรคแต่
00:04:53 → 00:04:55 แน่นอนว่าการรักษาด้วยวิธีการเหล่าเจะไม่
00:04:55 → 00:04:58 สามารถทำให้คุณภาพเสียงคำว่าคุณภาพเสียง
00:04:58 → 00:05:01 ก็คือความเพราะของการได้ยินเนี่ยมันใกล้
00:05:01 → 00:05:03 เคียงกับเส้นประสาทเดิมที่เราเคยมีอยู่
00:05:03 → 00:05:06 นั่นก็เป็นความสำคัญของมันค่ะแล้วถ้าเกิด
00:05:06 → 00:05:10 เราสูญเสียการได้ยินค่ะส่งผลกระทบอะไรถึง
00:05:10 → 00:05:12 การใช้ชีวิตบ้างคะอาจารย์การสูญเสียการ
00:05:12 → 00:05:15 ได้ยินเนี่ยเมื่อมีแน่นอนว่ามันต้องกระทบ
00:05:15 → 00:05:17 กับเรื่องการสื่อสารอยู่แล้วเนาะเพราะเรา
00:05:17 → 00:05:20 ใช้เสียงได้ยินในการตอบโต้ฟังแล้วก็พูด
00:05:20 → 00:05:23 กลับไปในทุกๆวันนะคะแต่นอกจากนั้นที่เรา
00:05:23 → 00:05:26 อาจจะไม่รู้เนี่ยก็คือการได้ยินที่
00:05:26 → 00:05:28 เปลี่ยนแปลงไปการได้ยินที่ลดลงเนี่ยทำให้
00:05:28 → 00:05:31 เราออกห่างจากสังคมมากขึ้นนำไปสู่การ
00:05:32 → 00:05:34 เพิ่มอัตราการเกิดการถดถอยของความจำหรือ
00:05:34 → 00:05:37 ว่าความจำเสื่อมนั่นแหละเป็น 2 เท่าของคน
00:05:37 → 00:05:40 ปกติอเนาะแล้วก็อาจจะมีภาวะความเปลี่ยน
00:05:40 → 00:05:42 แปลงทางอารมณ์อย่างเช่นพวกภาวะซึมเศร้า
00:05:42 → 00:05:45 ต่างๆตามมาได้ด้วยนะคะอเป็นเรื่องใหญ่เลย
00:05:45 → 00:05:48 นะคะตอนแรกเราคิดว่าอาจจะไม่กระทบรุนแรง
00:05:48 → 00:05:51 แต่พอฟังอาจารย์แล้วส่งผลเสียตามมาเยอะ
00:05:51 → 00:05:54 มากเลยค่ะใช่ค่ะแล้วก็แน่นอนว่าเราจะเข้า
00:05:54 → 00:05:56 ใจว่าผู้ใหญ่เนาะที่จะเริ่มหูตึงได้แต่
00:05:56 → 00:05:59 ว่าถ้าการได้ยินของเราเสื่อมเร็วกว่าไว
00:05:59 → 00:06:02 อันควรเนี่ยก็จะทำให้เรามีปัญหาพวกเนี้ย
00:06:02 → 00:06:04 เริ่มขึ้นเร็วกว่าวัยอันควรเช่นกันอาจจะ
00:06:04 → 00:06:06 ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุอย่างที่เราคิดกันถู
00:06:06 → 00:06:09 ต้องค่ะค่ะแล้วสำหรับสถานการณ์ปัญหาการ
00:06:09 → 00:06:11 ได้ยินในปัจจุบันนี้เป็นยังไงบ้างคะ
00:06:12 → 00:06:14 อาจารย์เอ่อแน่นอนอย่างที่เกริ่นไปแล้ว
00:06:14 → 00:06:16 เนาะว่าการได้ยินของเราทุกคนจะต้องเสื่อม
00:06:16 → 00:06:18 ลงตามอายุเหมือนกับร่างกายส่วนอื่นๆเลย
00:06:18 → 00:06:21 เนาะเ่าแต่ว่ามันก็มีภาวะบางอย่างหรือ
00:06:21 → 00:06:23 ความเสี่ยงบางอย่างที่ทำให้หูของเรา
00:06:23 → 00:06:26 เสื่อมเร็วกว่าอายุนะคะซึ่งโดยส่วนมาก
00:06:26 → 00:06:28 เนี่ยเราก็จะโฟกัสไปที่เรื่องของการสูญ
00:06:28 → 00:06:31 เสียการได้ยินจากเสียงดังเนาะภาวะเนี้ย
00:06:31 → 00:06:34 เป็นภาวะที่พบรองลงมาเป็นอันดับ 2 จากการ
00:06:34 → 00:06:36 ได้ยินที่เสื่อมจากอายุที่เพิ่มขึ้นเนาะ
00:06:36 → 00:06:40 คิดเป็น 20% ของการได้ยินทั้งหมดที่เกิด
00:06:40 → 00:06:42 ขึ้นในปัจจุบันนะคะซึ่งก่อนหน้าเถ้าเรา
00:06:42 → 00:06:45 พูดถึงภาวะเนี้เราก็อาจจะนึกไปถึงบุคคล
00:06:45 → 00:06:48 ที่เขาทำงานหรือว่าปฏิบัติงานภายใต้สถาน
00:06:48 → 00:06:51 ที่ที่มีความเสี่ยงต่อเสียงดังใช่มหรือ
00:06:51 → 00:06:53 ว่าเสียงรบกวนเป็นเวลานานซึ่งจริงๆแล้วเ
00:06:53 → 00:06:56 ในกลุ่มเยจะมีกฎหมายที่รองรับแล้วก็คุ้ม
00:06:56 → 00:06:58 ครองเขารวมถึงการตรวจการได้ยินอย่างเป็น
00:06:58 → 00:07:01 ประจำอยู่แล้วเเนาะมาพูดถึงเรื่องนี้นิด
00:07:01 → 00:07:03 นึงะกันเนาะการควบคุมเรื่องเสียงในประเทศ
00:07:03 → 00:07:06 ไทยเนี่ยจะมีเ่อกฎหมายที่คุ้มครองอยู่
00:07:06 → 00:07:09 ทั้งหมด 2 ฉบับเนาะทั้งในแง่ของการควบคุม
00:07:09 → 00:07:12 เสียงในระดับสิ่งแวดล้อมให้ความดังใดๆก็
00:07:12 → 00:07:16 ตามเนี่ยไม่เกิน 115 เดซิเบล a หรือว่า
00:07:16 → 00:07:18 ค่าเฉลี่ยใน 24 ชมเนี่ยไม่เกิน 70
00:07:18 → 00:07:21 เดซิเบล a อันเนี้ยพูดถึงเสียงทั่วๆไปตาม
00:07:21 → 00:07:24 ที่สาธารณะต่างๆเลยเนาะส่วนในสภาพแวดล้อม
00:07:24 → 00:07:26 ในการทำงานเนี่ยสวัสดิการการคุ้มครองแรง
00:07:26 → 00:07:29 งานปี 61 นะคะเขาก็มีการกำหนดออกมามาว่า
00:07:29 → 00:07:32 สถานประกอบการจะต้องมีเสียงค่าเฉลี่ยไม่
00:07:32 → 00:07:36 เกิน 85 เดซิเบลใน 8 ชมงถ้ามากกว่านี้
00:07:36 → 00:07:38 เนี่ยจะต้องจัดทำโครงการอนุรักษ์การได้
00:07:38 → 00:07:41 ยินตามที่กำหนดซึ่งอันเนี้ยก็จะมีกฎชัด
00:07:41 → 00:07:44 เจนของเกดหมายมีอยู่แล้วในในข้อนี้นะคะ
00:07:44 → 00:07:46 ใช่ค่ะแต่กลุ่มที่เราจะต้องมาให้ความสนใจ
00:07:46 → 00:07:48 มากขึ้นในปัจจุบันเนี่ยจะจากที่เราจะเห็น
00:07:48 → 00:07:51 จากไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไปพอ
00:07:51 → 00:07:54 จะเดาได้เนาะว่าเกิดจากอะไรบ้างค่ะก็จะมี
00:07:54 → 00:07:57 ในแง่ของอย่างที่เราเห็นว่าเราทำงานใช้หู
00:07:57 → 00:08:00 ฟังมากขึ้นอ่าใช้มีเดียตต่างๆมากขึ้นการ
00:08:00 → 00:08:02 ทำงานผ่านอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นทำให้เรา
00:08:02 → 00:08:05 อาจจะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การได้ยินที่
00:08:05 → 00:08:08 ไม่ได้เกี่ยวกับการพูดคุยกันปกติมากขึ้น
00:08:08 → 00:08:11 อย่างเช่นหูฟังลำโพงต่างๆเนาะตรงเก็จะ
00:08:11 → 00:08:14 เพิ่มปัญหาในการได้ยินของประชากรในกลุ่ม
00:08:14 → 00:08:18 อายุที่ต่ำลงมากขึ้นค่ะมาฟังถึงตรงนี้ผู้
00:08:18 → 00:08:20 ฟังที่กำลังใช้หูฟังอยู่แล้วก็ฟังอาจารย์
00:08:20 → 00:08:23 หมออย่าเพิ่งตกใจนะคะอย่าเพิ่งถอดออกนะ
00:08:23 → 00:08:26 เราต้องฟังกันต่อนะคะเพราะว่ายังมีเนื้อ
00:08:26 → 00:08:28 หาเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่น่าสนใจอีกเยอะ
00:08:28 → 00:08:31 มากๆเลยค่ะเสียงเสียงอะไรที่ไม่เหมาะสม
00:08:31 → 00:08:35 สำหรับการได้ยินบ้างคะค่ะเสียงที่ไม่
00:08:35 → 00:08:36 เหมาะสมสำหรับการได้ยินเนี่ยคือเสียง
00:08:36 → 00:08:38 อย่างอันดับแรกทุกคนรู้อยู่แล้วมันดัง
00:08:38 → 00:08:41 เกินไปแต่ว่าดังเกินไปเนี่ยคือเท่าไหร่
00:08:41 → 00:08:44 เนาะดังเกินไปในเรื่องของเสียงที่เป็น
00:08:44 → 00:08:47 เสียงก้วนเนี่ยจะถือว่ามากกว่า 85
00:08:47 → 00:08:50 เดซิเบลมีอันตรายต่อการได้ยินนะคะซึ่ง
00:08:50 → 00:08:53 ความดังที่ 85 เดซิเบลคุณฟ้าสงสัยมว่ามัน
00:08:53 → 00:08:56 มันแค่ไหนกันใช่ใช่มันดังแค่ไหนกันค่ะค่ะ
00:08:57 → 00:08:59 เอาตัวอย่างให้เราฟังเริ่มคิดตามง่ายๆเลย
00:08:59 → 00:09:02 เนาะตั้งแต่เสียงกระซิบเสียงกระซิบในห้อง
00:09:02 → 00:09:03 เงียบเนี่ยจะมีความดังที่ประมาณ 30
00:09:03 → 00:09:07 เดซิเบลแล้วนะ 30 นี่แกระซิบกันเซินะไม่
00:09:07 → 00:09:10 ใช่สนทนทั่วไปแต่ถ้าสนทนทั่วไปแบบที่เรา
00:09:10 → 00:09:12 กำลังคุยกันอยู่เนี่ยจะประมาณ 60-70
00:09:12 → 00:09:16 เดซิเบลแล้วค่ะโอโหค่ะในขณะที่ 80-90
00:09:16 → 00:09:18 เดซิเบลคืออะไรคืออย่างเช่นการที่เราอยู่
00:09:18 → 00:09:21 บนท้องถนนมีเสียงการจราจรเสียงรถยนต์
00:09:21 → 00:09:25 เสียงนกหวีดแต่เราอยู่ในรถอือันเนี้ยอยู่
00:09:25 → 00:09:28 ที่มากกว่า 80 ประมาณ 80-90 เดซิเบลล่ะ
00:09:28 → 00:09:31 ค่ะถเป็นเสียงใดเป่าขมเสียงเครื่องดูด
00:09:31 → 00:09:32 ฝุ่นหรือว่าเสียงเครื่องปั่นอาหารเนี่ยก็
00:09:32 → 00:09:36 คือทะลุ 80 เดซิเบลแน่นอนใช่เกินแน่นอนนะ
00:09:36 → 00:09:38 คะซึ่งทั้งหมดนี้เราไม่ได้รู้สึกว่ามัน
00:09:38 → 00:09:40 ดังมากใช่มั้ยคะใช่ค่ะแต่พออาจารย์บอกว่า
00:09:40 → 00:09:43 นี่คือดังเกินแล้วเกินมาตรฐานแล้วนะคะ
00:09:43 → 00:09:46 แล้วระยะเวลาล่ะคะอจารค่ะใช่ถูกต้องเลย
00:09:46 → 00:09:48 นอกจากเรื่องของความดังมันจะมีเรื่องระยะ
00:09:48 → 00:09:50 เวลามาเกี่ยวข้องเนาะสมมุติถ้าเราได้ยิน
00:09:50 → 00:09:53 เสียงที่ดังประมาณ 85 เดซิเบลเนี่ยแต่เรา
00:09:53 → 00:09:55 ได้ยินไม่นานมากก็อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบ
00:09:55 → 00:09:58 กับการได้ยินเราใช่เพราะไม่งั้นทุกคนก็คง
00:09:58 → 00:10:02 หูเสมจากการได้ใช่แต่ว่าอันนี้อ่าอย่าง 85
00:10:02 → 00:10:04 เดซิเบลเนี่ยเขาจะกำหนดให้เราได้ยินไม่
00:10:04 → 00:10:07 เกิน 8 ชมค่ะโดยทั่วไปเนี่ยการสูญเสียการ
00:10:07 → 00:10:09 ได้ยินจากเสียงดังเนี่ยจะมีอยู่ 2 รูปแบบ
00:10:09 → 00:10:12 เนาะคือมีการสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราว
00:10:12 → 00:10:16 กับแบบถาวรซึ่งโดยทั่วไปเนี่ยแบบชั่วคราว
00:10:16 → 00:10:18 ก่อนเนาะมันมักจะเกิดจากการได้ยินเสียง
00:10:18 → 00:10:21 ดังเป็นระยะเวลานึงแต่ถ้าสมมุติว่าเราไม่
00:10:21 → 00:10:24 ได้ได้ยินนานจนเกินไปเนี่ยจากการพักสัก 24
00:10:24 → 00:10:26 ชมเนี่ยการได้ยินจะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติ
00:10:26 → 00:10:29 ค่ะแต่ถ้าสมมุตว่าเราได้ฟังนานขึ้นเรื่อย
00:10:29 → 00:10:32 ๆเนี่ยการได้ยินที่สูญเสียแบบชั่วคราว
00:10:32 → 00:10:34 เนี่ยอาจจะกลายเป็นเฉียบพันธ์ได้หรืออีก
00:10:34 → 00:10:36 อย่างนึงก็คือการได้ยินเสียงที่ดังมากๆ
00:10:36 → 00:10:39 ตู้มเดียวทีเดียวเงี้ยค่ะอาจจะทำให้การ
00:10:39 → 00:10:42 ได้ยินเสียไปเลยแบบถาวรได้เช่นกันไม่คิด
00:10:42 → 00:10:44 ว่าเรื่องนี้จะน่ากลัวเลยนะคะจนกระทั่งมา
00:10:44 → 00:10:47 ฟังอาจารย์รู้สึกว่าใกล้ตัวแล้วก็มีโอกาส
00:10:47 → 00:10:49 เป็นไปได้ยิ่งคนในยุคนี้ไม่ต้องรอจนถึง
00:10:49 → 00:10:52 เป็นผู้สูงอายุนะเราใช้เครื่องมือต่างๆ
00:10:52 → 00:10:55 อยู่กับเสียงกันทั้งนั้นเลยนะคะจริงๆมี
00:10:55 → 00:10:58 ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างนึงนะคะอันนี้
00:10:58 → 00:11:00 เอามาจากตัว British medical journal
00:11:00 → 00:11:02 เนาะหรือว่าวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ
00:11:02 → 00:11:06 เนี่ยเขารายงานว่าประชากรประมาณ 24% ของ
00:11:06 → 00:11:09 คนที่มีอายุตั้งแต่ 12 -34 ปีก็คือค่อน
00:11:09 → 00:11:12 ข้างน้อยเนาะอันเนี้ยมีการฟังที่ไม่ปลอด
00:11:12 → 00:11:14 ภัยจากอุปกรณ์ฟังเสียงส่วนตัวหูฟังหรือ
00:11:14 → 00:11:17 ลำโพงซึ่งอันเนี้ยเน้นว่าเป็นการฟังที่
00:11:17 → 00:11:20 ไม่ปลอดภัยนะคะก็คือฟังอย่างไม่ถูกวิธี
00:11:20 → 00:11:23 และในอีก 48% ก็คือเกือบ 50% ของประชากร
00:11:23 → 00:11:26 กลุ่มอายุเนี้ยสัมผัสเสียงดังมากกว่าเกิน
00:11:26 → 00:11:29 ความจำเป็นค่ะอาจจะเป็นจากสถานบันเทิง
00:11:29 → 00:11:31 แหล่งคอนเสิร์ตหรือว่าเป็นในที่สาธารณะ
00:11:31 → 00:11:35 ทั่วไปอายุไม่ใช่ไม่เยอะเลยนะคะช่วง 12
00:11:35 → 00:11:39 -34 35 อาจจะบอกอะไรไม่ได้แล้วใช่ค่ะ
00:11:39 → 00:11:42 อาจารย์ขามาถึงตรงนี้ค่ะเชื่อว่าผู้ฟัง
00:11:42 → 00:11:44 หลายท่านที่กำลังตั้งใจฟังเพื่อที่เราจะ
00:11:44 → 00:11:48 ถนอมการได้ยินของเราไว้ค่ะเราจะดูแลตัว
00:11:48 → 00:11:51 เองยังไงให้ปลอดภัยจากเสียงดังได้บ้างคะ
00:11:51 → 00:11:54 อาจารย์โอเคค่ะอันนี้ก็จะมาเล่าให้ฟัง
00:11:54 → 00:11:56 แล้วกันเนาะจริงๆถ้าใครเคยติดตามเนี่ยอาจ
00:11:56 → 00:11:59 จะเคยฟังแล้วในแง่ของโครงการฟังอย่างปลอด
00:11:59 → 00:12:02 ภัยของรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวิชาแก้ว
00:12:02 → 00:12:04 สิรินะคะที่อาจารย์เคยพูดไว้เรื่องเกี่ยว
00:12:04 → 00:12:08 กับการฟังอย่างปลอดภัยก็จะมีคำขวัญได้ปนะ
00:12:08 → 00:12:10 คือเป็นคำให้จำง่ายๆนะคะเรื่องของการลด
00:12:11 → 00:12:14 ระดับเสียงเนาะหลีกเลี่ยงความดังลดเวลา
00:12:14 → 00:12:17 การฟังแล้วก็ตรวจพลังการได้ยินคุณฟังคุ้น
00:12:17 → 00:12:20 ๆมั้ย 4 คุ้นๆนะคะใน 4 4 คำ 4 ข้อนี้นะ
00:12:20 → 00:12:23 คะขออาจารย์ทวนอีกสักครั้งนะคะค่ะในแง่
00:12:23 → 00:12:25 ของเรื่องการลดระดับเสียงเนี่ยค่ะก็คือจะ
00:12:25 → 00:12:29 ให้เราเปิดเปิดระดับเสียงเนี่ยไม่เกิน 60%
00:12:29 → 00:12:32 จากหลดเต็ม 100% เอาแล้วต้องไปเช็คที่คอม
00:12:32 → 00:12:34 แล้วก็เครื่องที่ทำงานแล้วนะคะหรือแม้
00:12:34 → 00:12:36 กระทั่งโทรศัพท์ตอนนี้นะคะใช่ถูกต้องแล้ว
00:12:36 → 00:12:38 ก็การหลีกเลี่ยงความดังเนี่ยจะเป็นเรื่อง
00:12:38 → 00:12:41 ของการใช้อุปกรณ์ป้องกันหรือว่าการอยู่
00:12:41 → 00:12:43 ห่างจากแหล่งกำเนิดเสียงนะคะการใช้
00:12:43 → 00:12:46 อุปกรณ์ป้องกันก็จะมีไม่ว่าจะเป็น E Plug
00:12:46 → 00:12:49 หรือว่าเป็น e m นะคะซึ่งเอปัก็คือที่
00:12:49 → 00:12:52 ใส่อุดเข้าไปในรูหูเนาะอันนี้ก็จะป้องกัน
00:12:52 → 00:12:55 การเสียงดังได้ประมาณสัก 15-30 เดซิเบล
00:12:55 → 00:12:58 ส่วน a m ก็คือแบบที่เป็นครอบหูตัวที่
00:12:58 → 00:13:01 ได้มาฐานก็จะป้องกันเสียงได้ประมาณ 30-40
00:13:01 → 00:13:04 เดซิเบลอันที่ 3 ก็จะเป็นเรื่องของลดเวลา
00:13:04 → 00:13:06 การฟังอันเนี้ยก็คือชัดเจนเลยเหมือนที่
00:13:06 → 00:13:09 เราคุยกันเมื่อกี้นะคะว่าถ้าเราลดระยะ
00:13:09 → 00:13:11 เวลาการที่เราต้องเจอกับเสียงดังเนี่ยก็
00:13:11 → 00:13:13 จะทำให้ความเสี่ยงของเราลดลงไปด้วยหรือ
00:13:13 → 00:13:16 แม้กระทั่งการพักหลังจากได้ยินเสียงดังก็
00:13:16 → 00:13:20 เช่นกันค่ะค่ะสุดท้ายเลยใช่สุดท้ายเรื่อง
00:13:20 → 00:13:23 การตรวจพลังการได้ยินนะคะก็จะเป็นในแง่
00:13:23 → 00:13:26 ของการวัดเสียงรบกวนในที่สาธารณะเดี๋ยวเย
00:13:26 → 00:13:28 ก็จะมีแอปพลิเคชันให้เราใช้ในโทรศัพท์ไม่
00:13:28 → 00:13:31 ว่าว่าจะเป็นยกตัวอย่างนะคะแป Sound meer
00:13:31 → 00:13:34 หรือว่าแ nios ขององค์การนำไโลกเช่นกัน
00:13:34 → 00:13:36 เนาะอันเนี้ยเราก็จะรู้ว่าเสียงที่เรา
00:13:36 → 00:13:38 กำลังเจออยู่เนี่ยมันดังประมาณเท่าไหร่
00:13:38 → 00:13:40 เกิดเราจำเป็นต้องอยู่กับมันวันนี้เราจะ
00:13:40 → 00:13:43 ได้ใช้วิธีการปรับตัวได้อย่างถูกต้องเนาะ
00:13:43 → 00:13:46 กับอีกอย่างนึงก็คือแอป here Who เนคะ
00:13:46 → 00:13:49 หรือ here h a r Who O เนี่ย
00:13:49 → 00:13:51 อันเนี้ยจะเป็นแอปตรวจการได้ยินขององค์
00:13:51 → 00:13:54 การอานามัยโลกนะคะมีให้โหลดแล้วก็นำมาใช้
00:13:54 → 00:13:57 กันได้สามารถนำมาใช้ได้นะใช่เพื่อสกรีน
00:13:57 → 00:14:00 ตัวเองคร่าวๆก่อนที่จะมาพแผเงี้ยค่ะค่ะ
00:14:00 → 00:14:02 แต่ปัจจุบันนี้ค่ะหลายคนที่ฟังอาจารย์มา
00:14:02 → 00:14:05 ถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าไม่เป็นไรเรามีหูฟัง
00:14:05 → 00:14:09 ที่ดีค่ะเราอยู่ในยุคไฮเทคแล้วใช้หูฟัง
00:14:09 → 00:14:12 ที่ตัดเสียงรบกวนค่ะช่วยได้ยคะอาจารย์
00:14:12 → 00:14:15 จริงๆหูฟัง noise cancellation หรือตัด
00:14:15 → 00:14:17 เสียงรบกวนเนี่ยมันก็เป็นทางเลือกนึงและ
00:14:17 → 00:14:20 เป็นคำแนะนำนึงเนาะให้ใช้เพื่อที่หากว่า
00:14:20 → 00:14:23 เราจำเป็นต้องฟังหูฟังเนี่ยอ่าการที่เรา
00:14:23 → 00:14:25 ตัดเสียงรบกวนภายนอกเนี่ยอาจจะทำให้เรา
00:14:25 → 00:14:27 ใช้ระดับการเปิดเสียงที่ลดลงเพื่อให้เรา
00:14:27 → 00:14:30 ได้ยินเท่าเดิมจะทำให้เราไม่จำเป็นต้อง
00:14:30 → 00:14:33 ฟังเสียงดังเกินจำเป็นก็ไม่ใช่ว่าเปิด 100
00:14:34 → 00:14:36 หรือเปิด 90 ใช่ยังไงก็ต้องทำตามที่บอก
00:14:36 → 00:14:39 ก่อนหน้านี้อยู่ค่ะแต่ว่ามีข้อน่าสนใจนิด
00:14:39 → 00:14:42 นึงค่ะคุณฟ้าเพิ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลจาก
00:14:42 → 00:14:45 BBC ไม่ถึงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เลยข้อมูล
00:14:45 → 00:14:48 ใหม่อัปเดตมาใช่ว่าเรื่องของ noise
00:14:48 → 00:14:50 cancelation เนี่ยอาจจะไม่ได้มีปัญหาใน
00:14:50 → 00:14:53 แง่ของเ่อระดับการได้ยินที่เสียไปเนาะแต่
00:14:53 → 00:14:55 หูฟัง noise cancelation เนี่ยอาจจะทำ
00:14:55 → 00:14:57 ให้เรามีปัญหาการได้ยินอย่างอื่นเพิ่ม
00:14:57 → 00:15:00 เติมซึ่งอันเนี้ยเป็นคุณหมอระบบประสาทกับ
00:15:00 → 00:15:03 นักแก้ไขการได้ยินที่ BBC เนี่ยเขานำเสนอ
00:15:03 → 00:15:06 ข้อมูลออกมาว่าเขามีการพูดถึงว่าคนกลุ่ม
00:15:06 → 00:15:09 เนี้ยอาจจะมีปัญหาเรื่องการแยกแยะเสียง
00:15:09 → 00:15:13 หรือว่าความเข้าใจเสียงที่ลดลงได้นะคะ
00:15:13 → 00:15:15 ซึ่งอันเนี้ยคือเป็นความสามารถในการ
00:15:15 → 00:15:18 ประมวลผลของเสียงแต่ไม่ใช่ความสามารถใน
00:15:18 → 00:15:20 การรับรู้เสียงนะคะเขาบอกว่าอาจจะมีอาการ
00:15:21 → 00:15:23 พูดขอให้คนที่พูดเนี่ยพูดซ้ำอีกรอบนึง
00:15:23 → 00:15:26 หรือว่าใช้เวลานิดนึงในการประมวลผลภาษา
00:15:26 → 00:15:28 ซึ่งตรงเนี้ยคิดว่าเราคงต้องติดตามกันต่อ
00:15:28 → 00:15:31 ไปอาจจะเกี่ยวกับระบบประสาทหรือเปล่าอ่า
00:15:31 → 00:15:33 ใช่อ่ะซึ่งซึ่งใช่ในแง่เนี้ยมันอาจจะส่วน
00:15:34 → 00:15:36 นึงเป็นแง่ของการประมวลผลแล้วก็ในแง่ของ
00:15:36 → 00:15:39 ตัวระบบประสาทส่วนกลางแต่ทีเนี้ยก็เรา
00:15:39 → 00:15:41 ต้องรอยังไม่อยากให้เ่อด่วนสรุปกันไปแต่
00:15:41 → 00:15:44 ว่าก็ใช่มีงานวิจัยใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ
00:15:44 → 00:15:46 เช่นกันนะคะอยากให้ทุกคนรอติดตามดูว่า
00:15:46 → 00:15:48 เดี๋ยวเขาจะออกมามีงานวิจัยอะไรที่น่า
00:15:48 → 00:15:51 เชื่อถือมายืนยันให้เราให้เราติดตามกัน
00:15:51 → 00:15:54 บ้างทั้งนี้ทั้งนั้นค่ะเราก็อย่าคิดว่า
00:15:54 → 00:15:57 การที่เราใช้หูฟังแล้วมันจะปลอดภัยยังใช้
00:15:57 → 00:16:01 แบบเต็มเสียงอยู่ใชระะเวลาทั้งวมันก็มี
00:16:01 → 00:16:04 โอกาสที่ทำให้เราสูเสียการได้ยินได้
00:16:04 → 00:16:07 เหมือนกันไม่ใช่แค่คิดว่าเป็นผู้สูงอายุ
00:16:07 → 00:16:09 เท่านั้นนะคะทำให้เราได้ตระหนักหลายๆ
00:16:09 → 00:16:11 เรื่องเลยค่ะที่ได้มาพูดคุยกับอาจารย์ตรง
00:16:11 → 00:16:14 นี้นะคะกลับมาพูดถึงวันการได้ยินอีกนิด
00:16:14 → 00:16:17 นึงค่ะอาจารย์ขาปีนี้มีความพิเศษและความ
00:16:17 → 00:16:20 น่าสนใจยังไงบ้างคะค่ะอย่างที่บอกเรื่อง
00:16:20 → 00:16:23 ีมไปเมื่อกี้เนาะว่าจะเป็นเรื่องของเอ
00:16:23 → 00:16:25 yourself หรือว่าในภาษาไทยเขาจะใช้คำว่า
00:16:25 → 00:16:28 เปลี่ยนมุมมองเสริมพลังให้ตนเองมาทำให้
00:16:28 → 00:16:31 การดูดูแลหูและการได้ยินถ้วนหน้าเป็นจริง
00:16:31 → 00:16:33 กันเถอะนะคะอ่าเดี๋ยวจะขอขยายความไม่เข้า
00:16:33 → 00:16:36 ใจประโยคนี้ง่ายขึ้นนิดนึงแล้วกันนะคะอ่า
00:16:36 → 00:16:38 ในภาษาอังกฤษเนี่ยเขาจะใช้คำว่า empower
00:16:38 → 00:16:40 yourself ซึ่งเป็นคำที่เพิ่มขึ้นมาจาก
00:16:40 → 00:16:43 การรณณรงค์ของปีที่แล้วซึ่งคำเนี้ยแปล
00:16:43 → 00:16:45 เป็นภาษาไทยมันอาจจะหาคำที่เหมาะสมยากนิด
00:16:45 → 00:16:48 นึงเนาะแต่ว่าให้เราคิดในแง่ว่ามันเป็น
00:16:48 → 00:16:51 การปลุกพลังในตัวของเราเองให้เราตระหนัก
00:16:51 → 00:16:54 ว่าตัวเราเนี่ยมีศักยภาพที่จะสามารถดูแล
00:16:54 → 00:16:57 หูของตัวเราเองได้ดูแลการได้ยินของตัวเรา
00:16:57 → 00:16:59 เองได้ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเนาะแล้วก็
00:16:59 → 00:17:02 จริงๆ Who เขาแอบมี wording ทิ้งท้ายไว้
00:17:02 → 00:17:05 นิดนึงเนาะที่เราชอบมากๆก็คือเขาบอกว่า
00:17:05 → 00:17:06 You can take a Step Today to
00:17:07 → 00:17:09 ensure Good hearing Health
00:17:09 → 00:17:11 throughout Life ซึ่งอันเนี้ยหมายความ
00:17:11 → 00:17:14 ว่าถ้าเราเริ่มที่จะทำมันสักเล็กน้อยใน
00:17:14 → 00:17:17 วันเนี้ยค่ะอาจจะเพื่อเป็นการทำให้เรา
00:17:17 → 00:17:20 มั่นใจว่าเราจะมีการได้ยินที่ดีไปตลอด
00:17:20 → 00:17:23 ชีวิตค่ะค่ะซึ่งแคมเปญในปีนี้เนี่ยเขาก็
00:17:23 → 00:17:26 จะโฟกัสไปที่ตัวบุคคลมากขึ้นนะคะไม่ว่าจะ
00:17:26 → 00:17:28 ให้ความสำคัญในโปสเตอร์เนี่ยเขาก็จะบอก
00:17:28 → 00:17:31 เลยว่าผู้ที่รักในเสียงดนตรีเนี่ยควรจะมี
00:17:31 → 00:17:33 วิธีการดูแลตัวเองยังไงบ้างหรือแม้
00:17:33 → 00:17:36 กระทั่งเกอรที่เป็นงานอิเดของเราทำให้เรา
00:17:36 → 00:17:38 มีความสุขแต่เราต้องสัมผัสกับเสียงดังทุก
00:17:38 → 00:17:41 วันเนี่ยเราจะมีวิธีการยังไงบ้างในการดู
00:17:41 → 00:17:43 แลตัวเองไม่ให้หูเราเสื่อมลุเพราะมันก็
00:17:44 → 00:17:46 เป็นสิ่งที่เรารักเหมือนกันเราก็อยากจะทำ
00:17:46 → 00:17:48 สิ่งที่เรารักไปนานๆเพราะฉะนั้นอยากรู้
00:17:48 → 00:17:52 ว่าจะต้องทำยังไงเชิญชวนมาที่งานนี้นะคะ
00:17:52 → 00:17:54 ขออาจารย์เชิญชวนผู้ฟังค่ะที่สนใจใน
00:17:54 → 00:17:58 กิจกรรมวันที่ 3 มีนาคมนี้มาได้ที่ไหนค่ะ
00:17:58 → 00:18:01 ค่ะปีนี้นะคะแผนกหูคอจมูกโรงพยาบาลมหาราช
00:18:01 → 00:18:04 นครเชียงใหม่ของเรานะคะก็จะมีการจัดเสวนา
00:18:04 → 00:18:08 สั้นๆนะคะประมาณเวลา 830 - 99:00 นของ
00:18:08 → 00:18:11 วันที่ 3 เดือน 3 ค่ะปีนี้นะคะเอ่อที่
00:18:11 → 00:18:14 ห้องตรวจผู้ป่วยนอกหูคอจมูกชั้น 7 อาคาร
00:18:14 → 00:18:16 ศรีพัมาเสวนาเรื่องเกี่ยวกับ World
00:18:16 → 00:18:19 hearing Day กันอีกรอบนึงก็จะมีกิจกรรม
00:18:19 → 00:18:22 ที่น่าสนใจรอทุกท่านอยู่นะคะยังไงก็อยาก
00:18:22 → 00:18:25 จะเรียนเชิญผู้ฟังด้วยค่ะสุดท้ายขอ
00:18:25 → 00:18:27 อาจารย์ทิ้งท้ายถึงเรื่องความสำคัญของการ
00:18:27 → 00:18:29 ดูแลหู
00:18:29 → 00:18:33 ค่ะค่ะเรื่องของการได้ยินนะคะเป็นสิ่งที่
00:18:33 → 00:18:36 ไม่สามารถรักษาให้กลับคืนมาเป็นปกติได้
00:18:36 → 00:18:38 แต่ว่าเราสามารถป้องกันได้ค่ะอย่างที่บอก
00:18:38 → 00:18:41 ถ้าเราเริ่มดูแลตัวเองนะคะตั้งแต่วันนี้
00:18:41 → 00:18:44 จะทำให้เรามีการได้ยินที่ดีขึ้นในระยะยาว
00:18:44 → 00:18:46 หรืออาจจะตลอดชีวิตเลยค่ะค่ะเป็นการได้
00:18:46 → 00:18:50 ยิน 10 กว่านาทีที่มีคุณค่ามากๆค่ะวันนี้
00:18:50 → 00:18:51 ที่เราได้มานั่งพูดคุยกับอาจารย์ต้อง
00:18:51 → 00:18:54 ขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลยนะคะสำหรับวันนี้
00:18:54 → 00:18:59 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ cmu podcast f for
00:18:59 → 00:19:05 เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัวเรา