00:00:00 → 00:00:02 วิธีการสร้างเ Stream part ที่ 2 นะครับ
00:00:02 → 00:00:04 ใครยังไม่ฟังพารแรกไปฟังมาก่อนนะฮะคลิป
00:00:04 → 00:00:07 นี้จะพูดถึงว่าเราจะสร้างมันยังไงนะฮหลัง
00:00:07 → 00:00:10 จากที่เรารู้ว่าสาเหตุที่เราสูนเสียเซม
00:00:10 → 00:00:13 คืออะไรนะมี 2 แบบนะฮะอย่างแรกคือจากภาย
00:00:13 → 00:00:16 นอก 2 จากภายในนะจากภายนอกเนี่ยนะฮะอ่า
00:00:16 → 00:00:18 คุณเป็นเช่นคุณไปเข้าพวกกรุ๊ป coaching
00:00:18 → 00:00:21 นะมีการฟีดแบคที่ดีหรือว่าคุณได้ฟีดแบค
00:00:21 → 00:00:25 จากผู้ร่วมงานเพื่อนๆคนใกล้ตัวที่ดีคุณก็
00:00:25 → 00:00:28 รู้สึกว่าคุณดีพอนะครับเพียงแต่ว่าถ้าคุณ
00:00:28 → 00:00:31 เองเนี่ยต้องระวังว่าคุณเชื่อว่าคุณเอง
00:00:31 → 00:00:34 เนี่ยไม่ดีพอนะครับเสมือนกับว่าคุณจะมี
00:00:34 → 00:00:39 ฟิวเตอร์บางๆกั้นไว้นะแค่เส้นบางๆกั้นไว้
00:00:39 → 00:00:42 ว่าอ่าอะไรที่ยืนยันว่าคุณดีพอเนี่ยคุณจะ
00:00:42 → 00:00:45 ไม่รับมันแต่คุณจะรับอะไรที่มันยืนยันว่า
00:00:45 → 00:00:48 คุณไม่ดีพอเท่านั้นนะครับอ่าแล้วคุณก็จะ
00:00:48 → 00:00:51 ไม่ดีพออยู่ตลอดเวลาเช่นยังไงนะสมมุติคุณ
00:00:51 → 00:00:54 มาหาจิตแพทย์นะจิตแพทย์ก็ชมคุณนะว่าคุณ
00:00:54 → 00:00:58 เ่าทำได้ดีนะคุณพยายามได้ดีมากเลยคุณเอา
00:00:58 → 00:01:02 เรื่องดิเก่งเอาเรื่องนะฮะคุณคิดะมึงเป็น
00:01:02 → 00:01:04 เจตแพทย์นินะยังไงก็ต้องชมเราหรือว่าพูด
00:01:04 → 00:01:08 ให้เรารู้สึกดีนะครับมีิตรนะฮะเ่อทั้งๆ
00:01:08 → 00:01:11 ที่จริงๆคุณก็เก่งจริงๆนะครับอ่าซึ่ง
00:01:11 → 00:01:13 ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริงๆก็อาจจะเป็นเรื่อง
00:01:13 → 00:01:16 จริงนิดนึงว่าจิตแพทย์ก็จะชื่นชมคุณพูด
00:01:16 → 00:01:18 ให้คุณรู้สึกดีนะครับหรือถ้าเป็นเรื่อง
00:01:18 → 00:01:20 อื่นนะสมมุติอ่าเพื่อนมงานก็ได้บอกว่า
00:01:20 → 00:01:23 เอ้ยคุณทำงานได้ดีมากเลยสุดยอดเลยนะฮะที่
00:01:24 → 00:01:26 คุณต้องระวังคือว่าสมองคนทีและมึงชมตามมา
00:01:26 → 00:01:30 ได้หรือเปล่าปกติการฟีดแบคในงานเนี่ยมัน
00:01:30 → 00:01:31 ก็จะพูดข้อดีก่อนแล้วก็ข้อเสียตามมาที
00:01:31 → 00:01:34 หลังนะมันเป็นมารยาทหรือเปล่านะครับหรือ
00:01:34 → 00:01:36 เช่นพ่อแม่คุณชมคุณนะฮะจริเคเห็นว่าคุณ
00:01:36 → 00:01:39 เก่งมากเลยนะคุณทำนี้ได้ดีมากแต่ว่าพ่อ
00:01:39 → 00:01:41 แม่ิพ่อแม่ต้องชมฉันหรือเปล่านะฮะ
00:01:41 → 00:01:44 อันเนี้ยนะฮะเริ่มต้นจากว่าคุณมี
00:01:44 → 00:01:46 awareness กับเรื่องนี้นะครับ A คือการ
00:01:46 → 00:01:50 รับรู้ว่าเออสมองเรามักจะคิดแบบนี้ว่ามัน
00:01:50 → 00:01:52 จะหาอะไรก็ได้ที่ยืนยันว่าเราไม่ดีพออื่น
00:01:52 → 00:01:55 ๆถ้าเป็นตัวเราเองก็ตามนะฮะบางทีถ้าเราทำ
00:01:55 → 00:01:58 งานได้ดีนะฮะเราตั้งไว้สูงอยู่ะเราทำได้
00:01:58 → 00:02:02 ดีปั๊บเราเก็บอกว่าเราฟุกหรือเปล่านะฮะ
00:02:02 → 00:02:04 ไม่ได้ให้เครดิตตัวเองเมเราก็จะเท่าเดิม
00:02:04 → 00:02:06 นะแต่ว่าถ้าเราตั้งไว้สูงแล้วเราไม่
00:02:07 → 00:02:09 สามารถไปถึงที่เราตั้งไว้ได้นะครับเราจะ
00:02:09 → 00:02:12 โทษตัวเองไว้ก่อนแล้วจะทำให้เราคุณค่าใน
00:02:12 → 00:02:14 ตัวเองเราเนี่ยติดลบไปอีกนะครับอันนี้ก็
00:02:14 → 00:02:17 คือมันคือการตีตัวเองแล้วทำให้เราเนี่ย
00:02:17 → 00:02:20 สุดท้ายตกลงเรื่อยๆนะเวลายิ่งตกลงเรื่อยๆ
00:02:20 → 00:02:22 นะครับอันนี้ก็จริงก็ควรจะมี awareness
00:02:22 → 00:02:25 แล้วก็ปรับเรื่องนี้นะครับนอกจากนี้นะไอ้
00:02:25 → 00:02:27 สิ่งที่เป็นปัจจัยจากภายนอกนะจริงๆการใช้
00:02:27 → 00:02:30 ชีวิตไปเรื่อยๆเนี่ยนะคุณเรียนรู้โลกอ่า
00:02:30 → 00:02:32 เรียนรู้ว่าตัวคนอื่นมองเรายังไงนะครับ
00:02:32 → 00:02:35 มันจะค่อยๆดีขึ้นตามเวลาของมันเองนะครับ
00:02:35 → 00:02:38 แล้วก็ถ้าเป็นแง่ของความสัมพันธ์ิษาว่า
00:02:38 → 00:02:41 มันไม่สีเขียวที่เป็น inel attachment น
00:02:41 → 00:02:44 นะฮะอ่าถ้าคุณใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเจอแฟนที่
00:02:44 → 00:02:49 เขารเราพอเมั่นคงพอนะครับสุดท้ายแล้วความ
00:02:49 → 00:02:52 รู้สึกียวมันก็จะกลับมาได้เองนะครับนี้พบ
00:02:52 → 00:02:54 ในคนไข้ที่เป็นลักษณะของ B LINE
00:02:54 → 00:02:56 personality disorder อ่าเป็นยังไง
00:02:56 → 00:02:58 เดี๋ยวแนบไว้ในแคปชั่นแล้วที่ 2 คือการ
00:02:58 → 00:03:01 จัดการที่ภายในของตัวเองเองนะครับอ่านี้
00:03:01 → 00:03:03 เป็นยังไงคุณต้องเข้าใจคลิปที่แล้วก่อน
00:03:03 → 00:03:06 มันคือการที่เของเราเนี่ยอ่าเราความคาด
00:03:06 → 00:03:09 หวังคนอื่นเข้ามาเพื่อผูกกับเมของเราถ้า
00:03:10 → 00:03:11 เราทำไม่ได้อย่างที่เขาหวังแปลว่าเราไม่
00:03:11 → 00:03:15 ดีเราแย่นะครับอ่าซึ่งเวลาที่คุณเจอแบบ
00:03:15 → 00:03:18 นี้นะคุณต้องหยุดแล้วก็คิดก่อนว่าไอ้ที่
00:03:18 → 00:03:21 เราไม่ดีพอเนี่ยเราใช้เกณฑ์อะไรมาวัดแล้ว
00:03:21 → 00:03:24 เราไม่ดีพอเรื่องอะไรนะครับหลายๆครั้งนะ
00:03:25 → 00:03:28 ฮะที่คุยกับคนไข้มาคนไข้มันจะใช้เกณฑ์ที่
00:03:28 → 00:03:31 วัดตัวเองกับเกณฑ์ที่วัดคนอื่นที่ต่างกัน
00:03:31 → 00:03:33 นะถ้าถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นมาถามเราเนี่ย
00:03:33 → 00:03:36 เราปลอบเ้าได้แต่ถ้าเป็นตัวเราเองเนี่ย
00:03:36 → 00:03:38 เราปลอบเราตัวเองไม่ได้แล้วเราตีตัวเอง
00:03:38 → 00:03:41 อยู่ตลอดเวลาครับเรื่องนี้แก้โดยสิ่งที่
00:03:41 → 00:03:43 เรียกว่า Self compassion เดี๋ยวจะแนบ
00:03:43 → 00:03:45 คลิปไว้ให้นะฮะเรื่องของ Self compassion
00:03:45 → 00:03:47 จะยกตัวอย่างง่ายๆนะครับสมมุติเราคิดว่า
00:03:47 → 00:03:51 เราฉลาดเราต้องได้ 4.00 พอเราไม่ได้ 4.00
00:03:51 → 00:03:54 อ่าเราคิดว่าเราโง่นะฮะซึ่งจริงๆแล้ว
00:03:54 → 00:03:58 outcome ของ 4.00 นะฮะหลายอย่างนะสมมุติ
00:03:58 → 00:04:02 อ่าเพื่อนเราที่ได้ 400 เหมือนกันแค่โกง
00:04:02 → 00:04:05 ข้อสอบก็ได้ 400 ละบริจาคเงินให้โรงเรียน
00:04:05 → 00:04:07 เพ่อแม่บริจากเงโรงเรียนก็ได้ 400 แล้วนะ
00:04:07 → 00:04:11 ฮะหรือว่าเค้าชอบวิชานี้มากๆเแบบเป็นกีก
00:04:11 → 00:04:13 ด้านวิชานี้เค้าก็ได้ 4.00 ตัวคุณเองไม่
00:04:14 → 00:04:16 ได้ 4. เพราะว่าคุณไม่ถนัดวิชานี้ก็แค่
00:04:16 → 00:04:19 ไม่ชอบวิชานี้ก็ได้นะไม่ได้แปลว่าเราไม่
00:04:19 → 00:04:22 ฉลาดเพียงแค่เราไม่ถนัดวิชานี้นะครับซึ่ง
00:04:22 → 00:04:24 หลายๆครั้งคุณต้องพิจารณา Factor ให้มัน
00:04:24 → 00:04:27 ครบถ้วนก่อนที่คุณจะตัดสินตัวเองนะครับ
00:04:27 → 00:04:30 การที่คุณตัดสินตัวเองนะหหลายๆครั้งบางที
00:04:30 → 00:04:33 มีประโยชน์เช่นอ่าคุณรู้สึกว่าคุณไม่เก่ง
00:04:33 → 00:04:36 พอคุณก็พยายามแล้วคุณก็พยายามจะ Drive
00:04:36 → 00:04:39 ตัวเองให้เก่งแล้วก็ประสบความสำเร็จนะ
00:04:39 → 00:04:42 ครับเพียงแต่ว่าหลายๆครั้งที่มันน่าเป็น
00:04:42 → 00:04:44 ห่วงเพราะว่ามันเหมือนกับการที่เรามี
00:04:44 → 00:04:47 Factor ข้างนอกเข้ามาแล้วมันมีผลกับคุณ
00:04:47 → 00:04:50 ค่าในตัวเราแล้วเราตีตัวเองอยู่ตลอดเวลา
00:04:50 → 00:04:53 ทำให้เ exam เราเนี่ยตกลงอยู่ตลอดเวลาก็
00:04:53 → 00:04:55 สรุปว่านะฮะไอ้ S steep เนี่ยจัดการได้
00:04:55 → 00:04:58 ที่ทั้งภายนอกก็คือว่าคุณใช้ชีวิตไป
00:04:58 → 00:05:00 เรื่อยๆแล้วคุณมี awareness กับความรู้
00:05:01 → 00:05:03 สึกไม่ดีพอด้านในของตัวคุณที่มักจะพดขึ้น
00:05:03 → 00:05:06 มาตลอดอย่างที่ 2 ก็คือว่าจัดการที่ภายใน
00:05:06 → 00:05:08 นะครับคือการที่เราเนี่ยเริ่มรับรู้ตัว
00:05:09 → 00:05:10 เองแล้วก็ตัดสิตัวเองให้เราเหมือนเราตัด
00:05:10 → 00:05:12 สินคนอื่นอันเนี้ยสิ่งนี้ได้แก้โดยการ
00:05:12 → 00:05:14 สิ่งที่เรียกว่า Self compassion นะครับ
00:05:14 → 00:05:17 ก็ใครคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ก็ลองแชร์
00:05:17 → 00:05:19 โลดในคอมเมนต์นะครับใครเคยทำแบบไหนแล้ว
00:05:19 → 00:05:21 เวิร์คแบบไหนแล้วไม่เวิร์คก็ลองแชร์บอก
00:05:21 → 00:05:24 กันหน่อยนะครับ