00:00:00 → 00:00:02 ท้องอืดบ่อยเกิดจากอะไรได้บ้าง
00:00:02 → 00:00:03 >> ดูแลตัวเองยังไงดี
00:00:03 → 00:00:13 >> ติดตามได้ในรายการวันใหม่ไกลโรคไก
00:00:13 → 00:00:16 >> สืบทอดภูมิปัญญาไทยใส่ใจคุณภาพยาร้าน
00:00:16 → 00:00:22 เจริญสุขโอสถนครปฐม
00:00:22 → 00:00:24 สวัสดีค่ะนี่คือรายการวันใหม่ไกลโรคค่ะ
00:00:24 → 00:00:26 รายการที่จะพาทุกคนไปเปิดมุมมองเกี่ยวกับ
00:00:26 → 00:00:29 ยาแผนไทยและสมุนไพรไทยเพื่อคนไทยสุขภาพดี
00:00:29 → 00:00:32 นะคะเพราะทุกวัยเริ่มใหม่ได้เสมอกับวัน
00:00:32 → 00:00:33 ใหม่ไกลโลกค่ะวันนี้อยู่กับอาจารย์
00:00:33 → 00:00:35 รุ่งรวีค่ะอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์
00:00:35 → 00:00:37 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะสวัสดีค่ะ
00:00:37 → 00:00:37 อาจารย์
00:00:37 → 00:00:39 >> สวัสดีค่ะ
00:00:39 → 00:00:41 >> วันนี้ค่ะอยากชวนคุยประเด็นสำคัญเลยก็คือ
00:00:41 → 00:00:45 ระบบย่อยอีกแล้วหลายๆคนค่ะทองอืดเรื้อรัง
00:00:45 → 00:00:47 แล้วเขาก็จะไปโฟกัสเรื่องอาหารค่ะอาจารย์
00:00:47 → 00:00:49 แต่โฟกัสเรื่องอาหารมันก็ยังไม่ดีขึ้นก็
00:00:49 → 00:00:51 ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นซึ่งในทางแพทย์แผน
00:00:52 → 00:00:54 ไทยเนี่ยเท่าที่ดังทราบมามันมีหลายปัจจัย
00:00:54 → 00:00:57 กว่านั้นเรื่องวัยด้วยโรคบางอย่างด้วย
00:00:57 → 00:00:59 อากาศก็เกี่ยวนะฤดูกาลใช่มั้คะวันนี้ค่ะ
00:00:59 → 00:01:02 จะมาขอความรู้จากอาจารย์ว่าเฮ้ยถ้าเกิด
00:01:02 → 00:01:03 เราทองอื่นเรื้อรังมันมาจากสาเหตุอะไรได้
00:01:03 → 00:01:06 บ้างแล้วเราจะปรับด้วยตัวเองได้อย่างไรนะ
00:01:06 → 00:01:09 คะอาจารย์คำถามแรกก่อนเลยท้องอืดค่ะในทาง
00:01:09 → 00:01:11 แพทย์แผนไทยมันมาจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
00:01:12 → 00:01:15 >> ก็หลายสาเหตุนะคะอ่ะตั้งแต่ 1 พฤติกรรม
00:01:15 → 00:01:19 ก่อนนะคะพฤติกรรมการกินเยอะการพูดเยอะนะ
00:01:19 → 00:01:22 ในพูดระหว่างกินก็จะทำให้ท้องอื่นได้นะคะ
00:01:22 → 00:01:25 เพราะมันมีการกลืนอากาศเข้าไป
00:01:25 → 00:01:28 >> แล้วก็อันที่ 2 อย่างที่หมอแดงว่านะคะ
00:01:28 → 00:01:29 ภูมิ
00:01:29 → 00:01:32 อากาศภูมิประเทศนะคะอย่างเช่นภาคใต้ซึ่ง
00:01:32 → 00:01:35 ฝน 884 พวกนี้ก็มีโอกาสที่จะเป็นสิ่งแวด
00:01:35 → 00:01:38 ล้อมที่ทำให้มีโอกาสเป็นอาการท้องอื่นได้
00:01:38 → 00:01:40 เยอะนะคะเราก็พบว่าคนภาคใต้เนี่ยจะมี
00:01:40 → 00:01:43 อุบัติการเป็นท้องอื่นเนี่ยเยอะพอสมควรที
00:01:43 → 00:01:47 เดียวนะฮะแล้วก็นอกจากนี้เนี่ยเรื่องของ
00:01:47 → 00:01:51 อายุนะฮะเรื่องของอายุอายุเนี่ยคนสูงอายุ
00:01:51 → 00:01:54 อย่างพี่เนี่ยสูงอายุแล้วการหลังน้ำย่อย
00:01:54 → 00:01:58 ก็อาจจะน้อยหน่อยไม่ค่อยดีเท่ากับเอ่อคน
00:01:58 → 00:02:01 อื่นเขาหรือว่าเอ่อเวลาเราปฏิบัติตัวของ
00:02:01 → 00:02:04 เราเนี่ยนะพฤติกรรมของเราเนี่ยเราไม่ค่อย
00:02:04 → 00:02:06 จะเคลื่อนไหวตัวอันนั้นก็มีโอกาสจะทำให้
00:02:06 → 00:02:10 ท้องอื่นได้นะคะแล้วก็เรื่องของโรคโรคบาง
00:02:10 → 00:02:13 อย่างก็ทำให้ท้องอืดอง่ายๆคือโรคแผลใน
00:02:13 → 00:02:16 กระเพาะอาหารนะคะแผลในทางเดินอาหารซึ่ง
00:02:16 → 00:02:18 จริงๆมันเป็นการอักเสบนะบางอาจจะมีแผล
00:02:19 → 00:02:21 หรือไม่มีแผลก็ได้แต่ก็จะเกี่ยวพันกับ
00:02:21 → 00:02:24 อาการท้องอื่นได้แล้วก็อีกประเภทนึงก็คือ
00:02:24 → 00:02:28 เอ่อกินอาหารที่ย่อยยากนะฮะทำให้เอ่อมี
00:02:28 → 00:02:31 อาการท้องอื่นได้นิดเดียวกันนะคะ
00:02:31 → 00:02:31 >> อครับ
00:02:31 → 00:02:36 >> ตัวสุดท้ายก็คือเป็นเรื่องของการกินอาหาร
00:02:36 → 00:02:40 ที่ปริมาณที่เยอะเกินไปนะคะซึ่งพวกนี้ก็
00:02:40 → 00:02:42 มีโอกาสทำให้ท้องอื่นได้เยอะเพราะว่าพอ
00:02:42 → 00:02:44 เรากินอาหารปริมาณเยอะเกินไปร่างกายเรา
00:02:44 → 00:02:47 ไม่สามารถจะบีบรัดตัวไม่สามารถที่จะย่อย
00:02:47 → 00:02:50 อาหารได้พอไม่มีอาหารไม่มีอาการอย่างี้
00:02:50 → 00:02:53 ปั๊บเนี่ยไอ้เชื้อมันก็จะเริ่มที่จะย่อย
00:02:53 → 00:02:57 ช่วยเราย่อยนะคะเชื้อในในตัวเราเนี่ยมัน
00:02:57 → 00:02:59 สามารถช่วยเสนอหน้าได้ทุกตำแหน่งนะคะ
00:02:59 → 00:03:02 เพราะฉะนั้นก็จะช่วยเราย่อยพอช่วยย่อยมาก
00:03:02 → 00:03:04 ๆพวกนี้ก็จะทำให้เกิดแก๊สมากขึ้นนะคะ
00:03:04 → 00:03:07 >> อืโอเคค่ะเมื่อกี้อาจารย์พูดถึงสาเหตุแดง
00:03:07 → 00:03:10 มีความสนใจอันนึงที่อาจจะช่วยเหลือหลายๆ
00:03:10 → 00:03:12 คนในการปรับได้เนอะเพราะว่าเรื่อง
00:03:12 → 00:03:13 พฤติกรรมอยากให้ไปดูในคลิปแรกที่เราพูด
00:03:13 → 00:03:15 ถึงเรื่องกดไลย้ออาจารย์พูดไปเยอะเลยว่า
00:03:15 → 00:03:17 พฤติกรรมอันเนี้ยไม่ควรทำนะถ้าเกิดคุณ
00:03:17 → 00:03:19 เลิกทำเนี่ยอาการระบบย่อยคุณจะดีขึ้นเนาะ
00:03:19 → 00:03:22 คราวนี้เรื่องของฤดูกาลค่ะอาจารย์เออมัน
00:03:22 → 00:03:23 เอามาปรับยังไงได้มั้คะเหมือนอาจารย์เคย
00:03:24 → 00:03:26 พูดว่าพอฤดูมันเปลี่ยนเนี่ยในทางประเทศ
00:03:26 → 00:03:28 ใครเราเองเนี่ยอาหารก็เปลี่ยนนะ
00:03:28 → 00:03:29 >> ถูกต้อง
00:03:29 → 00:03:30 >> เราจะปรับยังไงดีคะอาจารย์
00:03:30 → 00:03:32 >> เพราะว่าจะเห็นว่าในพวกเขตร้อนทั้งหลาย
00:03:32 → 00:03:36 อ่ะเ่อเราก็จะเห็นว่าเวลาเอ่อเราจะกินพืช
00:03:36 → 00:03:39 ผักทั้งหลายอ่ะเมื่อก่อนเรากินตามฤดูนะคะ
00:03:39 → 00:03:41 เราไม่กินทวายแบบสมัยนี้นะสมัยนี้เนี่ย
00:03:41 → 00:03:43 พยายามปลูกให้มันมีทุกฤดูจริงๆแล้วเนี่ย
00:03:43 → 00:03:45 มันไม่เหมาะสมมันไม่จำเป็นเพราะว่าอาหาร
00:03:45 → 00:03:49 ในแต่ละช่วงฤดูเนี่ยมันก็คือเป็นอาหารที่
00:03:49 → 00:03:52 เหมาะสมสำหรับสุขภาพของคนในช่วงฤดูนั้น
00:03:52 → 00:03:56 อ่าแม้กระทั่งในพื้นที่ของทางทางยุโรปกับ
00:03:56 → 00:03:59 ทางเราเนี่ยก็ใช้อาหารไม่เหมือนกันนะคะ
00:03:59 → 00:04:02 อ่ะยกตัวอย่างง่ายๆเนาะเราคิดว่าอาหารรส
00:04:02 → 00:04:04 เผ็ดเนี่ยมันเหมาะกับเรานะเอ่อสำหรับ
00:04:04 → 00:04:07 ยุโรปไม่เหมาะสำหรับยุโรปจริงมั้นะฮะมีคน
00:04:07 → 00:04:10 เค้าก็เอ่อทำวิจัยฮะเรื่องนี้เทำวิจัยเลย
00:04:10 → 00:04:13 ค่ะว่าคนยุโรปนี่ควรกินเผ็ดมั้ยนะโดยสรุป
00:04:13 → 00:04:14 ก็คือคนยุโรปไม่ควรกินเผ็ด
00:04:14 → 00:04:15 >> อืเพราะว่า
00:04:15 → 00:04:18 >> เพราะว่าอะไรเค้าหนาวเราก็คิดว่าเอ๊ะกิน
00:04:18 → 00:04:20 เผ็ดมันร้อนมันควรจะดีนะแต่ปรากฏว่าเวลา
00:04:20 → 00:04:22 เรากินเผ็ดปั๊บเนี่ยเหงื่อมันจะออกเพราะ
00:04:22 → 00:04:24 ฉะนั้นมันเป็นการระบายความร้อนออกสุดท้าย
00:04:24 → 00:04:27 มันก็จะกลับมารีเวรสกลับมาว่าทำให้เค้า
00:04:27 → 00:04:28 เย็นมากขึ้น
00:04:28 → 00:04:30 >> แต่ของเราเนี่ยพอกินเผ็ดปั๊บเหงื่อมันออก
00:04:30 → 00:04:33 มันก็อากาศข้างนอกมันร้อนอยู่มันก็ระบาย
00:04:33 → 00:04:36 ได้นะคะคราวนี้กลับมาฤดูฝนฤดูฝนเนี่ยเป็น
00:04:36 → 00:04:40 ฤดูที่ทำให้ท้องอืดเยอะแล้วเราทำยังไงที่
00:04:40 → 00:04:44 เราให้เราไม่เจอไอ้อาการท้องอื่นบ่อยๆ
00:04:44 → 00:04:47 หรือว่าซ้ำๆซากๆเราก็ปรับอาหารค่ะอาหาร
00:04:47 → 00:04:50 ที่เราจะปรับนี่ก็คือให้ปรับอาหารเนี่ย
00:04:50 → 00:04:53 ทุกมื้อหรือบางมื้อก็ได้ให้มีรสเผ็ดร้อน
00:04:53 → 00:04:56 เพิ่มขึ้นนะคะคำว่ารสเผ็ดร้อนเนี่ยไม่ใช่
00:04:56 → 00:04:58 ว่ากินพริกนะฮะพริกเนี่ยไม่ถือว่าเป็น
00:04:59 → 00:05:01 เผ็ดร้อนถือว่าเป็นเผ็ดแสบนะคะเพราะเป็น
00:05:01 → 00:05:03 ตัวที่มากินปั๊บมันร้อนปึ๊บแล้วเดี๋ยวมัน
00:05:03 → 00:05:07 หายไปนะฮะแล้วแล้วมันก็ไม่เหมาะในฤดูใน
00:05:07 → 00:05:10 ฤดูฝนอาหารที่เหมาะสำหรับเรื่องฝนเนี่ยก็
00:05:10 → 00:05:13 คือพริกไทยค่ะขิงค่ะกระเทียมอย่างเงี้ยนะ
00:05:13 → 00:05:16 คะกระชายกลุ่มพวกเนี้ยเอ่อเป็นกลุ่มที่
00:05:16 → 00:05:18 เป็นเครื่องเทศของไทยทั้งหมดเลย
00:05:18 → 00:05:21 >> นะคะเพราะฉะนั้นพวกกลุ่มต้มยำกลุ่มแกง
00:05:21 → 00:05:23 เรียงเนี่ยมันก็เหมาะสำหรับจะใช้ที่นี่
00:05:23 → 00:05:26 ฤดูนี้นะคะเอ่อถ้าเป็นใครที่ชอบเนื้อ
00:05:26 → 00:05:28 สัตว์หน่อยก็จะมีปูผัดพริกไทยดำปลาผัด
00:05:28 → 00:05:31 พริกไทยดำอะไรกลุ่มพวกเนี้ยก็จะนั่นได้
00:05:31 → 00:05:33 เพราะฉะนั้นให้มองเรื่องอาหารเป็นหลักนะ
00:05:33 → 00:05:36 คะแล้วก็จะมีผักบางชนิดอย่างเช่นกะเพราอ
00:05:36 → 00:05:40 นะฮะหรือว่าแมงรักเงี้ยกินขนมจีนในช่วง
00:05:40 → 00:05:44 ฤดูร้อนเนี่ยเอ้ยฤดูเอ่อฝนเนี่ยนะฮะให้
00:05:44 → 00:05:46 ใส่ใบแมงรักเข้าไปเยอะหน่อยเพราะมันจะ
00:05:46 → 00:05:49 ช่วยทำให้ขับลมได้ง่ายนะฮะแล้วขนมจีน
00:05:49 → 00:05:53 เนี่ยบางคนก็จะชอบกินขนมจีนหมักซึ่งขนม
00:05:53 → 00:05:56 จีนหมักเนี่ยมันมีการหมักแล้วมีเชื้ออยู่
00:05:56 → 00:05:58 เล็กน้อยนะคะเพราะฉะนั้นในบางคนเพอกิน
00:05:58 → 00:06:01 แล้วก็จะท้องอืดหรือท้องเสียได้ง่ายนะดัง
00:06:01 → 00:06:03 นั้นก็การใส่เครื่องเคียงเข้าไปในขนมจีน
00:06:04 → 00:06:08 เนี่ยเป็นตัวที่จะช่วยปรับในเรื่องของ
00:06:08 → 00:06:11 เอ่อรสอาหารทำให้สุขภาพเราดีขึ้น
00:06:11 → 00:06:11 >> นะคะ
00:06:11 → 00:06:13 >> จริงๆเรื่องของอาหารเนี่ยแดงชื่นชม
00:06:14 → 00:06:16 บรรพบุรุษเรามากเลยเนาะอาจารย์บางทีเรา
00:06:16 → 00:06:19 ไม่รู้นะว่าทำไมอ่ะทำไมขนมจีนมันต้องมี
00:06:19 → 00:06:22 ผักอะไรแบบเนี้ยแต่พอฟังอาจารย์เล่ามัน
00:06:22 → 00:06:26 ช่วยไงเออมันมันช่วยลดลมเอยช่วยย่อยเอย
00:06:26 → 00:06:27 มันผสมมาแล้ว
00:06:27 → 00:06:27 >> ใช่
00:06:27 → 00:06:29 >> ในตำรับนั้นน่ะตำรับอาหารนั่นแหละค่ะ
00:06:29 → 00:06:33 >> ถูกค่ะขนมจีนี่เป็นตัวอย่างอย่างนึงเลย
00:06:33 → 00:06:36 ที่พยายามเวลาให้เด็กๆรับประทานเนี่ยปกติ
00:06:36 → 00:06:39 เวลาเปิดคอร์สบางครั้งนะคะพี่ก็จะให้เด็ก
00:06:39 → 00:06:43 เนี่ยกินขนมจีนนะคะให้ให้เ้ามาดูชิมรส
00:06:43 → 00:06:45 อาหารอยากให้เค้ารู้ว่ารสผักเนี่ยมันเป็น
00:06:45 → 00:06:48 ยังไงเราก็เอาผักหลากหลายชนิดมาให้เค้าดู
00:06:48 → 00:06:51 นะคะเพราะฉะนั้นเก็เค้าก็จะเริ่มชิมนะเจะ
00:06:51 → 00:06:55 พบว่าในในขนมจีนอาหารเรียกว่าเซตเดียว
00:06:55 → 00:06:59 เนี่ยมันจะมีผักมากมายหลายอย่างซึ่งทั้ง
00:06:59 → 00:07:02 ปรับตามฤดูได้ด้วยแล้วก็ป้องกันไอ้ไซส์
00:07:02 → 00:07:04 เอฟเฟคทั้งหลายที่จะเกิดจากอาหารได้ด้วย
00:07:04 → 00:07:07 นะคะเ่อยกตัวอย่างเอย่างเช่น
00:07:07 → 00:07:10 >> มันจะมีขนมจีนเนี่ยบางมันจะมีถ้าเป็นภาค
00:07:10 → 00:07:14 ใต้มันจะมีผักชนิดนึงเรียกว่าเอ่อผักเม็ก
00:07:14 → 00:07:17 นะอีสานก็มีนะคะผักเม็กหรือว่าเป็นพวก
00:07:17 → 00:07:21 เอ่อเป็นลูกลูกชิ่งนะคะซึ่งมันจะมีรสฝาดๆ
00:07:21 → 00:07:24 นิดๆหรือว่าเป็นมันปูพวกเนี้ยมันจะเป็นรส
00:07:24 → 00:07:27 ฝาดเอ่อเวลาเค้าใส่รสฝาดเข้าไปเนี่ยเพื่อ
00:07:27 → 00:07:29 ลดไอ้การเผ็ดร้อน
00:07:29 → 00:07:34 >> ของของไอ้พริกที่อยู่ในน้ำยาอ่าในขนมจีน
00:07:34 → 00:07:37 นะคะแล้วในขณะเดียวกันก็จะมีใบแมงลักเข้า
00:07:38 → 00:07:41 มานะเพื่อจะให้มันมีการเอ่อเรียกว่าปรับ
00:07:41 → 00:07:45 ไอ้ตัวท้องไม่ให้มันเกร็งไม่ให้มันตึงไม่
00:07:45 → 00:07:47 ให้ปวดท้องหลังจากเจอกับไอ้ความเผ็ดอัน
00:07:47 → 00:07:51 นี้แล้วนะคะแล้วก็ทำให้ไม่ท้องอื่นตามมา
00:07:51 → 00:07:54 ตามนั้นแล้วแล้วก็ยังมีพวกรสเปรี้ยวรส
00:07:54 → 00:07:57 หวานซึ่งรสเปรี้ยวเนี่ยก็จะช่วยดึงน้ำ
00:07:57 → 00:08:00 หลังเข้ามาในลำไส้ทำให้ลำไส้เนี่ยย่อยได้
00:08:00 → 00:08:04 ดีขึ้นนะฮะแล้วก็รสหวานก็จะช่วยทำให้ตัว
00:08:04 → 00:08:07 ลำไส้เนี่ยมันสามารถที่จะชุ่มฉ่ำเพราะ
00:08:07 → 00:08:10 หวานเนี่ยมันจะซับเข้าไปในผนังด้านข้าง
00:08:10 → 00:08:13 ของกระเพาะกับลำไส้ก็ทำให้ลำไส้ชื่นฉลำ
00:08:13 → 00:08:15 ไส้ไม่แห้งเวลากินเผ็ดมากๆบางทีลำไส้จะ
00:08:16 → 00:08:17 แห้งอ
00:08:17 → 00:08:20 >> อใช่เลยเพราะว่าเพราะว่าอย่างอย่าบางคน
00:08:20 → 00:08:21 เขาอยากกินแบบเอ้ยเผ็ดช่วยขับลมอะไรอย่าง
00:08:21 → 00:08:23 เงี้ยบางทีไปกินขนมบางอย่างที่มันเผ็ด
00:08:23 → 00:08:26 อย่างเดียวอ่ะมันก็อาจจะไม่ได้เรื่องขับ
00:08:26 → 00:08:28 ลมด้วยซ้ำแต่มันแสบเนาะแต่พอฟังอาจารย์
00:08:28 → 00:08:29 เล่าว่าพอกินอาหารเป็นเรื่องเป็นราแล้ว
00:08:29 → 00:08:32 เรารู้เรื่องรสอ่ะเค้าปรับมาให้เราหมด
00:08:32 → 00:08:34 แล้วไม่ให้มันแห้งไปมีรสหวาน
00:08:34 → 00:08:35 >> ออ
00:08:35 → 00:08:37 >> แล้วขนมจีนในแต่ละภาคถึงเป็นแบบนี้ด้วยนะ
00:08:37 → 00:08:39 คะอาจารย์เพราะมันไม่เหมือนกัน
00:08:39 → 00:08:41 >> ถูกค่ะแต่แต่ละภาคเก็จะเอาผักของเขาเอง
00:08:41 → 00:08:44 แต่พอไปดูรสเจริงๆเนี่ยมันก็คือรสประมาณ
00:08:44 → 00:08:45 นี้หมดเลย
00:08:45 → 00:08:49 >> มันมีรสฝาดรสเผ็ดรสฝาดรสเปรี้ยวรสหวาน
00:08:49 → 00:08:51 >> นะคะอาจจะมีเค็มบ้างนิดๆเนี่ยไม่ไม่เยอะ
00:08:51 → 00:08:54 ค่ะบางคนค่ะอาจารย์ท้องอื่นเนี่ยกลับกลาย
00:08:54 → 00:08:56 เป็นว่าเขาเลี่ยงอาหารรสพวกนี้มันเหมือน
00:08:56 → 00:08:59 กับมันมีข้อมูลบางอย่างมาบอกว่าเฮ้ยท้อง
00:08:59 → 00:09:01 อืดอาจจะกระเพาะไม่ดีเป็นโรคกระเพาะงั้น
00:09:01 → 00:09:03 ฉันกินเผ็ดไม่ได้กลับกลายเป็นไปกินอาหาร
00:09:03 → 00:09:05 คลีนแบบผัก
00:09:05 → 00:09:05 >> อื
00:09:05 → 00:09:07 >> ข้าวต้มทุกวัน
00:09:07 → 00:09:08 >> อ๋อยิ่งอื่นใหญ่เลยค่ะ
00:09:08 → 00:09:08 >> อื
00:09:08 → 00:09:11 >> เพราะว่าพวกนี้เนี่ยมันจะไม่ช่วยกระตุ้น
00:09:11 → 00:09:13 การทำงานของลำไส้ต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่า
00:09:13 → 00:09:16 เผ็ดเนี่ยกับเผ็ดร้อนเนี่ยมันแตกต่างกัน
00:09:16 → 00:09:19 ถ้าคำว่าเผ็ดแสบของพริกเนี่ยมันจะไม่ช่วย
00:09:19 → 00:09:21 ในเรื่องของการเคลื่อนไหวของลำไส้
00:09:22 → 00:09:22 >> อื
00:09:22 → 00:09:25 >> แต่ถ้าเป็นกลุ่มเผ็ดร้อนจริงๆนะคะจะเป็น
00:09:25 → 00:09:29 กะเพราโหรพาแมงรักกระชายข่าข่านี่ก็ดีนะ
00:09:29 → 00:09:29 คะ
00:09:29 → 00:09:33 >> ข่านี่ดีมากเลยจะเห็นว่าข้าวต้มภาคใต้
00:09:33 → 00:09:36 เนี่ยเขาจะใช้ข่าคั่วนะคะแล้วก็ตำแล้วก็
00:09:36 → 00:09:40 โรยเข้ามาในข้าวต้มค่ะเพื่อทำให้ไอ้ร่าง
00:09:40 → 00:09:43 กายมันอุ่นขึ้นทำให้ไอ้ตัวลำไส้เนี่ยมัน
00:09:43 → 00:09:46 ขยับได้ดีเพราะอาหารที่จืดเกินไปเนี่ยลำ
00:09:46 → 00:09:48 ไส้มันจะไม่ขยับตัวเท่าไหร่
00:09:48 → 00:09:50 >> นะคะเพราะฉะนั้นถ้ากินผักเยอะๆจะพบว่าเรา
00:09:50 → 00:09:53 จะจะมีปัญหาเรื่องท้องอื่นได้ง่ายบางคน
00:09:53 → 00:09:55 อาจจะบอกว่าเข้าใจว่าเป็นเพราะผักมันย่อย
00:09:55 → 00:09:58 ยากจริงๆแล้วผักบางชนิดไม่ได้ย่อยยากแบบ
00:09:58 → 00:10:01 นั้นมันมีละบางชนิดเท่านั้นที่ย่อยยากนะ
00:10:01 → 00:10:05 คะอย่างเช่นพวกผักกระเฉดเ่อสะเดาพวกกี้
00:10:05 → 00:10:09 เหล็กหรือว่าชะอมอ่าอันเนี้ยจะย่อยยากแต่
00:10:09 → 00:10:11 ผักอื่นๆเนี่ยมันย่อยง่ายแต่ความเย็นของ
00:10:11 → 00:10:15 มันน่ะค่ะทำให้ร่างกายเนี่ยไม่ได้ปรับตัว
00:10:15 → 00:10:17 ไม่ได้ขยับตัวเท่าไหร่นะคะเพราะฉะนั้นก็
00:10:17 → 00:10:20 ใส่พวกผักพวกนี้เข้าไปนะคะผักที่มันมีรส
00:10:20 → 00:10:23 เผ็ดเผ็ดร้อนนิดๆนึงนะคะถ้าไม่อยากกินพวก
00:10:24 → 00:10:27 นี้ก็กินพวกต้มยำก็ได้นะคะก็ลดไอ้ตัวพริก
00:10:27 → 00:10:29 ขี้หนูออกไปนะคะใส่พวกเครื่องไปเยอะๆ
00:10:29 → 00:10:32 >> ใส่เครื่องเข้าไปหน่อยนึงอ่าเครื่องต้มยำ
00:10:32 → 00:10:35 ถ้ามันเหม็นมากนักอ่ะนะบางคนบอกไม่ค่อย
00:10:35 → 00:10:38 ชอบให้ใส่หอมแดงค่ะหอมแดงมันจะกลบกลิ่น
00:10:38 → 00:10:41 ไอ้ของตะไคร้ของอะไรที่เราไม่ชอบเนี่ยได้
00:10:41 → 00:10:41 ค่ะ
00:10:41 → 00:10:43 >> อเมื่อกี้อาจารย์พูดถึงฤดูฝนค่ะอาจารย์
00:10:43 → 00:10:46 แล้วถ้าฤดูร้อนกับฤดูหนาวเนี่ยเราจะปรับ
00:10:46 → 00:10:47 อาหารยังไงถ้าเรามีอาการท้องอืดอ่ะค่ะ
00:10:48 → 00:10:48 อาจารย์
00:10:48 → 00:10:51 >> เอ่อจริงๆก็ปรับตามนี้ค่ะเหมือนกันแต่
00:10:51 → 00:10:54 เพราะว่าฤดูฤดูร้อนกับฤดูหนาวไม่ค่อยท้อง
00:10:54 → 00:10:57 อื่นอันนี้เราก็เจอว่าเป็นเช่นนี้แต่ถ้า
00:10:57 → 00:10:59 เมื่อไหร่ท้องอื่นนั่นแสดงว่าร่างกายเรา
00:10:59 → 00:11:02 เริ่มเย็นลงมันมีปัญหาแต่ว่าในฤดูร้อนนะ
00:11:02 → 00:11:05 คะถ้าเกิดมีปัญหาตรงเนี้ยอย่ากินเยอะเกิน
00:11:05 → 00:11:05 >> อ่า
00:11:05 → 00:11:07 >> อ่าต้องระวังเพราะว่าถ้ากินเยอะเกินไปนิด
00:11:07 → 00:11:09 เดียวมันทำให้ร่างกายร้อนขึ้นข้างนอกมัน
00:11:09 → 00:11:12 ร้อนอยู่แล้วนะคะปรับให้สมดุลปั๊บเนี่ยก็
00:11:12 → 00:11:13 หยุดพอแล้วค่ะ
00:11:13 → 00:11:14 >> อื
00:11:14 → 00:11:16 >> นะคะส่วนฤดูผลเนี่ยเราอาจจะกินยาวได้เรา
00:11:16 → 00:11:20 อาจจะใช้หลายมื้อได้หรือว่าเราอาจจะกิน
00:11:20 → 00:11:21 บ่อยๆได้ค่ะ
00:11:21 → 00:11:24 >> อืเมื่อกี้นอกนอกรอบแล้วมีอาจารย์เล่าให้
00:11:24 → 00:11:27 ฟังว่ามีคนท้องอืดแล้วใช้อะไรนะคะกระชาย
00:11:27 → 00:11:31 >> เออก็คือเอ่อวิธีการรักษาพวกเนี้ยถ้าง่าย
00:11:31 → 00:11:36 ๆอ่ะนะฮะเราก็ใช้ของในบ้านนะปกติถ้าเดิม
00:11:36 → 00:11:39 เนี่ยพี่ใช้กะเพราส่วนตัวพี่นะคะพี่จะใช้
00:11:39 → 00:11:42 กะเพราเพราะว่า 1 เราปลูกได้ในบ้านอันที่
00:11:42 → 00:11:45 2 แล้วฉุกเฉินแล้วก็กินได้นะแต่ว่าก็มี
00:11:45 → 00:11:48 ข้อเสียนิดหน่อยสำหรับกะเพรานะคะก็คือ
00:11:48 → 00:11:50 เวลาเรากินเเรากินพักประมาณ 1 กำมือเนี่ย
00:11:50 → 00:11:53 ค่ะแล้วก็ต้มกับน้ำเอาน้ำเดือดมาปั๊บแล้ว
00:11:53 → 00:11:56 เราก็เอากะเพราหั่นๆๆน้ำเดือดใส่กะเพรา
00:11:56 → 00:11:59 ใส่แล้วแค่เนี้ยทำง่ายมากเลยข้อเสียก็คือ
00:11:59 → 00:12:02 มันมีโอกาสที่จะทำให้มันมีลักษณะเหมือน
00:12:02 → 00:12:03 ร้อนในหรือไข้ขึ้นมาอ่อนๆ
00:12:04 → 00:12:04 >> อื
00:12:04 → 00:12:07 >> นะคะแต่นั้นไม่น่ากลัวนะคะแป๊บเดียวมันก็
00:12:07 → 00:12:10 หายไปนะคะเพียงแต่ว่ามันเป็นอาการข้าง
00:12:10 → 00:12:13 เคียงที่เราอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะคะ
00:12:13 → 00:12:15 เพราะฉะนั้นในทางยาบางทีเราก็เลยเลี่ยงไป
00:12:15 → 00:12:17 ใช้ประสาทกะเพราแทนนะคะเอ่อประสบการณ์ของ
00:12:17 → 00:12:21 พี่เนี่ยพี่เคยเคยเจอผู้คนที่สนิทเป็น
00:12:21 → 00:12:23 รุ่นน้องท่านหนึ่งก็มาปรึกษาอาจารย์
00:12:23 → 00:12:26 อาจารย์กินอะไรดีหนูกินอะไรเท่าไหร่ก็ไม่
00:12:27 → 00:12:30 หายกินแบบมากมายมากไม่หายเลยยาทุกตัวกิน
00:12:30 → 00:12:33 หมดแล้วให้กินอะไรทุกตัวที่เ้าแนะนำให้
00:12:33 → 00:12:36 หมดแล้วไม่กินไม่หายกินแล้วไม่หายนะทำ
00:12:36 → 00:12:39 อะไรดีอืเราก็บอกไม่รู้จะทำยังไงตอนแรกก็
00:12:39 → 00:12:41 บอกให้ไปกินยาธาตุไปหายาธาตุกินเนเค้าก็
00:12:42 → 00:12:45 บอกไม่หายเราแล้วก็เราก็ลืมไปเลยจอยู่มา
00:12:45 → 00:12:48 วันนึงแกก็มาบอกว่าอาจารย์หนูหายแล้วอ้า
00:12:48 → 00:12:51 ทำไมอ่ะถึงหายเบอกว่าเเป็นมา 3 เดือน
00:12:51 → 00:12:54 เนี่ยวันนั้นเบอกหนูน่ะไปนั่งกินข้าวกับ
00:12:54 → 00:12:57 ที่ครอบครัวแล้วเ้าก็มีผัดช่าอาจารย์ผัด
00:12:57 → 00:12:59 ฉ่าใส่กระชายมา
00:12:59 → 00:12:59 >> อ
00:12:59 → 00:13:01 >> หนูก็นึกอะไรไม่รู้อ่ะหนูก็กินปกติหนูก็
00:13:01 → 00:13:03 ไม่กินรากกระชายอันนั้นที่อยู่ในผัดฉ่า
00:13:03 → 00:13:05 คราวนี้เก็เอาผัดฉ่ามาเคี้ยวปรากฏว่าเค้า
00:13:05 → 00:13:08 เคี้ยวประมาณซัก 3-4
00:13:08 → 00:13:12 ก้านน่ะนะคะพักเดียวเ้าบอกโอ้โหภายลมบอก
00:13:12 → 00:13:14 กั้นไม่ได้ด้วยอาจารย์นะเอ่อกั้นไม่ได้
00:13:14 → 00:13:17 ด้วยเพราะว่าพายลมออกมาแล้วก็กลิ่นแหมมัน
00:13:17 → 00:13:19 เหม็นมากเลยเพราะว่าหนูไม่ได้ไผลมมานาน
00:13:19 → 00:13:22 แล้วใช่มั้เอ่อท้องก็ผูกด้วยโอกลิ่นมัน
00:13:22 → 00:13:24 เหม็นมากเลยแต่หายเลยอ่ะหลังจากนั้น
00:13:24 → 00:13:27 >> คือมันมันเหมือนกับว่าเอ่อจริงๆแล้วเนี่ย
00:13:27 → 00:13:30 มันเกิดเนื่องจากลำไส้เ้าไม่บีบตัวตาม
00:13:30 → 00:13:33 ปกติแล้วพอเราไปใช้ยาอื่นๆมันไม่ได้
00:13:34 → 00:13:37 สนับสนุนพวกนี้เข้าเาก็เลยไม่รู้ว่าจะ
00:13:37 → 00:13:39 เป็นยังไงเพราะฉะนั้นการเลือกใช้ยาก็เป็น
00:13:39 → 00:13:42 สิ่งนึงเป็นจุดนึงนะคะที่สำคัญแล้วจะต้อง
00:13:42 → 00:13:44 มองเหมือนกันค่ะ
00:13:44 → 00:13:46 >> เดี๋ยวเรื่องยาเนี่ยเดี๋แดงจะชวนอาจารย์
00:13:46 → 00:13:48 คุยในช่วงท้ายๆนะคะแต่ว่าอันแรกเดี๋เรามา
00:13:48 → 00:13:51 คุยเรื่องสาเหตุแล้วก็สิ่งง่ายๆอ่ะที่เรา
00:13:51 → 00:13:53 จริงๆอ่ะเไม่ต้องไปถึงยานะอย่างที่
00:13:53 → 00:13:55 อาจารย์บอกผัดฉ่ามาจานนึงแล้วบางคนที่
00:13:55 → 00:13:57 เขี่ยพวกเครื่องออกไปหมดเลยอ่ะใบพริกไท
00:13:57 → 00:14:00 อ่อนใบกะเพราเนี่ยพริกไทอ่อนใช่ค่ะ
00:14:00 → 00:14:02 >> ลองกินดูแดงอ่ะชอบกินมากเลยค่ะพอกินแล้ว
00:14:02 → 00:14:04 มันก็รู้สึกว่าเออมันอร่อยด้วยแล้วมันก็
00:14:04 → 00:14:07 โล่งด้วยนะคะลองดูเนาะคราวนี้อ่ะนอกจาก
00:14:07 → 00:14:09 การกินกระชายใช่มั้คะเมื่อกี้อาจารย์พูด
00:14:09 → 00:14:11 ถึงเรื่องของอาหารฤดูกาลมันมีสาเหตุอื่น
00:14:11 → 00:14:14 มั้คะอาจารย์บางคนท้องอืดเรื้อรังเนี่ย
00:14:14 → 00:14:17 >> เอ่อท้องอืดเรื้อรังเนี่ยจริงๆต้องหา
00:14:17 → 00:14:20 สาเหตุเหตุให้เจอนะคะว่าอาจจะเป็นสาเหตุ
00:14:20 → 00:14:24 อย่างอย่างกรณีเบาหวานนะคะที่พูดบ่อยๆก็
00:14:24 → 00:14:25 คือเป็นเรื่องของโรค
00:14:25 → 00:14:28 >> นะคะเพราะว่าเอ่อตัวเบาหวานเนี่ยความ
00:14:28 → 00:14:31 สมดุลของเชื้อในทางเดินอาหารเขาเนี่ยไม่
00:14:31 → 00:14:33 ค่อยดีเท่าไหร่เดี๋ยวเขาจะท้องผูกเดี๋ยว
00:14:33 → 00:14:35 จะท้องเสียเพราะฉะนั้นท้องอื่นมันก็ตามมา
00:14:35 → 00:14:38 ทุกครั้งไม่ว่าจะท้องผูกเขาก็จะท้องอืด
00:14:38 → 00:14:41 ท้องเสียเขาก็จะท้องอืดเพราะเชื้อมันจะ
00:14:41 → 00:14:44 เกิดการเจริญเติบโตที่มากกว่าปกตินั่นคือ
00:14:44 → 00:14:45 ประเด็นหนึ่ง
00:14:45 → 00:14:47 >> ถ้าถ้าในกรณีของเรื้อหลังเนี่ยเนี่ยต้อง
00:14:47 → 00:14:50 หาสาเหตุให้เจอนะคะถ้าหาสาเหตุไม่เจอกิน
00:14:50 → 00:14:53 เนี่ยพี่ก็เคยเจอประเภทกินจนสุดท้ายเนี่ย
00:14:54 → 00:14:56 เอ่อเลอออกมาบอกอาจารย์หนูกินจนเลอเป็นยา
00:14:56 → 00:14:59 หม่องละกลิ่นมันออกมาเหมือนยาหม่องเลยยัง
00:14:59 → 00:15:02 ไม่หายเลยเพราะหาสาเหตุไม่เจอซึ่งอันนี้
00:15:03 → 00:15:06 ต้องวิ่งกลับมาใหม่ว่าดูยังไงยังไงแล้วก็
00:15:06 → 00:15:09 สาเหตุนึงที่เราเจอเยอะก็คือเรื่องของการ
00:15:09 → 00:15:11 ไม่ออกกำลังกายอันเนี้ยเจอเยอะมากเลย
00:15:11 → 00:15:15 เพราะว่าเอ่อบางคนเนี่ยคือพฤติกรรมพอออก
00:15:15 → 00:15:18 จากบ้านปั๊บก็ขับรถขับรถออกจากรถปั๊บก็
00:15:18 → 00:15:21 ขึ้นเข้าที่ทำงานแล้วที่สำคัญก็คือตัว
00:15:22 → 00:15:24 สิ่งแวดล้อมทั้งหมดเ็นหมดเพราะฉะนั้นก็
00:15:24 → 00:15:26 ไม่เกิดไอ้อาการข้างนอกเนี่ยมันไม่
00:15:26 → 00:15:30 สนับสนุนในการทำงานข้างในอ่ะนะคะก็เลยทำ
00:15:30 → 00:15:32 ให้เค้ามีโอกาสท้องอื่นได้ง่าย
00:15:32 → 00:15:32 >> อื
00:15:32 → 00:15:35 >> มีคนอยู่กลุ่มนึงที่มักจะท้องอื่นโดย
00:15:35 → 00:15:38 เฉพาะผู้หญิงวัยที่ยังมีประจำเดือนอยู่นะ
00:15:38 → 00:15:41 คะบางคนก็จะท้องอืดก่อนมีประจำเดือน
00:15:41 → 00:15:41 >> อื
00:15:41 → 00:15:44 >> นะคะซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติไม่
00:15:44 → 00:15:48 ต้องตกใจนะค่ะหลายคนก็มาบอกว่าอาจารย์หนู
00:15:48 → 00:15:52 นะก่อนมีประจำเดือนเนี่ยหนูจะท้องอืดหลาม
00:15:52 → 00:15:55 มากเลยนะเออแบบบางคนเนี่ยแบบอยากใส่
00:15:55 → 00:15:58 กางเกงยีนอาจารย์จะใส่ไม่ได้อ่ะเออมันวัว
00:15:58 → 00:16:02 มากเลยอ่ะแล้วทำไงดีก็บอกเอางี้เอางี้
00:16:02 → 00:16:05 กลิงขิงเนี่ยมันจะช่วยเร่งทำให้ร้อนขึ้น
00:16:05 → 00:16:08 อีกนิดนึงแล้วก็การย่อยก็ดีขึ้นด้วยแล้ว
00:16:08 → 00:16:10 ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ประจำเดือนมาได้
00:16:10 → 00:16:12 ดีตามปกติด้วยนะคะเพราะฉะนั้น
00:16:13 → 00:16:16 >> ขิงจะไม่กินเป็นน้ำขิงเนาะให้กินแบบขิงใน
00:16:16 → 00:16:18 ผัดอ่ะนะอยากเอาไก่ผัดขิงเนี่ยแล้วให้กิน
00:16:18 → 00:16:21 เนื้อขิงด้วยแบบอย่างงั้นนะคะกินแค่วันละ
00:16:21 → 00:16:25 มื้อสักเอ่อ 23 วันพอประจำมาก็อยู่
00:16:25 → 00:16:27 >> อ่ากินอาหารเป็นยาอ่ะอันนี้ได้อีกแล้วนะ
00:16:27 → 00:16:29 นอกจากกระชายในคนท้องอืดถ้าผู้หญิงก่อน
00:16:29 → 00:16:32 เป็นม้าแล้วท้องอืดก็จัดกับข้าวที่มีขิง
00:16:32 → 00:16:33 ไปนะคะ
00:16:33 → 00:16:35 >> อืเมื่อกี้อาจารย์พูดถึงโรคที่สัมพันธ์
00:16:35 → 00:16:37 กับอาการท้องอืดซึ่งเมื่อกี้มีอันนึงก็
00:16:37 → 00:16:39 คือโรคเบาหวานใช่มั้คะที่เชื้อมันไม่
00:16:39 → 00:16:42 สมดุลกับอีกอันนึงเกี่ยวกับตับก็ก็เกี่ยว
00:16:43 → 00:16:45 เหมือนกันใช่มั้คะแล้วเราจะรักษาเราจะ
00:16:45 → 00:16:46 ช่วยยังไงอ่ะคะ
00:16:46 → 00:16:49 >> เอ่อเอตับเนี่ยเป็นอวัยวะที่เค้าเรียกว่า
00:16:49 → 00:16:51 อะไรส่งเสริมในเรื่องของการย่อยอาหาร
00:16:51 → 00:16:53 เพราะมันเป็นการหลังน้ำย่อยเนี่ยอะไรนะคะ
00:16:53 → 00:16:56 พอมันมีความผิดปกติจากตับเนี่ยปั๊บเนี่ย
00:16:56 → 00:16:58 การย่อยมันจะไม่สมบูรณ์ทันทีเลยแล้วก็จะ
00:16:58 → 00:17:01 เกิดปัญหาขึ้นแต่ปัญหามันจะซับซ้อนกว่า
00:17:01 → 00:17:05 โรคอื่นๆเพราะว่าพอเป็นโรคตับปั๊บมันร้อน
00:17:05 → 00:17:07 คือปกติเวลาท้องอืดเนี่ยเราหมายถึงว่ามัน
00:17:07 → 00:17:10 มีแก๊สเยอะลมมันเย็นเพราะฉะนั้นเราต้อง
00:17:10 → 00:17:13 ให้ไอ้พวกยาลดร้อนหรืออาหารลดร้อนเข้าไป
00:17:13 → 00:17:17 นะคะแต่ตับอ่ะมันร้อนพอพอมันร้อนถึงแม้
00:17:17 → 00:17:19 ไอ้ตรงกระเพาะมันเย็นหรือว่าตรงทางเดิน
00:17:19 → 00:17:21 อาหารมันเย็นเนี่ยเราไม่สามารถใส่ยาลด
00:17:21 → 00:17:22 ร้อนได้
00:17:22 → 00:17:24 >> เพราะมันจะทำให้ตับเนี่ยร้อนมากขึ้นอัน
00:17:24 → 00:17:27 นี้เป็นข้อห้ามเลยนะคะเพราะฉะนั้นในพวกยา
00:17:27 → 00:17:30 ขับลมทุกชนิดเนี่ยไม่ให้ใช้สำหรับพวกโรค
00:17:30 → 00:17:34 ตับนะคะมีก็มีบางคนที่มีปัญหามากแล้วไม่
00:17:34 → 00:17:37 รู้จะทำยังไงคือปกติแหวนไทยเนี่ยถ้าเป็น
00:17:37 → 00:17:40 โรคตับจริงๆแล้วเนี่ยนะฮะเค้าก็จะให้ยา
00:17:40 → 00:17:43 ระบายก่อนนะคะเพื่อระบายแก๊สออกไปก่อน
00:17:43 → 00:17:46 แล้วค่อยค่อยรักษากันแต่ก็จะไม่ให้ยาลด
00:17:46 → 00:17:48 ร้อนแบบนี้ก็เช่นเดียวกันนะคะเพราะงั้น
00:17:48 → 00:17:51 การระบายแก๊สออกไปคือมันก็คือระบายออกไป
00:17:51 → 00:17:53 ทางอุจจาระทำให้ถ่ายท้องแล้วไม่ต้องไปกิน
00:17:53 → 00:17:57 ยาขับลมแบบนั้นนะคะทีนี้แต่ถ้ามันมีปัญหา
00:17:57 → 00:18:00 ใช้ยาระบายก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้กลัวทำไง
00:18:00 → 00:18:03 ก็มีทางเลือกอยู่ทางนึงก็คือเอาไปใช้ยา
00:18:03 → 00:18:05 เด็กค่ะคือมหาิงอื
00:18:05 → 00:18:06 >> นะฮะ
00:18:06 → 00:18:10 >> มหาิงเนี่ยก็จะเป็นตัวยานึงที่จะดีสำหรับ
00:18:11 → 00:18:13 กลุ่มพวกนี้นะฮะเพราะว่ามันระเหยแล้วมัน
00:18:13 → 00:18:16 ก็เข้าทางจมูกแล้วมันก็ช่วยทำให้เอ่อ
00:18:16 → 00:18:19 ระบายลมออกได้ไผลมได้โดยที่เ้าไม่ต้องอึด
00:18:19 → 00:18:21 อัดแล้วก็ไม่ต้องกินเข้าไปแล้วไม่มีปัญหา
00:18:21 → 00:18:23 เกี่ยวกับความร้อนในร่างกายด้วยแล้วนอก
00:18:23 → 00:18:27 จากใช้มหาแล้วบางทีเนี่ยก็มีเพื่อนที่
00:18:27 → 00:18:29 เป็นนักท่านนึงก็แนะนำว่าอาจารย์ถ้าเป็น
00:18:29 → 00:18:32 กรณีอย่างนี้เนี่ยอาจารย์ให้เอาพวกผง
00:18:32 → 00:18:34 ออริกาโนแห้งโรยข้าว
00:18:34 → 00:18:38 >> นะฮะกินพร้อมกับข้าวไปก็ไปสักระยะนึงก็
00:18:38 → 00:18:42 ช่วยปรับไอ้ตัวสมดุลของเชื้อข้างในด้วยนะ
00:18:42 → 00:18:44 คะเพราะเมื่อไหร่ที่มีการน้องเอืดเชื้อ
00:18:44 → 00:18:45 เราขาดสมดุลแน่นอน
00:18:45 → 00:18:48 >> อืเพราะฉะนั้นมหาหิงจริงๆเราทาตรงท้อง
00:18:48 → 00:18:49 >> ค่ะ
00:18:49 → 00:18:51 >> แต่ว่าการออกฤทธิ์คือเราสูดเข้าไป
00:18:51 → 00:18:51 >> สูดลมเข้าไปค่ะ
00:18:52 → 00:18:54 >> ออแล้วมันก็ไปทำให้มันเคลื่อนมันอะไรก็
00:18:54 → 00:18:57 ว่าไปตามสมันจะจะขับลมได้คือมหาิงเนี่ย
00:18:57 → 00:19:00 เป็นตัวเดียวตัวยาเดียวที่สามารถจะบีบลง
00:19:00 → 00:19:03 ล่างได้นะคะของยาฝรั่งเนี่ยเค้าให้กิน
00:19:03 → 00:19:06 อย่างเค้าไม่ให้กินะเค้าเลิกให้กินะเ้า
00:19:06 → 00:19:08 ให้ทายอย่างเดียวแต่ว่ายาไทยเนี่ยอย่างใน
00:19:08 → 00:19:11 ปราสาทกะเพราก็ยังมีมหาเหินอยู่แต่ว่ามัน
00:19:11 → 00:19:14 ก็มีปัญหาว่าถ้ามันไปรวมอยู่ในปราสา
00:19:14 → 00:19:16 กะเพราหรือรวมในยาอื่นก็ตามเนี่ยมันทำให้
00:19:16 → 00:19:18 ยาทั้งหมดมันร้อนเพราะฉะนั้นการใช้วิธี
00:19:18 → 00:19:21 กินก็ยังไม่เหมาะสำหรับกลุ่มที่มีปัญหา
00:19:21 → 00:19:21 เรื่องโรคตับ
00:19:21 → 00:19:24 >> อืมโอเคค่ะอุ๊ยอันนี้เป็นเป็นความรู้ที่
00:19:24 → 00:19:26 แดงว่าดีมากๆเลยบางทีพอมันไปเกี่ยวอะไร
00:19:26 → 00:19:29 กับตับแล้วอ่ะเราก็อาจจะไม่ได้อยากใช้ยา
00:19:29 → 00:19:31 อะไรมากมายเพราะฉะนั้นคำแนะนำอาจารย์เป็น
00:19:31 → 00:19:34 ทางเลือกที่ดีมากเลยทาหรือไม่ก็โรย
00:19:34 → 00:19:37 ออริกาโนก็ได้ลงไปปรับเรื่องอาหารแทน
00:19:37 → 00:19:40 >> ค่ะคือใช่ร่วมกันนะทาทามหาิงแล้วก็ออโน
00:19:40 → 00:19:43 เนี่ยเป็นตัวปรับไอ้ตัวเชื้อทั้งหลาย
00:19:43 → 00:19:43 >> อื
00:19:43 → 00:19:45 >> นะคะแต่ปี้ยังไม่เคยลองเหมือนกันนะถ้าเรา
00:19:45 → 00:19:48 ใช้ใบกะเพราโรยแทนนะคะใบกะเพราแห้ง
00:19:48 → 00:19:51 >> หนูว่ากินกะเพราหมูจะอร่อยกว่าให้มันได้
00:19:51 → 00:19:52 เออ
00:19:52 → 00:19:54 >> แต่ว่าถ้ากินกะเพราหมูเนี่ยเดี๋มันใส่
00:19:54 → 00:19:56 พริกใส่อะไรมันร้อนเกินไม่ได้อีกนะอันนี้
00:19:56 → 00:19:59 ต้องระวังอ่ะเพราะว่าวิธีการมันก็ต้อง
00:19:59 → 00:20:01 ระวังไอ้ตัวที่มันจะเข้าไปเสริมอ่ะเราก็
00:20:01 → 00:20:03 ต้องระวังหมดทุกจุดเลยค่ะ
00:20:03 → 00:20:06 >> อาจจะเป็นแบบค่ากะเพราก็กะเพราไม่ใส่พริก
00:20:06 → 00:20:07 อะไรอย่างงี้ใช่มั้คะ
00:20:07 → 00:20:09 >> ใช่หรือว่ากลุ่มถ้าพอพูดถึงความร้อนก็พี่
00:20:09 → 00:20:12 นึกถึงอีกอันนึงคือไฮเปอร์ไทรอยด์แต่ปกติ
00:20:12 → 00:20:14 ไฮเปอร์ไทอยด์มันร้อนแต่ไม่ค่อยไม่ค่อยจะ
00:20:14 → 00:20:16 มีปัญหาเรื่องท้องอื่นเท่าไหร่
00:20:16 → 00:20:19 >> อืจะแบบย่อยเร็วเผ่าผ่านเร็วไปอีกเวนึง
00:20:19 → 00:20:22 มากกว่านะคะคราวนี้เมื่อกี้อาจารย์พูดถึง
00:20:22 → 00:20:24 เอ่อยามานิดนึงและแดงขออนุญาตเข้าเรื่อง
00:20:25 → 00:20:27 ยาแล้วกันเพราะว่ายาแก้ท้องอืดท้องเฟิน
00:20:27 → 00:20:30 เนี่ยเกี่ยวกับภูมิประเทศเราอยู่ในเขตแถบ
00:20:30 → 00:20:32 ลมหรือเปล่านะคะมันเยอะมากค่ะอาจารย์ยา
00:20:32 → 00:20:35 ที่มันเข้าท้องเนี่ยเราจะเลือกยังไงนะคะ
00:20:35 → 00:20:39 มันมีตั้งแต่ยาปราสะเจตพังคียาขับลมยา
00:20:39 → 00:20:41 ธาตุยาเม็ดยาน้ำยาผงนะว่าโกดยังช่วยขับ
00:20:41 → 00:20:43 ขับลมแก้ท้องอื่นเลยเราจะเลือกยังไงดีคะ
00:20:43 → 00:20:44 อาจารย์มีกี่ประเภท
00:20:44 → 00:20:48 >> อย่างงี้ค่ะให้แยกออกไปว่า 1 ยาขับลมที่
00:20:48 → 00:20:51 ประเภทช่วยย่อยนะคะประสาทเจตพังคี่นะคะ
00:20:51 → 00:20:52 อันนี้ขออนุญาต
00:20:52 → 00:20:53 >> ย่ออย
00:20:53 → 00:20:54 >> นะคะ
00:20:54 → 00:20:57 >> อย่างเช่นยาประสะกะเพรายาพวกยาธาตุทั้ง
00:20:57 → 00:21:00 หลายนะคะไม่ว่าจะเป็นยาธาตุอะไรก็ตาม
00:21:00 → 00:21:03 เนี่ยกลุ่มพวกเนี้ยก็คือเป็นยาที่มุ่ง
00:21:03 → 00:21:05 เน้นเรื่องขับลมธรรมดาอ
00:21:05 → 00:21:08 >> นะคะซึ่งบางครั้งเนี่ยเขาก็จะใช้ในภาษา
00:21:08 → 00:21:10 แผนปัจจุบันเก็ใช้แบบเ่อใช้สำหรับ
00:21:10 → 00:21:12 ฟังก์ชal
00:21:12 → 00:21:15 ก็คืออาการไม่ย่อยที่เกิดจากเอ่อลักษณะ
00:21:15 → 00:21:18 ของการทำงานตามธรรมชาติของมันน่ะลดลงนะคะ
00:21:18 → 00:21:20 ไม่ได้มีสาเหตุอะไรที่มากมายลึกซึ้งก็จะ
00:21:20 → 00:21:24 ใช้กลุ่มพวกนี้ไปนะคะเ่อจะเห็นว่ายาพวก
00:21:24 → 00:21:28 เนี้ยมันเป็นยาที่เป็นยาที่ไม่ได้รักษา
00:21:28 → 00:21:31 ที่ต้นเหตุแต่เป็นตัวที่รักษาอาการนะคะ
00:21:31 → 00:21:33 ดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นกลุ่มที่เรารู้อาการ
00:21:33 → 00:21:36 ชัดๆนะฮะอันที่ 1 ก็ถ้าเป็นกลุ่มที่เรา
00:21:36 → 00:21:39 รู้สาเหตุชัดๆมากกว่าเนาะอย่างเช่นพวกติด
00:21:39 → 00:21:42 เชื้อนะคะอย่างที่บอกว่าท้องอืดตามมาหลัง
00:21:42 → 00:21:44 จากท้องเสียหรือว่าท้องอื่นที่เกิดจาก
00:21:45 → 00:21:48 กลุ่มของพวกเป็นเบาหวานนะคะกลุ่มพวกนั้น
00:21:48 → 00:21:51 เนี่ยก็ต้องไปใช้ยาแก้อาการท้องอื่นที่
00:21:51 → 00:21:54 มันมีการพลูอยู่นะคะอย่างเช่นยาประสาการ
00:21:54 → 00:21:58 พลูหรือยายี่ห้ออื่นๆที่มันมีการพลูเป็น
00:21:58 → 00:22:01 องค์ประกอบเยอะๆนะฮะตัวนั้นก็เอ่อสามารถ
00:22:01 → 00:22:04 ที่จะแก้ทั้งต้นเหตุแล้วก็แก้ที่ปลายเหตุ
00:22:04 → 00:22:05 ไปพร้อมๆกันได้เลย
00:22:05 → 00:22:07 >> อืโอเคค่ะเออมีอีกอันนึงค่ะอาจารย์
00:22:07 → 00:22:09 เบญจกูล
00:22:09 → 00:22:12 >> อ่าแต่นี้เบญจกูลเนี่ยจริงๆแล้วไม่ใช่ยา
00:22:12 → 00:22:14 แก้ท้องอื่นนะฮะมันเป็นยาที่อาจจะช่วย
00:22:14 → 00:22:18 ย่อยได้แต่ว่าก็ไม่เหมาะมันเหมือนกับการ
00:22:18 → 00:22:20 ขี่ช้างจับตั๊กแตนน่ะเพราะว่าการสร้าง
00:22:20 → 00:22:22 เป็นตระกูลเนี่ยเพื่อทำให้ความร้อนในร่าง
00:22:22 → 00:22:26 กายเราเพิ่มขึ้นทีนี้เวลาเราใช้พวกเนี้ย
00:22:26 → 00:22:28 เราต้องการแค่ให้ความร้อนในท้องมันเพิ่ม
00:22:28 → 00:22:31 ขึ้นทำให้ช่วยย่อยได้แต่ตัวเบญจกูลมัน
00:22:31 → 00:22:33 สร้างความร้อนหมดทั้งระบบเลยเพราะงั้นกิน
00:22:33 → 00:22:35 เข้าไปแล้วเนี่ยมันเหมือนผิดวัตถุประสงค์
00:22:35 → 00:22:38 อ่ะเอายาเอ่อเค้าเรียกเหมือนเอายาบรอด
00:22:38 → 00:22:41 สเปคตรัมอ่ะมาใช้รักษาไอ้อาการเฉพาะแต่ละ
00:22:41 → 00:22:44 ทางเพราะฉะนั้นก็ไม่ควรจะต้องใช้นะไม่
00:22:44 → 00:22:46 เห็นด้วยมากกับการใช้เบญจกูลในเรื่องของ
00:22:46 → 00:22:49 การรักษาอาการทองอื่นเพราะมันจะทำให้
00:22:49 → 00:22:52 สุขภาพทางอื่นเนี่ยมันสลับสับสนวุ่นวายไป
00:22:52 → 00:22:54 ด้วยเพราะมันจะชูตไอ้ระบบไฟของเราขึ้น
00:22:54 → 00:22:55 เยอะ
00:22:55 → 00:22:58 >> อืเท่าที่ดูตำรับที่เกี่ยวข้องเนี่ยอลแน่
00:22:58 → 00:23:01 ๆแล้วยาธาตุได้เอ่อยาธาตุอบเชยได้ประสาท
00:23:01 → 00:23:04 กะเพราได้ประสาทจักพังคีได้
00:23:04 → 00:23:06 >> อ่าก็ลองเลือกแถวๆนี้
00:23:06 → 00:23:09 >> ค่ะก็เลือกให้เหมาะสมนะคะแม่ย่อยก็ประสา
00:23:09 → 00:23:12 จิตจะพังคีแต่ถ้าหาอาการไม่เจอเลยไม่รู้
00:23:12 → 00:23:16 อะไรเลยก็เนี่ยยาอะไรก็ได้หมดเลยแต่ถ้า
00:23:16 → 00:23:18 รู้ว่าเกิดจากเชื้อแน่นอนนะมีความไม่
00:23:18 → 00:23:21 สมดุลก็ประสาทการปลูกก็มีอยู่ 3 กลุ่มให้
00:23:21 → 00:23:22 เลือกง่ายๆอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:22 → 00:23:24 >> อ่าโอเคคราวนี้ยามันค่อนข้างร้อนหมดเลย
00:23:24 → 00:23:26 ค่ะอาจารย์ถ้าเกิดเราเหมือนรุมๆเหมือนจะ
00:23:26 → 00:23:28 เป็นไข้เราทานได้มั้คะ
00:23:28 → 00:23:30 >> อ่าเนี่ยมีคนเ้าถามเหมือนกันว่าเอ่อถ้า
00:23:30 → 00:23:32 เป็นไข้กินได้มั้ยจริงๆเนี่ยข้อห้ามพวก
00:23:32 → 00:23:37 เนี้ยเขียนคำแรกเลย 1 เอ่อผู้ที่มีไข้นะ
00:23:37 → 00:23:40 ฮะกับอันที่ 2 คือผู้ที่ตั้งครรภนะเพราะ
00:23:40 → 00:23:43 ฉะนั้นเอ่อเราก็คิดว่ากินไม่ได้แน่นอนแต่
00:23:43 → 00:23:45 ถ้าท้องอื่นทำไงอย่างคนตั้งครรภเนี่ยโอเค
00:23:45 → 00:23:48 เราไม่ยุ่งอะไรด้วยเพราะว่าการกินพวกนี้
00:23:48 → 00:23:50 อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาเยอะแต่นี้ถ้า
00:23:50 → 00:23:52 เป็นคนที่มีไข้เนี่ยแล้วเกิดอาการท้อง
00:23:52 → 00:23:55 อื่นด้วยไม่สบายเลยทำไงก็มีทางเลือกให้
00:23:55 → 00:23:57 ค่ะเราใช้ยาหอมค่ะอ
00:23:57 → 00:23:59 >> ยาหอมที่เคยใช้ก็เป็นยาหอมอินทักรนะใช้
00:23:59 → 00:24:02 ได้แล้วก็ยาหอมอีกตัวนึงที่พอใช้ได้ก็คือ
00:24:02 → 00:24:04 ยาหอมชนม
00:24:04 → 00:24:04 >> อื
00:24:04 → 00:24:06 >> นะคะเพราะว่าพวกเนี้ยเป็นกลุ่มที่ร้อนแต่
00:24:06 → 00:24:08 ไม่ได้ร้อนจัดนะเพราะฉะนั้นดังนั้นใน
00:24:08 → 00:24:11 กลุ่มที่มีไข้ก็พอได้หรือบางคนเนี่ยเป็น
00:24:12 → 00:24:15 ในช่วงที่หลังจากมีเค้าเรียกว่าอะไรหลัง
00:24:15 → 00:24:17 จากมีไข้แล้วหลังจากเป็นไข้หวัดเป็นอะไร
00:24:17 → 00:24:21 เงี้ยเป็นช่วงท้ายๆกำลังจะหายปลายไข้ละ
00:24:21 → 00:24:22 อันนั้นใช้นวโกดได้
00:24:22 → 00:24:24 >> นะคะก็ยังมีทางเลือกให้ได้ค่ะ
00:24:24 → 00:24:26 >> สมมุติหาซื้ออะไรมาได้ยาหอมให้เจดียก็ยัง
00:24:27 → 00:24:27 พอได้
00:24:27 → 00:24:30 >> ก็ได้เลยค่ะยาหอมเจดีพอไหวค่ะ
00:24:30 → 00:24:32 >> แล้วถ้าเกิดเราก็กินยาปัจจุบันอยู่ด้วย
00:24:32 → 00:24:35 อย่างสมมุติมันมียาแบบลดแก๊สอะไรมากมาย
00:24:35 → 00:24:37 แล้วเราอยากกินอันนี้ไปด้วยมันได้มคะหรือ
00:24:37 → 00:24:38 เราเลือกดีค่ะ
00:24:38 → 00:24:40 >> อ่าที่จริงก็ไม่ไม่มีความจำเป็นเลยต้องไป
00:24:40 → 00:24:43 กินคู่กันเพื่อเอ่อให้มันเสริมฤทธิ์มาก
00:24:43 → 00:24:46 ขึ้นมันก็ไม่ได้เสริมฤทธิ์นะมันมีข้อเสีย
00:24:46 → 00:24:48 ด้วยซ้ำไปอาจจะทำให้เราต้องเผชิญยามาก
00:24:48 → 00:24:48 ขึ้น
00:24:48 → 00:24:52 >> อืโอเคค่ะเพราะฉะนั้นวันนี้ก็จริงๆนอยาก
00:24:52 → 00:24:54 เสริมอีกอันนึงเนาะถ้าเกิดว่าคนที่ไม่ได้
00:24:54 → 00:24:56 มีโรคประจำตัวอะไรคือแค่ทองอืดอย่างเงี้ย
00:24:56 → 00:24:57 อย่างที่อาจารย์พูดไปอันนึงก็คือเรื่อง
00:24:57 → 00:25:00 ของการออกกำลังกายเนาะแล้วก็นวดท้องไล่ลม
00:25:00 → 00:25:02 ค่ะก็โดยส่วนตัวแดงแดงก็ทำทุกวันเลยตอน
00:25:02 → 00:25:04 อาบน้ำนะคะอาจารย์เดี๋ยวเดี๋อาจจะขึ้น
00:25:04 → 00:25:06 เป็นคลิปให้ก็แล้วกันนะคะคลิปลองไปเปิดดู
00:25:06 → 00:25:08 แล้วมันก็ได้ผลกับตัวแดงเองเนอะเพราะแดง
00:25:08 → 00:25:10 ก็ระบบย่อยอาจจะไม่ได้แบบว่าดี 100% แล้ว
00:25:10 → 00:25:13 แดงก็จะยืดเหยียดตอนเช้ากับก่อนนอนจริงๆ
00:25:13 → 00:25:15 เพียงแค่เนี้ยก็เป็นการรักษาสมดุลลมของ
00:25:16 → 00:25:19 เราได้ดีในชีวิตประจำวันนะคะแล้วก็หลักๆ
00:25:19 → 00:25:21 เมื่อวันนี้อาจารย์ก็เหมือนกับให้เรา
00:25:21 → 00:25:23 เคลียร์มากขึ้นว่าท้องอืดอ่ะมันมาจากหลาย
00:25:23 → 00:25:25 สาเหตุเลยนะอย่าโฟกัสที่อาหารอย่างเดียว
00:25:25 → 00:25:27 บางคนไปผิดทางไปกินแต่อาหารจืดๆอันนี้
00:25:28 → 00:25:31 ยิ่งไม่ได้ช่วยหนักเลยนะคะ 2 โรคบางอย่าง
00:25:31 → 00:25:33 ที่กระทบกับระบบย่อยอาจารย์ก็มีให้ทาง
00:25:33 → 00:25:36 เลือกมาคุณกินยาไม่ได้คุณใช้มาหาหิงก็ได้
00:25:36 → 00:25:40 คุณกินกระชชายก็ได้เอาออริกาโนโรยก็ได้มี
00:25:40 → 00:25:42 หลากหลายมากเลยลองเอาที่อาจารย์เล่าให้
00:25:42 → 00:25:44 ฟังไปปรับใช้ดูนะคะเพราะฉะนั้นท้องอื่น
00:25:44 → 00:25:46 เนี่ยเป็นอาการที่ทางแพทย์แผนไทยเนี่ยเรา
00:25:46 → 00:25:49 มองว่าไม่ใช่เป็นโรคธรรมดานะเป็นอาการที่
00:25:49 → 00:25:52 คุณควรค้นหาสาเหตุถ้าคุณรู้สาเหตุแล้วคุณ
00:25:52 → 00:25:55 ปรับได้ต้นทางระบบย่อยดีอาการอื่นๆจะไม่
00:25:55 → 00:25:57 ถามหานะคะเพราะฉะนั้นวันนี้ก็คิดว่าน่าจะ
00:25:57 → 00:26:00 ได้ความรู้นะคะแล้วเดี๋ยวขอบคุณอาจารย์
00:26:00 → 00:26:02 ก่อนเลยที่วันนี้มาให้ความรู้กับเราเยอะ
00:26:02 → 00:26:03 มากๆ
00:26:03 → 00:26:05 >> แล้วเดี๋ยวคลิปต่อไปนะคะจะมีประเด็นอะไร
00:26:05 → 00:26:08 น่าสนใจมาฝากอีกเกี่ยวกับสุขภาพก็กลับมา
00:26:08 → 00:26:10 ติดตามกันนะคะวันนี้แดงกับอาจารย์ก็ลาไป
00:26:10 → 00:26:11 ก่อนค่ะบ๊ายบายค่ะ
00:26:11 → 00:26:13 >> สวัสดี
00:26:13 → 00:26:29 [เพลง]