00:00:02 → 00:00:05 สวัสดีท่านผู้ฟังผู้ชมทุกท่านนะครับ ก็ วันนี้ก็กลับมาพบกับ
00:00:05 → 00:00:09 ไลฟ์สดนะครับ ของทาง ชีวาแคร์อีกครั้งหนึ่งนะครับผม
00:00:09 → 00:00:14 ก็วันนี้ก็ มาเจอกับผมนะครับ อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันนะครับผม
00:00:14 → 00:00:17 ก็คือขอแนะนําตัวเองก่อนนะครับ ผม อาจารย์นายแพทย์ ชุติเทพ
00:00:17 → 00:00:22 นะครับ ก็เป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาทนะครับ
00:00:22 → 00:00:27 ที่ทํางานอยู่ที่ทางชีวาแคร์คลินิกของเรานะครับผม วันนี้ก็
00:00:27 → 00:00:31 มีหัวข้อที่น่าสนใจนะครับ มาพูดคุยไลฟ์นะครับ
00:00:31 → 00:00:33 ให้ทุกท่านนะครับ ได้รับรู้รับทราบกัน
00:00:33 → 00:00:37 ซึ่งจริงจริงโรค เนี้ย ที่เราจะคุยกันในวันนี้นะครับผม
00:00:37 → 00:00:40 โรคที่มีความสําคัญมาก เพราะว่าในปี ๆ นึงเนี่ย
00:00:40 → 00:00:47 อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ ค่อนข้างเยอะและมีผลกระทบทั้งต่อชีวิตของคนไข้เอง
00:00:47 → 00:00:51 ต่อครอบครัวนะครับ และที่สําคัญ เรื่องของประเทศชาตินะครับ
00:00:51 → 00:00:54 ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ของโรคนี้นะครับ
00:00:54 → 00:00:58 ซึ่งโรคที่เราจะคุยกันในวันนี้นะครับ ก็คือโรคหลอดเลือดสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 ก็คือเป็น หรือว่าที่เรารู้จักกันนะครับ
00:01:00 → 00:01:06 ภาษาอังกฤษนะครับ คือสโตรคนะครับ เพราะฉะนั้นหัวข้อที่เรามาไลฟ์กันในวันนี้ก็คือเรื่อง
00:01:06 → 00:01:09 โรคหลอดเลือดสมอง สัญญาณเตือนเสี่ยงอัมพฤกษ์
00:01:09 → 00:01:12 อัมพาตนะครับผม ซึ่งเป็นหัวข้อที่เรา
00:01:12 → 00:01:17 ต้องให้ความสําคัญกันมากทีเดียว ก่อนอื่นนะครับเรามาดูก่อนว่า
00:01:17 → 00:01:20 ความสําคัญของโรคนี้คือ มีความสําคัญอย่างไร
00:01:20 → 00:01:24 ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเราเข้าใจว่าโรค เนี้ย
00:01:24 → 00:01:26 มีคนป่วยบ่อยมากจริงจริงนะครับ เราจะรู้เลยว่าโรค เนี้ย
00:01:26 → 00:01:30 สําคัญมาก เราควรจะต้องเรียนรู้ ให้ทายนะครับว่า จริงจริงแล้ว
00:01:30 → 00:01:33 เนี่ย โรคหลอดเลือดสมอง เนี่ย ในปีปีหนึ่ง เนี่ย มีคนไทยนะ
00:01:33 → 00:01:38 เอาแค่คนไทย เนาะ ป่วยกัน เท่าไหร่นะครับ ลองทายกันดูเนาะ
00:01:38 → 00:01:43 หลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น หรือหลักแสนต่อปีนะครับ อะ
00:01:43 → 00:01:47 ให้เวลาสักแป๊บหนึ่ง อะ เดี๋ยวผมเฉลย เฉลยเลยแล้วกัน
00:01:47 → 00:01:49 เนาะ ผมเหมือน ตอนนี้ เราเฉลยให้ฟังก่อน
00:01:49 → 00:01:54 ก็คือในปีปีหนึ่งนะครับ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขนะครับ
00:01:54 → 00:02:00 เราพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองนะครับ ประมาณปีละห้าหมื่นรายต่อปี
00:02:00 → 00:02:02 อันนี้คือผู้ป่วยใหม่นะครับ แปลว่าอะไร
00:02:02 → 00:02:06 แปลว่าถ้าเรานับผู้ป่วยสะสม เนี่ย ก็จะมีปีปีหนึ่ง อะ
00:02:06 → 00:02:10 ถ้าปีที่แล้วนับรวมมาด้วยก็ประมาณแสนหนึ่ง สองปีรวมกัน
00:02:10 → 00:02:21 แสนห้าก็คือเพิ่มขึ้นไปเรื่อยเรื่อย และในปัจจุบันแล้วเนี้ยเราพบว่าผู้ป่วยสังคมเรานะครับเป็นสังคมผู้สูงอายุแปลว่ามีคนไทยเนี้ยมีแนวโน้มที่จะอายุยืนมากขึ้นแปลว่าอะไร
00:02:21 → 00:02:29 แปลว่าจํานวนผู้ป่วยสะสมสําหรับโรคหลอดเลือดสมองเนี้ยมีมากขึ้นเรื่อยเรื่อยครับ อันนี้เอาแค่จํานวนผู้ป่วยเนอะ
00:02:29 → 00:02:34 ถามว่าถ้าเราป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้วเนี้ย ปัญหาที่ตามมาคืออะไรนะครับเนอะ
00:02:34 → 00:02:40 ก็คือปัญหาที่ตามมาก็คือว่าคนไข้เนี้ยก็จะกลายเป็นโรคเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต
00:02:40 → 00:02:47 หรือบางส่วนเนี้ยอาจจะเสียชีวิตน่ะถ้าเป็นรุนแรงมากมากนะครับ เราพบว่าในทุกทุกหนึ่งวินาทีนะครับ
00:02:47 → 00:02:52 มีผู้ป่วยเนี้ยเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองอ่ะ อย่างต่ําเนอะ ประมาณสิบคนน่ะ
00:02:52 → 00:02:57 ทั่วโลกเนอะ เป็นเลขที่เยอะมาก หนึ่งวินาทีเนี้ยผ่านไปตายละสิบคน
00:02:57 → 00:03:00 เราถือว่าค่อนข้างเยอะมากนะครับ เพราะฉะนั้นเนี้ย
00:03:00 → 00:03:03 เราถือว่าโรคหลอดเลือดสมองเนี้ย เป็นสาเหตุการตายที่
00:03:03 → 00:03:10 สําคัญอันดับต้นต้นของประชากรโลกเลยนะครับ ถ้าเทียบกันล่ะก็คือเป็นอันดับสอง
00:03:10 → 00:03:12 รองจากเลือดหลอดเลือดหัวใจนะครับ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด เนี่ย อัน
00:03:12 → 00:03:18 เนี้ย เรื่องหลอดเลือดสมอง เนี่ย เป็นอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับที่สองของโลกนะครับ
00:03:18 → 00:03:23 เราจะเห็นได้ว่าจากตัวเลขในประเทศไทยนะครับ ห้าหมื่นรายต่อปี เคสใหม่นะ
00:03:23 → 00:03:27 ห้าหมื่นราย แล้วตัวเลขทั่วโลก เนี่ย ประมาณ
00:03:27 → 00:03:30 เกือบร้อยล้านคนนะที่ป่วย หลอดเลือดสมองนะครับ แล้วก็
00:03:30 → 00:03:34 โอกาสเสียชีวิต เนี่ย ก็ในทุกทุกหนึ่งวินาที เนี่ย
00:03:34 → 00:03:37 เราเห็นว่าเสียชีวิต เนี่ย เป็นเกือบสิบคนเลย เนาะ
00:03:37 → 00:03:41 เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย เราถึงต้องมาให้ความสําคัญกับโรคหลอดเลือดสมอง
00:03:41 → 00:03:47 ในวันนี้นะ ผม อ่ะ เรามาย้อนดูสักนิดหนึ่งถึงประวัติศาสตร์
00:03:47 → 00:03:56 เราเราพักเรื่องหนักอกหนักใจสักแป๊บหนึ่งมาคุยกันเรื่องประวัติศาสตร์บ้างว่ามีใครที่เรารู้จักเนี้ยเคยเป็นมาบ้างเนอะ อ่าเรามาดูก่อน เราพบว่านะครับ
00:03:56 → 00:04:00 อ่า ตอนเนี้ยเอาแค่เอาประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน
00:04:00 → 00:04:04 ประเทศสหรัฐอเมริกาเนี้ย ที่สําคัญที่สุดก็คือท่านประธานาธิบดีเนอะตอนนี้
00:04:04 → 00:04:08 ก็ถึงคนที่น่าจะสี่สิบหก ถ้าผมจําไม่ผิดน่ะ คุณ jobiden
00:04:08 → 00:04:11 เนอะ สี่สิบหกเนอะ ถามว่า เอาสี่สิบหกคนเนี้ย
00:04:11 → 00:04:16 มีใครบ้างที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ปฐ
00:04:16 → 00:04:19 ธิบดีที่ผ่านมาของอเมริกาเนี้ย เราพบว่าอย่างน้อยนะครับ
00:04:19 → 00:04:24 สิบคนเนอะ จากสี่สิบหกคนเนี้ย ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง
00:04:24 → 00:04:29 เอาเราก็จะเริ่มค้นพบเริ่มเยอะล่ะ มีใครบ้างที่เรารู้จักมี น่ะ มี
00:04:29 → 00:04:34 นะครับน่ะ อันนี้ยกตัวอย่างเนอะ ผมก็จําได้ไม่หมดแต่ค่อนข้างเยอะมากนะครับ
00:04:34 → 00:04:39 ที่คนไข้ประธานาธิบดีที่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองน่ะ อย่างน้อยสิบคน
00:04:39 → 00:04:43 เอามาดูทั่วโลกบ้าง ถ้าเราจําได้สมัย สมมุติ
00:04:43 → 00:04:47 สําหรับคนที่เกิดในยุค สงครามโลก มันอาจจะ อาจจะนานไปหน่อย
00:04:47 → 00:04:50 แต่ว่าเราจะค้น เราจะคุ้นภาพเนอะว่า
00:04:50 → 00:04:56 ในยุคสงครามโลกเนี้ยจะมีรูปสาม รูปผู้นําของฝ่ายสัมพันธมิตรเนี้ยสามคนนะครับเนอะ
00:04:56 → 00:05:01 ก็คือฝั่งรัสเซียเนอะ เอ่อ คุณ เนอะ แล้วก็ฝั่ง เนอะ
00:05:01 → 00:05:04 แล้วก็อีกคนหนึ่งก็คือเป็นฝั่ง อ่า ถ้าผมจําไม่ผิดเป็น มั้ง
00:05:04 → 00:05:08 ถ้าจําไม่ผิดนะครับ เราพบว่า รูปนั้นเป็นรูปที่สําคัญมากเนอะ
00:05:08 → 00:05:11 เป็นฝั่งเป็น ถ่ายเป็นผู้นํา ฝั่งสัมพันธมิตรเนอะ
00:05:11 → 00:05:16 เราพบว่าเอ๊ะ แล้วมันสําคัญอะไร เราพบว่า ทุกคนที่อยู่ในรูป
00:05:16 → 00:05:17 เนี่ย นะครับ ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองครับ
00:05:17 → 00:05:21 แล้วก็เสียชีวิตในเวลาถัดมา คุณเชอร์ชิลนี่ก็เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง
00:05:21 → 00:05:25 เนาะ เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เนาะ ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี
00:05:25 → 00:05:29 เนาะ เราเห็นมั๊ยครับว่า จริงจริงแล้ว เนี่ย เจอเยอะเลย
00:05:29 → 00:05:35 คน คนดังดังที่เราคิดว่า ไม่น่าจะป่วย น่าจะแข็งแรงดี
00:05:35 → 00:05:39 การเข้า การแพทย์เข้าถึง เนี่ย สุดท้ายเขาก็ป่วยแล้วก็เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งสิ้น
00:05:39 → 00:05:42 เนาะ อันนี้คือที่เรารู้จักกัน เนาะ แต่จริงจริงแล้ว เนี่ย
00:05:42 → 00:05:44 โรคหลอดเลือดสมอง เนี่ย มี านแล้วครับ
00:05:44 → 00:05:50 มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณละ แต่ว่าสมัยก่อนเนี่ยเรายังไม่ค่อยค้นพบเท่านั้นเองว่ามันเกิดจากอะไร
00:05:50 → 00:05:58 สมัยก่อนเนี่ยเราเชื่อว่าโรคหลอดเลือดสมองเนี่ยเกิดจากความผิดปกติของสารน้ําในร่างกายที่ไม่สมดุลกัน ไม่ว่าจะเป็นพวก
00:05:58 → 00:06:00 เขาเรียกว่าน้ําเหลือง หรือว่าน้ําเลือด
00:06:00 → 00:06:03 หรือว่าเรื่องของน้ําดีอะไรอย่างเงี้ย สมัยก่อนเขามีความรู้แค่นั้นเนาะ
00:06:03 → 00:06:07 เขาก็จะอธิบายด้วย เกิดจากว่าสารน้ําเนี่ยไหลเวียนไม่สะดวก
00:06:07 → 00:06:11 ทําให้เกิด เส้นเลือดสมอง เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
00:06:11 → 00:06:14 ทําให้เกิดการเสียชีวิตได้
00:06:28 → 00:06:34 ในปัจจุบันแล้วเนี้ยเราตั้งแต่ยุคในปีหนึ่งพันเก้าร้อยเป็นต้นมาเนี้ยเทคโนโลยีเรื่องของการวินิจฉัยเรื่องหลอดเลือดสมองเนี้ยก็ก้าวหน้ามากขึ้นครับทําให้เราค้นพบว่าจริงจริงแล้วเนี้ยมันเกิดจากปัญหาของเส้นเลือดหรือเลือดเนี้ยไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เนื่องอาจจะเนื่องด้วยจากเลือดไปเลี้ยงสมองเป็นตัวเลือดเองเนี้ยมีน้อยเกิน
00:06:34 → 00:06:44 หรือว่าอันที่สองก็คือเกิดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเนี้ยมีความผิดปกติมันอุดตันหรืออันที่สามเกิดจากหัวใจมันมีลิ่มเลือดเนี้ยลอยไปอุดทาง เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจ
00:06:44 → 00:06:48 เลือดไปเลี้ยงสมองได้ เนี่ย เดี๋ยวนี้เราก็ค้นพบเป็นแบบนี้เกิดขึ้นนะครับ
00:06:48 → 00:06:51 เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย อันนี้เราอยากให้ดู อะ
00:06:51 → 00:06:54 ในที่เราพูดผ่านมาทั้งหมดที่เกริ่นนํา เราต้องการให้รู้ว่า
00:06:54 → 00:06:57 โรคหลอดเลือดสมอง เนี่ย เจอบ่อยจริงจริง
00:06:57 → 00:07:00 และเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกวัย
00:07:00 → 00:07:04 นะครับผม เพราะฉะนั้น เนี่ย มีความสําคัญจริงจริง
00:07:04 → 00:07:08 ต่อมาเรามาดูก่อนนะครับว่า โรคหลอดเลือดสมองที่เรารู้จักกัน
00:07:08 → 00:07:11 สโตรก สโตรค เนี่ย มันมีกี่ชนิดนะครับ เนาะ
00:07:11 → 00:07:14 จริงจริงโรคหลอดเลือด มองหรือว่าสโตรกเนี่ย
00:07:14 → 00:07:18 เราแบ่งได้เป็นสองชนิดใหญ่ๆ นะครับ ที่เราคุยกันเนาะ
00:07:18 → 00:07:22 แบบแรกก็คือแบบหลอดเลือดสมองตีบเนาะ อันนี้เกิดจากเส้นเลือดเนี่ยตีบ
00:07:22 → 00:07:25 เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้นะ เกิดจากการขาดเลือดเนาะ
00:07:25 → 00:07:30 อีกกลุ่มนึงเราเรียกว่าโรคหลอดเลือดสมองชนิด เส้นเลือดแตกเนาะ
00:07:30 → 00:07:37 อันนี้ก็คือเหมือนมันระเบิดเส้นเลือดมันระเบิดฉีกขาดออกมา เลือดก็ไหลออกมากองตรงนั้นเนาะ
00:07:37 → 00:07:42 ถามว่าเราใน โรคเนี้ย หรือว่าคนไข้ที่เป็นเนี่ยเป็นแบบไหนมากกว่ากันนะ
00:07:42 → 00:07:45 เราพบว่า แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไข้นะครับ
00:07:45 → 00:07:48 จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบนะครับ แล้วก็อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะครับ
00:07:48 → 00:07:51 ส่วนมากแล้ว เนี่ย จะเป็นหลอดเลือดสมองแตก เนาะ
00:07:51 → 00:07:53 เพราะฉะนั้น เนี่ย หลอดเลือดสมองตีบ เนี่ย
00:07:53 → 00:07:56 เจอได้บ่อยกว่า ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เนี่ย
00:07:56 → 00:07:59 เจอได้น้อยกว่า แต่ว่าในคนเอเชีย เนี่ย เราพบว่า
00:07:59 → 00:08:02 ผู้ป่วยในชาวเอเชีย คนไทย คนจีน หรือคนญี่ปุ่น เนี่ย
00:08:02 → 00:08:08 มีแนวโน้มที่จะ ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองแตกได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับคนทางฝั่งยุโรปนะครับ
00:08:08 → 00:08:12 เลขมันอาจจะไม่ใช่แปดสิบยี่สิบแล้ว มันอาจจะเป็นเจ็ดสิบสามสิบนะครับ
00:08:12 → 00:08:18 ทั้งนี้ก็ขึ้นเนื่องจากว่าคนเอเชียมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่เราจะคุยกันต่อไป เนี่ย มากกว่าคนยุโรปนะครับผม
00:08:18 → 00:08:21 ถามว่า
00:08:21 → 00:08:23 เมื่อเราพบว่าในกลุ่มหลอดเลือดสมองแตกตีบ เนี่ย ครับ
00:08:23 → 00:08:28 ที่เป็นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เนี่ย เราก็สามารถแบ่งย่อยย่อยได้เป็นอีกประมาณสักสอง
00:08:28 → 00:08:33 สักห้าอย่าง ย่อยย่อยในกลุ่มที่เป็นหลอดเลือดสมองตีบนะครับผม
00:08:33 → 00:08:39 ก็แบ่งตามสาเหตุการเกิด เนาะ เวลาเราพบว่าปลายทางก็คือเกิดจากว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
00:08:39 → 00:08:44 ถามว่า เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย สาเหตุของการเกิดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
00:08:44 → 00:08:47 เนี่ย มันก็บ่งบอก มันก็เกิดมีสาเหตุแบ่ง
00:08:47 → 00:08:50 สามารถแบ่งชนิดได้ตามสาเหตุ เนี่ย อย่างเช่น หนึ่งก็คือว่า
00:08:50 → 00:08:54 เส้นเลือด เนี่ย มันตีบจริงจริง ก็คือมีหินปูน เนี่ย ไปอุด
00:08:54 → 00:08:56 เส้นเลือด ทําให้เลือด สามารถไปเลี้ยงได้
00:08:56 → 00:09:02 อันนี้ก็เป็นสาเหตุ จากเส้นเลือด เนาะ อีกอันนึงก็คือเกิดจาก
00:09:02 → 00:09:06 หัวใจที่เต้นผิดจังหวะ การเต้นผิดจังหวะของหัวใจนะครับ
00:09:06 → 00:09:10 มันเหมือนกับเป็นการกวน กวนน้ํา ทําให้เกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้น
00:09:10 → 00:09:15 ไอ้ลิ่มเลือดเนี่ยเป็นปัญหาลิ่มเลือดเนี่ยจะลอยขึ้นไปอุดเส้นเลือดอีกทีนึง ทําให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบ
00:09:15 → 00:09:19 อันนี้ก็เป็นชนิดที่สอง ที่เป็นเส้นเลือดสมองตีบจากหัวใจ
00:09:19 → 00:09:23 และอันที่สามก็เป็นสาเหตุอื่น ๆ นะครับ อย่างเช่น
00:09:23 → 00:09:27 มีได้รับอุบัติเหตุบริเวณคอ อย่างเช่นไปนวดคอที่เราเจอบ่อย ๆ
00:09:27 → 00:09:31 ไปนวดคอ ทําให้เส้นเลือดที่คอใน ฉีกขาด
00:09:31 → 00:09:35 การฉีกขาดของเส้นเลือดก็ทําให้เลือดเนี่ย ไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ปกติ
00:09:35 → 00:09:38 ก็ทําให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบได้ อันนี้ก็เป็นสาเหตุใหญ่ๆ
00:09:38 → 00:09:43 ที่เราเจอได้บ่อยในกลุ่มเส้นเลือดสมองตีบ เพราะฉะนั้น สรุปนะครับนะ
00:09:43 → 00:09:47 ในเรื่องของประเภทของโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรกเนี่ย ก็แบ่งได้เป็นสองประเภทเนาะ
00:09:47 → 00:09:51 ก็คือประเภท แตกเนาะ ที่เราเจอได้น้อยกว่า
00:09:51 → 00:09:56 แล้วอีกประเภทนึงก็คือประเภทตีบนะ ที่เราเจอได้บ่อยกว่านั่นเองนะครับ
00:09:56 → 00:10:01 เพราะฉะนั้นเรามาดูว่าเรารู้ละว่ามี สาเหตุมามีเรื่องของประเภทอะไรบ้าง
00:10:01 → 00:10:04 เรามาดูที่ สาเหตุแล้วก็ปัจจัยเสี่ยงกันเนาะ
00:10:04 → 00:10:09 ปัจจัยเสี่ยงเนี่ยจริง ๆ เราพบว่าปัจจัยเสี่ยงเนี่ยเราแบ่งปัจจัยเสี่ยงของการหลอดเลือดสมองแล้วพูดรวม
00:10:09 → 00:10:13 ๆ นะครับ แบ่งได้เป็นสองปัจจัยใหญ่ ๆ เนาะ
00:10:13 → 00:10:18 ก็คือปัจจัยแรกเนี่ยเราเรียกว่าปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เปลี่ยนแปลงได้
00:10:18 → 00:10:24 แปลว่าถ้าเราแก้ไขปัจจัยที่เรามีเนี่ย เราสามารถลดโอกาสที่จะเกิดเรื่องของสโตรกเนี่ยได้
00:10:24 → 00:10:29 ได้ อีกอันนึงก็คือปัจจัยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
00:10:29 → 00:10:32 เอ่อ พวกนี้ก็คือไม่ว่าจะทํายังไงก็
00:10:32 → 00:10:35 ก็คือมีโอกาสความเสี่ยง เนี่ย ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ไม่ว่า
00:10:35 → 00:10:40 คือไม่มี ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ เรามาดูอันแรกก่อนคือปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก่อน
00:10:40 → 00:10:45 เนาะ เรามาดูอันแรกอันที่เรามีติดตัวแต่กําเนิดมาที่เปลี่ยนไม่ได้นะ
00:10:45 → 00:10:49 อะไรบ้างที่เปลี่ยนไม่ได้ เนาะ แล้วก็เป็นสาเหตุสําคัญของโรคหลอดเลือดสมองนะ
00:10:49 → 00:10:53 อันที่หนึ่งก็คือ พันธุกรรม เนาะ อันนี้ช่วยไม่ได้จริงจริง
00:10:53 → 00:10:59 มันเป็นเรื่องของ บางคน เนี่ย มี เรื่องของภาวะพันธุกรรม เนี่ย
00:10:59 → 00:11:02 มีแนวโน้มที่จะเกิดหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เนี่ย ได้มากกว่าคนทั่วไป
00:11:02 → 00:11:08 อันนี้เราคงแก้ไม่ได้ในระดับพันธุกรรมจริงจริงนะครับ อันที่สองก็คือเราพบว่า อายุ
00:11:08 → 00:11:10 เนี่ย เป็นปัจจัยที่สําคัญอีกอันหนึ่ง
00:11:10 → 00:11:15 เราพบว่ายิ่งอายุเพิ่มขึ้นนะครับ เส้นเลือดมันมีโอกาสที่จะ
00:11:15 → 00:11:18 แข็งตัวได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะตีบ
00:11:18 → 00:11:20 หรือก็จะแตก เนี่ย ก็จะมีโอกาสมากขึ้นตามอายุ
00:11:20 → 00:11:23 เพราะฉะนั้น เนี่ย เราก็ไม่สามารถจะลดอายุเราได้
00:11:23 → 00:11:27 เนาะ เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย มันก็เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้
00:11:27 → 00:11:32 สว ่เหลือก็คือเรื่องเพศ เนาะ เราพบว่าเพศชาย เนี่ย
00:11:32 → 00:11:36 มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ อะ หรือแตก เนี่ย
00:11:36 → 00:11:38 ได้มากกว่าเพศหญิง เนาะ แต่ว่าอัตราส่วนก็ไม่มากครับ
00:11:38 → 00:11:41 อันนี้เป็นปัจจัยด้านเพศ เราพบว่าเพศหญิง เนี่ย
00:11:41 → 00:11:44 มีปัจจัยที่ เรื่องฮอร์โมนเพศหญิง เนี่ย
00:11:44 → 00:11:48 เป็นปัจจัยที่ ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
00:11:48 → 00:11:52 ซึ่งมันก็เป็น ปัจจัยทางเพศ เนาะ เราก็แก้ไขไม่ได้จริงจริง
00:11:52 → 00:11:54 มีประมาณสักสองสามอย่าง เนี่ย ครับ
00:11:54 → 00:11:58 ที่เป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ แต่ที่สําคัญที่เราควรโฟกัสคือข้อที่สอง
00:11:58 → 00:12:02 ก็คือปัจจัยที่ ปรับเปลี่ยนและแก้ไขได้
00:12:02 → 00:12:07 อันนี้มีอะไรบ้าง อันที่หนึ่งก็คือเรื่องปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงครับ
00:12:07 → 00:12:11 เราพบว่า การลดความดันโลหิตสูง เนี่ย คือหมายความว่าเรา
00:12:11 → 00:12:14 ถ้าเราเป็นโรคความดันโลหิตนะครับ อยู่ เนี่ย
00:12:14 → 00:12:19 มันมีโอกาสที่จะทําให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนทั่วไป เนี่ย ถึงสิบเท่า เนาะ
00:12:19 → 00:12:22 ซึ่งเป็นเลขที่ค่อนข้างเยอะมากมาก เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย
00:12:22 → 00:12:29 เราควรจะต้อง ปัญหาโรคความ สูง เนี่ย ชอบมีร่วม เนี่ย ถ้าเราแก้
00:12:29 → 00:12:36 หรือเรา สามารถลดความดันลงได้ เนี่ย ก็จะมีโอกาสที่จะลด
00:12:36 → 00:12:40 โอกาสการเกิดหลอดเลือดสมองได้เหมือนกันนะครับ อันข้อหนึ่งคือความดันโลหิต เนาะ
00:12:40 → 00:12:44 ข้อที่สอง โรคที่เจอบ่อยคู่กันเลยเวลาพูดถึงความดันก็คืออะไร
00:12:44 → 00:12:48 เบาหวาน เบาหวานนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งครับ
00:12:48 → 00:12:54 ที่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ เราพบว่าคนไข้ที่คุมเรื่องน้ําตาลนะครับ
00:12:54 → 00:12:58 ระดับน้ําตาลที่ไม่ค่อยดี เนี่ย จะมีโอกาสการเกิดของโรคหลอดเลือดสมอง
00:12:58 → 00:13:01 เนี่ย มากขึ้นนะ กว่าคนที่คุมได้ดี
00:13:01 → 00:13:04 หรือคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวานเลย เนี่ย ได้มากถึงสิบเท่า เนาะ
00:13:04 → 00:13:08 ก็คือเยอะมากจริงจริงนะครับ เพราะฉะนั้น เนี่ย
00:13:08 → 00:13:10 คุณหมอเขาบอกว่าขอคุมน้ําตาลให้ดี ขอคุมความดันให้ดีเนี่ย
00:13:10 → 00:13:17 เป็นปัจจัยที่สําคัญมากในการลดโอกาสของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ที่เหลือจะเป็นปัจจัยด้านพฤติกรรมนะครับ
00:13:17 → 00:13:24 อย่างเช่น ลดน้ําหนัก ลดน้ําหนัก หรือเรื่องของการงดสูบบุหรี่
00:13:24 → 00:13:29 การงดบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แล้วก็การพักผ่อนให้เพียงพอ
00:13:29 → 00:13:31 การออกกําลังกาย เราจะเห็นว่าจริง ๆ
00:13:31 → 00:13:33 เนี่ยเป็นสิ่งที่คล้าย ๆ ว่าเป็นสุข
00:13:33 → 00:13:36 เป็นสุขศึกษาพื้นฐานเนาะ แต่จริง ๆ
00:13:36 → 00:13:42 แล้วมันมีคําอธิบายซ่อนอยู่ว่าทําไมถึงต้องทําแบบนั้น เพราะว่าเราพบว่าอย่างเช่นการสูบบุหรี่
00:13:42 → 00:13:45 หรือว่าการงดสุราเนี่ย พวก มันจะมีผลทําให้
00:13:45 → 00:13:49 หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเนี่ยไม่แข็งตัวนะ ทําให้ ความดันเบาหวานเนี่ย
00:13:49 → 00:13:55 โอกาสที่เกิดน้อยลง มันก็ทําให้ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองเนี่ยลงไปอีกเนาะ
00:13:55 → 00:14:00 แล้วเรื่องของการพักผ่อนไม่เพียงพอและการออกกําลังกายพวกเนี้ย มีผลต่อระดับ
00:14:00 → 00:14:03 ฮอร์โมนความเครียดเนาะ พวกเนี้ย ฮอร์โมนความเครียดเนี่ย
00:14:03 → 00:14:08 มีผลทําให้เกิดเรื่องของโรคหลอดเลือดสมองได้มากขึ้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่เราพักผ่อนเพียงพอ
00:14:08 → 00:14:11 ออกกําลังกายเนี่ย เมื่อ
00:14:12 → 00:14:19 ไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้วเนี้ย เราก็จะพบว่าปัจจัยของการเกิดหลอดเลือดสมองนะครับ
00:14:19 → 00:14:23 ก็มีปัจจัยที่ควบคุมได้ แล้วก็ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เนอะ
00:14:23 → 00:14:26 ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เนี้ยครับ เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้
00:14:26 → 00:14:32 แต่มันเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น แต่จริงจริงปัจจัยที่ควบคุมได้เนี้ยเป็นอย่างน้อยเนี้ยประมาณแปดสิบ
00:14:32 → 00:14:37 เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เนี้ย มันเป็นปัจจัยที่ทําให้เกิดหลอดเลือดสมองเพราะฉะนั้นถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้เนี้ย
00:14:37 → 00:14:39 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความดัน เบาหวาน
00:14:39 → 00:14:44 การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่ พอ
00:14:44 → 00:14:47 ความเครียด หรือการไม่ออกกําลังกายพวก เนี้ย
00:14:47 → 00:14:51 ถ้าเราแก้ปัญหาพวกนี้ได้ เนี่ย โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เนี่ย
00:14:51 → 00:14:54 ก็จะลดลงนะครับ โอกาสที่จะเป็นก็จะน้อยลงมากมากเลย
00:14:54 → 00:14:58 เพราะฉะนั้น เนี่ย เราก็ยังยืนยันว่า การรักษา
00:14:58 → 00:15:02 การป้องกัน การเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่สําคัญที่สุดคือ
00:15:02 → 00:15:08 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพนะครับ ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม
00:15:08 → 00:15:12 ลดปัจจัยเสี่ยงพวกนี้นั่นเองครับผม อันนี้คือเรื่องของปัจจัยเสี่ยง
00:15:12 → 00:15:18 เนาะ ต่อมา ถามว่า ปัจ เอ่อ เรื่องของ สัญญาณเตือนบ้าง เอ๊ะ
00:15:18 → 00:15:21 บางที เนี่ย สมมุติว่าที่เราต้องการ
00:15:21 → 00:15:26 ที่เราคุยกันบ่อยบ่อย เนาะ ปัญหาเรื่องของ โรคหลอดเลือดสมอง
00:15:26 → 00:15:31 เนี่ย คือปัญหาเรื่องการวินิจฉัย เนื่องจากว่าการรักษาที่เราจะพูดต่อไปในอนาคต
00:15:31 → 00:15:35 เนี่ย ครับ เรามันจะเกี่ยวข้องกับระยะเวลาในเรื่อง
00:15:35 → 00:15:39 ระยะเวลาที่คนไข้เป็น เพราะว่ามันมีผลต่อการรักษา
00:15:39 → 00:15:42 ยิ่งระยะเวลานาน หลังจากที่เริ่มเป็นมากขึ้น
00:15:42 → 00:15:44 เนี่ย มัน โอกาสการรักษาบางประเภท เนี่ย
00:15:44 → 00:15:47 ก็จะหมดโอกาสลงไป เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย
00:15:47 → 00:15:50 สิ่งที่เราควรให้ความ
00:15:51 → 00:15:54 นอกจากเรื่องของการรู้ว่าอะไรคือปัจจัยเสี่ยงอะไรที่ป้องกันได้ ป้องกันไม่ได้แล้ว เนี่ย
00:15:54 → 00:15:57 สิ่งที่สําคัญคือสัญญาณเตือน สัญญาณเตือน เนี่ย
00:15:57 → 00:16:02 ครับก็คืออาการอะไรบ้าง ที่ควร ที่เราเจอปุ๊บ เนี่ย เราควร
00:16:02 → 00:16:05 ไม่ว่าเราจะเป็นเอง หรือว่าเราเจอคนใกล้ตัวของเรา
00:16:05 → 00:16:16 เนี่ย มีอาการดังกล่าว เนี้ย เราควรจะต้องรีบนําคนไข้หรือนําตัวเราเองหรือทํายังไงก็ได้ให้มาเจอแพทย์มาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนะครับ
00:16:16 → 00:16:22 ปกติแล้ว เนี่ย เรา ท่องนะครับ ถ้าเป็นต่างประเทศเนี่ยเราท่องเป็นตัวย่อเนาะ
00:16:22 → 00:16:26 เราท่องคําว่า fast เนาะ ก็คือคําว่าเร็วเนาะ f a s t
00:16:26 → 00:16:30 เนาะ เอ่อ ก็คือ fast เนี่ยมันเป็นคําย่อครับ
00:16:30 → 00:16:36 ประกอบไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัวอย่างที่กล่าวไปแล้ว f a s t ตัว f เนี่ย f for fun
00:16:36 → 00:16:40 เนี่ยนะ f เนี่ย ก็คือ มันย่อมาจาก facial doom
00:16:40 → 00:16:46 ก็คือแปลว่ามีหน้าเบี้ยว แปลว่าถ้าเราเจอ
00:16:46 → 00:16:51 ญาติเราหรือว่าคนใกล้ตัวของเรามีอาการหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว เอ่อ อย่างเงี้ยครับ
00:16:51 → 00:16:54 อันเนี้ย ควรที่จะต้องรีบพามาโรงพยาบาลเลย
00:16:54 → 00:16:59 เพราะว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ อันนี้คือคําแรกเนาะ facial
00:16:59 → 00:17:00 dooge เนาะ หรือว่าหน้าเบี้ยวนะครับ
00:17:00 → 00:17:04 ตัวที่สอง ตัว a เนาะ ของ fast เนาะ ตัวที่สองเป็นตัว a
00:17:04 → 00:17:08 ใช่มั้ยครับ ตัว a เนี่ย ก็คือ คําภาษาอังกฤษเขาจะมาจากคําว่า
00:17:08 → 00:17:13 arm drip เนาะ arm drip arm drive แปลว่า ก็คือแขนตก
00:17:13 → 00:17:16 ก็คือไม่มีแรง แขนขาอ่อนแรงนั่นเองนะครับ
00:17:16 → 00:17:20 แปลว่าอันนี้คือง่าย เพราะว่าอันนี้คนทั่วไปจะสามารถ
00:17:20 → 00:17:23 พบได้มา เจอปุ๊บเนี่ย น่าจะใช่ละ อันเนี้ย
00:17:23 → 00:17:26 ส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหาเลย ก็คือถ้ามีอ่อนแรงปุ๊บเนี่ย
00:17:26 → 00:17:29 ให้รีบมาโรงพยาบาลเลยนะครับ อันนี้คือตัวที่สองก็คือตัว a
00:17:29 → 00:17:32 arm drive คือกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงเนาะ
00:17:32 → 00:17:36 ให้รีบมาโรงพยาบาล ตัวที่สามของคําว่า fast
00:17:36 → 00:17:41 ก็คือตัว s เนาะ ตัว s เนี่ย ย่อมาจากคําว่า speed disto
00:17:41 → 00:17:47 bance เนาะ speed disto bance แปลว่ามีความผิดปกติของการสื่อสารการพูดเนาะ
00:17:47 → 00:17:53 ส่วนมากก็คือพูดไม่ชัด พูดไม่ออก พูด ลิ้นรัวรัวเนอะเป็นต้นเนอะ
00:17:53 → 00:17:57 อะไรที่ผิดปกติพูดแล้วไม่เหมือนเดิม คําพูดเปลี่ยนไปเสียงเปลี่ยนไป
00:17:57 → 00:18:02 อันนี้ให้สงสัยก่อนว่าน่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ ให้รีบพามาที่โรงพยาบาล
00:18:02 → 00:18:06 เราก็จะเจอสามคําแล้วใช่ไหมครับ มีตัว ก็คือเรื่องใบหน้าเนอะ
00:18:06 → 00:18:10 ตัวที่สองเนี้ยก็คือเรื่อง ก็คือเรื่องแขนขาตกใช่ไหมครับ
00:18:10 → 00:18:14 อ่อนแรงเนอะ อันตัวสุดท้ายก็คือเรื่องของตัวเรื่องของการพูดเนอะ
00:18:14 → 00:18:19 เรื่องของ เนอะ ที่มีวิธีการพูดที่ผิดปกติไป
00:18:19 → 00:18:23 แล้วตัวสุดท้าย ตัวทีเนี่ย ตัวทีเนี่ยอาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องของอาการ
00:18:23 → 00:18:29 ที่ ผิดปกตินะ แต่ตัวทีเนี่ย เราใส่มาเพื่อเน้นย้ําว่าให้คนไข้เนี่ย
00:18:29 → 00:18:32 รีบมาโรงพยาบาลนะครับ ถามว่าตัวทีเนี่ยเราเอา
00:18:32 → 00:18:36 เท่าไหร่ก็คือสี่จุดห้าชั่วโมงเนาะ ก็คือเมื่อไหร่ก็ตามเนี่ย
00:18:36 → 00:18:39 ที่มีอาการตรงเนี้ยเจอปุ๊บ เริ่มเป็นปั๊บเนี่ยให้นับเลย
00:18:39 → 00:18:42 เริ่มนับศูนย์ทันที เริ่มนับเลย เริ่มนับเวลาปุ๊บ
00:18:42 → 00:18:46 ถ้ามีอาการเหล่าเนี้ย ควรจะพามาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเนาะ
00:18:46 → 00:18:52 ภายในระยะเวลาสี่ชั่วโมงครึ่ง เพราะว่าจะมีการรักษาที่เราจะคุยต่อไปเนี่ย
00:18:52 → 00:18:55 ถามว่าทําไมต้องสี่ชั่วโมง เดี๋ยวเราจะคุยต่อไปว่าทําไมต้องสี่ชั่วโมงครึ่งครับ
00:18:55 → 00:18:59 แต่ว่าให้เราจําไว้เลยว่า ถ้ามีอาการหน้าเบี้ยว
00:18:59 → 00:19:03 มีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง และมีอาการเรื่องของ
00:19:03 → 00:19:06 การพูดไม่ชัด มีการพูดผิดปกตินะครับ
00:19:06 → 00:19:12 ให้รีบมาที่โรงพยาบาลภายในระยะเวลาสี่ชั่วโมงครึ่ง อันนี้ก็คือเป็นคําที่ท่องเลยนะ
00:19:12 → 00:19:15 เป็นทีก็คือย่อมาจากไทม์นะ ก็คือสี่จุดห้าชั่วโมง
00:19:15 → 00:19:22 ภาษาไทยเนี่ยก็มีเหมือนกันของสมาคมประสาทวิทยาเนี่ย เขาก็ได้ คําท่องเหมือนกันนะครับ
00:19:22 → 00:19:24 เนาะ แต่ว่าก็จะคล้ายคล้ายกัน เป็นเรื่องของ
00:19:24 → 00:19:30 เป็นเรื่องของหน้าเบี้ยวเนาะ มีปากตก ยกไม่ขึ้น มีข้อท่องนะ
00:19:30 → 00:19:36 เดี๋ยวผมท่องให้ฟังเป็นภาษาไทยนะ มีมุมปากตก ยกไม่ขึ้น แล้วก็มี
00:19:36 → 00:19:40 มุมปากตกยกไม่ขึ้น พูดไม่ชัด เขาจะท่องประมาณเดิมเนี่ยแหละครับ
00:19:40 → 00:19:44 ประมาณสามอย่างเนี่ยครับ ให้รีบมาโรงพยาบาลเนาะ ถามว่า
00:19:44 → 00:19:46 ถ้ามีอาการเหล่าเนี้ย อย่างข้อใดข้อหนึ่งเลยเนาะ
00:19:46 → 00:19:51 ไม่จําเป็นต้องมีครบทั้งสามอาการเหมือนที่เรากล่าวไปในเรื่องใบหน้าเบี้ยว เรื่องไขขาอ่อนแรง แล้วก็อะไร
00:19:51 → 00:19:54 พูดผิดปกตินะ ถามว่าถ้ามีอาการใดอาการหนึ่ง
00:19:54 → 00:20:00 ให้รีบพามาโรงพยา เนาะ ถามว่า ก่อนที่จะไปโรงพยาบาลเราก็ต้องโทรเรียก
00:20:00 → 00:20:03 รถพยาบาลหรือว่าโทร แจ้งเจ้าหน้าที่ใช่มั้ยครับ
00:20:03 → 00:20:06 ในประเทศไทยเนี่ย เรามีสายด่วนนะของ
00:20:06 → 00:20:09 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินนะครับ ที่เราโทรได้อยู่แล้ว
00:20:09 → 00:20:14 เราอยากเน้นย้ําให้โทรไปที่เบอร์หนึ่งหกหกเก้านะครับเนาะ หนึ่งหกหกเก้าเนาะ
00:20:14 → 00:20:19 เป็นสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทยเนาะ อันนี้เค้าก็จะประสานไปที่โรงพยาบาล
00:20:19 → 00:20:22 แล้วก็จะพารถ มารับเนาะ แล้วก็รีบไปประเมินที่โรงพยาบาลนะครับ
00:20:22 → 00:20:25 เพราะฉะนั้นเนี่ย สิ่งที่อยากจะย้ําเนาะ
00:20:25 → 00:20:30 ย้ํามากมากเลยก็คือว่า สามอาการที่เราควรจะต้องรีบติดต่อโรงพยาบาล
00:20:30 → 00:20:35 รีบพาคนไข้มาโรงพยาบาลภายในระยะเวลาสี่ชั่วโมงครึ่ง นั่นก็คือหนึ่ง
00:20:35 → 00:20:39 เรื่องอาการของมุมปากตกนะ หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว
00:20:39 → 00:20:44 อันที่สองก็คือเรื่องของกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง และอันสุดท้ายก็คือเรื่องของ
00:20:44 → 00:20:48 เอ่อ อาการพูดที่ผิดปกติไปนะครับ ให้รีบมาโรงพยาบาล
00:20:48 → 00:20:53 หรือโทรไปที่เบอร์หนึ่งหกหกเก้าครับ เพราะฉะนั้น เนี่ย
00:20:53 → 00:20:59 คนไข้ก็จะได้ประโยชน์จากการที่ได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วนะครับ ถ้ารีบไปโรงพยาบาล อันนี้
00:20:59 → 00:21:02 สัญญาณเตือนเนาะ เราสามารถ จัดการสังเกตได้หมดเลยนะครับ
00:21:02 → 00:21:08 ที่บ้าน สังเกตคนใกล้ตัวของท่าน จําง่าย ๆ สามอย่าง มุมปากตก
00:21:08 → 00:21:12 แขนขาอ่อนแดง แล้วก็พูดจาไม่ชัด สามอย่างครับ ขอแค่สามอย่างจริง
00:21:12 → 00:21:19 ๆ ครับ ส่วนเรื่องของ ต่อมาก็คือ เรื่องของการรักษาเนาะ
00:21:19 → 00:21:23 การรักษาเนี่ยครับ เพราะว่าเราต้องนึกภาพว่าถ้าคนไข้เมื่อกี้เราผ่านไปแล้วเนาะ
00:21:23 → 00:21:26 เรื่องของการคัดกรองว่า เอ๊ะ ใช่ ไม่ใช่
00:21:26 → 00:21:28 เป็นโรคหลอดเลือดสมองรึเปล่า ต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:33 แล้ว ไปในสี่จุดห้าชั่วโมงเนี่ย มันจะมีผลเกี่ยวกับการรักษาที่จะตามมา
00:21:33 → 00:21:37 ปกติแล้วนะครับ เวลาเรา กันเรื่องของการรักษาในโรคหลอดเลือดสมองเนี่ย
00:21:37 → 00:21:40 เราจะแบ่งเป็นสองระยะ ระยะแรกคือระยะเฉียบพลัน
00:21:40 → 00:21:44 และอีกระยะนึงคือระยะยาวเนาะ ถามว่าระยะเฉียบพลันเนี่ย
00:21:44 → 00:21:50 อันเนี้ยมีความสําคัญมากเพราะว่า ปกติแล้วเนี่ย เวลานึกภาพเนาะ
00:21:50 → 00:21:52 ปัญหาคือเส้นเลือดสมองตีบ อันนี้เรา
00:21:52 → 00:21:54 เราพูดถึงเส้นเลือดสมองตีบ เป็นหลักเนาะ
00:21:54 → 00:21:59 เพราะเราเจอได้บ่อยประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มที่เป็นเส้นเลือดสมองตีบนะครับ
00:21:59 → 00:22:04 เรานึกภาพว่าเหมือนเป็นท่อน้ําแล้วมีอะไรไปอุดตันใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยการรักษาในระยะ
00:22:04 → 00:22:07 ต้นต้นเนี้ย ในระยะเฉียบพลันเนี้ย
00:22:07 → 00:22:11 ระยะในช่วงแรกแรกที่ไปเจอโรงพยาบาลเนี้ย ก็คือทํายังไงก็ได้
00:22:11 → 00:22:17 ที่พยายามเอาลิ่มเลือดที่มันค้างอยู่ตรงนั้นที่มันตันอยู่ในหลอดเลือดนะครับ เอาออก ซึ่งวิธีการเอาออกนะครับ
00:22:17 → 00:22:23 ก็มีการรักษาที่เป็นรักษามาตรฐานเนอะ ที่เราทํากันทุกวันนี้ก็คือการให้ยาละลายลิ่ม
00:22:23 → 00:22:25 ลิ่มเลือดเนอะ เป็นยาเป็นสลายลิ่มเลือด
00:22:25 → 00:22:33 ก็คือฉีดยาเข้าไปทางหลอดเลือดดําของคุณพยาบาลแล้วก็จะเปิดเส้นเลือดแล้วก็ให้ยา และยาเนี้ยก็จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นเลือดที่อุดตัน
00:22:33 → 00:22:37 เหมือนไป ลิ่มเลือดตรงนั้นเนาะ ปัญหาก็คือว่า
00:22:37 → 00:22:44 การให้ยาตรงเนี้ยครับ เราพบว่าเราจะให้ได้เพียงแค่ในช่วงสี่จุดห้าหรือสี่ชั่วโมงครึ่งเนาะ
00:22:44 → 00:22:47 หลังจากเริ่มมีอาการเท่านั้น มันก็เลยเป็นที่มาว่าทําไม
00:22:47 → 00:22:55 เราถึงควรจะต้องรีบถ้ามีอาการผิดปกติทางระบบประสาทเนี่ย ต้องรีบดีเทคเนาะ ต้องรีบ
00:22:55 → 00:22:58 ต้องรีบเจอเลยว่ามันใช่ไม่ใช่อะไรอย่างเงี้ย แล้วก็รีบพามาโรงพยาบาล
00:22:58 → 00:23:00 เพราะว่าถ้าคนไข้เป็นจริง ๆ เนี่ย
00:23:00 → 00:23:07 แล้วเจอแล้วคุณหมอเค้าวินิจฉัยแล้วว่าเป็นหลอดเลือดสมองตีบจริง ๆ เนี่ย จะมี จากการให้ยาเนาะ
00:23:07 → 00:23:15 ถามว่าหลังจากช่วงสี่จุดห้าชั่วโมงเราจะให้ยาละลายลิ่มเลือดได้มั้ย คําตอบก็คือได้แต่ว่าต้อง คุยกับ
00:23:15 → 00:23:20 คือต้องอยู่ในวิจารณญาณของคุณหมอ ที่รักษาคุณหมอสมอง
00:23:20 → 00:23:23 คุณหมอระบบประสาทเนี่ย อีกทีนึงต้องมาคุยกันพอสมควรนะครับ
00:23:23 → 00:23:27 นะว่าจะให้หรือเปล่า เพราะว่าถามว่าทําไมให้แล้วมัน
00:23:27 → 00:23:31 มีข้อเสียอะไรคุณหมอเนี่ย เพราะอย่าลืมว่ายามันคือยาละลายลิ่มเลือดนะครับ
00:23:31 → 00:23:37 แปลว่าจริง ๆ แล้วเนี่ย นอกจากมันละลายลิ่มเลือดที่อยู่ที่บริเวณที่มันอุดตันแล้วเนี่ย
00:23:37 → 00:23:40 มันโอกาสที่มันจะไปละลายลิ่มเลือด ที่อื่นที่มันไม่ได้อุดตันเนี่ย
00:23:40 → 00:23:45 ก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน แต่ ไข้ มันมีโอกาสที่จะเกิด เลือดออก ใน
00:23:45 → 00:23:49 ในสมองเนี่ย แทน แทนที่จะไปละลายลิ่มเลือดเนี่ย
00:23:49 → 00:23:51 กลายเป็นว่าเลือดไปออกที่สมองแทน ก็คือ
00:23:51 → 00:23:55 กลายเป็นหลอดเลือดสมองแตกซ้ํา เนี่ย อันนี้อาจจะไม่ค่อยโอเคนะ
00:23:55 → 00:23:59 เพราะฉะนั้น เนี่ย แนะนํา เนาะ ให้รีบพามาโรงพยาบาลภายในช่วงสี่จุดห้าชั่วโมง
00:23:59 → 00:24:03 สําคัญที่สุดนะครับ ส่วนการรักษาอื่นอื่น เนาะ
00:24:03 → 00:24:09 นอกเหนือจากเรื่องของการให้ยาละลายลิ่มเลือดนะครับ ลืมบอกชื่อยาเนอะ ยาชื่อว่า
00:24:09 → 00:24:13 อาร์ทีพีเอนะครับ อาร์ทีพีเอ เนี่ย ก็คือเป็นตัวย่อนะ อ่า
00:24:13 → 00:24:16 ภาษาอังกฤษไม่ต้องจําก็ได้ แต่ว่ามันย่อมาจาก recombinance
00:24:16 → 00:24:20 tritu plus minot เนาะ ถ้าสมมุติคุณหมอเขาบอก
00:24:20 → 00:24:22 ให้อ้าที่พี่เอ้ก็คือ นี่คือชื่อยานะ
00:24:22 → 00:24:26 ที่เราใช้ในปัจจุบัน มีทุก มี ตอนนี้ก็คือ โรงบาล ใหญ่ ๆ
00:24:26 → 00:24:28 เนี่ยมีทุก โรงบาล แล้วเป็นการรักษาที่มาตรฐาน
00:24:28 → 00:24:31 คนไข้ทุกคนที่เป็น หลอดเลือดสมองตีบเนี่ย
00:24:31 → 00:24:36 ที่มาในโรงพยาบาลภายในสี่จุดห้าชั่วโมงเนี่ย ควรจะต้องได้รับยานี้นะครับ
00:24:36 → 00:24:40 อีกวิธีนึงการรักษานึงก็คือการ เราพบว่า
00:24:40 → 00:24:43 เหมือนที่เราบอกไปเหมือนเดิมก็คือว่า เส้นลิ่มเลือดมันตันในสมองใช่มั้ยครับ
00:24:43 → 00:24:49 อยู่ในเหมือนกับท่อน้ําแล้วมีขยะไปตันอยู่ในอุดตันอยู่ตรงนั้นน่ะ เพราะฉะนั้นเนี่ย โนโลยีใหม่ๆ
00:24:49 → 00:24:53 เนี่ย เราก็มีแนวโน้มที่จะคล้ายๆ ว่าใช้ สายสวนเนาะ
00:24:53 → 00:24:57 ก็คือแทงเส้นเข้าไปเลย ไปลากเอาลิ่มเลือดที่อุดตันเนี่ยออกมาเนาะ
00:24:57 → 00:25:02 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย การรักษานี้ก็ยังต้องอยู่ในวิจารณญาณของคุณหมอนะครับ
00:25:02 → 00:25:09 อันนี้คืออาจจะต้องคุยกับคุณหมอระบบประสาทแล้วก็ทีมกับคุณหมอทาง เอ่อ คุณหมอทางรังสีแพทย์เนี่ย
00:25:09 → 00:25:13 เป็นทีมอีกทีนึง ก็คืออยู่กับวิจารณญาณเนาะ ก็
00:25:13 → 00:25:17 แต่ในอนาคตเนี่ยอาจจะเป็นเริ่ม อาจจะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นการรักษาหลักได้
00:25:17 → 00:25:20 อันนี้ทั้งนี้ทั้ง
00:25:21 → 00:25:25 อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดในการรักษาที่การใส่สายสวนเพื่อลากลิ่มเลือดออกมานะครับ ก็อันนี้พูดให้เฉย ๆ ว่าจริง ๆ
00:25:25 → 00:25:30 ทุกวันเนี้ยมีการรักษาสองแบบในระยะเฉียบพลัน อันที่หนึ่งก็คือเรื่องของการให้ยา
00:25:30 → 00:25:34 ละลายลิ่มเลือดนะครับ ซึ่งต้องให้ภายในสี่จุดห้าชั่วโมง
00:25:34 → 00:25:38 อีกวิธีนึงก็คือการให้ เค้าเรียกว่าใส่สายสวนเพื่อไปลากลิ่มเลือดออกมานะครับ
00:25:38 → 00:25:42 อันนี้ก็ เป็นการรักษาที่เป็น อาจจะเป็น อีกออฟชั่นนึง
00:25:42 → 00:25:48 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในแต่ละโรงพยาบาลนะ แล้วก็มี เรื่องของค่าใช้จ่าย
00:25:48 → 00:25:53 หลาย ๆ อย่างนะครับ อันนี้อาจจะต้องคุยกับทางทีมแพทย์กับทีมรักษาอีกทีนึง
00:25:53 → 00:25:58 อันนี้คือระยะเฉียบพลันนะครับเนาะ หลังจากนี้ก็คือเป็นระยะ
00:25:58 → 00:26:01 พอให้ยาเสร็จปุ๊บเนี่ย คนไข้เนี่ย ส่วนมากแล้วเนี่ยครับ
00:26:01 → 00:26:06 จะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนะ เราจะไม่ปล่อยให้คนไข้กลับบ้านนะครับ
00:26:06 → 00:26:11 คนไข้สโตรคเนี่ย แทบทุกรายเนี่ย ถ้าเราคุณหมอประเมินแล้วน่าจะเป็นสโตรกจริง
00:26:11 → 00:26:13 ๆ ไม่ว่าจะเป็นเยอะเป็นน้อยเนี่ย ส่วนมากแล้วเนี่ย
00:26:13 → 00:26:17 เราจะแนะนําให้นอนที่โรงพยาบาล อย่างน้อยประมาณสองถึง
00:26:17 → 00:26:20 ามวันนะครับ ถามว่าทําไมต้องนอนอย่างน้อยสองถึงสามวัน
00:26:20 → 00:26:28 อันที่หนึ่งก็เพื่อ สังเกตอาการ เพราะว่าเราพบว่าในช่วงสองสามวันแรกเนี่ยครับ
00:26:28 → 00:26:32 ลิ่มเลือดเนี่ยชอบไปตันซ้ําในช่วง สามวันแรก เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:26:32 → 00:26:35 โอกาสที่จะเป็นซ้ําเนี่ย ก็จะเป็นมากที่สุดในสามวัน
00:26:35 → 00:26:40 เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาเนี่ย ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลมันก็ค่อนข้างที่จะปลอดภัยกว่า
00:26:40 → 00:26:44 อันนี้เป็นที่มานะครับ บางที่มีญาติหลาย
00:26:44 → 00:26:47 หลายคนเนี่ยก็จะถามว่าทําไมต้องนอน โรงบาล ด้วยสามวัน
00:26:47 → 00:26:49 สองวันอย่างเงี้ย ขอกลับไปดูที่บ้านได้มั้ย
00:26:49 → 00:26:55 อันนี้คือคําตอบก็คือว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นซ้ําจริง ๆ ในสามวันแรก
00:26:55 → 00:27:00 ก็เลยอยากให้นอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ ข้อที่สองที่เราแนะนําให้คนไข้นอนโรงพยาบาลเนี้ยครับ
00:27:00 → 00:27:04 เพราะว่าเราอยากให้คนไข้เนี้ย เราต้องการหาสาเหตุเนอะ
00:27:04 → 00:27:08 เราพบว่าจริงจริงแล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่าลิ่มเลือดเนี้ย มันเกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตัน
00:27:08 → 00:27:12 เส้นเลือดมันตัน แต่จริงจริงแล้วเหมือนที่หมอบอกไปว่า
00:27:12 → 00:27:16 แล้วลิ่มเลือดไปอุดตันได้ไง มันเกิดจากเส้นเลือดที่มันตันเองรึเปล่า
00:27:16 → 00:27:20 หรือจริงจริงแล้วมันเกิดจากปัญหาที่หัวใจ มันเกิดจากการสร้างลิ่มเลือดที่หัวใจมันเต้นพริ้ว
00:27:20 → 00:27:23 มันเต้นผิดจังหวะ แล้วลิ่มเลือดก็ไปอุด
00:27:23 → 00:27:25 หรือว่าจริงจริงแล้วมันเกิด เส้นเลือดเนี่ยมันบาดเจ็บ
00:27:25 → 00:27:31 มันเกิดจากเราไปนวดไป เกิดอุบัติเหตุที่บริเวณคอแล้วมันทําให้เส้นเลือดมันฉีกขาดตรงนั้นแล้วมันก็ตัน
00:27:31 → 00:27:34 เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ซึ่งอันเนี้ย
00:27:34 → 00:27:42 เราให้คนไข้นอนโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุดังกล่าวพวกเนี้ย เพราะว่ามันมีผลในการรักษาในระยะยาวตามมาในอนาคตนะครับ
00:27:42 → 00:27:45 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย อันนี้ก็คือเป็นการรักษาในระยะเฉียบพลัน
00:27:45 → 00:27:49 ก็คือนอกจากให้ยาหรือว่าการใส่สายตรวจแล้วเนี่ย คนไข้ยังถูก
00:27:49 → 00:27:52 ให้รับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างน้อย เอ่อ
00:27:52 → 00:27:55 สี่สิบแปดถึงเจ็ดสิบสองชั่วโมง เพื่อสังเกต การณ์
00:27:55 → 00:28:01 อันนี้เป็นการรักษาระยะเฉียบพลัน อีกอันนึงก็คือเป็นการรักษาระยะ
00:28:01 → 00:28:06 เรื่องของ เอ่อ ระยะยาวนะครับ ระยะยาว
00:28:06 → 00:28:10 อันนี้พอดีว่าเห็นว่ามีคําถามเยอะ เดี๋ยวผมจะทยอยตอบให้ทีเดียวนะครับ
00:28:10 → 00:28:14 มี มีคนถามหลายอัน เดี๋ยว เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังให้
00:28:14 → 00:28:17 ให้ถึงเนื้อหาที่สักพักนึงก่อน เดี๋ยวผมจะทยอยตอบให้
00:28:17 → 00:28:20 มีคําถามที่น่าสนใจหลายอัน เดี๋ยวผมจะหยิบยกมาตอบเป็นระยะ ๆ
00:28:20 → 00:28:23 แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมเล่าเรื่องของการรักษาระยะยาวก่อน
00:28:23 → 00:28:27 การรักษาระยะยาวเนี่ย เป้าหมายเนี่ย ไม่ได้ทําเพื่อให้
00:28:27 → 00:28:31 เอ่อ เขาเรียกว่าอะไรเนี่ย ไม่ได้ทําเพื่อให้การรักษาเนี่ยมัน
00:28:31 → 00:28:34 ไม่ได้ทําให้อาการอ่อนแรงหรืออะไรอย่างเงี้ย มันหายไปเนาะ
00:28:34 → 00:28:38 ต้องบอกก่อนว่าระยะยาวเนี่ย เรารักษาเพื่อไม่ให้เกิด
00:28:38 → 00:28:42 โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกซ้ํา อันนี้คือเป้าหมายหลักเลยเนาะครับเนาะ
00:28:42 → 00:28:47 แล้วข้อที่สองของการรักษาระยะยาวคือ ทํายังไงก็ได้ให้คนไข้เนี่ยกลับมามีชีวิต
00:28:47 → 00:28:53 ได้ใกล้เคียงกับก่อนที่จะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้มากที่สุด มันก็จะมีสองข้อใช่มั้ยครับ
00:28:53 → 00:28:55 การผล เป้าหมายของการรักษาระยะยาว
00:28:55 → 00:28:59 ข้อแรกคือการรักษา ไม่ให้เป็นซ้ํา อือ
00:28:59 → 00:29:02 ต้องบอกก่อนว่า การเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
00:29:02 → 00:29:06 เนี่ย ต้องพูดตรงตรงว่า เวลามันเป็นทีหนึ่ง อะ ครับ
00:29:06 → 00:29:11 มันจะไม่หายขาด สมองที่มันเสียไป เวลามันตายไป เนี่ย ครับ
00:29:11 → 00:29:15 มันจะตายก็คือตายแล้ว ตายเลย เนาะ มันจะไม่งอกใหม่ครับ
00:29:15 → 00:29:19 มันไม่เหมือนผมหรือเล็บที่มันสามารถงอกใหม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย
00:29:19 → 00:29:22 สิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว เนี่ย ในระยะยาวเราคงแก้ไขไม่ได้ครับ
00:29:22 → 00:29:25 มันเกิดขึ้นไปแล้ว เนาะ แต่ถามว่า
00:29:25 → 00:29:30 ในระยะยาวเราคงไม่อยากให้มันเกิดซ้ํา เป็นแล้วเป็นอีก
00:29:30 → 00:29:32 อันนี้เราคงไม่ค่อยโอเคขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:29:32 → 00:29:36 วิธีแรกเป้าหมายแรกในการป้องกันไม่ให้เกิด ไม่ให้มันเกิดซ้ําเนาะ
00:29:36 → 00:29:42 ก็คือหนึ่งคืออะไร คือการ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่เราได้คุยกันไปแล้วในเบื้องต้นใช่มั้ยครับ
00:29:42 → 00:29:46 พวกนั้นน่ะปัจจัยพวกนั้นเราต้องมาคุยกันว่าเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันนี้เป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดเลย
00:29:46 → 00:29:49 ไม่ใช่การกินยาเนาะ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
00:29:49 → 00:29:52 เรื่องความดัน เบาหวาน การออกกําลังกาย การงดสูบบุหรี่
00:29:52 → 00:29:57 หรือว่าการงดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การพักผ่อนให้เพียงพอ
00:29:57 → 00:29:59 อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเน้นย้ํากับคนไข้ มอ
00:29:59 → 00:30:03 ถ้าเราปรับเปลี่ยนได้อย่างน้อยเนี่ย อย่างน้อยแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เนี่ย
00:30:03 → 00:30:08 คนไข้จะไม่กลับมาเป็นซ้ํานะครับ อีกอันนึงคือการรับประทานยา
00:30:08 → 00:30:12 ไม่ให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันเนาะ ก็จะมียาในกลุ่มพวก เอ่อ ยา อ่า
00:30:12 → 00:30:15 ต้านเกล็ดเลือด อย่างเช่นพวกแอสไพริน
00:30:15 → 00:30:19 หรือว่าโคพรีโดเกรลนะครับ หรือว่าบางคนรับประทานยาพวกไซลอสตาซอล
00:30:19 → 00:30:21 แล้วก็จะเห็นว่าจะมียาหลาย ๆ กลุ่มเนาะ
00:30:21 → 00:30:25 หรืออีกกลุ่มนึงคือเป็นยาละลายลิ่มเลือดไปเลย อย่างเช่นกลุ่มพวกวาฟารินนะครับ
00:30:25 → 00:30:30 หรือว่ายากลุ่มใหม่ ๆ อย่างเช่น กลุ่มดา
00:30:31 → 00:30:36 หรือว่ายาในกลุ่ม พวกนี้นะครับ ก็เป็นยาละลายลิ่มเลือด
00:30:36 → 00:30:39 ก็จะมียาหลายหลายอย่างที่คุณหมอเขาให้ไป เพราะฉะนั้น เนี่ย
00:30:39 → 00:30:43 สําหรับคนที่รับประทานยาพวกนี้ก็จะไม่งงนะ เพราะเรากินยาไปเพื่ออะไร
00:30:43 → 00:30:48 เรากินยาเพื่อป้องกันไม่ให้มันเป็นซ้ํานะครับผม ไม่ใช่กินเพื่อทําให้สมองที่มันตายไปแล้ว
00:30:48 → 00:30:51 เนี่ย กลับมาใหม่ อันนี้ไม่ใช่เป้าหมาย ครับ
00:30:51 → 00:30:53 หลักนะครับ เนาะ อีกอันหนึ่งก็คือ
00:30:53 → 00:30:59 เป้าหมายข้อที่สองในการ ดูแลผู้ป่วยในระยะยาวก็คือทํายังไง
00:31:00 → 00:31:05 ได้ให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด ต้องอธิบายก่อนเหมือนที่เราคุยไปแล้วนะครับว่า
00:31:05 → 00:31:08 เวลาเราเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เนี่ย สมองที่มันตายไปแล้ว เนี่ย
00:31:08 → 00:31:13 มันจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ไหมล่ะครับ มันก็จะตายจากไปอย่าง งั้น
00:31:13 → 00:31:18 ล่ะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย ถามว่า เอ๊ะ แล้วเรา กายภาพ
00:31:18 → 00:31:22 หรือว่าเราทําฟื้นฟูให้ทํานู่นทํานี่ เพื่ออะไร เนาะ
00:31:22 → 00:31:26 คําตอบก็คือเดี๋ยวผมจะลองเล่า ลองนึกภาพตามแล้วกันนะครับ
00:31:26 → 00:31:30 ให้เรานึกว่าในห้องห้องหนึ่ง เนี่ย มีนักเรียนสิบคน นัก
00:31:30 → 00:31:34 ในนักเล สิบคนเนี้ย หนึ่งคนเนี้ย เป็นหัวหน้าห้อง
00:31:34 → 00:31:40 ทําหน้าที่ดูแลเพื่อนเพื่อน พฤติกรรม ชื่อ ทําหน้าที่
00:31:40 → 00:31:44 ดูแลเพื่อนเพื่อนทุกคนเนอะ อีกเก้าคนเนี้ยเป็นลูกน้องเขาก็อยู่ของเขาตาม
00:31:44 → 00:31:47 ตามอัตภาพของเขาไป อยู่มาวันหนึ่งเนี้ย
00:31:47 → 00:31:50 หัวหน้าห้องได้จากเราไปครับ หัวหน้าห้องหายไปไหนไม่รู้
00:31:50 → 00:31:53 หรือนักเรียนเก้าคนครับ นักเรียนเก้าคนนั้นน่ะ
00:31:53 → 00:31:56 เขาไม่ได้ถูก มาเพื่อให้เป็นหัวหน้าห้องเนอะ
00:31:56 → 00:32:02 เขาก็จะถามว่าเขาทํายังไงดี สุดท้ายเขาก็ต้องทํายังไงก็ได้คือต้องมีคนคนหนึ่งอ่ะ
00:32:02 → 00:32:08 มาทําหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเป็นตัวแทนหัวหน้าห้อง มาทําหน้าที่แทน ถาม คนที่มาแทน
00:32:08 → 00:32:10 สมมุติว่ามีนักเรียนใน ใน ข ไข่ นาย ข ไข่
00:32:10 → 00:32:13 มาทําหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องแทน เนี่ย ใน ข ไข่
00:32:13 → 00:32:16 จะทําหน้าที่ได้ดีเท่ากับนาย ก ไก่ ที่เป็นหัวหน้าห้องไหม
00:32:16 → 00:32:19 คําตอบก็คือไม่ เขาไม่ได้ถูกเทรนด์มาแบบนั้น
00:32:19 → 00:32:22 แต่ถามว่าก็ต้องทําไง ก็ต้องทําให้ได้
00:32:22 → 00:32:25 ถามว่าการเปรียบเทียบอย่าง เงี้ย คืออะไร เนาะ
00:32:25 → 00:32:28 การหัวหน้าห้องมันหายไปนะครับ อันนั้นก็คือเหมือนสมอง
00:32:28 → 00:32:31 เหมือนเนื้อสมองที่มันตายไปแล้ว เนี่ย มันกลับมาไม่ได้แล้ว
00:32:31 → 00:32:34 เขาก็จากเราไปถาวร แต่ถามว่า สมองส่วนที่เหลืออยู่
00:32:34 → 00:32:39 ที่อยู่รอบรอบบริเวณที่มันขาดเลือดไปที่มันยังไม่ตาย อะ ครับ เราถามว่า เรา
00:32:39 → 00:32:44 ก็เราพยายาม เทรนนิ่งเนาะ เราพยายามฝึกให้สมองส่วนที่มันทําหน้าที่อื่นมาก่อนเนี่ย
00:32:44 → 00:32:48 ให้มาทําหน้าที่แทนในสมองส่วนที่มัน ตายไปแล้วเนี่ย
00:32:48 → 00:32:55 เพราะฉะนั้นเนี่ยก็เหมือนกับคนที่มาทําหน้าที่แทนหัวหน้าห้องแทนนั่นเองนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยการ
00:32:55 → 00:32:59 ฝึกกายภาพบําบัดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกเดิน ฝึก เอ่อ
00:32:59 → 00:33:03 การใช้กล้ามเนื้อ หรือฝึกทํากิจกรรมต่าง ๆ
00:33:03 → 00:33:05 ไม่ว่าจะเป็นการกายภาพบําบัด การกิจกรรมบําบัด
00:33:05 → 00:33:11 หรือว่าการทําอย่างเช่นการฝึกพูดนะครับ หรือการทําใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
00:33:11 → 00:33:14 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่าง ๆ ทีเอ็มเอส เนี่ย ครับ
00:33:14 → 00:33:19 หรือว่าการให้ยาบางอย่าง เนี่ย ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกเป็นการเทรน
00:33:19 → 00:33:20 สมองส่วนที่อยู่รอบรอบที่ยังไม่ตาย เนี่ย
00:33:20 → 00:33:24 เพื่อให้มาทําหน้าที่แทนสมองส่วนที่ตายไปแล้ว นั่นเองนะครับ
00:33:24 → 00:33:26 อันนี้คือเป็นหลักการรักษา เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย
00:33:26 → 00:33:30 ยิ่งทําเยอะ ยิ่งฝึกเยอะ มันก็เหมือนเป็นการเทรน เนาะ
00:33:30 → 00:33:33 เทรนเพื่อ เทรนสมองส่วนที่มันไม่เคยทํามันมา
00:33:33 → 00:33:35 ยิ่งทําเยอะเยอะ เนี่ย โอกาสที่จะทําได้ใกล้เคียง
00:33:35 → 00:33:38 ได้ใกล้เคียงกับ สมองส่วนที่ตายไปแล้ว เนี่ย
00:33:38 → 00:33:41 ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยเรื่อย ก็จะมีโอกาสที่ใกล้เคียงได้
00:33:41 → 00:33:44 มันอาจจะไม่ ครับ แต่อย่างน้อย อะ
00:33:44 → 00:33:47 เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ฝึกเลย ไม่ทําเลย ไม่กายภาพเลย
00:33:47 → 00:33:51 ป่วยแล้วนอนเฉยเฉย เนี่ย คนไข้กลุ่ม เนี้ย
00:33:51 → 00:33:58 มีพยากรณ์โรคคือมีโอกาสที่จะเสียชีวิตค่อนข้างสูง มีโอกาสที่จะทุพพลภาพถาวรได้มากกว่ากลุ่มคนที่ฝึกบ่อยบ่อย
00:33:58 → 00:34:01 กลุ่มคนที่ไปกายภาพบ่อยบ่อย นั่นเองนะครับ
00:34:01 → 00:34:05 อันนี้คือหลักการนะว่าเราทํากายภาพเพื่ออะไร เนาะ
00:34:05 → 00:34:09 เพราะฉะนั้นในแง่ของการรักษานะครับ หมอก็ขอสรุปว่าจริงจริงการรักษา
00:34:09 → 00:34:13 เนี่ย มีสองกลุ่มใหญ่ใหญ่ ก็คือสองเฟสแรก แรกนี่คือ
00:34:13 → 00:34:16 ที่เขาเรียกว่าระยะแรก เนี่ย เรียกว่าระยะเฉียบพลัน เนาะ
00:34:16 → 00:34:19 อันนี้ต้องแข่งกับเวลาจริงจริงครับ สี่จุดห้าชั่วโมงนะ
00:34:19 → 00:34:23 เรายังจําได้อยู่ เนาะ ถ้ามี ถ้ามาในสี่จุดห้าชั่วโมง
00:34:23 → 00:34:26 คนไข้ก็จะมีโอกาสได้รับยา สลายลิ่มเลือดนะครับ
00:34:26 → 00:34:32 ที่ว่าชื่อว่า อาร์ทีพีเอ เนาะ ได้ เนาะ หรือ มีโอกาสที่จะได้
00:34:32 → 00:34:35 รับใส่สายสวน เพื่อลากลิ่มเลือดออกมานะครับ
00:34:35 → 00:34:40 แต่ถ้าระยะเวลานานไปก็อาจจะไม่มีประโยชน์จากการทําพวกนี้ เพราะฉะนั้น เนี่ย การมา โรงบาล
00:34:40 → 00:34:42 ให้เร็ว เนี่ย เป็นสิ่งที่สําคัญมาก
00:34:42 → 00:34:44 เราอยากให้คนไข้ เนี่ย มา โรงบาล เร็วเร็ว
00:34:44 → 00:34:48 รีบพามาให้เร็วที่สุดนะครับ ไม่ว่าจะยังไงก็ ให้หมอประเมิน
00:34:48 → 00:34:52 ถ้ามันใช่เราจะได้ คนไข้จะได้ไม่เสียโอกาสจากการได้ยากลุ่มนั้น
00:34:52 → 00:34:56 อีก การรักษาอีกระยะนึง ระยะที่สองเนี่ยก็คือ
00:34:56 → 00:35:00 การรักษาระยะยาว มันก็ประกอบไปด้วยการรักษาสองระยะ
00:35:00 → 00:35:01 สองอย่างย่อยๆ ก็คืออันที่หนึ่งก็คือ
00:35:01 → 00:35:05 เป็นการป้องกัน ไม่ให้การเกิดหลอดเลือดสมองซ้ํา
00:35:05 → 00:35:08 ไม่ให้เกิดเป็นสโตรกซ้ํา อันนี้ก็จะมีการรักษาพวก
00:35:08 → 00:35:12 หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง แล้วก็การรับประทานยาละลายลิ่มเลือด
00:35:12 → 00:35:16 ยาต้านเกล็ดเลือดเป็นต้น อีกอันนึงก็คือเป็นการกายภาพบําบัด
00:35:16 → 00:35:21 การ ทํากิจกรรมบําบัด หรือว่าการ ทําเครื่องกระตุ้นหรือการให้ยาบางอย่างเนี่ย
00:35:21 → 00:35:25 เพื่อทําให้ เป็นการเทรนสมองส่วนที่
00:35:25 → 00:35:31 มาทําหน้าที่แทนสมองส่วนที่ตายไปแล้วนะครับ ซึ่งมันก็ยิ่งทําเยอะก็จะยิ่งได้
00:35:31 → 00:35:35 กลับมาใกล้เคียงกับปกติได้มากที่สุดนะครับ ก็ยัง อันนี้คือ ลักษณะการรักษา
00:35:35 → 00:35:40 คร่าวๆ นะครับ อันนี้เป็นแผนการรักษาที่คุณหมอเขานิยมทํา
00:35:40 → 00:35:46 ที่พยายามอธิบายให้คนไข้ฟังเนาะ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวก่อนเราก็จะเบรคเรื่องของการคุยเรื่องเนื้อหาสักเล็กน้อย
00:35:46 → 00:35:50 เรามาดูเรื่องคําถามนะครับเนาะ อันนี้คือคําถามแรกเนี้ย
00:35:50 → 00:35:56 อันนี้คืออาจจะเหมือนที่ได้กล่าวไปแล้วน่ะ เขาถามว่าอะไรคือเตือนว่ากําลังจะเป็นหลอดเลือดสมองครับ
00:35:56 → 00:35:58 อันนี้ก็เหมือนที่บอกเลยครับ อาการเตือนเนี้ย
00:35:58 → 00:36:01 ส่วนมากแล้วเนี้ย เราไม่ควรจะรอให้มันมีอาการเตือนนะครับ
00:36:01 → 00:36:07 จริงจริงแล้วเนี้ย จริงจริงเราควรจะรู้ตั้งแต่แรกว่ามันมีอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเนอะ
00:36:07 → 00:36:09 เหมือนที่หมอบอกไปแล้วเนอะ ความดัน เบาหวาน
00:36:09 → 00:36:14 พฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะต่างต่างเนี้ย อันนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงหมดเลยครับ
00:36:14 → 00:36:17 ไม่ต้องรอให้มันมาเตือนครับ ควรจะจัดการปัญหานี้ก่อน
00:36:17 → 00:36:20 เพื่อลดโอกาสไม่ให้มันมาเตือนด้วย เพราะถ้ามันมาเตือนแปลว่าอะไร
00:36:20 → 00:36:25 แปลว่ามันเริ่มเป็นแล้วครับ สมองมันเริ่มตายนับตั้งแต่เริ่มเตือนแล้ว
00:36:25 → 00:36:30 แต่ถ้าถามว่าถ้าเอาจริงจริงอะไรที่เป็นอาการเตือนเหมือนที่หมอบอกสามอย่างเนอะ หนึ่งก็คือดูหน้าเลย
00:36:30 → 00:36:34 ดูหน้าเจอคนปุ๊บดูหน้า ถ้าหน้าเบี้ยวปุ๊บเนี้ย
00:36:34 → 00:36:37 สงสัยไว้ก่อนน่าจะเป็น เป็นหลอดเลือดสมอง
00:36:37 → 00:36:40 อันที่สองพอเจอปุ๊บ ไหนลองยกแขนซิ อ่า
00:36:40 → 00:36:42 บอกว่ายกแขนไม่ขึ้น หยิบจับไม่ถนัด
00:36:42 → 00:36:45 อันเนี้ยเป็นข้อสองว่า เป็นอาการเตือนล่ะ
00:36:45 → 00:36:50 แขนขาอ่อนแรงมาโรงพยาบาล ข้อสุด ก็คือ ไหนลองคุยกับเราหน่อยสิ
00:36:50 → 00:36:53 ชื่ออะไร ถามตอบ โอ๊ะ คุยได้ไม่เหมือนเดิม
00:36:53 → 00:36:56 เสียงเปลี่ยนไป อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องสงสัย
00:36:56 → 00:36:59 ว่าน่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองนะครับ อันนี้ก็คือเน้นย้ํา เนาะ
00:36:59 → 00:37:02 ถ้ามีอาการสามอย่าง มีเรื่องใบหน้าเบี้ยว
00:37:02 → 00:37:07 มีเรื่องกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีเรื่องของการพูดผิดปกติ
00:37:07 → 00:37:09 ให้รีบมาโรงพยาบาลนะ อันนี้คือน่าจะตอบคําถามข้อที่หนึ่ง
00:37:09 → 00:37:14 เนาะ ข้อที่สองเขาบอกว่า คนที่ปวดหัวบ่อยบ่อย
00:37:14 → 00:37:20 เสี่ยงเป็นภาวะหลอดเลือดสมองได้ไหมนะครับ เนาะ ก็ต้องบอกว่า อาการปวดหัว
00:37:20 → 00:37:25 เนี่ย ครับ เป็นอาการหนึ่งที่สามารถเป็นอาการเตือนของเรื่องหลอดเลือดสมองได้
00:37:25 → 00:37:28 แต่ต้องบอกก่อนว่าต้อง ต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าอาการปวดหัว
00:37:28 → 00:37:31 เนี่ย มันมีได้หลายสาเหตุนะครับ อาการปวดหัว เนี่ย
00:37:31 → 00:37:35 เวลาเราบอกว่าเราปวดหัว เนี่ย ปวดจากอะไรได้บ้าง เนาะ
00:37:35 → 00:37:40 คนเราปวดหัว เนี่ย มีอะไรปวดบ้าง ส่วนไหนของหัวบ้างที่ปวด เอา งี้
00:37:40 → 00:37:43 ดีกว่า เนาะ อธิบายสั้นสั้น เนาะ อันที่หนึ่งก็คือผิวหนังบริเวณหัว
00:37:43 → 00:37:45 เนี่ย เราปวด อันนี้คงไม่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง
00:37:45 → 00:37:49 เนาะ ก็คือเป็นแผลที่หัว มีตุ่มที่หัว อะไร อันเนี้ย
00:37:49 → 00:37:51 เป็นทําให้ปวดหัวได้ อันนี้คงไม่เกี่ยวกับ
00:37:51 → 00:37:56 หลอดเลือดสมอง อันที่สองคือ เยื่อหุ้มสมองเนี่ย
00:37:56 → 00:37:58 ก็ทําให้ปวดหัวได้ ก็คือ สมองเนี่ยครับ
00:37:58 → 00:38:00 มันจะมีถุงหุ้มเนาะ อันนี้สมมติเป็นสมองนะ
00:38:00 → 00:38:03 อันนี้เดี๋ยวเรา ให้ดูสมองนะ ก็จะมีถุงหุ้ม จริง ๆ
00:38:03 → 00:38:05 สมองมันจะไม่ได้เป็นก้อน เป็นก้อน ๆ แบบนี้
00:38:05 → 00:38:08 มันจะมีถุงหุ้มหนึ่ง ๆ ถุงเนาะ แล้วพบว่าถุงหุ้มเนี่ย
00:38:08 → 00:38:14 ทําให้เราเกิดอาการปวดหัวได้ แล้วอันที่สามก็คือเรื่องของหลอดเลือดที่อยู่ในสมองนะครับ
00:38:14 → 00:38:17 ก็ทําให้เกิดอาการปวดหัวได้ เพราะฉะนั้นเราถามว่า
00:38:17 → 00:38:21 เราพูดถึงเรื่องหลอด สมองใช่มั้ยครับ ถามว่าถ้ามี
00:38:21 → 00:38:24 เพราะฉะนั้นเนี่ย อาการปวดหัวเนี่ย
00:38:24 → 00:38:27 มันสามารถเกิดจากหลอดเลือดได้ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย สโตรคเนี่ย
00:38:27 → 00:38:29 หรือเป็น หลอดเลือดสมองตีบหรือแตกเนี่ย
00:38:29 → 00:38:36 ก็ทําให้มีอาการของเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้นะครับ เนาะ เนาะ โอเคเนาะ ขอโทษที
00:38:36 → 00:38:40 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย เราก็พบว่า ถ้าตอบคําถามนี้ก็คือว่า
00:38:40 → 00:38:44 คนที่ปวดหัวบ่อย ๆ เนี่ย มีความเสี่ยงเป็นภาวะหลอดเลือดสมองได้มั้ย
00:38:44 → 00:38:48 คําตอบก็คือต้องมาดูก่อนว่า อาการปวดหัวเนี่ย
00:38:48 → 00:38:53 มันเป็นลักษณะแบบไหนนะครับ มันเป็นได้แต่ต้องมาดูเนื้อหาของการปวดเนาะ
00:38:53 → 00:38:56 อาการปวดหัวของหลอดเลือดสมองส่วนมากจะ แบบตุ๊บ ๆ เนาะ
00:38:56 → 00:39:00 เพราะว่ามันเต้นตามชีพจร นะครับ ถ้าปวดหัวอย่างอื่นนี่ก็อาจจะไม่ค่อยเหมือนละ
00:39:00 → 00:39:04 อืม ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย อาการปวดหัวอย่างเดียว
00:39:04 → 00:39:06 บอกว่าเป็นหลอดเลือดสมองได้มั้ย คงตอบไม่ได้
00:39:06 → 00:39:08 มันต้องมีอาการอื่นร่วมด้วย อย่างเช่นที่หมอบอกไป
00:39:08 → 00:39:11 อย่างเช่นพูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง หรือว่ามี
00:39:11 → 00:39:13 หรือว่ามีปัญหาหน้าเบี้ยว อันเนี้ย
00:39:13 → 00:39:17 ถ้ามีปวดหัวร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่ผิดปกติเนี่ย แนะนําน่าจะใช่
00:39:17 → 00:39:21 เป็นโรคหลอดเลือดสมองนะครับ ถามว่า อ่ะ ถ้าเป็นไมเกรนมั้ย
00:39:21 → 00:39:26 มีไมเกรน สมมติว่าเราเจอบ่อย ๆ เนาะ เราคุยกัน คนไข้เป็นไมเกรน
00:39:26 → 00:39:32 หนูมีความเสี่ยงที่จะเป็นหลอดเลือดสมองมั้ย คําตอบก็คือ เอ่อ
00:39:32 → 00:39:35 ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงนะครับ ไมเกรน เนี่ย
00:39:35 → 00:39:38 จริงจริงแล้วมันมีความผิดปกติของสมอง เส้นเลือดสมองอยู่แล้ว
00:39:38 → 00:39:41 แต่ความเสี่ยงอาจจะไม่มากนะครับ ต้องบอกก่อนนะครับ
00:39:41 → 00:39:43 แต่ถามว่ามีความเสี่ยงได้ไหม มีความเสี่ยงได้
00:39:43 → 00:39:46 แต่อาจจะไม่มากนัก อือ ทั้งนี้ทั้งนั้น เนี่ย
00:39:46 → 00:39:49 ผมแนะนําว่าคําถาม เนี้ย อาจจะตอบยากนิด นึง
00:39:49 → 00:39:51 ถามว่าคนปวดหัวบ่อยบ่อย เสี่ยงเป็นภาวะหลอดเลือดสมองได้มั้ย
00:39:51 → 00:39:56 คําตอบก็คือ เสี่ยงได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เนี่ย ถามว่า
00:39:56 → 00:40:00 คํา อาจจะต้อง ถ้ามันมีบ่อยบ่อย เนี่ย
00:40:00 → 00:40:04 อาจจะต้องมาคุยกับคุณหมอครับ มาให้คุณหมอเขาสัก
00:40:05 → 00:40:10 หรือตรวจร่างกายนิดหน่อยเพิ่มเติมว่ามันเหมือนหรือเปล่าที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองเนาะ อันนี้อาจจะตอบคําถามข้อนี้นะครับผม
00:40:10 → 00:40:15 ข้อสามคือปวดหัวประมาณไหน คือหลอดเลือดสมองคะ
00:40:15 → 00:40:18 ต่างจากปวดหัวแบบไมเกรนไหมคะ แล้วมีวิธีสังเกตยังไง
00:40:18 → 00:40:21 อันนี้เอาง่ายๆ ก่อน ปวดหัวไมเกรนนะครับ
00:40:21 → 00:40:25 คนที่เป็นไมเกรนเนี่ย กับโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกเนี่ย
00:40:25 → 00:40:28 มันก็ปวดหัวเหมือนกัน แต่ปกติแล้วเนี่ยไมเกรนเนี่ย
00:40:28 → 00:40:32 มันจะเป็นๆ หายๆ ครับ แล้วมันจะมีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน
00:40:32 → 00:40:36 ปกติให้เรานึกภาพ หลอดเลือดสมองตีบหรือแตกเหมือนท่อน้ําอ่ะ
00:40:36 → 00:40:40 ท่อน้ํามันตีบหรือมันตันเนี้ย เวลามันตีบหรือมันตันหรือมันแตกไปเนี้ยครับ
00:40:40 → 00:40:42 มันก็จะปวดหัวเนอะ เพราะฉะนั้นแล้วเนี้ย
00:40:42 → 00:40:46 ถ้าเราไม่ได้ซ่อมไม่ได้ทําอะไรมันเลยเนอะ สิ่งที่มันแตกมันตีบมันตัน
00:40:46 → 00:40:49 มันก็จะอยู่ค้างอย่างงั้นนะครับ ไม่ได้จากไปไหนครับ
00:40:49 → 00:40:55 เพราะฉะนั้นเนี้ยมันไม่ควรที่จะมีอาการหายเอง แล้วก็กลับมาเป็นใหม่เอง
00:40:55 → 00:41:00 เป็นเป็นหายหายเนี้ยไม่ใช่อาการของโรคหลอดเลือดสมองตีบนะครับ อืม ต้องบอกก่อนเนอะ
00:41:00 → 00:41:04 อันนี้คือข้อแรกก็คือลักษณะอาการเป็นเป็นหายหาย อาจจะไม่ค่อย ๆ
00:41:04 → 00:41:07 โรคหลอดเลือดสมองตีบ อาจจะเหมือนไมเกรนมากกว่า
00:41:07 → 00:41:12 ข้อที่สองก็คือว่าโรคไมเกรนเนี่ยต้องบอกก่อนว่าเป็นโรคของคนหนุ่มสาว ครับ
00:41:12 → 00:41:16 เราพบว่าโรคไมเกรนเนี่ยมักจะเจอในผู้หญิงที่อายุน้อย ๆ
00:41:16 → 00:41:19 มักจะเป็นตั้งแต่ในวัยเรียนนะครับ พวกเนี้ย
00:41:19 → 00:41:24 ซึ่งถ้าเทียบกับคนที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองพวกเนี้ยครับ เราพบว่าเหมือนที่เราคุยกันแล้วเนาะ
00:41:24 → 00:41:30 ปัจจัยที่สําคัญที่สุดในการเป็นหลอดเลือดสมองก็คือเรื่องของอายุ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:41:30 → 00:41:34 การปวดหัวจากการเป็นหลอดเลือดสมองนะครับ จะพบในคนไข้ที่อายุมาก ๆ
00:41:34 → 00:41:36 อย่างเช่นเกินหกสิบ ห้าสิบเป็นขึ้นไปเนี่ย
00:41:36 → 00:41:39 ให้สงสัยไว้ก่อน
00:42:05 → 00:42:09 เพราะฉะนั้นเนี้ยถ้าเอาเรื่องของเนื้อหาของการปวดหัวถ้าเราบอกว่าเราเป็นเป็นหายหายร่วมกับเป็นตั้งแต่เด็กเด็กแล้วเนี้ยก็อาจจะเหมือนไมเกรนมากกว่าโรคหลอดเลือดสมองแต่ในบางคนที่มาหาหมออายุเยอะเยอะอย่างเช่นอยู่ดีดีก็บอกว่าไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิตนี้ตอนนี้อายุหกสิบอยู่ดีดีก็ปวดหัวครั้งแรกปวดหัวรุนแรงเป็นคล้ายคล้ายไมเกรนอันเนี้ยต้องสงสัยก่อนว่าน่าจะไม่ใช่ไมเกรนเพราะไมเกรนก็คือว่าเป็นผู้ป่วยหญิงหรือผู้ชายก็ได้นะครับแต่ผู้ป่วยส่วนมากจะอายุ ๆ คือไม่เกินสี่สิบอ่ะ
00:42:09 → 00:42:12 ควรจะเป็นก่อนหน้าสี่สิบอ่ะครับ น่าจะประมาณนี้มากที่สุดนะครับ
00:42:12 → 00:42:15 อืม แล้วก็ถามว่ามีวิธีการสังเกตอย่างไร
00:42:15 → 00:42:20 ก็เหมือนที่บอกคือไมเกรนเนี่ย ส่วนมากแล้วเนี่ย เอ่อ
00:42:20 → 00:42:25 ก็จะลักษณะของการปวดหัวอาจจะแยกยาก เพราะว่าส่วนมากแล้วไมเกรนก็จะปวดหัวแบบตุ๊บ
00:42:25 → 00:42:27 ๆ นะครับ แปดสิบเปอร์เซ็นต์มาด้วยปวดหัวตุ๊บ
00:42:27 → 00:42:29 ๆ อีกประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์เนี่ย
00:42:29 → 00:42:32 มีการปวดหัวแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปวดร้าว ปวดจี๊ด ๆ
00:42:32 → 00:42:35 ปวดแปล๊บ ๆ อะไรอย่างเงี้ยครับ แต่ว่าการปวดหัวหลอดเลือดสมองส่วนมากก็จะมาด้วยปวดตุ๊บ
00:42:35 → 00:42:39 ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยก็อาจจะแยกยากนะ
00:42:39 → 00:42:42 ต้องบอกก่อนนะครับ อาจจะ อาจจะในเรื่อง หา เนี่ย
00:42:42 → 00:42:46 อาจจะแยกยาก แต่ให้เราดูเลยว่า หนึ่ง อายุที่เป็น
00:42:46 → 00:42:48 ถ้าอายุเยอะเยอะ เป็นครั้งแรกตอนอายุเยอะเยอะ
00:42:48 → 00:42:51 เป็นไมเกรนเยอะ เนี่ย ไม่ค่อยถูกละ น่าจะแปลกแปลก
00:42:51 → 00:42:54 ไม่น่าใช่ไมเกรน อันที่สองคืออาการที่เป็นหายหาย
00:42:54 → 00:42:58 เนี่ย อาจจะไม่ได้สนับสนุนการเป็นหลอดเรื่องของหลอดเลือดสมองนะครับ
00:42:58 → 00:43:01 น่าจะเป็นไมเกรนมากกว่า อันนี้น่าจะตอบคําถามในข้อที่สาม
00:43:01 → 00:43:08 เนาะ ข้อที่สี่ เอ่อ อันนี้มี ถามมาว่า คุณพ่อมีอาการสับสนค่ะ
00:43:08 → 00:43:12 จะพูดแต่ละทีใช้เวลานึกคํานานมาก คุณพ่ออายุหกสิบ ค่ะ
00:43:12 → 00:43:16 แบบนี้เสี่ยงไหมค่ะ หรือต้องไปพบคุณหมอก่อน ครับ
00:43:16 → 00:43:19 เรื่องจริงจริงแล้วเนี้ย ที่เราให้ท่องสามอาการนะครับเนอะ
00:43:19 → 00:43:24 ที่เราบอกว่ามีปัญหาหน้าเบี้ยว แขนขาอ่อนแรงหรือว่าเป็นปัญหาการพูดเนี้ย
00:43:24 → 00:43:28 เป็นอาการที่เจอบ่อยในคนไข้ที่เป็นหลอดเลือดสมอง จริงจริงแล้วเนี้ย
00:43:28 → 00:43:35 สมองทําหน้าที่อย่างอื่นร่วมด้วยเนอะ ในแง่ของพฤติกรรมเรื่องของความรับรู้ทิศทางวันเวลาอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:43:35 → 00:43:40 อันเนี้ยต้องบอกก่อนว่าถ้ามีอาการสับสนและเป็นแบบทันทีทันใด ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเลย
00:43:40 → 00:43:43 มีพฤติกรรมเปลี่ยนทันทีเลย อันนี้ให้สงสัยก่อนว่า
00:43:43 → 00:43:49 น่าจะมีความผิดปกติของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ให้รีบมา แพทย์นะครับ คือส่วนตัว
00:43:49 → 00:43:52 เนี่ย ถ้ามีอย่าง งี้ นะครับ เนี่ย แนะนําว่าให้คุณหมอประเมิน
00:43:52 → 00:43:56 เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็น เป็นเรื่องของหลอดเลือดสมอง
00:43:56 → 00:43:59 ตีบหรือแตกได้นะ อาจจะเป็นไม่เยอะมาก แต่ว่ามัน
00:43:59 → 00:44:03 มันน่าจะมีความผิดปกติจริงจริงนะครับ อีกอย่างหนึ่งคือเหมือนที่บอกนะ
00:44:03 → 00:44:05 คุณพ่ออายุหกสิบนะครับ ค่อนข้างอายุเยอะ เนาะ
00:44:05 → 00:44:09 เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย คิดว่าน่าจะต้อง ขอโทษนะครับ
00:44:09 → 00:44:19 ขอโทษนะ แป๊บนึง เออ ไลฟ์อยู่ อือ ขอโทษที สา ยวนนิดนึง ครับก็
00:44:19 → 00:44:22 คุณพ่อก็อัน เนี้ย น่าจะต้องมาพบแพทย์นะครับ
00:44:22 → 00:44:25 แล้วให้คุณหมอเขาช่วยประเมินนิดนึงว่า เขาสับสนจากอะไร เนาะ
00:44:25 → 00:44:28 การสับสนนี่มีได้หลายสาเหตุครับ สาเหตุหนึ่งในนั้นก็คือเป็น
00:44:28 → 00:44:34 การที่มีหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกนะครับ อันนี้ต้องมาหา ครับผม
00:44:35 → 00:44:38 ข้อห้าคุณพ่อเคยเส้นเลือดหัวใจตีบไปสองเส้น แต่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว
00:44:38 → 00:44:44 จะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับเนื่องกับการของโรคนี้ได้ด้วยไหมคะ โอเค เวลาเราแบ่ง อะ ครับ
00:44:44 → 00:44:47 เส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบ เนี่ย
00:44:47 → 00:44:49 มันเหมือนเป็นคนละโรคนะครับ เนาะ แต่จริงจริงแล้ว เนี่ย
00:44:49 → 00:44:53 ร่างกายของเราเส้นเลือดก็คือเส้นเลือด เส้นเลือดก็คืออันเดียวกัน เนี่ย
00:44:53 → 00:44:56 ครับ มันคืออยู่ในร่างกาย เวลาเส้นเลือดมันตีบนะครับ
00:44:56 → 00:44:59 มันไม่จํา มันไม่จําเป็นต้องตีบเฉพาะหัวใจ
00:44:59 → 00:45:04 เนาะ มันตีบได้ที่ไหนก็ได้ครับ เป็นที่สมองก็ได้ เป็นที่ไตก็ได้
00:45:04 → 00:45:09 เป็นที่ขาก็ได้ ครับ เพียง เราไปนิยามตั้งชื่อโรค มันเฉยๆ
00:45:09 → 00:45:14 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย ถามว่าถ้าเราบอกว่าเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบเนี่ย
00:45:14 → 00:45:17 โอกาสที่จะเป็นเส้นเลือดสมองตีบได้มั้ย เป็นได้ครับ อันนี้เหมือนกันเลย
00:45:17 → 00:45:20 การดูแลเหมือนกัน ก็คือถ้าเราไม่อยากเป็น
00:45:20 → 00:45:26 แล้วก็ต้องหนึ่งก็คือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นหรือปัจจัยที่ มีปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายทั้งปวงเนี่ยครับ
00:45:26 → 00:45:32 แล้วก็อันที่สองคือรับประทานยาต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นอันนี้ตอบง่ายมากคือเป็นได้สบายๆ
00:45:32 → 00:45:34 ครับ มันคือเส้นเลือดแบบเดียวกันเนี่ยนะครับ
00:45:34 → 00:45:38 เพียงเราไปนิยามมันว่าอันนึงที่อยู่ที่หัว อันหนึ่งอยู่ที่สมอง อือ
00:45:38 → 00:45:44 มันคืออันเดียวกันครับ ข้อหก คอเลสเตอรอลสูง
00:45:44 → 00:45:47 ทําให้เป็นสโตรกได้ไหมคะ และตรวจดูยังไงบ้างคะ
00:45:47 → 00:45:51 จําเป็นไหมคะ อ้อ ลืมบอกไปครับ อีกอัน นึง
00:45:51 → 00:45:54 นอกจากความดันกับเบาหวานแล้ว เนี่ย ก็คือไขมัน
00:45:54 → 00:45:59 ไขมันนี่คือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สําคัญมาก เนาะ คอเลสเตอรอล ไขมัน เนี่ย
00:45:59 → 00:46:01 ในร่างกายของคนเรานะ มีสองชนิดนะครับ ที่ใหญ่ใหญ่
00:46:01 → 00:46:04 เนาะ อันที่หนึ่งก็คือไตรกลีเซอไรด์
00:46:04 → 00:46:09 เนาะ อันที่สองคือคอเลสเตอรอล สิ่งที่สําค เนาะ ที่มี ปัญหามาก
00:46:09 → 00:46:12 พวก ที่มันชอบไปอุดตันเส้นเลือด ก็คือพวกคอเลสเตอรอล
00:46:12 → 00:46:16 ซึ่งคอเลสเตอรอลเนี่ย มันไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีเสมอไปเนาะ
00:46:16 → 00:46:19 คอเลสเตอรอลเนี่ยมีสองกลุ่มนะ มีกลุ่มที่ดี
00:46:19 → 00:46:22 เราเรียกว่าเอชดีแอลเนาะ ตัวเอชเนาะ
00:46:22 → 00:46:25 ตัวที่ไม่ดีเราเรียกว่าแอลดีแอล เวลาคุณหมอเขาดูอะครับ
00:46:25 → 00:46:27 เวลาเราไปเจาะเลือดเนี่ย เขาจะดูแอลดีแอลเป็นหลัก
00:46:27 → 00:46:31 เพราะเป็นตัวไขมันที่ไม่ดีครับ พวกไขมันที่ไม่ดีมันชอบไปอุดตันเส้นเลือด
00:46:31 → 00:46:34 ทําให้เส้นเลือดมันตีบมันตันได้ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:46:34 → 00:46:39 ถามว่าคําถามข้อนี้ถามว่าคอเลสเต สูง เนี่ย ทําให้เป็นสโตรคได้ไหม
00:46:39 → 00:46:42 ต้องบอกก่อนว่าทําให้เป็นได้ แต่ต้องเป็นคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี
00:46:42 → 00:46:45 ก็คือแอลดีแอลนะครับ อือ ตัว เนี้ย
00:46:45 → 00:46:48 ทําให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบได้ ก็ไปสะสมไปอุดตันได้
00:46:48 → 00:46:52 แล้วจะตรวจดูได้ยังไงบ้าง ส่วนมากต้องตรวจเลือดเป็นหลักนะครับ
00:46:52 → 00:46:55 ต้องไปเจาะเลือดดู คือต้องงดน้ํา งดอาหาร
00:46:55 → 00:46:58 ไปเจาะเลือดดูแล้วก็ดูไขมัน พวก เนี้ย เขาก็จะ เวลาเจาะไขมันที
00:46:58 → 00:47:03 นึง เขาจะดูทั้งไตรกลีเซอไรด์ ทั้งแอลดีแอลที่เป็นไขมันคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:47:03 → 00:47:06 แล้วก็ดูเอชดีแอลนะครับ ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่ดี
00:47:06 → 00:47:09 อันนี้ก็เราก็จะแปลผล รวม ๆ กัน ก็คือไปขอเค้าเจาะได้นะครับ
00:47:09 → 00:47:14 เรื่อง เรื่องเค้าเรียกว่า เจาะ อ่า ระดับไขมันในเลือดเนาะ
00:47:14 → 00:47:17 ก็จะเจาะเป็นโปรไฟล์เป็นทีเดียว เขาจะเจาะหลาย ๆ ตัวพร้อมกัน
00:47:17 → 00:47:22 ครับ ข้อเจ็ดก็คือบอกว่าเห็นข่าวมีเด็ก
00:47:22 → 00:47:25 หลอดเลือดในสมองแตก จะมีความเป็นไปได้มั้ยคะ
00:47:25 → 00:47:27 ถ้าปวดหัวบ่อย ๆ เหมือนหัวจะระเบิด
00:47:27 → 00:47:30 หลอดเลือดสมองจะแตกได้ อันนี้ก็จะย้อนกลับมาคําถามเหมือนข้อ
00:47:30 → 00:47:34 ข้อต้น ๆ นะครับ ก็คือ อาการปวดหัวเนี่ย
00:47:34 → 00:47:36 เกิดได้หลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งก็คือเกิดจาก
00:47:36 → 00:47:43 หลอดเลือดสมองได้ อืม ต้องบอกก่อนว่าเด็กหลอดเลือดสมองแตกเนี้ย
00:47:43 → 00:47:52 อันนี้คือไม่แน่ใจว่าน้องเขาเป็นอะไรเหมือนกัน มันบางทีผู้ป่วยเด็กเนี้ยอาจจะมีความมีโรคประจําตัวหรือมีอะไรที่อีกแบบหนึ่งนะครับเนอะ
00:47:52 → 00:47:55 แต่ว่าถามว่าถ้าเอา เรื่องจะมีความเป็นไปได้ไหม
00:47:55 → 00:47:59 ถ้าปวดหัวบ่อยบ่อยเหมือนหัวจะระเบิดและเป็น หลอดเลือดสมองแตกได้
00:47:59 → 00:48:01 ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ ต้องมาคุยกันก่อนว่า
00:48:01 → 00:48:06 อีกการปวดหัวของเราเนี้ยมันเหมือนอะไรกันแน่ เหมือนที่หมอบอกมันอาจจะแยกยากครับ
00:48:06 → 00:48:09 ในแง่ของลักษณะอาการ เพราะมันอาจจะมา ปวดหัวตุ๊บตุ๊บ
00:48:09 → 00:48:15 เหมือนหัวจะระเบิด เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นไมเกรนหรือหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
00:48:15 → 00:48:18 แต่เนื้อหาของมันก็คือส่วนมากนะครับ ส่วนมากเนอะ
00:48:18 → 00:48:22 เหมือนที่หมอบอกก็คือถ้าอายุเยอะเยอะเนี้ย ไม่ค่อยเหมือนไมเกรนล่ะ
00:48:22 → 00:48:26 อันที่สองคือถ้าเป็นเป็นหายหายก็ไม่ ไอพวกเนี้ยก็น่าจะเป็นไมเกรนมากกว่า
00:48:26 → 00:48:30 เพราะฉะนั้นเนี้ยอะไรที่มันเหมือนไมเกรนมากคือหนึ่งเป็นไปหายหาย สองเป็นอายุน้อยน้อย
00:48:30 → 00:48:33 อันเนี้ยน่าจะสงสัยไว้ก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครับ
00:48:33 → 00:48:40 ผมก็ยังยืนยันคําเดิมคือเราไม่แนะนําให้คนไข้ให้ทุกคนนะครับ วินิจฉัยเอง ถ้าเราไม่แน่ใจ อะ
00:48:40 → 00:48:42 เรามีคุณหมอครับ เรามาคุยกับคุณหมอ
00:48:42 → 00:48:45 แพทย์ประจําตัว คุณหมออะไรก็ได้ครับ
00:48:45 → 00:48:49 ไม่จําเป็นต้องเป็นคุณหมอสมองก็ได้ คุยกับคุณหมอ
00:48:49 → 00:48:50 ใกล้ใกล้บ้านอะไรอย่าง เงี้ย เราลองคุยดู
00:48:50 → 00:48:55 ให้เขาหาสาเหตุดูนะครับ เพราะถามว่า ถามว่า
00:48:55 → 00:48:57 มันมีความสําคัญยังไง เนาะ ก็คือไมเกรน
00:48:57 → 00:49:02 ไอ้เรื่องปวดหัวที่เราคุยกันก็คือเป็นหลอดเลือดสมองตีบกับไมเกรนใช่ไหมครับ ไอ้ไมเกรน อะ
00:49:02 → 00:49:05 มันไม่ค่อยเสียชีวิตครับ มันแค่ปวดหัวแล้วมันทรมาน
00:49:05 → 00:49:08 ทํางานไม่ได้ แต่มันจะไม่เสียชีวิต
00:49:08 → 00:49:11 แต่ปัญหาก็คือถ้ามันเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกปุ๊บ อัน เนี้ย มันสําคัญมาก
00:49:11 → 00:49:15 มันเสียชีวิต มันมีปัญหาเรื่อง พิกลพิการอะไรหรือตามมาได้ อัน
00:49:15 → 00:49:18 เนี้ย เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย บางทีเราแยกเองไม่ได้ครับ
00:49:18 → 00:49:21 แนะนํานะครับ ถ้าเราสงสัยไม่แน่ใจ
00:49:21 → 00:49:24 ปวดหัวบ่อยบ่อยไม่แน่ใจอะไร เนี่ย ก็ควรจะไปเจอหมอ เนาะ
00:49:24 → 00:49:27 อีกอย่างหนึ่งจริงจริงแล้ว เนี่ย ไมเกรน เนี่ย
00:49:27 → 00:49:31 ก็ควรจะต้องไปพบแพทย์อยู่แล้วนะครับ ผมก็ยังยืนยัน
00:49:31 → 00:49:34 ปัญหาคือของบ้านเรา ซึ่งเราอาจจะไม่ได้พูดเรื่องไมเกรนเป็นหลักในวันนี้
00:49:34 → 00:49:37 เนาะ ก็คือ บ้านเราเข้าถึงยาแก้ปวดง่ายครับ
00:49:37 → 00:49:39 เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย ปัญหาเรื่องปวดหัว เนี่ย
00:49:39 → 00:49:44 คนไข้ที่เป็นไมเกรนจริงจริงหรือเป็นไม่เป็นไม่รู้ อะ ส่วนมากก็จะซื้อยากิน นครับ
00:49:44 → 00:49:48 ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นหัวข้อถัดถัดไปนะ เรื่องของไมเกรนนะครับ
00:49:48 → 00:49:50 แต่ว่าแนะนําว่าถ้าเราไม่แน่ใจจริง ๆ
00:49:50 → 00:49:53 ว่าเราเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก หรือว่าเป็นหลอด
00:49:53 → 00:49:56 หรือว่าเป็นโรคไมเกรน หรือเป็น ปวดหัวอย่างอื่นนะ แนะนําไปตรวจ
00:49:56 → 00:50:00 ไปเจอคุณหมอ ให้คุณหมอเค้าวินิจฉัยดู
00:50:00 → 00:50:03 ถ้าไม่เป็นก็โชคดีไปครับ ถ้าเป็นเราก็จะได้รีบวางแผนการรักษา
00:50:03 → 00:50:09 นะครับผม ข้อแปดเค้าถามว่า กรรมพันธุ์มีส่วนมั้ยครับ
00:50:09 → 00:50:12 อันนี้มีส่วนมาก ๆ ครับ กรรมพันธุ์เนี่ย
00:50:12 → 00:50:15 เป็นกรรมของครอบครัวเนาะ อันนี้ตอบไม่ได้จริง ๆ
00:50:15 → 00:50:18 คือบางอย่างแล้วเนี่ย ครอบครัวบางคนเนี่ยครับ
00:50:18 → 00:50:21 มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ แตกอยู่แล้วเนาะ
00:50:21 → 00:50:24 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าเพิ่งน้อยใจไปนะครับ อืม
00:50:24 → 00:50:31 เราบอกเออบ้านเราก็เป็นคุณพ่อก็เป็นคุณปู่ก็เป็น ทวดก็เป็น เราคงไม่รอดพ้นแน่นอน
00:50:31 → 00:50:34 โอเคมันอาจจะเป็นอย่างนั้นเนาะ แต่ว่าจริง ๆ แล้วอ่ะ
00:50:34 → 00:50:39 อย่าลืมนะเหมือนที่บอกไปนะครับ ปัจจัยที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้คือพันธุกรรมกับอายุแล้วก็เพศเนี่ย
00:50:39 → 00:50:43 มันเป็นแค่ส่วนประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์เองครับ ที่ทําให้เกิดเนาะ
00:50:43 → 00:50:47 อีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์คือปัจจัยที่เปลี่ยนได้นะครับ อันนั้นน่ะเป็นสิ่งที่เราป้องกันได้
00:50:47 → 00:50:51 ถ้าเรายิ่งลด โอ ปัจจัยที่เปลี่ยนได้เยอะเยอะ
00:50:51 → 00:50:53 เนี่ย อย่างความดัน เบาหวาน ไขมัน อะไรอย่าง เงี้ย
00:50:53 → 00:50:58 โอกาสที่จะเป็นก็จะลดลงมากมากเลย แทบจะใกล้เคียงกับคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรมเลยครับ
00:50:58 → 00:51:01 เพราะฉะนั้นแล้ว เนี่ย อย่าเพิ่งน้อยใจไป เนาะ
00:51:01 → 00:51:04 มันเป็นกรรมของครอบครัว แต่ว่าเราสามารถหลีกเลี่ยงกรรมนั้นได้ครับ
00:51:04 → 00:51:09 โดยการ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่
00:51:09 → 00:51:11 หลีกเลี่ยงได้นะ เราหลีกเลี่ยงมันนะครับผม
00:51:11 → 00:51:16 ข้อเก้า โอเค ถามมาเยอะเหมือนกัน เนาะ โอเค อย่างน้อยก็มีคนดูนะ
00:51:16 → 00:51:19 ผมก็ดีใจ เนาะ ผมไม่ได้คุยคนเดียว
00:51:19 → 00:51:23 มีคนตอบสนองกับเราเยอะพอสมควร เนาะ ก็ถามได้เรื่อยเรื่อยนะครับ
00:51:23 → 00:51:27 คนที่เป็นซึม ยาที่กินมันไปปรับสมดุลในสมองใช่มั้ยคะ
00:51:27 → 00:51:33 ระยะยาวมีความเสี่ยงกับอาการหลอดเลือดสมองได้มั้ยคะ อืม อันนี้เป็นคําถามที่ดีนะครับ
00:51:33 → 00:51:39 ต้องบอกก่อนว่า โรคซึมเศร้าเนี่ย มีความเสี่ยงที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองได้
00:51:39 → 00:51:43 ต้องบอกก่อนเลย เราพบว่าจริง ๆ แล้วเนี่ย เหมือนที่หมอบอกไปเนาะ
00:51:43 → 00:51:46 เรื่องของความเครียด อะไรพวกเนี้ยมันสัมพันธ์กับฮอร์โมน
00:51:46 → 00:51:49 ความเครียดอยู่ละ เป็นสารสื่อประสาท
00:51:49 → 00:51:54 ซึ่งพวกเนี้ยมันจะมีผลทําให้เกิดหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกในอนาคตได้ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:51:54 → 00:51:57 ด้วยตัวโรคซึมเศร้าเองนะครับ เอาโรคซึมเศร้าเองเนี่ย
00:51:57 → 00:52:00 มันมีแนวโน้มอยู่ละ ที่จะเกิดโรคหลอดเลือด ได้
00:52:00 → 00:52:05 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย สําหรับคน คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องซึมเศร้าอะไรพวกเนี้ยนะครับ
00:52:05 → 00:52:08 แนะนําให้ไปตรวจ ไปรับประทานยานะครับ
00:52:08 → 00:52:14 ถามว่าในระยะยาว ยามีผลมั้ย ผมคิดว่ายานี้นะ เอ่อ
00:52:14 → 00:52:18 การศึกษาอาจจะยังไม่ชัดเจนนะ ต้องบอกก่อนนะ เรื่องของตัวยา
00:52:18 → 00:52:21 ยาต้านซึมเศร้าอะไรพวกนี้นะครับ มันอาจจะไม่ชัด
00:52:21 → 00:52:25 แต่ในตัวโรคเอาโรคซึมเศร้าเนี่ย มีผลแน่ๆ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:52:25 → 00:52:30 แนะนํานะครับ ถ้าเราคิดว่าเราไม่แน่ใจว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า
00:52:30 → 00:52:35 เปล่า เรารู้สึก ไม่ค่อยมี แรง เขาเรียกว่าอะไร motivation คือ
00:52:35 → 00:52:38 ไม่ ไม่อยากทําการทํางาน รู้สึกเศร้า
00:52:38 → 00:52:41 ไม่มีอารมณ์ร่วมในหลาย ๆ อย่างอะไรอย่าง เงี้ย อัน เนี้ย
00:52:41 → 00:52:44 ให้เราสงสัยไว้ก่อน เราน่าจะเป็นซึมเศร้า
00:52:44 → 00:52:47 ให้รีบไปปรึกษาแพทย์นะ ประเด็นปัญหาของบ้านเรา เนี่ย
00:52:47 → 00:52:51 ก็คือเราชอบเข้าใจว่า การปรึกษาจิตแพทย์ อะ ครับ
00:52:51 → 00:52:56 แปลว่าเราเป็นบ้า เป็นโรคจิต ซึ่งจริงจริงเป็นความคิดที่ผิด
00:52:56 → 00:52:59 เนาะ เราบอกว่าจริงจริงแล้ว เนี่ย ในต่างประเทศนะ เราพบว่า
00:52:59 → 00:53:03 จริงจริงการที่เรามีความเครียดหรือมีอะไรบางอย่าง หรือเราอยากคุยนะครับ จิตแพทย์
00:53:03 → 00:53:07 เนี่ย เป็นคู่หูที่ดีที่สุดเลย เป็นคน
00:53:07 → 00:53:09 คอยให้แก้ปัญหาได้ดีที่สุดนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:53:09 → 00:53:13 ถ้าเราไม่แน่ใจเป็นหรือเปล่า เราอย่าคิดว่าเราไปปรึกษาเขาแล้วเท่ากับเป็นบ้าเนาะ
00:53:13 → 00:53:19 ให้เราคิดว่า เราไปปรึกษาเพื่อถ้าไม่เป็นก็โอเคดีไม่เป็น
00:53:19 → 00:53:22 อย่างน้อยก็ลด โอกาสที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
00:53:22 → 00:53:26 แต่ถ้าเป็น เราจะได้รีบรักษาครับ แล้วก็
00:53:26 → 00:53:29 ลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกันเนาะ อันนี้ก็คือต้อง
00:53:29 → 00:53:34 ต้องบอกไว้นะครับเนาะ โอเคเนาะ อันนี้ก็คือเนื้อหา
00:53:34 → 00:53:39 ทั้งหมดคร่าวๆ เนาะ โอ้ ชั่วโมงนึงอยู่ โอ้
00:53:39 → 00:53:42 สุดยอดเหมือนกันเนาะ มีคําถามเยอะมากเลย
00:53:42 → 00:53:47 คือตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะมีคนถามเยอะขนาดนี้นะครับ ก็อย่าง เราก็สรุปสั้น ๆ
00:53:47 → 00:53:51 แล้วกันนะครับเนาะ สิ่งที่หมออยากบอกทุกท่านนะครับ
00:53:51 → 00:53:55 จริง ๆ อ่ะ ที่สําคัญที่สุดคือบ้านเราอะ
00:53:55 → 00:54:00 มีปัญหาเรื่องของการ ตรวจพบช้าครับ ทําให้คนไข้เนี่ย
00:54:00 → 00:54:04 เสียโอกาสที่จะได้รับยา เพราะฉะนั้นถ้าจําอะไรไม่ได้เลย
00:54:04 → 00:54:09 สิ่งที่หมอพูดไปเนื้อหาดูเยอะเนาะ หมอขอ อย่างเดียวก็คือ
00:54:09 → 00:54:13 จําอาการที่สงสัย โรคหลอดเลือดสมองครับ
00:54:13 → 00:54:15 มีตัวย่อเป็นตัว fast ใช่มั้ยครับ มีสี่อย่างเนาะ
00:54:15 → 00:54:19 แต่เอาเป็นภาษาไทยก็คือ มาถึงปุ๊บ ดูหน้าก่อน
00:54:19 → 00:54:22 เห็นหน้าคนไข้ปุ๊บ ดูหน้าเลย หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวปุ๊บ
00:54:22 → 00:54:27 ไม่แน่ใจ ไปเจอหมอ อันนี้ข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง โอ
00:54:27 → 00:54:32 แขนขาอ่อนแรง แขนยกไม่ขึ้นเลย อ่อนแรง ไปเจอหมอเลยครับ
00:54:32 → 00:54:36 อันนี้คือข้อที่สอง ข้อสุดท้ายครับ ข้อที่สามก็คือ
00:54:36 → 00:54:41 พูดไม่ชัดเนาะ เราคุย เขาอยู่ทําไม เสียงเปลี่ยนไป
00:54:41 → 00:54:44 หรือว่าอยู่ดีดีก็นึกคําไม่ออก ไม่พูดขึ้นมาสักอย่างงั้น
00:54:44 → 00:54:47 อันเนี้ยให้สงสัยเลยว่า ให้รีบไปโรงพยาบาล
00:54:47 → 00:54:50 ถ้ามีหนึ่งในสามอาการ ไม่จําเป็นต้องมีครบเนอะ
00:54:50 → 00:54:54 มีหนึ่งในสามอาการ ให้รีบโทรไปเลยครับ
00:54:54 → 00:54:57 หนึ่งหกหกเก้านะครับ หรือว่ารีบพาไปโรงพยาบาลเลย
00:54:57 → 00:55:00 ภายในสี่จุดห้าชั่วโมงเนอะ สี่ชั่วโมงครึ่ง
00:55:00 → 00:55:04 อันนี้คือตัวเลขที่ต้องจําให้ได้เลยนะครับ หมอขอแค่นี้เนอะ
00:55:04 → 00:55:06 รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อให้คนไข้เนี้ย
00:55:06 → 00:55:11 ได้รับการรักษาอย่าง ถ้วนทีนะครับผม อ่อ ก่อนจบ อ้อ
00:55:11 → 00:55:16 มีคําถามอีกคําถามนึง เราจะสังเกตได้อย่างไรครับว่าซึมเศร้าขนาดไหนถึงควรไปพบแพทย์ครับ
00:55:16 → 00:55:22 อ๋อ ไม่ต้องสังเกตเลยครับ ถ้าเราคิดว่าเรามีแม้เพียงเล็กน้อย
00:55:22 → 00:55:26 เราควรจะไปพบแพทย์เลยเนอะ จริงจริงแล้วเนี้ย อ่า เราสามารถ
00:55:26 → 00:55:29 มันมีแบบทดสอบของ ของกรมสุขภาพจิตนะครับ
00:55:29 → 00:55:32 จริงจริงเราอาจจะไม่ได้ เอาเนื้อเตรียมเนื้อหามาในวันนี้เนอะ
00:55:32 → 00:55:37 แต่ว่า อ่า เราแนะนําเนอะ ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเรามีปัญหาเรื่องซึมเศร้าหรือเปล่านะครับ
00:55:37 → 00:55:40 มันมีแบบคัดกรองอยู่ครับ เราสามารถพิมพ์ไปใน search
00:55:40 → 00:55:45 engine เนอะ ใน google หรือว่า ตามแพลตฟอร์มที่เรามี
00:56:11 → 00:56:15 พิมพ์เข้าไปเลยครับว่าแบบคัดกรองซึมเศร้ากรมสุขภาพจิตอันเนี้ยครับแล้วเราก็ทําเลยมันจะมีเป็นคล้ายคล้ายว่าเป็นคําถามไม่กี่ข้อประมาณแปดเก้าข้อน่าจะเก้าข้อถ้าหมอจําไม่ผิดนะครับแล้วหลังจากนั้นเนี้ยเราก็ลองประเมินตัวเองเลยครับถ้ามีความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยเนอะมีเขามันจะประเมินออกมาเลยว่ามีน่าจะเป็นซึมเศร้าอันเนี้ยหมอแนะนําว่าให้เรารีบไปพบแพทย์นะครับเนอะไปคุยกับคุณหมอเขาเพราะจะได้รีบรักษาครับเรื่องซึมเศร้าอย่าปล่อยไว้อืมรักษาได้ หาย นะครับเนาะ มันเป็นโรคที่หาย
00:56:15 → 00:56:20 รักษาได้ ไม่ใช่โรคแค่ ไม่ใช่โรคที่เป็นบ้าไปคิดไปเอง
00:56:20 → 00:56:23 อันนี้ต้องรีบมารักษานะครับ โอเคเนาะ
00:56:23 → 00:56:26 เพราะฉะนั้นตอบคําถามข้อสิบเนาะ โอเค
00:56:26 → 00:56:32 อันนี้ก็ถึงแก่เวลานะครับเนาะ สําหรับ เอ่อ คําถามเพิ่มเติมนะ
00:56:32 → 00:56:39 ต้องอาจจะถามมาหลังไมค์เดี๋ยวจะให้ทีมงานพยายามรวบรวมแล้วเดี๋ยวจะตอบกลับเป็นหลังไมค์แล้วกันนะครับเนาะ ต้อง
00:56:39 → 00:56:44 เนื่องจากว่าเวลาล่วงเลยมานานเนาะ ก็อยู่กันมาหนึ่งชั่วโมงก็ยังไงก็
00:56:44 → 00:56:48 ก็ขอขอบคุณ ๆ ท่านนะครับที่อยู่กับผมเนาะ ก็
00:56:48 → 00:56:52 ก็ดีใจมากที่มีคนถามคําถาม มีคนอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ
00:56:52 → 00:56:55 เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองเนาะครับเนาะ จริง ๆ ก็มีโรคอื่น ๆ
00:56:55 → 00:56:59 นะครับที่เรา อ่า เขาเรียกว่า เขาเรียกว่า อ่า
00:56:59 → 00:57:03 น่าจะมาแชร์กันในอนาคตแล้วกันนะครับ ยังมีเรื่องพาร์กินสัน
00:57:03 → 00:57:05 เรื่องของโรคสมองเสื่อม โรคไมเกรนอย่างเงี้ย
00:57:05 → 00:57:08 ก็ยังไงก็ฝากติดตามนะครับ เนาะ ของช่องดี ๆ
00:57:08 → 00:57:13 จากของชําชีวาแคร์นะครับผม ก็ ก็ยังไงก็แล้วแต่นะครับก็
00:57:13 → 00:57:18 โปรโมทนิดนึงเนาะ เจ้าบ้านนะครับ แล้วก็ของชีวาแคร์คลินิกนะครับ
00:57:18 → 00:57:20 เราก็ตั้งอยู่ที่ ซอยสิบเอ็ดนะครับ
00:57:20 → 00:57:23 อยู่ถนนสิริมังคลาจารย์ ตําบลสุเทพ อําเภอเมือง
00:57:23 → 00:57:25 จังหวัดเชียงใหม่นะครับ เนาะ เข้ามาง่าย ๆ
00:57:25 → 00:57:29 มีป้ายใหญ่มากเลยนะครับ ก็สําหรับ เบอร์โทรศัพท์นะครับก็
00:57:29 → 00:57:32 บอกเลยเนอะก็ ศูนย์ แปด หก นะครับ เดี๋ยว
00:57:32 → 00:57:36 เดี๋ยวเขาจะขึ้นให้ เนาะ จริง ๆ ดูในเพจได้นะ เก้า แปด ศูนย์
00:57:36 → 00:57:41 ศูนย์ หนึ่ง สอง หก นะครับ หรือว่าเข้าไปในเว็บไซต์ของเวิลด์ไวด์เว็บชีวาแคร์ดอทคอมนะครับ
00:57:41 → 00:57:45 หรือว่า ติดตามในเฟซบุ๊กก็ได้ ที่เราไลฟ์
00:57:45 → 00:57:47 ก็คือชีวาแคร์เป็นภาษาอังกฤษเนอะ หรือว่าพิมพ์ภาษาไทยก็ได้ครับ
00:57:47 → 00:57:52 มันก็ขึ้นอยู่ละ มีเจ้าเดียว มียี่ห้อเดียวเนี่ยครับ อืม
00:57:52 → 00:57:56 ก็มาดูใน ในเพจเนี่ยก็จะมีความรู้หลากหลายนะครับ
00:57:56 → 00:57:59 มีไลฟ์เก่า ๆ นะครับ แล้วก็มีไลฟ์ถัด ๆ ไป
00:57:59 → 00:58:03 ยังไงก็ฝากติดตามนะครับ ยังไงก็ฝาก ต้องกดไลค์กดแชร์
00:58:03 → 00:58:06 ไม่แน่ใจ กดไลค์กดแชร์ กด subscribe นะครับ อืม
00:58:06 → 00:58:10 เป็นกําลังใจให้หมอนะครับ เนาะ ก็ยังไงก็
00:58:10 → 00:58:14 วันนี้ก็หมดเวลาลงแล้วครับ ก็ยังไงขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหนึ่งชั่วโมงนะครับ
00:58:14 → 00:58:19 ขอบคุณสําหรับทุกคําถามนะครับผม แล้วก็ถ้ามีโอกาสเราก็พบกันใหม่นะครับ
00:58:19 → 00:58:21 สําหรับวันนี้ก็ ขอบคุณทุกท่านครับ แล้วก็
00:58:21 → 00:58:25 ขอให้มีความสุข ปลอดภัยจากโรคหลอดเลือดสมองตีบและแตกครับ
00:58:25 → 00:58:27 ขอบคุณครับ