00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world By The
00:00:05 → 00:00:09 Voice ภาวะเกลียดตัวเองภาวะแบบไม่ชอบตัว
00:00:09 → 00:00:11 เองเกลียดตัวเองรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดี
00:00:11 → 00:00:15 พออ่ะทำแล้วรู้สึกมันยังแย่อยู่อ่ะถึงแม้
00:00:15 → 00:00:17 ว่าจะพยายามแล้วมันก็ยังห่วยมันไม่ดีเลย
00:00:17 → 00:00:20 เราก็ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
00:00:20 → 00:00:23 เฮ้ยคนอื่นเขาทำได้ดีกว่าเราอ่ะไม่พึงพอ
00:00:23 → 00:00:25 ใจกับตัวเองซักกอย่างเดียวไม่ว่าจะเป็น
00:00:25 → 00:00:30 รูปร่างหน้าตาหน้าที่การงานผลการเรียนแม้
00:00:30 → 00:00:33 กระทั่งการมีแฟนเจอคนดีๆก็รู้สึกว่าฉัน
00:00:33 → 00:00:36 ไม่คู่ควรกับเขาอ่ะฉันไม่มีค่าพอสำหรับ
00:00:36 → 00:00:40 เขาเขาดีเกินไปมันยังไม่ใช่เป็นความผิด
00:00:40 → 00:00:43 ปกติทางจิตแต่มันเป็นภาวะเป็นความรู้สึก
00:00:43 → 00:00:47 ตัวตนอย่างนึงของแต่ละคน
00:00:47 → 00:00:51 เนาะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัย
00:00:51 → 00:00:55 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:55 → 00:00:59 ค่ะ This Is tha PBS podcast เอาล่ะ
00:00:59 → 00:01:01 ค่ะคุณผู้ฟังเข้าสู่สู่ช่วงเวลาของรายการ
00:01:01 → 00:01:03 โรงหมอของเรากันแล้วนะคะเดี๋ยววันนี้เรา
00:01:03 → 00:01:07 จะคุยกันถึงเรื่องของภาวะที่คิดว่าตัวเอง
00:01:07 → 00:01:09 ยังไม่ดีพอนะอาจจะเป็นไปได้เนาะคือแบบเอ๊
00:01:09 → 00:01:12 ทำยังไงมันก็ไม่ดีพอักทีนะคะไม่รู้ว่า
00:01:12 → 00:01:15 เกิดจากอะไรแล้วเราจะแก้ไขตรงนี้ได้ยังไง
00:01:15 → 00:01:17 เดี๋ยวคุยกับพันตำรวจเอกหญิงแพทย์หญิง
00:01:17 → 00:01:20 อัญชุลีธีระวงศ์ไพศาลจิตแพทย์นายแพทย์สบ 5
00:01:20 → 00:01:22 โรงพยาบาลตำรวจค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคะค่ะ
00:01:23 → 00:01:25 สวัสดีค่ะคุณลีแล้วก็สวัสดีคุณผู้ฟังทุก
00:01:25 → 00:01:28 ท่านด้วยค่ะค่ะโอ้โหมาแนวแบบว่าต้องคุย
00:01:28 → 00:01:30 กับคุณหมออย่างเดียวเลยเรื่องพวกเนี้ยนะ
00:01:30 → 00:01:33 คะเกี่ยวกับเอ่อคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอใน
00:01:33 → 00:01:37 ทุกๆอย่างเลยในทุกสิ่งไม่ดีพอสำหรับคนใน
00:01:37 → 00:01:40 ครอบครัวไม่ดีพอสำหรับที่ทำงานทำไมทำแล้ว
00:01:40 → 00:01:43 มันก็ยังไม่ดีซะทีเจ้านายก็ยังไม่พอใจ
00:01:43 → 00:01:47 หรือพ่อแม่ก็ยังแบบไม่โอเคกับเราซักที
00:01:47 → 00:01:50 ตำหนิเราแต่คนอื่นไม่ไม่เป็นนะลูกเอ่อคน
00:01:50 → 00:01:53 อื่นพี่น้องทำไมเป็นกับเราทำให้เกิดภาวะ
00:01:53 → 00:01:56 ความรู้สึกว่ายังไงก็ทำไมเราพยายามแล้ว
00:01:56 → 00:02:00 อ่ะมันก็ยังไม่ดีพอนะคะตรงเนี้ยในในความ
00:02:00 → 00:02:02 รู้สึกที่คิดว่าตัวเองยังไม่ดีพออ่ะมัน
00:02:02 → 00:02:06 น่าจะมีเกิดจากหลายๆสิ่งหลายๆอย่างนะคะ
00:02:06 → 00:02:10 แล้วก็มันเกิดขึ้นได้กับทุกๆคนหรืออาจมัน
00:02:10 → 00:02:13 อาจจะเกิดตลอดไปเลยหรืออาจจะแค่แบบช่วง
00:02:13 → 00:02:16 เวลานึงก็ได้ใช่มั้ยคะค่ะก็เา้าเรียกว่า
00:02:16 → 00:02:19 ภาวะเกลียดตัวเองหรือว่าภาษาอังกฤษเนี่ย
00:02:19 → 00:02:21 เรียกว่า Self HR เกียเกลียดตัวเองเลย
00:02:21 → 00:02:25 เหรอเกลดตัวเองคือภาวะแบบไม่ชอบตัวเอง
00:02:25 → 00:02:28 เกลียดตัวเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีทำอะไร
00:02:28 → 00:02:33 ก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพออ่ะทำแล้วก็
00:02:33 → 00:02:35 รู้สึกมันยังแย่อยู่อ่ะถึงแม้ว่าจะพยายาม
00:02:35 → 00:02:38 แล้วมันก็ยังห่วยมันไม่ดีเลยเราก็ชอบเอา
00:02:38 → 00:02:40 ตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเฮ้ยคนอื่น
00:02:41 → 00:02:44 เขาทำได้ดีกว่าเราอ่ะแล้วก็จะรู้สึกว่า
00:02:44 → 00:02:47 ตัวเองเนี่ยไม่พึงพอใจกับตัวเองสักกอย่าง
00:02:47 → 00:02:50 เดียวไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหน้าที่
00:02:50 → 00:02:54 การงานผลการเรียนหรือมีแฟนบบเงี้ยค่ะก็จะ
00:02:54 → 00:02:58 รู้สึกว่าแบบแม้กระทั่งการมีแฟนเจอคนดีๆ
00:02:58 → 00:03:02 ก็รู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรกับเาอ่ะฉันไม่มี
00:03:02 → 00:03:05 ค่าพอสำหรับเขาเขาดีเกินไปเคควรจะได้ไป
00:03:05 → 00:03:09 เจอแบบคนที่ดีกว่านี้แล้วก็ทำให้แบบเออ
00:03:09 → 00:03:12 ไม่กล้ามีความรักไม่กล้านี่นู่นนั่นต่างๆ
00:03:13 → 00:03:16 นานานะคะมันก็จะส่งผลกระทบคือต้องบอกว่า
00:03:16 → 00:03:20 ภาวะเกลียดตัวเองหรือว่าเซเดเนี่ยมันยัง
00:03:20 → 00:03:23 ไม่ใช่เป็นความผิดปกติทางจิตเวทยังไม่ใช่
00:03:23 → 00:03:26 เป็นโรคทางจิตเวทน่ะพูดง่ายๆแต่มันเป็น
00:03:26 → 00:03:31 ภาวะเป็นความรู้สึกเป็นตัวตนอย่างนึงของ
00:03:31 → 00:03:35 แต่ละคนเนาะออืซึ่งคนที่เกลียดตัวเอง
00:03:35 → 00:03:38 เนี่ยมันก็จะมาควบคู่กับคนที่ขาดความมั่น
00:03:38 → 00:03:41 ใจในตัวเอง low Self esteem ขาดความ
00:03:41 → 00:03:44 เชื่อมั่นในตัวเอง Self confidence แบบ
00:03:44 → 00:03:47 รู้สึกแบบไม่กล้าทำอะไรไม่กล้าทำนู่นทำ
00:03:47 → 00:03:51 นี่หรือทำแล้วก็เป็นพวกแบบตำหนิตัวเองแบบ
00:03:51 → 00:03:55 มากเกินไปอ่ะเออขนาดตัวเองก็อ่ะอ่ะสอบได้
00:03:55 → 00:03:58 เกด 4.00 ละยังบอกว่าตัวเองยังไม่
00:03:58 → 00:04:01 ดีได้มากกว่านี้อะไรแบบนี้เป็นต้นมันไม่
00:04:01 → 00:04:03 มีมากกว่า 4 แล้วนะ
00:04:03 → 00:04:09 เอมันมันเกิดจากอะไรคะความเอ่อกดดันจาก
00:04:09 → 00:04:12 สิ่งรอบข้างการเปรียบเทียบตัวเองเอออัน
00:04:12 → 00:04:14 นี้ชัดเจนเนาะเปรียบเทียบตัวเองหรือว่า
00:04:15 → 00:04:19 แบบถูกอย่างอย่างโดนคนในครอบครัวที่จะ
00:04:19 → 00:04:22 ต้องแบบว่าเธอไม่เก่งเธอไม่เก่งเธอไม่ดี
00:04:22 → 00:04:24 อะไรอย่างเงี้ยย้ำๆย้ำๆเราแบบนั้นหรือ
00:04:24 → 00:04:29 เป่าทำให้แบบใช่ค่ะก็คือมนุษย์เราอ่ะค่ะ
00:04:29 → 00:04:31 คือมันเหมือนจิตใจมนุษย์อ่ะมันเหมือนภู
00:04:31 → 00:04:35 เขาน้ำแข็งเนาะเราอาจจะเห็นแค่ยอดมันเฉยๆ
00:04:35 → 00:04:38 เห็นแค่ข้างนอกเฉยๆแต่ว่าข้างในใต้ไปมาก
00:04:38 → 00:04:42 กว่านั้นเนี่ยมันมีอะไรแบบลึกมากเลยนะคะ
00:04:42 → 00:04:47 ภายนอกเราอาจจะเห็นเค้าแบบเออดูก็ดูปกติ
00:04:47 → 00:04:50 สบายดีแค่เาอาจจะรู้สึกแบบขี้กลัวไม่มั่น
00:04:50 → 00:04:55 ใจวิตกกังวลนะคะแล้วก็แบบทำทำอะไรก็ไม่ดี
00:04:55 → 00:04:57 พอบางคนอาจจะแสดงออกเป็นแบบพวก
00:04:57 → 00:05:00 perfectionist ก็มีเหมือนกันปังถ้าแบบ
00:05:01 → 00:05:04 ผิดนิดเดียวเนี่ยก็จะรู้สึกแบบแย่มากเลย
00:05:04 → 00:05:07 แบบไม่ได้เรื่องเลยคือไม่ใช่แค่รู้สึกว่า
00:05:07 → 00:05:10 เออแย่ธรรมดาแต่รู้สึกแบบแย่ไปเลยดาวไป
00:05:10 → 00:05:14 เลยแบบว่าทำไมฉันก็ทำได้ดีกว่านี้นี่นาแ
00:05:14 → 00:05:16 ประเมินตัวเองไปซะอย่างงั้นซึ่งจริงๆมัน
00:05:16 → 00:05:19 มันดีอยู่แล้วแล้วก็จะด่าตัวเองตำหนิตัว
00:05:19 → 00:05:23 เองตลอดแม้แต่แบบอ่ะวันนี้สมมุติว่าทำงาน
00:05:23 → 00:05:27 พรีเซนงานเสร็จไปละก็ผ่านไปด้วยดีอ่ะทุก
00:05:27 → 00:05:30 คนตบมืออ่าหรือว่าอโอเคมันก็งานมันก็จบ
00:05:30 → 00:05:34 แล้วอ่ะแต่มานั่งคิดย้อนกลับไปว่าฉันไม่
00:05:34 → 00:05:39 ควรใช้คำพูดนี้เลยตอนพรีเซนฉันควรจะใช้คำ
00:05:39 → 00:05:43 พูดนี้มากกว่าเออทำไมวันนี้ฉันน่าจะทำได้
00:05:43 → 00:05:45 ดีกว่านี้ฉันน่าจะพรีเซนต์ได้ดีกว่านี้
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยซ้อมมาตั้งหลายรอบแล้วนะทำไมไม่ดี
00:05:48 → 00:05:52 เท่าตอนซ้อมหรือว่าเนี่ยดูซิอีกคนนึงอ่ะ
00:05:52 → 00:05:55 พูดได้ดีกว่าเราอีกทำไมเราพูดไม่ดีเลยแบบ
00:05:55 → 00:05:59 นี้เป็นต้นนะคะซึ่งสาเหตุเนี่ยมันก็อาจจะ
00:05:59 → 00:06:02 เกิดมาจากหลายๆสาเหตุนะคะเริ่มตั้งแต่วัย
00:06:02 → 00:06:05 เด็กเลยคือตัวตนเราปัจจุบันนี้เนี่ยมัน
00:06:05 → 00:06:08 เริ่มมาจากการหล่อล้อมตั้งแต่เราเกิดตั้ง
00:06:08 → 00:06:10 แต่การเลี้ยงดูตั้งแต่เติบโตมาว่า
00:06:10 → 00:06:13 ประสบการณ์เราอ่ะเราผ่านอะไรเจออะไรมา
00:06:13 → 00:06:16 บ้างแล้วเรานำประสบการณ์นั้นน่ะมากระทบ
00:06:16 → 00:06:20 กับที่มันกระทบกับใจเราเนี่ยเราพาตัวเอง
00:06:20 → 00:06:23 ไปทางทิศทางไหนนะคะซึ่งในกลุ่มที่เป็นคน
00:06:23 → 00:06:25 ที่เกลียดตัวเองไม่รักตัวเองไม่ชอบตัวเอง
00:06:25 → 00:06:29 น่ะหรือว่าเ headed เนี่ยก็จะพบมากในคน
00:06:29 → 00:06:32 ที่มีประสบการณ์ในวัยเด็กที่ไม่ค่อยดี
00:06:32 → 00:06:36 เช่นขาดความรักความอบอุ่นคือพ่อแม่ไม่มี
00:06:36 → 00:06:40 เวลาให้เลี้ยงแบบอินอนะคะคนกลุ่มนี้ก็จะ
00:06:40 → 00:06:43 รู้สึกตั้งแต่เด็กว่าตัวเองแบบไม่มีค่า
00:06:43 → 00:06:46 ไม่มีความสำคัญเพเคไม่รักเราเไม่ห่วงใช่
00:06:46 → 00:06:50 เ้าไม่ดีพอนะคะอีกกลุ่มนึงก็จะเป็นกลุ่ม
00:06:50 → 00:06:53 ที่คุณลีบอกก็คือเป็นพ่อแม่ที่แบบจะอี้จะ
00:06:53 → 00:06:58 อั้นเจ้ากี้เจ้ากาบังคับแบบลูกได้สอบได้
00:06:58 → 00:07:02 90 คะแนนบอกยังไม่ดีต้องได้เต็มรอยโเออ
00:07:02 → 00:07:06 มีนะคะพ่อแม่ที่แบบตำหนิลูกตลอดเวลาเช่น
00:07:06 → 00:07:10 แบบลูกแต่งตัวมาก็เนี่ยเสื้อไม่เท่ากันปก
00:07:10 → 00:07:14 คอเสื้อไม่เท่ากันอ่าไม่เออถุงเท้าดึง
00:07:14 → 00:07:17 ขึ้นมาต้องเสมอกันต้องเท่ากันคือพ่อแม่
00:07:17 → 00:07:22 ที่ตำหนิลูกมากไม่ค่อยชมลูกเลยซึ่งคือมัน
00:07:22 → 00:07:25 จะมีความเชื่อของคนไทยโบราณที่คิดว่าการ
00:07:25 → 00:07:28 ชมลูกจะทำให้ลูกเหลิงเออใช่ๆจะทำให้ลูก
00:07:28 → 00:07:32 แบบหลงตัวเองเองทำให้ลูกแบบไม่พัฒนาแต่
00:07:32 → 00:07:34 ความจริงแล้วอ่ะการที่คุณไม่ชมลูกเลยอ่ะ
00:07:34 → 00:07:37 มันทำให้ลูกอ่ะไม่มั่นใจในตัวเองไม่เห็น
00:07:37 → 00:07:39 คุณค่าในตัวเองแล้วก็นำไปสู่การเกลียดตัว
00:07:39 → 00:07:43 เองในที่สุดนะคะอการเลี้ยงดูอีกแบบนึงคือ
00:07:43 → 00:07:47 พ่อแม่ที่ปกป้องลูกจนเกินไป Over
00:07:47 → 00:07:49 Protection คือแบบไม่ให้ลูกทำอะไรเลยทำ
00:07:50 → 00:07:52 ให้ทุกอย่างเลยตั้งแต่ตื่นเช้ามาพ่อแม่
00:07:52 → 00:07:56 แต่งตัวอาบน้ำข้าวอาหารเตรียมคือเด็กก็
00:07:56 → 00:07:59 เลยทำอะไรเองไม่เป็นพอทำอะไรเองไม่เป็นก็
00:07:59 → 00:08:02 ไม่มั่นใจในตัวเองเลยก็รู้สึกว่าฉันทำไม่
00:08:02 → 00:08:06 ดีฉันทำไม่ได้ฉันเออก็เกิดเป็นอาการแบบ
00:08:06 → 00:08:09 ไม่ภาคภูมิใจในตัวเองขึ้นมานะคะอีกกลุ่ม
00:08:09 → 00:08:13 นึงก็เป็นเด็กที่ถูกทารุณกรรมในวัยเด็กอ
00:08:13 → 00:08:17 ตอนเด็กๆเคยถูกพ่อแม่ทุกตีเคยถูกแบบ
00:08:17 → 00:08:20 เคี่ยนตีหรือแม้แต่ถูกทารุณกรรมทางเพศแบบ
00:08:20 → 00:08:22 เนี้ยค่ะล่วงละเมิดทางเพศเด็กกลุ่มเนี้ย
00:08:22 → 00:08:25 ก็จะรู้สึกแบบตัวเองแบบไม่มีค่าตัวเองแบบ
00:08:26 → 00:08:30 สกปรกตัวเองแบบไม่ดีนะคะอืว่าในกลุ่มเด็ก
00:08:30 → 00:08:33 ที่ถูกบุลลี่ตอนเด็กๆถูกเพื่อนหรือถูกแถว
00:08:33 → 00:08:38 บ้านบุลลี่แบบคอยแกล้งคอยแบบปลาของใส่คอย
00:08:39 → 00:08:43 รังเกียจคอยเออชวนคนอื่นมาแอนตี้แบบไม่
00:08:43 → 00:08:47 ให้ไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยหรือด่าว่าตัว
00:08:47 → 00:08:50 ดำตัวเหม็นอันเนี้ยซึ่งแบบในบ้านเราอ่ะ
00:08:50 → 00:08:55 ต้องบอกว่าบางทีเหมือนเราชอบทักทายกันแบบ
00:08:55 → 00:08:58 อีอ้วนอีดำอะไรอย่างเงี้ยจะบอกว่ามันส่ง
00:08:58 → 00:09:03 ผลนะต่อสุขภาพจิตในอนาคตอ่ะส่งผลต่อความ
00:09:03 → 00:09:06 ภาคภูมิใจในตัวเองของเด็กเนาะเออบางทีก็
00:09:06 → 00:09:09 แบบไปเรียกแบบอีหยิกอีหยองอีอะไรอย่าง
00:09:09 → 00:09:13 เงี้ยซึ่งมันแบบไม่ดีเลยนะคะนอกจากนี้ก็
00:09:13 → 00:09:17 ในกลุ่มที่อาจจะในประเทศที่มีการเหยียด
00:09:17 → 00:09:21 ผิวเหยียดผิวเหยียดศาสนาอะไรกลุ่มเยค่ะก็
00:09:21 → 00:09:26 ส่งผลเหมือนกันนะคะก็ต้องบอกว่ามันอาจจะ
00:09:26 → 00:09:29 หลายๆอย่างเนี่ยที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะแบบ
00:09:29 → 00:09:32 เกลียดตัวเองไม่รักตัวเองไม่ชอบตัวเองนะ
00:09:32 → 00:09:35 คะแต่ก็มีเด็กจำนวนมากที่ก็ผ่าน
00:09:35 → 00:09:39 ประสบการณ์เหมือนกันน่ะแต่ว่าเค้ามีความ
00:09:39 → 00:09:42 คิดด้านบวกเค้ารู้จักที่จะให้กำลังใจตัว
00:09:42 → 00:09:46 เองปลอบปรมหัวใจตัวเองเออรักษาแผลใจตัว
00:09:46 → 00:09:49 เองให้เติบโตมาเป็นคนที่มีความรักตัวเอง
00:09:49 → 00:09:52 ภาคภูมิใจในตัวเองได้ก็มีเหมือนกันเอออ่ะ
00:09:52 → 00:09:55 ถ้าถ้ากลุ่มนี้คือแบบว่าเขาก็จะความแข็ง
00:09:55 → 00:09:57 แกร่งของเขาก็เก่งเหมือนกันเนาะแบบว่า
00:09:57 → 00:10:00 สามารถที่จะแบบมองในแง่ดีหรือแบบพลิกจาก
00:10:00 → 00:10:03 มุมที่เขาอาจจะแบบโดนกระทำมากลายเป็นอีก
00:10:03 → 00:10:06 อย่างนึงไปได้แล้วเก็สามารถใช้ชีวิตได้
00:10:06 → 00:10:09 แล้วจริงๆเรื่องของการที่เราถูกแบบอ่า
00:10:09 → 00:10:11 บูลลี่หรืออะไรก็แล้วมันมันมันมีมาตั้ง
00:10:11 → 00:10:15 แต่นานสมัยก่อนแล้วนะไม่ใช่เหมือนสมัยนี้
00:10:15 → 00:10:20 นะสมัยก่อนนี้คือแบบเอ่อก็ว่าพ่อล้อแม่
00:10:20 → 00:10:22 ล้อแม่อะไรก็อย่าเงี้เนาะหรือเราจะเรียก
00:10:22 → 00:10:24 หรืออะไรอย่างเงี้ยอ่ะแต่ว่าตัวเองตอน
00:10:24 → 00:10:27 เด็กๆก็เคยเจอนะคะครูที่แบบว่าบุลลี่เรา
00:10:27 → 00:10:29 อ่ะแต่ตอนนั้นน่ะสมัยนั้นเราไม่ไม่รู้
00:10:29 → 00:10:31 หรอกว่านี่คือการบูลลี่อ่ะค่ะเรารู้แต่
00:10:31 → 00:10:35 ว่าแบบเออทำไมดูถูกมันเป็นการใช้แบบมันดู
00:10:35 → 00:10:38 ถูกอ่ะมันอก็ใช่สิอะไรอย่างเงี้ยใช่มั้ย
00:10:38 → 00:10:40 แต่เดี๋ยวเยมันไม่มันไม่เหมือนกันละแล้ว
00:10:40 → 00:10:43 ก็ยังเห็นอยู่ทุกวันนี้ค่ะคุณหมอที่ยัง
00:10:43 → 00:10:47 เห็นเด็กๆถูกบูลลี่ถูกกระทำหรือว่าอะไร
00:10:47 → 00:10:50 ที่มันรุนแรงต่อกันน่ะในในความเป็นเด็ก
00:10:50 → 00:10:52 ของเขาอ่ะที่เรารู้สึกว่าเฮ้ยทำไมมันดู
00:10:52 → 00:10:55 รุนแรงขึ้นในวัยเด็กที่เไม่ควรที่จะต้อง
00:10:55 → 00:10:58 แบบมาทำอะไรขนาดนี้เลยอ่ะแล้วทำให้คนที่
00:10:58 → 00:11:02 ถูกกระทำมาเกิดความรู้สึกแบบฉันไม่อยากมา
00:11:02 → 00:11:05 เค้าเรียกอะไรอ่ะไม่มันไม่เกิดการแบบไม่
00:11:05 → 00:11:08 ไม่รักตัวเองไปเลยอ่ะค่ะมันน่ากลัวมากเลย
00:11:08 → 00:11:10 จริงๆเนาะใช่ค่ะต้องบอกว่ามันเป็นปัญหา
00:11:10 → 00:11:14 ระดับชาตินะคะซึ่งความจริงแล้วอ่ะผู้ใหญ่
00:11:14 → 00:11:18 สามารถที่จะเข้ามาดูแลช่วยเหลือเด็กได้นะ
00:11:18 → 00:11:20 คะไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ถูกบุลลี่เองก็
00:11:20 → 00:11:22 จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือหรือแม้
00:11:22 → 00:11:25 กระทั่งเด็กที่ชอบบูลลี่คนอื่นน่ะก็
00:11:25 → 00:11:27 จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเหมือนกัน
00:11:27 → 00:11:31 เนาะอือแต่ก็จะมีบางกลุ่มนะคะที่แบบโอ
00:11:31 → 00:11:34 ชีวิตดีงามมากเลยอ่ะพ่อแม่ก็ดีไม่ได้ดุ
00:11:34 → 00:11:37 เกินไปไม่ได้จะอี้จะอ้านเกินไปไม่ได้ปก
00:11:37 → 00:11:41 ป้องมากเกินไปแต่คือแบบเป็นเด็กที่วิตก
00:11:41 → 00:11:45 กังวลเป็นเด็กแบบขี้กลัวแบบเนี้ยค่ะก็แม้
00:11:45 → 00:11:48 ว่าครอบครัวจะดีสังคมก็ดีไม่เคยถูกคน
00:11:48 → 00:11:51 บุลลี่เลยก็อาจจะเติบโตมาเป็นคนที่ไม่
00:11:51 → 00:11:54 มั่นใจในตัวเองเกลียดตัวเองไม่รักตัวเอง
00:11:54 → 00:11:57 ได้เหมือนกันอืเนมันอาจจะเป็นเพราะว่าการ
00:11:57 → 00:12:00 ไม่ได้รับบทบาทในสังคมด้วยมนะคะเช่นแบบ
00:12:00 → 00:12:03 ว่าเอ่อเราทำอย่างไปเรียนเราก็คือคนปกติ
00:12:03 → 00:12:06 เด็กนักเรียนธรรมดาที่ฉันไม่ได้โดดเด่น
00:12:06 → 00:12:09 หรืออะไรเลยก็เลยไม่ค่อยได้มีเป็นจุดสนใจ
00:12:09 → 00:12:14 หรือทำงานอ่าก็ปกติทั่วไปไม่ได้โดดเด่น
00:12:14 → 00:12:17 หัวหน้างานก็ไม่ได้จะต้องมาแบบมาใช้
00:12:17 → 00:12:20 มาเรียกมาแบบว่าเออมอบหมายงานความสำคัญ
00:12:20 → 00:12:22 หรืออะไรอย่าเงี้ยก็เลยทำให้รู้สึกว่าตัว
00:12:22 → 00:12:25 เองแบบเออเราไม่ดีพอหรอกเราก็เลยไม่ได้
00:12:25 → 00:12:27 ถูกรับมอบหมายอะไรอย่างเงี้ยเป็นไปได้
00:12:27 → 00:12:31 มั้ยก็อาจจะเป็นเป็นส่วนหนึแต่ว่าบางคนก็
00:12:31 → 00:12:34 ไม่ได้อยากอยากที่จะแบบมีหน้าที่อะไร
00:12:34 → 00:12:38 สำคัญมากมายนะคะเออบางคนก็ไม่ได้ต้องการ
00:12:38 → 00:12:42 ตรงนั้นแต่ว่าเออมันรู้สึกแบบนี้นะคะซึ่ง
00:12:42 → 00:12:45 ก็ต้องบอกว่าภาวะที่แบบเกลียดตัวเองไม่
00:12:45 → 00:12:48 ชอบตัวเองไม่มั่นใจในตัวเองเยังไม่ดีพอ
00:12:48 → 00:12:51 ซักทีงใช่มันอาจจะไม่ได้ถึงกับเป็นโรคทาง
00:12:51 → 00:12:54 จิตเวทไม่ได้เป็นความผิดปกติทางจิตแต่ถ้า
00:12:54 → 00:12:58 เป็นนานๆไปเนี่ยมันก็จะส่งผลพัฒนาเป็นโรค
00:12:58 → 00:13:01 ซึมเศร้าได้ในอนาคตหรือว่าเป็นโรควิตก
00:13:01 → 00:13:05 กังวลได้หรือเป็นโรคแพนิคตามมาได้นะคะอ
00:13:05 → 00:13:08 อือมันก็จะแบบเหมือนเป็นเป็นต้นทุนเดิม
00:13:08 → 00:13:11 ของความที่เราสุขภาพจิตไม่ดีอ่ะค่ะเออ
00:13:11 → 00:13:14 แล้วเราก็จะคนกลุ่มที่ไม่รักตัวเองเนี่ย
00:13:14 → 00:13:19 ก็จะอ่อนไหวง่ายต่อคำตำหนิคำตักเตือนบาง
00:13:19 → 00:13:23 ทีเค้าเตือนดีๆก็จะแบบเหมือนเหมือนเซล
00:13:23 → 00:13:26 เค้ามันพร้อมจะแหลกสลายอยู่แล้วอ่ะโดน
00:13:26 → 00:13:30 อะไรมากระทบนิดนึงก็แบบแตกสลายแบบซ sad ซ
00:13:30 → 00:13:33 เศร้ามากเออเพราะว่าตัวตนเขาไม่ได้แข็ง
00:13:33 → 00:13:36 แกร่งแข็งแรงพอแบบเนี้ยค่ะองั้นแสดงว่า
00:13:36 → 00:13:39 มันก็เป็นปัจเจกบุคคลที่เราเกิดมาแล้วเรา
00:13:39 → 00:13:41 เป็นอย่างงั้นส่วนนึงอ่ะสังคมเอ่อ
00:13:41 → 00:13:44 ครอบครัวหล่อหลอมสังคมหรืออะไรอย่าเงี้ย
00:13:44 → 00:13:46 ทำให้เราแข็งแกร่งหรือเปล่าหรืออะไรเงี้ย
00:13:46 → 00:13:48 มันก็เป็นแค่เป็นองค์ประกอบปัจจัยแต่จริง
00:13:48 → 00:13:50 ๆแล้วตัวเราเป็นหลักเลยเนาะเท่าที่ฟังดู
00:13:50 → 00:13:54 แล้วอ่ะก็ส่วนนึงค่ะก็ต้องบอกว่าคือเด็ก
00:13:54 → 00:13:58 เด็กเกิดมาแต่ละคนน่ะไม่เหมือนกันนะอเออ
00:13:58 → 00:14:00 เาบอกว่าเด็กเป็นผ้าขาวอ่ะความจริงแล้ว
00:14:00 → 00:14:03 เด็กอ่ะเป็นผ้าขาวที่มันมีหลากหลายชนิด
00:14:03 → 00:14:07 มากเลยแต่ละคนเนี่ยไม่เหมือนกันบางคนเกิด
00:14:07 → 00:14:11 มาก็กล้าละกล้าไม่กลัวอะไรบางคนเกิดมาแบบ
00:14:11 → 00:14:15 ขี้กลัวคอยระมัดระวังบางคนเกิดมาชอบโชว์
00:14:15 → 00:14:18 Of บางคนเกิดมาชอบเงียบๆเป็นนักสังเกต
00:14:18 → 00:14:22 การอือซึ่งการเลี้ยงดูการช่วยเหลือหรือ
00:14:22 → 00:14:25 ว่าสังคมโรงเรียนหรือสังคมที่เราอยู่
00:14:25 → 00:14:28 เนี่ยมันก็จะมีส่วนในการที่จะหล่อหลอม
00:14:28 → 00:14:31 เด็กคนนั้นน่ะให้เป็นไปทางทิศทางไหนเนาะ
00:14:31 → 00:14:34 อือฮึอ่ะที่บอกว่าทฤษฎีว่าเด็กคือผ้าเขา
00:14:34 → 00:14:37 อ่ะมันมีบางคนที่บอกว่าจริงๆอย่างที่คุณ
00:14:37 → 00:14:40 หมอบอกว่าไม่ได้พภาข่าวนะเค้ามีสีสันของ
00:14:40 → 00:14:44 เค้ามาอยู่แล้วนะแล้วก็บอกว่าเอ่อจริงๆ
00:14:44 → 00:14:47 เค้าอาจจะเด็กยุคใหม่สมัยนี้เจนใหม่ๆด้วย
00:14:48 → 00:14:50 มความแบบอะไรของเขาค่อนข้างที่จะแบบว่ามี
00:14:50 → 00:14:53 ความมั่นใจในตัวเองหรืออะไรเงี้ยอาจจะไม่
00:14:53 → 00:14:55 ได้รู้สึกถึงภาวะของความไม่ดีพอในตัวเอง
00:14:55 → 00:14:57 แต่อาจจะไปรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอในแง่
00:14:57 → 00:15:02 มุมของเอ่อเช่นสมมุติความรักนะมีมีแฟนมี
00:15:02 → 00:15:03 ความรักขึ้นมาแล้วถ้าเกิดไม่ได้รับความ
00:15:03 → 00:15:06 รักเฮ้ยฉันไม่ดีพอหรือเปล่าหรืออะไรเงี้ย
00:15:06 → 00:15:09 อาจจะแค่แค่บางจุดไม่ได้ทั้งหมดก็ก็ได้
00:15:09 → 00:15:12 อีกเหมือนกันค่ะใช่ค่ะซึ่งในเด็ก
00:15:12 → 00:15:14 Generation ใหม่น่ะยุคใหม่อ่ะมันจะไม่
00:15:14 → 00:15:17 เหมือนยุคสมัยโบราณเนาะเพราะว่าสมัยใหม่
00:15:18 → 00:15:20 เนี่ยมันมีโซเชียลมีเดียค่ะทีเนี้ยมัน
00:15:20 → 00:15:23 สามารถบุลลี่กันได้ทางโซเชียลมีเดียแล้ว
00:15:23 → 00:15:27 มันก็สามารถเปรียบเทียบกันได้ทาง
00:15:27 → 00:15:30 โซเชียลมีเดียเช่นกันแล้วคือแต่ละคนเนี่ย
00:15:30 → 00:15:35 ก็ชอบจะพรีเซนด้านรวยด้านหรูอยู่สบายแน่
00:15:35 → 00:15:38 นอนด้านงดงามของตัวเองพรีเซนออกมาอวดกัน
00:15:38 → 00:15:41 ใช่มั้ยคะมันก็จะทำให้บางเด็กบางคนที่เขา
00:15:41 → 00:15:46 แบบเออตัวตนไม่ได้แบบรักตัวเองภาคภูมิชัย
00:15:46 → 00:15:48 ในตัวเองพอเนี้ยบางทีเขาเอาไปเปรียบเทียบ
00:15:48 → 00:15:51 ตัวเองกับคนอื่นแล้วก็รู้สึกว่าเราไม่ดี
00:15:51 → 00:15:55 พอเราไม่ดีเท่าคนอื่นค่ะเออก็เกิดขึ้นมา
00:15:55 → 00:15:57 ได้ใช่อันนี้จากจากแค่เห็นซึ่งจริงๆเขา
00:15:57 → 00:16:00 ชีวิตดีอย่างที่เพพหรือเปล่าไม่รู้ด้วย
00:16:00 → 00:16:03 ซ้ำไปอ่ะเนาะเออแต่ว่าแค่เราเปรียบเอาตัว
00:16:03 → 00:16:05 เองอ่ะใชค่ะไม่ต้องมีใครมาเปรียบเทียบเลย
00:16:05 → 00:16:08 เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเอง
00:16:08 → 00:16:11 ถูกต้องค่ะแล้วก็รู้สึกไม่ดีไม่ดีพอไปเอง
00:16:11 → 00:16:13 เลยใช่ซึ่งความจริงแล้วอ่ะมันเป็นเรื่อง
00:16:13 → 00:16:18 ความพอใจของแต่ละคนนะคือเรื่องของจิตใจ
00:16:18 → 00:16:21 อ่ะค่ะแต่การเลี้ยงดูการช่วยเหลือคือเรา
00:16:21 → 00:16:25 เลี้ยงดูลูกมาแล้วก็ให้ความรักความอบอุ่น
00:16:25 → 00:16:29 ให้ระเบียบวินัยให้กำลังใจให้อะไรก็ทำให้
00:16:29 → 00:16:32 ดีที่สุดแต่ว่าลูกเราโตมาจะเป็นยังไง
00:16:32 → 00:16:36 เนี่ยเราก็ดูอีกทีนึงถ้าเกิดว่ามันเกิน
00:16:36 → 00:16:38 เกินอำนาจที่เราจะช่วยเหลือซัพพอร์ตลูก
00:16:39 → 00:16:41 ได้ก็จะสามารถที่จะมาปรึกษาจิตแพทย์หรือ
00:16:41 → 00:16:44 นักจิตวิทยาได้เพราะกลุ่มคนที่แบบไม่รัก
00:16:44 → 00:16:47 ตัวเองเนี่ยก็จะสามารถรักษาได้ด้วยการทำ
00:16:47 → 00:16:50 จิตบำบัดด้วยการมาพูดคุยกับหมอปรับ
00:16:50 → 00:16:54 เปลี่ยนวิธีคิดทัศนคติใหม่นะคะเพราะว่าคน
00:16:54 → 00:16:56 กลุ่มนี้เนี่ยเขาก็จะมีความเชื่อหลักว่า
00:16:56 → 00:17:01 เคไม่ดีเไม่คู่ควกับอะไรที่ดีเพราะฉะนั้น
00:17:01 → 00:17:04 เนี่ยบางทีมันไม่ได้แค่มีผลกระทบต่อต่อ
00:17:04 → 00:17:07 จิตใจด้านความรู้สึกด้านอารมณ์ที่จะ
00:17:07 → 00:17:11 sensitive แบบอ่อนไหวต่อคำตำหนิหรือคำ
00:17:11 → 00:17:14 อะไรเหล่าเนี้ยบางทีมันมีผลต่อการตัดสิน
00:17:14 → 00:17:17 ใจในชีวิตเช่นบางคนน่ะได้ทุนอย่างเงี้ย
00:17:17 → 00:17:20 แล้วก็รู้สึกว่าฉันไม่ดีพอที่จะต้องรับ
00:17:20 → 00:17:25 ทุนนี้อไม่เอาสละสิทธิ์หรือเจอคู่ชีวิตดี
00:17:25 → 00:17:30 ๆคนดีๆเข้ามาฉันไม่ดีพอที่จะคบกับคนนี้ก็
00:17:30 → 00:17:33 ไม่ยอมคบไม่กล้าคบอย่างเงี้ยค่ะอมันก็มี
00:17:33 → 00:17:37 เหมือนกันหรือบางคนแบบได้งานดีๆอ่ะก็รู้
00:17:37 → 00:17:40 สึกแบบเฮ้ยฉันไม่ดีพอกับงานนี้เลยก็ไม่
00:17:40 → 00:17:43 รับงานอย่างงี้ก็มีเหมือนกันเอออันนี้
00:17:43 → 00:17:46 แปลกเออมันก็จะส่งผลกระทบแบบเป็นโดมิโน่
00:17:46 → 00:17:49 ไปเรื่อยๆซึ่งความจริงแล้วมันก็สามารถที่
00:17:49 → 00:17:54 จะแบบสร้างความรักความเมตตาต่อตัวเองได้
00:17:54 → 00:17:56 บางทีมันเหมือนมันพูดง่ายแต่ว่ามันต้อง
00:17:56 → 00:17:59 ใช้เวลาค่อยๆทำนะคะอย่างวันเนี้ยถ้าใคร
00:17:59 → 00:18:02 รู้สึกว่าแบบตัวเองไม่มีอะไรดีเลยตัว
00:18:03 → 00:18:06 เองแบบหาข้อดีไม่ได้เลยนะคะให้เริ่มจาก
00:18:06 → 00:18:10 ให้ความเมตตาของตัวเองบางทีเราอาจจะยัง
00:18:10 → 00:18:12 ไม่สามารถรักตัวเองได้ในวันนี้พรุ่งนี้
00:18:12 → 00:18:16 อ่ะแต่ว่าให้เริ่มจากความเมตตาความเห็นอก
00:18:16 → 00:18:19 เห็นใจตัวเองรู้จักที่จะให้กำลังใจตัวเอง
00:18:19 → 00:18:23 ว่าแบบเออนะเราทำดีแล้วไม่เป็นไรตรงไหน
00:18:23 → 00:18:25 ที่มันยังบกพร่องครั้งหน้าเอาใหม่ก็ได้
00:18:25 → 00:18:29 แล้วก็ปรับปรุงตัวใหม่ตัวตนใหม่ให้ดีขึ้น
00:18:29 → 00:18:32 ได้ครั้งหน้าไม่เป็นไรนะหรือว่าเวลาที่
00:18:32 → 00:18:37 เราทำอะไรไปเราก็แบบเออโอเคนะใช้ได้รู้
00:18:37 → 00:18:40 จักที่จะชื่นชมตัวเองบ้างเออให้กำลังใจ
00:18:40 → 00:18:42 ตัวเองบ้างหรือแม้แต่ตอนที่มันพลาดตอนที่
00:18:42 → 00:18:46 มันล้มก็ให้กำลังใจตัวเองก็เออมนุษย์เรา
00:18:46 → 00:18:49 มันก็พลาดได้นะไม่เป็นไรนะเธอเอาใหม่นะ
00:18:49 → 00:18:52 แล้วบางทีอ่ะเราก็ต้องรู้จักแบบเอามือยก
00:18:52 → 00:18:56 มือขึ้นมากอดตัวเองบ้างนะเออกลับมาแบบเออ
00:18:57 → 00:19:00 ให้กำลังใจตัวเองรักตัวเองบ้างแบบชื่นชม
00:19:00 → 00:19:04 ตัวเองบ้างมันค่อยๆทำทีละนิดทีละนิดแล้ว
00:19:04 → 00:19:07 มันจะดีขึ้นแล้วก็ไม่ต้องสนใจเลยว่าชาว
00:19:07 → 00:19:11 บ้านชาวเมืองเขจะมีชีวิตยังไงเนาะเออแล้ว
00:19:11 → 00:19:14 แต่เขาเลยเราไม่ต้องสนใจด้วยว่าคนอื่นจะ
00:19:14 → 00:19:17 มองเรายังไงคือคนที่แบบเกลียดตัวเองไม่
00:19:17 → 00:19:20 รักตัวเองไม่ชอบตัวเองไม่มั่นใจในตัวเอง
00:19:20 → 00:19:22 เนี่ยเขาจะคอยแบบเหมือนเป็นเรดารจับรอบ
00:19:22 → 00:19:25 ทิศน่ะว่าเฮ้ยคนอื่นจะชื่นชมฉันหรือเปล่า
00:19:25 → 00:19:28 นะคนอื่นเขาจะคิดยังไงตำหนิฉันหรือเปล่า
00:19:28 → 00:19:31 ซึ่งซึ่งจะบอกว่าคุณคิดไปเองบางทีเ
00:19:31 → 00:19:35 ไม่ได้คิดอะไรกับคุณหรอกเออๆเออคิดไปเองเ
00:19:35 → 00:19:37 ไม่ได้สนใจอะไรหรอกแค่สนใจเรื่องเค้าก็
00:19:37 → 00:19:41 เยอะพอแล้วนะคะเพราะฉะนั้นก็คือนี่แหละ
00:19:41 → 00:19:44 เราก็ไม่ต้องสนใจคนอื่นจะมองอะไรยังไง
00:19:44 → 00:19:47 เป็นเรื่องของเาคนอื่นเขาจะรักเราเกลียด
00:19:47 → 00:19:50 เราไม่ชอบเราเป็นเรื่องของเขาคเลยนะคะแค่
00:19:50 → 00:19:55 เรามีชีวิตของเราให้ดีเออทำหน้าที่ของเรา
00:19:55 → 00:20:00 ให้ดีดูแลตัวเองน้องตอนหลับพักผ่อนหาอะไร
00:20:00 → 00:20:03 อร่อยๆกินไปเที่ยวบ้างให้กำลังใจตัวเอง
00:20:03 → 00:20:07 แค่นี้เองใช้ชีวิตไปอือเรื่องของคนอื่นก็
00:20:07 → 00:20:10 เป็นเรื่องของคนอื่นช่างเาแล้วก็อดีตที่
00:20:10 → 00:20:13 ผ่านมาเนี่ยเราอาจจะเออโดนเลี้ยงดูมาแบบ
00:20:13 → 00:20:16 นี้บ้านเราเป็นแบบนี้เออก็ต้องบอกว่าอดีต
00:20:16 → 00:20:20 คืออดีตเราไม่สามารถแก้ไขได้แต่เราสามารถ
00:20:21 → 00:20:24 เปลี่ยนมุมมองความรู้สึกของเราอ่ะจากผล
00:20:24 → 00:20:27 กระทบที่มันในอดีตที่มันมีต่อเราได้เช่น
00:20:27 → 00:20:32 เมื่อก่อนเราอาจจะโดนแม่แบบดุด่าว่าตำหนิ
00:20:32 → 00:20:35 รุนแรงเราทำอะไรนี่ไม่เคยดีเลยเราก็ให้
00:20:35 → 00:20:39 มองว่าอ๋อเออแม่เค้ารักเราเนาะเอยากให้
00:20:39 → 00:20:44 เราได้ดีเค้าอยากแบบเค้าไม่รู้วิธีการรัก
00:20:44 → 00:20:47 ลูกชมลูกให้กำลังใจลูกเทำไม่เป็นเพราะเขา
00:20:47 → 00:20:51 ก็ไม่เคยโดนพ่อแม่เคทำกับเาเหมือนกันเาก็
00:20:51 → 00:20:54 เลยทำกับลูกไม่เป็นเหมือนกันคือพอเราเข้า
00:20:54 → 00:20:57 ใจเนี่ยเราก็จะเออมันก็ผ่านมาแล้วเราก็
00:20:57 → 00:20:59 ให้อภัยกับทุกทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว
00:20:59 → 00:21:03 ก็ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีเหมือนว่ามัน
00:21:03 → 00:21:06 ต้องมันต้องผ่านประสบการณ์ด้วยนะบวกกับ
00:21:06 → 00:21:09 เอ่อพอเราอายุมากขึ้นน่ะพวกเนี้ยมันจะตก
00:21:09 → 00:21:12 ตะกอนแล้วก็จะเข้าใจได้ว่าเฮ้ยไม่ได้
00:21:12 → 00:21:15 จำเป็นเลยเราแค่มีความสุขในชีวิตของเรา
00:21:15 → 00:21:17 อ่ะในแต่ละวันน่ะให้ได้อ่ะมันก็ยากอยู่
00:21:17 → 00:21:20 แล้วนะเอาแค่ตรงนี้ดีกว่ามั้ยไม่ต้องไปสน
00:21:20 → 00:21:23 ใจคนอื่นเลยใช่ใช่ซึ่งจะบอกว่าบางคนน่ะตก
00:21:23 → 00:21:26 ตะกอนไม่ได้ไม่ตกตะกอนซักทีแก่แล้วก็ยัง
00:21:26 → 00:21:29 ทำใจไม่ได้แก่แล้วก็ยังไม่มีความสุขอยู่
00:21:29 → 00:21:33 เลยเออมันก็จะมีบางคนที่แบบเออทำไม่ได้
00:21:33 → 00:21:37 อันเนี้ยแนะนำให้มาปรึกษาคือมันก็ต้องไป
00:21:37 → 00:21:40 สร้างความมั่นใจหรือว่าอะไรทำให้เขาไปรู้
00:21:40 → 00:21:43 สึกว่าไม่ดีพอขนาดนั้นทั้งจริงงแบบไม่ใช่
00:21:43 → 00:21:46 เลยใช่แรกๆมาคุยกันเราอาจจะยังไม่เชื่อ
00:21:46 → 00:21:49 คุณหมอก็ได้นะไม่ฉันยังฉันรู้สึกว่าฉัน
00:21:49 → 00:21:51 ไม่ดีอะไรอย่างเงี้ยแต่พอไปปรับทัศนคติ
00:21:51 → 00:21:54 หรือว่ามุมมองความคิดหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:21:54 → 00:21:56 เข้าใจมากขึ้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าเฮ้ย
00:21:56 → 00:22:00 ดีดนิ้วปุ๊บปลดล็อเอ้าอืมันแค่นี้เองนี่
00:22:00 → 00:22:02 หว่าอะไรอย่าเงี้ยใช่ค่ะคือเราต้องยอมรับ
00:22:02 → 00:22:07 ว่าเราอ่ะเป็นยูนี้อ่ะมีความยูนิเราเป็น
00:22:07 → 00:22:10 หนึ่งในจักรวาลนี้นะจักรวาลนี้มันไม่มี
00:22:10 → 00:22:13 ใครแบบรูปร่างหน้าตาเสียงความคิดบุคลิก
00:22:13 → 00:22:16 ท่าเดินท่านั่งถ้ากินถ้านอนเหมือนเรานะ
00:22:16 → 00:22:18 แฝดยังไม่เหมือนกันเลยเนาะใช่เรานี่เป็น
00:22:18 → 00:22:21 แบบ limited edition น่ะเป็นหนึ่งเดียว
00:22:21 → 00:22:24 เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ต้องเอาเราไปเปรียบ
00:22:24 → 00:22:26 เทียบกับใครไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบ
00:22:26 → 00:22:29 เทียบกับใครบางคนเออาจจะเก่งด้านนี้เอาจ
00:22:30 → 00:22:33 จะไม่เก่งด้านนี้เออเราก็เหมือนกันบาง
00:22:33 → 00:22:36 อย่างเราก็ไม่เก่งด้านเนี้ยแล้วก็หาเวย
00:22:36 → 00:22:39 ของเราอ่ะเราเก่งตรงไหนหรือแม้แต่เราไม่
00:22:39 → 00:22:42 ต้องเก่งอะไรก็ได้แค่ใช้ชีวิตให้รอดทำมา
00:22:42 → 00:22:46 หากินเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ก็ก็เก่งแล้ว
00:22:46 → 00:22:50 อ่ะเออจะไปเก่งอะไรขนาดไหนใช่มั้ยคะเออก็
00:22:50 → 00:22:53 ใช้ชีวิตก็มีความสุขไปตามอรรถภาพไม่ต้อง
00:22:53 → 00:22:57 ไปเปรียบเทียบกับใครอาจจะเออของเราทำได้
00:22:57 → 00:23:00 แค่นี้เราเออเรามีศักยภาพเท่านี้เราทำได้
00:23:00 → 00:23:03 เท่านี้เราก็มีความสุขในแบบของเราเท่านี้
00:23:03 → 00:23:06 คค่ะอืก็ค่อยๆพัฒนาตัวเองก็ได้ถ้าสมมุติ
00:23:06 → 00:23:09 ว่าเอ้ยวันนี้เราอยากจะให้ตัวเองดีขึ้น
00:23:09 → 00:23:12 เออเราก็อาจจะไปเรียนรู้อะไรอย่างอื่น
00:23:12 → 00:23:15 เพิ่มขึ้นก็ได้อย่าไปเอาแต่ตัวเราไปคอย
00:23:15 → 00:23:17 ถามใครว่าเธอรู้สึกกับเรายังไงอ่ะเธอคิด
00:23:17 → 00:23:20 ว่าเรายังไงอ่ะไปไปเอาความคิดของคนอื่นมา
00:23:20 → 00:23:22 ใส่เราในขณะที่ตัวเรากลายเป็นว่าเราไม่
00:23:22 → 00:23:25 ได้เป็นตัวตนเองสักทีนึงอะไรอย่างเงี้ย
00:23:25 → 00:23:29 ใช่มั้ยคะเออก็ใช่ค่ะเอ่อมันต้องค่อยๆ
00:23:29 → 00:23:32 แหละเชื่อว่าแต่ว่าทำได้มันดีตรงที่มัน
00:23:32 → 00:23:34 ยังไม่ถึงกับแว่าเป็นเกี่ยวกับเรื่องของ
00:23:34 → 00:23:39 โลคจิตเวชเนมันก็แค่ภาวะภาวะนึงสร้างความ
00:23:39 → 00:23:43 มั่นใจให้ตัวเองก็ได้นะคะมันต้องหาสาเหตุ
00:23:43 → 00:23:45 ให้เจอก่อนใช่มั้ยใช่ค่ะเออว่ามันเกิดจาก
00:23:45 → 00:23:48 อะไรใช่ก็เริ่มจากนี่เลยค่ะรักตัวเองให้
00:23:48 → 00:23:52 กำลังใจตัวเองแล้วก็บอกตัวเองว่าเออเธอทำ
00:23:52 → 00:23:57 ดีแล้วทำดีแล้วใจดีกับตัวเองบ้างใช่ใจดี
00:23:57 → 00:24:02 กับคนมาทั่วแผ่นดินเลยยกเว้นตัวเองไม่เคย
00:24:02 → 00:24:05 ใจดีกับตัวเองเลยมีแต่คอยดุคอยด่าคอย
00:24:05 → 00:24:08 ตำหนิค่ะนะเราต้องเปลี่ยนเป็นแบบเออให้
00:24:08 → 00:24:11 กำลังใจตัวเองบ้างให้คิดว่าเหมือนเรามี
00:24:11 → 00:24:14 เด็กตัวน้อยๆอยู่อยู่ในตัวเราเนี่ยอือเออ
00:24:14 → 00:24:17 แล้วเด็กคนเนี้ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
00:24:17 → 00:24:20 แล้วแลไม่มั่นใจอ่ะแล้วก็ขาดความรักอ่ะ
00:24:20 → 00:24:23 เพราะฉะนั้นน่ะเราต้องแบบอบกอดเค้าอ่ะคือ
00:24:23 → 00:24:26 อบกอดตัวเราเองอ่ะให้ความรักกับตัวเองให้
00:24:26 → 00:24:29 ความเมตตากับตัวเองแล้วก็บอกบอกตัวเองว่า
00:24:29 → 00:24:33 เออเธอดีพอเธอทำดีแล้วออะไรไม่ดีเราพัฒนา
00:24:33 → 00:24:37 เราปรับปรุงได้ค่ะคุยกับกระจกก็ได้นะคะ
00:24:37 → 00:24:40 เห็นตัวเองแล้วก็ลองยิ้มให้กับตัวเองแรกๆ
00:24:40 → 00:24:43 อาจจะยิ้มแล้วแบบอืยิ้มไม่เต็มที่แต่หลัง
00:24:43 → 00:24:45 ๆอาจจะกลายเป็นว่าเรายิ้มตาหยีให้กับตัว
00:24:45 → 00:24:48 เราเองแล้วรู้สึกว่าเราภาคภูมิใจกับสิ่ง
00:24:48 → 00:24:51 ที่เราเป็นกับสิ่งที่เราทำอยู่ก็ได้นะคะ่
00:24:51 → 00:24:53 เราก็ต้องให้กำลังใจกันเนาะคุณหมอเนาะให้
00:24:53 → 00:24:56 กำลังใจตัวเองให้ได้ให้กำลังใจพอพอเรามี
00:24:56 → 00:24:58 แล้วเนี่ยเราก็แบ่งคนอื่นด้วยก็ได้นะอื
00:24:58 → 00:25:01 จริงๆแล้วเป็นแนวความคิดที่วันนี้เป็น
00:25:01 → 00:25:04 เป็นเชิงที่ให้ให้ให้ลองปรับแนวความคิด
00:25:04 → 00:25:08 ตัวเองดูเนาะว่ามันจะสร้างความรู้สึกดีพอ
00:25:08 → 00:25:11 กับตัวเองได้ยังไงไม่ต้องเป็นดีพอสำหรับ
00:25:11 → 00:25:13 ใครก็ได้ให้ดีพอสำหรับตัวเองเนาะใช่ค่ะ
00:25:13 → 00:25:16 ซึ่งถ้าเรารู้สึกว่าเราดีพออ่ะเราจะไม่
00:25:16 → 00:25:18 แคร์เลยว่าคนอื่นจะมองเราว่ายังไงใช่ค่ะ
00:25:18 → 00:25:21 แต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่นหรือไปไปอะไร
00:25:21 → 00:25:23 ที่มันไม่ดีกับคนอื่นด้วยนะคะแล้วหรืมไม่
00:25:23 → 00:25:26 ดีกับตัวเองด้วยนะคะอ่ะก็ฝากไว้ให้คุณผู้
00:25:26 → 00:25:28 ฟังวันนี้ขอบคุณคุณหมออัญชุลีค่ะสวัสดีส
00:25:28 → 00:25:31 สวัสดีค่ะอ้าหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังเรา
00:25:31 → 00:25:33 จะกลับมาพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรง
00:25:33 → 00:25:36 หมอไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ก็ต้องลาไป
00:25:36 → 00:25:40 ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Thai PBS
00:25:40 → 00:25:42 podcast ทำไมเราควรกินอาหารเย็นก่อนเวลา
00:25:42 → 00:25:45 18:00 นแล้วอาหารที่กินเพื่อให้เกิดความ
00:25:45 → 00:25:48 อิ่มนานไม่หิวควรเป็นอาหารชนิดใดผู้ช่วย
00:25:48 → 00:25:50 ศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญ
00:25:51 → 00:25:54 ด้านโภชนาการมาเล่าให้ฟังครับอะไรบ้างไม่
00:25:54 → 00:25:56 ควรกินก่อนนอนเนาะจริงๆแล้วต้องบอกก่อน
00:25:56 → 00:25:59 ว่าหลังพระอาทิตย์ตกดินเราไม่ควรกินอะไร
00:25:59 → 00:26:02 แล้วก็คือหลัง 6:00 นเนี่ยยกเว้นน้ำเปล่า
00:26:02 → 00:26:04 ทีนี้มันขึ้นอยู่กับอะไรมั้ครับการเตรียม
00:26:04 → 00:26:07 ตัวการเตรียมตัวเหรอก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
00:26:07 → 00:26:09 น่ะ 6:00 นได้นะบางคนเป็นไงรู้มั้ยทำไมคะ
00:26:09 → 00:26:13 อาจารย์แบบควบคุมน้ำหนักกินสลัดกินผัก
00:26:13 → 00:26:16 ผลไม้เบาๆไปตะบะแตกตอนกลางคืนคืออาจารย์
00:26:16 → 00:26:18 มักพูดเสมอว่าบางคนน่ะชอบแบบอหนักมื้อ
00:26:18 → 00:26:20 เช้าเบามื้อเที่ยงเลี่ยงมื้อเย็นแล้วไป
00:26:20 → 00:26:24 เน้นมื้อดึกพอมื้อเย็นคุณเลี่ยงไงอาจารย์
00:26:24 → 00:26:27 แนะนำเลยนะให้กินครบ 3 มื้อมื้อเย็นเนี่ย
00:26:27 → 00:26:30 คุณไม่ใช่แบบเ้ยกินเบาๆสลัดเบาๆแล้วกลาย
00:26:30 → 00:26:32 เป็นหิวตอน 22:00 น 2300 นเที่ยงคืนบางคน
00:26:33 → 00:26:35 นอนดึกมันไม่ควรครับมันกลายเป็นตะบะแตก
00:26:35 → 00:26:39 แย่เลยอแล้ว 17 น 18:00 นเต็มที่คุณควรจะ
00:26:39 → 00:26:42 กินอาหารที่มีโปรตีนสูงโปรตีนสูงเพราะมัน
00:26:42 → 00:26:45 อิ่มได้นานคุณจะกินโยเกิร์ตคุณจะกินอกไก่
00:26:45 → 00:26:49 คุณจะกินไข่ต้มสลัดอกไก่ไข่ต้มทูหน้าคุณ
00:26:49 → 00:26:52 ก็โบกเข้าไปเทเข้าไปนึกออกมั้ยครับแต่ไม่
00:26:52 → 00:26:56 ใช่ว่าแบบกินเบาๆมันเบาๆก็กลายเป็นกลาง
00:26:56 → 00:26:59 คืนก็โครพากนอนไม่หลับมันก็เลยกลายเป็น
00:27:00 → 00:27:02 ว่าโอ้โหเพราะเรามื้อเย็นเราไม่กินไงเรา
00:27:02 → 00:27:05 พยายามงดพยายามเลี่ยงพยายามกินอะไรอน้อย
00:27:05 → 00:27:08 แต่จริงๆแล้วเนี่ยกลายเป็นว่ามันส่งผลต่อ
00:27:08 → 00:27:10 คุณภาพการนอนหลับและนอนไม่หลับค่ะแล้ว
00:27:10 → 00:27:12 ยิ่งคนมีปัญหาการนอนหลับอยู่แล้วยิ่งไป
00:27:12 → 00:27:15 กันใหญ่เลยครับกลางคืนตื่นมาโคือหิวจนแบบ
00:27:15 → 00:27:18 ร่างกายรู้สึกตื่นมันต้องตื่นอ่ะเอออแล้ว
00:27:18 → 00:27:21 ก็ตื่นบ่อยค่ะหลับได้ไม่สนิทดับได้ไม่ไม่
00:27:21 → 00:27:25 ดีคุณภาพการนอนหลับไม่ดีเช้าตื่นมาก็อ่อน
00:27:25 → 00:27:28 เพลียใช่เรื้อรังหาวอดดๆตอนกลางวัดทำงาน
00:27:28 → 00:27:31 ก็คุณภาพชีวิตในการทำงานก็ลดน้อยลงเออถึง
00:27:31 → 00:27:35 บอกว่าเอ้ยมันจะต้องรับประทานอาหารเนี่ย
00:27:35 → 00:27:39 ในมื้อเย็นต้องบอกอย่างงนี้มื้อเย็นโดย
00:27:39 → 00:27:42 เลือกอาหารที่มันคุมหิวได้นานก็คือสมมุติ
00:27:42 → 00:27:45 บางคนเอไปร้านสะดวกซื้อค่ะนะครับกินสลัด
00:27:45 → 00:27:48 กินผลไม้อะไรนิดหน่อยออ่ะเรากินโยเกิร์ต
00:27:48 → 00:27:51 อย่างที่บอกครับเรากินสลัดได้นะแต่เราใส่
00:27:51 → 00:27:54 อกไก่เข้าไป 1 ชิ้นโปรตีนเต็มๆเราใส่ไข่
00:27:54 → 00:27:57 ต้มเข้าไป 1 ลูกเรากินโยเกิร์ตตบท้ายไปอ
00:27:57 → 00:28:00 วันนี้มันก็อิมอิ่มน้ำอิ่นได้ยาวแลเออกับ
00:28:00 → 00:28:03 ใยอาหารกินผิดน่ะอาจารย์บอกโยเกิร์ตใช่
00:28:03 → 00:28:06 มั้ยอันนี้ใช้วิธีโยเกิร์ต 2 ถ้วยไปเลย
00:28:06 → 00:28:09 อ่ะได้ครับโปรตีน 14 กรัมเลยได้ใช่มคเออ
00:28:09 → 00:28:11 คือเพราะว่าถ้วยเดียวอ่ะไม่อยู่อาจารย์
00:28:11 → 00:28:14 เคยลองแล้วถ้วยเดียวแล้วก็โหยอ่ะถ้วย
00:28:14 → 00:28:17 เดียวไม่อยู่แน่นอนครับเราก็ต้องอย่าง
00:28:17 → 00:28:20 น้อยเนี่ยอ่ะเรา 2 ถ้วยแล้วเราอาจจะแบบ
00:28:20 → 00:28:22 ถ้าคุณรีกินสลัดเนาะค่ะหรือเมื่อสักครู่
00:28:22 → 00:28:25 นี้บอกเอ้ยกินอโวกาโดอ่าจริงๆแล้วถามว่า
00:28:25 → 00:28:28 เอ้ยมันมันมีใยอาหารสูงมั้ยมันช่วยมั้ยก็
00:28:28 → 00:28:32 ช่วยด้วยเอาอะโวคาโดกับกับโยเกิร์ตก็ได้
00:28:32 → 00:28:34 ถูกต้องครับมันจะได้แบบมีรสชาติแต่
00:28:34 → 00:28:37 โยเกิร์ตสัก 2 ถ้วย 2 ถ้วยอยู่อ่าถ้ากลัว
00:28:37 → 00:28:40 ไม่อยู่ปุ๊บตบด้วยไข่ต้มอีกฟองนึงค่ะอ่า
00:28:40 → 00:28:43 หรือไข่ขาวก็ได้ครับค่ะไข่ขาวที่เขามีไข่
00:28:43 → 00:28:46 เป็นหลอดนะอ่าใช่อ่าอันเนี้ยเราสามารถที่
00:28:46 → 00:28:49 จะมาแบบเอ้ยรับประทานเพิ่มเข้าไปเพื่อ
00:28:49 → 00:28:52 เพิ่มโปรตีนอค่ะอ่าให้อิ่มได้นานเพราะใน
00:28:52 → 00:28:54 บรรดาสารอาหารทั้งคาร์โบเดรตโปรตีนไขมัน
00:28:54 → 00:28:59 อือโปรตีนจะทำให้เราอิ่มได้มากที่สุด
00:28:59 → 00:29:03 This Is Thai PBS
00:29:03 → 00:29:06 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:06 → 00:29:08 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:08 → 00:29:22 www.thaipbs.or.th
00:29:22 → 00:29:28 [เพลง]
00:29:28 → 00:29:31 แ