00:00:00 → 00:00:02 ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักคำนี้นะครับ
00:00:02 → 00:00:05 เนาะเวชศาสตร์ชะลอวัยนะครับจริงๆเนี่ย
00:00:05 → 00:00:08 ศาสตร์นี้เนี่ยมีในโลกเราเนี่ยอุบัติขึ้น
00:00:08 → 00:00:11 มาเนี่ยก่อนปี 2000 นะครับเนาะประมาณสัก
00:00:11 → 00:00:14 4-5 ปีก่อนปี 2000 โดยฝั่งทางยุโรปแล้ว
00:00:14 → 00:00:17 ก็อเมริกาแล้วก็เป็นที่แพร่หลายหลังจาก
00:00:17 → 00:00:19 นั้นประมาณ 10 ปีนะครับแต่ในเมืองไทยเอง
00:00:19 → 00:00:22 เนี่ยยังไม่เป็นที่แพ่หลายเลยนะครับพอ
00:00:22 → 00:00:24 ย้อนกลับมาเนี่ยประมาณซัก 15 ปีย้อนหลัง
00:00:25 → 00:00:28 เองครับที่เริ่มมีการใช้เวชศาสตร์ชลวัยใน
00:00:28 → 00:00:31 ประเทศไทยนะครับอืหลายคนเนี่ยจะต้องมอง
00:00:31 → 00:00:33 ก่อนอย่างนี้นะครับว่าระบบสุขภาพเนี่ย
00:00:33 → 00:00:36 เดิมทีเนี่ยเราพยายามอยากจะพัฒนากการ
00:00:36 → 00:00:39 แพทย์เนี่ยทางด้านการรักษาใช่มั้ยครับการ
00:00:39 → 00:00:42 วินิจฉัยเพื่อให้ทุกคนแบบว่าไม่ป่วยถูก
00:00:42 → 00:00:45 มั้ยครับแต่เทรนด์ปัจจุบันเนี้ยพอผ่านไป
00:00:45 → 00:00:48 สัก 10 ปี 15 ปีเนี่ยครับเทรนด์การดูแล
00:00:48 → 00:00:50 สุขภาพมันเปลี่ยนครับมันเปลี่ยนเป็น
00:00:50 → 00:00:53 ลักษณะของการเราจะทำยังไงล่ะไม่ให้เรา
00:00:53 → 00:00:57 ป่วยนะครับไม่ให้เรามีอาการหรือสัญญาณที่
00:00:57 → 00:01:01 บ่งบอกว่าจะมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นไม่ใช่
00:01:01 → 00:01:04 แค่เพียงหน้าตานะครับหลายคนเนี่ยมักเข้า
00:01:04 → 00:01:06 ใจว่าพอพูดคำว่าเวชศาสตร์ชราวัยเนี่ยหลาย
00:01:07 → 00:01:09 คนไปมองเรื่องของความงามล่ะเป็นเรื่องของ
00:01:09 → 00:01:13 การฉีดโบท็อกซ์ฟลอร์หรือยิงเลเซอร์นะฮะ
00:01:13 → 00:01:15 จริงๆกลุ่มนั้นเนี่ยเราเรียกว่าเป็น
00:01:15 → 00:01:18 เวชศาสตร์ความงามครับจะไม่ใช่เวชศาสตร์ชล
00:01:18 → 00:01:21 ไวัซะทีเดียวนะครับถ้าเรามองว่าเวชศาสตร์
00:01:21 → 00:01:25 ชลไวัมันจะหมายถึงการดูแลและป้องกันการ
00:01:25 → 00:01:28 เจ็บป่วยในระดับเซลล์ครับเพื่อไม่ทำให้
00:01:28 → 00:01:31 เซลลล์เราเกิดปัญหาหานั่นเองเพราะว่า
00:01:31 → 00:01:33 เซลล์ทุกเซลล์เวลามันรวมกันมันก็กลายเป็น
00:01:33 → 00:01:36 เนื้อเยื่อพอเป็นเนื้อเยื่อก็กลายเป็น
00:01:36 → 00:01:39 อวัยวะอวัยวะหลายอวัยวะรวมกันก็กลายเป็น
00:01:39 → 00:01:42 ระบบต่างๆของร่างกายแน่นอนทุกระบบของร่าง
00:01:42 → 00:01:45 กายเกิดมาจากเซลล์เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็
00:01:45 → 00:01:48 ตามที่เราสามารถดูแลสุขภาพของเซลล์ให้ดี
00:01:48 → 00:01:51 ไม่เกิดความเสื่อมแก่ตายหรือไลายพันธ์ของ
00:01:51 → 00:01:54 เซลล์เนี่ยครับนั่นคือวิธีการทางด้านที่
00:01:55 → 00:01:58 เราเรียกว่าเวชศาสตร์ฉลอไวันั่นเองครับ
00:01:58 → 00:02:03 ครับผมค่ะแสดงว่าบางบางอย่างอ่าอวัยวะภาย
00:02:03 → 00:02:06 ในร่างกายเนี่ยค่ะคุณหมอความเสื่อมเนี่ย
00:02:06 → 00:02:09 มันจะเกิดขึ้นตั้งแต่วัยหนุ่มสาวแล้วก็
00:02:09 → 00:02:12 ค่อยๆถดถอยลงไปหรือเปล่าเพราะว่าเท่าที่
00:02:12 → 00:02:15 ขวัญทราบเนี่ยเหมือนอย่างกระดูกอ่ะค่ะ
00:02:15 → 00:02:19 เอ่อเราจะหยุดสูงตอนอายุประมาณ 20 แล้วพอ
00:02:19 → 00:02:21 หลังจากนั้นน่ะมันจะคือความเสื่อมหรรือ
00:02:21 → 00:02:25 เปล่าคะใช่ครับคืออย่างงี้นะครับความ
00:02:25 → 00:02:27 เสื่อมของคนเราเนี่ยมันมีทฤษฎีหลายอย่าง
00:02:27 → 00:02:30 ที่อธิบายเรื่องความเสื่อมนะครับนอกเหนือ
00:02:30 → 00:02:33 จากอายุนะครับเนาะโดยปกติแล้วเนี่ยความ
00:02:33 → 00:02:35 เสื่อมของอายุของเราเนี่ยเริ่มต้นเนี่ย
00:02:35 → 00:02:38 จริงๆถ้าพูดแล้วน่าเศร้ามากเลยนะครับคือ
00:02:38 → 00:02:41 ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไปเราเริ่มเสื่อม 25
00:02:41 → 00:02:44 ใช่ครับกำลังสนุกกับชีวิตเลยนะคะคุณหมช
00:02:44 → 00:02:46 สนุกกับชีวิตเลยใช่ครับยกตัวอย่างเอาที่
00:02:46 → 00:02:49 เห็นภาพง่ายๆก็คือเซลล์บนผิวหน้าของเรา
00:02:49 → 00:02:51 เนี่ยครับจะเริ่มเสื่อมนะครับเนาะซึ่ง
00:02:51 → 00:02:54 ปัจจัยความเสื่อมของเซลล์เนี่ยไม่ว่าจะ
00:02:54 → 00:02:57 จากภายในอวัยวะร่างกายหรือจากผิวเราเนี่ย
00:02:57 → 00:03:00 มันก็จะแบ่งออกเป็นปัจจัยหลักหลๆเนี่ยผม
00:03:00 → 00:03:04 จะยกตัวอย่างประมาณ 4 ปัจจัยด้วยกันนะ
00:03:04 → 00:03:07 ครับอันแรกเนี่ยก็คือเรื่องของอายุเราไม่
00:03:07 → 00:03:09 พูดถึงแล้วนะครับเนาะอายุยิ่งมากขึ้นยิ่ง
00:03:09 → 00:03:12 เสื่อมถูกมครับแต่มันจะมีปัจจัยสิ่งแวด
00:03:12 → 00:03:14 ล้อมอย่างอื่นที่มีเกี่ยวข้องอันที่ 1 ก็
00:03:14 → 00:03:18 คือเรื่องของอนุมูลอิสระครับอืทุกคนรู้
00:03:18 → 00:03:21 จักอนุมูลอิสระเนาะมันคือลักษณะของถ้าแปล
00:03:21 → 00:03:24 เป็นภาษาอังกฤษก็คือ reactive อิเจน
00:03:24 → 00:03:26 species นะครับโดยปกติแล้วเนี่ยตัว
00:03:26 → 00:03:30 อนุมูลอิสระเนี่ยมันจะเกิดขึ้นตตอดเวลา
00:03:30 → 00:03:33 ทุกครั้งที่ร่างกายเรามีการเผาผลาญนะครับ
00:03:33 → 00:03:36 ค่ะโดยเฉพาะในเซลล์ของเราเี่มันจะมีแหล่ง
00:03:36 → 00:03:39 พลังงานอยู่อ่าส่วนหนึ่งอยู่หน่วยนึงเรา
00:03:39 → 00:03:42 เรียกว่ากระทรวงพลังงานของเซลล์ตัวนั้น
00:03:42 → 00:03:44 เราเรียกว่าไมโทคอนเดรียซึ่งมันจะมีการ
00:03:44 → 00:03:48 เบิมมีการเผาผลาญตลอดซึ่งมันก็จะมีการ
00:03:48 → 00:03:52 ปล่อยพวกอนุมูลอิสระออกมาเองด้วยแต่โชคดี
00:03:52 → 00:03:56 นะครับว่าร่างกายเราเนี่ยยังมีการอ่าจัด
00:03:56 → 00:03:59 การนะครับกับเรื่องของอนุมอิสระได้เอง
00:03:59 → 00:04:00 ด้วย
00:04:00 → 00:04:02 ใช้ตัวไมตัวคนเดีียวนี่แหละครับในการจัด
00:04:02 → 00:04:06 การนะครับทีนี้เนี่ยพออนุมูลอิสระเรามี
00:04:06 → 00:04:09 มากขึ้นเนี่ยครับมันอาจจะไม่ไหวนะครับอาจ
00:04:09 → 00:04:12 จะไม่ไหวร่างกายอาจจะไม่สามารถต้านเองได้
00:04:12 → 00:04:15 ไหวมันเลยเป็นที่มาว่าถ้าเช่นนั้นแล้ว
00:04:15 → 00:04:19 เนี่ยเราอาจจะต้องรับอ่าสารต้านอนุมูล
00:04:19 → 00:04:23 อิสระหรือการจัดการพวกนี้เนี่ยจากอาหาร
00:04:23 → 00:04:27 หรือจากสิ่งอื่นภายนอกร่วมด้วยนะครับอค่ะ
00:04:27 → 00:04:29 จริงๆแล้วเนี่ยอนุมูลอิสระเป็นแค่ 1 1
00:04:29 → 00:04:32 ใน 4 อันเนาที่ผมใชตัวอย่างนะครับค่ะความ
00:04:32 → 00:04:35 เครียดเองก็เป็นหนึ่งในการกระตุ้นทำให้
00:04:35 → 00:04:37 เกิดอนุมูลอิสระที่เพิ่มมากขึ้นได้ด้วยนะ
00:04:37 → 00:04:42 ครับอ่ะอนะฮะอือันต่อมาคือน้ำตาลครับอ้อ
00:04:42 → 00:04:45 ครับโอหน้ำตาลอ่าหลายคนเคยได้ยินใช่มั้ย
00:04:45 → 00:04:48 ครับน้ำตาลคือยาพิษเนาะครับค่ะแต่มัน
00:04:48 → 00:04:50 อร่อยใช่มั้ยครับมันเป็นของที่แบบว่าหลาย
00:04:50 → 00:04:53 คนชอบนะมันทำให้รสชาติมันมีความน่าสนใจ
00:04:53 → 00:04:56 มากขึ้นแต่บางทีคือแบบเวลาเคียดๆอยู่ดูด
00:04:56 → 00:04:59 แบบน้ำหวานไปมันคือความสุขเลยอ่ะค่ะคุณห
00:04:59 → 00:05:02 ใช่ฮะคือตัวน้ำตาลครับเป็นสิ่งที่เรา
00:05:02 → 00:05:06 เรียกว่ามันมีโอกาสที่เมื่อไหรก็ตามที่ใน
00:05:06 → 00:05:08 เลือดของเรามีน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นนะ
00:05:08 → 00:05:11 ครับมันก็จะมีผลในการทำลายเซลล์ของร่าง
00:05:11 → 00:05:15 กายด้วยโดยเฉพาะการเกิดภาวะที่เราเรียก
00:05:15 → 00:05:19 ว่าอ่า Advance glycation End product
00:05:19 → 00:05:22 คือน้ำตาลเองเนี่ยมันจะไปทำปฏิกิริยากับ
00:05:22 → 00:05:25 โปรตีนในร่างกายครับเกิดเป็นสารตัวนึงนะ
00:05:25 → 00:05:29 ครับซึ่งสารตัวนี้ดันเป็นพิษกับร่างกายแล
00:05:29 → 00:05:31 ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อมโดยเฉพาะใน
00:05:31 → 00:05:35 เซลล์อืค่ะนี้เลยเป็นที่สำคัญว่าเวลาเรา
00:05:35 → 00:05:38 มองเรื่องของการดูแลสุขภาพอ่ะครับเราก็
00:05:38 → 00:05:42 เลยพยายามอยากจะให้คนไข้ไม่มีน้ำตาลที่
00:05:42 → 00:05:46 อยู่ในระดับที่คงที่หรือไม่สูงเกินไป
00:05:46 → 00:05:48 เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเป็นเบาหวานหรือภาวะ
00:05:48 → 00:05:52 ดื้ออินซูลินต่อไปในอนาคตประมาณนี้ครับ
00:05:52 → 00:05:55 ค่ะอืนะฮะจริงๆแล้วยังมีอีกนะครับที่เป็น
00:05:55 → 00:05:57 ปัจจัยที่เร่งความแก่ของเราก็คือการ
00:05:57 → 00:06:01 อักเสบนั่นเองนะครับการอักเสบที่ผมพูดนี่
00:06:01 → 00:06:03 ไม่ได้หมายถึงว่าเราเจ็บคอต่อมทอนซิน
00:06:03 → 00:06:05 อักเสบอะไรอย่างงี้ไม่ใช่นะครับอันนั้น
00:06:05 → 00:06:07 ถือว่าเป็นเฉพาะการอักเสบที่เรียกว่าเป็น
00:06:07 → 00:06:10 เฉียบพลันนะครับแต่กำลังจะมองถึงการ
00:06:10 → 00:06:13 อักเสบที่เป็นแบบรื้อรังนะครับนะครับการ
00:06:13 → 00:06:16 อักเสบรื้อรังเองเนี่ยตัวการอักเสบเนี่ย
00:06:16 → 00:06:19 มันจะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันใช่มมครับ
00:06:19 → 00:06:21 แล้วทีนี้เนี่ยตัวเซลล์ไม่เลือดขาวภูมิ
00:06:21 → 00:06:24 คุ้มกันเรานี่แหละครับมันจะมีการหลั่งสาร
00:06:24 → 00:06:28 ที่เราเรียกว่าเป็นตัวร้ายตัวนึงที่มันจะ
00:06:28 → 00:06:31 คอยทำลายร่างกายนะครับยกตัวอย่างง่ายๆเลย
00:06:32 → 00:06:36 นะครับก็คือเซลล์ไขมันอืค่ะข้นมาถ้าคนเรา
00:06:36 → 00:06:39 มีเซลล์ไขมันปริมาณมากนะครับเนาะเซลล์ไข
00:06:39 → 00:06:41 มันเองเนี่ยนอกจากประโยชน์ของมันก็คือ
00:06:41 → 00:06:44 เป็นพลังงานใช่มั้ยครับมันยังผลิตสารที่
00:06:44 → 00:06:47 กระตุ้นการอักเสบที่เราเรียกว่ากลุ่มโ
00:06:47 → 00:06:50 inflammatory cyoc คือมันเป็นสารอ่า
00:06:50 → 00:06:53 โปรตีนแบบหนึ่งนะครับที่ดันไปกระตุ้นให้
00:06:53 → 00:06:56 เกิดการอักเสบของเซลล์อื่นๆในร่างกายได้
00:06:56 → 00:07:00 อีกค่ะนะครับซึ่งอันเนี้ยก็อาจจะมีผลเสีย
00:07:00 → 00:07:02 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลอดเลือดนะครับอาจ
00:07:02 → 00:07:05 จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวได้หรือ
00:07:05 → 00:07:07 หลอดเลือดหัวใจตีบหรือหลอดเลือดสมองตีบ
00:07:07 → 00:07:09 อย่างนี้ก็เป็นไปได้หรือบางคนมีปัญหา
00:07:09 → 00:07:13 เรื่องความดันสูงขึ้นด้วยอครับอืนะฮะค่ะ
00:07:13 → 00:07:15 แล้วก็อีกอันนึงตัวสุดท้ายก็คือเรื่องของ
00:07:15 → 00:07:19 ภาวะการพร่องฮอร์โมนครับเป็นยังไงหรอคะ
00:07:19 → 00:07:22 คุณหมอภาวะการพร่องฮอร์โมนครับโดยปกตินะ
00:07:22 → 00:07:25 ครับฮอร์โมนในร่างกายเนี่ยเราจะทำงานกัน
00:07:25 → 00:07:29 เหมือนวงดนตรีออเคสตร้านึกภาพออกนะอคสมี
00:07:29 → 00:07:32 หลายวงมีมีมีเครื่องดนตรีเป็นดีดสีตีเป่า
00:07:32 → 00:07:36 ใช่มั้ยครับค่ะเวลาสมมุติวันนึงเนี่ยนึก
00:07:36 → 00:07:39 นึกว่าเราบรรเลงเพลง 1 เพลงนะครับถ้าเกิด
00:07:39 → 00:07:42 เครื่องดนตรีดีดสีตีเป่าของเราเปรียบ
00:07:42 → 00:07:46 เหมือนฮอร์โมนเช่นโสฮอร์โมนฮอร์โมน
00:07:46 → 00:07:49 ไทรรอยด์ฮอร์โมนจักต่อมหมวกไตหรือแม้แต่
00:07:49 → 00:07:52 กระทั่งฮอร์โมนเพศก็ตามแต่เนี่ยค่ะถ้า
00:07:52 → 00:07:55 เครื่องดนตรีแต่ละชนิดทำงานได้ดีแต่มี
00:07:55 → 00:07:58 อยู่ชิ้นนึงที่ทำงานไม่ดีคือกรองเวลาเรา
00:07:58 → 00:08:01 ตีกรองแล้วผิดจังหวะแต่โอ๊เป่าฟรุดีเลย
00:08:01 → 00:08:04 เล่นไวโอลินดีเล่นเปียโนดีเพลงเพลงนั้นก็
00:08:04 → 00:08:07 ไม่เพราะอยู่ดีครับนี่เลยเป็นที่มาว่า
00:08:07 → 00:08:10 เมื่อไหร่ก็ตามที่มีภาวะฮอร์โมนทำงานรวน
00:08:10 → 00:08:13 นะครับหรือทำงานผิดปกติไปหรือภาวะพร่อง
00:08:13 → 00:08:16 ฮอร์โมนลดลงเนี่ยเดิมทีมันเคยผลิตออกมาดี
00:08:16 → 00:08:20 ครับแต่มันผลิตน้อยลงอาจจะจากปัจจัยเช่น
00:08:20 → 00:08:23 ภาวะความเสื่อมของร่างกายเช่นอนุมูลอิสระ
00:08:23 → 00:08:27 เอยน้ำตาลสะสมเอยหรือการอักเสบหรื้อรัง
00:08:27 → 00:08:29 ที่ผมกล่าวไปแล้วเนี่ยก็ส่งผลถึงภาวะการ
00:08:30 → 00:08:33 พร่องฮอร์โมนได้เช่นเดียวกันครับอืนะครับ
00:08:33 → 00:08:36 สาเหตุค่อนข้างหลากหลายเลยนะการทำให้ความ
00:08:36 → 00:08:40 เสื่อมของเอ่อวัยมันเกิดขึ้นเร็วหรือช้า
00:08:41 → 00:08:43 หรือปกติอันเนี้ยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของ
00:08:43 → 00:08:47 แต่ละคนเป็นส่วนมากเลยนะโดยเฉพาะพฤติกรรม
00:08:47 → 00:08:50 การกินการใช้ชีวิตนะคุณหมอนะใช่ครับการ
00:08:50 → 00:08:53 กินอย่างเ่อถ้าย้อนกลับไปอ่ะในเรื่องของ
00:08:53 → 00:08:57 การการกินอย่างเช่นน้ำตาลเนี่ยเอ่อถือว่า
00:08:57 → 00:09:00 มีผลค่อนข้างเยอะมยคุณหมอหอน้ำตาลกินกิน
00:09:01 → 00:09:04 ทั้งหวานไปเค็มไปมันไปพวกเนี้ยมีผลเยอะม
00:09:04 → 00:09:08 ครับก็จริงๆทุกอย่างเนี่ยถ้าเกิดทำให้มัน
00:09:08 → 00:09:10 อยู่ในทางสายกลางนะไม่ไม่ไม่เยอะเกินไปก็
00:09:10 → 00:09:13 จะโอเคคือหมอไม่ได้บอกว่ากินไม่ได้อนะ
00:09:13 → 00:09:15 ครับจริงๆแล้วเราสามารถยังกินได้อยู่
00:09:15 → 00:09:18 เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องดูด้วยว่าเอ้ยเรา
00:09:18 → 00:09:20 กินเกินไปหรือยังเพราะว่ามันจะมีตัวที่
00:09:20 → 00:09:24 เราเรียกว่าเป็นตัวทริกเกอร์ตัวนำทางหรือ
00:09:24 → 00:09:26 ตัวกระตุ้นอย่างเช่นหลายคนเนี่ยเคยสงสัยม
00:09:26 → 00:09:29 ครับว่าทำไมเราถึงต้องกินน้ำตาแล้วเรารู้
00:09:29 → 00:09:33 สึกสดชื่นขึ้นอ่าครับครับคือบางคนนี่
00:09:33 → 00:09:36 เครียดเนาะทำงานตอนกลางวันช่วงบ่ายๆเนี่ย
00:09:36 → 00:09:39 พอได้แบบชาไข่มุกสักแก้วนึงได้แบบคาราเมล
00:09:39 → 00:09:42 มคีอโต้สักแก้วนึงแล้วแบบไม่ต้องรสหวาน
00:09:42 → 00:09:45 ด้วยนะแบบปื๊ดเข้าไปดูดสัก 2-3 ปื๊ดปุ๊บ
00:09:45 → 00:09:47 เนี่ยรู้สึกสดชื่นและตาสว่างรู้สึก Alert
00:09:47 → 00:09:50 ขึ้นมาเลยค่ะเพราะว่าตัวน้ำตาลเนี่ยครับ
00:09:50 → 00:09:53 มันเข้าไปในร่างกายเราเนี่ยมันจะไป
00:09:53 → 00:09:56 กระตุ้นนะครับให้ในลำไส้เราเนี่ยมีการ
00:09:56 → 00:10:00 ผลิตนะครับสารที่เราเรียกว่าสารแห่งความ
00:10:00 → 00:10:03 สุขครับที่เราเรียกว่าซีโรโทนินอนะครับ
00:10:03 → 00:10:06 ค่ะคือโดยปกติซีโรโทนินเนี่ยจะถูกสร้าง
00:10:06 → 00:10:09 เนี่ยในลำไส้ได้ถึง 90% เลยนะครับแต่มัน
00:10:09 → 00:10:13 จะไปออกฤทธิ์ในสมองอคือนึกภาพอันนี้อัน
00:10:13 → 00:10:16 นี้ก็จะเป็นอีกทฤษฎีนึงที่เรื่องของลำไส้
00:10:16 → 00:10:18 มีผลต่อสมองและมีผลต่อน้ำหนักด้วยนะครับ
00:10:18 → 00:10:21 ทีนี้เนี่ยพอเรากินน้ำตาลเข้าไปปุ๊บเนี่ย
00:10:21 → 00:10:25 มันจะถูกดูดซึมสารตั้งต้นที่สร้างตัวสาร
00:10:25 → 00:10:28 แห่งความสุขเซโรโทนินเนี่ยครับค่ะได้ดี
00:10:28 → 00:10:31 ขึ้นอเพราะฉะนั้นเนี่ยมันเลยสร้างซีติน
00:10:31 → 00:10:33 ได้ไวแล้วออกฤธได้เร็วเราเลยมีความรู้สึก
00:10:33 → 00:10:37 แฮปปี้หรือมีความสุขอืนะครับซึ่งก็เป็น
00:10:37 → 00:10:39 กระบวนการที่เราเรียกว่าชดเชยกับความ
00:10:39 → 00:10:43 เครียดที่เราเจอมาทั้งวันประมาณนั้นนี่
00:10:43 → 00:10:46 คือเป็นแหล่งที่เราเรียกว่าอาการนึงที่
00:10:46 → 00:10:49 เรียกว่า shar caving หรือภาวะแสวงหาน้ำ
00:10:50 → 00:10:53 ตาลถ้าเกิดใครเครียดมากๆแล้วแสวงหาน้ำตาล
00:10:53 → 00:10:55 แสดงว่าตอนเนี้ยฮอร์โมนความเครียดเราก็
00:10:55 → 00:10:59 กำลังหลัเพิ่มขึ้นด้วยนะครับอืค่ะครับผม
00:10:59 → 00:11:02 แล้วแบบเนี้ยถ้าเราเครียดเราแสวงหาน้ำตาล
00:11:02 → 00:11:05 แบบนี้การหยุดยั้งอ่ะที่มันเหมาะสมในทาง
00:11:05 → 00:11:09 การแพทย์โดยโดยเฉพาะเรื่องของเอ่อการป้อง
00:11:09 → 00:11:11 กันความเสื่อมของร่างกายเนี่ยแนวทางไหน
00:11:11 → 00:11:16 มันมันเหมาะมันดีคะก็ถ้าในกรณีที่หลายคน
00:11:16 → 00:11:19 เสพติดความหวานใช่มั้ยครับอันเนี้ยอาจจะ
00:11:19 → 00:11:22 ต้องดูว่าถ้าสมมุติว่าเราสามารถเลือกการ
00:11:22 → 00:11:26 กินน้ำตาลที่มันเป็นน้ำตาลทดแทนนะครับ
00:11:26 → 00:11:29 หรือกลุ่มที่ยังมีความหวานอยู่บ้างแต่อาจ
00:11:29 → 00:11:32 จะไม่ได้มีพลังงานหรือกระตุ้นการหลั่งของ
00:11:32 → 00:11:35 ฮอร์โมนอินซูลินที่น้อยลงนะครับก็จะพอพอ
00:11:35 → 00:11:37 ช่วยได้ในการป้องกันความเสี่ยงเรื่องของ
00:11:38 → 00:11:40 น้ำตาลสูงจริงๆเรื่องน้ำตาลสูงเป็นแค่
00:11:40 → 00:11:43 เรื่องนึงแต่เรื่องถัดมาก็คือพอร่างกาย
00:11:43 → 00:11:45 เรามีน้ำตาลสูงแล้วเนี่ยมันก็จะกระตุ้น
00:11:45 → 00:11:48 ให้เกิดการสร้างกลุ่มไขมันขึ้นมาเองอนะ
00:11:48 → 00:11:52 ครับก็ทำให้เกิดไตรกลีเซอไรด์สูงมีไขมัน
00:11:52 → 00:11:55 เกาะตับด้วยมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมีไขมัน
00:11:55 → 00:11:58 เกาะในช่องท้องด้วยอย่างเงี้ยครับผมอนะฮะ
00:11:58 → 00:12:01 ซึ่งสิ่งสิ่งเหล่านี้ที่ที่คุณหมอกล่าวมา
00:12:01 → 00:12:04 ที่เป็นตัวทำให้เรื่องของเซลล์มีความ
00:12:04 → 00:12:08 เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่วัย 25 ปีเฮะคุณหมอ
00:12:08 → 00:12:13 แสดงว่ามันมันก็จะเริ่มปรากฏออกมาตามใบ
00:12:13 → 00:12:15 หน้าก่อนใบใบหน้าน่าจะเห็นชัดสุดใบหน้า
00:12:16 → 00:12:19 ผิวหนังเอ่อเส้นผมอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยฮะ
00:12:19 → 00:12:22 ใช่ครับคืออ่าถ้าเรามองจากภายนอกเนี่ยเรา
00:12:22 → 00:12:26 จะเห็นชัดเลยว่าโอเคละหน้าจะเริ่มเห็น
00:12:26 → 00:12:29 ความชัดเจนแต่เอาจริงๆข้างในเนี่ยในร่าง
00:12:29 → 00:12:32 กายเราเนี่ยมันก็อาจจะต้องมีการตรวจด้วย
00:12:32 → 00:12:35 ปัจจุบันนี้นะครับในทางวิทศาสตร์ชลอวัย
00:12:35 → 00:12:38 เราเนี่ยเราจะให้ความสำคัญกับเรื่องของ
00:12:38 → 00:12:41 การตรวจสุขภาพเชิงลึกด้วยนะครับอครับโดย
00:12:42 → 00:12:44 ปกติแล้วเนี่ยการตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ย
00:12:44 → 00:12:46 ถือว่าเป็นการตรวจมาตรฐานที่ถือว่าดีอยู่
00:12:47 → 00:12:49 แล้วและทุกคนก็ควรจะทำตั้งแต่อายุน่าจะ
00:12:49 → 00:12:52 สัก 30-35 ปีก็อาจจะต้องเริ่มเริ่มตรวจ
00:12:52 → 00:12:55 เช็คสุขภาพเบื้องต้นแล้วอนะครับแต่ถ้า
00:12:55 → 00:12:58 เป็นในทางของเวชศาสตร์ชะลอวัยเนี่ยเราจะ
00:12:58 → 00:13:02 ให้ความสำคัญกับการตรวจเพื่อหาสาเหตุก่อน
00:13:02 → 00:13:05 ที่จะป่วยนะครับซึ่งบางทีการเช็คอัพในโรง
00:13:05 → 00:13:07 พยาบาลแบบ
00:13:07 → 00:13:10 เอ่อพื้นฐานนี้อาจจะไม่เพียงพออาจจะต้อง
00:13:10 → 00:13:12 มีตัวอื่นที่เป็นการตรวจเพื่อหาความ
00:13:12 → 00:13:16 เสี่ยงอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วยนะครับอซึ่ง
00:13:16 → 00:13:19 ซึ่งตรงเนี้ยก็จะทำให้เราสามารถที่จะรู้
00:13:19 → 00:13:21 ได้ว่าเราเนี่ยอยู่ในขั้นตอนที่จะต้อง
00:13:21 → 00:13:24 ระวังตัวเองอยู่ในประมาณไหนแล้วนะครับ
00:13:24 → 00:13:29 ประมาณนี้ครับออืความความเปลี่ยนแปลงช้า
00:13:29 → 00:13:32 เร็วขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเป็นแน่แท้สำหรับ
00:13:32 → 00:13:35 เอ่อสำหรับแต่ละคนชายหญิงมีความแตกต่าง
00:13:35 → 00:13:38 กันมั้ครับว่าเอ่อชายอาจจะเสื่อมไวกว่า
00:13:38 → 00:13:41 หญิงอาจจะเสื่อมช้ากว่าหรือหรือไม่ไม่
00:13:41 → 00:13:43 เกี่ยวข้องมันอาจจะเป็นเรื่องอื่นเข้ามา
00:13:43 → 00:13:47 บวกด้วยครับคุณหมอจริงๆจริงๆทั้ง 2 เพศจะ
00:13:48 → 00:13:50 ไม่แตกต่างกันมากครับไม่แตกต่างกันมากมัน
00:13:50 → 00:13:52 ก็จะมีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบกัน
00:13:52 → 00:13:55 อยู่บ้างอครับเนาะในในในเรื่องความแตก
00:13:55 → 00:13:58 ต่างกันหลักๆก็คือเรื่องของสรีระใช่มั้ย
00:13:58 → 00:14:00 ครับแล้วก็เรื่องของฮอร์โมนนะครับอย่าง
00:14:00 → 00:14:02 กรณีอย่างฮอร์โมนเพศอย่างเงี้ยครับของผู้
00:14:02 → 00:14:05 หญิงก็จะมีตัวเอสโตรเจนที่ค่อนข้างเยอะ
00:14:05 → 00:14:07 กว่าในขณะที่ผู้ชายก็จะมีเทสเตอโรนที่
00:14:08 → 00:14:11 เยอะกว่าซึ่งทั้ง 2 ตัวเมีประโยชน์กับ
00:14:11 → 00:14:14 ทั้ง 2 เพศครับนะครับมีประโยชน์กับทั้ง 2
00:14:14 → 00:14:18 เพศนะครับทีนี้เนี่ยในประเด็นก็คือว่าถ้า
00:14:18 → 00:14:22 เราสามารถที่จะดูแลตัวเองได้เร็วเท่าไหร่
00:14:22 → 00:14:24 ไม่จำเป็นต้องรอให้ตัวเองอายุ 40 50
00:14:24 → 00:14:27 แล้วมาดูแลนะครับอือค่ะการที่เราดูแลตัว
00:14:27 → 00:14:30 เองได้เร็วเท่าไหร่เนี่ยมันหมายถึงว่าเรา
00:14:30 → 00:14:34 ก็สามารถที่จะชะลอความเสื่อมของเซลล์ใน
00:14:34 → 00:14:37 ปัจจัยต่างๆที่ผมกล่าวไปยกตัวอย่างไว้ 4
00:14:37 → 00:14:40 4 ข้อข้างต้นเนี้ยได้แล้วก็จะทำให้เรา
00:14:40 → 00:14:45 อ่ะมีโอกาสที่จะป่วยช้ากว่าคนทั่วๆไปอื
00:14:45 → 00:14:48 ค่ะนะฮะก็จะสังเกตได้นะครับว่าเวลาเรา
00:14:48 → 00:14:51 เห็นเพื่อนเราบางคนเฮ้ยทำไมเค้าดูแบบดู
00:14:51 → 00:14:56 โทรมกว่าเราอ่าอ่าบางคนก็อุ้ยทำไมดูแบบดู
00:14:56 → 00:14:59 หน่าสายจังอะไรอย่างเงี้ยทั้งๆที่อายุ
00:14:59 → 00:15:01 เท่ากันอะไรเงี้ยก็แสดงว่าจริงๆแล้วอ
00:15:01 → 00:15:05 ไลฟ์สไตล์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญกำอเทรนใน
00:15:05 → 00:15:07 ปัจจุบันนี้เนี่ยเคคก็จะไปโฟกัสกันที่
00:15:07 → 00:15:09 เรื่องของการใช้ชีวิตนะครับวิถีชีวิตนะ
00:15:09 → 00:15:13 ครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั้งแต่การนอนครับ
00:15:13 → 00:15:17 การตื่นนอนตอนเช้าการกินอาหารนะครับควร
00:15:17 → 00:15:21 เลือกกินอย่างไรกินปริมาณเท่าไหร่ดีวิธี
00:15:21 → 00:15:24 กินกินยังไงอะไรเงี้ยกินกี่โมงดีหรือว่า
00:15:24 → 00:15:27 จะอดกินไปเลยดีมั้ยทำเป็น IS ไปเลยมั้ย
00:15:28 → 00:15:30 หรือยังไม่ดีอะไรอย่างเงี้ยครับทั้งหมด
00:15:30 → 00:15:32 ทั้งมวลเนี่ยถ้าเริ่มดูแลตัวเองได้เร็ว
00:15:33 → 00:15:36 เท่าไหร่ก็จะยิ่งได้กำไรมากขึ้นประมาณนี้
00:15:36 → 00:15:39 ครับถึงว่าถึงว่าสมมุติแบบเอารุ่นรุ่น
00:15:39 → 00:15:42 เดียวกันนะสมมุติเพื่อนเรานี่แะรุเพื่อน
00:15:42 → 00:15:45 รุ่นเดียวกับเราพี่หวัถ้าคนไหนที่แบบมี
00:15:45 → 00:15:48 การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอค่ะมีการกิน
00:15:48 → 00:15:54 ที่เขาเรียกว่าเป็นวินัยเฮ้ยทำไมเฮ้ทำไม
00:15:54 → 00:15:58 เราถึงดูเอ้ยดูอายุเพิ่มขึ้นจากเขามานิด
00:15:58 → 00:16:00 หน่อยเอาคนิดหน่อยพอดีกว่าเมื่อมื่อเวลา
00:16:00 → 00:16:03 ที่อเหมือนหลายๆคนตอนนี้ปีใหม่อาจจะมีนัด
00:16:03 → 00:16:06 เลี้ยงรุ่นเจอเพื่อนเก่าอะไรอย่างเงี้ย
00:16:06 → 00:16:09 เวลาไปอ่ะคุณผู้ฟังสังเกตนะคะว่าคนไหน
00:16:09 → 00:16:12 ผ่องคนหรือว่าเราเนี่ยผ่องกว่าเพื่อนคน
00:16:12 → 00:16:15 อื่นหรือเปล่าอ่าเราอาจจะหยิบยกทอปปิคที่
00:16:15 → 00:16:17 เราคุยกับคุณหมอในวันเนี้ยไปอ้าเพื่อนๆ
00:16:17 → 00:16:20 ลองฟังเรามีเ่อ YouTube ย้อนหลังได้ด้วย
00:16:20 → 00:16:22 นะอะไรอย่างเงี้ยค่ะเอ้ยแต่มีจริงๆนะคือ
00:16:22 → 00:16:25 ผมผมเจอเพื่อนเพื่อนรุ่นเดียวกันเนี่แหละ
00:16:25 → 00:16:28 ครับแล้วก็นัดเจอรวมรุ่นกันเออคนที่แบบ
00:16:28 → 00:16:31 เขามีเริ่มหันมาดูแลตัวเองดูแลเอ่อตัวเอง
00:16:31 → 00:16:34 ได้เรื่องของสุขภาพอาจจะมีเวชศาสตร์
00:16:34 → 00:16:36 ชราวัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้อันนี้
00:16:36 → 00:16:38 อันนี้อาจจะไม่ได้คุยรายละเอียดลึกๆแต่
00:16:38 → 00:16:40 เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งทั้งในเรื่องอย่าง
00:16:40 → 00:16:42 นี้ครับคุณหมอทั้งในเรื่องของการกินการ
00:16:42 → 00:16:45 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอพวกเนี้ยมัน
00:16:45 → 00:16:47 เกี่ยวเนื่องกับเวชศาสตร์ชะลอไว้ด้วยใช่
00:16:47 → 00:16:50 มั้ยฮะใช่ครับคือเอาตั้งแต่อย่างที่ผมบอก
00:16:50 → 00:16:53 นะครับถ้าเรามาว่าว่ากันถึงว่าเอ๊ะเคล็ด
00:16:53 → 00:16:57 ลับในการดูแลในฉบับอ่าเวชศาสตร์ชลวัย
00:16:57 → 00:16:59 เนี่ยว่ายังไงที่ทำให้เพเพื่อนเราดูเด็ก
00:16:59 → 00:17:02 หรือว่าดูอ่อนไวยอยู่ตลอดเวลาคงไม่ใช่
00:17:02 → 00:17:06 วิธีการที่บอกว่าไปซื้อครีมดีๆมาสัก
00:17:06 → 00:17:08 แบรนด์นึงหรือสักเซตนึงแล้วทาแล้วปุ๊บจะ
00:17:08 → 00:17:10 ดีขึ้นมาเลยอะไรอย่างงี้นะฮะมันก็คือ
00:17:10 → 00:17:13 เหมือนค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็
00:17:13 → 00:17:16 สร้างวินัยให้ตัวเองนะถ้าจะเริ่มกันตั้ง
00:17:16 → 00:17:20 แต่เรื่องการนอนเลยนะครับการนอนเนี่ยโดย
00:17:20 → 00:17:23 ปกติมันมีวิจัยออกมานะครับว่าถ้าใครที่
00:17:23 → 00:17:28 นอนน้อยกว่า 5 ชมงลงไปต่อวันนะครับน้อย
00:17:28 → 00:17:31 กว่านั้นนะฮะค่ะการนอนเองจะทำให้เกิด
00:17:31 → 00:17:35 กระบวนการสร้างอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้นอื
00:17:35 → 00:17:38 ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับการเป็นสารก่อ
00:17:38 → 00:17:41 มะเร็งเลยออเหรอฮะใช่ครับเพราะฉะนั้นหมาย
00:17:41 → 00:17:44 ความว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากบางคนก็
00:17:44 → 00:17:46 จะนอนเร็วนะครับโดยปกติเนี่ยฮอร์โมนที่
00:17:46 → 00:17:49 หลั่งออกมาเพื่อทำให้เรานอนได้ง่ายก็คือ
00:17:49 → 00:17:52 ฮอร์โมนเมลาโทนินใช่มั้ยครับหลังจาก
00:17:52 → 00:17:55 เมลาโทนินหลั่งปุ๊บเนี่ยเรานอนหลับสนิท
00:17:55 → 00:17:58 เนี่ยโกรทฮอร์โมนเราก็จะหลั่งดีอืนะครับโ
00:17:58 → 00:18:01 ฮอร์โมนเนี่ยหน้าที่ของมันก็คือจะเป็นตัว
00:18:01 → 00:18:03 ช่วยซ่อมแซมหรือฟื้นฟูเซลล์ต่างๆของเรา
00:18:04 → 00:18:06 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นน่ะนะครับหลังจาก
00:18:06 → 00:18:09 นั้นดึกๆหน่อยผ่านไปสัก 2:00 3:00 น
00:18:09 → 00:18:12 ไทรรอยด์ฮอร์โมนของเราก็จะเริ่มมีการ
00:18:12 → 00:18:15 ฟังก์ชันหรือการฟื้นฟูที่ดีขึ้นแล้วก็ไป
00:18:15 → 00:18:18 ถึงช่วงเช้านะครับช่วงประมาณ 4:00 5 น
00:18:18 → 00:18:21 เนี่ยเซ็กซ์ฮอร์โมนก็จะทำงานได้ดีขึ้น
00:18:21 → 00:18:23 ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายค่ะถ้าเกิดเรา
00:18:23 → 00:18:27 นอนดีนะครับนอนเพียงพอคุณผู้ชายเองก็จะ
00:18:27 → 00:18:30 รู้สึกได้เลยว่าตอนเช้าเนี่ยมันก็จะมี
00:18:30 → 00:18:33 สัญญาณอะไรบางอย่างที่บ่งบอกนะครับแต่
00:18:33 → 00:18:35 เมื่อไรก็ตามคุณผู้ชายที่ฟังอยู่ทางบ้าน
00:18:35 → 00:18:38 นะครับลองนอนแล้วตื่นเช้ามาเอ๊ะทำไมมัน
00:18:38 → 00:18:41 ไม่รู้สึกฟู่ฟ้าอะไรอย่างนี้เลยนะครับก็
00:18:41 → 00:18:44 อาจจะแสดงว่าเราอาจจะมีความเครียดในช่วง
00:18:44 → 00:18:48 ก่อนนอนค่อนข้างเยอะค่ะซึ่งกลุ่มฮอร์โมน
00:18:48 → 00:18:50 ที่เป็นฮอร์โมนความเครียดนะครับจะถูกหลัก
00:18:50 → 00:18:53 ออกมาก่อนนอนมากจนทำให้เราอาจจะมีปัญหา
00:18:53 → 00:18:56 เรื่องการนอนลำบากนอนยากหรือหัวถึงหมอน
00:18:56 → 00:18:59 แล้วอาจจะยังไม่หลับสนิทประมาณนี้ครับค่ะ
00:18:59 → 00:19:04 โอส่วนการกินค่ะการกินเนี่ยโอ้โหพูดกัน
00:19:04 → 00:19:07 ยาวเลยนะครับผมก็จะบอกว่าโดยหลักการแล้ว
00:19:07 → 00:19:12 เนี่ยให้เน้นโฟกัสไปที่การกินกลุ่มอ่ามัน
00:19:12 → 00:19:14 จะมี 3 กลุ่มใช่มั้ครับที่เป็นกลุ่มอาหาร
00:19:14 → 00:19:17 ที่ให้พลังงานเนาะก็จะมีทั้งโปรตีนมี
00:19:17 → 00:19:20 คาร์โบไฮเดรตแล้วก็ไขมันถูกมั้ยครับจริงๆ
00:19:20 → 00:19:23 หมอไม่ได้อยากให้งดตัวไหนเลยนะครับจริงๆ 3
00:19:23 → 00:19:25 ตัวนี้มีความสำคัญกับร่างกายทั้งหมดนะ
00:19:25 → 00:19:29 ครับเนาะถ้าจะบอกว่าอ่าโปรตีนเน้นโปรตีน
00:19:29 → 00:19:32 เยอะดียได้ครับเน้นโปรตีนให้เพียงพอกับ
00:19:32 → 00:19:35 ร่างกายนะครับโดยปกติก็จะประมาณสัก 1
00:19:35 → 00:19:38 กรัมต่อกิโลต่อวันนะครับเนาะอันนี้สำหรับ
00:19:38 → 00:19:41 คนทั่วๆไปนะครับยกเว้นว่าถ้ากรณีที่เรา
00:19:41 → 00:19:45 ออกกำลังกายหรือเน้นเท Training ยกเวท
00:19:45 → 00:19:47 เพิ่มกล้ามเนื้ออาจจะเพิ่มเป็น 1.5 อะไร
00:19:47 → 00:19:50 อย่างเงี้ยได้นะครับแหล่งโปรตีนที่มา
00:19:50 → 00:19:53 เนี่ยก็ต้องดูด้วยว่าเออโปรตีนที่เรากิน
00:19:53 → 00:19:56 เนี่ยปัจจุบันเนี่ยถ้าพยายามเลือกที่จะ
00:19:56 → 00:19:59 ไม่มีโคเลสเตอรอลได้ก็จะดีนะครับซึ่ง
00:19:59 → 00:20:02 แหล่งโปรตีนที่มีคอเลสเตอรอลน้อยส่วนใหญ่
00:20:02 → 00:20:05 ก็จะเป็นผู้กลุ่มที่มีไขมันแทรกน้อยนะ
00:20:05 → 00:20:07 ครับหรือให้เป็น Plant เบสโปรตีนไปเลยก็
00:20:07 → 00:20:11 ได้อนะครับเนานะฮะการกินโปรตีนจากพืชไป
00:20:11 → 00:20:14 เลยก็ได้นะครับค่ะถ้าเป็นอย่างกลุ่ม
00:20:14 → 00:20:17 คาร์โบไฮเดรตนะครับก็จะเน้นเป็นกลุ่มที่
00:20:17 → 00:20:21 ไม่กระตุ้นให้เกิดดัชนีน้ำตาลเพิ่มสูง
00:20:21 → 00:20:25 ขึ้นครับก็โดยปกติปกติคาร์โบไฮเดรตกลุ่ม
00:20:25 → 00:20:27 นั้นก็จะเป็นกลุ่มที่เป็นพวกธัญพืชหรือ
00:20:27 → 00:20:31 เป็นข้าวที่ไม่ขัดสีทำนองนี้นะครับเนาะจะ
00:20:31 → 00:20:34 กระตุ้นทำให้ดัีน้ำตาลขึ้นสูงน้อยนะครับ
00:20:34 → 00:20:38 ทำให้อ่าน้ำตาลไม่สูงเร็วไม่เสี่ยงต่อการ
00:20:38 → 00:20:43 เกิดภาวะการถูกทำลายของโปรตีนได้นะครับอ
00:20:43 → 00:20:46 ค่ะแล้วถ้าเป็นอย่างเลือกไขมันนะครับไข
00:20:46 → 00:20:48 มันจริงๆก็มีความจำเป็นกับร่างกายนะครับ
00:20:48 → 00:20:50 เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนโคเลสเตอรอล
00:20:50 → 00:20:54 ฮอร์โมนกลุ่มเ่อปหมวกไตหลายๆตัวนะครับ
00:20:54 → 00:20:58 ฮอร์โมนเพศอย่างเงี้ยครับจะต้องใช้ไขมัน
00:20:58 → 00:21:00 ในการเป็นตัวสารตั้งต้นของฮอร์โมนกลุ่ม
00:21:01 → 00:21:03 นี้ด้วยนะครับค่ะคือจริงๆถ้าเราไม่กินไข
00:21:03 → 00:21:05 มันเลยเนี่ยบางทีฮอร์โมนกลุ่มพวกนี้ก็จะ
00:21:05 → 00:21:09 ดรอปลงได้ด้วยนะครับออืเพราะฉะนั้นถ้าไข
00:21:09 → 00:21:13 มันแนะนำให้เลือกกลุ่มที่มีเอ่อเป็นไขมัน
00:21:13 → 00:21:15 ไม่อิ่มตัวนะครับไขมันไม่อิ่มตัวก็เช่น
00:21:15 → 00:21:19 อย่างน้ำมันกลุ่มโอเมก้า 3 โอเมก้า 9 ที่
00:21:19 → 00:21:23 เดี๋ยวนี้เขาฮิตกันนะครับกินฟิ Oil
00:21:23 → 00:21:27 อ๋อโอเมก้า 9 เดี๋ยวนะคะกลุ่มไหนเหรอคะ
00:21:27 → 00:21:31 อาจารย์ถ้าเป็นโอเมก 9 ก็จะเป็นจากพวกน้ำ
00:21:31 → 00:21:35 มันไรซแบรนด์เอ่อน้ำมันรำข้าวนะครับอ่า
00:21:35 → 00:21:39 อัลมอนนะครับแล้วก็พวกอะโวคาโดนะครับ
00:21:39 → 00:21:43 ทำนองนี้ครับอค่ะอันนี้เรามีจะมีพวกไขมัน
00:21:43 → 00:21:46 ค่ะมีเรื่องไขเอ่อการกินมาจากโปรตีน
00:21:46 → 00:21:50 คาร์โบไฮเดรตไขมันสอบถามถึงผลไม้กับเกลือ
00:21:50 → 00:21:54 แร่นิดนึงค่ะคุณหมอคะว่าเอ่อมีความจำเป็น
00:21:54 → 00:21:57 มากน้อยแค่ไหนต้องกินทุกวันมยหรือเกลือ
00:21:57 → 00:22:02 แร่เราต้องเอ่อเลือกยังไงหรือว่าต้องต้อง
00:22:02 → 00:22:06 เสริมมั้ยอะไรเงี้ยค่ะโอเครับผลไม้จริงๆ
00:22:06 → 00:22:11 เอ่อบางประเภทนะครับกินได้ครับกินได้แต่
00:22:11 → 00:22:13 ว่าอาจจะต้องพยายามเลี่ยงผลไม้กลุ่มที่
00:22:13 → 00:22:16 หวานมากๆหวานจัดๆเลยนะครับค่ะไม่ให้กิน
00:22:16 → 00:22:19 บ่อยเพราะว่า 1 นอกจากผลไม้มันจะมีน้ำตาล
00:22:19 → 00:22:21 ค่อนข้างสูงมันจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลใน
00:22:21 → 00:22:24 เลือดได้แล้วเนี่ยมันยังมีน้ำตาลพิเศษที่
00:22:24 → 00:22:27 เราเรียกว่าน้ำตาลฟรุกโตสครับตัวน้ำตาล
00:22:27 → 00:22:30 ฟรุกโตสเองเนี่ยเนี่ยมันจะเป็นสารตั้งต้น
00:22:30 → 00:22:32 ที่ทำให้ร่างกายเราผลิตยูริกเพิ่มขึ้น
00:22:33 → 00:22:35 ครับค่ะกรดยูริกเพิ่มขึ้นในคุณผู้ชายบาง
00:22:36 → 00:22:38 คนที่เสี่ยงต่อการมีกรดยูริกสูงอยู่แล้ว
00:22:38 → 00:22:41 อย่างเงี้ยครับถ้าเรากินผลไม้โดยเฉพาะ
00:22:41 → 00:22:44 ผลไม้หวานมากๆเนี่ยครับก็อาจจะมีผลทำให้
00:22:44 → 00:22:47 กระตุ้นการเกิดโรคเก๊าเพิ่มขึ้นได้ด้วย
00:22:47 → 00:22:51 ครับเหรอฮะแล้วนอกจากนี้ใช่ครับใช่นอกจาก
00:22:51 → 00:22:55 นี้เนี่ยตัวอ่าน้ำตาลที่มาจากผลไม้อ่ะถ้า
00:22:55 → 00:22:58 กินในปริมาณเยอะมากๆเนี่ยอาจจะเกิดการ
00:22:58 → 00:23:01 กระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันในช่องท้อง
00:23:01 → 00:23:04 หรือไขมันในตับได้ด้วยครับออโอ๊ถ้าอย่าง
00:23:04 → 00:23:08 งี้คือน้ำตาลจากผลไม้ร้ายพอกับน้ำตาลเอ่อ
00:23:08 → 00:23:11 น้ำตาลที่เรากินในน้ำชงอะไรเทียบเท่า
00:23:11 → 00:23:14 อย่างนั้นเลยหรอคะคุณหมอคือถ้าเป็นน้ำตาล
00:23:14 → 00:23:17 กลุ่มน้ำตาลทรายอ่ะครับมันก็จะเป็นน้ำตาล
00:23:17 → 00:23:21 โมเลกุลคู่ซึ่ง 1 ใน 2 โมเลกุลก็คือน้ำ
00:23:21 → 00:23:24 ตาลแบบเดียวกับน้ำตาลผลไม้ก็คือฟรุคโตส
00:23:24 → 00:23:27 นั่นเองครับออเป็นกลุ่มเดียวกันหมอถึงบอก
00:23:27 → 00:23:29 ว่าจริงๆแล้วเราสามารถกินได้เพราะว่า
00:23:29 → 00:23:32 ผลไม้มันยังมีวิตามินนะครับเนาะมีสารที่
00:23:32 → 00:23:35 เ่อช่วยบำรุงร่างกายแล้วะยังเป็นไฟเบอร์
00:23:35 → 00:23:38 ช่วยในการขับถ่ายที่ดีด้วยถ้าใครมีปัญหา
00:23:38 → 00:23:41 หลายๆอย่างเนี่ยสมมุติว่ามีปัญหาเรื่อง
00:23:41 → 00:23:43 การขับถ่ายอาจจะเลือกทานผลไม้ที่ไม่หวาน
00:23:43 → 00:23:46 มากนะมะละกอก็อาจจะเป็นมะละกอที่ไม่ได้
00:23:47 → 00:23:49 สุกฉ่ำเกินไปอะไรอย่างเงี้ยนะครับแล้วก็
00:23:49 → 00:23:53 อาจจะเป็นผลไม้กลุ่มที่เพิ่มเ้าเรียกว่า
00:23:53 → 00:23:56 ชนิน้ำตาลน้อยๆเช่นอย่างกลุ่มชมพูอย่าง
00:23:57 → 00:24:00 นี้ก็ได้หรือฝฝรั่งอย่างนี้ก็ได้ที่มีรส
00:24:00 → 00:24:03 ชาติที่ไม่หวานเกินไปแต่เน้นให้มีวิตามิน
00:24:03 → 00:24:06 แล้วก็มีไฟเบอร์เพิ่มขึ้นก็น่าจะพอสามารถ
00:24:06 → 00:24:09 ทานได้เหมือนกันครับเอ่อไม่ใช่ว่าเอ่อกิน
00:24:09 → 00:24:13 อะไรนะมะละกอสูกลำไยเข้าไปต่อด้วยลิ้นจี่
00:24:13 → 00:24:17 เงาะอะไรอย่างงี้นะก็ยังไม่มีราชานะมี
00:24:17 → 00:24:20 ทุเรียนเก็บไว้ที่มือ
00:24:20 → 00:24:26 ดึกเอออ๋อคือคือผลไม้เองเนี่ยถ้าถ้ากิน
00:24:26 → 00:24:28 เกินลิมิตจริงๆแล้วอ่ะมันก็
00:24:28 → 00:24:32 มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อต่อร่างกายของคน
00:24:32 → 00:24:36 เราได้ได้เช่นกันเหมือนกับอย่างว่านะคือ
00:24:36 → 00:24:40 มันอะไรที่มันเกินเกินเกินเกินพอดีมันก็
00:24:40 → 00:24:43 จะย่อมส่งอะไรบางอย่างกลับกลับมาสู่ร่าง
00:24:43 → 00:24:46 กายสะสมในร่างกายได้เหมือนกันอ๋อเพราะ
00:24:46 → 00:24:48 จริงๆน้ำตาลจากผลไม้อ่ะครับเป็นน้ำตาล
00:24:48 → 00:24:52 กลุ่มเดียวกันกับกลุ่มน้ำตาลจากน้ำอัดลม
00:24:52 → 00:24:56 เอ่าค่ะอ่าเป็นฟรุคโตสฟรุกโตสเหมือนกัน
00:24:56 → 00:25:00 ซึ่งข้อข้ออันตรายของตัวฟรุคโตสก็คือเวลา
00:25:00 → 00:25:02 เรากินน่ะเราจะรู้สึกเหมือนมันไม่อิ่ม
00:25:02 → 00:25:05 ครับมันจะกินได้เพลิดเพลินและกินได้ตลอด
00:25:05 → 00:25:08 ออหลายคนเนี่ยอออ่าใช่ครับหลายคนที่ซื้อ
00:25:08 → 00:25:10 มังคุดมา 1 กกเนี่ยนะครับ 1 กลกหมด
00:25:11 → 00:25:15 เกลี้ยงหมดเกลี้ยงได้เลยเนาเอใช่ๆๆเออ
00:25:15 → 00:25:17 จริงมีคนมีคนกินได้อย่างนั้นจริงๆนะ
00:25:18 → 00:25:20 เหมือนทุเรียนเหมือนกันทุเรียนครับถ้าแบบ
00:25:20 → 00:25:23 ไม่มีเอาจริงๆนะถ้าไม่มีข้อมูลทางการ
00:25:23 → 00:25:27 แพทย์มาบ่งบอกว่ามันกี่แคลอรี่อย่างเงี้
00:25:27 → 00:25:31 เหรอใช่โกินทั้งลูกเลยเหรอเชื่อผมเชื่อ
00:25:31 → 00:25:34 ว่ามีคนกินคนก็แบบผมก็คือมันอร่อยจริงๆ
00:25:34 → 00:25:37 อ่ะถ้าคนชอบชอบก็ต้องกินอร่อยก็คืออร่อยอ
00:25:37 → 00:25:40 นะแต่พอมีข้อมูลทางการแพทย์มามันก็ได้ย
00:25:40 → 00:25:44 เกิดการยักยับยั้งชั่งใจว่าควรจะกินได้
00:25:44 → 00:25:47 แต่พอดิบพอดีนะแต่จะจะบอกเลยว่าไม่กินเลย
00:25:47 → 00:25:51 เนี่ยมันแจงร้ายกับคนที่ชอบไปหน่อยใช่มั้
00:25:51 → 00:25:54 แล้วก็เราก็ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความ
00:25:54 → 00:25:56 สุขกับการใช้ชีวิตด้วยนะครับเพราะฉะนั้น
00:25:56 → 00:26:00 เราก็จะต้องพยายามเเรียกว่าเบนตรงกลางให้
00:26:00 → 00:26:02 ได้นะซึ่งการมีความสุขกับการใช้ชีวิตนี้
00:26:02 → 00:26:05 ก็เป็นส่วนหนึ่งในเวชศาสตร์ชะลอไว้ด้วย
00:26:05 → 00:26:07 นี่ใช่ครับเราให้ความสำคัญกับเรื่องของ
00:26:07 → 00:26:11 Quality of Life ด้วยครับค่ะอืครับก็
00:26:11 → 00:26:15 ไอ้ตัวอาจารย์บอกว่าเรื่องของการนอนก็
00:26:15 → 00:26:18 สำคัญแต่ว่าคือหลายๆคนก็มีปัญหากับการนอน
00:26:18 → 00:26:22 หลับค่ะแล้วก็อาจจะไปมีทางเลือกในการที่
00:26:23 → 00:26:25 เดี๋ยวเในตลาดมันเยอะอาจารย์เกี่ยวกับ
00:26:25 → 00:26:28 เรื่องของเอ่อเยลลี่ช่วยในการนอนหลับหรือ
00:26:28 → 00:26:32 ว่าที่มีอ่าที่มี
00:26:32 → 00:26:35 เมลาโทนินเข้ามาเสริมตรงเนี้ยค่ะมันใช่
00:26:35 → 00:26:39 ทางออกมั้ยหรือว่ามันเป็นตัวช่วยได้มหรือ
00:26:39 → 00:26:42 จริงๆแล้วต้องย้อนกลับไปที่การออกกำลัง
00:26:42 → 00:26:46 กายให้ร่างกายได้แบบเอ่อเหนื่อยหรือหรือ
00:26:46 → 00:26:48 ว่าหลังสารฮอร์โมนอะไรออกมาอย่างเงี้ยค่ะ
00:26:48 → 00:26:50 โอโอเคคือการนอนเนี่ยนะครับสมมุติว่าถ้า
00:26:50 → 00:26:52 เราตั้งตั้งเป้าว่าเราจะนอนไม่ดึกมาก
00:26:52 → 00:26:55 ประมาณสัก 22:00 นถึงไม่เกินเที่ยงคืนนะ
00:26:55 → 00:26:58 ครับสิ่งอันดับแรกเลยที่เราควรจะทำก็คือ
00:26:58 → 00:27:01 คือต้องพยายามไม่ทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่
00:27:01 → 00:27:03 กระตุ้นให้ฮอร์โมนกลุ่มความเครียดเนี่ย
00:27:03 → 00:27:07 หลั่งออกมาเยอะนะครับโดยปกติฮอร์โมนกลุ่ม
00:27:07 → 00:27:09 นี้คือเราเรียกว่าฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูก
00:27:09 → 00:27:12 หลั่งออกมาจากต่อมบกไตนะครับค่ะซึ่งโดย
00:27:12 → 00:27:14 ปกติแล้วแพทเทิร์นการหลังเนี่ยมันจะหลัง
00:27:14 → 00:27:17 มากในช่วงเช้าแล้วค่อยๆลดลงในช่วงเย็น
00:27:17 → 00:27:20 เพื่อสอดรับกับการที่เราจะได้นอนหลับสบาย
00:27:20 → 00:27:22 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีกิจกรรมอะไรที่มัน
00:27:22 → 00:27:25 ดูตื่นเต้นเป็นกิจกรรมที่อาจจะมีความ
00:27:25 → 00:27:29 เครียดมาปนด้วยก่อนนอนครับแบบนี้อาทำให้
00:27:29 → 00:27:32 โอกาสที่เราจะนอนหลับง่ายจะยากลงะอันที่ 2
00:27:32 → 00:27:35 ก็คือเรื่องการกินนะครับไม่แนะนำให้กิน
00:27:35 → 00:27:38 ก่อนนอนเลยทันทีเนื่องจากว่าระบบการย่อย
00:27:38 → 00:27:40 อาหารและการดูดซึมอาหารยังคงทำงานต่อ
00:27:40 → 00:27:43 เนื่องครับอจะทำงานต่อเนื่องไปประมาณ 3-4
00:27:43 → 00:27:46 ชมงครับถ้าเป็นไปได้ต้องดูเวลาว่าถ้า
00:27:46 → 00:27:49 สมมุติว่าเรากะจะนอนประมาณอ่า 22:00 น
00:27:49 → 00:27:52 เนี่ยต้องกินเต็มที่นึงก็คือประมาณ 6:00
00:27:52 → 00:27:55 นไม่เกิน 19 นครับค่ะนะครับซึ่งมันก็จะ
00:27:55 → 00:27:58 เป็นการกำหนดพฤติกรรมของการกินด้วยว่าเออ
00:27:58 → 00:28:01 เราจะกินไม่เลทเกินไปถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม
00:28:01 → 00:28:03 เรากิน 22:00 นนะครับแล้วจะนอน 23 น
00:28:03 → 00:28:07 เที่ยงคืนเนี่ยอาจจะนอนลำบากครับเพราะว่า
00:28:07 → 00:28:11 ลำไส้เรายังทำงานอยู่อืมันเหมือนมีการทำ
00:28:11 → 00:28:14 งานอยู่ก็ทำให้การแบบการนอนหลับมันเหมือน
00:28:14 → 00:28:17 ก็ตื่นตัวอยู่อ่ะเหมือนนักวิ่งอ่ะใช่ยัง
00:28:17 → 00:28:19 วิ่งอยู่ใครจะไปหลับกลางกลางการวิ่งได้
00:28:19 → 00:28:23 กลางสนามไม่ใช่่ไม่ใช่ตายกระเต่าที่นอน
00:28:23 → 00:28:26 หลับหัวใจเราก็จะเต้นเร็วขึ้นมันเหมือ
00:28:26 → 00:28:29 จริงๆช่วงเวลาที่เรานอนเนี่ยมันจะเป็น
00:28:29 → 00:28:32 ช่วงเวลาที่หัวใจเราจะเต้นช้านะครับเพื่อ
00:28:32 → 00:28:35 เราได้พักจริงๆแต่ถ้าเกิดหัวใจเต้นเร็ว
00:28:35 → 00:28:36 ยังดูเหมือนตื่นเต้นยัง Alert อยู่เลย
00:28:36 → 00:28:39 อย่างเงี้ยครับก็อาจจะทำให้สงผลต่อการนอน
00:28:39 → 00:28:43 ได้อวันคืนก่อนผมดูฟุตบอลดึกคุณคุณมอง
00:28:43 → 00:28:46 โอ้โหนี้ใช่มั้ยครับเชียร์เชียนี่มันก็
00:28:46 → 00:28:50 เพิ่มใช่มยใช่ใช่ครับยิ่งลุ้นยิ่งลุ้น
00:28:50 → 00:28:53 ยิ่งโอโหไปกันใหญ่เลยแสดงว่าพฤติกรรมของ
00:28:53 → 00:28:56 ตัวขวัญเองเนี่ยก็ไม่เหมาะสมเหมือนกันคือ
00:28:56 → 00:29:01 การดูซีรีสอออก่อนนอนมันใจฟูเหรอฮะแต่ถ้า
00:29:01 → 00:29:04 คุณขวัคุณหวัดูซีรีส์ที่เป็นแบบความรัก
00:29:04 → 00:29:09 แบบแฮปปี้อะไรอย่างเงี้ยด่าทำให้ให้ให้
00:29:09 → 00:29:12 คุณขวัญหลับสบายได้นะครับอโรแมนซ์เข้าไป
00:29:12 → 00:29:16 ถ้างั้นเราก็เลือกเรื่องที่จะดูใช่ครับ
00:29:16 → 00:29:20 เออเออไม่ใช่ดูหนังผีไม่ดูอะไรเออสยอง
00:29:20 → 00:29:24 ขวัญฆาตกรรมไม่ใช่อ่า
00:29:24 → 00:29:28 ใช่ว่าอแต่พี่ขวัญชอบน่าจะดูแนวแบบขบคิด
00:29:28 → 00:29:31 อ่ะซีรียส์แบบมีดราม่าเข้ามาสักนิดนึง
00:29:31 → 00:29:35 เอ่อสืบสวนสอบสวนแนวนั้นครับได้ทุกแนวแะ
00:29:35 → 00:29:37 แต่เลือกือเลือกเวลาดูแล้วกันถ้างั้นน่ะ
00:29:37 → 00:29:40 เนาะอ่าใช่ๆค่ะนี่ก็นนี่ก็เป็นเกล็ดเล็ก
00:29:40 → 00:29:43 เกร็ดน้อยในการที่เราจะพยายามเตรียมตัว
00:29:43 → 00:29:45 ให้นอนอีกสิ่งนึงก็คือที่สำคัญก็คือจัด
00:29:45 → 00:29:48 สิ่งแวดล้อมห้องอ่ะครับห้องนอนใช่มั้ยฮะ
00:29:48 → 00:29:51 ให้มืดสนิทแล้วก็ไม่มีเสียงรบกวนแล้วก็
00:29:51 → 00:29:55 พยายามเอาากลุ่มพวกสัญญาณ WiFi หรืออะไร
00:29:55 → 00:29:58 ก็ตามหรือแม้แต่มือถือของเราเนี่ยห่างจาก
00:29:58 → 00:30:00 ศีรษะของเราเนี่ยให้มากกว่า 1 เมตครับนะ
00:30:00 → 00:30:03 ครับเอื้อไม่ถึงยิ่งดีใช่ครับเพราะว่า
00:30:04 → 00:30:06 พรุ่งนี้มันจะมีโอกาสที่จะไปรบกวนคลื่นใน
00:30:06 → 00:30:10 สมองเราได้ด้วยอ๋อเออแต่เรื่องห้องมืด
00:30:10 → 00:30:13 หรือจัดเอ่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อภายในห้อง
00:30:13 → 00:30:15 นอนเนี่ยเออมีผลจริงๆนะเคยเคยเวลาเรา
00:30:15 → 00:30:18 เทียบกันนะพี่ขวัญคุณหมอเวลาเราไปโรงแรม
00:30:18 → 00:30:23 ดีๆอ่ะโรงแรมที่แบบเอ่อมีความกอมเออกลิ่น
00:30:23 → 00:30:27 1 กลิ่น 2 คือความมืดสว่างของม่านใชนะ
00:30:27 → 00:30:31 คือจะมี 2 ชันเออมันมันทำให้เราแบบบางวัน
00:30:31 → 00:30:35 บางครั้งอ่ะถ้านอนแบบไม่มีไม่มีการตั้ง
00:30:35 → 00:30:38 นาฬิกานะอือยาวไปอีกถึงก่อนเที่ยงหรือ
00:30:38 → 00:30:41 เที่ยงหรือหลังโอมันมันมันมันไม่รู้สึก
00:30:41 → 00:30:44 เลยว่ามันมันเวลามันกลางวันแล้วเข้ามา
00:30:44 → 00:30:45 แล้วอะไรอย่างเงี้ยนะครับแต่ถ้าเทียบกับ
00:30:45 → 00:30:48 ที่บ้านเรามันก็มีเรื่องของอะไรล่ะเอ่อ
00:30:48 → 00:30:51 พ้าม่านก็ไม่ได้แพงเท่าโรงแรมที่มันมี 2
00:30:51 → 00:30:53 ชั้นอย่างงั้นใช่มั้ย 2 ก็คือเสียงจ๊อก
00:30:53 → 00:30:57 แจ๊กแจแจข้างนอกในหมู่บ้านของเราเป็นตัว
00:30:57 → 00:31:00 ปลุกให้เราตื่นนอนได้ค่ะใช่ออนะครับ
00:31:00 → 00:31:04 เรื่องของระบบโดยเฉพาะในเรื่องของยิ่ง
00:31:04 → 00:31:06 อยู่บ้านเราเองเนี่ยไอ้ปลั๊กอ่ะมันอยู่
00:31:06 → 00:31:11 ใกล้ๆตัวเรามันสามารถยืดตัวเองมาใกล้ที่
00:31:11 → 00:31:14 นอนของเราให้เราจับเล่นสมาร์ตโฟน
00:31:14 → 00:31:17 สมาร์ทโฟนได้นะคุณหมอนะครับคุณผู้ฟังคุณ
00:31:17 → 00:31:20 ผู้ฟังที่บ้านนะครับลองกลับไปอ่าลอง
00:31:20 → 00:31:23 ปฏิบัติตามดูก็ได้นะครับถ้ากรณีที่หลายคน
00:31:23 → 00:31:26 แบบหลับไปคามือถือเลยอย่างเงี้ยถือไว้
00:31:26 → 00:31:28 ปุ๊บนอนหลับเอาไว้ข้างเตียงเอาไว้ข้าง
00:31:28 → 00:31:30 หมอนเลยอย่างเงี้ยครับลองปรับเอาไว้ตรง
00:31:30 → 00:31:33 ปลายเตียงหรือเอาไว้ตรงที่อื่นเลยคืนนั้น
00:31:33 → 00:31:35 เนี่ยเราจะรู้สึกว่าเรานอนหลับสบายขึ้นนะ
00:31:35 → 00:31:38 ครับออย่างที่คุณขวัญถามเรื่องเจลลี่นะ
00:31:38 → 00:31:41 เรื่องเนินใช่มั้ยครับจริงๆเนี่ยฮอร์โมน
00:31:41 → 00:31:43 ตัวนี้เนี่ยถ้าในเมืองไทยเนี่ยถือว่าเป็น
00:31:43 → 00:31:47 ยาเลยนะครับเนาะอถือว่าเป็นยานะครับแต่
00:31:47 → 00:31:49 ถ้าเป็นต่างประเทศเนี่ยจะเป็นลักษณะ
00:31:49 → 00:31:53 เหมือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็คือเป็นมนนะ
00:31:53 → 00:31:57 ครับเป็นมนซึ่งโดยปกติเราสามารถกินได้นะ
00:31:57 → 00:32:00 ครับแต่ว่าจำนวนโดสเนี่ยอาจจะต้องเริ่ม
00:32:00 → 00:32:04 ต้นจากโดสขนาดน้อยๆก่อนนะครับไม่ควรจะไม่
00:32:04 → 00:32:07 ควรจะใช้แบบเข้มข้นสูงหรือว่าขนาดเยอะ
00:32:07 → 00:32:09 เกินไปเพราะว่าจริงๆแล้วทุกอย่างมันก็จะ
00:32:09 → 00:32:13 มี 2 ด้านเสมอนะครับเราหวังผลช่วยในการ
00:32:13 → 00:32:16 นอนหลับแต่มันอาจจะมีผลข้างเคียงเช่นอาจ
00:32:16 → 00:32:19 จะทำให้เราสะดุ้งตื่นตอนกลางดึกเหงื่อแตก
00:32:19 → 00:32:22 ฟันร้ายซึ่งอาจจะเป็นผลข้างเคียงที่เกิด
00:32:22 → 00:32:25 ขึ้นก็ได้ลองดูว่าถ้าท่านไหนลองกินแล้วมี
00:32:25 → 00:32:28 อาการแบบนี้ก็แสดงว่าเรากินเกินขนาดไปนิด
00:32:28 → 00:32:33 นึงนะครับออืก็ถ้าถ้ากินแล้วมีอาการที่
00:32:33 → 00:32:36 คุณหมอกล่าวมาฝันร้ายหรือว่าหลับไม่สนิท
00:32:36 → 00:32:40 อย่างเงี้ยก็คือให้ลดเอ่อจำนวนใช่่ครับลด
00:32:40 → 00:32:44 ปริมาณลงลดปริมาณนะคะครับค่ะแต่ว่าถ้า
00:32:44 → 00:32:46 ทั้งนี้ทั้งนั้น
00:32:46 → 00:32:50 เอ่อกินแล้วก็ยังไม่หลับเนี่ยควรไปที่โรง
00:32:50 → 00:32:53 พยาบาลเลยมยหรือว่าไม่หลับขนาดไหนถึงต้อง
00:32:53 → 00:32:57 ปรึกษาแพทย์คะคุณหมอก็จริงๆการรอไม่หลับ
00:32:57 → 00:33:00 เนี่ยถ้าแค่วัน 2 วันเนี่ยมันอาจจะมีตัว
00:33:00 → 00:33:02 กระตุ้นน่ะอย่างที่ผมบอกคืออาจจะมีความ
00:33:03 → 00:33:08 กังวลใจมีความเครียดหรือมีสิ่งที่ค้างมา
00:33:08 → 00:33:11 ตั้งแต่จอนช่วงกลางวันแล้วทำให้ฮอร์โมน
00:33:11 → 00:33:13 เราหลั่งเยอะเกินไปฮอร์โมนความเครียดอ่ะ
00:33:13 → 00:33:17 นะครับมันเลยทำให้เรานอนไม่หลับอาจจะลอง
00:33:17 → 00:33:21 เป็นการใช้ลักษณะของการฟังเพลงนะครับเนาะ
00:33:21 → 00:33:24 ก็อาจจะช่วยปรับคลื่นสมองได้โดยเฉพาะเพลง
00:33:24 → 00:33:26 กลุ่มที่เป็น Alpha Wave นะครับคือโดย
00:33:26 → 00:33:29 ปกติแล้วสมองเราเนี่ยมันมีคลื่นสมอง Alpha
00:33:29 → 00:33:31 Wave เบต้า Wave อย่างนี้นะครับถ้าเป็น
00:33:31 → 00:33:35 Alpha Wave นี่จะเป็นคลื่นสมองที่พร้อม
00:33:35 → 00:33:38 กับการ cal Down ค่ะและพร้อมกับการ
00:33:38 → 00:33:40 resting ก็คือการพักนะครับเพราะฉะนั้น
00:33:40 → 00:33:42 เนี่ยอันนี้อาจจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งนะ
00:33:42 → 00:33:45 ครับแต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ตามเนี่ยต้อง
00:33:45 → 00:33:48 พยายามอ่าปล่อยวางเรื่องความกังวลใจของ
00:33:48 → 00:33:51 ตัวเองอันนั้นน่ะถือว่าเป็นปัจจัยหลักเลย
00:33:51 → 00:33:54 ที่ทำให้หลายคนมีปัญหาเรื่องการนอนอนะ
00:33:54 → 00:33:59 ครับนะค่ะอืก็เอเชิญพี่ก่อนค่ะกำลังจะถาม
00:33:59 → 00:34:03 คุณหมอเลยว่าเอ๊ะพอเรานอนไม่หลับนอนไม่ดี
00:34:03 → 00:34:08 บวกกับกินไม่ดีเนี่ยก็จะนำมาซึ่งเอ่อความ
00:34:08 → 00:34:12 อ้วนความเอ่อไม่แบบอุ้ยอ้ายอะไรอย่าง
00:34:12 → 00:34:14 เงี้ยใช่มั้ยคะคุณหมอเพราะว่าไม่เฟิร์ม
00:34:14 → 00:34:17 อะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าขวาทราบว่าคุณหมอ
00:34:17 → 00:34:19 มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการควบคุม
00:34:19 → 00:34:22 น้ำหนักด้วยอะไเงี้ยค่ะก็เลยจะอยากขอความ
00:34:22 → 00:34:25 รู้คุณหมอตรงนี้ว่าเอ๊ะเราจะมีวิธีการควบ
00:34:25 → 00:34:28 คุมน้ำหนักอย่างไรให้มันดีแล้วแล้วก็หลาย
00:34:28 → 00:34:31 คนค่ะพอเริ่มต้นปีใหม่ใกล้ๆปีใหม่แบบนี้
00:34:31 → 00:34:34 new year resolution ของฉันจะลดน้ำ
00:34:34 → 00:34:37 หนัก 5 กล 10 กว่าไปแต่ปลายปีเราก็เพิ่ม
00:34:37 → 00:34:41 ขึ้นมา 3 กอะไรเงี้ยค่ะคุณหมอครับก็จริงๆ
00:34:41 → 00:34:44 ถ้าเป็นเรื่องการลดน้ำหนักเนี่ยนะครับโดย
00:34:44 → 00:34:47 ปกติแล้วเนี่ยในสมัยก่อนนะครับเนาะค่ะคุณ
00:34:47 → 00:34:51 หมอก็จะบอกคนไข้ว่าอ้าวไปออกกำลังกายสิ
00:34:51 → 00:34:53 แล้วก็กินให้มันน้อยลงหน่อยน้ำหนักจะได้
00:34:54 → 00:34:57 ลดลงถูกมั้ยครับอันนี้มันเหมือนเป็นคำแนะ
00:34:57 → 00:35:00 นำแบกำปั้นทุบดินไปแล้วค่ะในปัจจุบันนี้
00:35:00 → 00:35:03 ครับมีการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ทางการ
00:35:03 → 00:35:07 แพทย์ว่าการที่เราจะควบคุมน้ำหนักและ
00:35:07 → 00:35:10 พยายามลดน้ำหนักได้นั้นไม่ใช่แค่เฉพาะ
00:35:10 → 00:35:13 เรื่องการกินน้อยหรือออกกำลังกายเท่านั้น
00:35:13 → 00:35:16 ครับค่ะแต่อาจจะต้องหาในเชิงเรื่องของ
00:35:16 → 00:35:20 เกี่ยวกับในสมองด้วยอืนะครับคำว่าในสมอง
00:35:20 → 00:35:22 นี่ไม่ได้หมายความว่าเพี้ยนเป็นโรคประสาท
00:35:22 → 00:35:25 อะไรหมายถึงสารเคมีในสมองเหรอคะใช่สาร
00:35:25 → 00:35:28 เคมีในสมองและสารสืบประสาทบางตัวอย่างที่
00:35:28 → 00:35:32 มีผลที่ผมเกริ่นไปช่วงแรกก็คือซีโรโทนินอ
00:35:32 → 00:35:35 นะครับที่ถูกสร้างจากลำไส้นะครับเพราะ
00:35:35 → 00:35:38 ฉะนั้นเนี่ยการดูแลเรื่องลดน้ำหนักเนี่ย
00:35:38 → 00:35:42 ถ้าจะให้เป็นไปตามคอนเซปที่ปกติผมจะดูแล
00:35:42 → 00:35:45 คนไข้ในในกลุ่มนี้อยู่แล้วเนี่ยก็คืออาจ
00:35:45 → 00:35:48 จะต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้
00:35:48 → 00:35:50 น้ำหนักเขาเกินเนี่ยเกิดจากอะไรได้บ้างผม
00:35:51 → 00:35:54 จะดูตั้งแต่เรื่องของไสลเลยว่าเป็นยังไง
00:35:54 → 00:35:56 นอนเป็นยังไงอย่างที่คุณขวัญบอกว่าการนอน
00:35:56 → 00:35:59 ผิดปกติเนี่ยมีผลเรืหนักแน่นอนเพราะร่าง
00:35:59 → 00:36:03 กายเราจะมีการเผาผลาญที่ลดลงอืซึ่งการเผา
00:36:03 → 00:36:06 ผลาญลดลงจากอะไรก็ลดลงจากฮอร์โมนที่มี
00:36:06 → 00:36:09 ความเพี้ยนไปหรือทำงานผิดปกติโดยเฉพาะ
00:36:09 → 00:36:12 กลุ่มฮอร์โมนไทรรอยด์นะครับและฮอร์โมน
00:36:12 → 00:36:14 เกี่ยวกับต่อมหมูกไต 2 ตัวนี้เป็นฮอร์โมน
00:36:14 → 00:36:18 ที่สำคัญมากที่จะมีผลเรื่องการใช้ไขมัน
00:36:18 → 00:36:22 เป็นพลังงานหรือสะสมไขมันเพิ่มเติมอืนะ
00:36:22 → 00:36:24 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเวลาเราดูแล้วว่าเอ้อ
00:36:24 → 00:36:27 คนนี้มีปัญหาเรื่องของการนอนอ่าให้ดู
00:36:27 → 00:36:32 โฟกัสไปเรื่องนี้หรือมีปัญหาว่าอยู่ดีๆ
00:36:32 → 00:36:36 กินเยอะอชอบกินตลอดเวลาครับกินมื้อนี้ยัง
00:36:36 → 00:36:38 ไม่ทันอิ่มเลยนึกถึงมื้อหน้าแล้วอะไรอย่า
00:36:38 → 00:36:41 เงี้อ่ะแล้วกินแบบกินได้เยอะแล้วมีความ
00:36:41 → 00:36:44 สุขกับการกินแสดงว่าไลฟ์สไตล์เขาเนี่ยอาจ
00:36:45 → 00:36:49 จะเป็นการชดเชยการการที่เรากินเพราะความ
00:36:49 → 00:36:53 เครียดก็ต้องไปดูว่าปัจจัยใดที่เราสามารถ
00:36:53 → 00:36:55 แก้ปัญหาเรื่องความเครียดเขได้บ้างเพราะ
00:36:55 → 00:36:57 เอาจริงๆนะครับความเครียดก็เป็นเป็นตัว
00:36:57 → 00:37:01 นึงที่ทำให้การเผาผลาญลดลงได้ด้วยอืนะ
00:37:01 → 00:37:04 ครับนะฮะนอกเหนือจากนี้แล้วเนี่ยอาจจะยัง
00:37:04 → 00:37:07 เป็นกลุ่มพวกที่เกี่ยวกับลำไส้โดยตรงที่
00:37:07 → 00:37:10 ผมบอกนะครับค่ะลำไส้เนี่ยจริงๆเป็นคำ
00:37:10 → 00:37:14 กล่าวที่หลายคนจะเริ่มเข้าใจแล้วว่ามัน
00:37:14 → 00:37:18 คือสมองที่ 2 ของร่างกายครับอย่างไรครับ
00:37:18 → 00:37:23 เพราะว่าตัวลำไส้เองนี่จะมีการทำงานโดย
00:37:23 → 00:37:27 เชื่อมโยงกับโปรไบโอติกครับอืคำว่าโบติก
00:37:27 → 00:37:30 ก็คือแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อสุขภาพครับถูก
00:37:30 → 00:37:33 มั้ยครับซึ่งมันจะช่วยในการที่จะหนึละ
00:37:33 → 00:37:37 ช่วยย่อยอาหารนะครับและช่วยสร้างสารที่
00:37:37 → 00:37:40 เราเรียกว่าโพสไบโอติกนะครับสารพวกกลุ่ม
00:37:40 → 00:37:42 fy Acid ต่างๆเนี่ยเข้าไปให้เป็นพลัง
00:37:43 → 00:37:46 งานกับเซลล์ในลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้นและ
00:37:46 → 00:37:49 ยังสร้างสารแฮปี้ฮอร์โมนตัวนี้ด้วยครับ
00:37:49 → 00:37:52 ซีโรโทนินซึ่งเซโรโทนินนอกจากจะทำให้เรา
00:37:52 → 00:37:56 มีความสุขแล้วเนี่ยมันยังทำให้เรารู้สึก
00:37:56 → 00:37:59 กินแล้วอิ่มไวขึ้นและหิวน้อยลงด้วยนั่น
00:37:59 → 00:38:03 เองครับเพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถดูแลลำไส้
00:38:03 → 00:38:06 เราให้ดีแล้วสามารถที่จะทำให้ระบบ
00:38:06 → 00:38:09 ฟังก์ชันต่างๆในลำไส้เนี่ยดีก็จะส่งผลทำ
00:38:09 → 00:38:12 ให้ความรู้สึกหิวน้อยลงด้วยในคนไข้บางคน
00:38:12 → 00:38:16 ที่มีปัญหาเรื่องการหิวค่ะนะครับเนาะอัน
00:38:16 → 00:38:17 นี้คือเป็นการตรวจที่อาจจะต้องมีราย
00:38:17 → 00:38:20 ละเอียดเชิงลึกเข้ามาด้วยนะครับนอกเหนือ
00:38:20 → 00:38:23 จากนั้นนะครับก็อาจจะมีคำแนะนำอย่างเช่น
00:38:23 → 00:38:27 การกินนะครับโดยเฉพาะการทำ intermittent
00:38:27 → 00:38:27 Fast
00:38:28 → 00:38:31 หรือการทำไอืนะครับซึ่งโดยปกติทุกวัน
00:38:31 → 00:38:34 เนี้ยก็เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะการลดน้ำ
00:38:34 → 00:38:37 หนักในช่วงแรกครับค่ะเพราะว่าไม่ใช่แค่จะ
00:38:37 → 00:38:39 ลดน้ำหนักได้อย่างเดียวแต่ยังเป็นการ
00:38:39 → 00:38:42 กระตุ้นให้ยีนที่ดูแลเรื่องของ Anti
00:38:42 → 00:38:45 aging เฟคได้เนี่ยครับทำงานเหมือนเป็น
00:38:45 → 00:38:48 การกระตุ้นให้มีการเปิดยีนตัวนี้ด้วยอืพอ
00:38:48 → 00:38:50 ยีนตัวเนี้ในเซลล์เราเนี่ยเกิดการกระตุ้น
00:38:50 → 00:38:53 ให้เปิดปุ๊บเนี่ยเซลล์เราก็จะเกิดความ
00:38:53 → 00:38:56 ชะลอไวก็คือทำให้เซลล์เสื่อมช้าลงได้ด้วย
00:38:56 → 00:38:58 กลับมาที่เซเของร่างกายทั้งหมดได้อีกด้วย
00:38:59 → 00:39:01 นั่นคือ benefit ที่บอกว่าถ้าเมื่อไหร่ก็
00:39:01 → 00:39:04 ตามที่เราสามารถดูแลรน้ำหนักได้ดีก็จะทำ
00:39:04 → 00:39:08 ให้เราแก่ช้าลงได้ด้วยอ่ะครับอืค่ะโอถ้า
00:39:08 → 00:39:12 คนไหนร่างกายสมส่วนค่า BMI ไม่เกินดัชนี
00:39:12 → 00:39:16 มวลกายไม่เกินอย่างเงี้ยแสดงว่าเขาก็อาจ
00:39:16 → 00:39:20 จะดูสดใสกว่าคนวัยเดียวกันดูสระดูหนุ่ม
00:39:20 → 00:39:23 สาวกว่าคนวัยเดียวกันถูกต้องมั้ยคะคุณหมอ
00:39:23 → 00:39:27 ใช่เลยครับใช่เลยครับถูกต้องค่ะโอ้อันนี้
00:39:27 → 00:39:31 ก็ต้องกลับไปทบทวนดูกันนะคะว่าคนไหนเนี่ย
00:39:31 → 00:39:35 เอ่อต้องไปนอนให้ดีควบคุมน้ำหนักอ่าหลายๆ
00:39:35 → 00:39:38 คนก็ต้องออาจจะเป็น new year resolution
00:39:38 → 00:39:42 แล้วกันอ่าๆๆๆใช่ใช่มีคุณผู้ฟังสอบถามมา
00:39:42 → 00:39:46 ค่ะคุณหมอว่าเอ๊ะทำยังไงผมถึงจะไม่หงอก
00:39:46 → 00:39:48 อันนี้มันเป็นความเสื่อมอย่างหนึ่งของ
00:39:48 → 00:39:52 ร่างกายแล้วก็กเอ่อกรณีที่คุณหมอบอกว่า
00:39:52 → 00:39:55 ให้ฟังตัวของ Alpha Wave ใช่มั้ยคะที่จะ
00:39:55 → 00:39:59 ทำให้ช่วยในการนอนหลับได้ได้ดีขึ้นเนี่ย
00:39:59 → 00:40:02 ฟังฟังธรรมะได้มั้ยอย่างเงี้ยค่ะขึ้นแฟ
00:40:02 → 00:40:05 ได้ครับได้เช่นเดียวกันครับโดยปกตินะครับ
00:40:05 → 00:40:08 คืออันนี้เดี๋ยวขออนุญาตตอบเรื่อง alpa
00:40:08 → 00:40:10 Wave ก่อนนะครับเนาะโดยปกติเรื่องธรรมะ
00:40:10 → 00:40:13 หรือการสวดมนต์น่ะนะครับธรรมะเนี่ยถือว่า
00:40:13 → 00:40:16 เป็นการกระตุ้นให้อ่าคลื่นสมองเราเปลี่ยน
00:40:16 → 00:40:18 เป็น Alpha Wave ได้เช่นเดียวกันนะครับ
00:40:18 → 00:40:21 โดยโดยส่วนตัวนะครับผมเป็นคนที่สวดมนต์
00:40:21 → 00:40:23 ก่อนนอนตลอดนะแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรา
00:40:23 → 00:40:26 จะสวดแบบนั่งสวดหรือนอนสวดนะครับแต่ถ้า
00:40:26 → 00:40:29 เมื่อไหร่ผมผมนอนสูดแล้วปิดไฟฟนอนนะผมจะ
00:40:29 → 00:40:33 สูดไม่จบครับแล้วเราก็จะหลับไปเลยค่ะซึ่ง
00:40:33 → 00:40:35 บางทีก็ฟังดูเหมือนตลกอ่ะนะครับแต่ว่า
00:40:35 → 00:40:38 จริงๆมันเป็นเรื่องที่ถ้าถ้าถ้าคุณผู้ฟัง
00:40:38 → 00:40:42 ลองลองไปปฏิบัติดูนะครับมันอาจจะพอช่วยทำ
00:40:42 → 00:40:46 ให้เราสามารถเปลี่ยนคลื่นในสมองเราได้ค่ะ
00:40:46 → 00:40:48 ส่วนเรื่องการที่ทำให้ผมหงอกหรือไม่หงอก
00:40:48 → 00:40:51 นี่จริงๆมันมีหลายปัจจัยครับมันไม่ได้
00:40:51 → 00:40:54 เกี่ยวกับคือแค่ความเสื่อมของตัวเซลล์
00:40:54 → 00:40:56 เม็ดสีที่อยู่ในเส้นผมนะครับมันอาจจะ
00:40:56 → 00:40:59 เกี่ยวกับเรืื่องของธุกรรมด้วยอ๋อครับอ๋
00:40:59 → 00:41:02 ค่ะอ่าฮะอืเออเพราะว่าหลายๆคนในบรรดา
00:41:02 → 00:41:04 เพื่อนรุ่นเดียวกับขวัญนะคะคุณหมอตอนนี้
00:41:04 → 00:41:07 ก็ผมเป็นสีดอกเหลอยู่เหมือนกันเขาไปทำ
00:41:07 → 00:41:12 ไฮไลท์มารือเปล่าออเเค้าเค้าเไปไปไปทำ
00:41:12 → 00:41:17 เรียงเส้นเลยเป็นเฉดเลยเอออนี้ก็ราคาไม่
00:41:17 → 00:41:20 ต้องเสียราคาด้วยนะฟรีธรรมชาติทำให้อื
00:41:20 → 00:41:23 ครับค่ะก็อาจจะเป็นด้วยพันธุกรรมส่วน
00:41:23 → 00:41:25 หนึ่งส่วนใหญ่เลยพันธุกรรมส่วนส่วนใหญ่
00:41:25 → 00:41:28 เลยครับแล้วก็แล้วก็
00:41:28 → 00:41:31 อ่าแต่ว่าถ้าเกิดเมื่อไหร่ก็ตามที่เา้า
00:41:31 → 00:41:34 ยังผมหงอกอยู่แต่ว่าหน้าเ้าไม่ได้มีปัญหา
00:41:34 → 00:41:37 แบบเรื่องริ้วรอยหรืออะไรพวกนี้ก็แสดงว่า
00:41:37 → 00:41:38 จริงๆแล้วอันนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ
00:41:38 → 00:41:41 พันธกรรมพันธกรรมโดยตรงครับออ๋อแต่ถ้า
00:41:41 → 00:41:46 หงอกแล้วมีแบบผิวต่อต่อยต่อต่อยอมันมัน
00:41:46 → 00:41:48 เป็นความเชื่อหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้
00:41:48 → 00:41:52 เลยอันนี้ไม่มีข้อมูลเลยค่ะเพราะว่าคน
00:41:52 → 00:41:55 โบรัมโบราณหรือว่าเอ่อญาตินี่แหละญาติผู้
00:41:55 → 00:41:58 ใหญ่ก็บอกว่าโอ๊ตรงเนี้ยโดนต่อต่อยมาเป็น
00:41:58 → 00:42:01 หงอกอยู่เนี่ยกกระจุกเนี้ยอย่างเดียวเลย
00:42:01 → 00:42:03 อันนี้ก็ไม่ไม่มีข้อมูลเหมือนกันต่อไหน
00:42:03 → 00:42:07 ไม่รู้เจะมีความเชื่อกันว่าอ่าตัวดัชนี
00:42:07 → 00:42:11 ชี้วัดความแก่เนี่ยก็ขึ้นอยู่กับสีผมด้ว
00:42:11 → 00:42:13 แต่ปัจจุบันนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่แล้ว
00:42:13 → 00:42:16 เพราะว่าวัยรุ่นทุกวันนี้พยายามอยากจะทำ
00:42:16 → 00:42:17 สีให้เป็นสีดอก
00:42:17 → 00:42:22 เรากันเยอะแยะแล้วนะเออเออก็ไม่ได้บ่งบอก
00:42:22 → 00:42:25 ว่าคืออายุเยอะหรือเปล่าแต่ว่าอยู่ที่
00:42:25 → 00:42:29 หลายๆอย่างรวมกันผิวพรรณความสดใสจิตใจที่
00:42:29 → 00:42:34 มีความสุขใช่อือีกท่านนึงค่ะคุณไอซ Coffee
00:42:34 → 00:42:37 ถามมาว่าเอ่อถ้าเป็นผลไม้ในโมดแก้วมังกร
00:42:37 → 00:42:42 แอปเปิ้ลเนี่ยเอ่อมีน้ำตาลเยอะมั้ยเอ่อ
00:42:42 → 00:42:44 ทานแล้วมันโอเคมั้ยกับสุขภาพขวัญก็เลยสอบ
00:42:44 → 00:42:48 ถามไปว่าคุณไอซเนี่ยเป็นเ่อมีภาวะเป็นเบา
00:42:48 → 00:42:51 หวานหรือเปล่าคุณไอซบอกว่าไม่ได้เป็นค่ะ
00:42:51 → 00:42:54 ครับสามารถทานได้ครับแก้วมังกรก็จะมีสาร
00:42:54 → 00:42:57 แอนตี้ออกซินหรือสารต้านอมูลสระที่ที่ดี
00:42:57 → 00:43:00 นะครับในขณะที่ตัวแก้วมังกรรสชาติก็จะไม่
00:43:00 → 00:43:02 ได้หวานมากแล้วมีหวานอมเปรี้ยวแล้วก็มี
00:43:02 → 00:43:04 ไฟเบอร์สูงด้วยนะครับตัวนี้ก็ถือว่าทาน
00:43:04 → 00:43:08 ได้ถ้าเป็นอย่างอีกตัวนึงก็คือตัวอะไรนะ
00:43:08 → 00:43:11 ครับตัวเอ่อมีแอปเปิลกับแก้วมะกรค่ะครับ
00:43:11 → 00:43:14 ตัวแอปเปิลนี่ข้อดีของแอปเปิ้ลก็คืออ่าจะ
00:43:14 → 00:43:18 เป็นตัวที่เราเรียกว่ามีสารต้านอนุมูล
00:43:18 → 00:43:22 อิสระแล้วก็นอกจากนั้นยังมีไฟเบอร์ที่
00:43:22 → 00:43:25 เป็นอาหารของโปรไบโอติกที่เราเรียกว่า
00:43:25 → 00:43:29 พรีไบโอติกด้วยอนะฮะแล้วก็มีกุ่มไฟเบอร์
00:43:29 → 00:43:32 ที่ช่วยย่อยได้ดีที่เราเรียกว่านอยู่ใน
00:43:32 → 00:43:35 ตัวแิด้วยแล้วก็ยังมีพวกเกลือแร่อื่นๆอีก
00:43:35 → 00:43:38 หลายๆตัวที่ช่วยในเรื่องของการทำให้
00:43:38 → 00:43:42 อินซูลินทำงานได้ดีขึ้นด้วยนะครับอคือถ้า
00:43:42 → 00:43:44 เป็นคนใข้กลุ่มเบาหวานในการกินแอปเปิ้ล
00:43:44 → 00:43:48 สักลูกนึงก็คงไม่ไม่ไม่น่าจะมีผลมากค่ะ
00:43:48 → 00:43:51 แต่โอเคคุณไอซไม่ได้เป็นเบาหวานนะคะแต่พอ
00:43:51 → 00:43:54 พูดถึงแอปเปิลขวันึกถึงแอปเปิลไซเดอร์ค่ะ
00:43:54 → 00:43:59 คุณหมออตอนเนี้หลายๆคนที่เอ่อดูแลสุขภาพ
00:43:59 → 00:44:02 มักจะหันมาเลือกแอปเปิลไซเดอร์เป็นอีก
00:44:02 → 00:44:05 ช่องทางนึงในการดูแลสุขภาพของเขาด้วยตรง
00:44:05 → 00:44:09 นี้คุณหมอมีข้อแนะนำยังไงมั้ยคะคือจริงๆ
00:44:09 → 00:44:12 Apple ไอร์นี่มีข้อดีเยอะนะครับเนาะค่ะ
00:44:12 → 00:44:14 เป็นเป็นตัวที่ 1 เนื่องจากว่ามันมีตัว
00:44:14 → 00:44:19 อิิ Acid สูงนะครับตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่
00:44:19 → 00:44:22 ทำให้เกิดกระบวนการช่วยปรับสมดุลได้และ
00:44:22 → 00:44:25 ช่วยทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้นนะครับแล้วก็
00:44:25 → 00:44:28 ช่วยลดคู้ไขมันเกาะตับได้ด้วยนะครับนอก
00:44:28 → 00:44:30 จากนี้เนี่ยเวลาเรากินเข้าไปเนี่ย
00:44:30 → 00:44:32 แบคทีเรียที่มันไม่ดีในลำไส้เนี่ยตัว
00:44:32 → 00:44:36 Apple เเอร์ก็จะช่วยในการกำจัดแบคทีเรีย
00:44:36 → 00:44:39 บางส่วนที่ดีที่ไม่ดีออกได้ด้วยนะครับ
00:44:39 → 00:44:42 เนาะแล้วยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลนะครับ
00:44:42 → 00:44:46 คนไข้กลุ่มที่เป็นเบาหวานเนี่ยก็น่าจะพอ
00:44:46 → 00:44:49 ทานได้ในปริมาณที่ไม่ได้สูงเกินไปนะครับ
00:44:50 → 00:44:53 เนาะออันนี้มันมีเปอร์มีวิจัยออกมาแล้วนะ
00:44:53 → 00:44:56 ครับว่าสามารถช่วยควบคุมกลุ่ม community
00:44:56 → 00:44:59 ในลำไส้ได้ดีและส่งผลทำให้เบาหวานดีขึ้น
00:44:59 → 00:45:02 แล้วก็เรื่องการควบคุมน้ำหนักก็สามารถ
00:45:02 → 00:45:06 ช่วยได้เช่นเดียวกันครับค่ะอืก็อันนี้ก็
00:45:06 → 00:45:09 เป็นอีกช่องทางนึงสำหรับคนที่เลือกควบคุม
00:45:09 → 00:45:12 น้ำหนักแล้วก็เ่อควบคุมน้ำตาลนะคะสำหรับ
00:45:12 → 00:45:16 แอปเปิลไซเดอร์มีคุณประชิตค่ะสอบถามมา
00:45:16 → 00:45:20 เกี่ยวกับเอ่อโปรไบโอติกค่ะว่าเอ่อถ้า
00:45:20 → 00:45:24 ระบบขับถ่ายเนี่ยของเราเนี่ยยังปกติอยู่
00:45:24 → 00:45:28 แต่ว่าอยากมีสุขภาพที่ดีดีดีไปกว่าเนี้ย
00:45:28 → 00:45:32 เออซื้อพวกโปรไบโอติกมาเสริมได้ไหรือว่า
00:45:32 → 00:45:36 มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะโอเคคือโปรไบโอติก
00:45:36 → 00:45:39 นี่นะครับหลักการในการคือทุกคนสามารถกิน
00:45:39 → 00:45:43 ได้ครับนะครับหลักการในการกินมีอยู่ 2
00:45:43 → 00:45:46 ประเด็นคืออันที่ 1 นะครับคือเลือกที่
00:45:46 → 00:45:49 ความหลากหลายของสายพันธุ์ของโปรไบโอติกนะ
00:45:49 → 00:45:52 ครับยิ่งยิมีความหลากหลายเท่าไหร่ยิ่งดี
00:45:52 → 00:45:56 นะครับอันที่ 2 คือเลือกที่จำนวนปริมาณ
00:45:56 → 00:45:59 ยูนิตก็คือจำนวนตัวมัน่ะครับว่ามีมีเยอะ
00:45:59 → 00:46:02 ไมถ้ายิ่งเยอะก็จะยิ่งดีแต่ไม่ได้ว่า
00:46:02 → 00:46:05 โอ้โหเยอะเกินจนแบบ recom แต่ละวันเขาให้
00:46:05 → 00:46:07 กินเม็ดนึงแต่ดันไปกิน 5 เม็ดอะไรอย่าง
00:46:07 → 00:46:09 เงี้ก็คงไม่ได้นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยดู
00:46:09 → 00:46:12 ที่ความหลากหลายของสายพันธุ์ถ้าในกรณีที่
00:46:12 → 00:46:15 คนที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพนะครับเนาะค่ะ
00:46:15 → 00:46:18 แต่ถ้ากรณีที่คนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
00:46:18 → 00:46:21 เนี่ยก็อาจจะต้องขออนุญาตว่าอาจจะมีการ
00:46:21 → 00:46:25 ตรวจในเชิง functional Medicine ก่อนก็
00:46:25 → 00:46:29 คือเชิงหาสสาเหตุก่อนนะครับว่าในลำไส้ของ
00:46:29 → 00:46:32 เราเนี่ยมันจะมีแนวโน้มการที่มี
00:46:32 → 00:46:35 จุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติไหมครับนะครับ
00:46:35 → 00:46:38 เนาะเราเรียกว่าภาวะ dis biosis ครับ
00:46:38 → 00:46:41 หรือภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุลอนะ
00:46:41 → 00:46:44 ครับซึ่งภาวะนี้เราตรวจได้นะครับซึ่งการ
00:46:44 → 00:46:48 ตรวจจะเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่าเราควร
00:46:48 → 00:46:52 ที่จะเติมหรือลดโปรไบโอติกกลุ่มไหนครับนะ
00:46:52 → 00:46:55 ครับจริงๆแล้วมันจะมีการตรวจเชิงลึกที่
00:46:55 → 00:46:58 เราเรียกว่าการตรวจเ่ออุจจาระนะครับซึ่ง
00:46:58 → 00:47:01 เราสามารถบอกได้เลยว่าสายพันธุ์ที่เกิด
00:47:01 → 00:47:03 ขึ้นจากอุจจาระที่เราไปตรวจเนี่ยมีอะไร
00:47:03 → 00:47:07 บ้างอแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เราอยากจะได้
00:47:07 → 00:47:10 benefit เช่นอยากลดน้ำหนักเราก็จะเน้น
00:47:11 → 00:47:14 ว่าสายพันธุ์กลุ่มเนี้ยจะได้ benefit
00:47:14 → 00:47:16 เรื่องลดน้ำหนักค่ะถ้าอยากเน้นเรื่องภูมิ
00:47:16 → 00:47:18 คุ้มกันก็จะเป็นสายพันธุ์อีกกลุ่มนึง
00:47:18 → 00:47:21 อย่างเงี้ยครับอาจจะประมาณ 10 ตัว 20 ตัว
00:47:22 → 00:47:25 อันเนี้ยก็แล้วแต่ว่าผลตรวจออกมาเป็นแบบ
00:47:25 → 00:47:28 ไหนแล้วเราก็จะทำการ Personal Life ก็
00:47:28 → 00:47:32 คือเน้นเฉพาะบุคคลไปเลยอืค่ะนะครับเพราะ
00:47:32 → 00:47:34 ว่ากลุ่มพวกนี้ครับมันมีเค้าเรียกว่าเป็น
00:47:34 → 00:47:37 ลักษณะของการดูแลสุขภาพแบบเเดอยู่นะครับ
00:47:37 → 00:47:42 ค่ะอืคุณประชิตถามมาเพิ่มเติมค่ะว่าตัว
00:47:42 → 00:47:45 พวกโปรไบโอติกเนี่ยผู้สูงอายุเนี่ยรับ
00:47:45 → 00:47:49 ประทานได้หรือเปล่าคะอ่าผู้สูงอายุนี้ก็
00:47:49 → 00:47:52 ต้องดูิว่าถ้าเกิดไม่ได้เป็นโรคอ่ารุนแรง
00:47:52 → 00:47:55 เกี่ยวกับลำไส้นะครับแล้วก็เอ่อมีโรค
00:47:55 → 00:47:58 เรื้อรังธรรมดาททั่วไปเช่นเบาหวานหัวใจ
00:47:58 → 00:48:00 ความดันอะไรอย่างเงี้ยสามารถทานได้ครับอื
00:48:00 → 00:48:03 ทานได้เลยครับอือมันได้มีข้อห้ามอะไรมาก
00:48:04 → 00:48:06 มากมายใช่มั้ยคุณหมอเออแต่เพียงแต่ต้องดู
00:48:06 → 00:48:11 ต้องอย่าอย่าตะบี้ตะบันกินจนแบบเกินเกิน
00:48:11 → 00:48:14 ความต้องการประมาณที่กำหนดด้วยอืใช่ครับ
00:48:14 → 00:48:17 เพราะว่าทุกวันเนี้ยนอกจากโปรไบโอติกที่
00:48:17 → 00:48:20 หลายท่านหาซื้อเสริมทานเองเนี่ยก็จะยังมี
00:48:20 → 00:48:24 โปรไบโอติกที่เป็น Natural บิด้วยนะครับ
00:48:24 → 00:48:27 อืก็อย่างเนโยเกิด
00:48:27 → 00:48:33 พนัตในกิมจิในเท้อะไรพวกเครับซึ่งก็จะมี
00:48:33 → 00:48:35 โปรไบโอติกอยู่นะครับเราสามารถเลือกได้
00:48:35 → 00:48:38 ว่าถ้าใครไม่สะดวกซื้อก็รับประทานพุ่งนี้
00:48:38 → 00:48:43 ก็น่าจะพอช่วยได้ด้วยอืครับเอ่อตอนนี้ถ้า
00:48:43 → 00:48:47 ถ้าใครเริ่มสนใจเวชศาสตร์ชะลอวัยเอ่อควร
00:48:47 → 00:48:51 จะเริ่มอย่างไรอดีคุณหมอเริ่มจากอย่างไร
00:48:51 → 00:48:55 เป็นลำดับแรกก่อน 2 ลำดับถัดไปเริ่มจาก
00:48:55 → 00:48:59 ตรงไหนดีแล้วก็เอ่อขยับไปจนถึงปลายทาง่ะ
00:48:59 → 00:49:03 มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างคุณบอกครับคือหมาย
00:49:03 → 00:49:06 ถึงสนใจนี่หมายถึงสนใจศึกษาข้อมเริ่มมาสน
00:49:06 → 00:49:08 ใจที่จะปฏิบัติใชสนใจที่จะปฏิบัติเลยครับ
00:49:09 → 00:49:12 คุณคุณหมอโอเคจริงๆเริ่มได้จากพฤติกรรม
00:49:12 → 00:49:15 การใช้ชีวิตเลยครับอก็คือเริ่มจากการทำ
00:49:15 → 00:49:18 Lifestyle modification เลยแต่งอาหาร
00:49:18 → 00:49:21 ก่อนเลยนะครับเนาวิธีการทานอาหารนะครับ
00:49:21 → 00:49:24 เนาะอ่าอย่างที่ได้บอกไปนะครับอันที่ 2
00:49:24 → 00:49:28 ก็คือเริ่มจากการเ่อนอนนะครับพักผ่อนให้
00:49:29 → 00:49:32 เพียงพอนะครับแล้วก็มีเรื่องการลดความ
00:49:32 → 00:49:36 เครียดอืค่ะเพราะว่าความเครียดคนเราเนี่ย
00:49:36 → 00:49:39 มันไม่ได้เครียดเฉพาะจิตใจนะครับมันมี
00:49:39 → 00:49:42 ความเครียดที่อยู่ในเกิดจากร่างกายด้วย
00:49:42 → 00:49:44 แล้วยังมีความเครียดที่เกิดจากการรับ
00:49:44 → 00:49:46 อนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย
00:49:46 → 00:49:49 อเพราะฉะนั้นผมกำลังจะเชื่อมโยงไปว่าถ้า
00:49:49 → 00:49:51 เราไม่อยากให้ร่างกายเราเครียดเราอาจจะ
00:49:51 → 00:49:53 ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วยอืครับ
00:49:53 → 00:49:56 สิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นถ้ามี PM 2.5 แบบ
00:49:56 → 00:49:59 เนี้ยถือว่ามีมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีมันจะ
00:49:59 → 00:50:01 เกิดภาวะความเครียดในร่างกายแน่นอนนะครับ
00:50:02 → 00:50:05 อาจจะต้องป้องกันตัวเองจากมลพิษทางอากาศ
00:50:05 → 00:50:08 หรือสิ่งแวดล้อมในการทำงานอนะครับแล้วก็
00:50:08 → 00:50:11 การปรับ mindset หรือ spiritual คือความ
00:50:11 → 00:50:13 คิดของเราเนี่ย
00:50:13 → 00:50:17 ให้เน้นเป็นการใช้ mindfulness อืนะครับ
00:50:17 → 00:50:20 คือการใช้สมาธิหรือการควบคุมจิตของเราให้
00:50:20 → 00:50:23 ดีนะครับซึ่งตรงนี้เนี่ยมันจะเป็นตัว
00:50:23 → 00:50:26 หนึ่งที่สามารถทำให้เราสามารถทำกิจกรรม
00:50:26 → 00:50:29 อื่นๆได้อย่างราบรื่นมากขึ้นนะครับนอกจาก
00:50:29 → 00:50:32 นี้แล้วเนี่ยก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ
00:50:32 → 00:50:35 เ่อออกกำลังกายนะครับเนาะที่ถ้าเกิดใครมี
00:50:35 → 00:50:38 เวลาออกกำลังกายเนี่ยปัจจุบันเยไม่ว่าจะ
00:50:38 → 00:50:41 คาร์ดิโอหรือทำเท Training ถ้าใครสะดวกทำ
00:50:41 → 00:50:43 แบบไหนก็ทำได้เลยนะครับเพราะว่าได้
00:50:43 → 00:50:46 benefit กับร่างกายทั้งคู่ค่ะครับได้
00:50:46 → 00:50:49 ทั้งคู่อยู่แล้วนะครับแล้วก็เรื่องของการ
00:50:49 → 00:50:53 รับประทานอ่ากลุ่มนอกเหนือจากการที่อาหาร
00:50:53 → 00:50:56 เนี่ยก็ต้องดูด้วยว่าอาหารเราเพียงพอมนะ
00:50:56 → 00:50:59 ครับครับถ้าอาหารไม่เพียงพออาจบางคนเนี่ย
00:50:59 → 00:51:02 อาจจะสนใจรับประทานวิตามินบางตัวเพื่อ
00:51:02 → 00:51:05 เสริมและเป็นวัตถุประสงค์หลักก็คือช่วย
00:51:05 → 00:51:09 ต้านอนุมูลอิสระนะครับจากทุกวันเนี้ยที่
00:51:09 → 00:51:12 เราเจอในสิ่งแวดล้อมนี่เราเจออนุมูลอิสระ
00:51:12 → 00:51:14 ตลอดเวลาเงี้ยครับค่ะก็จะเป็นตัวช่วยที่
00:51:14 → 00:51:17 จะทำให้เซลล์ของเราเกิดความเสื่อมช้าลง
00:51:17 → 00:51:21 ได้ด้วยครับอืค่ะคุณหมอขาขอความรู้นิดนึง
00:51:21 → 00:51:24 ค่ะการเลือกรับประทานอาหารเสริมหรือ
00:51:24 → 00:51:27 วิตามินบางตัวหรือโโไบโอติกพรีไบโอติก
00:51:27 → 00:51:31 ต่างๆเนี่ยเอ่อควรได้รับคำปรึกษาจากทาง
00:51:31 → 00:51:34 การแพทย์ก่อนมั้ยจากคุณหมอก่อนมยหรือว่า
00:51:34 → 00:51:38 เอ่อคนไหนควรจะดูแลเป็นพิเศษไม่ควรที่จะ
00:51:38 → 00:51:41 Walk อินเข้าไปในร้านขายยาแล้วซื้อมารับ
00:51:41 → 00:51:46 ประทานเองอ่ะค่ะคือจริงๆเอ่อการรับประทาน
00:51:46 → 00:51:48 อาหารเสริมหรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
00:51:48 → 00:51:51 หรือวิตามินเนี่ยครับมีความจำเป็นนะครับ
00:51:51 → 00:51:54 นะแต่ทีนี้เนี่ยต้องขออนุญาตแยก
00:51:54 → 00:51:58 วัตถุประสงค์ของการทานก่อนว่าเราจะเลือก
00:51:59 → 00:52:01 แบบไหนประเด็นอะไรนะครับเช่นถ้าเราบอกว่า
00:52:02 → 00:52:05 เราอยากเลือกกินวิตามินที่เราอาจจะไม่ได้
00:52:05 → 00:52:07 เพียงพอก็แสดงว่าช่วงชีวิตช่วงนั้นเรา
00:52:07 → 00:52:11 เนี่ยอาจจะรับประทานอาหารน้อยนะครับอาจจะ
00:52:11 → 00:52:15 มีโปรตีนน้อยมีพวกวิตามินน้อยเกินไปอัน
00:52:15 → 00:52:18 นี้อาจจะพอชดเชยได้บ้างนะครับหรือบางคน
00:52:18 → 00:52:21 ลึกซึ้งไปกว่านั้นนะครับก็คือไปทำการตรวจ
00:52:21 → 00:52:24 เบื้องต้นก่อนว่าตัวเองขาดวิตามินตัวไหน
00:52:24 → 00:52:27 บ้างออค่ะโดยปกติคนไข้ที่มาปรึกษาผมนะ
00:52:27 → 00:52:30 ครับก็จะมักจะมาปรึกษาว่าอยากให้คุณหมอ
00:52:30 → 00:52:33 สั่งวิตามินให้นะครับว่าจะให้ตัวไหนดี
00:52:33 → 00:52:35 ซึ่งแน่นอนว่าจริงๆเราไม่ต้องตรวจแล้วเรา
00:52:35 → 00:52:38 ก็สั่งได้เลยถ้าสมมุติว่าคนไข้บอกแบบนี้
00:52:38 → 00:52:41 แต่ถ้าจะให้ดีสำหรับตัวเขาเองแล้วทำให้
00:52:41 → 00:52:44 เกิดการทำเ Made Treatment คือการรักษา
00:52:44 → 00:52:47 แบบค่ะเฉพาะบุคคลไปเลยเนี่ยการประเมิน
00:52:47 → 00:52:49 เบื้องต้นก่อนว่าวิตามินตัวไหนขาดเนี่ยก็
00:52:49 → 00:52:53 จะเป็นตัวที่ช่วยให้เขาลดระยะเวลาการ
00:52:53 → 00:52:56 เสี่ยงนะครับเนาะกับการที่จะได้วิตามินบ
00:52:56 → 00:52:59 ตัวเกินขนาดไปในขณะที่เขาไม่ขาดแต่เขาก็
00:52:59 → 00:53:02 ยังกินอะไรอย่างเงี้ยครับยังไงต้องไปอัน
00:53:02 → 00:53:05 นี้ก็มีความจำเป็นต้องไปหาคุณหมอก่อนนะคะ
00:53:05 → 00:53:08 วันนี้หมดเวลาแล้วจริงๆค่ะคุณหมอต้อง
00:53:08 → 00:53:10 ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะวันนี้สนุกสนานมาก
00:53:10 → 00:53:14 เลยค่ะได้ความรู้แล้วก็ยินดีครับผมได้แนว
00:53:14 → 00:53:16 ทางนะปีใหม่รับปีใหม่สุขภาพดีกับ
00:53:16 → 00:53:19 เวชศาสตร์ชะลอวัยนะครับคุณหมอวันนี้
00:53:19 → 00:53:22 ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะสวัสดีค่ะขอบคุณ
00:53:22 → 00:53:24 ครับสวัสดีครับคุณหมอครับค่ะดรนายแพทย์
00:53:25 → 00:53:27 ภาวิตหนัยนะคะแพทเฉพาะทางเวชศาสตร์ป้อง
00:53:27 → 00:53:30 กันแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
00:53:30 → 00:53:33 ค่ะ