00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีค่ะคุณหมอชัยชนะคะสวัสดีครับคุณหมอ
00:00:02 → 00:00:05 ครับสวัสดีครับได้ยินไหมครับได้ยินชัดเจน
00:00:05 → 00:00:07 นะครับเสียงใสแจ๋วเลยครับคุณหมอครับวัน
00:00:07 → 00:00:09 นี้ต้องขอครับ
00:00:09 → 00:00:14 ในช่วงบ่ายที่ผ่านมามันเป็นยังไงครับคุณ
00:00:14 → 00:00:19 หมอคะอาการนี้ค่ะคือที่หัวข้อที่ขึ้นมาก็
00:00:19 → 00:00:22 น่าสนใจนะครับที่เป็นภาวะภาวะเลือดข้น
00:00:22 → 00:00:25 หนืดจากการดื่มน้ำน้อยเนี่ย
00:00:25 → 00:00:29 บอกก่อนว่าภาวะเลือดข้นหนืดเนี่ยจริงๆ
00:00:29 → 00:00:32 แล้วเนี่ยมันเป็นคำที่อาจจะแปลได้หลาย
00:00:32 → 00:00:36 ความหมายเนาะผมขออนุญาตเอ่อพูดพูดอย่าง
00:00:36 → 00:00:38 เป็นทั่วๆไปกัน
00:00:38 → 00:00:43 อันที่ 1 เนี่ยคือภาวะคือปกติในเลือดของ
00:00:43 → 00:00:44 คนเราเนี่ยที่เราเห็นเป็นสีแดงๆเนี่ยครับ
00:00:44 → 00:00:47 นะจริงๆมันจะมีส่วนประกอบของพวกเม็ดเลือด
00:00:47 → 00:00:48 อยู่ก็จะมีเม็ดเลือดหลายๆชนิดมีเกล็ด
00:00:48 → 00:00:50 เลือดอยู่แล้วก็มีส่วนที่เราเรียกว่าเป็น
00:00:50 → 00:00:54 นำเลือดนะครับก็คือพักหน้าก็คือคิดเหมือน
00:00:54 → 00:00:57 กับที่เมื่อกี้เอ่อทางที่ยกตัวอย่างว่า
00:00:57 → 00:01:02 เราเทลบลูบอยลงไปในน้ำในแก้วอะไรเงี้ยก็
00:01:02 → 00:01:41 คือ
00:01:41 → 00:01:44 คือจริงๆมันเป็นคล้ายๆเป็นเม็ดเลือดแดง
00:01:44 → 00:01:48 เม็ดเลือดขาว
00:01:48 → 00:01:50 ที่บอกว่าภาวะเลือดข้นหนืดคือมันเป็นโรค
00:01:50 → 00:01:52 ที่มันปกติของการสร้างเม็ดเลือดที่มัน
00:01:52 → 00:01:54 เยอะเกิน
00:01:54 → 00:01:57 อันนี้ก็จะเป็นภาวะเลือดหนืดก็แล้วแต่ว่า
00:01:57 → 00:02:00 ไอ้ตัวความปกติที่มันสร้างเยอะมากขึ้น
00:02:00 → 00:02:02 เนี่ยมันเป็นอะไรอาจจะเป็นเม็ดเลือดแดงก็
00:02:02 → 00:02:04 ได้เป็นเม็ดเลือดขาวเป็นเกล็ดเลือดก็ได้
00:02:04 → 00:02:06 อันนี้ก็ทำให้เกิดภาวะเลือดข้นหนืดได้
00:02:06 → 00:02:09 เหมือนกันนี่คือตัวโรคนะครับแต่อีกภาวะ
00:02:09 → 00:02:12 หนึ่งอันนี้คือเปรียบเสมือนว่าโอเคน้ำไอ้
00:02:12 → 00:02:15 ตัว Hellboy เยอะเพราะว่าหนึ่งที่คือกัน
00:02:15 → 00:02:18 อยู่คือเป็นภาวะที่คล้ายๆกับน้ำเลือดมัน
00:02:18 → 00:02:20 น้อย
00:02:20 → 00:02:23 ลงมันทำให้ดูความเข้มข้นของเรื่องมันเลย
00:02:23 → 00:02:25 ดูเยอะขึ้นซึ่งอันนี้มันเกิดจากหลาย
00:02:25 → 00:02:27 สาเหตุเช่นยกตัวอย่างไปอย่างเช่นเรื่อง
00:02:27 → 00:02:29 ของการที่เรา
00:02:29 → 00:02:34 เราเสียน้ำหรือว่าเราได้ดื่มน้ำไม่เพียง
00:02:34 → 00:02:36 พอหรือว่าออกกำลังกายหนักเหงื่อออกเยอะก็
00:02:36 → 00:02:38 ทำให้เกิดภาวะคล้ายๆอย่างนี้ได้เหมือนกัน
00:02:38 → 00:02:40 แต่อันนี้ก็จะเป็นลักษณะของความเข้มข้น
00:02:40 → 00:02:43 เลือดอาจจะเพิ่มขึ้นจากที่เราเหมือนมี
00:02:43 → 00:02:46 เรื่องของการเสียเสียของเหลวออกไปจากร่าง
00:02:46 → 00:02:49 กายเช่นบางคนท้องเสียเยอะบางคนเหงื่อออก
00:02:49 → 00:02:51 มากๆและดื่มน้ำไม่พออะไรเงี้ยครับซึ่งอัน
00:02:51 → 00:02:53 นี้จริงๆมันเป็นลักษณะของการที่เราเรียก
00:02:53 → 00:02:56 ว่าเป็นเรื่องของการภาวะคล้ายๆกึ่งๆขัด
00:02:56 → 00:02:58 น้ำมากกว่า
00:02:58 → 00:03:00 ซึ่ง
00:03:00 → 00:03:04 ในช่วงช่วงตอนบ่ายๆหรือว่าในช่วงเย็นๆ
00:03:04 → 00:03:07 อะไรอย่างนี้บางคนอาจจะมีเรื่องของการขาด
00:03:07 → 00:03:10 น้ำผสมด้วยเช่นบางคนทำงานหนักทั้งวันตั้ง
00:03:10 → 00:03:12 แต่เช้าจนถึงบ่ายดื่มน้ำอาจจะน้อยอะไร
00:03:12 → 00:03:14 อย่างนี้บางทีเหงื่อมันออกเยอะเราจะดื่ม
00:03:14 → 00:03:17 น้ำไม่เพียงพอก็จะรู้สึกว่าโอเคร่างกาย
00:03:17 → 00:03:20 มันเริ่มแบบอ่อนเพลียเมื่อยล้าหรือจะได้
00:03:20 → 00:03:22 เหมือนกันหรืออาจหลายๆอย่างสิ่งแวดล้อม
00:03:22 → 00:03:26 อย่างเช่นเราตื่นเขายังดูสดชื่นอยู่เนาะ
00:03:26 → 00:03:29 แล้วก็พอตอนบ่ายก็ทำงานหนักอะไรไปก็มีการ
00:03:29 → 00:03:31 ใช้สมองอะไรเยอะก็อาจจะรู้สึกว่าเมื่อย
00:03:31 → 00:03:33 ล้าๆอะไรหลายๆอย่างประกอบกันก็เลยรู้สึก
00:03:33 → 00:03:36 ว่ามันหมดแรงเงี้ยมันมีหลายสาเหตุครับ
00:03:36 → 00:03:38 เพราะฉะนั้นเนี่ยก็คือใช่เลยใช่ไหมคะถ้า
00:03:38 → 00:03:40 เขาบอกว่าเลือดข้นหนืดจากดื่มน้ำน้อย
00:03:40 → 00:03:43 เนี่ยมีส่วนจริงบ้างคือเรื่องของเศรษฐกิจ
00:03:43 → 00:03:45 แบงค์ร้อยเนี่ยจริงๆก็มีส่วนจริงบ้างแต่
00:03:45 → 00:03:48 ว่าหลักๆมันจะเป็นเรื่องของการที่ทำให้
00:03:48 → 00:03:52 เรามีภาวะเหมือนขัดขัดนะหน่อยๆมากกว่า
00:03:52 → 00:03:54 เริ่มอาจจะข้นขึ้นนิดนึงแต่ว่ามันก็ไม่
00:03:54 → 00:03:57 ได้ทำให้เกิดเรื่องของตัวโรคอะไรร้ายแรง
00:03:57 → 00:04:01 ขนาดนั้นมันมันจะไม่ได้เกิดอาการร้ายแรง
00:04:01 → 00:04:04 หรือว่าอาการมากเหมือนกับตัวโรคที่เป็น
00:04:04 → 00:04:07 โรคจากเม็ดเลือดที่เราที่แนะนำไปที่ที่
00:04:07 → 00:04:09 พูดถึงไปตอนแรก
00:04:09 → 00:04:13 คือถ้าถามอย่างในกรณีที่กรณีการดื่มน้ำ
00:04:13 → 00:04:17 อ่ะครับคุณหมอครับคือถ้าเราดื่มน้ำไม่ได้
00:04:17 → 00:04:22 มากเพียงพอมันจะนำไปสู่เรื่องของภาวะอะไร
00:04:22 → 00:04:24 เพิ่มเติมนอกจากเรื่องของเกี่ยวกับเลือด
00:04:24 → 00:04:27 ได้บ้างครับหมอคือจริงๆแล้วจริงคนเรา
00:04:27 → 00:04:29 เนี่ยก็ต้องการน้ำอย่างเพียงพอน้ำจริงๆก็
00:04:29 → 00:04:31 ที่เราดื่มเป็นแก้วๆด้วยแล้วก็น้ำที่มัน
00:04:31 → 00:04:34 อยู่ในอาหารที่เราทานอยู่ก็จะมีน้ำเป็น
00:04:34 → 00:04:36 ส่วนประกอบอยู่แล้วนะครับทีถ้าเกิดว่าเรา
00:04:36 → 00:04:38 ดื่มน้ำน้อยเนี่ยสิ่งที่มันจะตามมาก็คือ
00:04:38 → 00:04:41 เป็นเรื่องของการขาดน้ำ
00:04:41 → 00:04:46 ถ้าเราลองคิดดูเหมือนกับเราเอ่อไปออก
00:04:46 → 00:04:49 กำลังกายหนักๆหรือว่าเราไปเดินเที่ยวแล้ว
00:04:49 → 00:04:51 เราลืมพกน้ำไปเราไปวิ่งแล้วลืมพกน้ำไป
00:04:51 → 00:05:10 อย่างเงี้ย
00:05:10 → 00:05:13 [เพลง]
00:05:13 → 00:05:16 หรือว่าบางคนถ้ารู้สึกว่าอาการมันเยอะมาก
00:05:16 → 00:05:19 ขึ้นก็จะเริ่มมีการอ่อนเพลียอ่อนระโหยโรย
00:05:19 → 00:05:22 แรงบางคนมีอาการปวดหัวได้มีอาการรู้สึก
00:05:22 → 00:05:24 ว่า
00:05:24 → 00:05:27 วิงเวียนเวียนหัวคล้ายจะเป็นลมอย่างนี้
00:05:27 → 00:05:30 ครับบางคนถ้าสมมุติว่าอาการเกิดขาดน้ำมาก
00:05:30 → 00:05:35 ๆเช่นคนที่ออกกำลังกายเสียเหงื่อเยอะๆ
00:05:35 → 00:05:38 หรือว่าท้องมีป่วยแต่ท้องเสียเยอะแล้ว
00:05:38 → 00:05:41 ดื่มน้ำดื่มเกลือแร่ตามไม่ทันพวกนี้ก็อาจ
00:05:41 → 00:05:43 จะมีภาวะความดันตกหรือว่าช็อกได้อันนี้
00:05:43 → 00:05:46 เป็นภาวะหนึ่งขาดน้ำนะครับ
00:05:46 → 00:05:49 สัมผัสกันสัมผัสกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
00:05:49 → 00:06:00 เรื่องของน้ำพูดได้เลยใช่ครับ
00:06:00 → 00:06:06 ทำให้ดูเหมือนที่เขาพูดว่า
00:06:06 → 00:06:11 จริงๆแล้วมันก็ไม่ไม่คือหลักๆมันจะเป็น
00:06:11 → 00:06:14 อาการหลักๆมันจะเป็นจากการขาดน้ำมากกว่า
00:06:14 → 00:06:16 [เพลง]
00:06:17 → 00:06:21 แต่ว่าคือถ้าอย่างในกรณีที่มันมันเคยมี
00:06:21 → 00:06:24 เรื่องที่ถูกส่งต่อกันมาในในอดีตที่ผ่าน
00:06:24 → 00:06:26 มานะครับคุณหมอผมเชื่อว่าคุณหมอก็น่าจะ
00:06:26 → 00:06:28 เคยเห็นแหละแต่ว่าเรามาทบทวนความจำให้คุณ
00:06:28 → 00:06:31 ผู้ฟังทางบ้านลองลองนึกถึงย้อนเรื่องนี้
00:06:31 → 00:06:34 กันหน่อยคือเขาบอกว่าถ้าไม่ดื่มน้ำเปล่า
00:06:34 → 00:06:38 แต่ว่าดื่มน้ำอย่างอื่นเป็นเวลานานๆเช่น
00:06:38 → 00:06:43 ชอบดื่มน้ำอัดลมชากาแฟหรือว่านมแทนน้ำ
00:06:43 → 00:06:45 เนี่ยโอ้โหเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานๆเนี่ย
00:06:45 → 00:06:50 นะฮะมันจะทำให้เกิดภาวะเลือดมันไม่มีน้ำ
00:06:50 → 00:06:54 เปล่าไปไม่มีน้ำเปล่าเลยก็เลยทำให้คนๆนี้
00:06:54 → 00:06:56 เนี่ยมีภาวะเป็นศัตรูเป็นเส้นเลือดในสมอง
00:06:57 → 00:06:59 ตีบเนี่ยไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงตรงนี้
00:06:59 → 00:07:02 เนี่ยมันมันยังไงฮะคุณหมอฮะ
00:07:02 → 00:07:06 ว่าตัวสโต๊คว่าหลอดเลือดสมองตีบแล้วมัน
00:07:06 → 00:07:10 เป็นๆจากภาวะที่มีสมองบางส่วนขาดเลือดจาก
00:07:10 → 00:07:14 เลือดมันไปๆๆอาจจะเป็นอาการติดฟันนะฮะ
00:07:14 → 00:07:18 ก็จริงๆแล้วมันเป็นรวมๆกันมันเป็นน่าจะ
00:07:18 → 00:07:20 หลายหลายสาเหตุมากกว่านะครับอันคือเพราะ
00:07:20 → 00:07:23 ว่าหลอดเลือดสมองเนี่ยส่วนใหญ่ตัวที่เป็น
00:07:23 → 00:07:25 ปัจจัยเสี่ยงที่เราพอทราบไปอยู่แล้วเนี่ย
00:07:25 → 00:07:28 ก็จะเป็นเรื่องของเอ่อภาวะเรื่องความดัน
00:07:28 → 00:07:29 สูง
00:07:29 → 00:07:33 ภาวะเรื่องของตัวเบาหวานนะครับแล้วก็
00:07:33 → 00:07:35 เรื่องของการสูบบุหรี่การดื่มแอลกอฮอล์
00:07:35 → 00:07:37 หรือว่าพวกภาวะไขมันสูง
00:07:37 → 00:07:41 ซึ่งการที่เราทานของหวานๆน้ำหวานๆมันก็
00:07:41 → 00:07:43 เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่อง
00:07:43 → 00:07:47 ของตัวความเสี่ยงที่จะเป็นตัวเรื่องของ
00:07:47 → 00:07:49 เบาหวานหรือว่าน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นนะ
00:07:49 → 00:07:53 ครับแล้วก็อีกอันหนึ่งก็คือพวกนี้บางที
00:07:53 → 00:07:55 ทานพวก
00:07:55 → 00:07:58 ไม่ว่าจะเป็นพวกตัวน้ำอัดลมเยอะๆนะครับ
00:07:58 → 00:08:01 หรือว่าเป็นเรื่องของบางคนทานแอลกอฮอล์
00:08:01 → 00:08:04 เยอะๆอย่างนี้พวกนี้มันมีน้ำตาลเยอะหรือ
00:08:04 → 00:08:06 ว่ามันมีแอลกอฮอล์เยอะๆมันอาจจะทำให้เรา
00:08:06 → 00:08:11 มีอาการฉี่ๆเยอะแต่ถ้า
00:08:11 → 00:08:13 มันก็จะมีคล้ายๆลักษณะหนึ่งกึ่งๆถ้าเรา
00:08:13 → 00:08:16 ไม่ได้ดื่มน้ำทดแทนหรือว่าดื่มน้ำเปล่า
00:08:16 → 00:08:18 ที่ว่าไปเสริมด้วยเนี่ยอาจจะทำให้เรามี
00:08:18 → 00:08:22 ภาวะคล้ายๆเป็นขาดน้ำได้นะครับซึ่งภาวะ
00:08:22 → 00:08:25 ขาดน้ำบางคนนะครับถ้าขาดน้ำเยอะบางทีบาง
00:08:25 → 00:08:28 คนเนี่ยคนอย่างเช่นคนที่อายุมากหรือว่าคน
00:08:28 → 00:08:31 ที่เส้นเลือดในสมองมีเอ่อมีไขมันเกาะหรือ
00:08:31 → 00:08:34 ว่ามีการปิดอยู่ก่อนเนี่ยบางทีพอขาดน้ำ
00:08:34 → 00:08:37 เยอะแล้วความดันไม่ดีหรือว่ามีความดันตก
00:08:37 → 00:08:39 หน่อยๆบางทีพวกนี้มันมีอยู่ไกลๆใช้เป็น
00:08:39 → 00:08:43 หลอดเลือดสมองขาดเลือดตามมาได้ก็มีความ
00:08:43 → 00:08:46 สัมพันธ์กันในหลายๆทางเช่นเดียวกันก็คือ
00:08:46 → 00:08:50 ก็ก็มีส่วนอยู่บ้างใช่ไหมครับ
00:08:50 → 00:08:57 ทีนี้เรามาถึงเรื่องของเอ่อภาวะดีกว่า
00:08:57 → 00:09:06 ตอนแรกครับมันมันเกิดขึ้น
00:09:06 → 00:09:10 ก็อันนี้จริงก็คือจะเป็นภาวะทางทางโลกิ
00:09:10 → 00:09:13 วิทยานะครับที่ผิดปกติก็คืออย่างเช่นส่วน
00:09:13 → 00:09:16 ใหญ่มันก็จะเป็นโรคที่ไขกระดูกคือเม็ด
00:09:16 → 00:09:18 เลือดของเราเนี่ยสร้างจากไขกระดูกก็จะ
00:09:18 → 00:09:22 เป็นภาวะที่ไขกระดูกมันทำงานมากเกิน
00:09:22 → 00:09:25 นะครับอย่างเช่นอันนี้ถ้าเอารูปแบบง่ายๆ
00:09:25 → 00:09:27 เลยนะ
00:09:27 → 00:09:31 อาจจะเคยได้ยินโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
00:09:31 → 00:09:34 ก็คือเป็นไขกระดูกที่มันสร้างเม็ดเลือด
00:09:34 → 00:09:36 ขาวที่มันผิดปกติเยอะเกินเป็นข่าวที่เป็น
00:09:36 → 00:09:40 เป็นมะเร็งอันนี้มันก็ทำให้มีส่วนที่ทำ
00:09:40 → 00:09:44 ให้เป็นลักษณะของตัวเลือดอื่นเหมือนกัน
00:09:44 → 00:09:47 หรือว่าหรือว่าบางบางโรคก็คือเป็นการ
00:09:47 → 00:09:52 สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มากเกินไป
00:09:52 → 00:09:55 ก็คือทำให้ตัวเม็ดเลือดเนี่ยมันแน่นเลย
00:09:55 → 00:09:57 คิดๆเหมือนกับว่าเส้นเลือดเนี่ยมันก็เป็น
00:09:57 → 00:10:01 ท่อน้ำนะฮะทีนี้ถ้าเกิดตัวเม็ดเลือดเนี่ย
00:10:01 → 00:10:05 มันแน่นมากมันก็จะทำให้ไอ้ตัวที่มันไหล
00:10:05 → 00:10:44 อยู่ข้างในท่อเนี่ย
00:10:45 → 00:10:48 คนละแบบกันเลย
00:10:48 → 00:10:51 แบบแรกใช่ไหมคะคือต้องเรียนตรงๆว่าถ้า
00:10:51 → 00:10:56 เกิดเอ่อในๆๆในภาวะเลือดข้นจริงๆคือก็เจอ
00:10:56 → 00:10:59 เจออยู่พอสมควรแต่ก็ถามว่าถ้าเกิดเทียบ
00:10:59 → 00:11:03 กันแบบแรกคิดว่าแบบแรกน่าจะเยอะ
00:11:03 → 00:11:06 ส่วนใหญ่ครับคุณหมอครับอาการอย่างที่คุณ
00:11:06 → 00:11:08 หมอว่าเนี่ยมักจะเจอใน
00:11:08 → 00:11:11 พี่น้องประชาชนกลุ่มไหนมากเป็นพิเศษครับ
00:11:11 → 00:11:13 คุณหมอครับ
00:11:13 → 00:11:17 ไอ้พวกตัวปกติของเม็ดเลือดมีหลายโรคอยู่
00:11:17 → 00:11:20 ที่กล่าวไปนะครับก็จริงๆก็จริงๆสามารถเจอ
00:11:20 → 00:11:23 ได้ได้ทุกอายุก็แล้วแต่โลกแล้วตั้งแต่ที่
00:11:23 → 00:11:25 ผมก็จะพูดว่าถ้าสมมุติว่ามีอาการผิดปกติ
00:11:25 → 00:11:28 เช่นรู้สึกว่าอ่ะเหนื่อยง่ายหรือว่าเอ่อ
00:11:28 → 00:11:31 มีภาวะที่มันเหมือนกับมีเลือดออกผิดปกติ
00:11:31 → 00:11:36 อย่างเช่นมีแบบโดนอะไรแล้วมันมีเอ่อ
00:11:36 → 00:11:40 มีต้มเลือดง่ายหรือว่าอะไรอย่างนี้ครับ
00:11:40 → 00:11:43 อย่างนั้นอาจจะต้องลองไปตรวจดูหรือว่าถ้า
00:11:43 → 00:11:45 เกิดรู้สึกว่าตัวเองแบบรู้สึกว่าปวดหัว
00:11:45 → 00:11:48 เวียนหัวง่ายหรือว่ามีอาการเหนื่อยง่ายนะ
00:11:48 → 00:11:50 ครับหรือว่ามี
00:11:50 → 00:11:53 ถ้าเกิดมีอาการให้มันผิดปกติมากๆเช่นมี
00:11:53 → 00:11:55 แขนขาอ่อนแรงหรืออย่างที่สงสัยหลอดเลือด
00:11:55 → 00:11:59 สมองอยู่แล้ว
00:11:59 → 00:12:01 ใช่ไหมคะคุณหมอ
00:12:01 → 00:12:04 อันนี้มันจะเป็นภาวะการเลือกหนืดส่วนใหญ่
00:12:04 → 00:12:08 อาการมันจะไม่ค่อยไม่ค่อยจะเพาะส่วนตรงนะ
00:12:08 → 00:12:18 บางคนจะรู้สึกอ่อนเพลียง่ายเฉยๆ
00:12:18 → 00:12:22 ครับถ้าเป็นเลือดมีความผิดปกติอันนี้ก็จะ
00:12:22 → 00:12:25 มีการส่งตรวจอะไรที่จำเพาะเจาะจงต่อไป
00:12:25 → 00:12:26 ครับผม
00:12:26 → 00:12:30 [เพลง]
00:12:30 → 00:12:33 แล้วก็การเกิดลิ่มเลือดอุดตันมันจะไปเกิด
00:12:33 → 00:12:36 ตรงไหนคะถ้าเกิดว่าเป็นภาวะแบบนี้
00:12:36 → 00:12:40 ก็คือเลื่อนเป็นคนก็แล้วแต่ว่า
00:12:40 → 00:12:44 พอเลือดข้นหนืดแล้วมันไปอุดตันตรงไหนก็
00:12:44 → 00:12:46 อย่างที่กล่าวไปตอนแรกก็ถ้าสมมุติว่าไป
00:12:46 → 00:12:49 ตามตรงหลอดเลือดที่ตรงบริเวณสมองอันนี้ก็
00:12:49 → 00:12:52 จะมีอาการเป็นลักษณะของตัวโรคหลอดเลือด
00:12:52 → 00:12:53 สมองก็จะมีอาการที่เรา
00:12:53 → 00:12:56 พอจะทราบอยู่แล้วก็คือมีอาการเรื่องของ
00:12:56 → 00:12:57 ตัว
00:12:57 → 00:13:01 แขนขาอ่อนแรงนะครับถ้าเป็นครึ่งซีกพูดไม่
00:13:01 → 00:13:05 ชัดมีอาการหน้าเบี้ยวพูดไม่ชัดหรือว่ามี
00:13:05 → 00:13:08 อาการชาครึ่งซีกบางคนมีการเวียนศีรษะนี้
00:13:08 → 00:13:11 ได้ถ้าหัวไปอุดตันตรงบริเวณเรื่องของหลอด
00:13:11 → 00:13:13 เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจสมมุติก็จะมีอาการ
00:13:13 → 00:13:20 เจ็บหน้าอกได้มีเรื่องของหน่วยงานว่ามี
00:13:20 → 00:13:23 อย่างนี้มีการเรื่องของตัวเจ็บๆเรื่อง
00:13:23 → 00:13:25 หน้าอก
00:13:25 → 00:13:28 เพราะฉะนั้นก็เป็นไปได้เหมือนกันแต่ว่า
00:13:28 → 00:13:30 ตัวไหนที่เรายกตัวอย่างก็ประมาณนี้ก็ได้
00:13:30 → 00:13:34 มันจะเป็นช่วงอายุเป็นวัยนะคะสูงวัยหรือ
00:13:34 → 00:13:39 ว่าในวัยทำงานก็เป็นได้ค่ะ
00:13:39 → 00:13:42 เพราะฉะนั้นมันก็มันก็แต่โลกก็เกิดเกิด
00:13:42 → 00:13:46 ได้ในหลากหลายช่วงอายุเช่นเดียวกัน
00:13:46 → 00:13:50 ใช่ไหมครับ
00:13:50 → 00:13:53 แต่อันนี้ก็คือถ้ามีอาการผิดปกติตามที่
00:13:53 → 00:13:56 กล่าวไปก็ยังไงก็อาจจะลองไปเช็คสุขภาพดู
00:13:56 → 00:14:01 ได้ปวดหัวโดยที่แบบมึนงงบางทีก็อ่อนแรง
00:14:01 → 00:14:03 อะไรอย่างนี้ก็เป็นเป็นบ่อยแค่ไหนคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:06 เป็นแบบคือพวกพวกนี้ถ้าเกิดเป็นปกติจาก
00:14:06 → 00:14:09 เรื่องก็จะเป็นตลอดเพราะฉะนั้นมันก็จะไม่
00:14:09 → 00:14:11 ค่อยเป็น
00:14:11 → 00:14:15 คุณหมอครับถ้าอย่างเอ่อภาวะต่างๆสัญญาณ
00:14:15 → 00:14:18 เตือนเบื้องต้นที่จะบอกว่าเราเกิดภาวะ
00:14:18 → 00:14:20 เลือดข้นเลือดหนืดอย่างที่คุณหมอบอกและ
00:14:20 → 00:14:23 หลายคนอาจจะยังไม่เกิดยังไม่มีแต่ว่าฟัง
00:14:24 → 00:14:26 คุณหมอมาขนาดนี้เราก็ค่อนข้างที่จะเกิด
00:14:26 → 00:14:29 ความกังวลกันอยู่พอสมควรทีเดียวที่นี่
00:14:29 → 00:14:33 เนี่ยเราจะสามารถไปตรวจหาภาวะเลือดข้น
00:14:33 → 00:14:37 หรือว่าเลือดหนืดได้ไหมครับคุณหมอครับคือ
00:14:37 → 00:14:39 จริงๆแนะนำว่าคือให้อยู่ต่างอากาศถ้า
00:14:39 → 00:14:42 สมมติว่าอาการมันไม่มีผิดปกติอะไรอย่าง
00:14:42 → 00:14:44 เงี้ยครับเพราะจริงๆก็คือตรวจสุขภาพตาม
00:14:44 → 00:14:47 อายุผมก็คิดว่าเป็นสิ่งที่แนะนำอยู่แล้ว
00:14:47 → 00:14:49 อย่างเช่นถ้าเกิดครบตามอายุอย่างเช่นเกม
00:14:49 → 00:14:53 ตอนนี้ 35 ปีก็ควรจะคาดดูเจาะเลือดดูทั่ว
00:14:53 → 00:14:55 ไปดูเบาหวานดูไขมันเพื่อให้เราดูว่ามี
00:14:55 → 00:14:58 สุขภาพเราเองยังไงบ้างเนี่ยเข้าไปติดที่
00:14:58 → 00:14:59 แนะนำได้อยู่แล้วครับ
00:14:59 → 00:15:03 คือแต่ว่าคือคุณหมอแนะนำคือให้ดูตามอาการ
00:15:03 → 00:15:07 ตามที่จะไปตรวจหาภาวะต่างๆด้วยวิธีการ
00:15:07 → 00:15:10 อะไรนะไปเจาะเลือดไปตรวจ
00:15:10 → 00:15:15 นู่นนี่นั่นอะไรเงี้ยคุณหมอไม่แนะนำเลย
00:15:15 → 00:15:19 อยากจะเช็คจริงๆการตรวจนับเม็ดเลือดก็
00:15:19 → 00:15:21 เป็นเป็นการตรวจเลือดที่เป็น
00:15:21 → 00:15:26 แล็ปพื้นฐานที่ที่สามารถทำได้เวลาผลที่
00:15:27 → 00:15:29 เขาตรวจออกมาเขาจะนับเม็ดเลือดแดงอะไรให้
00:15:29 → 00:15:30 เรามี
00:15:30 → 00:15:33 เราจะต้องดูยังไงคะเขาจะบอกว่าเม็ดเลือด
00:15:33 → 00:15:37 แดงสมบูรณ์เอ่อปกติดูไม่เป็นเหมือนกันบาง
00:15:37 → 00:15:40 ครั้งอันนี้ๆก็คือเดี๋ยวเอ่อพูดๆรวมๆแล้ว
00:15:40 → 00:15:42 กันว่าปกติตัวนั้นเป็นเรื่องเนี่ยมันก็จะ
00:15:42 → 00:15:46 มีเลือดขาวให้เรานะครับแล้วก็นำเลือดแดง
00:15:46 → 00:15:48 นะครับเห็ดเลือดก็แต่ละตัวก็จะมีค่าปกติ
00:15:48 → 00:15:51 ของเขาอยู่ปกติ
00:15:51 → 00:15:54 ค่าที่มันสูงเกินผิดปกติอย่างเงี้ยก็
00:15:54 → 00:15:57 เดี๋ยวเขาจะแปลผลให้เราบอกให้ไปตรวจอีก
00:15:57 → 00:16:00 ครั้งบางทีเค้าจะแนะนำมา
00:16:00 → 00:16:04 นึกออกค่ะคุณหมอครับถ้ามีภาวะมีอาการ
00:16:04 → 00:16:08 เลือดข้นเลือดหนืดไปแล้วเนี่ยนะฮะแนวทาง
00:16:08 → 00:16:12 การรักษาเนี่ยมันจะสามารถรักษากันได้กี่
00:16:12 → 00:16:16 วิธีแล้วก็มีวิธีไหนที่รักษาแล้วมันจะ
00:16:16 → 00:16:19 กลับมาเป็นภาวะปกติได้บ้างไหมครับอันนี้
00:16:19 → 00:16:22 เดี๋ยวขอแยกเป็น 2 ประเด็น 2 ประเด็นก่อน
00:16:22 → 00:16:24 แล้วกันนะครับประเด็นแรกเนี่ยก็คือเป็น
00:16:24 → 00:16:27 อันนี้เป็นโลกของตัวเลือดเลยละกันที่เรา
00:16:27 → 00:16:29 พูดกันไปเมื่อกี้นี้ขอพูดต่อจากตรงนั้น
00:16:29 → 00:16:31 เลยละกัน
00:16:31 → 00:16:34 ตัวเม็ดเลือดที่มันเยอะเกินอันนี้เราก็
00:16:34 → 00:16:37 ต้องไปรักษาตามตัวโรคล่ะเช่นถ้าสมมุติว่า
00:16:37 → 00:16:40 เป็นโรคที่มีเลือดแดงเยอะเกินก็ไปรักษามี
00:16:40 → 00:16:45 ยาเสนอก็จะเป็นการรักษาโดยการยาที่ลดลด
00:16:45 → 00:16:49 เอ่อลดการลดการสร้างมิได้ผิดปกตินะครับ
00:16:49 → 00:16:52 แล้วก็บางคนอาจจะเอ่อบางทีเราอาจจะแนะนำ
00:16:52 → 00:16:54 ให้ทานยาถ้าเกิดเป็นโลกของตนเป็นเลือดแดง
00:16:54 → 00:16:57 ที่มันเยอะเกินเนี่ยอาจจะแนะนำให้ยาต้าน
00:16:57 → 00:16:59 เกล็ดเลือดขนาดต่ำๆเพื่อป้องกันไม่ให้
00:16:59 → 00:17:04 เลือดมันเอ่อเป็นแบบลิ่มๆง่าย
00:17:04 → 00:17:07 นะครับแล้วก็ที่เหลือก็เป็นการดื่มน้ำออก
00:17:07 → 00:17:10 กำลังกายให้พอเหมาะหรือไม่เพียงพอแล้วก็
00:17:10 → 00:17:12 รักษาสุขภาพอื่นๆที่ป้องกันไม่ให้มีโรค
00:17:12 → 00:17:14 แทรกซ้อนแค่นั้นเองนะครับแต่ว่าถ้าเป็น
00:17:14 → 00:17:18 ภาวะที่ 2 ที่บอกว่าเอ่อจากการเสียน้ำ
00:17:18 → 00:17:21 หรือว่าจากการขาดน้ำอันนั้นก็ต้องไปรักษา
00:17:21 → 00:17:23 ตามสาเหตุแหละก็ต้องดื่มน้ำไม่เพียงพอ
00:17:23 → 00:17:26 แล้วก็พยายามอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงในภาวะ
00:17:26 → 00:17:28 ที่มันจะขาดน้ำแค่นั้นเองอย่างเช่นแบบไม่
00:17:28 → 00:17:31 ออกกำลังกายไม่อยู่ในที่ที่มันร้อนจัดนาน
00:17:31 → 00:17:33 ๆไม่ปล่อยให้เหงื่อออกเยอะๆโดยที่ไม่ทัน
00:17:33 → 00:17:34 น้ำนะครับ
00:17:34 → 00:17:37 เคยเคยมีสังเกตตัวเองอยู่เหมือนกันนะบาง
00:17:37 → 00:17:40 ครั้งที่เราเราลืมดื่มน้ำนาน
00:17:40 → 00:17:42 แล้วบางครั้งเนี่ย
00:17:42 → 00:17:45 ที่บอกว่าดูสีปัสสาวะอะไรเนี่ยนะคุณหมอ
00:17:45 → 00:17:49 โอ้โหมันก็น่าตกใจเลยนะคะนั้นใช่มันฟ้อง
00:17:49 → 00:17:52 เลยใช่ไหมคะอันนี้ก็เป็นอีกอันนึงที่บอก
00:17:52 → 00:17:55 ว่าร่างกายอาจจะได้รับน้ำไม่เพียงพอแล้ว
00:17:55 → 00:17:57 ก็จะเห็นว่าอาการเบื้องต้นตรงนี้ก็จะเป็น
00:17:57 → 00:18:00 เรื่องของตัวปัสสาวะที่มันเข้มขึ้นกลิ่น
00:18:00 → 00:18:03 เหม็นขึ้นอย่างนี้ครับก็เป็นอันนี้ไม่ควร
00:18:03 → 00:18:08 จะให้เกิดขึ้นเลยควรจะจริงๆ
00:18:08 → 00:18:11 ตอนก่อนที่จะมีถึงขนาดนั้นเนี่ยเราก็จะ
00:18:11 → 00:18:14 เข้าจะรู้ตัวแล้วแหละว่าแบบอ่าโอเคมันก็
00:18:14 → 00:18:18 โหยน้ำอยากจะอยากจะทานน้ำมีปากแห้งมีรู้
00:18:18 → 00:18:22 สึกอ่อนเพลียละครับคือเมื่อกี้พอตอนที่
00:18:22 → 00:18:25 พี่นกบอกว่าเรื่องของสีของปัสสาวะเนี่ย
00:18:25 → 00:18:27 บางครั้งตกใจตัวเองว่าทำไมเราปล่อยขนาด
00:18:27 → 00:18:30 นั้นผมเคยปล่อยให้ตัวเองยังไม่ทันนะพอ
00:18:30 → 00:18:33 ปัสสาวะเผลอได้ขนาดนั้นอ่ะสีของมันเป็น
00:18:33 → 00:18:40 ออกสีส้มๆเลยคุณหมอครับซึ่งมันผิดปกติ
00:18:40 → 00:18:43 มากๆแล้วใช่ไหมคุณหมอก็คือเวลาปัสสาวะ
00:18:43 → 00:18:47 อาการปวดแสบปวดท้องด้วย
00:18:47 → 00:18:50 อันนั้นก็อันนั้นคือคือถ้าเกิดเป็นเหลือง
00:18:50 → 00:18:53 เข้มขนาดนั้นก็แปลว่าโอเคร่างกายก็มีภาวะ
00:18:53 → 00:18:56 ขาดน้ำอยู่แหละถ้าเกิดสมมุติว่าเราทานน้ำ
00:18:56 → 00:18:58 อย่างเพียงพอพักผ่อนเพียงพอก็จะเห็นก็จะ
00:18:58 → 00:19:00 สังเกตว่าปัสสาวะจะกลับมาค่อนข้างจะเป็น
00:19:00 → 00:19:03 เหลืองๆใสเหมือนเดิม
00:19:03 → 00:19:06 เราไม่ควรคือในหนึ่งวันเนี่ยไม่ควรปล่อย
00:19:06 → 00:19:09 แบบนี้เลยใช่ไหมคะเป็นไปได้เนี่ยสิ่งที่
00:19:09 → 00:19:12 เราทำให้กับร่างกายเราใช่ครับแล้วควรจะ
00:19:12 → 00:19:14 ดื่มน้ำให้เพียงพอนะครับอย่างน้อยก็ที่
00:19:14 → 00:19:17 เขาแนะนำคือ 6-8 แก้วแต่ว่ายังไงก็อาจจะ
00:19:17 → 00:19:20 ต้องป้องกันภาวะที่จะอยู่ในภาวะเสี่ยงขาด
00:19:20 → 00:19:23 น้ำไว้ด้วยเช่นถ้าเราจะออกกำลังกายหนัก
00:19:23 → 00:19:25 หรือว่าเราจะทำงานกลางแจ้งอย่างนี้อย่าง
00:19:25 → 00:19:29 น้อยก็พกน้ำไว้หรือว่าเอ่ออาจจะใส่ที่บัง
00:19:29 → 00:19:31 แดดเพราะแดดเมืองไทยเราก็รู้ว่าแดดแรง
00:19:31 → 00:19:34 โอ้โหหนักนะครับเอ่ออาจจะใส่พวกแบบร่วม
00:19:34 → 00:19:37 ทีมเป็นหมวกหมวกกว้างหรือว่าร่มเค้าจะ
00:19:37 → 00:19:40 ช่วยทำให้เหงื่อมันออกน้อยลงเพราะลดภาวะ
00:19:40 → 00:19:43 สูญเสียน้ำทางร่างกายได้ครับนอกจากที่จะ
00:19:43 → 00:19:47 ต้องทานน้ำโดยเอ่อป้องกันการสูญเสียน้ำ
00:19:47 → 00:19:49 จากอาการร้อนจากอะไรแล้วเนี่ยเวลาเราทาน
00:19:49 → 00:19:54 อาหารเค็มๆอาหารโซเดียมเยอะแล้วก็มันจะ
00:19:54 → 00:19:56 บังคับจะมีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เนี่ย
00:19:56 → 00:19:58 ต้องมีน้ำระหว่างนั้นด้วยใช่ไหมคะคุณหมอ
00:19:58 → 00:20:01 อันนี้อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่าส่วนใหญ่
00:20:01 → 00:20:03 ถ้าเกิดเป็นขึ้นแอลกอฮอล์เนี่ยบางทีก็จะ
00:20:03 → 00:20:06 มีฤทธิ์ที่ทำให้เหมือนกับมันดึงน้ำใช่มัน
00:20:06 → 00:20:08 จะทำให้เราฉี่บ่อยจะสังเกตว่าถ้าเกิดเรา
00:20:08 → 00:20:10 กินแอลกอฮอล์เยอะเราจะเดินเข้าห้องน้ำ
00:20:10 → 00:20:13 บ่อยมากเลย
00:20:13 → 00:20:16 อันนี้มันก็จะเป็นอันนึงที่มันจะดึงน้ำ
00:20:16 → 00:20:18 จากร่างกายมาทั้งลูกฉี่เพราะฉะนั้นถ้า
00:20:18 → 00:20:19 สมมุติเราดื่มดื่มแต่แอลกอฮอล์อย่างเดียว
00:20:19 → 00:20:23 โดยที่ดื่มน้ำไปไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิด
00:20:23 → 00:20:25 ภาวะขาดน้ำได้
00:20:25 → 00:20:28 ก็คือเสริมเข้าไปเลยไม่ต้องไม่ต้องคิดว่า
00:20:28 → 00:20:41 เฉพาะอากาศร้อนหรืออะไรเท่านั้น
00:20:41 → 00:20:45 ไม่ว่าจะเอ่อ
00:20:45 → 00:20:49 ถ้าเกิดตื่นแอลกอฮอล์จนถึงขั้นว่าขาดน้ำ
00:20:49 → 00:20:50 เนี่ยจะดื่มมันจะเป็นเจอในคนไข้ที่แบบ
00:20:50 → 00:21:24 ดื่มเยอะมากๆ
00:21:24 → 00:21:27 อันนี้ถามเผื่อเลยนะมันมีคนเป็นอย่างนั้น
00:21:27 → 00:21:28 อยู่นะคุณหมอ
00:21:28 → 00:21:34 ผู้ฟังไม่ได้ว่าเป็นรายการแนะนำนิดนึง
00:21:34 → 00:21:37 มันเลิกไม่ได้มันหยุดไม่ได้อะไรเงี้ยปรับ
00:21:37 → 00:21:39 เปลี่ยนพฤติกรรมได้ไหม
00:21:39 → 00:21:49 คะ
00:21:49 → 00:21:55 คุณหมอแนะนำสุขภาพที่ดีเนาะ
00:21:55 → 00:21:58 จากประสบการณ์หลายคนก็คงต้องรู้เหมือนกัน
00:21:58 → 00:22:01 ว่าเออไม่ใช่ว่าดื่มตรงนี้แล้วมันคือน้ำ
00:22:01 → 00:22:03 นะเพราะฉะนั้นน้ำเปล่าเนี่ยน้ำบริสุทธิ์
00:22:03 → 00:22:07 เนี่ยสำคัญมากๆอืมคุณหมอครับมีคำถามจาก
00:22:07 → 00:22:10 ทางบ้านสอบถามมานิดนึงเหมือนกันว่าถ้า
00:22:10 → 00:22:13 ดื่มน้ำมากๆ
00:22:13 → 00:22:17 เลยเนี่ยอาจจะมากกว่าค่ามาตรฐานที่เอ่อ
00:22:17 → 00:22:22 ทางหน่วยงานทางสาธารณะเนี่ยปกติเขาจะดื่ม
00:22:22 → 00:22:25 ให้สัก 2 ลิตรใช่ไหม
00:22:25 → 00:22:28 ท่านยังไม่ได้บอกมาว่าเท่าไหร่แต่คือเขา
00:22:28 → 00:22:30 บอกว่าถ้าดื่มมากๆเนี่ยแต่ว่าอนุมานมัน
00:22:30 → 00:22:33 น่าจะสัก 3 เป็นต้นไปอย่างเงี้ยมันจะมีผล
00:22:33 → 00:22:36 ดีหรือว่ามันกลายเป็นผลเสียกับร่างกายของ
00:22:36 → 00:22:40 เราครับไอ้การดื่มมากๆอ่ะฮะเอ้ยอย่างที่
00:22:40 → 00:22:43 ทุกคนทราบแล้วว่าอะไรที่มากไปอะไรที่น้อย
00:22:43 → 00:22:45 ไปมันก็จะไม่ดีนะครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิด
00:22:45 → 00:22:48 ว่าดื่มน้ำมากไปมันก็จะมีภาวะนึงที่เกิด
00:22:48 → 00:22:51 ได้ก็คือถ้าเกิดดื่มน้ำเยอะมากๆแบบวันนึง
00:22:51 → 00:22:53 หลายๆลิฟต์มากๆเนี่ยฮะอันนี้พวกนี้อาจจะ
00:22:53 → 00:22:56 มีทำให้คล้ายๆกับเกลือแร่ในร่างกายมันมี
00:22:56 → 00:23:01 ความไม่สมดุลได้ในใน
00:23:01 → 00:23:05 บางตัวจะไม่สมดุลได้นะครับซึ่งพวกนี้อาจ
00:23:05 → 00:23:07 จะมีอาการผิดปกติได้เหมือนแต่ว่าโดยปกติ
00:23:07 → 00:23:09 ของร่างกายเนี่ยถ้าสมมุติว่าดื่มน้ำมาก
00:23:09 → 00:23:13 ร่างกายก็จะพยายามขับน้ำมากก็คือจะพยายาม
00:23:13 → 00:23:16 ขับแล้วส่วนเกินออกถ้าสมมุติว่าเป็นคนที่
00:23:16 → 00:23:20 รู้สึกว่าดีไปไปทำงานได้ปกติก็จะสังเกต
00:23:20 → 00:23:22 ว่าพอเราดื่มน้ำเยอะก็จะมีปัสสาวะเยอะตาม
00:23:22 → 00:23:23 ไปด้วย
00:23:23 → 00:23:27 แต่ถ้าเกิดดื่มมากๆเลยเนี่ยก็มีบางส่วน
00:23:27 → 00:23:30 ถ้าเกิดมันเยอะเกินไปก็จะมีสามารถทำให้
00:23:30 → 00:23:43 ตัวแรกในร่างกายมันผิดปกติได้
00:23:43 → 00:24:29 [เพลง]
00:24:29 → 00:24:34 ไปเรื่อยๆ
00:24:34 → 00:24:37 ไม่เกี่ยว
00:24:37 → 00:24:40 เนาะแต่ว่าก็คือแต่ก็อย่าไปทำผมยังไม่เคย
00:24:40 → 00:24:43 เจอใครประมาณสัก 5-6 ลิตรเลยอ่ะอันนี้มัน
00:24:43 → 00:24:46 ก็อาจจะเยอะเกินไปจริงๆนะครับคุณหมอลอง
00:24:46 → 00:24:49 สรุปภาวะเลือดข้นหนืดในช่วงท้ายนี้ให้
00:24:49 → 00:24:54 ระมัดระวังกันแล้วก็ดื่มน้ำให้พอเหมาะพอ
00:24:54 → 00:24:56 ควรก็จะไม่เกิดภาวะนี้ใช่ไหมคะคุณหมอในคน
00:24:56 → 00:25:01 ทั่วไปใช่ครับก็คือจริงๆแล้วที่เขาบอกว่า
00:25:01 → 00:25:06 เลือดหรือตอนบ่ายๆจริงๆผมว่ามันตัวการที่
00:25:06 → 00:25:10 เรามีคล้ายๆรู้สึกว่าอาการอย่างนั้นเนี่ย
00:25:10 → 00:25:12 จริงๆมันน่าจะเป็นเรื่องของเรื่องของตัว
00:25:12 → 00:25:14 มีการขาดน้ำด้วยแล้วก็มีการอ่อนเพลียด้วย
00:25:14 → 00:25:16 จากหลายๆอย่างมากกว่านะครับแต่อันนี้เขา
00:25:16 → 00:25:19 ก็จะมาสรุปนิดนึงแล้วกันว่าภาวะเลือดหนืด
00:25:19 → 00:25:22 จริงๆเนี่ยมันก็มีพอภาวะที่มันเกิดได้ก็
00:25:22 → 00:25:25 คือเป็นตัวโรคของตัวเม็ดเลือดเลยอันนี้ก็
00:25:25 → 00:25:27 คือถ้าเกิดเจอคนปกติแล้วตัวสุขภาพเจอหรือ
00:25:27 → 00:25:30 ว่ามีอาการปกติต่อเนื่องเนี่ยก็ควรจะไป
00:25:30 → 00:25:33 ตรวจแล้วก็รักษาตามสาเหตุนะครับแต่ตรวจ
00:25:33 → 00:25:36 ภาวะอีกก็คือภาวะกลุ่มพวกภาวะขาดน้ำหรือ
00:25:36 → 00:25:38 ว่าดื่มน้ำน้อยเนี่ยพวกนี้ก็จะมีอาการทำ
00:25:38 → 00:25:40 ให้เราอ่อนเพลียปัสสาวะสีเข้มได้นะครับ
00:25:40 → 00:25:43 หรือว่ามีการเวียนหัวมึนหัวปวดหัวได้บาง
00:25:43 → 00:25:44 คนถ้า
00:25:44 → 00:25:49 ร้ายหน่อยมีตัวหลอดเลือดในสมองที่มีการ
00:25:49 → 00:25:53 ตีบตันอยู่บ้างมีภาวะขาดน้ำอาจจะทำให้มี
00:25:53 → 00:25:56 เรื่องของตัวหลอดเลือดสมองที่มีโอกาสจะ
00:25:56 → 00:25:59 เป็นได้ง่ายมากขึ้นนะครับวิธีการก็คืออาจ
00:25:59 → 00:26:03 จะต้องดื่มน้ำให้เพียงพอนะครับต่อในต่อ
00:26:03 → 00:26:06 วันแล้วก็พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือว่า
00:26:06 → 00:26:09 หลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงที่จะทำให้เกิด
00:26:09 → 00:26:13 เรื่องของการสูญเสียน้ำในในระหว่างวันนะ
00:26:13 → 00:26:14 ครับ
00:26:14 → 00:26:16 เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะแนะนำคุณหมอครับการ
00:26:16 → 00:26:19 ดื่มน้ำในแต่ละวันที่บอกให้เพียงพอเนี่ย
00:26:19 → 00:26:24 6-8 ลิตรถ้าเอ้ย 6-8 แก้วขนเข้าไป 6-82
00:26:24 → 00:26:26 ลิตรคือถ้าตีว่าเป็นลิตรเนี่ยควรจะต้อง
00:26:26 → 00:26:27 อยู่ที่ประมาณสักกี่ลิตรดีครับคุณหมอครับ
00:26:27 → 00:26:30 บางตำราก็บอกว่า 1.5 ลิตรก็เพียงพอบาง
00:26:30 → 00:26:34 ตำราบอกว่าอ่าได้ 2 เอ่ออะไรอย่างเงี้ย
00:26:34 → 00:26:38 ถ้าตีเข้าใจง่ายจริงๆก็ตามตามน้ำหนักได้
00:26:38 → 00:26:41 ครับผมก็จริงๆก็ประมาณ 1 หรือ 2 ลิตรต่อ
00:26:41 → 00:26:44 วันก็น่าจะโอเคอ๋อน่าจะเพียงพอ
00:26:44 → 00:26:48 เพราะว่ายังไงเราก็จะมีน้ำบางส่วนที่มัน
00:26:48 → 00:26:50 อยู่ในอาหารที่เรากินในแต่ละมื้ออยู่แล้ว
00:26:50 → 00:26:51 ครับ
00:26:51 → 00:26:54 อืมก็เพียงพออยู่แล้วนะครับความพอดีเท่า
00:26:54 → 00:26:55 นั้น
00:26:55 → 00:26:58 จะช่วยทำให้ร่างกายสุขภาพของเรานั้นถือ
00:26:58 → 00:27:02 ว่าแข็งแรงนะครับวันนี้ต้องขอขอบพระคุณ
00:27:02 → 00:27:04 คุณหมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้เกี่ยว
00:27:04 → 00:27:07 กับเราเกี่ยวกับเรื่องของเลือดข้นเลือด
00:27:07 → 00:27:09 เนินนะครับคุณหมอวันนี้กราบขอบพระคุณมากๆ
00:27:09 → 00:27:13 นะครับสวัสดีครับ