00:00:03 → 00:00:06 สวัสดีครับกลับมาแล้วนะครับกับ Facebook
00:00:06 → 00:00:09 Live Special ของเรานะครับวันนี้นะครับ
00:00:09 → 00:00:13 ก็เป็นวันหยุดนะฮะที่หมอได้เอาเ่อ
00:00:13 → 00:00:15 Facebook Live นะครับมาฝากทุกท่านอีก
00:00:15 → 00:00:18 เช่นเดิมนะครับวันนี้ก็เป็นเอ่อหัวข้อที่
00:00:18 → 00:00:21 เรานัดหมายกันไว้เนาะอ่าเกี่ยวข้องกับ
00:00:21 → 00:00:24 เรื่องของระบบการเผ่าผลาญนะครับของเรายัง
00:00:24 → 00:00:28 ดีอยู่หรือไม่นะครับวันนี้ทางบ้านนะครับ
00:00:28 → 00:00:32 ที่เอ่อสะดวกนะครับเข้ามารับชมไลฟ์ของเรา
00:00:32 → 00:00:35 กันในวันนี้นะครับก็เชิญชวนนะครับทางบ้าน
00:00:35 → 00:00:38 หรือใครที่สนใจนะครับเกี่ยวข้องกับเรื่อง
00:00:38 → 00:00:42 ของการเช็คเกี่ยวเอ่อกับระบบการเผ่าผลาญ
00:00:42 → 00:00:45 ของเราอ่านะฮะวันนี้ก็จะมารีวิวให้ฟังนะ
00:00:45 → 00:00:48 ครับอ่าถือว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งนะครับที่
00:00:49 → 00:00:51 วันนี้เราได้มาทำ Facebook Live Special
00:00:51 → 00:00:54 นะครับซึ่งปกติแล้วก็จะมีทุกๆวันศุกร์
00:00:54 → 00:00:57 เสาร์หรือไม่ก็วันอาทิตย์นะครับวันนี้หมอ
00:00:57 → 00:01:00 หลคอเล่านะครับหมอตั้มก็กลับมาพบเอ่อแฟน
00:01:00 → 00:01:04 เพจนะครับทางบ้านอีกเช่นเดิมนะครับใน
00:01:04 → 00:01:07 ระหว่างนี้นะครับก็รอนะครับรอเพื่อนๆนะ
00:01:07 → 00:01:11 ครับที่เอ่อจะได้มารับชมไลฟ์วันนี้ไปด้วย
00:01:11 → 00:01:14 กันนะครับวันนี้เรามาใน Facebook Live
00:01:14 → 00:01:19 Special นะครับวันเสาร์ที่ 25 นะครับอ่า
00:01:19 → 00:01:22 เดี๋ยวระหว่างนี้นะครับรอเพื่อนๆทางบ้าน
00:01:22 → 00:01:25 นะครับเข้ามาซักแป๊บนึงก่อนหมอเชื่อว่า
00:01:25 → 00:01:29 เรื่องราวเกี่ยวข้องกับระบบการเผ่าผลาญนะ
00:01:29 → 00:01:31 ครับ metabolic He เช็ค up อ่าเราจะเช็ค
00:01:31 → 00:01:35 ได้อย่างไรว่าตอนนี้เรามีการผ่อผ่าาดี
00:01:35 → 00:01:37 อยู่หรือไม่มีอาการอะไรบ้างที่บอกว่าเรา
00:01:37 → 00:01:41 มีระบบการผอผ่าาพังนะครับแล้วก็ถ้าอยากจะ
00:01:41 → 00:01:45 ตรวจสุขภาพตรวจเลือดหรือว่าตรวจร่างกายนะ
00:01:45 → 00:01:48 ครับตรวจต่างๆเนี่ยเราจะใช้อะไรนะครับใน
00:01:48 → 00:01:51 การที่จะดูเรื่องของระบบการเผาผลาญของเรา
00:01:51 → 00:01:54 นะครับช่วงนี้ก็เป็นช่วงอ่ารอก่อนนะครับ
00:01:54 → 00:01:58 อดใจรอแป๊บนึงนะครับอวันนี้ทางบ้านค่อยๆ
00:01:58 → 00:02:01 เข้ามากันแล้วนะครับสวัสดีคุณแต้วไวดีนะ
00:02:01 → 00:02:04 ครับสวัสดีคุณละมบุตราชของเรานะฮะวันนี้
00:02:04 → 00:02:07 แฟนเพจตัวยงของเราเข้ามาแล้วนะครับ 2
00:02:07 → 00:02:10 ท่านใครรับชมรับฟังอยู่ที่ไหนนะครับวัน
00:02:10 → 00:02:12 นี้ส่งสัญญาณทักทายกันเข้ามาหน่อยนะครับ
00:02:12 → 00:02:16 วันนี้หมอจะไลฟ์เอ่อเป็น Facebook ไลฟ์
00:02:16 → 00:02:19 ฉบับกระทัดรัฐนะครับวันนี้เราจะไม่ได้ใช้
00:02:19 → 00:02:23 เวลานานมากเพราะฉะนั้นเราจะเ่อไปพร้อมๆ
00:02:23 → 00:02:31 กันนะครับโคก็ขอเช็คสัญญาณโอเคยนะ
00:02:31 → 00:02:34 ครับโอเคทางบ้านนะครับวันนี้ใครที่มี
00:02:34 → 00:02:37 โอกาสนะครับอยากให้เข้ามารับชมไลฟ์วันนี้
00:02:37 → 00:02:40 ไปด้วยกันนะครับเราก็จะมาคุยกันเกี่ยว
00:02:40 → 00:02:42 ข้องกับเรื่องของ metabolic Health
00:02:42 → 00:02:45 check up นะฮะระบบการผอผลาญของเรายังดี
00:02:45 → 00:02:48 อยู่หรือไม่นะครับวันนี้หมอก็จะเริ่มแล้ว
00:02:48 → 00:02:51 นะครับเอาล่ะเรามาดูกันนะครับว่าเวลาเรา
00:02:51 → 00:02:54 พูดถึงเรื่องของระบบการผ่อผลาร่างกายหรือ
00:02:54 → 00:02:57 ว่า Body metabolism นะครับเชื่อว่าหลาย
00:02:57 → 00:03:01 ๆคนก็คงจะเอ่อเคยเคยได้ยินเนาะคำนี้นะ
00:03:01 → 00:03:03 ครับอ่าระบบการเผ่าพันร่างกาย Body
00:03:03 → 00:03:05 metabolism นะครับเอ่อจะเกี่ยวข้องกับ
00:03:05 → 00:03:09 เรื่องของการที่เราสามารถเผาผ่านสารอาหาร
00:03:09 → 00:03:12 ที่เรากินเข้ามาแล้วเอ่อได้พลังงานทำให้
00:03:12 → 00:03:15 เรามีเรี่ยวแรงกระฉับกระเฉงนะครับสามารถ
00:03:15 → 00:03:18 ทำงานต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะ
00:03:18 → 00:03:22 เป็นการใช้พลังแรงกายนะครับทางความคิดทาง
00:03:23 → 00:03:26 สมองนะครับแล้วก็หนึ่งในนั้นก็คือใครที่
00:03:26 → 00:03:29 มีระบบการผอผลาดีพวกเราน่าจะคุ้นกันเนาะ
00:03:29 → 00:03:32 ว่าทำให้ร่างกายของเราไม่เก็บสะสมพลังงาน
00:03:32 → 00:03:35 มากเกินไปอย่างเช่นไม่เก็บสะสมในรูปของไข
00:03:35 → 00:03:38 มันหรือว่าแฟตที่สะสมในร่างกายมากเราก็จะ
00:03:38 → 00:03:41 ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนโรคเบาหวาน
00:03:41 → 00:03:44 แล้วก็โรคเรื้อรังต่างๆนะครับคราวนี้ครับ
00:03:44 → 00:03:48 เราจะมารีวิวกันนะครับในเชิงชีววิทยานะ
00:03:48 → 00:03:51 ครับทางการแพทย์ว่าเรื่องของ Body
00:03:51 → 00:03:53 metabolism หรือว่าระบบการเผ่าผลาญนะ
00:03:53 → 00:03:56 ครับหมายถึงอะไรนะครับแล้วร่างกายของเรา
00:03:56 → 00:03:59 มีระบบการผอผลาญแบ่งออกทั้งหมดกี่อย่าง
00:03:59 → 00:04:03 กันนะครับอ่าเวลาพูดถึง metabolism นะ
00:04:03 → 00:04:06 ครับคำนี้เป็นคำใหญ่ๆครับประกอบไปด้วย 2
00:04:06 → 00:04:09 กระบวนการย่อยนะครับกระบวนการแรกนะครับ
00:04:09 → 00:04:12 คือการสลายสารที่มีโมเลกุลใหญ่ๆให้เป็น
00:04:12 → 00:04:16 โมเลกุลเล็กๆอย่างเช่นการที่เรากินอาหาร
00:04:16 → 00:04:19 ประเภทโปรตีนแล้วได้กรดอะมิโนกิ่นอาหาร
00:04:19 → 00:04:23 ประเภทเอ่อคาร์โบไฮเดรตนะครับข้าวมันแป้ง
00:04:23 → 00:04:26 เส้นต่างๆแล้วย่อยได้น้ำตาลกลูโคสนะครับ
00:04:26 → 00:04:30 หรือน้ำตาลเอ่อน้ำตาลฟรุกโตสน้ำตาลแลคโตส
00:04:30 → 00:04:33 จากนมนะครับหรือเรากินอาหารประเภทไขมัน
00:04:33 → 00:04:36 อ่าแล้วก็ย่อยได้เป็นกรดไขมันอิสระแบบนี้
00:04:36 → 00:04:38 เราเรียกว่าเป็น catabolism หรือกระบวน
00:04:38 → 00:04:41 การสลายนะครับส่วนการเอาสารโมเลกุลเล็กๆ
00:04:41 → 00:04:45 อย่างเช่นเอ่อกรดอะมิโนมาสร้างเป็นโปรตีน
00:04:45 → 00:04:49 เอาเอ่อกลูโคสที่เราย่อยมามาเก็บสะสมเป็น
00:04:49 → 00:04:52 พลังพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนหรือแม้
00:04:52 → 00:04:55 กระทั่งการเก็บกรดไขมันนะครับรวมกันเป็น
00:04:55 → 00:04:58 เนื้อเยื่อไขมันหรืออิพทิชชูตรงเนี้ยเรา
00:04:58 → 00:05:01 เรียกว่ากระบวนการ anabolism ครับอ่านั่น
00:05:01 → 00:05:04 แปลว่าเรื่องของ metabolism หรือ
00:05:04 → 00:05:06 metabolic ในร่างกายของเราประกอบด้วย 2
00:05:06 → 00:05:09 กระบวนการนี้ครับอคราวนี้นะครับพาทุกคน
00:05:09 → 00:05:12 เข้ามาสำรวจในเซลล์ของร่างกายเราครับรูป
00:05:13 → 00:05:16 นี้นะครับเป็นรูปจำลองเซลล์นะครับที่กลมๆ
00:05:16 → 00:05:18 นะครับเป็นรูปวงรีเหมือนไข่เนี่ยทุกคนจะ
00:05:18 → 00:05:22 เห็นว่ากระบวนการ anabolism ก็คือการ
00:05:22 → 00:05:26 สร้างสารนะครับเอ่อจากตัวโมเลกุลเล็กๆ
00:05:26 → 00:05:30 อย่างเช่นกลูโคสเป็นไกลโคเจนอ่าจากอะมิโน
00:05:30 → 00:05:32 เป็นโปรตีนนะครับตรงนี้ร่างกายก็จะพยายาม
00:05:32 → 00:05:35 มีการ Build ครับเป็นกระบวนการิร่างกาย
00:05:35 → 00:05:38 ของเราการสะสมไขมันเนื้อเยื่อไขมันหรือ
00:05:38 → 00:05:41 อิพทิชูเป็นหนึ่งในกระบวนการ anabolism
00:05:41 → 00:05:44 หรือการสร้างนะครับอก็จะมีหลายๆปัจจัย
00:05:44 → 00:05:48 เนาะมาเป็นตัวกระตุ้นคราวนี้เราจะสลายตัว
00:05:48 → 00:05:51 เ่อสารอาหารที่เราเก็บไว้นะครับหรือพลัง
00:05:51 → 00:05:54 งานสำรองในร่างกายออกมาใช้อ่ะให้ได้
00:05:54 → 00:05:56 Energy ให้ได้พลังงานเราเรียกกระบวนการ
00:05:56 → 00:06:00 นี้ว่า catabolism ครับซึ่งสิ่งที่สำคัญ
00:06:00 → 00:06:03 ที่เราจะได้คือเราได้ความร้อนเราได้น้ำ
00:06:03 → 00:06:06 เราได้เอ่อ W product หรือของเสียที่เรา
00:06:06 → 00:06:09 ขับออกและสิ่งที่สำคัญนะฮะทุกคนเราได้
00:06:10 → 00:06:14 พลังงานที่ชื่อ ATP อ่าเราคงจะเคยได้ยิน
00:06:14 → 00:06:18 คำนี้เนาะ ATP หรืออินซีไตรฟอสเฟตนะครับ
00:06:18 → 00:06:21 อ่ารูปของ ATP คืออะไรนะครับทุกคนขยับมา
00:06:21 → 00:06:25 ดูรูปด้านบนตรงนี้นะครับที่เห็นเป็นเอ่อ 5
00:06:25 → 00:06:28 เหลี่ยมนะครับตรงนี้คือ 5 เหลี่ยมต่อกับ
00:06:28 → 00:06:30 เ่อ 6 เหลี่ยมแล้วก็มี 5 เหลี่ยมแล้วก็มี
00:06:30 → 00:06:34 3 ฟอสเฟตอ่านะครับสีเขียวๆ 3 อันเรียง
00:06:34 → 00:06:36 กันตรงนี้ครับเราเรียกโมเลกุลว่า
00:06:36 → 00:06:40 อะดีโนซีนไตรฟอสเฟตซึ่งเป็นพลังงานที่
00:06:40 → 00:06:44 ร่างกายเราสร้างขึ้นมานะครับจากการที่เรา
00:06:44 → 00:06:48 ใช้สารอาหารไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลกลูโคสกรด
00:06:48 → 00:06:51 ไขมันกรดอะมิโนเข้ามาเผาผลาญใช่มั้ยฮะเรา
00:06:51 → 00:06:56 ก็จะได้ ATP ขึ้นมา ATP ถูกสร้างภายใน
00:06:56 → 00:07:00 เซลล์นะครับเวลาที่เราจะมีการใช้พลังงาน
00:07:00 → 00:07:02 ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวการทำงาน
00:07:02 → 00:07:06 ของระบบประสาทกล้ามเนื้อการย่อยนะครับการ
00:07:06 → 00:07:09 สลายกระบวนการต่างๆในร่างกายของเรานะครับ
00:07:09 → 00:07:13 ต้องใช้ ATP เพราะเราต้องนดพลังงานถูก
00:07:13 → 00:07:15 มั้ยฮะการที่เราใช้ ATP เป็นพลังงานคือจะ
00:07:15 → 00:07:19 มีการตัดหมู่ฟอสเฟตนะครับที่ 3 นะครับตรง
00:07:19 → 00:07:21 นี้เราจะเห็นว่าตำแหน่งของหมู่ฟอสเฟตจะมี
00:07:21 → 00:07:24 ทั้งหมด 3 ตัวใช่มั้ครับเขาจะเชื่อมต่อ
00:07:24 → 00:07:27 กันด้วยพันธเคมีนะคราวนี้ใครที่เรียน
00:07:27 → 00:07:30 ชีวเคมีหรือว่าวิชาชีวชีววิทยาก็จะเริ่ม
00:07:30 → 00:07:33 คุ้นกันแล้วครับว่าเมื่อมีการสลายนะครับ
00:07:33 → 00:07:37 พันธะที่เชื่อมระหว่างฟอสเฟตตำแหน่งที่ 2
00:07:37 → 00:07:40 แล้วก็ 3 ออกมาเราจะได้ Energy ออกมานะ
00:07:40 → 00:07:42 ครับซึ่งพลังงานตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับเซลล์
00:07:42 → 00:07:45 เราว่าใช้ในกระบวนการอะไรซึ่งหลักๆเราก็
00:07:45 → 00:07:48 จะเรียกว่าฟ realization นะครับนำไปใช้ใน
00:07:48 → 00:07:53 ทุกๆกระบวนการในร่างกายของเรานะครับรูป
00:07:53 → 00:07:56 นี้นะครับพาทุกคนมาสำรวจอวัยวะเล็กๆใน
00:07:56 → 00:08:00 เซลล์นะครับเราเรียกว่าเป็นอกลนะครับหรือ
00:08:00 → 00:08:03 จะเรียกว่าเ้าเป็นเตาเผาของเซลล์เราก็ได้
00:08:03 → 00:08:07 นะครับแเอ่อออร์แกแนลนี้มีชื่อว่า
00:08:07 → 00:08:11 ไมโทคอนเดรียอ่าสายไหนใครที่เป็นสายที่
00:08:11 → 00:08:13 อ่านความรู้เกี่ยวข้องกับสุขภาพนะครับไม่
00:08:14 → 00:08:16 ว่าจะเป็นคุณหมอนะครับบุคลากรทางด้านการ
00:08:16 → 00:08:19 แพทย์นักวิทยาศาสตร์นะครับหรือผู้ที่สนใจ
00:08:19 → 00:08:22 เกี่ยวกับสุขภาพจะเห็นว่าเอ่อเราจะคุ้น
00:08:22 → 00:08:24 ชินกับคำว่าไมโตคอนเดรียครับเพราะ
00:08:24 → 00:08:26 ไมโทคอนเดรียในปัจจุบันนี้เราถือว่าเป็น
00:08:26 → 00:08:29 อกลนึงที่มีความสำคัญในเซลล์มากนะครับ
00:08:29 → 00:08:33 เค้าจะทำหน้าที่เผาผลาญสารอาหารหลักๆก็
00:08:33 → 00:08:36 คือน้ำตาลกลูโคสแล้วก็กรดไขมันนะครับให้
00:08:37 → 00:08:40 ได้เป็นพลังงาน ATP อ่าเ่อออร์แกแนลก็จะ
00:08:40 → 00:08:43 เอ่อเป็นลักษณะคล้ายๆกับเมล็ดถั่วนะครับ
00:08:43 → 00:08:44 ซึ่งมี
00:08:44 → 00:08:48 เอ่อเยื่อหุ้มก็คือชั้นนอกแล้วก็ชั้นในก็
00:08:48 → 00:08:51 จะมีลักษณะการพับไปพับมานะครับอเป็น
00:08:51 → 00:08:54 เหมือนการพับผ้าที่ไว้ข้างในนะครับ
00:08:54 → 00:08:57 ตำแหน่งตรงนี้ครับเราเรียกว่าเอ่อตำแหน่ง
00:08:57 → 00:09:01 อนอร์เมนของไไมโตคอนเดรียเป็นตำแหน่งที่
00:09:01 → 00:09:04 มีการสร้าง ATP มากที่สุดครับน้ำตาล
00:09:04 → 00:09:06 กลูโคส 1 โมเลกุลนะเวลาเรากินน้ำตาล
00:09:06 → 00:09:09 กลูโคสเข้ามาจากอาหารประเเภทขาบเนี่ยเรา
00:09:09 → 00:09:14 จะได้ ATP ประมาณ 32 ATP เห็นมยครับว่า
00:09:14 → 00:09:16 ร่างกายของเราฉลาดมากที่จะมีการสร้างพลัง
00:09:16 → 00:09:19 งานนะครับจาก
00:09:19 → 00:09:22 ATP โอเคคราวนี้นะครับเราย้อนขึ้นมานะ
00:09:22 → 00:09:25 ครับออกจากเซลล์มาดูภาพเอ่อภาพรวมใหญ่ๆ
00:09:26 → 00:09:28 บ้างจะเห็นว่าโดยสรุปแล้วคำว่ากระบวนการ
00:09:28 → 00:09:31 เผาผักหรือ metabolism ก็คือการที่ร่าง
00:09:31 → 00:09:34 กายสามารถสลายนะครับสารอาหารที่เป็น
00:09:34 → 00:09:36 โมเลกุลใหญ่ๆให้เป็นโมเลกุลเล็กๆเพื่อนำ
00:09:36 → 00:09:41 เอาไปใช้นะฮะเผาผลาญเป็นพลังงาน ATP รวม
00:09:41 → 00:09:45 ถึงสารโมเลกุลเล็กๆที่ร่างกายสามารถสลาย
00:09:45 → 00:09:48 ออกมาได้นั้นยังถูกนำไป rebuild ครับคือ
00:09:48 → 00:09:50 นำไปสร้างใหม่ให้เป็นรูปพลังงานสำรองไม่
00:09:51 → 00:09:54 ว่าจะเป็นไกลโคเจนนะที่เซลล์ตับเซลล์
00:09:54 → 00:09:57 กล้ามเนื้อแล้วก็รวมถึงเอ่อเนื้อเยื่อไข
00:09:57 → 00:10:00 มันนะครับอิพทิชชูซึ่งอยู่ที่เซลล์ไขมัน
00:10:00 → 00:10:03 นั่นเองนะครับโอเควันนี้สวัสดีทุกท่านนะ
00:10:03 → 00:10:07 ครับอ่าเข้ามารับชมรับฟังกันนะครับพาทุก
00:10:07 → 00:10:09 คนมาดูว่าเวลาเรากินอาหารประเภท
00:10:09 → 00:10:12 คาร์โบไฮเดรตไม่ว่าจะเป็นข้าวแป้งเส้นนะ
00:10:12 → 00:10:16 ฮะพวกกลุ่มนมหรืออะไรก็ตามที่มีน้ำตาลนะ
00:10:16 → 00:10:18 ร่างกายของเราจะมีเอนไซม์นะครับในการย่อย
00:10:18 → 00:10:22 ได้เป็นเอ่อกลูโคสนะกลูโคสก็จะถูกนำมา
00:10:22 → 00:10:25 เก็บสะสมที่ตับแล้วก็กล้ามเนื้อในรูปของ
00:10:25 → 00:10:29 แป้งสะสมที่เราเรียกว่าไกลโคเจนนะครับจะ
00:10:29 → 00:10:31 เห็นว่าโมเดลในการเก็บพลังงานตรงนี้นะ
00:10:32 → 00:10:35 ครับเอ่อแทงในการเก็บน้ำตาลหรือ
00:10:35 → 00:10:38 คาร์โบไฮเดรตนั้นจะเก็บได้น้อยครับเก็บ
00:10:38 → 00:10:41 ได้ปริมาณไม่ได้เยอะมากนะครับส่วนพื้นที่
00:10:41 → 00:10:44 บริเวณที่เก็บไขมันนั้นร่างกายนะครับ
00:10:45 → 00:10:48 สามารถที่จะ provide หรือว่าเก็บไขมันได้
00:10:48 → 00:10:50 ปริมาณที่เยอะนะครับซึ่งเราเก็บในรูปของ
00:10:50 → 00:10:54 เซลล์ไขมันนะครับหรือิสทิชชูเซลล์ไขมัน
00:10:54 → 00:10:57 หลักๆใครที่เคยอ่านเพจหมอจะหมอก็จะรี
00:10:57 → 00:10:59 รีวิวให้ฟังแล้วเนาะว่าเซลล์ไขมันในร่าง
00:10:59 → 00:11:02 กายของเรานั้นประกอบไปด้วยไทอิพทิชชูนะ
00:11:02 → 00:11:06 ครับหรือเซลล์ไขมันสีขาวออกเหลืองอ่าบรา
00:11:06 → 00:11:09 อิพทิชชูเซลล์ไขมันที่ออกสีน้ำตาลเพราะ
00:11:09 → 00:11:12 ว่าข้างในเซลล์ไขมันบราอพสนั้นเขามี
00:11:12 → 00:11:15 ไมโตคอนเดรียหนาแน่นมากนะครับแต่ว่าข่าว
00:11:15 → 00:11:18 ไม่ดีก็คือเวลาเราโตขึ้นนะครับบราอิพ
00:11:18 → 00:11:22 ทิชชูจะมีจำนวนน้อยลงอ่าทำให้กระบวนการ
00:11:22 → 00:11:25 สลายไขมันออกมาเป็นความร้อนให้พลังงานลด
00:11:25 → 00:11:28 ลงมักจะถูกแทนที่ด้วย White อิสทิชชูมาก
00:11:28 → 00:11:31 กว่าส่วนประเภทที่ 3 คือไขมันลูกผสมนะ
00:11:31 → 00:11:35 ครับ Beach adp ทิชชูนั่นเองเอาล่ะคราว
00:11:35 → 00:11:38 นี้เราไปต่อกันครับจะเห็นว่าการเก็บสะสม
00:11:38 → 00:11:41 Energy พลังงานของร่างกายนั้นนะครับถ้า
00:11:41 → 00:11:43 เรามองใน Model 2 compartment Storage
00:11:43 → 00:11:46 นี้นะครับซึ่ง propose by Dr Test
00:11:46 → 00:11:48 เอ่อ newman นะครับเขาก็เป็นนัก
00:11:48 → 00:11:52 วิทยาศาสตร์นะครับเ่อคนนึงที่มีการพูดถึง
00:11:52 → 00:11:55 เรื่องของ metabolic นะครับในร่างกายจะ
00:11:55 → 00:11:57 เห็นว่าบริเวณที่เก็บแป้งสะสมหรือ
00:11:57 → 00:12:00 ไกลโคเจนนั้นร่างกายของเราเก็บได้ใน
00:12:00 → 00:12:02 ปริมาณที่จำกัดที่ตับอาจจะประมาณ 100
00:12:02 → 00:12:04 กรัมที่กล้ามเนื้ออาจจะประมาณไม่เกิน
00:12:04 → 00:12:08 300-400 กรัมนะครับทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
00:12:08 → 00:12:11 ขนาดร่างกายกล้ามเนื้อแล้วก็ฟิตความฟิต
00:12:11 → 00:12:14 ของแต่ละบุคคลนะครับ Training สตัสของแต่
00:12:14 → 00:12:17 ละคนร่างกายของเราก็จะมีวิธีเก็บพลังงาน
00:12:17 → 00:12:21 ส่วนเกินที่เหลือในรูปของอ่อไขมันครับ
00:12:21 → 00:12:23 หรือที่เรียกว่าเป็น body fat แทงเนาะ
00:12:23 → 00:12:25 ซึ่งจะเก็บได้มากกว่าไกลโคเจนแน่นอน
00:12:25 → 00:12:27 ประมาณเกือบ 100 เท่าเลยทีเดียวนะครับ
00:12:27 → 00:12:31 ความจุตรงนี้ในแต่ละคนนั้นจะมีความสามารถ
00:12:31 → 00:12:33 ในการเก็บ Fat แตกต่างกันนะครับซึ่งตรง
00:12:33 → 00:12:35 นี้เราเรียกว่าเป็น Personal Fat Test
00:12:35 → 00:12:38 Ho นะครับซึ่งเอ่อปัจจุบันนี้ก็มีการ
00:12:38 → 00:12:41 ศึกษาเรื่องนี้มากขึ้นนะครับนำโดยเอ่อถ้า
00:12:41 → 00:12:44 จำไม่ผิดก็คือดร roy terror นะครับซึ่ง
00:12:44 → 00:12:47 เขาเป็นนักวิจัยนะครับศึกษาที่ประเทศ
00:12:47 → 00:12:52 อังกฤษเขาก็สำรวจเอ่อทำ study ทำรีเสิร์ช
00:12:52 → 00:12:55 พบว่าคนที่ค่าดัชนีมวลกายไม่ได้เยอะมาก
00:12:55 → 00:12:58 บางคนก็สามารถเปลี่ยนนะครับเทิร์นไปเป็น
00:12:58 → 00:13:01 กลุ่มเบาหวานได้เร็วในขณะเดียวกันบางคน
00:13:01 → 00:13:04 อาจจะอ้วนเยอะหน่อยดัชนีมวลกายเยอะไขมัน
00:13:04 → 00:13:06 เยอะก็ยังไม่เป็นเบาหวานนะครับซึ่งตรง
00:13:06 → 00:13:08 เนี้ยเขาก็อธิบายโดยคอนเซปเรื่องของการ
00:13:09 → 00:13:11 ใช้ Personal Fat Test Ho นะครับมา
00:13:11 → 00:13:14 อธิบายดังนั้นนะครับตรงเทุกคนก็จะได้คำ
00:13:14 → 00:13:17 ตอบว่าบางคนทำไมเราเห็นว่าน้ำหนักตัวไม่
00:13:17 → 00:13:20 ได้เยอะนะครับอ้วนนิดเดียวลงพุงนิดเดียว
00:13:20 → 00:13:23 อาจจะเริ่มมีความเสี่ยงโรคไขมันสูงเบา
00:13:23 → 00:13:26 หวานแล้วนะครับเพราะว่าความจุในการเก็บไข
00:13:26 → 00:13:29 มันแตกต่างกันนั่นเอง
00:13:29 → 00:13:33 คราวนี้เรามาดูกันครับว่าเวลาเรามีเอ่อไข
00:13:33 → 00:13:36 มันที่สะสมในร่างกายนะครับในกรณีนี้หมาอ
00:13:36 → 00:13:39 พูดถึงการที่ดึงเอาแฟตออกมาเป็น Main
00:13:39 → 00:13:42 Energy หลักนะครับหลังจากที่เรา fasting
00:13:42 → 00:13:46 เนาะหลังมื้ออาหารอาจจะเลยจาก 4-6 ชมง
00:13:46 → 00:13:49 เป็นต้นไปนะครับช่วงแรกๆอาจจะเป็นช่วงที่
00:13:49 → 00:13:53 ร่างกายใช้ไกลโคเจนที่สะสมที่ต่ำนะครับ
00:13:53 → 00:13:55 ถ้ามีการออกแรงไม่ว่าจะเป็นการเดินการ
00:13:55 → 00:13:57 วิ่งการออกกำลังกายร่างกายก็จะดึง
00:13:57 → 00:14:01 ไกลโคเจนที่กล้ามเนื้อออกมาใช้นะครับหลัง
00:14:01 → 00:14:04 จากนั้นนะครับเอ่อระบบการเผาผลาญร่างกาย
00:14:04 → 00:14:07 ที่ปกติของเราจะมีการสวต Mode ครับมาใช้
00:14:07 → 00:14:10 Fat เป็น Energy ซึ่งกลไกที่เกิดขึ้นนะ
00:14:11 → 00:14:13 ครับมาจากอะไรมาจากการที่มีการเปลี่ยน
00:14:13 → 00:14:16 แปลงของฮอร์โมนไม่ว่าจะเป็นระดับอินซูลิน
00:14:16 → 00:14:19 ที่ลดลงหลังมื้ออาหารนะครับพอผ่านไป 4-6
00:14:19 → 00:14:23 ชมเนาะอ่าในคนที่อินซูลินเ่อทำงานดีไม่มี
00:14:23 → 00:14:26 ภาวะดื้ออินซูลินอินซูลินก็จะลดระดับลงนะ
00:14:26 → 00:14:29 ครับบวกกับการเพิ่มขึ้นของ H ฮอร์โมน
00:14:29 → 00:14:32 ประเภทที่เป็น Fat burner ฮอร์โมนไม่ว่า
00:14:32 → 00:14:35 จะเป็นฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตนะครับฮอร์โมน
00:14:35 → 00:14:38 adenine น adenine ฮอร์โมนคอร์ติซอลนะฮะ
00:14:39 → 00:14:42 ฮอร์โมนไทรรอยด์รวมไปถึงพวกกลุ่มโท
00:14:42 → 00:14:45 ฮอร์โมนหรือฮอร์โมน rf1 นะฮะปัจจัยเหล่า
00:14:45 → 00:14:47 นี้จะเป็นตัวทริกเกอร์นะครับเซลล์ไขมัน
00:14:47 → 00:14:51 อ่าโดยผ่านการกระตุ้นเอนไซม์ในเซลล์ไขมัน
00:14:51 → 00:14:53 ไม่ว่าจะเป็น hepatic ไสนะครับหรือ
00:14:53 → 00:14:58 อธิพจน์ทิชชูไลเปสก็ตามให้มีการสลายไขมัน
00:14:58 → 00:15:00 ที่เราเราเก็บไว้ในรูปไตรกีสไลนะครับส่วน
00:15:00 → 00:15:03 ใหญ่เนาะออกมาเป็น 2 อันก็คือออกมาในรูป
00:15:03 → 00:15:06 ของรี fatty Acid กรดไขมันแล้วก็ออกมาใน
00:15:06 → 00:15:09 รูปของกลีเซอรอลนะครับคราวนี้ร่างกายของ
00:15:09 → 00:15:13 เราก็ฉลาดนะเขาก็จะนำเอากรดไขมันที่ถูก
00:15:13 → 00:15:16 สลายออกมานี้ดึงไปใช้ได้ถ้าเรามีความ
00:15:16 → 00:15:20 สามารถเพียงพอนะที่จะดึงแฟตไปใช้ได้ไม่
00:15:20 → 00:15:22 ว่าจะเป็นที่กล้ามเนื้อหัวใจกล้ามเนื้อ
00:15:22 → 00:15:26 ลายหรืออวัยวะอื่นๆนะฮะหนึ่งในนั้นนะครับ
00:15:26 → 00:15:29 ตัว fre fatty Acid จะถูกลำเียงไปที่
00:15:29 → 00:15:33 ตับนะฮะโดยมีเอ่อเจ้าแอลบูมินนะครับเป็น
00:15:33 → 00:15:36 โปรตีนขนส่งไปที่ตับแล้วก็ตับก็จะทำหน้า
00:15:36 → 00:15:38 ที่เปลี่ยน fatty Acid นะครับที่
00:15:38 → 00:15:41 ไมโตคอนเดรียอีกเช่นเดิมเห็นมยการที่เรา
00:15:41 → 00:15:45 มีไมโทคอนเดรียในร่างกายที่เยอะที่เพียง
00:15:45 → 00:15:49 พอจะทำให้เราเผาผลาญี fatty Acid ได้ดี
00:15:49 → 00:15:52 มากๆนะครับปัจจุบันนี้พบว่าโรคที่เกี่ยว
00:15:52 → 00:15:56 ข้องกับเรื่องของไมโทคอนเดรียฟังก์ชันนะ
00:15:56 → 00:15:58 ครับไม่ว่าจะเป็นดื้ออินซูลินเบาหวานหรือ
00:15:58 → 00:16:01 รเรือรังอื่นๆมักจะมีระบบการเผ่าผลาญที่
00:16:01 → 00:16:03 ไม่ดีตามมาด้วยนะครับคราวนี้กลับมาที่ตับ
00:16:03 → 00:16:08 นะตับจะสร้างนะครับสารตัวนึงที่ชื่อคีน
00:16:08 → 00:16:10 Body อ่ากระบวนการตรงนี้เราเรียกว่า
00:16:10 → 00:16:13 ketogenesis นะครับโดยสร้างจากกรดไขมัน
00:16:13 → 00:16:17 ที่ต่ำคีนบอนะครับที่ตับสร้างก็จะมีหลาย
00:16:17 → 00:16:20 ตัวนะครับตัวที่ถูกดึงออกมาใช้นะครับเป็น
00:16:20 → 00:16:24 Energy ส่งออกไปตามกระแสเลือดให้อวัยวะ
00:16:24 → 00:16:26 ต่างๆใช้นะครับไม่ว่าจะเป็นสมองกล้าม
00:16:27 → 00:16:29 เนื้อลายกล้ามเนื้อหัวใจอวัยยวะว่าอื่นๆ
00:16:29 → 00:16:32 นะครับที่สามารถใช้ ketone Body ได้นะก็
00:16:32 → 00:16:35 จะเอา ketone Body ไปเป็น fiel นะครับไป
00:16:35 → 00:16:38 เป็น Energy ในร่างกายของเราคีโตนบอที่มี
00:16:38 → 00:16:41 การดึงเอาไปใช้ได้นะครับมี 2 ฟอร์มหลักๆ
00:16:41 → 00:16:44 ก็คือเจ้าซิโตอิตแล้วก็เบต้า hydroxy
00:16:44 → 00:16:47 beuty Rate ซึ่งปัจจุบันนี้ Beta
00:16:47 → 00:16:49 hydroxy beuty Rate ก็เป็นหนึ่งใน
00:16:49 → 00:16:51 ไอเกอร์นะครับที่เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟัง
00:16:51 → 00:16:54 ว่าปัจจุบันเราสามารถตรวจระดับในเลือดได้
00:16:54 → 00:16:57 ด้วยนะฮะจะเห็นว่ากระบวนการ catabolism
00:16:57 → 00:17:01 เนาะอ่า catabolism คือการสลายไขมันออกมา
00:17:01 → 00:17:05 เป็น Energy ในรูปของรดไขมันแล้วก็คีโตน
00:17:05 → 00:17:08 Body นั้นเป็น Key Concept ที่สำคัญมาก
00:17:08 → 00:17:11 ครับของการมีระบบการเผาผลาญที่ดีแล้วก็
00:17:11 → 00:17:14 ระบบการเผาผลาญที่ยืดหยุ่นถ้าเราไม่
00:17:14 → 00:17:17 สามารถดึงเอากรดไขมันมาใช้ได้ดีไม่สามารถ
00:17:18 → 00:17:20 ผลิตคีโตน Body ออกมาเป็น fiel หรือว่า
00:17:20 → 00:17:24 Energy ให้ร่างกายได้เราก็จะสะสมไขมัน
00:17:24 → 00:17:27 มากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆนำไปสู่โรคอ้วนนะ
00:17:27 → 00:17:31 ครับแล้วก็เอ่อกลุมอาการ ncd ต่างๆได้
00:17:31 → 00:17:34 เช่นกันนะครับเอาล่ะคราวนี้เห็นมั้ยฮะว่า
00:17:34 → 00:17:37 เวลาเราเข้าใจเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:17:37 → 00:17:41 metabolism ระบบการเผาผลาญของเราแล้วเรา
00:17:41 → 00:17:44 จะรู้ว่าเอ๊ะเราจะทำยังไงปรับตัวยังไงนะ
00:17:44 → 00:17:48 ครับให้สามารถที่จะเอ่อทำสุขภาพเราให้ดี
00:17:48 → 00:17:51 ยิ่งขึ้นสามารถจัดการปัญหาสุขภาพที่เรามี
00:17:51 → 00:17:54 อยู่ได้นั่นเองนะครับเอาล่ะคราวนี้นะครับ
00:17:54 → 00:17:56 ไปกันอย่างรวดเร็วนะฮะเชื่อว่าทางบ้านที่
00:17:56 → 00:17:58 ฟังอยู่ตอนนี้นะครับเข้มข้นแน่นอนนะนะ
00:17:58 → 00:18:01 ครับกับการฟื้นฟูความรู้เนาะสมัยที่เรา
00:18:01 → 00:18:04 เรียนมัธยมมหาวิทยาลัยนะครับวันนี้หมอก็
00:18:04 → 00:18:06 เอาความรู้เก่าๆมาปัดฝุ่นนะครับแล้วก็มา
00:18:07 → 00:18:09 เล่าให้กับทุกคนฟังนะฮะเมื่อวานเล่าให้
00:18:09 → 00:18:11 ฟังเกี่ยวกับเรื่องของ nutrient sensing
00:18:11 → 00:18:14 pathway หรือว่า nutrient Sensor นะ
00:18:14 → 00:18:17 ครับซึ่งต้องบอกว่า nutrient Sensor
00:18:17 → 00:18:20 นั้นเป็นหนึ่งใน Hall Mark of aging
00:18:20 → 00:18:25 นะปัจจุบันนี้เอ่อกลไกหรือเอ่อคำอธิบาย
00:18:25 → 00:18:28 ว่าทำไมคนเราถึงแก่ชรานะครับถูกนำเสนอออก
00:18:28 → 00:18:32 มาอย่างเช่นในเอ่อเอ่อการประชุมนานาชาติ
00:18:32 → 00:18:35 นะครับในปี 2022 ที่ผ่านมาเนี่ยก็มีการ
00:18:35 → 00:18:39 เอ่อรวบรวมเอาความรู้องค์ความรู้ต่างๆจาก
00:18:39 → 00:18:41 นักวิทยาศาสตร์นะครับที่เขาพูดถึงเรื่อง
00:18:41 → 00:18:44 ของ aging aging theory ต่างๆมาสรุปออก
00:18:44 → 00:18:46 มาให้ฟังนะครับเราจะเห็นว่า nutrient
00:18:46 → 00:18:49 sensing pathway สารอาหารกับการทำงาน
00:18:49 → 00:18:53 ของระบบเผาผลาญร่างกายเป็นหนึ่งในน่าจะ 10
00:18:53 → 00:18:56 กว่า hmk นะครับที่มีการพูดถึงคราวนี้
00:18:56 → 00:18:59 สำคัญยังไงกับระบบการผอผลาญพาทุกคนมาดู
00:18:59 → 00:19:02 รูปนี้ครับนะร่างกายของเราเค้าฉลาดครับ
00:19:02 → 00:19:05 เค้าเรียนรู้ว่าตอนที่เรามีพลังงานเยอะมี
00:19:05 → 00:19:08 Energy เข้ามาเยอะอย่างเช่นหลังการกิน
00:19:08 → 00:19:11 อาหารนั้นเราต้องจัดการยังไงในช่วงที่เรา
00:19:11 → 00:19:14 ไม่กินแล้วอย่างเช่นช่วงที่เรา fasting
00:19:14 → 00:19:17 นานๆช่วงที่ Overnight fasting ช่วงที่
00:19:17 → 00:19:21 เรานอนหลับร่างกายเมีวิธีจัดการดึงเอาสาร
00:19:21 → 00:19:24 อาหารที่เก็บไว้มาใช้ได้อย่างมี
00:19:24 → 00:19:27 ประสิทธิภาพทั้งหมดนี้ครับทุกคนสงสัยมว่า
00:19:27 → 00:19:30 เค้าถูกกำหนดถูกควบคุมด้วยอะไรนะครับจะ
00:19:30 → 00:19:33 เห็นว่าความมหัศจรรย์ของเซลล์ร่างกายของ
00:19:33 → 00:19:35 เรานั้นเมีระบบจัดการตรงนี้ครับยกตัว
00:19:35 → 00:19:39 อย่างเช่นเราเริ่มต้นจากการที่มีแอ access
00:19:39 → 00:19:41 นะครับหรือว่าการกินอาหารเข้ามานะหรือใน
00:19:41 → 00:19:45 ช่วงที่พลังงานล้นที่หมอพูดถึงนะช่วงที่
00:19:45 → 00:19:47 พลังงานล้นนะครับอย่างเช่นการที่เราได้
00:19:47 → 00:19:51 เอ่อมีการ feeding กลูโคสหรือกรดอะมิโน
00:19:51 → 00:19:54 หรือกรดไขมันเข้ามาจะมีการกระตุ้นฮอร์โมน
00:19:54 → 00:19:57 ตัวสำคัญที่เราพูดถึงกันทุกๆซีรีย์ทุก
00:19:57 → 00:20:00 Episode ก็คือฮอร์โมนอินซูลินนะฮะแล้วก็
00:20:00 → 00:20:02 หนึ่งในนั้นก็คือเจ้า grot Factor อย่าง
00:20:02 → 00:20:04 เช่นเอ่อ insulin Light Growth Factor
00:20:04 → 00:20:07 1 นะครับให้กระตุ้นนะครับ signal นะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ไปที่เอ่อตัวรับอินซูลินแล้วก็ตัวรับด
00:20:11 → 00:20:15 Factor ที่เซลล์ตำแหน่งต่างๆนะครับวยใน
00:20:15 → 00:20:17 การกระตุ้นอินซูลินถ้าใครที่เคยอ่านการทำ
00:20:17 → 00:20:20 งานของฮอร์โมนอินซูลินจะรู้ว่าเ้ามีทั้ง
00:20:20 → 00:20:23 พวช่วงต้นแล้วก็ช่วงปลายหนึ่งในนั้นก็คือ
00:20:23 → 00:20:27 เขาจะมีพวที่ชื่อว่า akt pathway นะครับ
00:20:27 → 00:20:30 ซึ่งตรงเนี้ยเขาจะส่งสัญญาณให้ร่างกายมี
00:20:30 → 00:20:33 การอัทกลูโคสเข้ามาหมายความว่าดึงน้ำตาล
00:20:33 → 00:20:36 กลูโคสจากนอกเซลล์ในเลือดเราเข้ามาเผา
00:20:36 → 00:20:39 ผ่านเป็นพลังงานนะครับนะเพราะว่าเรากิน
00:20:39 → 00:20:41 เข้ามาเยอะถูกมยแล้วก็หนึ่งในนั้นครับ
00:20:41 → 00:20:45 เอ่อเวลาที่เราได้น้ำตาลกลูโคสหรือกรด
00:20:45 → 00:20:47 อะมิโนเข้ามาจะกระตุ้น nutrient
00:20:47 → 00:20:50 เซ็นเซอร์ตัวนึงนะครับที่ชื่อว่า M th
00:20:50 → 00:20:54 ฮะเคยได้ยินคำว่าเอทมั้ยฮะ M T นะย่อมา
00:20:54 → 00:20:56 จาก mechanistic หรือ memorial นะครับ
00:20:57 → 00:21:02 เอ่อ M นะครับ of อ่า memorial target
00:21:02 → 00:21:05 of lapa myin อ่านะครับชื่อยาวนิดนึง
00:21:05 → 00:21:07 ก็ถือว่าเป็น nutrient Sensor ตัวนึงที่
00:21:07 → 00:21:11 จะทำหน้าที่ในการเก็บนะครับสะสม Energy
00:21:11 → 00:21:14 หรือพลังงานที่เราได้รับเข้ามานะครับส่วน
00:21:14 → 00:21:17 ใหญ่แล้ว M th ในปัจจุบันนี้เราพบว่ามี 2
00:21:17 → 00:21:20 ตัวหลักเนก็คือ M th C1 Complex 1
00:21:20 → 00:21:24 กับ Complex 2 เ M มีบทบาทสำคัญมากนะถ้า
00:21:24 → 00:21:27 ร่างกายเราสร้างในจังหวะที่ถูกต้องอย่าง
00:21:27 → 00:21:30 เช่นเวลาเรากินอาหารเพศโปรตีนมามีการ
00:21:30 → 00:21:34 กระตุ้นเทอร์เทอรจะสร้างโปรตีนทำให้เรามี
00:21:34 → 00:21:37 มวลกล้ามเนื้อซ่อมเซลล์ต่างๆนะครับเป็น
00:21:37 → 00:21:40 ตัวที่ synesis สารต่างๆในร่างกายก็ดีใช่
00:21:40 → 00:21:43 ไหมมครับช่วงที่เรา fasting ช่วงที่เรา
00:21:43 → 00:21:46 Exercise M ทอรไม่ถูกกระตุ้นร่างกายก็
00:21:46 → 00:21:49 จะมีกระบวนการดึงเอาสารอาหารเหล่านั้นออก
00:21:49 → 00:21:53 มาใช้เกิดกระบวนการซ่อมเซลล์หรือ Recycle
00:21:53 → 00:21:55 Cell ที่เราเรียกว่า autophagy อ่าอีก
00:21:55 → 00:21:58 เทอมนึงนะครับคำว่า autophagy หรือว่าว่า
00:21:58 → 00:22:01 การที่เรารีไซเคิของเสียในเซลล์ที่เสื่อม
00:22:01 → 00:22:04 แล้วนะครับมีการเก็บกวาดภายในเซลล์ของเรา
00:22:04 → 00:22:08 อันไหนที่เป็นขยะที่เหลือๆแล้วก็มีการจัด
00:22:08 → 00:22:10 การแล้วก็ถูกรีไซเคิกลับมาใช้เห็นมั้ย
00:22:10 → 00:22:14 ครับว่าถ้าเรามีการกระตุ้นแล้วก็ไม่
00:22:14 → 00:22:17 กระตุ้น M ทอรอย่างเป็นจังหวะที่เหมาะสม
00:22:17 → 00:22:21 นะฮะเราจะได้ประโยชน์กับสุขภาพของเราอีก
00:22:21 → 00:22:24 ด้วยนะครับอ่าคราวนี้เรามาดูกันในช่วงที่
00:22:24 → 00:22:27 พลังงานลดบ้างอ่าเมื่อกี้พลังงานล้นคราว
00:22:27 → 00:22:29 นี้มาดูฝั่งพลังงานลดลดอย่างเช่นเราทำ
00:22:29 → 00:22:33 fasting หรือ Overnight fasting หรือ
00:22:33 → 00:22:36 กระบวนการทำ caloric restriction นะครับ
00:22:36 → 00:22:38 เวลาเราได้สารอาหารเข้ามาลดลงทุกคนจะเห็น
00:22:38 → 00:22:44 ว่าเอ่อสัดส่วนของ Amp ต่อ ATP นะก็จะมาก
00:22:44 → 00:22:47 ขึ้นแปลว่าอะไรแปลว่ากระบวนการที่ร่างกาย
00:22:47 → 00:22:50 ใช้ ATP มันมากขึ้นนะครับก็จะมีเอ่อ
00:22:50 → 00:22:54 เปลี่ยนเป็น adp am ก็คือเป็นตัวตั้งต้น
00:22:54 → 00:22:55 ก่อนที่จะเป็น
00:22:55 → 00:22:59 ATP การที่มีพลังงานน้อยลงนั้นร่างกายเค
00:22:59 → 00:23:01 ก็ฉลาดครับเมีเซ็นเซอร์ตัวนึงที่คอยตรวจ
00:23:01 → 00:23:05 จับ Energy ในเซลล์ที่เรียกว่า
00:23:05 → 00:23:09 ampk อ่า ampk ทุกคนคงเห็นตัวที่อยู่ใน
00:23:09 → 00:23:11 กรอบแดงๆเนาะแล้วก็เป็นหนึ่งใน nutrient
00:23:11 → 00:23:15 Sensor ที่หมอเขียนรีวิวไว้เมื่อวานใคร
00:23:15 → 00:23:17 ยังไม่ได้อ่านบทความเรื่องของ nutrient
00:23:17 → 00:23:20 Sensor วันนี้นะครับลองกลับมาเปิดเพจอรค
00:23:20 → 00:23:22 เล่าเนาะแล้วเข้ามาอ่านนะครับเราจะได้
00:23:22 → 00:23:26 ความรู้เกี่ยวข้องกับทั้งอินซูลิน mtor
00:23:26 → 00:23:31 ampk cin นะครับมากขึ้นอ่า ampk เป็น
00:23:31 → 00:23:34 nutrient Sensor ตัวนึงที่ไปกระตุ้น nad
00:23:34 → 00:23:37 Plus อ่านะครับยุคนี้เชื่อว่าหลายๆคนคง
00:23:37 → 00:23:41 เคยได้ยินนะครับเอ่อนิโคติน adine ได
00:23:41 → 00:23:45 นิวคลีโอไทหรือว่า nad Plus nad Plus
00:23:45 → 00:23:48 เป็น co เอนไซมชนิดนึงครับซึ่งอยู่ใน
00:23:48 → 00:23:51 เซลล์ของเราทำหน้าที่รับบทบาทสำคัญในการ
00:23:51 → 00:23:55 ที่จะช่วยสื่อสารกับเซลล์ในการสร้างพลัง
00:23:55 → 00:23:58 งานในกระบวนการต่างๆนะครับมดนเรื่องของเม
00:23:58 → 00:24:01 metabolism เอ่อ nad Plus เา้าก็ช่วยใน
00:24:02 → 00:24:04 เรื่องของกระบวนการซ่อม DNA ที่เสื่อมนะ
00:24:04 → 00:24:07 ครับลดการอักเสบแล้วก็กระตุ้นการทำงานของ
00:24:07 → 00:24:11 ระบบประสาทแล้วก็สมองนะครับโดยเอ่อกลไก
00:24:11 → 00:24:14 นึงนะครับก็คือเจ้า nad Plus เนี่ยเขาจะ
00:24:14 → 00:24:19 ไปกระตุ้นเินอ่าเินก็เป็นโปรตีนชนิดนึง
00:24:19 → 00:24:22 ซึ่งใครที่อยู่ในสาย antiaging ก็จะรู้
00:24:22 → 00:24:26 ว่าร่างกายของเรามียีนชะลอไวนะครับเซอิน 1
00:24:26 → 00:24:30 เซอิน 2 ก็จะสร้างโปรตีที่ชื่อเินออกมา
00:24:30 → 00:24:33 ถ้าเราสามารถกระตุ้นยีนชนิดนี้ได้ดีและมี
00:24:33 → 00:24:36 โปรตีนตัวนี้ได้ดีเราก็จะมีกระบวนการต่าง
00:24:36 → 00:24:39 ๆในร่างกายที่สมดุลนะครับตรงนี้เป็นเบสิค
00:24:40 → 00:24:42 เบื้องต้นเนาะให้ทุกคนเห็นว่าคำว่า
00:24:42 → 00:24:45 nutrient Sensor หรือ nutrient sensing
00:24:45 → 00:24:48 pathway นั้นมีความสำคัญนะครับในกระบวน
00:24:48 → 00:24:54 การเผาผลาญของเราโอเคตรงนี้ก็เชื่อว่าทุก
00:24:54 → 00:24:57 ท่านอาจจะฟังทันบ้างฟังไม่ทันบ้างเดี๋ยว
00:24:57 → 00:25:00 กลับมาย้อนฟังกันนะครับอ่าระบบการเผาผ่าน
00:25:00 → 00:25:03 ไม่ดีทำให้เกิดสมองเสื่อมได้หรือไม่เกิด
00:25:03 → 00:25:06 ได้แน่นอนนะครับเดี๋ยวเราจะมาดูเอ่อ
00:25:06 → 00:25:08 สัญญาณของ metabolic inflexibility หรือ
00:25:09 → 00:25:11 ระบบการเผาผลาญพังกันนะ
00:25:11 → 00:25:14 ครับเราสามารถตรวจเลือดได้หรือไม่ว่ามี
00:25:14 → 00:25:16 ระบบการเผ่าผลาญเป็นอย่างไรตรวจได้ครับ
00:25:16 → 00:25:19 วันนี้หมอเตรียมข้อมูลไว้แล้วนะครับเอา
00:25:19 → 00:25:22 ล่ะพร้อมมยเอ่ยพร้อมแล้วเรามาดูรูปนี้กัน
00:25:22 → 00:25:26 ครับทุกคนจะเห็นว่ารูปขนมครัวซองเบเกอรี่
00:25:26 → 00:25:30 คุกกี้เฟรนช์ฟรายหรือแม้กระทั่งพิษทรง
00:25:30 → 00:25:34 พิซซ่าที่ปัจจุบันนี้มีการดัมราคาแข่งกัน
00:25:34 → 00:25:36 นะฮทุกคนก็จะเหอาหารประเภทกลุ่มนี้คือ
00:25:36 → 00:25:39 อาหารที่เราเรียกว่าเป็น Ultra process
00:25:39 → 00:25:42 Food นะครับเหนือกว่า process Food ไป
00:25:42 → 00:25:44 อีกคำว่า Ultra process Food ก็คือ
00:25:44 → 00:25:48 อาหารที่มี High แอีแต่ว่า low nutrient
00:25:48 → 00:25:52 ครับแี่จากอะไรเอ่ยจากแป้งจากน้ำตาลจาก
00:25:52 → 00:25:54 พวกกลุ่มน้ำมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกลุ่ม
00:25:54 → 00:25:57 เอ่อน้ำมันพืชนะครับซึ่งอุดมไปด้วย
00:25:57 → 00:26:01 โอเมก้า 6 หรือว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิง
00:26:01 → 00:26:05 ซ้อนนะครับจะเห็นว่าถ้าเรารับประทานหรือ
00:26:05 → 00:26:07 ว่ากินอาหารเหล่านี้เข้ามามากขึ้นแปลว่า
00:26:07 → 00:26:10 เราได้อะไรเยอะเอ่ยเราได้ทั้งปริมาณ
00:26:10 → 00:26:13 คาร์โบไฮเดรตนะฮะแล้วก็ได้ทั้งปริมาณเอ่อ
00:26:13 → 00:26:17 แฟตเข้ามาเยอะเวลาแฟตกับขาบเข้ามาในร่าง
00:26:17 → 00:26:20 กายเยอะจะเกิดอะไรขึ้นอทุกคนจะเกิดอะไร
00:26:20 → 00:26:25 ขึ้นถ้าใน Text ตรงนี้จะบอกว่าเวลาที่ขาบ
00:26:25 → 00:26:28 combination กับ Fat มันจะ B เดี๋ยวมัน
00:26:29 → 00:26:31 จะ Wi นะครับซึ่งแต่วงเล็บไว้อีกนึงนะมัน
00:26:31 → 00:26:33 อร่อยถูกมั้ยฮะเพราะว่ามันอะไรมันไป
00:26:33 → 00:26:37 ทริกเกอร์สมองส่วนหิวของเรานะครับให้เกิด
00:26:37 → 00:26:40 การ Addict กับ Addict นะกับอาหารประเภท
00:26:40 → 00:26:42 กลุ่มนี้ตรงนี้เราเรียก Part Way ว่า
00:26:42 → 00:26:45 เป็น honic Hunger หรือว่าความอยากกินนะ
00:26:45 → 00:26:48 ทุกคนจะเห็นว่าเอ้ยบางทีเรากินอาหารปกติ
00:26:48 → 00:26:51 ตามมื้อของเราแบบอิ่มแล้วแต่ทำไมเราถึงมี
00:26:51 → 00:26:55 ความหิวก๊อก 2 นะมากินของหวานมากินขนมมา
00:26:55 → 00:26:58 กินไอติมได้เพราะว่าเรามี honic hanger
00:26:58 → 00:27:02 พวอยู่นั่นเองนะครับเวลาที่ Fat เจอข่าว
00:27:02 → 00:27:05 จะเกิดอะไรขึ้นจะเป็นสัญญาณไปกระตุ้น
00:27:05 → 00:27:09 อินซูลินทำให้มีการ fiz แปลว่ามีการสร้าง
00:27:09 → 00:27:13 ไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้นนะฮะถามว่าตรง
00:27:13 → 00:27:16 นี้มีคำอธิบายยมีแน่นอนครับอ่าคำอธิบาย
00:27:16 → 00:27:20 ตรงนี้นะครับมาจาก hypothesis นึงนะครับ
00:27:20 → 00:27:23 ที่มีการ propose กันตั้งแต่ปี 1963 นะ
00:27:23 → 00:27:27 ครับโดยดร Philips rendel นะครับอ่าหลาย
00:27:27 → 00:27:31 ๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Render เอ่อ Cycle
00:27:31 → 00:27:33 นะครับคำว่า Render Cycle นะครับหมายถึง
00:27:33 → 00:27:36 อะไรหมายถึงการที่ร่างกายนะครับมีการ
00:27:36 → 00:27:40 เลือกนะครับมีการเลือกเผาผลา substrate
00:27:40 → 00:27:42 substrate ที่แข่งกันนะครับในะในการ
00:27:42 → 00:27:45 กระบวนการที่ร่างกายเลือกนำมาเผาผลาญก็
00:27:45 → 00:27:49 คือกลูโคสกับไขมันนั่นเองคราวนี้จะพาทุก
00:27:49 → 00:27:53 คนมารีวิวข้อมูลนะครับนี้กันในรูปนี้อ่า
00:27:54 → 00:27:57 เราจะเห็นว่าเรามองในรูปของคุณผู้หญิงที่
00:27:57 → 00:28:00 ทานแฮมเบอร์เกอร์นะที่มีปริมาณแป้งหรือ
00:28:00 → 00:28:04 ขาบค่อนข้างเยอะนะครับร่างกายก็จะมีอะไร
00:28:04 → 00:28:06 เอ่ยก็จะได้รับปริมาณน้ำตาลเข้ามาเยอะนะ
00:28:06 → 00:28:09 ครับปริมาณกลูโคสที่เข้ามาเยอะนะร่างกาย
00:28:09 → 00:28:13 ก็จะมีการดึงเอาเข้ามาใช้ในเซลล์จำกระบวน
00:28:13 → 00:28:15 การเผาผลาในช่วงแรกที่หมออธิบายได้เนาะ
00:28:15 → 00:28:18 อ่ากลูโคสนะครับกรุดโฟก็จะเป็นประตูที่
00:28:19 → 00:28:22 เปิดรับกลูโคสเข้ามาในเซลล์ผ่านกระบวนการ
00:28:22 → 00:28:25 ไกลโคไลซิสซึ่งอยู่บริเวณไซโตพลาสซึมหรือ
00:28:25 → 00:28:28 อยู่ในแอเรียสีส้มๆตรงนี้นะครับอเป็น
00:28:28 → 00:28:32 บริเวณที่อยู่ในเอ่ออยู่นอกเอ่ออยู่นอก
00:28:32 → 00:28:35 ไมโทคอนเดรียนะครับกระบวนการไกลโคไลซิส
00:28:35 → 00:28:37 ตรงนี้พวกเราเคยเรียนแล้วเนาะในชีววิทยา
00:28:37 → 00:28:40 ก็จะมีการสร้าง ATP ได้บ้างเล็กน้อยนะ
00:28:40 → 00:28:44 ครับแต่ความสำคัญก็คือน้ำตาลกลูโคสที่
00:28:44 → 00:28:46 ผ่านไกลโคไลซิสนั้นจะได้สารที่ชื่อว่า
00:28:46 → 00:28:50 ไพรูเวทนะครับไพรูเวทจะถูกลำเลียงเข้ามา
00:28:50 → 00:28:54 อ่าเข้ามาในไมโตคอนเดรียไมโตคอนเดรียก็จะ
00:28:54 → 00:28:58 มีการสร้างสารต่างๆนะครับข้างในมากขึ้น
00:28:58 → 00:29:01 ผ่านกระบวนการ CP Cycle เนาะ CP Cycle
00:29:01 → 00:29:04 เนาะใน cave Cycle นั้นจะได้สารที่ชื่อ
00:29:04 → 00:29:08 ว่าิิ coa ออกมาครับซึ่งอิ co a ก็จะถูก
00:29:08 → 00:29:12 นำเข้าเฟ cave Cycle ได้เป็นกดิริหรือิต
00:29:12 → 00:29:15 อ่าตรงนี้จำไม่ได้ไม่เป็นไรฟังที่หมอ
00:29:15 → 00:29:18 อธิบายนะครับไปทีละสเต็ปซิเตรตหรือซิตริก
00:29:18 → 00:29:21 ที่มากขึ้นเวลาที่เราได้รับน้ำตาลกลูโคส
00:29:21 → 00:29:24 เข้ามาเขจะมีการย้อนกลับนะครับย้อนกลับ
00:29:24 → 00:29:27 ออกมาบริเวณที่ไมโทคอนเดรียเนาะซึ่งก็จะ
00:29:27 → 00:29:32 ถูกถูกกระตุ้นอ่านะครับให้มีการสร้างผ่าน
00:29:32 → 00:29:34 ผ่านกระบวนการต่างๆนะครับให้มีการสร้าง
00:29:34 → 00:29:37 สารถัดมาตัวที่ชื่อว่า maron co a มาก
00:29:37 → 00:29:39 ขึ้นซึ่ง maron co a ต้องบอกว่าตัวนี้
00:29:39 → 00:29:43 เขาเป็นตัวที่มีความสำคัญครับที่เขาจะทำ
00:29:43 → 00:29:47 หน้าที่ยับยั้งกระบวนการดึงเอาแฟตมาสลาย
00:29:47 → 00:29:50 ในร่างในเซลล์หรือพูดง่ายๆว่าเมื่อไหร่ก็
00:29:50 → 00:29:53 ตามที่เซลล์นะครับของเราภายในเซลล์ของเรา
00:29:53 → 00:29:58 มีสารมานิโอมากขึ้นเขาจะยับยั้งการการ
00:29:58 → 00:30:02 สลายกรดไขมันที่เราได้รับเข้ามานะจากตรง
00:30:02 → 00:30:04 นี้เราจะเห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามี
00:30:04 → 00:30:07 เอ่อชูการหรือกลูโคสที่ dominance นะครับ
00:30:07 → 00:30:10 หรือว่ามีปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่โหลดเข้า
00:30:10 → 00:30:13 มาร่างกายก็เลือกที่จะใช้กลูโคสก่อนแล้ว
00:30:13 → 00:30:16 ก็บล็อกการสลายไขมันเพราะฉะนั้นในรูปนี้
00:30:16 → 00:30:18 ทุกคนจะเห็นว่าถ้าเรากินอาหารประเภท Ultra
00:30:18 → 00:30:21 pred Food ไม่ว่าจะเป็นกินขาบเยอะพร้อม
00:30:21 → 00:30:25 แฟตเยอะเป็นยังไงเอ่ยเราก็จะใช้กลูโคส
00:30:25 → 00:30:28 ก่อนนะครับอ่าแล้วก็สิ่งที่สำคัญปริมาณ
00:30:28 → 00:30:31 น้ำตาลกลูโคสที่มากขึ้นมันมาพร้อมกับ
00:30:31 → 00:30:33 อินซูลินที่ถูกกระตุ้นออกมาเยอะเขาก็จะทำ
00:30:33 → 00:30:39 ให้มาิโอสูงขึ้นแล้วก็จะบล็อกการสักใช้ไข
00:30:39 → 00:30:42 มันเป็นพลังงานนะครับแฟตเข้าเซลล์ไม่ได้
00:30:42 → 00:30:44 เข้าเอ่อไมโตคอนเดรียไม่ได้ก็จะทำให้
00:30:44 → 00:30:48 ฟอร์มเป็นไตรกีสไลมากขึ้นออันนี้ก็เป็นคำ
00:30:48 → 00:30:51 อธิบายว่าทำไมปัจจุบันนี้อาหารพวก process
00:30:51 → 00:30:54 Food ต่างๆนะครับหรือพวกกลุ่ม Ultra
00:30:54 → 00:30:56 pret Food อาหาร Fast Food จัง Food
00:30:56 → 00:30:58 ทำให้เราอ้วนง่ายขึ้นเพราะว่าอะไรเพราะ
00:30:58 → 00:31:02 ว่า 1 กระตุ้นอินซูลินเนาะอย่างที่ 2 มีไ
00:31:02 → 00:31:05 Fat ร่วมด้วยอ่าเวลาที่เจอไขาบคู่กับไ
00:31:05 → 00:31:08 Fat ร่างกายของเราก็เลือกที่จะบล็อก Fat
00:31:08 → 00:31:11 ไม่ให้ใช้เป็น Energy นะครับแล้วก็ทำให้
00:31:11 → 00:31:15 เราเกน Fat ง่ายขึ้นเมื่อเกิดภาวะดื้อ
00:31:15 → 00:31:17 อินซูลินนะครับมีการ
00:31:17 → 00:31:20 กระตุ้นให้มีกระบวนการหลังอินซูลินออกมา
00:31:20 → 00:31:24 นานๆมากขึ้นร่างกายก็จะค่อยๆเกิดภาวะดื้อ
00:31:24 → 00:31:26 อินซูลินแล้วก็ทำให้เรามีเรื่องของการ
00:31:26 → 00:31:29 เก็บเอ่อน้ำตาลสะสมน้ำตาลสะสมที่มากขึ้น
00:31:29 → 00:31:32 ก็เปลี่ยนเป็นแฟตได้เช่นกันนะครับโอเคใน
00:31:32 → 00:31:35 อีกโมเดลนึงครับคราวนี้เราลองมาดูว่าใน
00:31:35 → 00:31:37 inc กรณีที่เรากินอาหาร High Fat บ้าง
00:31:37 → 00:31:41 อ่านะครับใน rend Cycle เา้าก็มีการพูด
00:31:41 → 00:31:44 ถึงเนาะว่ากรณีที่เรามีการทานรอง chain
00:31:44 → 00:31:46 fatty Acid เข้ามาร่างกายของเราก็จะมี
00:31:46 → 00:31:49 การดึงเอากรดไขมันเหล่านี้เข้ามาเผาผ่าา
00:31:50 → 00:31:53 ในไมโทคอนเดรียนะครับอ่าในเคอเรียตรงนี้
00:31:53 → 00:31:55 เนาะเกิดเป็นอะไรเอ่ยเกิดเป็นสารตัวกลาง
00:31:55 → 00:31:59 เหมือนเดิมที่ชื่ออิค A แล้วก็ได้ตัวิต
00:31:59 → 00:32:02 หรือว่า citc Acid ออกมานอกเซลล์นะครับ
00:32:02 → 00:32:05 คราวนี้บทบาทสำคัญของเจ้าิรที่ผลิตออกมา
00:32:05 → 00:32:08 เยอะแล้วก็ถูกเอ่อมีการเอ่อเค้าเรียกว่า
00:32:08 → 00:32:12 มี Le ออกมาจากไมโตคอนเดรียนั้นนะครับเขา
00:32:12 → 00:32:15 ก็จะทำหน้าที่ในการบล็อกการดึงน้ำตาล
00:32:15 → 00:32:18 กลูโคสเข้ามาเผ่าผ่านเี่เห็นมั้ยฮะว่า
00:32:18 → 00:32:21 เมื่อกี้ High Sugar High กลูโคสบล็อก
00:32:21 → 00:32:24 การใช้ Fat คราวเนี้ย High Fat ก็จะ
00:32:24 → 00:32:27 บล็อกกลูโคสเช่นกันตรงเนี้ยเป็นกระบวนการ
00:32:27 → 00:32:32 ของร่างกายนะครับกรณีที่เรากินปริมาณเอ่อ
00:32:32 → 00:32:34 น้ำตาลไม่ได้เยอะมากอย่างเช่นในอาหารทั่ว
00:32:34 → 00:32:37 ๆไปอาหารที่เรากินตามปกตินะครับไม่ได้มี
00:32:37 → 00:32:41 ทั้ง High Fat แล้วก็ High ขาบนะน้ำตาล
00:32:41 → 00:32:43 ที่ดึงเข้ามาใช้ในเซลล์ไม่ได้ก็จะไม่ได้
00:32:43 → 00:32:45 สูงในเลือดมากตรงนี้ก็อาจจะไม่ได้เป็น
00:32:45 → 00:32:48 ปัญหาแต่ว่าปัจจุบันนี้เรากินอาหารประเภท
00:32:48 → 00:32:51 Ultra process Food process Food
00:32:51 → 00:32:53 อาหาร High ขาบ High Fat สิ่งที่เราจะ
00:32:53 → 00:32:55 เกิดขึ้นคืออะไรครับน้ำตาลก็จะล้นออกนอก
00:32:55 → 00:32:59 เซลล์มากขึ้นบางท่านท่านที่เอ่อกล้าม
00:32:59 → 00:33:02 เนื้อหรืออวัยวะต่างๆเริ่มมีกระบวนการนี้
00:33:03 → 00:33:05 เสียไปนะครับก็จะดึงเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้
00:33:05 → 00:33:08 ก็อาจจะเกิดเป็นโรคเบาหวานเกิดเป็นเรื่อง
00:33:08 → 00:33:12 ของเอ่อมีการเก็บสะสมนะครับน้ำตาลในเซลล์
00:33:12 → 00:33:14 ไขมันมากขึ้นเปลี่ยนน้ำตาลนั้นให้เป็นตัว
00:33:14 → 00:33:18 Fat เซลล์มากขึ้นนะครับก็จากตรงนี้ก็จะ
00:33:18 → 00:33:20 เห็นว่าในช่วงแรกเขาก็จะมีการเก็บน้ำตาล
00:33:20 → 00:33:23 ในรูปของเ่อเเรียกเป็นมีการเปลี่ยนไม่
00:33:23 → 00:33:26 บล็อกไม่ให้น้ำตาลกลูโคสเข้า
00:33:26 → 00:33:31 มาเขาก็จะมีการ ose ให้เป็นตัวสารตัวกลาง
00:33:31 → 00:33:35 ในเอ่อการเผาผลาญที่ไมโตคอนเดรียรววมถึง
00:33:35 → 00:33:38 สร้างไกลโคเจนมากขึ้นเอาล่ะก็ให้ทุกคน
00:33:38 → 00:33:41 เห็นครับว่าความมหัศจรรย์ของระบบเผ่าผ่าน
00:33:41 → 00:33:43 ร่างกายของเราอธิบายผ่าน rend Cycle
00:33:43 → 00:33:47 เนี่ยก็ทำให้เราเห็นภาพว่าปัญหาของการกิน
00:33:47 → 00:33:49 ในปัจจุบันนี้ที่เรากินอาหารประเภท
00:33:49 → 00:33:51 process Food High C High Fat มัน
00:33:51 → 00:33:54 ทำให้เราไม่สามารถจัดการพลังงานได้สิ่ง
00:33:54 → 00:33:57 ที่จะเกิดขึ้นก็คือทำให้เซลล์หรือหรือ
00:33:57 → 00:34:00 ไมโตคอนเดรียของเราทำงานได้ไม่ดีจนนำไป
00:34:00 → 00:34:03 ซึ่งเอ่อปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่าเป็น
00:34:03 → 00:34:06 ไมโตคอนเดรียฟังก์ชันนะครับหรือว่าเซลล์
00:34:06 → 00:34:09 เสื่อมนั่นเองนะพอไมโทคอนเดรียเสื่อมสิ่ง
00:34:09 → 00:34:11 ที่จะเกิดคืออะไรอ่าทางบ้านนึกออกมย
00:34:11 → 00:34:15 ไมโทคอนเดรียเป็นแหล่งในการสร้าง
00:34:15 → 00:34:19 ATP เยอะเลยนะ 1 กลูโคสได้ ATP เท่าไหร่
00:34:19 → 00:34:22 เอ่ยเกือบ 32 ใช่ไหมยครับถ้าไมโตรคอนเดีย
00:34:22 → 00:34:26 เราพังทำงานได้ไม่ดีเราจะเป็นคนเสมือนหนึ
00:34:26 → 00:34:29 ไม่มี Energy เหนื่อยง่ายแรงตกนะครับแล้ว
00:34:29 → 00:34:32 ก็จะหาอะไรที่แบบฟีดตัวเองให้ได้มีพลัง
00:34:32 → 00:34:35 งานเร็วๆเยอะๆนะครับก็ส่วนใหญ่มักจะเป็น
00:34:35 → 00:34:37 น้ำตาลกลูโคสนั่น
00:34:37 → 00:34:41 เองโอเคสัญญาณอะไรที่เราจะรีเช็คว่าเรามี
00:34:41 → 00:34:45 เรื่องของเอ่อระบบการเผาผลาญพังนะครับ 1
00:34:45 → 00:34:48 เลยครับหิวบ่อยอ่าทานแล้วรู้สึกว่าแบบเรา
00:34:48 → 00:34:52 ไม่ค่อยมีแรงต้องกินบ่อยๆทีๆนะครับไม่
00:34:52 → 00:34:54 ค่อยมีแรงก็อาจจะทำให้เราไม่ค่อยได้ออก
00:34:54 → 00:34:58 กำลังกายนะครับฟาตินานๆไม่ได้เพราะร่าง
00:34:58 → 00:35:01 กายไม่สามารถดึงเอาเอ่อเจ้าไขมันออกมาใช้
00:35:01 → 00:35:04 เป็นพลังงานได้เลยนะครับแล้วก็ร่างกาย
00:35:04 → 00:35:08 เริ่มดื้อต่ออินซูลินไม่สามารถดึงเอาแฟต
00:35:08 → 00:35:11 ที่เก็บมาใช้ในรูปของี fatty Acid ได้
00:35:11 → 00:35:14 หรือแม้กระทั่งเอ่อตัวคีโตนบอดี้ได้นะ
00:35:14 → 00:35:18 โอเคมีภาวะสะสมไขมันง่ายขึ้นอย่างเช่น
00:35:18 → 00:35:22 อ้วนอ้วนลงพุงนะครับแล้วก็มีสัญญาณของ
00:35:22 → 00:35:24 ภาวะดื้อต่ออินซูลินไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:35:24 → 00:35:28 ของการมีปื้นดำบริเวณค้อพับคออ่ารักแร้ขา
00:35:28 → 00:35:30 หนีบนะครับซึ่งร้อยโรคตรงนี้เราเรียกว่า
00:35:30 → 00:35:33 เป็น osis niken การตรวจเลือดก็จะเจอ
00:35:33 → 00:35:36 สัญญาณของน้ำตาลที่สูงไขมันชนิด
00:35:36 → 00:35:39 ไตรกลีเซอไรด์ที่สูง hdl คอเลสเตอรอลที่
00:35:40 → 00:35:43 ต่ำนะครับแล้วก็อาจจะมีเรื่องของฮอร์โมน
00:35:43 → 00:35:44 ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
00:35:44 → 00:35:47 ฮอร์โมนอินซูลินนั่น
00:35:47 → 00:35:52 เองเอาล่ะคราวนี้ทางบ้านถามว่าเราจะ
00:35:52 → 00:35:56 สามารถตรวจเลือดหรือว่าตรวจอะไรได้บ้าง
00:35:56 → 00:35:58 เพื่อที่จะดูระบบการเผ่าผ่านในร่างกายของ
00:35:58 → 00:36:01 เรานะครับหมอจะพาทุกคนมารู้จัก metabolic
00:36:01 → 00:36:04 Health check up กันนะครับหรือที่เรา
00:36:04 → 00:36:05 เรียกว่าเป็น metabolic Health
00:36:05 → 00:36:09 biomarker นะปัจจุบันนี้ในบที่เราตรวจนะ
00:36:09 → 00:36:12 ฮะในเรื่องของประเมินระบบการเผาผลาญเราดู
00:36:12 → 00:36:16 อะไรกันบ้างนะครับตัวสำคัญที่สุดนะฮะที่
00:36:16 → 00:36:19 ส่วนตัวก็นิยมดูแล้วก็ดูให้คนไข้ที่เข้า
00:36:19 → 00:36:23 มาปรึกษาบ่อยๆก็คือ 7 มาเกอร์ดังต่อไปนี้
00:36:23 → 00:36:26 นะครับอ่าเราฟังด้วยกันนะครับข้อที่ 1
00:36:26 → 00:36:28 ครับการดูองค์ประกอบร่างกาย Body
00:36:28 → 00:36:31 Composition analysis ซึ่งเราจะเห็นสัด
00:36:31 → 00:36:34 ส่วนของไขมันไม่ว่าจะเป็น body fat mas
00:36:34 → 00:36:37 เ body fat visceral Fat นะครับรวมถึง
00:36:37 → 00:36:40 ตัวกล้ามเนื้อด้วยเนาะอย่างเช่นตัวเอ่อ
00:36:40 → 00:36:42 กล้ามเนื้อโครงสร้างกล้ามเนื้อลายแล้วก็
00:36:42 → 00:36:45 ตัว Fat Free mas นะฮะอการที่เรามีไข
00:36:45 → 00:36:48 มันสะสมมากขึ้นอย่างเช่นมีตัว body fat
00:36:48 → 00:36:50 ที่สูงเปอร์เซ็น body fat ที่สูง ural
00:36:50 → 00:36:53 Fat ที่สูงมากขึ้นเขาก็จะสะท้อนให้เรา
00:36:53 → 00:36:56 เห็นว่าตอนนี้นะเราอยู่ในโหมดเก็บมากกว่า
00:36:56 → 00:37:00 โหมดดึงเอไปใช้ซึ่งคำเนี้ยตรงเนี้ยหมอจะ
00:37:00 → 00:37:03 พยายามอธิบายให้หลายๆท่านมาที่เข้ามาดู
00:37:03 → 00:37:06 ด้วยกันให้เห็นว่าตอนเนี้ยเราอยู่ในช่วง
00:37:06 → 00:37:08 ที่ร่างกายของเรามีกระบวนการเก็บสะสมไข
00:37:08 → 00:37:12 มันนะครับที่มากขึ้นผ่านการดูการตรวจ Body
00:37:12 → 00:37:14 Composition analysis นะครับซึ่งอาจจะ
00:37:14 → 00:37:18 ตรวจได้ง่ายโดยเทคนิคเอ่อการทำ
00:37:18 → 00:37:20 bioelectrical impedance analysis นะ
00:37:20 → 00:37:23 ครับหรือการทำ dexa WH Body scan ก็
00:37:23 → 00:37:26 ได้เนาะโอเคตัวที่ 2 ง่ายๆครับเราดู
00:37:26 → 00:37:29 เรื่องของ Blood SH ไม่ว่าจะเป็น fasting
00:37:29 → 00:37:32 Blood Sugar น้ำตาลที่เรางดน้ำงดอาหาร
00:37:32 → 00:37:35 แล้วมาตรวจตอนเช้านะหรือการดูน้ำตาลสะสม
00:37:36 → 00:37:39 บนฮีโมโกลบินนะครับบนเม็ดเลือดแดงที่เรา
00:37:39 → 00:37:42 เรียกว่าเป็นฮีโมโกลบิน a1c ก็จะสะท้อน
00:37:42 → 00:37:45 ปริมาณน้ำตาลที่สะสมในร่างกายเราในช่วง
00:37:45 → 00:37:49 2-3 เดือนได้นะครับถ้าสูงนั่นก็แปลว่า
00:37:49 → 00:37:53 เราเริ่มดึงเอากลูโคสไปใช้ได้ไม่ค่อยเก่ง
00:37:53 → 00:37:56 นะครับอ่ามาเกอร์ตัวที่ 3 คือการดูลายปิด
00:37:56 → 00:37:58 โปรไฟล์แล้วก็ดูเรื่องของไลปิด metabolism
00:37:59 → 00:38:02 Profile นะครับตัวสำคัญที่ตัวเองจะนิยม
00:38:02 → 00:38:06 ดูบ่อยๆก็คือการดูเอ่อระดับไกินในเลือด
00:38:06 → 00:38:09 ครับเพราะไกินเค้าเป็นแฟตตัวนึงที่สะท้อน
00:38:09 → 00:38:12 ให้เราเห็นว่าถ้าช่วง fasting ระดับ TG
00:38:12 → 00:38:15 หรือไตกีสไลค่อนข้างสูงอย่างเช่นสูงเกิน
00:38:15 → 00:38:18 100 150 ขึ้นไปนะครับเขาก็จะบอกว่าร่าง
00:38:18 → 00:38:20 กายของเรานั้นไม่สามารถดึงเอาไขมันไปใช้
00:38:21 → 00:38:24 เป็นเมน Energy ได้นะครับก็จะมีไขมันที่
00:38:24 → 00:38:27 ล้นออกมาให้เราเห็นนะครับอยู่นอกเซค่อน
00:38:27 → 00:38:30 ข้างเยอะนะเมื่อไหร่ก็ตามที่ไตรกีสไลเยอะ
00:38:30 → 00:38:34 ขึ้น hdl คอเลสเตอรอลจะลดลงนะฮะซึ่งตรง
00:38:34 → 00:38:36 นี้มันก็เป็นเอ่อ metabolism ที่มีการ
00:38:36 → 00:38:39 เชื่อมโยงกันเพราะว่าส่วนนึงของ High
00:38:39 → 00:38:42 density Lip หรือว่า hdl นะครับจะมีการ
00:38:42 → 00:38:47 แบ่งรับไตรกีซาไลน์นะครับจากเอ่อ vldl ก็
00:38:47 → 00:38:50 ดีจาก ldl ก็ดีนะครับเวลาที่ hdl เมีการ
00:38:51 → 00:38:53 แบ่งรับไตรกลีเซอไรด์เข้ามาเยอะเจะถูก
00:38:53 → 00:38:56 ไฮโดรไลซิสครับถูกสลายไตรกลีเซอไรด์นะ
00:38:56 → 00:38:59 แล้วก็ทำให้โมเลกุลเค้าเล็กลงแล้วก็ถูก
00:38:59 → 00:39:02 ขับออกไปได้มากขึ้นทำให้มาเกอร์ที่เรา
00:39:02 → 00:39:04 เห็นหรือที่เราเรียกว่าเป็น surrogate
00:39:04 → 00:39:06 Marker ในการดูเรื่องของดื้ออินซูลิน
00:39:06 → 00:39:10 เนาะก็คือการที่เราเห็นไกิน low hdl
00:39:10 → 00:39:13 แล้วก็เช็คสัดส่วนนะครับซึ่งสัดส่วนของ
00:39:13 → 00:39:17 tg2 hdl คอสอในปัจจุบันนี้มีงานวิจัย
00:39:17 → 00:39:20 ที่มีการศึกษานะครับทั่วโลกนะครับทั้งใน
00:39:20 → 00:39:22 ผู้ใหญ่ทั้งในเด็กก็พบว่าการที่เราเห็น
00:39:22 → 00:39:25 อัตราส่วนเรชตรงเนี้ยค่อนข้างเกิน 2 ขึ้น
00:39:26 → 00:39:29 มาเยอะๆมักจะส้อนในการมีเรื่องของเอ่อ
00:39:29 → 00:39:32 ระบบการเผ่าผลาญที่ดรอปลงไปหรือมีเอ่อ
00:39:32 → 00:39:35 สัญญาณของการดื้อต่ออินซูลินนะครับแม้ว่า
00:39:35 → 00:39:38 ตรงนี้จะยังไม่ได้เป็น consensus ออกมาใน
00:39:38 → 00:39:41 ไกด์ไลน์ต่างๆแต่สำหรับหมอนะหมอว่าการที่
00:39:41 → 00:39:44 เราดูทุกๆครั้งเวลาที่เราตรวจเลือดมันได้
00:39:44 → 00:39:46 ประโยชน์แน่นอนครับเพราะว่าค่าเลือดทั้ง
00:39:46 → 00:39:49 หมดเหล่านี้เนี่ยมันเป็นการที่บอกสุขภาพ
00:39:49 → 00:39:53 ของเราได้ดีนะโอเคถัดมาครับข้อที่ 4 ก็
00:39:53 → 00:39:56 คือการดูเรื่องของอินซูลินเนาะอินซูลินจะ
00:39:56 → 00:39:59 นิยมดูในช่วง f insulin ก็คือช่วงที่
00:39:59 → 00:40:02 เว้นกินอย่างน้อย 8 ชมงเป็นต้นไปแปลว่า
00:40:02 → 00:40:05 เราดูระดับเซอ insulin ในช่วงที่ไม่มีสาร
00:40:05 → 00:40:08 อาหารไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลกลูโคสโปรตีนเข้า
00:40:08 → 00:40:12 มากระตุ้นนะครับเซออินซูลินควรจะเป็นเท่า
00:40:12 → 00:40:16 ไหร่ดีปัจจุบันก็มีค่าที่ ose ออกมาเยอะ
00:40:16 → 00:40:18 เนาะถ้าเราเห็น Reference ใน laab ทั่วไป
00:40:18 → 00:40:21 อาจจะมีช่วงกว้างหน่อยอยู่ที่ประมาณ
00:40:21 → 00:40:22 2-25
00:40:22 → 00:40:28 ไคริ per ML นะครับอ่าซึ่งนในการศึกษา
00:40:28 → 00:40:30 ต่างๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเนี่ยก็พบ
00:40:30 → 00:40:33 ว่าการที่เห็นระดับ fasting inulin ที่
00:40:33 → 00:40:36 เริ่มเกิน 10 เป็นต้นไปนะครับหรือ study
00:40:36 → 00:40:38 ใหม่ๆแล้วจะพบว่าเริ่มเกิน 6 เป็นต้นไป
00:40:38 → 00:40:41 เนี่ยเริ่มมี signal สัญญาณแล้วนะว่าเรา
00:40:41 → 00:40:44 เริ่มมีภาวะดื้อต่ออินซูลินเกิดขึ้นนะ
00:40:44 → 00:40:49 ครับเพราะฉะนั้นใน expert opinion ต่างๆ
00:40:49 → 00:40:53 ทั่วโลกนะครับนะในเอ่อคุณหมอหลายๆท่านที่
00:40:53 → 00:40:55 ดูเกี่ยวกับเรื่องของ metabolic Health
00:40:55 → 00:40:57 เนี่ยก็จะเริ่มีประดับอินซูลินในช่วง
00:40:57 → 00:41:00 optimal Range นะครับอยู่ที่ประมาณ 2-5
00:41:00 → 00:41:03 2-6 นะครับหรือเ่าบางท่านก็จะีน้อยกว่า
00:41:03 → 00:41:07 10 ไมคร Unit per ML ซึ่งทำไมปัจจุบัน
00:41:07 → 00:41:11 นี้เราถึงไม่นิยมตรวจหรือว่าไม่เอ่อมีการ
00:41:11 → 00:41:13 ตรวจระดับอินซูลินเป็น Standard นะครับ
00:41:14 → 00:41:16 อยู่ใน consensus อยู่หหรืออยู่ใน
00:41:16 → 00:41:19 ไกด์ไลน์เบาหวานอยู่ในไกด์ไลน์การรักษา
00:41:19 → 00:41:22 โรคต่างๆเพราะว่าการตรวจอินซูลินนั้นยัง
00:41:22 → 00:41:24 มีข้อจำกัดหลายอย่างครับโดยเฉพาะอย่าง
00:41:24 → 00:41:27 ยิ่งแลบที่มีการตรวจบางแลบอาจจะมี
00:41:27 → 00:41:30 Standard ที่ดีนะครับหรือบางแลบอาจจะมี
00:41:30 → 00:41:34 การตรวจที่ได้ค่าวอรมากเกินไปนะครับแล้ว
00:41:34 → 00:41:36 ก็สิ่งสำคัญก็คือยังมีอีกหลายปัจจัย
00:41:36 → 00:41:39 Factor เนาะไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่เกี่ยว
00:41:39 → 00:41:43 ข้องกับไลฟ์สไตล์เพศอายุเชื้อชาตินะครับ
00:41:43 → 00:41:47 ยังเป็นสิ่งที่จะต้องดูข้อมูลต่อเนื่อง
00:41:47 → 00:41:50 แต่ anyway สำหรับหมอหมอว่าเราดู fasting
00:41:50 → 00:41:52 insulin เราได้ประโยชน์แน่นอนเพราะว่า
00:41:52 → 00:41:55 เวลาเราดูค่าฮอร์โมนอินซูลินช่วงฟาตินั้น
00:41:55 → 00:41:58 เราดูคู่กับไบโอมาเกอร์ตัวอื่นเสมอครับ
00:41:58 → 00:42:00 เราไม่ดูตัวเดี่ยวเพราะประสบการณ์ที่ดูคน
00:42:00 → 00:42:03 ไข้ที่คลินิกก็จะเห็นว่าบางคนมาด้วยน้ำ
00:42:03 → 00:42:05 หนักตัวที่เยอะอย่างเช่น 80 90 10 กล
00:42:05 → 00:42:08 แต่อินซูลินยังอยู่ในช่วง 4-5 อย่างเงี้ย
00:42:09 → 00:42:10 ตัวเองก็ไม่ได้บอกคุณไข้ว่าไม่ได้ดื้อ
00:42:10 → 00:42:13 อินซูลินเพราะว่าเรามี evidence อื่นใน
00:42:13 → 00:42:15 การที่จะบอกว่าตอนเระบบการผ่อผ่านของเรา
00:42:15 → 00:42:19 อาจจะเอ่อไม่ดีนะอาจจะมีเรื่องของ insulin
00:42:19 → 00:42:21 resistance เกิดขึ้นได้นะครับเวลาการ
00:42:21 → 00:42:24 ประเมินด้วยอินซูลินหลายๆคนคงจะเคยได้ยิน
00:42:24 → 00:42:26 ว่าเราจะดูคู่กับเรื่องของน้ำตาลกลูโคส
00:42:26 → 00:42:29 เนาะเราเรียกว่าการดูค่าเอ่อ homa ir
00:42:29 → 00:42:32 index นะครับก็เป็นค่านึงที่คำนวณออกมา
00:42:32 → 00:42:34 ได้ค่าที่น้อยกว่า 1 ก็ถือว่าอิซูลินเรา
00:42:34 → 00:42:37 sensitive เริ่มมากกว่า 1 เริ่มมากกว่า
00:42:37 → 00:42:40 1.5 หรือว่า 2 ขึ้นไปก็จะเริ่มเข้าข่าย
00:42:40 → 00:42:42 เริ่มมีเรื่องของดื้อต่ออินซูลินเกิดขึ้น
00:42:42 → 00:42:45 นะครับแล้วก็ส่วนตัวก็จะนิยมดูระดับคีน
00:42:45 → 00:42:47 Body ที่เล่าให้ฟังไปเมื่อกี้ด้วยครับ
00:42:47 → 00:42:50 เราจะดูระดับ Beta hydroxy Beauty Rate
00:42:50 → 00:42:54 ซึ่งการที่เราสามารถดึงเอาเอ่อแชออกมาใช้
00:42:54 → 00:42:57 ได้เก่งเรามักจะเห็นระดับคีน Body ใน
00:42:57 → 00:43:00 เลือดในช่วงที่ฟาติเนาะอยู่ที่ประมาณสัก
00:43:00 → 00:43:05 0.5 นะครับถึงสัก 2.5 มิลลิโมลเลิตรนะ
00:43:05 → 00:43:06 ครับซึ่งระดับตรงนี้เราเรียกว่าเราเข้า
00:43:06 → 00:43:09 สู่ช่วง ket adaptation เนาะหรือว่า
00:43:09 → 00:43:12 nutritional ketosis นั่น
00:43:12 → 00:43:16 เองฟังทันกันนะครับก็จะไปกันอย่างแบบค่อน
00:43:16 → 00:43:19 ข้างมีดีเทลนิดนึงนะฮะถัดมาข้อที่ 5 ครับ
00:43:19 → 00:43:22 เราดูเรื่องของฮอร์โมนครับหลายๆฮอร์โมนจะ
00:43:23 → 00:43:25 เห็นว่าเรามีเรื่อง
00:43:25 → 00:43:29 ของความสสำคัญนะครับเมีความสำคัญในเรื่อง
00:43:29 → 00:43:31 ของการช่วยทริกเกอร์การสลายไขมันไม่ว่าจะ
00:43:31 → 00:43:34 เป็นฮอร์โมนไทรรอยด์อ่าอย่างเช่นฮอร์โมน
00:43:35 → 00:43:39 ไทรอกซินฮอร์โมน T3 t4 นะครับอ่าหรือ
00:43:39 → 00:43:42 ฮอร์โมนต่อมหมวกตายอย่างเช่นฮอร์โมนรนารี
00:43:42 → 00:43:45 นอรินนารีนที่มาจากต่หมวกไตชั้นในนะครับ
00:43:45 → 00:43:48 หรือแม้กระทั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล
00:43:48 → 00:43:53 dhea นะ dhea ซัลเฟตก็เป็นหนึ่งใน
00:43:53 → 00:43:57 ฮอร์โมนในชุดที่ช่วยให้เกิดกระบวนการสลาย
00:43:57 → 00:44:00 สารอาหารไม่ว่าจะเป็นขาบหรือแฟตได้ดีเช่น
00:44:00 → 00:44:05 กันนะครับแล้วก็กลุ่มฮอร์โมนเพศครับหลายๆ
00:44:05 → 00:44:08 ท่านก็คงได้ยินว่าการที่เรามีฮอร์โมนเพศ
00:44:08 → 00:44:11 ไม่สมดุลยกตัวอย่างชัดเจนเลยก็คือคุณผู้
00:44:11 → 00:44:14 หญิงที่เข้าสู่ช่วงเมโนพอสนะครับช่วงที่
00:44:14 → 00:44:16 หมดประจำเดือนเนี่ยเราจะเห็นการตกลงของ
00:44:16 → 00:44:19 ฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรนนะฮะเวลาที่
00:44:19 → 00:44:22 ฮอร์โมนเสฮอร์โมนหรือฮอร์โมนเพศตกลงเนี่ย
00:44:23 → 00:44:25 ระบบการเผ่อผ่านของเราก็จะดรอปลงด้วย
00:44:25 → 00:44:28 เพราะว่าเรารู้ดีว่าฮอร์โมนเอสโตรเจน
00:44:28 → 00:44:30 โปรเจสเตอโรนนั้นเป็นตัวที่มีความสำคัญ
00:44:30 → 00:44:33 กับกระบวนการต่างๆ metabolism กับเรื่อง
00:44:33 → 00:44:36 ของพวยที่เกี่ยวข้องกับการเผ่าผ่าานใน
00:44:36 → 00:44:39 ร่างกายของเรานะครับรวมไปถึงเขาจะมีผลกับ
00:44:40 → 00:44:43 เรื่องของอารมณ์เรื่องของหมูดเรื่องของ
00:44:43 → 00:44:45 อะไรอื่นๆอีกมากมายนะครับคุณผู้ชายที่มี
00:44:45 → 00:44:48 ระดับเทสโทสเตอโรนที่ต่ำฮอร์โมนเพศชายที่
00:44:48 → 00:44:51 ต่ำมักจะเจอในผู้ชายที่มีเรื่องของอ้วน
00:44:51 → 00:44:53 อ้วนลงพุงเนาะดื้ออินซูลินหรืออินซูลิน
00:44:53 → 00:44:56 ที่สูงก็จะมีโอกาสที่ทำให้เกิดเรื่องของ
00:44:56 → 00:44:59 การเกน weight gain Fat ง่ายเช่นกันนะ
00:44:59 → 00:45:01 ครับเพราะฉะนั้นเราก็จะดูฮอร์โมนในลักษณะ
00:45:01 → 00:45:05 เป็นเรื่องของ Complete Profile ครับข้อ
00:45:05 → 00:45:07 ที่ 6 นะครับมาเกอร์ที่ 6 คือวิตามินดี
00:45:07 → 00:45:11 อ่าเราดูในเอ่อเราดูเป็นวิตามินดี Total
00:45:11 → 00:45:15 นะครับหรืออยู่ในฟอร์ม 25 Oh ไวตามิน D
00:45:15 → 00:45:17 Level ซึ่งดูในเลือดนะฮะวิตามิน D
00:45:17 → 00:45:21 ปัจจุบันนี้เป็นมากกว่าวิตามินนะครับถือ
00:45:21 → 00:45:24 ว่าเป็นโปรฮอร์โมนตัวนึงซึ่งออกฤทธิ์ทั้ง
00:45:24 → 00:45:27 ที่เกี่ยวข้องกับ genomic หรือว่า non มิ
00:45:27 → 00:45:29 นะครับคำว่า genomic ก็คือเา้าออกฤทธิ์ไป
00:45:29 → 00:45:32 กระตุ้นเอ่อเข้าไปบริเวณในนิวเคลียสของ
00:45:32 → 00:45:36 เซลล์นะครับไปกระตุ้นยีนบางตัวที่มีการ
00:45:36 → 00:45:38 แสดงออกในส่วนที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย
00:45:38 → 00:45:41 เราไม่ว่าจะเป็นยีนที่ป้องกันมะเร็งยีน
00:45:41 → 00:45:44 กระตุ้นเรื่องของระบบเผาผลาญการสร้างสาร
00:45:44 → 00:45:47 การทำกระบวนการต่างๆหรือ non genomic ก็
00:45:47 → 00:45:50 ดีนะครับอย่างเช่นกระบวนการลดการอักเสบ
00:45:50 → 00:45:53 อ่าเป็นอิมมู moderator นะครับเอ่อกระบวน
00:45:53 → 00:45:56 การที่ทริกเกอร์การทำงานของเอนไซม์ของ
00:45:56 → 00:45:59 ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายเราเนาะเพราะฉะนั้น
00:45:59 → 00:46:01 วิตามินดีเมื่อไหร่ก็ตาม anyway ถ้าเรา
00:46:01 → 00:46:05 ขาดนะฮะเราก็ต้องทรีทต้องเติมระดับ
00:46:05 → 00:46:07 ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่ายังไม่ได้มีสารดว่า
00:46:07 → 00:46:10 เอ๊ะวิตามิน D Total ควรเป็นเท่าไหร่ถึง
00:46:10 → 00:46:13 จะเหมาะสมนะครับก็มีหลายๆหน่วยงานที่เา้า
00:46:13 → 00:46:16 study เกี่ยวกับวิตามินดีก็เสนอออกมาว่า
00:46:16 → 00:46:19 เอ่อระดับวิตามินดีที่เหมาะสมควรจะมาก
00:46:19 → 00:46:22 กว่า 30 นะครับอาจจะถึง 50 อหรืออาจจะ
00:46:22 → 00:46:26 เป็น 40-60 หรือ 40-80 นะครับอยู่ในช่วง
00:46:26 → 00:46:29 นี้นี้แต่ถ้าต่ำกว่า 30 มักจะบอกแล้วว่า
00:46:29 → 00:46:32 ระดับวิตามินดีของเราไม่เพียงพอนะครับ
00:46:32 → 00:46:35 หรือน้อยกว่า 20 ก็จะถือว่าเรามีภาวะขาด
00:46:35 → 00:46:38 วิตามินดีนะครับหน่วยที่หมอพูดถึงเนาะก็
00:46:38 → 00:46:41 คือนาโนกรัมเปอร์มิลลิลิตนะเราใช้หน่วย
00:46:41 → 00:46:44 นาโนกรัมเปอร์มิลลิลิตนะครับหรือบางทีเรา
00:46:44 → 00:46:46 อาจจะเคยได้ยินว่าวิตามินดีอาจจะอยู่ใน
00:46:46 → 00:46:49 หน่วยเอ่อนาโนโมลเปอร์ลิตรนะครับซึ่งอัน
00:46:49 → 00:46:52 นี้ก็จะขึ้นอยู่กับแลบที่เราใช้ดูนะฮะ
00:46:52 → 00:46:54 โอเคคราวนี้ข้อที่ 7 สุดท้ายนะครับ
00:46:54 → 00:46:57 ไอเกอร์ที่ดูเกี่ยวกับเรื่องของระบบเผ่า
00:46:57 → 00:47:00 ผลาญคือดูเรื่องการอักเสบครับเวลาที่เรา
00:47:00 → 00:47:03 มี inflammation เกิดขึ้นเยอะต้องบอกว่า
00:47:03 → 00:47:06 มันเป็นใบ directional เนาะก็คือกระบวน
00:47:06 → 00:47:09 การอักเสบมากขึ้นทำให้เราอ้วนง่ายทำให้
00:47:09 → 00:47:12 เราเกน Fat ได้มากขึ้นอ่าหรือเรามีการ
00:47:12 → 00:47:16 สะสมแฟตมากขึ้นตัว Fat เซลล์ที่ฟังก์ชัน
00:47:16 → 00:47:19 ไปแล้วก็มีกระบวนการอักเสบเกิดขึ้นทำให้
00:47:19 → 00:47:22 เรามีค่า High Sense crp นะครับหรือว่า
00:47:22 → 00:47:25 ตัว acute เสโปรตีนตัวอื่นที่บ่งชี้
00:47:25 → 00:47:28 เรื่องการอักเสบสูงขึ้นได้เช่นกันเพราะ
00:47:28 → 00:47:30 ฉะนั้นเวลาเราตรวจเจอว่ามี High Sense
00:47:30 → 00:47:34 crp ที่สูงขึ้นอย่างเช่นสูงมากกว่า 3
00:47:34 → 00:47:37 เราจะต้องทรีทกระบวนการอักเสบในร่างกาย
00:47:37 → 00:47:40 ของเราอาจจะต้องรักษาที่ต้นตอสาเหตุนะ
00:47:40 → 00:47:42 วิตามินดีขาดวิตามินดีต่ำเราอาจจะต้อง
00:47:42 → 00:47:45 ทรีทนะครับปรับเรื่องของอาหารการกินนะ
00:47:45 → 00:47:48 ครับปรับเรื่องของอย่างอื่นก็จะเป็นสิ่ง
00:47:48 → 00:47:51 สำคัญเห็นมั้ยครับว่า 7 ทั้งหมด 7 ตัวนี้
00:47:51 → 00:47:56 เวลาเราตรวจเวลาเราดูผลเนี่ยก็อธิบายแล้ว
00:47:56 → 00:47:58 ก็บอกอะไรเราได้ค่อนข้างเยอะอย่างเช่นตัว
00:47:58 → 00:48:02 เองประสบการณ์ที่ดูเคสค่อนข้างพอประมาณก็
00:48:02 → 00:48:06 จะพอเห็นค่าดูปุ๊บก็จะพอมองออกว่าคนไข้
00:48:06 → 00:48:09 ทันนี้อาจจะมีปัญหาระบบ metabolism ตรง
00:48:09 → 00:48:12 ไหนที่เา้ามีการดรอปไปหรือว่ามีเปลี่ยน
00:48:12 → 00:48:15 แปลงไปนะครับซึ่งเมนหลักๆในปัจจุบันนี้
00:48:15 → 00:48:17 ที่เราพบก็คือเรื่องของภาวะดื้อต่อ
00:48:18 → 00:48:19 อินซูลินนะครับหรือว่า insulin
00:48:19 → 00:48:22 resistance ซึ่งเจอได้ถือว่าเป็น number
00:48:22 → 00:48:24 one นะครับในการที่ทำให้เ่อระบบการเผอ
00:48:25 → 00:48:27 ผ่าแล้วต่ำลงการตรวจปัจจุบันนี้เราตรวจ
00:48:27 → 00:48:30 จากเลือดนะครับการตรวจฮอร์โมนการตรวจค่า
00:48:30 → 00:48:34 เลือดต่างๆก็งดน้ำงดอาหารเนาะอ่าหลังช่วง
00:48:34 → 00:48:37 22:00 น 21:00 น 8-10 ชมแล้วตรวจตอนเช้า
00:48:37 → 00:48:39 นะครับแล้วก็สามารถตรวจได้หมดเลยนะครับ
00:48:40 → 00:48:43 กลุ่มฮอร์โมนแล้วก็ดูไทรรอยด์ดูต่อมหมวก
00:48:43 → 00:48:46 ไตนะครับดูฮอร์โมนเพศอ่ะดูอินซูลินนะครับ
00:48:46 → 00:48:50 แล้วก็อาจจะดูวิตามินดีสารคีโตนร่วมด้วย
00:48:50 → 00:48:53 อันนี้เป็นตัวอย่างนะครับโปรแกรมที่จะก็
00:48:53 → 00:48:56 จะส่งตรวจบ่อยๆก็จะดูความสมบูรณ์เม็ด
00:48:57 → 00:48:59 เลือดค่าเลือดที่สำคัญฮอร์โมนวิตามินดี
00:48:59 → 00:49:02 คีโตนสารก่อเอ่อสารที่บ่งชี้การอักเสบใน
00:49:02 → 00:49:05 ร่างกายนะครับโค้งสุดท้ายนะครับวันนี้ไม่
00:49:06 → 00:49:08 ได้มาเน้นเกี่ยวกับเรื่องของแนวทางการ
00:49:08 → 00:49:11 รักษาหรือว่าฟื้นฟูเนแต่ก็อยากจะให้ทุกคน
00:49:11 → 00:49:13 มองเห็นว่าเวลาที่เรามีเรื่องของ
00:49:14 → 00:49:16 metabolic inflexibility หรือระบบการ
00:49:16 → 00:49:19 เผาผลาญพังนั้นถ้าเรามองความหมายที่แท้
00:49:19 → 00:49:24 จริงมันคือการที่กระบวนการในการดึงเอาไข
00:49:24 → 00:49:27 มันดึงเอาสารอาหารออกมาใช้ในในร่างกายของ
00:49:27 → 00:49:30 เรานั้นมันเสียไปนะครับซึ่งต้นตอสาเหตุ
00:49:30 → 00:49:32 ปัจจุบันก็ต้องบอกว่าหลักๆแล้วมาจาก
00:49:32 → 00:49:35 เรื่องของ unhealthy Lifestyle นะครับ
00:49:35 → 00:49:38 เรื่องของอาหารการกินที่เราอาจจะกินไม่
00:49:38 → 00:49:40 สมดุลอาจจะกินอาหาร High ขาบ High Fat
00:49:40 → 00:49:43 กินอาหารที่ไม่ได้มีสารอาหารครบถ้วนนะ
00:49:43 → 00:49:46 ครับเรื่องของ slow Life sedentary
00:49:46 → 00:49:48 Lifestyle การไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อน
00:49:48 → 00:49:51 เคลื่อนตัวเคลื่อนไหวเท่าไหร่ทำให้ร่าง
00:49:51 → 00:49:54 กายของเรานั้นไม่ค่อยเผาผ่าานไม่ค่อยยืด
00:49:54 → 00:49:57 หยุ่นนะครับปัญหาการนอนอาจจะนอนนอนดึกนอน
00:49:57 → 00:50:00 น้อยนอนไม่เพียงพอมีผลนะครับเรื่องของ
00:50:00 → 00:50:03 ความเครียดสสนะครับผ่านกลไกไม่ว่าจะเป็น
00:50:03 → 00:50:06 ระบบประสาทอัตโนมัติก็ดีเรื่องของต่อม
00:50:06 → 00:50:09 หมวกไตก็ดีนะครับมีผลทำให้เรามีเรื่องของ
00:50:09 → 00:50:13 เอ่อระบบการเผ่าผ่านที่ไม่ดีหรือตัวที่
00:50:13 → 00:50:16 เรียกว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราซึ่งเป็น
00:50:16 → 00:50:18 ปัจจัยกระตุ้นทำให้เราอ้วนง่ายขึ้นนะครับ
00:50:18 → 00:50:22 เขาใช้คำว่าบิจิ environment ไม่ว่าจะ
00:50:22 → 00:50:26 เป็นพวกท็อกซินสารพิษต่างๆนะครับมลพิษที่
00:50:26 → 00:50:30 เกิดขึ้นโลหะหนัก Happy Metal เชื้อโรค
00:50:30 → 00:50:32 นะครับอ่ากลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็นปัจจัย
00:50:32 → 00:50:35 กระตุ้นที่มีผลกับระบบการเผ่าผลาของเรานะ
00:50:35 → 00:50:38 ครับเวลาเราปรับเปลี่ยนเราก็ต้องทำทุกๆ
00:50:38 → 00:50:40 อย่างไปพร้อมๆกันนะครับตรงนี้เราเรียกว่า
00:50:40 → 00:50:43 เป็น intensive Lifestyle modification
00:50:43 → 00:50:46 นะครับอย่างเช่นหมอก็จะมีการเอ่อแนะนำ
00:50:46 → 00:50:48 เกี่ยวกับเรื่องของ Diet plan นะครับ
00:50:49 → 00:50:51 ซึ่ง Diet ที่จะช่วยแก้เรื่องของระบบการ
00:50:51 → 00:50:54 เผาผลาญที่ดีสรุปง่ายๆก็คือกินอาหารที่
00:50:54 → 00:50:56 เป็น Real Food ครับลดอาหารประเภเพท
00:50:56 → 00:51:00 process Food ลดพวกกลุ่มแป้งขาบไขมัน
00:51:00 → 00:51:03 ที่แปรรูปเยอะๆอ่านะเราเรียกว่ากิน Real
00:51:03 → 00:51:07 Food กินอาหารที่มีสารอาหารค่อนข้างเยอะ
00:51:07 → 00:51:10 เขาเรียกเป็น nutrient D Diet รูปแบบ
00:51:10 → 00:51:12 ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำเป็น Healthy low C
00:51:12 → 00:51:16 นะครับหรือว่า low ขาที่มีโปรตีนดีโปรตีน
00:51:16 → 00:51:19 ที่มี High Quality กินไขมันที่มาจาก
00:51:19 → 00:51:22 ธรรมชาตินะครับอ่ะบางท่านอาจจะใช้
00:51:22 → 00:51:25 ketogenic Diet ช่วงแรกๆก็ไม่มีปัญหานะ
00:51:25 → 00:51:27 ครับหลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนให้
00:51:27 → 00:51:30 เหมาะกับตัวเองทำควบคู่กับการจัดจังหวะ
00:51:30 → 00:51:33 การกินกับการฟาให้ดีตรงนี้เราเรียกว่า
00:51:33 → 00:51:36 เป็น Concept ของการทำ intermittent
00:51:36 → 00:51:38 fasting นะครับ Fast ให้ได้อย่างน้อย
00:51:38 → 00:51:41 14-16 ชมต่อวันนะครับทำเรื่องของการออก
00:51:41 → 00:51:45 กำลังกาย Exercise เราให้เพียงพอสม่ำเสมอ
00:51:45 → 00:51:48 ไม่ว่าจะเป็นคาริ weight Training นะ
00:51:48 → 00:51:51 ครับ stretching หรือเอ่อ Coming
00:51:51 → 00:51:55 Exercise นะครับเรื่องของเอ่อไสลอื่นๆนะ
00:51:55 → 00:51:57 เช่นการนอนก็ดีการจัดการเรื่องความเครียด
00:51:57 → 00:52:00 บอกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับก็ทั้งหมด
00:52:00 → 00:52:03 นี้เล่าให้ฟังสั้นๆแต่ทำจริงก็ต้องใช้
00:52:03 → 00:52:07 ระยะเวลาใช้ความพยายามหน่อยเพราะว่าสิ่ง
00:52:07 → 00:52:11 สำคัญที่สุดก็คือเราเริ่มที่ตัวเราวันนี้
00:52:11 → 00:52:13 เราก็ได้ประโยชน์วันนี้ครับเรื่องของ
00:52:13 → 00:52:17 สุขภาพนะครับเป็นการลงทุนที่คุ้มเสมอนะ
00:52:17 → 00:52:22 ครับเราลงทุนดูแลตัวเองให้ได้กินดีให้ได้
00:52:22 → 00:52:25 นอนดีนะครับให้ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอมี
00:52:25 → 00:52:28 เวลาพักผ่อนหย่อนใจตรงเนี้ยเป็นของขวัญ
00:52:28 → 00:52:31 ที่สำคัญที่สุดที่ดีที่สุดที่เราสามารถ
00:52:31 → 00:52:35 มอบให้ตัวเองได้ทุกๆวันนะครับโอเคก็จะ
00:52:35 → 00:52:38 เห็นว่าทั้งหมดนี้ครับเป็นเรื่องราวที่
00:52:38 → 00:52:42 เกี่ยวข้องกับเอ่อ metabolism นะครับหรือ
00:52:42 → 00:52:45 ระบบการเผ่าผลาญที่เอามาฝากกันในวันนี้นะ
00:52:45 → 00:52:49 ครับก็ช่วงนี้นะครับทางบ้านมี q&a นะครับ
00:52:49 → 00:52:52 เป็น q&a นะครับอันนี้อาจจะเป็น g&a อ่ะ
00:52:52 → 00:52:55 อาจจะเป็นอ่า Good question and Answer
00:52:55 → 00:52:58 ก็ได้ครับอ่ะทางบ้านใครที่มีคำถามนะครับ
00:52:58 → 00:53:02 ในช่วงนี้วันนี้ต้องบอกว่าหมอมารัวๆมากนะ
00:53:02 → 00:53:06 ครับเพราะว่าเป็นเรื่องราวที่อยากจะเก็บ
00:53:06 → 00:53:08 มาเล่าให้กับทุกๆคนฟังแล้วก็เป็นเรื่อง
00:53:08 → 00:53:10 ที่ตัวเองเพิ่งได้มีโอกาสสอนคุณหมอนะครับ
00:53:10 → 00:53:13 แล้วก็หลายๆท่านที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง
00:53:13 → 00:53:14 ของการทำ weight loss weight
00:53:14 → 00:53:17 management นะครับวันนี้เราพูดถึงเรื่อง
00:53:17 → 00:53:19 ของ metabolic Health เป็นการขยายนะครับ
00:53:19 → 00:53:23 ส่วนของการดูแลระบบการเผ่าผ่านนะครับอให้
00:53:23 → 00:53:25 ทุกคนได้ฟังกันนะครับท่านที่รับชมย้อน
00:53:25 → 00:53:29 หลังนะครับก็สามารถสอบถามกันเข้ามาได้เลย
00:53:29 → 00:53:31 เช่นเดียวกันนะครับวันนี้ถ้าหากไม่มีคำ
00:53:31 → 00:53:34 ถามนะครับก็ฝากติดตามอีก1ึช่องทางนะครับ
00:53:34 → 00:53:38 ที่ YouTube ของหมอนะครับหมอหล่อคอเล่าดร
00:53:38 → 00:53:41 ตั้มนะครับก็เป็นช่อง YouTube นึงซึ่งตอน
00:53:41 → 00:53:44 นี้ก็เราก็สมิ่งไลฟ์ไปพร้อมๆกันกับในเพจ
00:53:44 → 00:53:46 นะครับแล้วก็ใน YouTube ก็จะมีคลิปวดีโอ
00:53:47 → 00:53:50 นะครับที่มีการตัดนะครับเป็นตอนสั้นๆเอา
00:53:50 → 00:53:53 มาเล่าให้ฟังในแต่ละตอนนะครับให้ทุกคนได้
00:53:53 → 00:53:56 ทบทวนความรู้กัน
00:53:56 → 00:54:00 โอเคก็สำหรับวันนี้นะครับทางบ้านที่รับชม
00:54:00 → 00:54:03 อยู่ต้องขอบคุณทุกๆคนมากนะฮะก็มีโอกาสเรา
00:54:03 → 00:54:06 มาเจอกันในครั้งถัดไปนะครับต้องบอกว่า
00:54:06 → 00:54:09 เนื้อหาที่เราจะนำมาไลฟ์ให้ฟังต่อๆไปนี้
00:54:09 → 00:54:12 ก็จะเข้มข้นขึ้นนะครับก็พยายามที่จะเข้า
00:54:12 → 00:54:16 มาเอ่อดูนะครับในเพจมรคเล่านะครับแล้วก็
00:54:16 → 00:54:18 ที่ do W wnet คลิิทุกๆวันนะครับเราก็
00:54:19 → 00:54:22 จะได้รับความรู้ที่ดีๆที่สามารถนำไปใช้
00:54:22 → 00:54:24 ได้แบบนี้อย่างแน่นอนนะครับวันนี้ขอให้
00:54:24 → 00:54:27 ทุกคนมีความสุขกับวันหยุดนะครับ Happy
00:54:27 → 00:54:29 Holiday แล้วก็ weekend ของเรานะครับ
00:54:29 → 00:54:32 แล้วก็เจอกันใหม่ในโอกาสหน้านะครับวันนี้
00:54:32 → 00:54:36 ลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ