00:00:00 → 00:00:03 เช้านี้เรามาเจอกันอีกครั้งกับรายการสูง
00:00:03 → 00:00:06 วัยใกล้หมอพื้นที่ปลอดภัยของคนที่อยาก
00:00:06 → 00:00:09 เข้าใจร่างกายตัวเองก่อนสายเกินไปรายการ
00:00:09 → 00:00:13 ที่เชื่อว่าความเข้าใจสำคัญกว่าความกลัว
00:00:13 → 00:00:16 ในการดูแลสุขภาพวันนี้เราขอหยิบเรื่อง
00:00:16 → 00:00:19 เล็กๆที่หลายคนมองข้ามแต่กลับเปลี่ยน
00:00:19 → 00:00:22 ชีวิตคนวัย 60 ขึ้นไปได้ทั้งระบบเช้านี้
00:00:22 → 00:00:25 คุณรู้สึกยังไงคะลุกจากเตียงแล้วตัวเบา
00:00:25 → 00:00:28 หรือมีอาการแปลกๆที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน
00:00:28 → 00:00:31 เพราะหลายคนไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาเพียง 30
00:00:31 → 00:00:34 นาทีแรกหลังตื่นอาจเป็นตัวเร่งความเสี่ยง
00:00:34 → 00:00:37 โรคหลอดเลือดสมองโดยไม่รู้ตัวลุกเร็วไป
00:00:37 → 00:00:41 นิดใจสั่นนิดหน่อยบางคนคิดว่าเป็นแค่ความ
00:00:41 → 00:00:44 แก่ธรรมดาแต่จริงๆแล้วนั่นอาจเป็นเสียง
00:00:44 → 00:00:47 เตือนที่ร่างกายส่งมาก่อนเส้นเลือดจะตีบ
00:00:47 → 00:00:50 หรือแตกและเรื่องแบบนี้เราจะเข้าใจได้
00:00:50 → 00:00:53 จริงก็ต่อเมื่อฟังจากคนที่เห็นมันทุกวัน
00:00:53 → 00:00:56 วันนี้ดิฉันชวนลุงหมอของพวกเรามาร่วมคุย
00:00:56 → 00:00:59 กันอีกครั้งเขาคือแพทย์ชาวญี่ปุ่นวัย 85
00:00:59 → 00:01:03 ปีที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตดูแลผู้สูงวัยและ
00:01:03 → 00:01:07 ยังลงตรวจคนไข้เองทุกเช้าหมอมาโคโตะค่ะ
00:01:07 → 00:01:09 นุ่นดีใจมากเลยค่ะที่ได้คุยกับหมอใน
00:01:09 → 00:01:10 ประเด็นนี้
00:01:10 → 00:01:12 >> ขอบคุณครับคุณนุ่นประเด็นที่คุณนุ่น
00:01:12 → 00:01:16 เกริ่นไว้หมอคิดว่ามันอยู่ใกล้ตัวมากแต่
00:01:16 → 00:01:18 กลับเป็นช่วงที่หลายคนปล่อยให้ผ่านโดยไม่
00:01:19 → 00:01:21 ตั้งใจเดี๋ยวเราค่อยๆไขออกมาด้วยกันนะ
00:01:22 → 00:01:25 ครับเช้าของผู้สูงวัยหลายคนฟังดูคล้ายกัน
00:01:25 → 00:01:29 ครับลืมตาขึ้นมามือขวาเอื้อมไปหยิบมือถือ
00:01:29 → 00:01:33 มือซ้ายยันตัวขึ้นพอลุกได้ก็เดินไปที่
00:01:33 → 00:01:36 ห้องน้ำหรือเปิดทีวีทุกอย่างเหมือนเป็น
00:01:36 → 00:01:39 นิสัยที่ชินจนไม่ได้คิดแต่หมออยากชวนทุก
00:01:39 → 00:01:43 คนคิดใหม่สักนิดครับถ้าเรากำลังจะใช้เวลา
00:01:43 → 00:01:47 12-16 ช่มงต่อจากนี้กับร่างกายชุดเดิม
00:01:47 → 00:01:51 การเริ่มต้นแค่ 10 นาทีแรกจะสำคัญแค่ไหน
00:01:51 → 00:01:54 เพราะในคลินิกของหมอคนไข้วัย 60 บวกที่มี
00:01:54 → 00:01:58 ปัญหาสตกหรือหลอดเลือดสมองผิดปกติส่วนมาก
00:01:58 → 00:02:01 ไม่ได้เริ่มจากพฤติกรรมแย่แต่เริ่มจาก
00:02:01 → 00:02:04 ความเร่งรีบที่ไม่รู้ตัวหมอมีผู้ป่วยท่าน
00:02:04 → 00:02:08 หนึ่งครับอายุ 72 ปีสุขภาพทั่วไปดีไม่มี
00:02:08 → 00:02:12 โรคประจำตัวร้ายแรงตื่นเช้าลุกขึ้นมาแบบ
00:02:12 → 00:02:15 ทันทีไม่กินน้ำไม่กินยาแค่เดินไปเปิด
00:02:15 → 00:02:18 หน้าต่างหยิบไม้กวาดแล้วก็หน้ามืดอยู่ตรง
00:02:18 → 00:02:22 นั้นเลยครับพอตรวจย้อนหลังความดันสปคไป
00:02:22 → 00:02:26 แตะ 180 ทั้งที่ปกติอยู่ราว 130 ไม่มี
00:02:26 → 00:02:29 สัญญาณอะไรเลยไม่มีอาการการปวดหัวไม่มี
00:02:29 → 00:02:33 อาการชาหรืออ่อนแรงแล้วพอเขาหายดีประโยค
00:02:33 → 00:02:36 แรกที่เขาพูดกับหมอคือหมอครับผมนึกว่าแค่
00:02:36 → 00:02:39 ตื่นเร็วไปนิดมันจะเป็นอะไรได้ขนาดนี้เลย
00:02:39 → 00:02:40 เหรอ
00:02:40 → 00:02:44 >> คำว่าตื่นเร็วไปนิดนี่แหละค่ะลุงหมอฟังดู
00:02:44 → 00:02:47 ไม่มีพิษภัยเลยแต่พอได้ยินที่หมอเล่าหนู
00:02:47 → 00:02:50 ว่าหลายคนต้องนึกเหมือนกันเพราะมันคือ
00:02:50 → 00:02:53 สิ่งที่เราทำโดยไม่คิดเลยสักนิดว่ามันอาจ
00:02:53 → 00:02:56 เป็นการเปิดสวิตช์ความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
00:02:56 → 00:02:58 >> ถูกเลยครับคุณนุ่น
00:02:58 → 00:03:01 และยิ่งน่ากลัวกว่านั้นคือมันไม่ใช่แค่
00:03:01 → 00:03:04 ครั้งเดียวถ้าร่างกายเราต้องเริ่มวันด้วย
00:03:04 → 00:03:07 กันเร่งแบบนี้ซ้ำๆทุกวันมันก็เหมือนการ
00:03:07 → 00:03:11 ยืดหนังยางโดยไม่วอร์มทุกวันมันจะยืดยาก
00:03:11 → 00:03:15 ขึ้นหดตัวช้าลงและสุดท้ายก็ขาดในจุดที่
00:03:15 → 00:03:18 บางที่สุดเพราะในไวท 60 Plus ร่างกายไม่
00:03:18 → 00:03:22 ได้แค่แก่ครับแต่มันช้าลงอย่างไม่เท่ากัน
00:03:22 → 00:03:26 ระบบที่ควบคุมความดันกับการทรงตัวจะทำงาน
00:03:26 → 00:03:30 ช้ากว่าระบบที่ขยับตัวทำให้พอเราขยับไว้
00:03:30 → 00:03:33 เกินกลับเป็นร่างกายที่ยังไม่ได้ตั้งหลัก
00:03:33 → 00:03:36 ต้องคอยตามให้ทันแล้วที่เราได้ยินบ่อยๆ
00:03:36 → 00:03:39 ว่าให้ดื่มน้ำหลังตื่นกับวอร์มร่างกายเบา
00:03:39 → 00:03:43 ๆนี่ไม่ใช่แค่เพื่อความสดชื่นสินะคะแต่
00:03:43 → 00:03:46 มันคือการช่วยระบบที่ตื่นช้ากว่าให้ตาม
00:03:46 → 00:03:46 ทัน
00:03:47 → 00:03:50 >> ใช่เลยครับคุณนุ่นเพราะตอนเรานอนร่างกาย
00:03:50 → 00:03:52 เสียของเหลวผ่านเหงื่อและปัสสาวะโดยที่
00:03:52 → 00:03:57 ไม่ได้เติมน้ำมานานกว่า 6-8 ชมงพอตื่นมา
00:03:57 → 00:04:00 เลือดจะข้นขึ้นความหนืดของเลือดก็สูงขึ้น
00:04:00 → 00:04:04 อัตราการไหลลดลงถ้าตรงนั้นมีจุดเส้นเลือด
00:04:04 → 00:04:07 ที่เคยอักเสบเคยมีพลคหรือมีลิ่มเลือดเล็ก
00:04:07 → 00:04:11 ๆอยู่พอมันโดนความดันที่สปคแบบเร็วๆมันก็
00:04:11 → 00:04:14 พร้อมจะอุดได้เลยครับนี่แหละคือความ
00:04:14 → 00:04:17 เสี่ยงเงียบที่ทำงานทุกเช้าโดยที่คนไม่
00:04:17 → 00:04:19 รู้สึกอะไรเลย
00:04:19 → 00:04:21 >> หนูอยากให้คนที่กำลังฟังอยู่ลองนึกตามนะ
00:04:21 → 00:04:24 คะเวลาเราลืมตาตื่นร่างกายมันยังอยู่ใน
00:04:24 → 00:04:27 โหมดพักเหมือนรถที่จอดไว้ทั้งคืนพอเรา
00:04:27 → 00:04:30 สตาร์ทแล้วเหยียบออกทันทีโดยไม่วอร์ม
00:04:30 → 00:04:33 เครื่องก่อนมันก็สั่นมีกลิ่นแปลกๆหรือบาง
00:04:33 → 00:04:36 ทีดับกลางทางเลยค่ะเช้าแบบนี้ก็เหมือนกัน
00:04:36 → 00:04:39 ค่ะถ้าเรายังไม่ให้ระบบในร่างกายมันเดิน
00:04:39 → 00:04:43 เครื่องให้ทั่วแล้วรีบสั่งให้ลุกขยับคิด
00:04:43 → 00:04:46 ทำพร้อมกันเลยมันก็แย่งพลังกันใช้ค่ะแล้ว
00:04:46 → 00:04:50 สุดท้ายคือระบบไหนช้ากว่าก็พังก่อน
00:04:50 → 00:04:52 >> เปรียบเทียบได้เห็นภาพเลยครับคุณนุ่นและ
00:04:52 → 00:04:56 หมอก็อยากเสริมตรงนี้ครับว่ารถเก่าถ้าเรา
00:04:56 → 00:04:59 ยังรักมันก็ต้องเติมน้ำมันดีๆแล้วค่อยๆ
00:04:59 → 00:05:02 ออกรถครับไม่ใช่กดคันเร่งเต็มเหมือนตอน
00:05:02 → 00:05:05 ซื้อมาใหม่เพราะร่างกาย Y 60 Plus ก็
00:05:05 → 00:05:07 ไม่ต่างกันเลยครับ
00:05:07 → 00:05:10 >> หนูขอถามแทนคนดูตรงนี้เลยค่ะแล้วเราจะรู้
00:05:10 → 00:05:13 ได้ยังไงว่าร่างกายของเรากำลังตื่นไม่ทัน
00:05:13 → 00:05:16 มีสัญญาณอะไรที่ควรสังเกตมั้ยคะ
00:05:16 → 00:05:19 >> คำถามดีมากครับสัญญาณมีแต่เราต้องฟังมัน
00:05:19 → 00:05:24 ให้เป็นเช่นตื่นแล้วรู้สึกว่าใจเต้นแรง
00:05:24 → 00:05:27 เบาๆคล้ายๆจะวูบตอนเปลี่ยนจากนอนเป็นนั่ง
00:05:27 → 00:05:30 หรือรู้สึกว่าอยากนั่งนิ่งๆต่อโดยไม่มี
00:05:30 → 00:05:33 เหตุผลนี่คือสัญญาณเบื้องต้นที่ระบบ
00:05:33 → 00:05:37 ออโตโนมิยังไม่ได้บาanceซบูรณ์ถ้ามีอาการ
00:05:37 → 00:05:40 แบบนี้บ่อยๆโดยเฉพาะตอนเช้าต้องระวัง
00:05:40 → 00:05:44 เรื่องอutatic hypotension หรือภาวะลุค
00:05:44 → 00:05:46 แล้วความดันตกทันที
00:05:46 → 00:05:49 >> แสดงว่าจริงๆแล้วเช้านี้มันไม่ได้เรียบ
00:05:49 → 00:05:51 ง่ายอย่างที่เราคิดเลยค่ะแต่มันเหมือน
00:05:51 → 00:05:54 สนามซ้อมของระบบหัวใจหลอดเลือดที่ถ้าเรา
00:05:54 → 00:05:57 ผ่านมันได้ดีร่างกายก็จะเท่าทันทั้งวัน
00:05:57 → 00:05:59 ได้อย่างปลอดภัย
00:05:59 → 00:06:02 >> ถ้าช่วงเช้าคือสนามซ้อมของร่างกายก็ต้อง
00:06:02 → 00:06:05 บอกว่านี่คือสนามที่ไม่มีโค้ชไม่มี
00:06:05 → 00:06:08 กรรมการและไม่มีเสียงเตือนครับเพราะอาการ
00:06:08 → 00:06:12 ที่อันตรายที่สุดในช่วง 30 นาทีหลังเตือน
00:06:12 → 00:06:15 มักจะเงียบจนหลายคนไม่ทันรู้ตัวว่ากำลัง
00:06:15 → 00:06:19 เข้าใกล้สตรกทีละนิดๆสมองกับหัวใจในวัย 60
00:06:20 → 00:06:23 Plus ทำงานไม่พร้อมกันเสมอครับสมองเริ่ม
00:06:23 → 00:06:25 สั่งงานทันทีที่เราลืมตา
00:06:25 → 00:06:28 แต่หัวใจและหลอดเลือดยังอยู่ในจังหวะพัก
00:06:28 → 00:06:31 เหมือนเครื่องยนต์เย็นๆตอนเช้าแล้วพอเรา
00:06:31 → 00:06:35 ลุกเร็วสั่งให้ระบบย่อยทำงานหัวใจปั๊ม
00:06:35 → 00:06:38 เลือดสมองต้องคิดกล้ามเนื้อต้องทรงตัวทุก
00:06:38 → 00:06:41 อย่างเกิดในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีมันคือ
00:06:41 → 00:06:44 การเร่งใช้ทรัพยากรก่อนที่ร่างกายจะ
00:06:44 → 00:06:48 activate ระบบรองรับทันซึ่งในไวท 60
00:06:48 → 00:06:51 Plus กลไกนั้นมันไม่ได้ตอบสนองวัยแบบ
00:06:51 → 00:06:52 เดิมครับ
00:06:52 → 00:06:55 >> ลุงหมอพูดว่าเร่งใช้ทรัพยากรก่อน activate
00:06:55 → 00:06:58 ระบบรองรับฟังแล้วเหมือนเราเปิดน้ำแรง
00:06:58 → 00:07:00 ทั้งที่ท่อยังไม่ได้ต่อดีเลยนะคะ
00:07:00 → 00:07:04 >> ใช่ครับแล้วเราคงเคยเจอเวลาท่อน้ำแรงดัน
00:07:04 → 00:07:07 สูงแต่ปลายท่อยังปิดอยู่มันจะกระแทกเสียง
00:07:07 → 00:07:11 ดังหรือบางทีถึงขั้นปริแตกนั่นแหละครับ
00:07:11 → 00:07:14 คือสิ่งที่เกิดกับหลอดเลือดสมองในหลายคน
00:07:14 → 00:07:17 เพราะตอนเช้าความดันเลือดจะมีแนวโน้มพุ่ง
00:07:17 → 00:07:20 สูงขึ้นตามธรรมชาติเรียกว่า Morning
00:07:20 → 00:07:23 Search ซึ่งเป็นผลมาจากการหลั่งคอรtิซอล
00:07:23 → 00:07:26 และฮอร์โมนตื่นตื่นตัวถ้าร่างกายยังไม่
00:07:26 → 00:07:28 ได้วอร์มแต่เราไปกดเร่งตอนที่เสิร์ชกำลัง
00:07:29 → 00:07:32 พุ่งก็เหมือนปล่อยแรงดันใส่ผนังเส้นเลือด
00:07:32 → 00:07:35 ที่ยังไม่ยืดหยุ่นพอนี่คือกลไกที่ไม่ค่อย
00:07:35 → 00:07:38 มีใครพูดเพราะมันไม่ใช่โรคแต่มันคือช่อง
00:07:38 → 00:07:41 ว่างที่ร่างกายไม่ทันตั้งรับ
00:07:41 → 00:07:43 >> หนูขอเสริมให้คุณผู้ฟังนิดนึงนะคะสิ่งที่
00:07:43 → 00:07:46 ลุงหมอกำลังอธิบายคือความเสี่ยงที่ไม่
00:07:46 → 00:07:49 อยู่ในผลตรวจเลือดแต่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรม
00:07:49 → 00:07:52 ซ้ำๆที่เราเผลือทำทุกเช้าโดยไม่รู้ตัว
00:07:52 → 00:07:54 >> ครับคุณนุ่นและที่น้าน่ากลัวยิ่งกว่าก็
00:07:54 → 00:07:59 คือบางคนไม่มีอาการอะไรเลยครับตื่นลุก
00:07:59 → 00:08:02 เดินปกติแต่ในสมองมีไมโครคลอสหรือลิ่ม
00:08:02 → 00:08:06 เลือดเล็กๆค่อยๆเกาะตามผนังหลอดเลือดทีละ
00:08:06 → 00:08:09 นิดเหมือนเศษดินในท่อที่เรามองไม่เห็นพอ
00:08:09 → 00:08:13 ถึงวันหนึ่งที่ความดันสปikeจากน้ำไม่พอยา
00:08:13 → 00:08:16 ไม่กินหรือเปิดมือถือแล้วคอร์ทิซอลพุ่ง
00:08:16 → 00:08:19 พร้อมกันสิ่งที่สะสมไว้ก็ปิดทางเดินเลือด
00:08:19 → 00:08:23 ในสมองทันทีโดยไม่มีอาการเตือนใดๆ
00:08:23 → 00:08:26 >> เดี๋ยวนะคะลุงหมอแปลว่าการเปิดมือถือทัน
00:08:26 → 00:08:29 ทีหลังตื่นก็มีผลตอนหลอดเลือดในสมองได้
00:08:29 → 00:08:30 ด้วยหรอคะ
00:08:30 → 00:08:34 >> มีครับและอธิบายได้เลยเพราะแสงจากจอโดย
00:08:34 → 00:08:38 เฉพาะแสง LED สว่างไปกระตุ้นการหลั่ง
00:08:38 → 00:08:41 คอร์ติในระดับที่สูงขึ้นกว่าปกติในตอน
00:08:41 → 00:08:45 เช้าคอรisซอลนี่เป็นฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจ
00:08:45 → 00:08:48 เต้นแรงขึ้นหลอดเลือดบีบตัวเร็วขึ้นเพิ่ม
00:08:48 → 00:08:52 แรงดันเลือดทั่วร่างถ้าทำควบคู่กับการไม่
00:08:52 → 00:08:55 ได้กินน้ำไม่ได้ขยับเบาๆระบบก็จะ
00:08:55 → 00:08:58 โอเวอร์โหลดพร้อมกันหมดและสิ่งที่เกิดตาม
00:08:58 → 00:09:02 มาคือความดันโลหิตสูงที่รุนแรงเกินควบคม
00:09:02 → 00:09:05 คุณนุ่นรู้ไหมครับหลอดเลือดของเรากลัวแสง
00:09:05 → 00:09:08 มือถือมากกว่าน้ำตาลเสียอีก
00:09:08 → 00:09:11 >> โอ้โหหนูว่าใครที่ชอบเปิดจอทันทีหลังตื่น
00:09:11 → 00:09:14 ต้องฟังอันนี้ให้ดีเลยนะคะเพราะมันไม่ใช่
00:09:14 → 00:09:17 แค่เรื่องตาเสียแต่เป็นเรื่องหัวใจถูก
00:09:17 → 00:09:19 เร่งโดยไม่รู้ตัวเลย
00:09:19 → 00:09:21 >> แล้วถ้าเราต่อเรื่องนี้เป็นเหตุเป็นผลจะ
00:09:21 → 00:09:25 เห็นภาพชัดเลยครับตื่นมาโดยไม่เติมน้ำ
00:09:25 → 00:09:29 เปิดจอแสงแรงคอร์ติหลั่งไวความดันพุ่งทัน
00:09:29 → 00:09:33 ทีหลอดเลือดข้นและเปราะจากการขาดน้ำลิ่ม
00:09:33 → 00:09:37 เลือดที่สะสมอยู่เสี่ยงขยับตัวสตรกเงียบ
00:09:37 → 00:09:41 แบบไม่มีอาการนำทุกขั้นตอนดูธรรมดาแต่มัน
00:09:41 → 00:09:44 ทำงานประสานกันเหมือนกับดักเงียบที่ตั้ง
00:09:44 → 00:09:46 เวลาทุกเช้า
00:09:46 → 00:09:48 >> นี่คือความน่ากลัวที่แท้จริงเลยค่ะเพราะ
00:09:48 → 00:09:52 มันไม่ใช่พฤติกรรมแย่แต่มันคือพฤติกรรมก
00:09:52 → 00:09:54 ปกติที่เราไม่เคยคิดว่าอันตราย
00:09:54 → 00:09:57 >> แล้วที่หมอเจอบ่อยที่สุดในคลินิกคือคนที่
00:09:57 → 00:10:01 ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเหนื่อยตอนเช้า
00:10:01 → 00:10:05 ทั้งที่เมื่อคืนก็นอนพอตื่นก็ลุกทันทีทำ
00:10:05 → 00:10:08 โน่นทำนี่แต่ร่างกายกลับเบลอเหมือนหัวใจ
00:10:08 → 00:10:12 ไม่พร้อมจะเริ่มวันนั่นแหละครับคือสัญญาณ
00:10:12 → 00:10:15 ที่ระบบยังไม่ activate เสร็จแต่ถูกสั่ง
00:10:15 → 00:10:16 งานเกินขีดจำกับ
00:10:16 → 00:10:20 >> หนูว่าฟังตรงนี้แล้วคนที่รู้สึกว่าเช้า
00:10:20 → 00:10:21 ไม่ใช่เวลาที่สดชื่น
00:10:21 → 00:10:24 อาจจะต้องเริ่มมองเช้าใหม่ว่ามันไม่ได้
00:10:24 → 00:10:27 บอกว่าเรานอนพอหรือไม่พอแต่มันกำลังบอก
00:10:27 → 00:10:30 ว่าร่างกายเราพร้อมรับโลกหรือยัง
00:10:30 → 00:10:34 >> แล้วคุณนุ่นเคยรู้สึกไหครับว่าบางเช้าเรา
00:10:34 → 00:10:37 เหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวที่ยังไม่ลุก
00:10:37 → 00:10:38 ขึ้นมาพร้อมกับเรา
00:10:38 → 00:10:41 >> เคยเลยค่ะลุงหมอบางวันหนูตื่นมาแล้วคิด
00:10:41 → 00:10:45 ได้เลยว่าวันนี้หนูรีบไปทั้งที่ร่างกาย
00:10:45 → 00:10:47 มันยังไม่พูดอะไรเลยด้วยซ้ำหนูว่านั่น
00:10:47 → 00:10:50 แหละค่ะคือสิ่งที่คนวัย 60 Plus ต้อง
00:10:50 → 00:10:52 กลับมาฟังจากภายในอีกครั้ง
00:10:52 → 00:10:55 >> แล้วสิ่งหนึ่งที่หมอสังเกตมานานในผู้สูง
00:10:55 → 00:10:58 อายุคือร่างกายเขาอาจไม่ตื่นเต็มที่
00:10:58 → 00:11:01 เหมือนตอนหนุ่มสาวแต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้
00:11:01 → 00:11:04 คือเส้นเลือดของเราก็มีจังหวะตื่นของมัน
00:11:04 → 00:11:07 เหมือนกันครับโดยเฉพาะเส้นเลือดฝอยตาม
00:11:07 → 00:11:10 ปลายมือปลายเท้าหรือแม้แต่เส้นเลือดเล็กๆ
00:11:10 → 00:11:14 ในสมองถ้าเราไปเร่งให้มันทำงานก่อนที่มัน
00:11:14 → 00:11:17 จะขยายตัวได้เต็มที่ความเสี่ยงที่เลือดจะ
00:11:17 → 00:11:20 ไหลแรงเกินหรือกระแทกกับผนังที่แข็งตัว
00:11:20 → 00:11:23 จากความดันสูงก็จะมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลย
00:11:23 → 00:11:27 ครับบางคนไม่ได้มีลิ่มเลือดโตหรือหลอด
00:11:27 → 00:11:30 เลือดแตกแต่แค่เส้นเลือดมันไม่ทันตั้งตัว
00:11:30 → 00:11:35 พอมีแรงดันพุ่งเข้าไปปั้งจบเลยครับที่
00:11:35 → 00:11:37 ญี่ปุ่นจะมีประเพณีเล็กๆอย่างหนึ่งในหมู่
00:11:37 → 00:11:41 บ้านชนบทคือเขาจะไม่ให้คนสูงวัยออกจาก
00:11:41 → 00:11:44 บ้านทันทีหลังตื่นครับเขาจะนั่งอยู่หน้า
00:11:44 → 00:11:47 บ้านหรือระเบียงกินน้ำอุ่นแล้วหายใจลึกๆ
00:11:48 → 00:11:50 ก่อนอย่างน้อย 10-15 นาที
00:11:50 → 00:11:54 คล้ายๆกับที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าฮาราอูเอะ
00:11:54 → 00:11:58 ซึ่งแปลตรงตัวว่าการชำระล้างจากภายในแต่
00:11:58 → 00:12:01 ทำมองอีกชั้นก็คือการให้ร่างกายได้
00:12:01 → 00:12:04 synchromiz กับวันใหม่โดยไม่ต้องเร่ง
00:12:04 → 00:12:07 ครับนี่ไม่ใช่แค่เรื่องวัฒนธรรมแต่มันคือ
00:12:07 → 00:12:10 การจัดระบบให้ร่างกายค่อยๆเปลี่ยนจากโหมด
00:12:10 → 00:12:14 พักมาเป็นโหมดพร้อมทำงานอย่างนุ่มนวล
00:12:14 → 00:12:17 >> หนูชอบมากเลยค่ะลุงหมอเพราะจริงๆที่บ้าน
00:12:17 → 00:12:20 เราเองโดยเฉพาะคนรุ่นยายหนูเขาก็มี
00:12:20 → 00:12:23 พฤติกรรมคล้ายๆกันเลยนะคะแค่เราไม่เรียก
00:12:23 → 00:12:26 ชื่อเฉพาะแบบญี่ปุ่นพวกผู้ใหญ่สมัยก่อนจะ
00:12:26 → 00:12:29 ล้างหน้าบ้วนปากแล้วนั่งนิ่งๆดื่มน้ำอุ่น
00:12:29 → 00:12:33 จากขันเล็กๆบางคนก็จุดธูปไหว้พระหรือเดิน
00:12:33 → 00:12:36 ออกไปหน้าบ้านแป๊บนึงมองต้นไม้หายใจลึกๆ
00:12:36 → 00:12:39 แบบไม่รู้ตัวมันดูเหมือนเรื่องเล็กๆแต่
00:12:39 → 00:12:41 มันช่วยให้ร่างกายปรับมาเป็นโหมดตื่น
00:12:42 → 00:12:43 อย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
00:12:43 → 00:12:46 >> ใช่เลยครับคุณนุ่นมันคือการส่งสัญญาณภาย
00:12:46 → 00:12:50 ในให้กับตัวเองว่าเราพร้อมแล้วจริงๆและ
00:12:50 → 00:12:52 มันต่างจากการที่ตื่นมาแล้วกระโดดเข้ามือ
00:12:53 → 00:12:56 ถือหรือเปิดทีวีใส่หัวทันทีนะครับร่างกาย
00:12:56 → 00:12:59 มนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้โดนข้อมูลทะลัก
00:12:59 → 00:13:02 ใส่สมองตั้งแต่ยังหายใจไม่ทันครบ 3 รอบ
00:13:02 → 00:13:05 สิ่งที่หมอเป็นห่วงคือพอเราชินกับจังหวะ
00:13:05 → 00:13:09 แบบนั้นสมองกับหัวใจก็จะปรับตัวให้รีบ
00:13:09 → 00:13:12 เป็นปกติจนกลายเป็นภาวะคอร์ติโซลสูงตอน
00:13:12 → 00:13:16 เช้าโดยไม่หรูตัวเลยครับสมองของเรากำลัง
00:13:16 → 00:13:18 สั่งให้หัวใจเร่งจังหวะทั้งที่ยังไม่ไม่
00:13:18 → 00:13:20 มีใครวิ่งตามเลยสักคน
00:13:21 → 00:13:23 >> ฟังแบบนี้แล้วหนูเริ่มเข้าใจเลยค่ะว่า
00:13:23 → 00:13:26 ทำไมบางคนตื่นมาแล้วปวดหัวหรือสึกคล้ายจะ
00:13:26 → 00:13:29 เป็นลมทั้งที่ก็ไม่ได้ป่วยนะคะเหมือนร่าง
00:13:29 → 00:13:32 กายมันยังไม่ได้กลับมาซิงคกับชีวิตแต่เรา
00:13:32 → 00:13:34 ดันไปสั่งให้มันทำงานแบบ full โหลดเลย
00:13:34 → 00:13:37 >> ครับแล้วพอเจอแบบนั้นบ่อยๆมันก็ไม่ได้แค่
00:13:37 → 00:13:40 รู้สึกมึนหัวครับมันเริ่มมีผลกับระบบควบ
00:13:41 → 00:13:44 คุมความดันโดยรวมเลยหมอเคยมีคนไข้ท่าน
00:13:44 → 00:13:48 หนึ่งอายุ 66 ปีแกบอกว่าตอนเช้ารู้สึกว่า
00:13:48 → 00:13:51 ตัวเองตื่นแบบยังไม่ตื่นคือรู้สึกว่าตา
00:13:51 → 00:13:55 เปิดแต่สมองเบลอแขนขาไม่อยากขยับแกคิดว่า
00:13:55 → 00:13:59 เป็นเพราะแกอายุมากแต่พอตรวจจริงๆพบว่า
00:13:59 → 00:14:02 เส้นเลือดฝอยในสมองส่วนเล็กๆของเขาเริ่ม
00:14:02 → 00:14:05 มีการตีบเฉี่ยพลันจากความดันพุ่งโดยไม่มี
00:14:05 → 00:14:09 สัญญาณมาก่อนความเงียบของร่างกายไม่ได้
00:14:09 → 00:14:12 แปลว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นบางครั้งมันคือ
00:14:12 → 00:14:15 เคลื่อนไอ้น้ำที่รอวันซัดเข้าฝั่ง
00:14:15 → 00:14:18 >> แล้วลุงหมอคิดว่าอะไรคือสัญญาณเงียบพวก
00:14:18 → 00:14:21 นั้นที่คนทั่วไปอาจจะกำลังเจออยู่ทุกเช้า
00:14:21 → 00:14:23 แต่ยังไม่รู้ตัวเลยคะ
00:14:23 → 00:14:26 >> หมอว่าสัญญาณเงียบมันมาในรูปแบบที่เราคิด
00:14:26 → 00:14:30 ว่าปกติครับเช่นเวียนหัวเบาๆตอนลุกนั่ง
00:14:30 → 00:14:33 เหนื่อยง่ายเวลาแปรงฟันตอนเช้าหรือแม้แต่
00:14:33 → 00:14:36 ปัสสาวะออกมาแล้วรู้สึกใจสั่นแว๊บนึงนั่น
00:14:36 → 00:14:39 คือเสียงเบาๆของระบบควบคุมความดันที่
00:14:39 → 00:14:43 กำลังรวนครับและหมออยากชวนทุกคนสังเกตว่า
00:14:43 → 00:14:46 ถ้าอาการแบบนี้เกิดซ้ำ 2-3 วันติดโดย
00:14:46 → 00:14:49 เฉพาะในช่วงสั 30 นาทีแรกหลังตื่นนั่นคือ
00:14:49 → 00:14:52 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
00:14:52 → 00:14:56 >> หนูว่านะคะพอเราฟังมาถึงตรงนี้หลายคนคง
00:14:56 → 00:14:59 เรื่องรู้สึกเหมือนกันว่าแค่เช้าๆเร่งรีบ
00:14:59 → 00:15:01 มันไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วใช่ไหมั้คะเพราะ
00:15:01 → 00:15:03 สิ่งที่ลุงหมอพูดมาทั้งหมดมันไม่ใช่แค่
00:15:03 → 00:15:06 การป้องกันโรคแต่มันคือการตั้งจังหวะของ
00:15:06 → 00:15:10 ร่างกายตั้งแต่ตาเปิดเลยและคำถามสำคัญก็
00:15:10 → 00:15:13 คือถ้าเราอยากเริ่มประคองสมดุลนั้นจริงๆ
00:15:13 → 00:15:17 โดยเฉพาะหลังอายุ 60 ต้องกินอะไรดีต้อง
00:15:17 → 00:15:18 เริ่มตรงไหนก่อน
00:15:18 → 00:15:22 >> คำตอบของหมอง่ายมากครับเริ่มจากโปรตีนคำ
00:15:22 → 00:15:26 เดียวสั้นๆแต่พอพูดถึงโปรตีนหลายคนจะนึก
00:15:26 → 00:15:29 ถึงแค่อาหารเสริมหรือเนื้อสัตว์แบบเดิมๆ
00:15:29 → 00:15:32 ซึ่งจริงๆแล้วมันมี 4 โปรตีนที่คนไว้ 60
00:15:32 → 00:15:35 Plus ควรรู้จักและถ้าเรียงตามลำดับความ
00:15:35 → 00:15:38 สำคัญกับสมดุลตอนเช้าหมอจะขอนับถอยหลัง
00:15:38 → 00:15:42 ให้ฟังนะครับอันดับที่ 4 ไข่ต้มอุ่นๆตอน
00:15:42 → 00:15:45 เช้าฟังดูธรรมดาใช่ไหมครับแต่ไข่เป็น
00:15:45 → 00:15:48 แหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ร่างกายดูดซึม
00:15:48 → 00:15:51 ง่ายมากโดยเฉพาะตอนท้องว่างช่วงเช้าแถม
00:15:51 → 00:15:54 ยังมีโคลีนซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้
00:15:54 → 00:15:57 สมองตื่นตัวแบบไม่กระชากเหมาะกับคนที่
00:15:57 → 00:16:00 ตื่นมาแล้วอย่างหมึ่นๆครับหมอเคยดูเคสที่
00:16:00 → 00:16:03 ญี่ปุ่นผู้สูงวัยกลุ่มที่เริ่มวันด้วยไข่
00:16:03 → 00:16:06 ต้ม 1 ฟองทุกเช้ากลับมีระดับสมดุลน้ำตาล
00:16:06 → 00:16:09 ในเลือดดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์เพราะร่าง
00:16:09 → 00:16:13 กายไม่หิวซ้ำตอนสายๆพอร่างกายไม่ตกใจระบบ
00:16:13 → 00:16:15 ทั้งหมดมันก็ไม่สั่น
00:16:15 → 00:16:18 >> ที่ไทยก็มีนะคะลุงหมอคนรุ่นคุณตาหนูเขา
00:16:18 → 00:16:21 ชอบกินไข่ลั่วกับข้าวสวยร้อนตอนเช้าบางคน
00:16:21 → 00:16:24 เติมซีอิ๊วขาวนิดเดียวแล้วตามด้วยน้ำชา
00:16:24 → 00:16:27 เบาๆมันเหมือน ritual ที่ไม่ได้เร่งไม่
00:16:27 → 00:16:30 ได้ล้นแต่ทำให้ร่างกายรู้ว่าเช้าแล้วนะ
00:16:30 → 00:16:33 หนูว่าพฤติกรรมพวกนี้แหละที่ทำให้การใช้
00:16:33 → 00:16:35 ชีวิตมันมีจังหวะมากขึ้น
00:16:35 → 00:16:38 >> ใช่เลยครับ ritual นี่สำคัญมากเพราะมัน
00:16:38 → 00:16:41 คือการสื่อสารกับร่างกายว่าไม่ต้องหนี
00:16:41 → 00:16:44 อะไรแล้วเราอยู่กับบ้านอยู่กับเช้าได้
00:16:44 → 00:16:47 อย่างปลอดภัยและโปรตีนตัวต่อไปที่หมออยาก
00:16:47 → 00:16:51 ให้ฟังคืออันดับที่ 3 นัโตะหรือถั่วหมัก
00:16:51 → 00:16:53 หรือเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นถึงจะมีกลิ่นเฉพาะ
00:16:53 → 00:16:57 ตัวแต่นัโตะมีเอนไซม์ชื่อว่านัโตคีเนส
00:16:57 → 00:16:59 ซึ่งช่วยละลายลิ่มเลือดในร่างกายแบบ
00:16:59 → 00:17:02 ธรรมชาติและมีกรดอะมิโนที่ช่วยเรื่องการ
00:17:02 → 00:17:05 ไหลเรียดหมอเคยเจอผู้ป่วยที่เริ่มกิน
00:17:05 → 00:17:09 นัตโตะวันละ 2 ช้อนชากับข้าวสวยอุ่นๆแล้ว
00:17:09 → 00:17:12 ระดับความดันตอนเช้าของเขาลดลงโดยไม่ต้อง
00:17:12 → 00:17:15 พึ่งยาเพิ่มเลยครับจริงๆแล้วฝั่งไทยเราก็
00:17:15 → 00:17:18 มีถั่วเน่าหมักที่ทางเหนือใช้อยู่คล้าย
00:17:18 → 00:17:21 กันในแง่คุณสมบัติแต่ต้องระวังเรื่อง
00:17:21 → 00:17:22 โซเดียมด้วย
00:17:22 → 00:17:26 >> น่าสนใจมากค่ะถ้าจะลองแบบเบาๆหนูเคยเห็น
00:17:26 → 00:17:28 ยายที่เอาเต้าเจี้ยวหวานมาละลายน้ำอุ่น
00:17:28 → 00:17:31 แล้วกินกับข้าวต้มใส่เต้าหู้ขาวฟังดู
00:17:31 → 00:17:33 ญี่ปุ่นมากเลยใช่ไหมคะแต่จริงๆคือบ้านเรา
00:17:34 → 00:17:36 นี่แหละหนูว่าอาจถึงเวลาที่เราจะกลับไปหา
00:17:36 → 00:17:39 สิ่งที่เคยคุ้มร่างกายเราไว้ได้อีกครั้ง
00:17:40 → 00:17:42 >> ถูกต้องเลยครับแล้วหมอจะขอต่อที่อันดับ
00:17:43 → 00:17:46 ที่ 2 ปลาเล็กปลาน้อยอย่างปลาแห้งปลาถู
00:17:46 → 00:17:50 ย่างหรือแม้แต่ปลาสิวทอดปลาพวกนี้มี
00:17:50 → 00:17:53 โปรตีนสูงแถมยังมีแคลเซียมจากกระดูกเล็กๆ
00:17:53 → 00:17:56 ที่กลิ่นได้ทั้งตัวถ้ากินคู่กับข้าวร้อนๆ
00:17:56 → 00:17:58 จะช่วยให้ระดับน้ำตาลไม่เหวี่ยงและยัง
00:17:58 → 00:18:01 ช่วยกระตุ้นสมองด้วยโอเมก้า 3 ในปริมาณ
00:18:01 → 00:18:05 ที่พอเหมาะที่ญี่ปุ่นมีอิวาชิที่กินคล้าย
00:18:05 → 00:18:08 กันมากครับคือปลาตัวเล็กๆที่หมักเค็มแล้ว
00:18:08 → 00:18:11 เอามาเนื่องหรือย่างเบาๆตอนเช้าแค่นี้ก็
00:18:11 → 00:18:14 พอแล้วครับสำหรับร่างกายหลัง 60
00:18:14 → 00:18:16 >> หนูว่าหลายคนอาจจะมองข้ามปลาตัวเล็กๆ
00:18:16 → 00:18:19 เหล่านี้ไปนะคะเพราะเห็นว่าไม่ใช่อาหาร
00:18:19 → 00:18:21 มากมายแต่นี่แหละคือสิ่งที่เคยอยู่กับเรา
00:18:21 → 00:18:25 มาแต่เดิมและมันช่วยรักษาชีวิตธรรมดาๆดา
00:18:25 → 00:18:28 ให้เดินต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งอาหารสำเร็จ
00:18:28 → 00:18:28 รูปเลย
00:18:29 → 00:18:32 >> และสุดท้ายครับอันดับที่ 1 เต้าหู้หรือ
00:18:32 → 00:18:36 ถั่วเหลืองแปรรูปที่ไม่ผ่านการทอดถ้าใคร
00:18:36 → 00:18:39 ไม่กินเนื้อสัตว์หรืออยากลดไขมันอิ่มตัว
00:18:39 → 00:18:42 เต้าหู้คือตัวเลือกที่อ่อนโยนที่สุด
00:18:42 → 00:18:45 โปรตีนจากถั่วเหลือเป็นโปรตีนสมบูรณ์และ
00:18:45 → 00:18:48 ย่อยง่ายกว่าสัตว์สำหรับผู้สูงวัยหลายคน
00:18:48 → 00:18:51 หมอเคยมีคนไข้ที่ปฏิเสธการกินเนื้อสัตว์
00:18:51 → 00:18:54 ทุกชนิดเพราะปัญหาทางเดินอาหารแต่พอปรับ
00:18:54 → 00:18:57 มาเป็นเต้าหู้ตุ๋นกับขิงอุ่นๆตอนเช้า
00:18:57 → 00:19:01 อาการแน่นท้องลดลงระบบขับถ่ายดีขึ้นและ
00:19:01 → 00:19:03 ระดับน้ำตาลก็คงที่กว่าที่เคย
00:19:03 → 00:19:06 >> เต้าหู้นี่แหละค่ะเพื่อนแท้ของคนวัยนี้
00:19:06 → 00:19:09 เลยหนุงเองยังชอบเลยนะคะโดยเฉพาะเวลารู้
00:19:09 → 00:19:12 สึกไม่อยากเคี้ยวอะไรเยอะแค่เต้าหู้อ่อนๆ
00:19:12 → 00:19:15 ตุ๋นกับน้ำซุปเบาๆมันให้ทั้งพลังงาน
00:19:15 → 00:19:18 โปรตีนและความรู้สึกว่าเรากำลังดูแลตัว
00:19:18 → 00:19:20 เองโดยไม่ต้องฝืน
00:19:20 → 00:19:23 >> ครับและหมออยากให้จำไว้ว่าเราไม่จำเป็น
00:19:23 → 00:19:26 ต้องเปลี่ยนทั้งชีวิตเพื่อสุขภาพดีแต่แค่
00:19:26 → 00:19:29 เริ่มเช้าเดียวให้ถูกจังหวะแล้วร่างกายจะ
00:19:29 → 00:19:32 ตอบแทนเราในแบบที่ไม่ต้องใช้ยาเลยด้วยซ้ำ
00:19:32 → 00:19:35 >> หนูว่าประโยคนี้ต้องจดเลยค่ะเช้าเดียวให้
00:19:36 → 00:19:39 ถูกจังหวะมันเป็นคำที่ดูเบาแต่ลึกมาก
00:19:39 → 00:19:41 เดี๋ยวช่วงหน้าลุงหมอช่วยเล่าต่อหน่อยนะ
00:19:41 → 00:19:44 คะว่าถ้าเราเริ่มจากอาหารได้แล้วขั้นตอน
00:19:44 → 00:19:48 ถัดไปคืออะไรเพื่อให้เช้าแบบนี้มันไม่ใช่
00:19:48 → 00:19:49 แค่วันนี้วันเดียว
00:19:49 → 00:19:52 >> ยินดีเลยครับคุณนุ่นเพราะสิ่งที่เรากำลัง
00:19:52 → 00:19:55 กินเข้าไปมันไม่ใช่แค่อาหารครับแต่มันคือ
00:19:55 → 00:19:58 สัญญาณที่เราส่งให้ร่างกายรู้ว่าฉันยัง
00:19:58 → 00:20:02 อยากมีชีวิตต่ออย่างมีจังหวะถ้าถามว่า
00:20:02 → 00:20:05 หลังจากอาหารแล้วควรเริ่มจากตรงไหนต่อหมอ
00:20:05 → 00:20:09 ว่าต้องเริ่มจากความเงียบที่ฟังได้ครับ
00:20:09 → 00:20:12 เพราะหลายคนตื่นมาแล้วรีบเปิดเสียงเปิด
00:20:12 → 00:20:16 ข่าวเปิดมือถือแต่ลืมเปิดใจฟังตัวเองก่อน
00:20:16 → 00:20:20 หมอเคยเจอคนไข้ท่านนึงเขาบอกว่าตอนที่เขา
00:20:20 → 00:20:23 หายจากโรคไม่ใช่เพราะกินอาหารดีขึ้นแต่
00:20:23 → 00:20:26 เพราะเขาเริ่มหยุดอยู่เฉยๆได้ 15 นาทีตอน
00:20:26 → 00:20:31 เช้าแกบอกว่าแค่นั่งเฉยๆมองดูเงาต้นไม้
00:20:31 → 00:20:34 ฟังเสียงไก่ขันไกลๆแล้วไม่รู้สึกผิดกับ
00:20:34 → 00:20:38 การไม่ได้ทำอะไรเลยมันเป็นครั้งแรกในรอบ
00:20:38 → 00:20:41 หลายปีที่เขาไม่ได้วิ่งหนีจากตัวเองทันที
00:20:41 → 00:20:43 หลังตื่นนอน
00:20:43 → 00:20:45 >> ฟังแล้วเหมือนง่ายนะคะลุ่งหมอแต่เอาเข้า
00:20:45 → 00:20:48 จริงการอยู่กับความเงียบแบบไม่กังวลเนี่ย
00:20:48 → 00:20:51 บางทีก็ยากกว่าการออกไปเดินอีก
00:20:51 → 00:20:54 >> ใช่เลยครับคุณนุ่นเพราะเราถูกฝึกให้เช้า
00:20:54 → 00:20:57 เท่ากับเร่งเราเลยลืมว่าเช้าเงียบๆก็มี
00:20:57 → 00:21:01 คุณค่าการมีเวลานั่งกับตัวเองสัก 10 นาที
00:21:01 → 00:21:04 มันอาจไม่เปลี่ยนอะไรทันทีแต่มันเปลี่ยน
00:21:04 → 00:21:07 วิธีที่เรามองทั้งวันถ้าเราตื่นมาแล้วเจอ
00:21:07 → 00:21:10 ความวุ่นวายก่อนจะได้ฟังเสียงตัวเองมันก็
00:21:10 → 00:21:12 เหมือนออกเรือโดยไม่รู้ลมครับ
00:21:12 → 00:21:15 >> หนูว่าคนฟังหลายคนน่าจะเริ่มมองเช้าในแบบ
00:21:15 → 00:21:18 ใหม่แล้วค่ะไม่ต้องเปลี่ยนเยอะไม่ต้องทำ
00:21:18 → 00:21:21 ให้ได้ทุกวันก็ยังได้ขอแค่มีวันที่ได้
00:21:21 → 00:21:24 หยุดฟังใจตัวเองสักวันก็พอแล้ว
00:21:24 → 00:21:27 >> ใช่ครับเพราะความแข็งแรงของคนวัยนี้มัน
00:21:27 → 00:21:30 ไม่ได้วัดจากว่าเดินได้ไกลแค่ไหนแต่วัด
00:21:30 → 00:21:33 จากว่ายังฟังเสียงร่างกายตัวเองได้อยู่
00:21:33 → 00:21:34 หรือเปล่า
00:21:34 → 00:21:37 >> และไม่ใช่แค่ฟังค่ะแต่กล้าตอบมันด้วยว่า
00:21:37 → 00:21:39 ฉันจะดูแลแกนะ
00:21:39 → 00:21:42 >> ประโยคหมอขอยืมไปใช้ต่อเลยนะครับ
00:21:42 → 00:21:44 >> ยินดีเลยค่ะลุงหมอแล้วเอาไว้มาคุยกันต่อ
00:21:44 → 00:21:48 ตอนหน้าว่าถ้าการเริ่มเช้าดีมันช่วยให้ใจ
00:21:48 → 00:21:51 ไม่รีบงั้นช่วงบ่ายเย็นที่หลายคนมักเพลีย
00:21:51 → 00:21:55 มักกินจุบมักง่วงเราจะดูแลช่วงนั้นยังไง
00:21:55 → 00:21:55 ดี
00:21:55 → 00:21:58 >> หมอมีคำตอบอยู่แล้วครับแต่จะเล่าให้ฟัง
00:21:58 → 00:22:08 ตอนอ่า
00:22:08 → 00:22:11 [เพลง]