00:00:00 → 00:00:02 ในปัจจุบันทุกๆคนก็มักจะได้รับคำแนะนำให้
00:00:02 → 00:00:04 ลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานโซเดียมแต่
00:00:04 → 00:00:06 ในชีวิตประจำวันของเราที่เราแวดล้อมไป
00:00:06 → 00:00:09 ด้วยอาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมมากมายจึง
00:00:09 → 00:00:11 มีคำถามที่ถามว่าแล้วเราจะรับมือกับ
00:00:11 → 00:00:14 สถานการณ์ที่โซเดียมมากมายแบบนี้ได้อย่าง
00:00:14 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:18 → 00:00:21 ไรความต้องการของโซเดียมต่อวันปริมาณ
00:00:21 → 00:00:24 1,500 มกรต่อวันเท่านั้นเองหรือเปรียบ
00:00:24 → 00:00:26 เทียบกับน้ำปลาประมาณ 4 ช้อนชาเราไม่ควร
00:00:27 → 00:00:29 ที่จะได้รับโซเดียมมากเกินไปคือไม่ควร
00:00:29 → 00:00:31 เกิน 2,000 300 มกรต่อวันเปรียบเทียบกับ
00:00:31 → 00:00:34 น้ำปลาประมาณ 6 ช้อนชาต่อวันถ้าเราได้รับ
00:00:34 → 00:00:36 โซเดียมในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลต่อ
00:00:36 → 00:00:40 การเพิ่มความดันโลหิตของเราทำให้หัวใจทำ
00:00:40 → 00:00:42 งานหนักมากขึ้นแล้วก็จะมีส่วนทำให้เร่ง
00:00:42 → 00:00:46 ให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
00:00:46 → 00:00:50 ค่ะเทคนิคการลดโซเดียมมีหลากหลายวิธี
00:00:50 → 00:00:52 เทคนิคแรกก็คือการปรุงอาหารด้วยตัวเอง
00:00:52 → 00:00:55 เพราะเราสามารถกำหนดปริมาณโซเดียมในอาหาร
00:00:55 → 00:00:57 ที่เรารับประทานได้อย่างเช่นการปรุงอาหาร
00:00:58 → 00:01:00 เราไม่ควรจะปรุงไปชิมไปเพราะว่าในเนื้อ
00:01:00 → 00:01:03 สัตว์จะมีปริมาณโซเดียมอยู่แล้วหรือว่าใน
00:01:03 → 00:01:05 ผักก็จะมีรสชาติของผักอยู่แล้วเราควรจะ
00:01:05 → 00:01:08 ใส่ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็ปรุงเป็น
00:01:08 → 00:01:10 ขั้นตอนสุดท้ายก็ทำให้ได้รสชาติที่กลม
00:01:10 → 00:01:12 กล่อมโดยปริมาณโซเดียมไม่เกินวิธีการปรุง
00:01:12 → 00:01:15 อีกวิธีหนึงก็คือการใช้รสเปรี้ยวเข้ามา
00:01:15 → 00:01:17 เพิ่มในรสชาติอาหารยกตัวอย่างเช่นการใช้
00:01:18 → 00:01:20 น้ำมะนาวหรือน้ำมะขามเข้ามาช่วยในการปรุง
00:01:20 → 00:01:23 ประกอบอาหารก็จะช่วยในการลดปริมาณโซเดียม
00:01:23 → 00:01:25 ที่จะปรุงเพิ่มลงไปได้
00:01:25 → 00:01:27 [เพลง]
00:01:27 → 00:01:31 ค่ะเทคนิคที่ 2 คือคือการลดความถี่ในการ
00:01:31 → 00:01:33 รับประทานอาหารแปรรูปต่างๆเนื่องจากอาหาร
00:01:33 → 00:01:37 แปรรูปจะมีปริมาณโซเดียมเพิ่มขึ้น 7-10
00:01:37 → 00:01:40 เท่าเพื่อใช้ในการยืดอายุการเก็บรักษา
00:01:40 → 00:01:42 อาหารอย่างเช่นปลลากระป๋อง 1 กระป๋องมี
00:01:42 → 00:01:44 ปริมาณโซเดียม 700
00:01:44 → 00:01:48 มกรโจ๊กกึกสำเร็จรูป 1 กระป๋องมีริณ
00:01:48 → 00:01:51 โซเดียมประมาณ 1,200
00:01:51 → 00:01:55 มกอาหารแช่แข็ง 1 กล่องจะมีปริมาณโซเดียม
00:01:55 → 00:01:57 ประมาณ 700-15
00:01:57 → 00:02:01 มกขนมบเคี้ยว 1 ซองก็จะมีปริมาณโซเดียม
00:02:01 → 00:02:05 ประมาณ 200-400 มกต่อ 1 ซองข้อแนะนำเรา
00:02:05 → 00:02:07 ควรจะเลือกรับประทานอาหารจากธรรมชาติจะดี
00:02:07 → 00:02:10 ที่สุดอย่างเช่นข้าวสวย 1 ทัพพีจะมี
00:02:10 → 00:02:12 โซเดียมแค่ 20 มิลกรัมแต่ถ้าเราไปเลือก
00:02:12 → 00:02:15 รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซองจะมี
00:02:15 → 00:02:17 โซเดียม 1,500 มก
00:02:17 → 00:02:21 [เพลง]
00:02:21 → 00:02:25 ค่ะเทคนิคที่ 3 คือการลดปริมาณการกินน้ำ
00:02:25 → 00:02:29 ซุปน้ำแกงน้ำผัดแล้วก็อาหารที่จะต้องมี
00:02:29 → 00:02:32 การจิ้มเครื่องจิ้มต่างๆเนื่องจากน้ำซุป
00:02:32 → 00:02:34 น้ำแกงน้ำผัดและพวกน้ำจิ้มต่างๆจะมี
00:02:34 → 00:02:37 ปริมาณโซเดียมค่อนข้างเยอะอย่างเช่นน้ำ
00:02:37 → 00:02:40 ผัด 1 ช้อนโต๊ะจะมีปริมาณโซเดียมถึง
00:02:40 → 00:02:43 ประมาณ 400 มกรหรือว่าอาหารประเภทพวก
00:02:43 → 00:02:47 ซุกกี้ก๋วยเตี๋ยวต่อ 1 ถ้วยจะมีปริมาณ
00:02:47 → 00:02:51 โซเดียมประมาณ 1,500 มกข้อแนะนำเพื่อลด
00:02:51 → 00:02:53 ปริมาณโซเดียมจากน้ำผัดน้ำแกงและน้ำซุป
00:02:53 → 00:02:56 ต่างๆก็โดยการแค่เปลี่ยนอุปกรณ์ในการรับ
00:02:56 → 00:02:58 ประทานอาหารจากการใช้ช้อนในการรับประทาน
00:02:59 → 00:03:01 เปลี่ยนเป็นซ่อมหรือว่าตะเกียบในการครีบ
00:03:01 → 00:03:03 เส้นแล้วก็ในการรับประทานอาหารประเภทที่
00:03:03 → 00:03:06 มีน้ำผัดไม่ควรเอาน้ำผัดมาราดควรจะสั่ง
00:03:06 → 00:03:09 กลับแยกเป็นอีกถ้วยนึงไม่อัมารสคาวก็จะ
00:03:09 → 00:03:11 เป็นการลดปริมาณโซเดียมได้แล้ว
00:03:11 → 00:03:13 [เพลง]
00:03:13 → 00:03:17 ค่ะเทคนิคที่ 4 คือการดูฉลากโภชนาการ
00:03:17 → 00:03:20 เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียม
00:03:20 → 00:03:23 ต่ำโดยปริมาณโซเดียมที่ต่ำเราสามารถดูได้
00:03:23 → 00:03:26 จากฉลากง่ายๆโดยดูปริมาณโซเดียมต่อ 1
00:03:26 → 00:03:28 หน่วยบริโภคปริมาณโซเดียมของผลิตภัณฑ์ที่
00:03:28 → 00:03:31 มีโซเดียมต่ำกับก็คือประมาณไม่เกิน 140
00:03:31 → 00:03:33 มกต่อ 1 หน่วยบริโภคหรือถ้าเทียบเป็น
00:03:34 → 00:03:36 เปอร์เซ็นต์ที่แนะนำต่อวันคือไม่ควรเกิน
00:03:36 → 00:03:40 6% ต่อวันอย่างเช่นในพวกน้ำปลาหรือซอส
00:03:40 → 00:03:45 ที่ลดโซเดียมลง 40% ก็สามารถนำมาเลือกใช้
00:03:45 → 00:03:47 ในการปรุงประกอบอาหารได้แต่ก็อาจจะต้องมี
00:03:47 → 00:03:50 ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตโรค
00:03:50 → 00:03:53 หัวใจที่มีการจำกัดแร่ธาตุพวกโพแทสเซียม
00:03:53 → 00:03:56 ในอาหารด้วยซึ่งผลิตภัณฑ์พวกนี้จะมีการทด
00:03:56 → 00:03:59 แทนโซเดียมโดยใช้โพแทสเซียมเข้ามาทดแทน
00:03:59 → 00:04:01 ดังนั้นก็ไม่ควรจะเลือกใช้ในกลุ่มผู้ป่วย
00:04:01 → 00:04:05 โรคไตและโรคหัวใจ
00:04:05 → 00:04:09 ค่ะเทคนิคสุดท้ายคือการปรับสมดุลในการรับ
00:04:09 → 00:04:12 ประทานอาหารถ้าในมื้อไหนเราต้องรับประทาน
00:04:12 → 00:04:14 อาหารที่มีโซเดียมสูงอย่างเช่นบะหมี่กึ่ง
00:04:14 → 00:04:17 สำเร็จรูปเราได้รับโซเดียมไปแล้วเกิน 50%
00:04:17 → 00:04:20 ของที่ควรได้รับต่อวันในมื้อต่อไปเราควร
00:04:20 → 00:04:22 จะวางแผนเลือกรับประทานอาหารที่ผ่านการ
00:04:22 → 00:04:25 ปรุงประกอบน้อยที่สุดอย่างเช่นหมูอบไก่อบ
00:04:25 → 00:04:28 หรือปลาลวกก็จะช่วยในการควบคุมปริมาณ
00:04:28 → 00:04:34 โซเดียมไม่ให้มากเกินไปในใน 1 วันแล้วค่ะ
00:04:34 → 00:04:40 [เพลง]