00:00:00 → 00:00:02 จริงหรือไม่นะครับลดน้ำหนักต้องกินน้ำ
00:00:02 → 00:00:05 อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวันนะครับคลิปนี้มีคำ
00:00:05 → 00:00:07 ตอบนะครับสำคัญมากๆเลยนะครับทั้งในเรื่อง
00:00:07 → 00:00:09 ของการลดน้ำหนักและสุขภาพเลยนะครับชมไม่
00:00:09 → 00:00:11 จบนะครับสวัสดีครับผมหมอหนึ่งเฮลตี้ฮีโร่
00:00:11 → 00:00:13 นะครับลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตคิด
00:00:13 → 00:00:15 ถึงหมอหนึ่งเฮลตี้ฮีโร่นะครับคราวนี้
00:00:15 → 00:00:17 เนี่ยมีหลายๆคนเนี่ยมีคำถามเข้ามาเกี่ยว
00:00:17 → 00:00:19 กับเรื่องของการดื่มน้ำว่ามันสัมพันธ์กับ
00:00:19 → 00:00:21 การลดน้ำหนักหรือเปล่านะครับเราต้องมาดู
00:00:21 → 00:00:23 ก่อนนะครับไม่ว่าจะเป็นในคนลดน้ำหนักหรือ
00:00:23 → 00:00:26 ว่าในคนปกติทั่วไปจะมีความแตกต่างกันเล็ก
00:00:26 → 00:00:28 น้อยนะครับแล้วก็มีผลกระทบค่อนข้างมาก
00:00:28 → 00:00:30 ด้วยก่อนที่คุณจะไปรู้ว่าคุณต้องกินน้ำ
00:00:30 → 00:00:33 วันละเท่าไหร่กี่ซีซีกี่ลิตรเนี่ยคุณต้อง
00:00:33 → 00:00:36 รู้ก่อนว่าร่างกายของคุณเนี่ยน้ำน่ะมัน
00:00:36 → 00:00:38 เป็นส่วนสำคัญมากๆเพราะว่าน้ำหนักตัวของ
00:00:38 → 00:00:41 คุณ 100% มันมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 60-70%
00:00:41 → 00:00:43 เลยทีเดียวและถ้าคุณไม่กินน้ำเข้าไปจะ
00:00:43 → 00:00:45 เกิดอะไรขึ้นเอ่ยร่างกายของคุณมันมีการ
00:00:45 → 00:00:47 สูญเสียน้ำอยู่ตลอดถูกไหมครับทั้งปัสสาวะ
00:00:47 → 00:00:50 ทั้งเหงื่อทั้งการหายใจเอยถ้าคุณไม่กิน
00:00:50 → 00:00:51 น้ำเข้าไปให้เพียงพอเนี่ยเมื่อเทียบกับ
00:00:51 → 00:00:54 ปริมาณของน้ำที่สูญเสียออกไปร่างกายคุณก็
00:00:54 → 00:00:56 จะเกิดความผิดปกติเพราะฉะนั้นคุณต้องกิน
00:00:56 → 00:00:58 น้ำเท่าไหร่คุณก็ต้องมาดูก่อนว่าใน 1 วัน
00:00:58 → 00:01:01 เนี่ยคุณเสียน้ำจากร่างกายไปทางไหนบ้าง
00:01:01 → 00:01:04 และเท่าไหร่โดยประมาณนะครับคราวนี้ร่าง
00:01:04 → 00:01:05 กายของคุณเนี่ยสูญเสียน้ำออกไปจากร่างกาย
00:01:05 → 00:01:08 เนี่ยผ่านประมาณ 4 ทางหลักๆนะจำให้ดีนะ
00:01:08 → 00:01:11 ครับนะใช้ได้ตลอดชีวิตเลยครั้งที่ 1 นะ
00:01:11 → 00:01:13 ครับในเรื่องของการหายใจทุกครั้งที่คุณ
00:01:13 → 00:01:16 พูดทุกครั้งที่คุณหายใจนะครับนะจะมีน้ำ
00:01:16 → 00:01:18 ระเหยออกมาแต่คุณอาจจะมองมันไม่เห็นเนาะ
00:01:18 → 00:01:21 น้ำที่ออกมาระเหยออกมาจากทางเดินหายใจ
00:01:21 → 00:01:25 เนี่ยจะประมาณ 440 ต่อวันนะครับ 400 ซีซี
00:01:25 → 00:01:27 ต่อวันซึ่งถามว่าเยอะไหมก็เยอะในระดับนึง
00:01:27 → 00:01:29 เลยนะครับนะอันนี้คือทางที่ 1 ส่วนช่อง
00:01:29 → 00:01:33 ทางที่ 2 นะครับคือช่องทางที่เป็นการขับ
00:01:33 → 00:01:35 ถ่ายอุจจาระหลายคนอาจจะรู้สึกว่าอุจจาระ
00:01:35 → 00:01:38 มันเป็นของแข็งเนาะแต่ทำไมในน้ำมันมีน้ำ
00:01:38 → 00:01:40 ด้วยหรอมีน้ำเป็นส่วนประกอบนะครับใครที่
00:01:40 → 00:01:43 เคยท้องผูกจะรู้เลยว่าถ้าวันไหนกินน้ำ
00:01:43 → 00:01:47 น้อยอุจจาระแข็งจะถ่ายยากมากๆนั่นเป็น
00:01:47 → 00:01:49 เพราะมันไม่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในนั้นนะ
00:01:49 → 00:01:51 ครับเพราะฉะนั้นใครที่ท้องผูกเนี่ยพยายาม
00:01:51 → 00:01:53 กินน้ำให้มากขึ้นอุจจาระจะนิ่มขึ้นนั่น
00:01:53 → 00:01:55 หมายความว่าอะไรนั่นหมายความว่าในอุจจาระ
00:01:55 → 00:01:57 ของคุณมันมีน้ำเป็นส่วนประกอบด้วยอาจจะมี
00:01:57 → 00:01:59 ไม่มากนะครับประมาณ 200 cc นะครับเพราะ
00:01:59 → 00:02:01 ฉะนั้นช่องทางแรกเมื่อกี้ที่หมอหนึ่งบอก
00:02:01 → 00:02:04 ไปคือการหายใจนะฮะแล้วก็ทางอุจจาระรวมกัน
00:02:04 → 00:02:06 ประมาณ 600 ซีซีแล้วเนอะแต่ช่องทางที่
00:02:06 → 00:02:08 เยอะนะครับเป็นอันดับ 1 อันดับ 2 เลยนะ
00:02:08 → 00:02:10 ครับช่องทางถัดมานะอันที่ 3 นะก็คือ
00:02:10 → 00:02:14 เรื่องของการสูญเสียน้ำทางผิวหนังอ้าการ
00:02:14 → 00:02:16 สูญเสียน้ำทางผิวหนังอาจจะออกมาในรูปของ
00:02:16 → 00:02:18 เหงื่อหรือในรูปของการระเหยออกไปก็ได้นะ
00:02:18 → 00:02:21 ครับไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีเหงื่อแล้ว
00:02:21 → 00:02:23 คุณไม่เสียน้ำทางผิวหนังนะการที่คุณเห็น
00:02:23 → 00:02:26 เหงื่อเป็นเม็ดๆๆเนี่ยมันเกิดจากการที่ใน
00:02:26 → 00:02:29 อากาศเนี่ยมันมีความชื้นอยู่นะครับแต่ละ
00:02:29 → 00:02:31 ที่ความชื้นไม่เท่ากันก็จะเกิดเหงื่อออก
00:02:31 → 00:02:33 มาเป็นเม็ดหรือไม่เป็นเม็ดมันบอกไม่ได้
00:02:33 → 00:02:35 แต่มีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายอย่างแน่
00:02:35 → 00:02:38 นอนคุณลองนึกภาพนะครับเคยตั้งแก้วน้ำไหม
00:02:38 → 00:02:41 ที่มีน้ำแข็งอยู่นะครับเราตั้งไว้แป๊บนึง
00:02:41 → 00:02:43 เนี่ยอยู่ดีๆก็มีหยดน้ำมาเกาะข้างแก้ว
00:02:43 → 00:02:46 เฮ้ยหยดน้ำมันมาจากไหนอ่ะหยดน้ำเนี่ยมัน
00:02:46 → 00:02:48 ก็มาจากน้ำที่อยู่ในอากาศนั่นเองมารวมตัว
00:02:48 → 00:02:51 กันแล้วก็มาจับอยู่ข้างแก้วนะครับเป็น
00:02:51 → 00:02:53 เรื่องของการถ่ายเทความร้อนเนาะเพราะ
00:02:53 → 00:02:54 ฉะนั้นในอากาศเราเนี่ยมันมีความชื้นอยู่
00:02:54 → 00:02:56 นะครับการที่คุณจะมีเหงื่อหรือไม่มี
00:02:57 → 00:02:59 เหงื่อเนี่ยมันไม่ได้บ่งบอกว่าคุณมีการ
00:02:59 → 00:03:01 สูญเสียหรือเปล่ามีเหงื่อมีน้ำออกจากร่าง
00:03:01 → 00:03:03 กายไม่มีเหงื่อก็มีน้ำออกจากร่างกายเช่น
00:03:03 → 00:03:06 กันนะครับซึ่งเหงื่อที่ออกมาเนี่ยถ้าคุณ
00:03:06 → 00:03:08 ไม่ได้ออกกำลังกายแล้วอยู่ในภาวะปกติเลย
00:03:08 → 00:03:10 นะคุณจะสูญเสียน้ำออกจากทางเหงื่อเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 ทางผิวหนังเนี่ยประมาณ 500 CC หรือครึ่ง
00:03:13 → 00:03:15 ลิตรต่อ 1 วันเพราะฉะนั้นลองนึกภาพใหม่นะ
00:03:15 → 00:03:17 ครับเสียน้ำทางการหายใจ 400 cc โดย
00:03:17 → 00:03:21 ประมาณอุจจาระ 200 คางผิวหนังอีก 500 รวม
00:03:21 → 00:03:23 เป็นประมาณเท่าไหร่แล้ว 1,100 ละช่องทาง
00:03:23 → 00:03:25 ที่มากที่สุดที่หมวดหนึ่งยังไม่ได้พูดคือ
00:03:25 → 00:03:27 อะไรเอ่ยลองนึกลองตอบในใจนะมันคือทาง
00:03:27 → 00:03:30 ปัสสาวะเก่งมากนะครับทั้งปัสสาวะเนี่ย
00:03:30 → 00:03:33 ต้องอธิบายแบบนี้ก่อนปัสสาวะมันคือสิ่ง
00:03:33 → 00:03:36 ที่ไตเราผลิตออกมาทำไมไตเราต้องผลิต
00:03:36 → 00:03:39 ปัสสาวะออกมาด้วยนะครับนึกภาพนะครับไตของ
00:03:39 → 00:03:41 คนเราทุกคนลองเอามือนะแล้วก็จับที่บ้าน
00:03:41 → 00:03:43 เอวนะ 2 ข้างนะครับตรงบั้นเอวที่อยู่ด้าน
00:03:43 → 00:03:46 หลังๆของเราเนี่ยนะตรงแบบตำแหน่งเนี้ยมัน
00:03:46 → 00:03:48 คือตำแหน่งของไตซึ่งมันมีท่าที่ในการกรอง
00:03:48 → 00:03:51 ของเสียเลือดในร่างกายของเราเนี่ยนะพอ
00:03:51 → 00:03:54 ผ่านเข้าไปแล้วมันจะถูกกรองเอาของเสียที่
00:03:54 → 00:03:56 อยู่ในเลือดเนี่ยกลั่นออกมาเป็นปัสสาวะ
00:03:56 → 00:03:58 พูดง่ายๆปัสสาวะของเราก็คือเลือดนั่นแหละ
00:03:58 → 00:04:01 แต่กลั่นของเสียออกมาแล้วแล้วเม็ดเลือดสี
00:04:01 → 00:04:02 แดงๆมันไม่ได้หลุดตามออกมาด้วยนะครับ
00:04:02 → 00:04:04 เพราะฉะนั้นปัสสาวะของคุณก็เลยไม่ได้มีสี
00:04:04 → 00:04:06 แดงเหมือนเลือดนะแต่มันมีของเสียควรออกมา
00:04:06 → 00:04:08 อยู่ในนั้นคำถามคือถ้าคุณกินน้ำน้อย
00:04:09 → 00:04:11 ปัสสาวะคุณก็จะออกน้อยถูกไหมแต่ร่างกาย
00:04:11 → 00:04:13 ของคุณเนี่ยต่อให้คุณไม่กินน้ำเลยมันก็
00:04:13 → 00:04:15 พยายามจะกลั่นปัสสาวะออกมานะเพราะว่าถ้า
00:04:15 → 00:04:17 ไม่มีปัสสาวะออกมาของเสียก็จะค้างในร่าง
00:04:17 → 00:04:20 กายของคุณเนาะเพราะฉะนั้นนะครับขั้นต่ำ
00:04:20 → 00:04:22 จริงๆที่ร่างกายเราต้องการนะเพื่อผลิต
00:04:22 → 00:04:24 ปัสสาวะเพื่อขับของเสียออกมาให้ได้ต่อ 1
00:04:24 → 00:04:26 วันเนี่ยเขาพิสูจน์มาแล้วว่าอยู่ที่
00:04:26 → 00:04:29 ประมาณ 500 CC นะครับ 544 จริงๆมันจะมี
00:04:29 → 00:04:32 วิธีการคิดอะไรเยอะแยะไปหมดเลยนะครับว่า
00:04:32 → 00:04:34 คำนวณออกมาแล้วทำไมถึงได้ 500 นะแต่ว่า
00:04:34 → 00:04:36 อธิบายให้ฟังเลยตามนี้ก็แล้วกันไม่ต้องไป
00:04:36 → 00:04:39 จำเพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จำแล้วจะเป็น
00:04:39 → 00:04:40 ประโยชน์กับคุณเนาะวันหนึ่งบอกเราว่าช่อง
00:04:40 → 00:04:43 นี้พยายามอยากให้ทุกคนเนี่ยไม่ต้องจำ
00:04:43 → 00:04:44 ศัพท์อะไรที่เป็นทางการแพทย์มากแต่ให้
00:04:44 → 00:04:46 เข้าใจหลักการของมันเพื่อเอาไปใช้ในชีวิต
00:04:46 → 00:04:49 ประจำวันเอาไปใช้กับครอบครัวของคุณได้นะ
00:04:49 → 00:04:51 ครับเพราะฉะนั้นปัสสาวะที่น้อยที่สุดที่
00:04:51 → 00:04:55 จะขับของเสียออกมาได้ครบถ้วนก็คือประมาณ
00:04:55 → 00:04:57 500 CC เพราะฉะนั้นน้ำที่ตอนนี้คุณเสีย
00:04:57 → 00:05:01 ไปนะการหายใจอุจจาระจากผิวหนังปัสสาวะรวม
00:05:01 → 00:05:04 กัน 400 + 200 + 500 + 500 รวมกัน
00:05:04 → 00:05:07 เป็น 1,000 600 เพราะฉะนั้นเขาก็เลยมี
00:05:07 → 00:05:10 การแนะนำว่าเฮ้ยถ้าอยู่ในภาวะปกติคุณควร
00:05:10 → 00:05:13 จะต้องกินน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรหลายๆคนก็
00:05:13 → 00:05:15 มักจะบอกว่า 2 ลิตรเลยด้วยซ้ำหรือบางคน
00:05:15 → 00:05:18 อาจจะบอกว่าให้กินน้ำวันละ 8 แก้วเพราะ 1
00:05:18 → 00:05:21 แก้วมันประมาณ 250 ซีซีนะครับแต่แก้วก็
00:05:21 → 00:05:24 คือ 2,000 cc หรือ 2 ลิตรนั่นเองแต่มัน
00:05:24 → 00:05:27 คือภาวะปกติที่จะทำให้ร่างกายของคุณยัง
00:05:27 → 00:05:30 สุขภาพดีอยู่ได้นะแต่ก็มีในบางกรณีนะครับ
00:05:30 → 00:05:33 ที่คุณเนี่ยอาจจะกินน้ำในปริมาณที่หมอ
00:05:33 → 00:05:34 หนึ่งบอกไปไม่ได้นะครับเพราะว่าที่เหมือน
00:05:34 → 00:05:37 หนึ่งบอกไปเป็นปริมาณของคนปกตินะครับนะ
00:05:37 → 00:05:40 ที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไรแต่ในบางคนที่
00:05:40 → 00:05:43 มีโรคประจำตัวเช่นหัวใจล้มเหลวน้ำท่วมปอด
00:05:43 → 00:05:46 หรือว่าเป็นโรคไตนะครับในกลุ่มนี้เนี่ย
00:05:46 → 00:05:48 ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนและจำกัดปริมาณน้ำดีๆ
00:05:48 → 00:05:50 นะครับเพราะว่าจะใช้หลักเกณฑ์เหมือนคน
00:05:50 → 00:05:52 ทั่วไปที่เหมือน 1 อธิบายไม่ได้นะครับดัง
00:05:52 → 00:05:54 นั้นในคนที่เป็นโรคไตโรคหัวใจน้ำท่วมปอด
00:05:54 → 00:05:56 พวกนี้ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าคุณสามารถ
00:05:56 → 00:05:58 กินน้ำได้วันละเท่าไหร่ต้องจำกัดน้ำวันละ
00:05:58 → 00:06:00 เท่าไหร่นะครับจะไม่เหมือนเหมือนกับที่
00:06:00 → 00:06:02 เหมือนอธิบายไปในช่วงต้นแต่ถ้าคุณไม่ได้
00:06:02 → 00:06:04 มีโรคประจำตัวตามที่เหมือนหนึ่งพูดไปนะ
00:06:04 → 00:06:06 ครับก็สามารถนำหลักการนี้ไปปรับใช้กับ
00:06:06 → 00:06:08 ชีวิตประจำวันได้นะครับมันมีปัจจัยอะไร
00:06:08 → 00:06:11 อีกที่จะทำให้คุณเนี่ยเสียน้ำมากขึ้น
00:06:11 → 00:06:13 เมื่อคุณเสียน้ำมากขึ้นคุณก็ต้องกินน้ำ
00:06:13 → 00:06:16 มากขึ้นถูกไหมบางคนบอกว่าหมอหนึ่งบอกว่า
00:06:16 → 00:06:19 ในร่างกายของคนเรามีน้ำอยู่ตั้ง 60-70%
00:06:19 → 00:06:20 ถ้าอย่างนั้นเราปัสสาวะออกอย่างเดียวเรา
00:06:20 → 00:06:22 ไม่กินเข้าไปได้ไหมนะครับร่างกายของเรา
00:06:22 → 00:06:25 เนี่ยจะพยายามรักษาสมดุลน้ำเอาไว้อยู่
00:06:25 → 00:06:28 ระดับนั้นเช่นบางคนที่น้ำหนัก 80 นะครับ
00:06:28 → 00:06:30 ยกตัวอย่างน้ำหนัก 80 เนาะมีน้ำอยู่ใน
00:06:30 → 00:06:33 ร่างกายประมาณ 60% คือ 48 ลิตรร่างกายก็
00:06:33 → 00:06:35 จะพยายามรักษาสมดุลน้ำในร่างกายให้มีอยู่
00:06:35 → 00:06:38 48 ลิตรอย่างนี้ตลอดเวลานะครับคุณกินน้ำ
00:06:38 → 00:06:40 เพิ่มเข้ามา 3 ลิตรร่างกายก็พยายามจะขับ
00:06:40 → 00:06:43 ออก 3 ลิตรแล้วก็เอาของเสียออกไปด้วยเห็น
00:06:43 → 00:06:47 ภาพไหมนะครับเพราะฉะนั้นปัจจัยที่จะมีผล
00:06:47 → 00:06:49 ต่อการสูญเสียน้ำในร่างกายของคุณจะมีอะไร
00:06:49 → 00:06:51 บ้างหมอหนึ่งสรุปให้ง่ายๆ 3 อย่างนะครับ
00:06:51 → 00:06:55 อันที่ 1 นะครับก็คืออุณหภูมิความร้อน
00:06:55 → 00:06:58 หรือว่าการระบายความร้อนออกจากร่างกายถ้า
00:06:58 → 00:07:00 คุณไปยืนอยู่ในช่วงเดือนเดือนเมษายน
00:07:00 → 00:07:02 สงกรานต์กลางแดดแจ้งๆเลยแม้คุณจะไม่ได้
00:07:02 → 00:07:05 ออกกำลังกายอะไรเลยนะแต่ร่างกายคุณมัน
00:07:05 → 00:07:08 ร้อนขึ้นอุณหภูมิ 41 องศาแต่ร่างกาย
00:07:08 → 00:07:10 อุณหภูมิของคนเรามันแค่ 37 ถูกไหมแต่คุณ
00:07:10 → 00:07:14 ไปยืนอยู่ท่ามกลางสนามที่อากาศ 41 องศา
00:07:14 → 00:07:17 ถามว่าคุณออกกำลังกายไหมไม่แต่ทำไมมี
00:07:17 → 00:07:20 เหงื่อเพราะอุณหภูมิตัวคุณมันสูงขึ้นจาก
00:07:20 → 00:07:23 37 37.5 คือพยายามจะสูงขึ้นตามสภาพแวด
00:07:23 → 00:07:26 ล้อมแต่เราพยายามจะรักษาสภาพเนอะไม่ให้
00:07:26 → 00:07:28 ร่างกายอุณหภูมิมันสูงเกินไปไม่งั้นมันจะ
00:07:28 → 00:07:30 เหมือนเราเป็นไข้ถูกไหมนะครับเพราะฉะนั้น
00:07:30 → 00:07:32 ทำไงล่ะเรารับความร้อนออกมาเข้ามา 41
00:07:33 → 00:07:35 องศาเราอยากจะเอาความร้อนออกจากร่างกาย
00:07:35 → 00:07:38 เราต้องมีตัวนำพาซึ่งสิ่งที่นำพาความร้อน
00:07:38 → 00:07:41 ออกจากร่างกายของเรานะครับคืออะไรเอ่ยมัน
00:07:41 → 00:07:43 คือเหงื่อนั่นเองตอนที่คุณไปยืนต่างแดด
00:07:43 → 00:07:46 เนี่ยเส้นเลือดของคุณเนี่ยมันจะขยายคุณจะ
00:07:46 → 00:07:48 สังเกตว่าตัวคุณจะแดงเนาะพอเส้นเลือดขยาย
00:07:48 → 00:07:51 มันก็จะพยายามเอาความร้อนเอาเหงื่อเนี่ย
00:07:51 → 00:07:54 พาความร้อนออกจากร่างกายของเราออกไปโอเค
00:07:54 → 00:07:56 ไหมนะครับเพราะฉะนั้นเหงื่อเนี่ยทำหน้า
00:07:56 → 00:07:59 ที่ในการระบายความร้อนเนาะถ้าคุณอยู่ใน
00:07:59 → 00:08:01 อุณหภูมิอุณหภูมิที่มันร้อนหรือว่าคุณออก
00:08:01 → 00:08:03 กำลังกายแล้วอุณหภูมิในร่างกายคุณมันมัน
00:08:03 → 00:08:05 สูงขึ้นเหงื่อคุณก็เลยจำเป็นที่จะต้องออก
00:08:05 → 00:08:08 เพื่อที่อะไรเพื่อที่จะได้คลายความร้อน
00:08:08 → 00:08:10 ออกมาเห็นภาพนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:08:10 → 00:08:13 อุณหภูมินะครับข้อที่ 1 มีผลต่อการคาย
00:08:13 → 00:08:15 ความร้อนถ้าเรามีเหงื่อเยอะขึ้นคุณก็ต้อง
00:08:15 → 00:08:17 กินน้ำเป็นไงเพิ่มขึ้นเพราะฉะนั้นในคน
00:08:17 → 00:08:19 ปกติกินน้ำประมาณ 2 ลิตรแต่ถ้าคุณออก
00:08:19 → 00:08:22 กำลังกายคาร์ดิโอแล้วเหงื่อเยอะมากคุณอาจ
00:08:22 → 00:08:24 จะเป็นที่จะต้องกินน้ำเติมเข้าไปประมาณ 1
00:08:24 → 00:08:27 ลิตรเป็น 3 ลิตรก็ว่ากันไปนะครับเนาะค่อย
00:08:27 → 00:08:29 ๆจิบไปเรื่อยๆคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นอันนี้
00:08:29 → 00:08:31 ข้อที่ 1 อีกข้อนึงที่เจอบ่อยมากๆเลยนะ
00:08:31 → 00:08:33 ครับที่มีผลเนอะคือเครื่องดื่มบางชนิด
00:08:33 → 00:08:36 เช่นเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์หรือ
00:08:36 → 00:08:38 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพราะอะไรเอ่ยใคร
00:08:38 → 00:08:40 ที่เคยกินเหล้านะครับเคยกินแอลกอฮอล์จะ
00:08:40 → 00:08:43 รู้ว่ากินแล้วปัสสาวะบ่อยหรือคนที่กินพวก
00:08:43 → 00:08:47 คาเฟอีนกินชากินกาแฟหรือมีน้ำอัดลมก็แล้ว
00:08:47 → 00:08:49 แต่ก็มีคาเฟอีนผสมอยู่ในนั้นนะครับพวกนี้
00:08:49 → 00:08:52 เนี่ยจะทำให้ปัสสาวะคุณบ่อยขึ้นเพราะมัน
00:08:52 → 00:08:54 ไปยับยั้งฮอร์โมนบางตัวนะครับไม่ต้องสนใจ
00:08:54 → 00:08:56 ว่ามันฮอร์โมนเชื่ออะไรแต่ให้รู้ว่าพอกิน
00:08:56 → 00:08:58 พวกนี้แล้วปัสสาวะบ่อยขึ้นเพราะปัสสาวะ
00:08:58 → 00:09:00 บ่อยขึ้นคุณต้องกินน้ำขึ้นไหมต้องกินน้ำ
00:09:00 → 00:09:02 เยอะขึ้นเห็นภาพไหมนะครับนี่คือปัจจัย
00:09:02 → 00:09:05 ต่างๆที่มีผลที่คุณก็จะต้องบวกเข้าไปด้วย
00:09:05 → 00:09:07 ว่าคุณจะต้องกินน้ำเพิ่มอะไรยังไงเท่า
00:09:07 → 00:09:08 ไหร่เพราะฉะนั้นรู้อย่างนี้แล้วนะครับถ้า
00:09:08 → 00:09:11 คุณกินน้ำไม่พอล่ะจะเกิดอะไรขึ้นเรามาดู
00:09:11 → 00:09:13 ดีกว่าว่าถ้ากินน้ำไม่พอจะเกิดอะไรขึ้น
00:09:13 → 00:09:15 ข้อที่ 1 ที่เจอบ่อยมากและหลายคนไม่ค่อย
00:09:15 → 00:09:17 รู้คือคุณหมอคะทำไมพี่รู้สึกว่าพี่เวียน
00:09:18 → 00:09:20 หัวบ่อยๆโดยเฉพาะหน้าร้อนรู้สึกเวียนหัว
00:09:20 → 00:09:22 บ่อยมากคือน้ำเราเสียออกจากร่างกายเยอะ
00:09:22 → 00:09:24 เพราะอากาศมันร้อนเราพยายามจะคายความร้อน
00:09:24 → 00:09:27 ออกถูกไหมแต่คุณกินน้ำกลับเข้าไปไม่พอพอ
00:09:27 → 00:09:29 น้ำกลับเข้าไปไม่พอเลือดคุณก็มีน้ำน้อย
00:09:29 → 00:09:31 มันก็จะรู้สึกว่าเลือดคุณหนืดพอเลือดคุณ
00:09:31 → 00:09:34 หนืดมันไปเลี้ยงสมองน้อยคุณรู้สึกว่าวูบๆ
00:09:34 → 00:09:36 เวียนหัวได้ไหมได้นะครับเพราะฉะนั้นนะอาจ
00:09:36 → 00:09:38 จะทำให้คุณมีอาการเวียนหัวได้เมื่อคุณกิน
00:09:38 → 00:09:41 น้ำไม่เพียงพอบางคนเนี่ยพอตากแดดรู้สึก
00:09:41 → 00:09:43 เวียนหัวหน้ามืดพอจิบน้ำปั๊บรู้สึกดีขึ้น
00:09:43 → 00:09:45 เพราะอะไรเพราะว่าร่างกายคุณได้น้ำกลับ
00:09:45 → 00:09:47 เข้าไปเนี่ยนะครับอันนี้เจอบ่อยมากเลยข้อ
00:09:47 → 00:09:49 ที่ 1 นะเราวางมันจะเวียนหัวได้ถ้ากินน้ำ
00:09:49 → 00:09:51 ไม่พอข้อที่ 2 นะครับปัสสาวะคุณจะเข้ม
00:09:51 → 00:09:53 ขึ้นถามว่าพอปัสสาวะเข้มขึ้นแล้วมันมีผล
00:09:54 → 00:09:56 เสียยังไงไปคุณต้องทำงานหนักขึ้นไงแทนที่
00:09:57 → 00:09:59 ปกติแล้วคุณปัสสาวะออกมา
00:09:59 → 00:10:02 1 ลิตรแล้วคุณจะสามารถเอาของเสียออกมา
00:10:02 → 00:10:06 ได้หมดแต่พอคุณกินน้ำน้อยลงปัสสาวะคุณ
00:10:06 → 00:10:08 น้อยลงไตมันพยายามที่จะต้องทำให้ของเสีย
00:10:08 → 00:10:10 มันเข้มข้นขึ้นปัสสาวะต้องสีเข้มขึ้น
00:10:10 → 00:10:12 บังคับให้มันเข้มขึ้นเพื่อที่จะเอาของ
00:10:12 → 00:10:14 เสียออกไปให้หมดไตคุณก็จะทำงานหนักขึ้น
00:10:14 → 00:10:17 เมื่อคุณกินน้ำน้อยเห็นภาพไหมมีโอกาสเป็น
00:10:17 → 00:10:19 โรคไตในระยะยาวได้ถ้าทานน้ำไม่เพียงพอนะ
00:10:19 → 00:10:23 ครับข้อที่ 3 ถ้าคุณกินน้ำน้อยปัสสาวะคุณ
00:10:23 → 00:10:26 ไม่บ่อยโอกาสที่จะเป็นโรคติดเชื้อทางเดิน
00:10:26 → 00:10:31 ปัสสาวะนะหรืออาจจะมีตะกอนนิ่วค้างในทาง
00:10:31 → 00:10:33 เดินปัสสาวะเนี่ยเป็นไปได้ใครที่กินน้ำ
00:10:33 → 00:10:36 น้อยก็จะรู้ว่ามักจะมีนิ่วเป็นตะกอนอยู่
00:10:36 → 00:10:39 ในท่อไตอยู่ในไตถูกไหมหรือบางคนเนี่ยไม่
00:10:39 → 00:10:40 อยากกินน้ำเพราะว่าอะไรพอกินน้ำแล้ว
00:10:40 → 00:10:43 ปัสสาวะบ่อยพอปัสสาวะบ่อยก็ชอบกลั้น
00:10:43 → 00:10:45 ปัสสาวะไว้พวกนี้ทำให้แบคทีเรียมันคงค้าง
00:10:45 → 00:10:47 ในทางเดินปัสสาวะได้สังเกตไหมครับผู้หญิง
00:10:47 → 00:10:50 เนี่ยมักจะมีคนมักจะติดเชื้อทางเดิน
00:10:50 → 00:10:52 ปัสสาวะเนี่ยมากกว่าผู้ชายเพราะอะไรเพราะ
00:10:52 → 00:10:54 ของผู้ชายไม่ค่อยกั้นปัสสาวะหรอกแล้วก็
00:10:54 → 00:10:57 ท่อปัสสาวะของผู้ชายจะยาวกว่าแต่ผู้หญิง
00:10:57 → 00:10:59 เนี่ยท่อปัสสาวะสั้นกว่าแล้วชอบปัสสาวะ
00:10:59 → 00:11:01 ด้วยแบคทีเรียแทนที่เราปัสสาวะเราจะได้
00:11:01 → 00:11:04 ปล่อยแบคทีเรียออกไปเราก็กั้นมันไว้มัน
00:11:04 → 00:11:06 ไม่รู้ว่ามันจะไปไหนมันออกมาข้างนอกไม่
00:11:06 → 00:11:08 ได้มันก็วิ่งย้อนกลับเข้าไปที่ไตก็เลยทำ
00:11:08 → 00:11:10 ให้คุณติดเชื้อนะครับเพราะฉะนั้นน้ำก็
00:11:10 → 00:11:11 สำคัญมากนี่ข้อที่ 3 เนาะติดเชื้อก็ได้
00:11:12 → 00:11:13 เป็นนิ่วก็ได้ข้อที่ 4 นะครับอย่างที่หมอ
00:11:13 → 00:11:16 หนึ่งบอกไปนะครับว่าอุจจาระมีน้ำในส่วน
00:11:16 → 00:11:17 ประกอบเพราะฉะนั้นใครที่ท้องผูกบ่อยๆอย่า
00:11:17 → 00:11:20 ลืมนะนอกจากเรื่องใยอาหารแล้วเนี่ยเรื่อง
00:11:20 → 00:11:22 น้ำสำคัญเหมือนกันถ้าท้องผูกลองกินน้ำ
00:11:22 → 00:11:24 เพิ่มขึ้นน้ำอุ่นน้ำเย็นอะไรกินได้หมดนะ
00:11:24 → 00:11:27 ครับไม่ต่างกันนะกินได้เลยนะครับเนาะอัน
00:11:27 → 00:11:29 นี้คือข้อที่ 4 คือเรื่องของอุจจาระแล้ว
00:11:29 → 00:11:30 สุดท้ายข้อที่ 5 นะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:11:30 → 00:11:33 ของระบบต่างๆของร่างกายเหมือนหนึ่งย้ำ
00:11:33 → 00:11:34 ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าร่างกายของคุณมีน้ำ
00:11:34 → 00:11:37 เป็นส่วนประกอบ 60-70% มันอยู่ในไหนบ้าง
00:11:37 → 00:11:40 มันอยู่ในเลือดแล้วมันก็อยู่ในเซลล์ของ
00:11:40 → 00:11:43 คุณด้วยเซลล์ต่างๆในร่างกายของคุณจำเป็น
00:11:43 → 00:11:45 ที่จะต้องมีน้ำคุณลองนึกภาพมันเป็นลูก
00:11:45 → 00:11:48 โป่งสมมุติมันเป็นลูกโป่งแล้วลูกโป่งใน
00:11:48 → 00:11:51 นั้นมีน้ำอยู่นะครับถ้ามีน้ำอยู่เต็มลูก
00:11:51 → 00:11:53 โป่งมันก็ทำงานได้ดีคงรูปได้ดีแต่ถ้าน้ำ
00:11:54 → 00:11:56 ในนั้นมันลดลงลูกโป่งมันก็จะแซ่บๆถูกมั้ย
00:11:56 → 00:11:59 เหมือนลูกบอลแฟบๆนะครับนะ
00:11:59 → 00:12:01 สร้างต่างๆอวัยวะต่างๆที่มันอยู่ในเซลล์
00:12:01 → 00:12:04 มันก็ทำงานได้ไม่เต็มที่พูดง่ายๆคือถ้า
00:12:04 → 00:12:06 เซลล์มันกำลังจะเผาผลาญพลังงานถามว่าพอ
00:12:06 → 00:12:08 ไม่มีน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงมันไม่สดชื่นมัน
00:12:08 → 00:12:11 ไม่อยากทำงานคุณจะเผาผลาญได้ดีไหมไม่นะ
00:12:11 → 00:12:13 ครับเพราะงั้นถามว่าเรื่องการกินน้ำมีผล
00:12:13 → 00:12:15 กับการลดน้ำหนักไหมมีนะครับนะมันทำให้
00:12:15 → 00:12:16 เซลล์ของคุณเนี่ยทำงานได้เต็มที่เต็ม
00:12:16 → 00:12:19 ประสิทธิภาพเนาะเพราะฉะนั้นถ้ากินน้ำไม่
00:12:19 → 00:12:21 พอเขาจะมีผลผลเสียเนี่ย 5 ข้อเนี้ยแน่ๆ
00:12:21 → 00:12:22 เลยนะครับทั้งในเรื่องของการลดน้ำหนักและ
00:12:22 → 00:12:24 เรื่องของสุขภาพโดยรวมเนาะแต่สำหรับใคร
00:12:24 → 00:12:26 ที่กินน้ำเปล่าไม่เก่งนะครับหมอหนึ่งก็
00:12:26 → 00:12:28 เป็นคนนึงที่แต่ก่อนเนี่ยไม่ค่อยชอบกิน
00:12:28 → 00:12:30 น้ำเนาะเพราะว่าน้ำเปล่ารู้สึกว่ารสชาติ
00:12:30 → 00:12:32 มันไม่ค่อยอร่อยนะวิธีง่ายๆเลยนะครับแล้ว
00:12:32 → 00:12:34 ทำให้คุณลดน้ำหนักได้ต่อเนื่องด้วยเพราะ
00:12:34 → 00:12:36 คุณกินน้ำได้เพียงพอเนาะคืออะไรเอ่ยลอง
00:12:36 → 00:12:39 เอาพวกใบเตยหรือว่าดอกเก๊กฮวยนะครับนะเอา
00:12:39 → 00:12:42 มาต้มน้ำเนาะมันจะมีกลิ่นหอมออกมาแล้วก็
00:12:42 → 00:12:44 พอต้มเสร็จปั๊บเอาอันเนี้ยไปแช่ตู้เย็นนะ
00:12:44 → 00:12:47 ครับอ่าแล้วตอนเช้าเราก็ใส่สติใส่จะปลูก
00:12:47 → 00:12:50 ใส่แก้วของเรานะครับแล้วก็พกไปด้วยใส่น้ำ
00:12:50 → 00:12:52 แข็งกินตลอดทั้งวันคุณจะไม่ได้รู้สึกว่า
00:12:52 → 00:12:54 คุณกินน้ำเปล่าคุณจะรู้สึกว่าคุณได้กิน
00:12:54 → 00:12:57 น้ำที่มันมีความสดชื่นอยู่ในนั้นเนาะโดย
00:12:57 → 00:12:59 ที่ในนั้นไม่มีน้ำตาลด้วยก็เหมาะกับการลด
00:12:59 → 00:13:02 น้ำหนักมากๆเลยนะครับลองเอาไปใช้ดูนะมัน
00:13:02 → 00:13:04 จะทำให้คุณมีอาจจะลดในการใช้ชีวิตมากขึ้น
00:13:04 → 00:13:07 เนาะสุขภาพก็จะดีขึ้นเมื่อคุณทานน้ำเพียง
00:13:07 → 00:13:09 พอในแต่ละวันนะครับก็ถือว่าเป็นคำถามที่
00:13:09 → 00:13:11 ดีมากนะครับคำถามนี้ส่วนใครที่มีคำถาม
00:13:11 → 00:13:13 อื่นๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนักนะครับนะก็
00:13:13 → 00:13:15 สามารถพิมพ์ถามที่ข้างล่างได้นะครับคำถาม
00:13:15 → 00:13:17 ไหนน่าสนใจหมอหนึ่งก็จะเอามาทำคลิปตอบแบบ
00:13:17 → 00:13:19 นี้นะครับและสำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก
00:13:19 → 00:13:21 ครั้งสุดท้ายในชีวิตแต่ไม่รู้จะเริ่มต้น
00:13:21 → 00:13:23 ยังไงนะครับลองดูคลิปที่อยู่ต่อจากท้าย
00:13:23 → 00:13:25 คลิปนี้ที่หมอหนึ่งแนะนำไว้นะครับหรือว่า
00:13:25 → 00:13:27 ใครที่อยากลดน้ำหนักในกลุ่ม VIP นะครับ
00:13:27 → 00:13:29 กับหมอหนึ่งนะครับในกลุ่มเนี่ยจะเป็นคลิป
00:13:29 → 00:13:31 ที่หมอหนึ่งไม่ได้เอามาเผยแพร่ที่ไหนเนาะ
00:13:31 → 00:13:33 ทำไว้ให้สำหรับคนที่เป็นสมาชิกนะครับนะ
00:13:33 → 00:13:35 ใครที่อยากเข้าไปลดน้ำหนักอยากรู้ว่าน้ำ
00:13:36 → 00:13:38 หนักตัวเองประมาณนี้นะครับต้องกินนู่น
00:13:38 → 00:13:40 นั่นนี่เท่าไหร่ในสูตรที่หมอหนึ่งเอาไว้
00:13:40 → 00:13:42 สอนนักเรียนนะครับเป็นสูตรที่หมอหนึ่งคิด
00:13:42 → 00:13:44 ขึ้นเองนะครับว่าต้องทำอะไรก่อนหลังให้
00:13:44 → 00:13:46 แบบง่ายๆโดยที่ไม่ต้องมีศัพท์อะไรทางการ
00:13:46 → 00:13:47 แพทย์เยอะก็สามารถดูรายละเอียดได้ต่อจาก
00:13:47 → 00:13:50 คลิปนี้นะครับนะหมอหนึ่งก็จะลงไว้ให้นะ
00:13:50 → 00:13:52 ครับสำหรับคนที่สนใจส่วนใครที่ไม่ได้สนใจ
00:13:52 → 00:13:55 ก็ลองเอาความรู้ดีๆในแบบเนี้ยเอาไปใช้ได้
00:13:55 → 00:13:58 นะครับนะแล้วพบกันคลิปถัดไปนะครับ