00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดในเรื่องของ
00:00:02 → 00:00:05 นิ่วในทางเดิมปัสสาวะนะครับว่าอาการของ
00:00:05 → 00:00:08 มันเป็นยังไงบ้างนะครับแล้วมีวิธีในการดู
00:00:08 → 00:00:10 แลรักษาป้องกันไม่ให้มันเป็นอีกอย่างไร
00:00:10 → 00:00:13 บ้างนะครับก็พบกับผมนะครับนายแพทย์ธานี
00:00:13 → 00:00:14 ธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:14 → 00:00:17 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:17 → 00:00:20 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเรื่องของ
00:00:20 → 00:00:23 นิ่วในทางเดินปัสสาวะนั้นมันเกิดขึ้นได้
00:00:23 → 00:00:26 อย่างไรนะครับสาเหตุของมันก็คือว่าการที่
00:00:26 → 00:00:30 เรามีปัสสาวะที่เข้มข้นมากๆนะครับมันก็จะ
00:00:30 → 00:00:32 ทำให้สารก่อนิ่วเนี่ยมีความเข้มข้นสูงใน
00:00:32 → 00:00:35 ปัสสาวะแล้วพอมันมีความเข้มข้นสูงมากๆ
00:00:35 → 00:00:38 เนี่ยมันก็จะก่อตัวกันเกิดนิ่วได้นั่นเอง
00:00:38 → 00:00:41 นะครับแล้วนิ่วเนี่ยมันจะเริ่มก่อตัวที่
00:00:41 → 00:00:43 ตัวกรวยไตก่อนนะครับพอมันก่อตัวเสร็จปุ๊บ
00:00:43 → 00:00:46 เนี่ยถ้ามันอยู่ตรงนั้นเฉยๆมันก็ไม่ทำให้
00:00:46 → 00:00:48 เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรอกครับแล้วมันก็จะไม่
00:00:48 → 00:00:51 ค่อยมีอาการด้วยทีนี้การที่นิ่วตัวนี้
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยมันเคลื่อนที่ออกมาจากบริเวณกรวยไต
00:00:54 → 00:00:57 มันก็จะทำให้เราเกิดอาการต่างๆขึ้นมาได้
00:00:57 → 00:01:01 นะครับอาการของนิ่วคืออะไรบ้างอ่าอันแรก
00:01:01 → 00:01:04 ก็คือมันมีอาการปวดก่อนนะครับอ่าถ้าเกิด
00:01:04 → 00:01:06 ว่าระบบทางเดินปัสสาวะของเรามันพยายามจะ
00:01:06 → 00:01:10 บีบนิ่วให้ออกมาให้ได้แล้วมันออกมาไม่ได้
00:01:10 → 00:01:13 นะครับก็จะเกิดอาการปวดก่อนเลยนะครับปวด
00:01:13 → 00:01:15 บริเวณไหนได้บ้างนะครับอาการปวดที่จะเป็น
00:01:15 → 00:01:18 ได้ก็คือตรงสีข้างนะครับของข้างที่เรามี
00:01:18 → 00:01:21 นิ่วนั่นเองนะครับไตของเรามี 2 ข้างดัง
00:01:21 → 00:01:23 นั้นมันขึ้นอยู่กับว่านิ่วตัวเนี้ยมัน
00:01:23 → 00:01:25 อยู่ที่ไตข้างไหนข้างนั้นก็จะมีอาการปวด
00:01:25 → 00:01:28 ได้นะครับแล้วอาการปวดเนี่ยมันก็จะสามารถ
00:01:28 → 00:01:31 ร้าวลงมาจนถึงได้บริเวณท้องน้อยนะครับ
00:01:31 → 00:01:33 หรือว่าบริเวณขาหนีบของเราข้างที่เรามี
00:01:34 → 00:01:36 นิ่วอยู่นะครับอาการปวดนี่จะเป็นได้
00:01:36 → 00:01:39 รุนแรงมากๆเลยนะครับเราจะเรียกภาษาทางการ
00:01:39 → 00:01:41 แพทย์ว่า renal Chic นั่นเองคือมันจะปวด
00:01:41 → 00:01:44 แบบจี๊ดมากๆบางคนปวดแบบทนไม่ไหวดิ้นไป
00:01:44 → 00:01:46 ดิ้นมาเลยนะครับทุรนทุรายนะครับเป็นเป็น
00:01:47 → 00:01:50 ชั่วโมงเลยก็มีนะครับแล้วนอกเหนือจาก
00:01:50 → 00:01:52 อาการปวดเนี่ยจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
00:01:52 → 00:01:54 ร่วมด้วยนะครับอ่าคลื่นไส้อาเจียนร่วม
00:01:54 → 00:01:58 ด้วยอาจจะมีปัสสาวะแล้วมีเลือดปนมานะครับ
00:01:58 → 00:02:00 เลือดเนี่อาจจะเป็นมากจนกระทั่งเราเห็น
00:02:00 → 00:02:03 ออกมาเลยว่าปัสสาวะลงในส้วมแล้วมันแดงฉาน
00:02:03 → 00:02:06 ไปเลยนะครับจริงๆแล้วเนี่ยการปัสสาวะออก
00:02:06 → 00:02:08 มาเป็นเลือดเยอะๆนะครับแล้วมีอาการปวด
00:02:09 → 00:02:11 ร่วมด้วยเนี่ยมันค่อนข้างที่จะน่ากลัวนะ
00:02:11 → 00:02:14 ครับแต่ว่าอย่างน้อยมันมักจะเป็นจากการ
00:02:14 → 00:02:16 ที่เรามีนิ่วไม่ใช่เป็นจากมะเร็งเหมือน
00:02:16 → 00:02:19 ที่หลายๆคนเข้าใจนะครับบางคนเข้าใจว่า
00:02:19 → 00:02:21 ปัสสาวะออกมาเป็นเลือดเยอะๆแล้วมีอาการ
00:02:21 → 00:02:23 ปวดเนี่ยมันต้องเป็นมะเร็งนะครับซึ่งมัน
00:02:23 → 00:02:25 ไม่ใช่นะครับส่วนใหญ่แล้วถ้าปัสสาวะออกมา
00:02:25 → 00:02:27 เป็นเลือดแล้วมันไม่ปวดเนี่ยไอ้อย่างเงี้
00:02:27 → 00:02:30 แหละครับที่เรากังวลว่ามันจะเป็นจากเร็ง
00:02:30 → 00:02:32 หรือเปล่าแต่ถ้ามันปวดมันมักจะเป็นจาก
00:02:32 → 00:02:35 นิ่วหรือสาเหตุอื่นๆที่มีการอุดตันในทาง
00:02:35 → 00:02:38 เดินปัสสาวะนะครับนอกเหนือจากมีการ
00:02:38 → 00:02:40 ปัสสาวะออกมาเป็นเลือดบางคนเนี่ยอาจจะมี
00:02:40 → 00:02:43 การปัสสาวะออกมาแล้วมันมีกรวดทรายปนอยู่
00:02:43 → 00:02:46 ในนั้นนะครับบางคนเอ๊ะทำไมปัสสาวะมันขุ่น
00:02:46 → 00:02:48 เหมือนมีเศษๆอะไรอยู่นั่นแหละครับมันคือ
00:02:48 → 00:02:51 นิ่วนะฮะอ่ามันคือนิ่วเลยนะครับนั่นก็คือ
00:02:51 → 00:02:54 อาการที่เราจะเป็นได้นะครับคือมีอาการปวด
00:02:54 → 00:02:56 เคลื่อนไส้อาเจียนปัสสาวะออกมาเป็นเลือด
00:02:56 → 00:02:58 หรือมีกรวดทรายปนออกมานะครับซึ่งทุกคนไม่
00:02:58 → 00:03:01 จำเป็นจะต้องมีอาการครบทุกอย่างแบบนี้นะ
00:03:01 → 00:03:05 ครับทีนี้พอเรารู้แล้วว่าเฮ้ยอาการแบบ
00:03:05 → 00:03:07 เนี้ยมันคือนิ่วเวลาไปหาหมอเนี่ยเค้าจะทำ
00:03:08 → 00:03:11 ยังไงนะครับอ่าตรงนี้สำคัญะนะครับเวลาไป
00:03:11 → 00:03:13 หาหมอเนี่ยเค้าจะต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน
00:03:13 → 00:03:15 ว่าเราเป็นนิ่วหรือเปล่าก็จะมีการตรวจ
00:03:15 → 00:03:17 ปัสสาวะเบื้องต้นนะครับตรวจปัสสาวะเนี่ย
00:03:17 → 00:03:20 เค้าก็จะดูว่ามันมีบางคนเราจะเห็นนิ่วปน
00:03:20 → 00:03:22 อยู่ในปัสสาวะเลยนะครับบางทีเราก็จะดู
00:03:22 → 00:03:25 ลักษณะของความเข้มข้นของปัสสาวะดูว่ามี
00:03:25 → 00:03:28 เม็ดเลือดแดงปนในนั้นมสำหรับคนบางคนที่
00:03:28 → 00:03:30 ไม่ได้มีปัสสาวะออกมาเป็นเลือดนะครับเรา
00:03:30 → 00:03:32 อาจจะเห็นเลือดได้ในกล้องจุลทัศน์นะครับ
00:03:32 → 00:03:34 บางทีเราไปส่องดูแล้วโอ้มันมีเม็ดเลือด
00:03:34 → 00:03:37 ออกมานะครับก็จะบ่งบอกได้ว่าน่าจะเป็น
00:03:37 → 00:03:39 อาการของนิ่วนะครับนอกเหนือจากตรวจแบบ
00:03:39 → 00:03:42 นั้นแล้วเนี่ยเราอาจจะต้องมีการดูด้วยว่า
00:03:42 → 00:03:45 คนๆนั้นเนี่ยมีนิ่วแบบชนิดที่ติดเชื้อ
00:03:45 → 00:03:47 หรือเปล่าเพราะว่าบางคนเนี่ยพอนิ่วมันไป
00:03:47 → 00:03:50 อุดตันทางเดิมปัสสาวะปุ๊บนะครับมันทำให้
00:03:50 → 00:03:53 เกิดการติดเชื้อในกรวยไตหรือในกระเพาะ
00:03:53 → 00:03:55 ปัสสาวะตามมาซึ่งแบบนั้นเนี่ยบางคนจะมี
00:03:55 → 00:03:58 ไข้นะครับมีไข้ร่วมด้วยกับอาการปวดเมื่อ
00:03:58 → 00:04:01 กี้ที่บอกไปนะครับถ้าเป็นแบบนั้นแะแล้วก็
00:04:01 → 00:04:03 อาจจะต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลจะต้อง
00:04:03 → 00:04:06 ให้ยาฆ่าเชื้อร่วมไปด้วยนะครับซึ่งในกรณี
00:04:06 → 00:04:08 แบบนี้เราก็อาจจะมีการตรวจเลือดดูซิว่า
00:04:09 → 00:04:11 มันมีการติดเชื้ออะไรอยู่ตรงไหนมยนะครับ
00:04:12 → 00:04:15 นอกเหนือไปจากนี้เราอาจจะมีการทำ CT สแกน
00:04:15 → 00:04:18 นะครับดูว่ามีนิ่วอยู่ในตำแหน่งใดนบ้างนะ
00:04:18 → 00:04:20 ครับการตรวจ CT สแกนเนี่ยมันจะค่อนข้าง
00:04:20 → 00:04:23 ที่จะไวแล้วก็จะสามารถบอกได้เลยว่านิ่ว
00:04:23 → 00:04:25 นั้นน่ะมันอยู่บริเวณไหนขนาดของมันเท่า
00:04:25 → 00:04:28 ไหร่นะครับแล้วการบอกขนาดของนิวนั้นสำคัญ
00:04:28 → 00:04:31 มากเพราะว่ามันจะเป็นการบอกได้เลยว่านิ่ว
00:04:31 → 00:04:33 มันจะสามารถหลุดออกมาเองได้หรือว่าเราจะ
00:04:33 → 00:04:36 ต้องทำการผ่าตัดนะครับถ้าในคนที่ไม่
00:04:36 → 00:04:39 สามารถทำ CT สแกนได้ยกตัวอย่างเช่นคนท้อง
00:04:39 → 00:04:42 เพราะว่าเรากลัวว่าเดี๋ยวรังสีมันจะไปโดน
00:04:42 → 00:04:44 ลูกเราก็สามารถที่จะทำ Ultra Sound ได้
00:04:45 → 00:04:47 นะครับจะสามารถพอบอกได้ว่าเออนิมันอยู่
00:04:47 → 00:04:49 ตรงบริเวณไหนนะครับแต่ว่ามันอาจจะไม่ดี
00:04:49 → 00:04:53 เท่ากับการทำ CT สแกนนะครับทีนี้เมื่อเรา
00:04:53 → 00:04:55 วินิจฉัยได้ว่าเราเป็นนิ้วแล้วแล้วยังไง
00:04:55 → 00:04:59 ต่อนะครับอ่าตรงนี้ละครับที่มันสำคัญว่า
00:04:59 → 00:05:02 ขนาดขนาดของนิ่วมันมีความสำคัญนะครับถ้า
00:05:02 → 00:05:05 เกิดเป็นนิ่วที่มันเล็กกว่า 5 มมเนี่ยนะ
00:05:05 → 00:05:07 ครับมันมักจะหลุดออกมาเองนะครับมันมักจะ
00:05:08 → 00:05:10 หลุดของมันเองเลยนะเราก็แค่ให้ยาแก้ปวด
00:05:10 → 00:05:12 ไว้ในช่วงนั้นแล้วก็รอเวลามันก็จะหลุดเอง
00:05:12 → 00:05:14 ได้นะครับดังนั้นไม่จำเป็นต้องนอนโรง
00:05:14 → 00:05:16 พยาบาลนะครับเราจะให้ยาควบคุมอาการให้มัน
00:05:16 → 00:05:19 เรียบร้อยซะก่อนนะครับแต่ถ้ามัน 5-10
00:05:19 → 00:05:21 แล้วเนี่ยส่วนใหญ่แล้วปล่อยให้มันหลุดเอง
00:05:21 → 00:05:24 เี่มันไม่ค่อยหลุดะมันอาจจะต้องใช้ยาบาง
00:05:24 → 00:05:26 ตัวช่วมช่วยด้วยนะครับถ้ามันใหญ่เกินกว่า
00:05:26 → 00:05:29 5 ซมเนี่ยไอ้นี้ไม่หลุดแน่ๆนะครับมันจะ
00:05:29 → 00:05:31 ต้องไปทำวิธีอื่นในการรักษาจะต้องมีการ
00:05:31 → 00:05:34 ส่องกล้องหรือต้องการผ่าตัดหรือทำวิธี
00:05:34 → 00:05:36 อื่นซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าต้องทำ
00:05:36 → 00:05:39 ยังไงบ้างนะครับถ้าหมอเประเมินแล้วว่า
00:05:39 → 00:05:42 เอ้ยมันเป็นนิ่วที่น่าจะหลุดเองได้นะใน
00:05:42 → 00:05:45 ตอนนั้นเนี่ยสิ่งที่เขาจะทำก็คือ 1 ให้ยา
00:05:45 → 00:05:48 แก้ปวดก่อนเลยนะครับเพราะว่ามันปวดมาก
00:05:48 → 00:05:51 นิ่วพวกเนี้ยนะฮะยาแก้ปวดอะไรที่เราจะให้
00:05:51 → 00:05:54 นะครับก็จะเป็นยาแก้ปวดกลุ่ม nes นะครับ
00:05:54 → 00:05:56 หรือ nonsteroidal anti-inflammatory
00:05:56 → 00:05:58 drugs นั่นเองนะครับอาจจะเป็นยาฉีดในตอน
00:05:58 → 00:06:00 แรกก่อนเพราะว่าว่าถ้าปวดมากเนี่ยคลื่น
00:06:00 → 00:06:03 ไส้อาเจียนเยอะนะครับมันกินยาเข้าไปไม่
00:06:03 → 00:06:05 ได้นะก็ต้องให้ยาแก้ปวดแบบฉีดแล้วดูอาการ
00:06:05 → 00:06:07 นะครับอาจจะมีการให้น้ำเกลือเพื่อที่จะ
00:06:07 → 00:06:10 ให้มีปัสสาวะออกมาเยอะๆจะได้เอานิ่วตัวเ
00:06:10 → 00:06:14 ออกมาได้นะครับแล้วหมอก็อาจจะให้ยาที่มัน
00:06:14 → 00:06:17 ช่วยในการขับนิ่วนะครับยาตัวนี้ก็ยกตัว
00:06:17 → 00:06:20 อย่างเช่นยาแทมซูโลซินนะครับเป็นยาที่ทำ
00:06:20 → 00:06:23 ให้มีการขับนิ่วออกมาได้ง่ายขึ้นนะฮะอ่า
00:06:23 → 00:06:26 ใช้ 3 ตัวเนี้ยแล้วก็ดูว่าคนไข้อาการดี
00:06:26 → 00:06:28 ขึ้นมนะครับถ้าคนไข้อาการปวดดีขึ้นนะครับ
00:06:28 → 00:06:31 ต่อนิ่้วยังไม่หลุดในวันนั้นหมอก็จะจ่าย
00:06:31 → 00:06:34 ยาแทซูตรงเนี้ยกลับบ้านไปกินนะครับร่วม
00:06:34 → 00:06:38 กับยาแก้ปวดกลุ่มเสนะครับให้ไปกินที่บ้าน
00:06:38 → 00:06:40 แล้วพอคนไข้กลับไปบ้านสิ่งที่ต้องทำนะ
00:06:40 → 00:06:43 ครับคือดื่มน้ำให้เยอะๆเลยนะครับวันนึง
00:06:44 → 00:06:46 อาจจะต้องถึง 3-4 ลิตรนะครับเพื่อที่จะ
00:06:46 → 00:06:48 ให้ปัสสาวะของเราออกมาเยอะๆจะได้เป็นการ
00:06:48 → 00:06:51 ขับนิ่วพวกนี้ออกมาได้แล้วก็การที่
00:06:51 → 00:06:54 ปัสสาวะของเราเนี่ยเจือจางมันก็จะป้องกัน
00:06:54 → 00:06:57 ไม่ให้มีการก่อนิ่วใหม่ขึ้นมานะครับแล้ว
00:06:57 → 00:06:59 ในขณะที่กลับไปว่านนั้นเราจะจำเป็นจะต้อง
00:06:59 → 00:07:02 มีการกรองปัสสาวะทุกวันดูว่านิ่วมันหลุด
00:07:02 → 00:07:04 ออกมาหรือยังนะครับอ่ากรองทุกวันเลยนะ
00:07:04 → 00:07:06 ครับถ้ามันออกมาแล้วเนี่ยบางทีเราเอานิ่ว
00:07:06 → 00:07:08 ตัวนั้นไปให้หมอเตรวจด้วยนะครับว่าเอ้ย
00:07:08 → 00:07:12 มันเป็นยังไงนะครับทั่วไปเนี่ยเราจะดูกัน
00:07:12 → 00:07:14 ที่ 1 เดือนใน 1 เดือนนี้คนไข้จะต้องมี
00:07:14 → 00:07:16 นิ่วหลุดออกมาให้ได้ถ้า 1 เดือนแล้วเนี่ย
00:07:16 → 00:07:18 มันยังไม่หลุดออกมานะครับหรือยังมีอาการ
00:07:18 → 00:07:21 อยู่นะครับเราจะต้องกลับไปพบแพทย์ใหม่นะ
00:07:21 → 00:07:24 ครับเพื่อตรวจหรือถ้าระหว่างเยอยู่ๆมัน
00:07:24 → 00:07:26 เกิดมีอาการปวดหลังมากๆแล้วมันมีไข้ขึ้น
00:07:26 → 00:07:28 มาอย่างนี้ก็ต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลเช่น
00:07:28 → 00:07:32 เดียวกันนะครับในกรณีบางกรณีคนไข้จะไม่
00:07:32 → 00:07:36 สามารถใช้ยาเอสสได้นะครับยกตัวอย่างเช่น
00:07:36 → 00:07:40 คนไข้ที่ค่าการทำงานของไตเนี่ยมันไม่ปกติ
00:07:40 → 00:07:43 นะครับอ่าค่า egfr ต่ำๆนะครับพวกนี้เราจะ
00:07:43 → 00:07:46 ให้ยากลุ่ม nset ไม่ได้เราอาจจะต้องให้ยา
00:07:46 → 00:07:48 กลุ่มที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่นแทนนะครับ
00:07:48 → 00:07:51 ซึ่งก็ต้องดูเป็นรายๆไปตรงเนี้หมอเขจะ
00:07:51 → 00:07:54 พิจารณาเองว่าท่านสามารถให้ยาตัวไหนได้
00:07:54 → 00:07:56 บ้างนะครับอันนี้เป็นการือกรักษาเบื้อง
00:07:57 → 00:07:59 ต้นว่าถ้าหมอเ้าประเมินว่านิ่วมันสามารถ
00:07:59 → 00:08:02 หลุดออกมาได้เองเขาจะให้ยาขับนิ่วเช่นยา
00:08:02 → 00:08:04 กลุ่มแทมโซรินกับยาแก้ปวดแล้วก็ให้ดื่ม
00:08:04 → 00:08:06 น้ำเยอะๆเพื่อที่จะให้มันออกมาแล้วคนไข้
00:08:06 → 00:08:09 กลับบ้านไปเราก็ต้องมีการกรองปัสสาวะทุก
00:08:09 → 00:08:12 วันให้แน่ใจว่านิ่วมันหลุดออกมานะครับอัน
00:08:12 → 00:08:15 นี้คือวิธีการรักษา 1 แต่ถ้าเกิดว่ามัน
00:08:15 → 00:08:18 ไม่หลุดออกมาหรือหมอก็ประเมินแล้วว่ามัน
00:08:18 → 00:08:22 ไม่มีทางที่จะหลุดออกมาแน่ๆนะครับทำยังไง
00:08:22 → 00:08:25 นะครับต้องแยกเป็น 2 กรณีกรณีแรกคือมีการ
00:08:25 → 00:08:28 ติดเชื้อแล้วเราสงสัยว่าเป็นกรวยตาย
00:08:28 → 00:08:31 อักเสบแบบนี้ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล
00:08:31 → 00:08:33 เท่านั้นไม่ว่านิ่วมันจะใหญ่หรือมันไม่
00:08:33 → 00:08:35 ใหญ่ก็ตามนะครับแต่ถ้าเราไม่มีการติด
00:08:35 → 00:08:38 เชื้อนะครับแล้วนิ่วมันใหญ่แล้วหมอเคิด
00:08:38 → 00:08:40 ว่ามันจะไม่หลุดออกมาเองมีวิธีการรักษา
00:08:40 → 00:08:43 ด้วยกัน 3 แบบนะครับซึ่งแต่ละแบบเนี่ยมัน
00:08:43 → 00:08:46 ขึ้นอยู่กับว่าขนาดของก้อนนิ่วมันใหญ่แค่
00:08:46 → 00:08:48 ไหนนะครับแล้วมันอยู่ตรงบริเวณไหนซึ่งตรง
00:08:48 → 00:08:50 เนี้ยคุณหมอที่เขาดูแลทางด้านทางเดิน
00:08:50 → 00:08:54 ปัสสาวะเขาจะเป็นคนบอกเราเองนะครับอ่ามัน
00:08:54 → 00:08:58 มีวิธีอะไรบ้างวิธีแรกคือ uritos Copy
00:08:58 → 00:09:00 คือเป็นการส่องกล้องต้องเข้าไปในทางเดิน
00:09:00 → 00:09:03 ปัสสาวะขึ้นไปที่หลอดอ่าท่อทางเดิม
00:09:03 → 00:09:05 ปัสสาวะนะครับดูว่านิ่มันอยู่ตรงบริเวณ
00:09:05 → 00:09:06 ไหนแล้วก็อาจจะมีการยิงเลเซอร์เพื่อที่จะ
00:09:06 → 00:09:09 ให้ตัวก้อนนิ่้วมันสลายนะครับอ่าอันเนี้ย
00:09:09 → 00:09:13 ทำปุ๊บกลับบ้านได้เลยนะครับอ่าจะมีแค่วาง
00:09:13 → 00:09:15 ยาสลบแล้วก็เอาเลเซอร์ไปยิงนะครับแต่ว่า
00:09:15 → 00:09:19 มันก็อาจจะทำได้กับก้อนนิ่วที่มันไม่ได้
00:09:19 → 00:09:21 แข็งมากแล้วก็ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไปนะ
00:09:21 → 00:09:23 ครับแต่ว่ามันจะได้ผลค่อนข้างที่จะดีนะ
00:09:23 → 00:09:26 ครับแล้วในบางกรณีเนี่ยหมอเอาจจะต้องใส่
00:09:26 → 00:09:31 สตนนะฮะไว้ที่เอ่อตัวท่อไตนะครับสักครู่
00:09:31 → 00:09:34 นึงแล้วก็เดี๋ยวพออาทิตย์หน้าอาจจะมาตรวจ
00:09:34 → 00:09:37 ซ้ำใหม่แล้วก็เอาออกมาได้นะครับการใส่ท่อ
00:09:37 → 00:09:40 พวกนี้ไว้เนี่ยเอ่อเราก็ต้องมาดูว่าคนไข้
00:09:40 → 00:09:43 คนไหนที่เราต้องระวังบ้างนะครับคนไข้
00:09:43 → 00:09:45 กลุ่มที่ต้องทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่
00:09:45 → 00:09:47 เนี่ยจะต้องหยุดละลายยาละลายลิ้มเลือดให้
00:09:48 → 00:09:49 ได้นะครับไม่ฉะนั้นเนี่ยมันไม่สามารถใช้
00:09:49 → 00:09:52 วิธีพวกนี้ได้นะครับอันนี้คือวิธีที่ 1
00:09:52 → 00:09:55 ในกรณีที่ก้อนนิ่วมันไม่ได้ใหญ่ยนเกินไป
00:09:55 → 00:09:58 แล้วก็ไม่ได้แข็งยนเกินไปนะครับอ่าแต่ว่า
00:09:58 → 00:10:00 บางครั้งเราอาจจะต้องมาทำการสลนิ่้วเป็น
00:10:00 → 00:10:03 ครั้งที่ 2 นะครับทีนี้ถ้าเกิดว่าก้อน
00:10:03 → 00:10:05 นิ่้วมันมีความแข็งมากขึ้นแล้วก็มันไม่
00:10:05 → 00:10:08 น่าจะหลุดออกมาได้อีกอีกวิธีนึงคือเป็น
00:10:08 → 00:10:10 การรักษาแบบใช้ Shock Wave นะครับหรือ
00:10:10 → 00:10:13 ที่เราเรียกว่า Shock Wave lpy นะครับ
00:10:13 → 00:10:16 วิธีนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่จำเป็นจะต้องนอน
00:10:17 → 00:10:19 โรงพยาบาลเหมือนกันนะครับคือคนไข้มาเช้า
00:10:19 → 00:10:22 เย็นกลับได้นะครับก็เหมือนเดิมดมยาสลบนะ
00:10:22 → 00:10:25 ครับแล้วจะมีการยิงชอกเวฟไปที่บริเวณก้อน
00:10:25 → 00:10:27 นิ่วตัวนี้นะครับแล้วก้อนนิ่้วมันก็จะแตก
00:10:27 → 00:10:30 สลายซึ่งวิธีีนี้ก็จะดีขึ้นมากว่าวิธีแรก
00:10:30 → 00:10:33 อย่างนิดหน่อยนะครับแต่ว่าก็ต้องแล้วแต่
00:10:33 → 00:10:35 ว่าลักษณะของนิ่วหรือว่าก้อนมันเป็นยังไง
00:10:35 → 00:10:39 ด้วยนะครับส่วนวิธีสุดท้ายคือวิธีการผ่า
00:10:39 → 00:10:41 ตัดนะครับวิธีการผ่าตัดส่องกล้องไปทำลาย
00:10:41 → 00:10:44 นิ้วเนี่ยจะเป็นวิธีที่ได้ผลสูงที่สุดแน่
00:10:44 → 00:10:46 นอนนะครับแต่ว่ามันคือการผ่าตัดนะครับดัง
00:10:47 → 00:10:49 นั้นเราจะใช้ก็ต่อเมื่อมันมีความเสี่ยง
00:10:49 → 00:10:52 สูงจริงๆว่าไอ้นิ้วเนี่ยอาจจะใช้ 2 วิธี
00:10:52 → 00:10:55 แรกแล้วมันไม่สำเร็จนะครับอ่าตรงนี้ก็
00:10:55 → 00:10:58 เป็นวิธีในการรักษานะครับคร่าวๆปัญหามัน
00:10:58 → 00:11:00 อยู่ตรงนี้ครับครับคนที่เป็นนิ่วครั้ง
00:11:00 → 00:11:03 หนึ่งแล้วเนี่ยมันมักจะเป็นซ้ำได้อีกเออ
00:11:03 → 00:11:07 อย่างงี้ละมันเป็นซ้ำได้อีกทีนี้เราจะทำ
00:11:07 → 00:11:10 ยังไงให้เราไม่เป็นซ้ำอีกอ่าตรงนี้สำคัญ
00:11:10 → 00:11:13 ละนะครับก่อนอื่นเราต้องมารู้ก่อนว่านิ่ว
00:11:13 → 00:11:16 เนี่ยมันมีกี่ชนิดนะครับนิ่วเนี่ยมันมี
00:11:17 → 00:11:18 หลายชนิดมันขึ้นอยู่กับว่าองค์ประกอบของ
00:11:19 → 00:11:21 นิ่วนั้นมันเป็นอะไรนะครับมันจะมีนิ่วบาง
00:11:21 → 00:11:25 ชนิดที่มันเป็นแบบกรรมพันธ์นะครับคือนิ้ว
00:11:25 → 00:11:27 ที่เรียกว่า tin นะครับ tin เนี่ยตัวผลึก
00:11:27 → 00:11:29 มันจะเป็นเหมือนหเหลี่ยมนะครับหมอเค้า
00:11:29 → 00:11:31 ส่องกล้องดูเจะรู้ว่ามันเป็นนิวซีซีนนะ
00:11:31 → 00:11:33 ครับพวกนี้เนี่ยบางทีเราเจอได้ตั้งแต่
00:11:34 → 00:11:37 ทารกหรือว่าบางคนก็ประมาณเด็กๆเนี่ยใน
00:11:37 → 00:11:39 ช่วง 10 122 ขวบเนี่ยก็จะเจอว่าเป็นนิ่ว
00:11:39 → 00:11:41 ชนิดนี้ได้หรือมีประวัติว่าเป็นนิ่วใน
00:11:41 → 00:11:43 ครอบครัวเราก็ต้องสงสัยว่ามันเป็นนิ่ว
00:11:43 → 00:11:45 ชนิดนี้นะครับซึ่งมันเจอไม่ค่อยบ่อยนะ
00:11:45 → 00:11:47 ครับแต่ถ้าเจอแล้วมันมีวิธีในการรักษาแบบ
00:11:47 → 00:11:50 พิเศษนะครับนิ้วที่เราเจอบ่อยมากๆนะครับ
00:11:50 → 00:11:53 ก็คือเป็นนิ่วที่ประกอบไปด้วยแคลเซียม
00:11:53 → 00:11:55 นั่นเองนะครับแคลเซียมออกซาเลตแคลเซียม
00:11:55 → 00:11:57 ฟอสเฟตพวกเนี้ยก็จะเป็นนิ่้วที่เราเจอ
00:11:57 → 00:12:00 บ่อยนะครับหรือนิ่วกรดยูริกนะครับอ่าเจอ
00:12:00 → 00:12:02 บ่อยเหมือนกันนะครับพวกนี้เราก็ต้องเอามา
00:12:03 → 00:12:05 ดูหรือเป็นนิ่วชนิดติดเชื้อนะครับชนิด
00:12:05 → 00:12:09 หนึ่งเราจะเรียกว่านิ้วสูทนะครับองค์
00:12:09 → 00:12:12 ประกอบของนมันก็คือแมกนีเซียมแอมโมเนียม
00:12:12 → 00:12:15 ฟอสเฟตนะครับซึ่งพวกเนี้ยนิวมันจะโตใหญ่
00:12:15 → 00:12:17 มากได้เลยนะครับแล้วมันจะอุดกรวยไตของเรา
00:12:17 → 00:12:20 ทั้งไตเลยบางทีไตของเราเสื่อมไปเลยก็มีนะ
00:12:20 → 00:12:23 ครับซึ่งเดี๋ยวเยไม่ค่อยเจอละแต่ว่าใน
00:12:23 → 00:12:25 สมัยก่อนเรายังเจอได้อยู่นะครับอ่าพวกนี้
00:12:25 → 00:12:28 เป็นลักษณะของกนนวดังนั้นมันยังมีความ
00:12:28 → 00:12:30 จำเป็นอย่าอย่างยิ่งนะครับถ้าเกิดว่าคน
00:12:30 → 00:12:32 ไหนเจอนิ่วแล้วเนี่ยเราต้องกรองปัสสาวะ
00:12:33 → 00:12:35 และเอานิ่วตนั้นไปให้คุณหมอเขตรวจดูเพราะ
00:12:35 → 00:12:37 ว่าการรักษาป้องกันเนี่ยมันอาจจะมีความ
00:12:37 → 00:12:40 เฉพาะเจาะจงขึ้นอยู่กับว่าชนิดของนิ่วของ
00:12:40 → 00:12:43 เราเป็นอะไรนะครับถ้าเราไม่แน่ใจว่านิ่ว
00:12:43 → 00:12:45 ของเรามันเป็นอะไรเกิดมันหลุดไปแล้วเรา
00:12:45 → 00:12:48 กรองมาแล้วเราไม่แน่ใจนะครับอ่าหมอเอาจจะ
00:12:48 → 00:12:52 แนะนำว่าเอ๊เราต้องตรวจปัสสาวะ 24 ชมนะ
00:12:52 → 00:12:54 เพื่อดูองค์ประกอบของปัสสาวะของเราว่ามี
00:12:54 → 00:12:57 อะไรผิดปกติมยเช่นมีแคลเซียมในปัสสาวะสูง
00:12:57 → 00:13:00 เกินมีออกซิเดสสูงสูงเกินนะครับมีซิเตรต
00:13:00 → 00:13:03 ต่ำนะครับมีอะไรที่มันผิดปกติมียูริกเกิน
00:13:03 → 00:13:05 มีซิสตินเกินนะครับพวกนี้จะเป็นสิ่งที่
00:13:05 → 00:13:08 คุณหมอเขาสั่งตรวจนะครับอ่ะตอนนี้เรามา
00:13:08 → 00:13:11 ถึงวิธีในการป้องกันนะครับไม่ให้นิ่วมัน
00:13:12 → 00:13:15 เกิดขึ้นเราทำยังไงได้บ้างนะครับ 1 แน่
00:13:15 → 00:13:18 นอนต้องดื่มน้ำเยอะๆนะครับน้ำเยอะแค่ไหน
00:13:18 → 00:13:21 นะครับน้ำเนี่ยผมแนะนำว่าคุณควรจะต้อง
00:13:21 → 00:13:24 ดื่มอย่างน้อยๆก็ 3 ลิตรเนี่ยนะฮะเพื่อ
00:13:24 → 00:13:27 เป้าหมายให้ปัสสาวะในแต่ละวันมันมากกว่า 2
00:13:27 → 00:13:30 ลิตรนะครับถ้าปัสสาวะในแต่ละวันมันยัง
00:13:30 → 00:13:32 น้อยกว่า 2 ลิตรอันนั้นไม่เพียงพอนะครับ
00:13:32 → 00:13:35 เราต้องดื่มน้ำเยอะหน่อยนะครับต่อมาการ
00:13:35 → 00:13:39 ที่เราต้องมีการควบคุมอาหารนะครับอาหารจำ
00:13:39 → 00:13:42 เพพศโปรตีนที่สูงๆโดยเฉพาะโปรตีนจากสัตว์
00:13:42 → 00:13:45 เนี่ยอาจจะต้องลดไปก่อนนะครับต้องลด
00:13:45 → 00:13:48 โซเดียมด้วยนะครับการที่เรากินโซเดียมสูง
00:13:48 → 00:13:51 มันจะยิ่งทำให้เราเป็นนิ่วนะครับโซเดียม
00:13:51 → 00:13:53 ที่เราแนะนำให้กินเนี่ยคือควรจะน้อยกว่า
00:13:53 → 00:13:56 2.5 กรัมต่อวันนะครับคือไม่เยอะเลยนะ
00:13:56 → 00:13:59 น้อยมากๆเราต้องงดโซเดียมนะครับวิตามินซี
00:13:59 → 00:14:02 ถ้าเกิดว่าคนไหนทานอยู่ต้องลดนะครับต้อง
00:14:02 → 00:14:03 งดเลยนะครับเพราะว่ามันจะยิ่งทำให้เกิด
00:14:03 → 00:14:08 นิ่วนะครับต่อไปคือเอ่ออาหารประเภทที่
00:14:08 → 00:14:11 เป็นน้ำตาลสูงนะครับพวกน้ำตาลซูโครสน้ำ
00:14:11 → 00:14:14 ตาลฟรุกโตสพวกเนี้ยนะฮะต้องลดนะครับเพราะ
00:14:14 → 00:14:17 ว่ามันจะยิ่งทำให้ท่านเป็นนิ่วการลดน้ำ
00:14:17 → 00:14:20 หนักในคนที่น้ำหนักตัวเยอะๆก็จะช่วยลด
00:14:20 → 00:14:23 อาการของการเกิดซ้ำของนิ่วได้นะครับก็
00:14:23 → 00:14:25 ต้องลดน้ำหนักออกกำลังกายเหมือนกันนะฮะที
00:14:25 → 00:14:29 นี้เมื่อตะกี้เนี่ยเอ่อที่ผมบอกว่ามันมี
00:14:29 → 00:14:32 นิ่วชนิดที่เป็นแคลเซียมนะครับแคลเซียมก็
00:14:32 → 00:14:34 คือหลายๆคนก็คงจะสงสัยว่าเฮ้ยถ้าเราเป็น
00:14:34 → 00:14:37 นิ่วชนิดแคลเซียมเนี่ยเราก็ต้องลดการกิน
00:14:37 → 00:14:41 แคลเซียมถูกมั้ครับมันจะได้นิ่วไม่เกิด
00:14:41 → 00:14:43 ไม่ถูกครับมันตรงกันข้ามกับที่เราคิดด้วย
00:14:43 → 00:14:46 ซ้ำไปว่าการที่เรากินอาหารที่มีแคลเซียม
00:14:46 → 00:14:49 ต่ำเนี่ยมันจะช่วยป้องกันนิ่วที่เกิดจาก
00:14:49 → 00:14:52 แคลเซียมผิดครับจริงๆการกินอาหารที่มี
00:14:52 → 00:14:57 แคลเซียมสูงมันช่วยทำให้เราไม่มีนิ่วชนิด
00:14:57 → 00:15:00 แคลเซียมถามว่าเฮ้ยทำไมเป็นอย่างงั้นน่ะ
00:15:00 → 00:15:03 เป็นเพราะว่าอย่างงี้ครับออกซาเลตเนี่ย
00:15:03 → 00:15:06 ซึ่งมันมาจากผักหลายๆชนิดเนี่ยนะครับมัน
00:15:06 → 00:15:08 ถ้ามันเข้าไปในทางเดินอาหารของเราแล้วมัน
00:15:09 → 00:15:11 ถูกดูดซึมเข้าในทางเดินอาหารของเราไปใน
00:15:11 → 00:15:13 สู่เอ่อสู่เลือดเราเนี่ยออกซาเลตตัวเนี้ย
00:15:13 → 00:15:16 มันจะไปรวมกับแคลเซียมในทางเดินปัสสาวะ
00:15:16 → 00:15:18 เกิดเป็นนิ่วขึ้นมาได้แต่ถ้าเราทาน
00:15:18 → 00:15:21 แคลเซียมเข้าไปในทางเดินอาหารมันจะไปป้อง
00:15:21 → 00:15:24 กันการจับเอาตั๋วออกซาเลตเนี้ยเข้าไปใน
00:15:24 → 00:15:25 กระแสเลือดของเรานะครับมันจะป้องกันไม่
00:15:25 → 00:15:28 ให้ออกซาเลตถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดเป็น
00:15:28 → 00:15:31 การป้องกันไม่ให้เกิดออกซาเลตสูงใน
00:15:31 → 00:15:34 ปัสสาวะนะครับก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้
00:15:34 → 00:15:37 เราเกิดนิ่วขึ้นมาได้ดังนั้นท่านที่มี
00:15:37 → 00:15:40 แคลเซียมอยู่ในปัสสาวะนะครับสูงหรือเป็น
00:15:40 → 00:15:44 นิ่วมาแล้วไม่ต้องลดการกินแคลเซียมนะครับ
00:15:44 → 00:15:47 สามารถกินต่อได้มันจะป้องกันของท่านไม่
00:15:47 → 00:15:50 ให้มีปัญหาพวกนี้ขึ้นมาด้วยนะครับอ่าตรง
00:15:50 → 00:15:53 นี้เป็นเรื่องสำคัญเอ่อแล้วออกซาเลตเมื่อ
00:15:53 → 00:15:56 กี้มันมาจากไหนน่ะถ้าเราทานออกซาเลตให้
00:15:56 → 00:15:58 มันน้อยลงเนี่ยมันจะลดการเกิดนิ้วได้
00:15:58 → 00:16:02 ออกซาเลตพวกนี้มาจากผักโขมนะครับอ่าพวก
00:16:02 → 00:16:05 มันฝรั่งหรืออัลมอนพวกเนี้ยก็จะมี
00:16:05 → 00:16:07 ออกซาเลตสูงเราก็จะต้องงดมันลงไปหน่อยนะ
00:16:07 → 00:16:12 ครับการดื่มน้ำมะนาวอ่าพวกซิเตรตเนี่ยมัน
00:16:12 → 00:16:15 จะช่วยสลายนิ่วได้นะครับแล้วน้ำที่ผมแนะ
00:16:15 → 00:16:17 นำให้ดื่มนะจะเป็นพวกน้ำมะนาวซะส่วนใหญ่
00:16:17 → 00:16:20 นะครับต่อให้ซิเตรตเนี่ยมันมีในพวกส้มพวก
00:16:20 → 00:16:22 อะไรพวกนั้นก็ตามแต่อย่าลืมนะครับว่าส้ม
00:16:22 → 00:16:24 พวกนี้มันมีแคลอรี่สูงแล้วมันก็มีน้ำตาล
00:16:24 → 00:16:26 ด้วยนะครับทำให้ท่านได้แคลอรี่เกินแล้ว
00:16:26 → 00:16:29 เมื่อตะกี้ผมบอกว่าน้ำตาลนั่นมันมีส่วนทำ
00:16:29 → 00:16:32 ให้เกิดนิ่วดังนั้นถ้าจะดีนะครับทานเป็น
00:16:32 → 00:16:35 พวกน้ำมะนาวแล้วก็ไม่ต้องไปปรุงไม่ต้องไป
00:16:35 → 00:16:38 ใส่น้ำตาลอะไรเข้าไปมันจะสามารถช่วยสลาย
00:16:38 → 00:16:41 นิ่วให้ท่านได้นะครับอันนี้ก็คือเป็นวิธี
00:16:41 → 00:16:44 ในการเอ่อปฏิบัติตัวเพื่อที่จะให้นิ่วมัน
00:16:44 → 00:16:48 ไม่กลับมาเป็นนะครับทีนี้ในบางคนที่ทำ
00:16:48 → 00:16:49 เต็มที่แล้วมันยังเกิดนิ่วขึ้นมาอยู่ดี
00:16:49 → 00:16:53 หมอเจะทำยังไงอ่าหมอเจะต้องดูว่าปัสสาวะ
00:16:53 → 00:16:55 ของเราเนี่ยมันมีส่วนประกอบอะไรที่ทำให้
00:16:55 → 00:16:57 เกิดนิ่วได้ม้างนะครับโดยเฉพาะถ้ามันมี
00:16:57 → 00:17:00 แคลเซียมเยอะหมอเขอาจจะให้ยาขับปัสสาวะนะ
00:17:00 → 00:17:03 ครับอ่ายาขับปัสสาวะชนิดที่เรียกว่าไ aide
00:17:03 → 00:17:05 diuretic เช่น
00:17:05 → 00:17:09 คทนนะครับ hctz นะครับหรือไฮโดรคลอโรไท
00:17:09 → 00:17:12 หรือ indapamide นะครับตัวใดตัวหนึ่งนะ
00:17:12 → 00:17:15 ครับเพื่อที่จะให้มันลดการขับแคลเซียมออก
00:17:15 → 00:17:20 มาในปัสสาวะแต่แต่นะครับเราจะต้องลดการ
00:17:20 → 00:17:23 กินเค็มด้วยเพราะไม่ฉะนั้นเนี่ยยาตัวนี้
00:17:23 → 00:17:26 จะออกฤทธิ์ไม่ได้นะครับสำหรับหมอที่เข้า
00:17:26 → 00:17:28 มาฟังนะครับยาตัวนี้เนี่ยถ้าเป็นผมนะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ผมจะแนะนำว่าใช้คอ pidon หรือ indapamide
00:17:31 → 00:17:34 มากกว่า hctz เพราะว่า hctz เนี่ยมันออก
00:17:34 → 00:17:37 ริกสั้นแต่ว่าในขณะที่ 2 ตัวนั้นออกฤทธิ์
00:17:37 → 00:17:39 ยาวกว่าจะได้ผลดีกว่าแล้วการที่ต้องลด
00:17:39 → 00:17:42 โซเดียมเพราะว่ากลไกการออกฤทธิ์ของตัวนี้
00:17:42 → 00:17:44 เนี่ยนะครับมันจะทำให้ร่างกายเราขาดน้ำ
00:17:44 → 00:17:47 เล็กน้อยแล้วการขาดน้ำเนี่ยนะครับมันจะไป
00:17:47 → 00:17:51 เพิ่มการดูดซึมโซเดียมนะครับแล้วพอเพิ่ม
00:17:51 → 00:17:53 การดูดซึมโซเดียมมันจะทำให้เกิดการดึงเอา
00:17:53 → 00:17:55 แคลเซียมตามเข้าไปด้วยทำให้ในปัสสาวะของ
00:17:55 → 00:17:58 เรานั้นมีแคลเซียมที่ลดลงแต่ถ้าท่านทาน
00:17:58 → 00:18:02 โซเดียมสูงนะครับการดูดซึมโซเดียมเข้าไป
00:18:02 → 00:18:05 ในหลอดในท่อไตเนี่ยมันจะเกิดขึ้นได้ลดลง
00:18:05 → 00:18:10 ทำให้ผลของการขับแคลเซียมเอ่อขับผลของการ
00:18:10 → 00:18:13 ดูดแคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือดเนี่ยแล้วลด
00:18:13 → 00:18:15 การปล่อยแคลเซียมออกไปในปัสสาวะเนี่ยมัน
00:18:15 → 00:18:18 แย่ลงนะครับดังนั้นคนที่กินยากลุ่มไอซจะ
00:18:18 → 00:18:22 ต้องมีการลดโซเดียมด้วยนะครับมิฉะนั้นจะ
00:18:22 → 00:18:25 ไม่ได้ผลนะครับอ่าอีกอย่างนึงคือที่เราจะ
00:18:25 → 00:18:28 ทำได้คือการให้กลุ่มโพแทสเซียมซิตริกนะ
00:18:28 → 00:18:31 เป็นการเพิ่มซิเตรตในปัสสาวะแล้วก็ไป
00:18:31 → 00:18:33 ละลายเอานิ่วพวกนี้ออกมาด้วยถ้าคนไหนเป็น
00:18:33 → 00:18:36 นิ่วที่เกิดจากยูริกนะครับเช่นเป็นเก๊า
00:18:36 → 00:18:39 เยอะๆนะครับแล้วก็ค่าหยุดในเลือดสูงมากๆ
00:18:39 → 00:18:42 เนี่ยบางทีหมอเขาจะให้ยากินกลุ่มยาิิอนะ
00:18:42 → 00:18:46 ครับอ่าหรือยาเันะครับเพื่อที่จะลดการก่อ
00:18:46 → 00:18:49 นิ่วจากยูริกนะครับในเลือดได้นะครับอ่า
00:18:49 → 00:18:52 อันนี้ก็จะเป็นวิธีในการรักษาแล้วก็ป้อง
00:18:52 → 00:18:54 กันนิ่วในทางเดือปัสสาวะทั้งหมดนะครับที่
00:18:54 → 00:18:57 ผมคิดว่าน่าจะครอบคลุมพอสมควรเลยทีเดียว
00:18:57 → 00:18:59 นะครับดังนั้นถ้าเกิดว่าหว่าคนไหนที่มี
00:18:59 → 00:19:02 นิ่วนะครับต้องระวังเพราะว่ามันเกิดซ้ำ
00:19:02 → 00:19:04 ได้นะครับต่อให้ท่านเกิดครั้งแรกแล้วอย่า
00:19:04 → 00:19:06 คิดนะครับว่ามันจะไม่เป็นอีกมันเป็นอีก
00:19:06 → 00:19:09 ได้นะครับแล้วถ้าปล่อยไว้นานๆแน่นอนนะ
00:19:09 → 00:19:12 อาการก็เยอะถ้านิ่วมันใหญ่มากมันก็อุดกัน
00:19:12 → 00:19:15 อุดตั้นเ่อไตนะครับทำให้ท่านมีภาวะไต
00:19:15 → 00:19:17 เสื่อมได้หรือบางคนมีการติดเชื้อนะครับทำ
00:19:17 → 00:19:20 ให้กรวยตอักเสบนี้ก็อันตรายได้เหมือนกัน
00:19:20 → 00:19:22 นะครับบางคนเนี่ยคือติดเชื้อถึงขั้นว่า
00:19:22 → 00:19:25 เอ่อเชื้อลงกระแสเลือดนะครับทำให้อาการ
00:19:25 → 00:19:28 หนักจนต้องลง ICU ได้เลยก็มีนะครับดัง
00:19:28 → 00:19:30 นั้นเราต้องมาป้องกันตรงนี้นะครับงั้นย้ำ
00:19:30 → 00:19:34 อีกทีนึงดื่มน้ำให้มันมากๆมีปัสสาวะอย่าง
00:19:34 → 00:19:37 น้อย 2 ลิตรต่อวันนะครับลดอาหารจำประเภท
00:19:37 → 00:19:40 โปรตีนนะครับอย่าไปกินเยอะลดไวตามินซีที่
00:19:40 → 00:19:43 กินอยู่นะครับทานพวกน้ำมะนาวนี้จะช่วยได้
00:19:43 → 00:19:46 เลยนะครับอย่าช่วยละลายนิ่วได้นะฮะหลีก
00:19:46 → 00:19:49 เลี่ยงอาหารพวกที่มีน้ำตาลสูงนะครับออก
00:19:49 → 00:19:51 กำลังกายพวกนี้ก็ช่วยได้นะครับอาหารที่มี
00:19:51 → 00:19:55 ออกซาเลตเช่นผักโขมนะครับอัลมอนด์หรือพวก
00:19:55 → 00:19:58 อ่ามันฝรั่งเราต้องพยายามงดไปก่อนนะครับ
00:19:58 → 00:20:00 โอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับใครมีอะไรที่
00:20:00 → 00:20:03 เป็นคำถามก็สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับ
00:20:03 → 00:20:06 สวัสดีครับ