00:00:00 → 00:00:05 ถ้าเรากินของขม แสดงว่าเราแก่แล้ว อันนี้ก็น่าสนใจนะครับว่า ทำไมพอเราอายุมากขึ้น
00:00:05 → 00:00:11 ถึงกินของขมได้ดีขึ้น สารก่อรสขม บางอย่างเช่นในมะระ สามารถกระตุ้น
00:00:11 → 00:00:16 ตุ่มรับรสหวานได้เหมือนกัน ตัวรับรสขม ไม่ได้อยู่เฉพาะที่ลิ้น ตัวรับความขม
00:00:16 → 00:00:22 ยังอยู่ที่อื่นๆด้วยนะครับ เช่นในปอด สมอง ทางเดินอาหาร หรือว่าในระบบภูมิคุ้มกัน
00:00:22 → 00:00:27 สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อกบอกเล่า คลิปนี้ผมจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรสขมครับ
00:00:27 → 00:00:33 เรามาดูกันว่า ทำไมคนเราถึงต้อง มีการรับรู้รสขม การที่รสขมแต่ละอย่างมี
00:00:33 → 00:00:39 ความแตกต่างกัน เป็นเพราะอะไร ทำไม เด็กถึงไม่ชอบรสขม แต่คนสูงอายุถึง
00:00:39 → 00:00:45 ชอบหรือว่าทานได้ รสขมช่วยให้เจริญ อาหารมั้ย แล้วก็ทำไมบางคนเวลากินของขม
00:00:45 → 00:00:52 ถึงบอกว่าหวาน และสุดท้ายนะครับผม ก็จะเล่าว่าสารรสขมมีผลดีกับสุขภาพ
00:00:52 → 00:01:00 ยังไง ใครมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับรสขม ชอบ หรือว่าไม่ชอบ ช่วยเม้นต์มาคุยกันนะครับ
00:01:00 → 00:01:05 รสชาติพื้นฐานของมนุษย์ รสเปรี้ยว หวาน เค็ม อูมามิแล้วก็รสขม ในรสทั้งหมด
00:01:05 → 00:01:12 ดูว่ารสขมเหมือนจะเป็นรสชาติที่ไม่น่าดีเลย แต่ทำไมถึงยังต้องมีรสขม ถ้าเราดูใน
00:01:12 → 00:01:18 ธรรมชาตินะครับ พืชที่มีพิษหรือพวกสารพิษ ก็มักจะมีรสขม ซึ่งรสขมนี่แหละที่จะ
00:01:18 → 00:01:24 ทำให้สัตว์ไม่กิน ก็เลยรอดจากการได้รับสาร พิษพวกนี้ หรือว่าในทางกลับกัน พวกผักผลไม้
00:01:24 → 00:01:32 หลายอย่างก็ใช้รสขมในการป้องกันตัวเอง เช่นใบชา โกโก้ หรือว่าส้มโอก็มีรสขม
00:01:32 → 00:01:38 เพื่อช่วยป้องกันแมลงหรือว่าป้องกันไม่ ให้สัตว์อื่นมากิน การที่คนเรานะครับรับ
00:01:38 → 00:01:43 รู้รสขมได้เพราะว่าเรามีตัวรับรสขมที่ ลิ้น จริงๆตัวรับก็ไม่ได้อยู่แต่ใน
00:01:43 → 00:01:49 ลิ้นนะครับ ยังมีในอวัยวะอื่นด้วย ซึ่งตรง นี้แหละครับที่ทำให้รสขมหรือว่าความขม
00:01:49 → 00:01:55 มีประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆอีกเยอะเลย ซึ่งเรื่องนี้ผมจะเล่าในช่วงท้ายๆคลิปนะครับ
00:01:55 → 00:02:01 คราวนี้พอสารก่อรสขมกระตุ้นตัวรับรสขม ที่ลิ้น ตัวรับรสขมก็จะส่งสัญญาณไปที่สมอง
00:02:01 → 00:02:07 สมองก็จะแปลผลให้เรารู้ว่ารสชาติ เนี้ยคือรสขมนะ ในธรรมชาตินะครับมี
00:02:07 → 00:02:13 ตัวกระตุ้นรสขมหลายอย่าง ก็อย่างเช่นสารพวก กลุ่มอัลคาลอยด์ เช่นคาเฟอีนในกาแฟหรือว่า
00:02:13 → 00:02:20 นิโคตินในบุหรี่ หรือว่าสารฟาวโวนอยเช่นในใบ ชา ในดาร์กช็อกโกแลตหรือว่าในเปลือกส้ม
00:02:20 → 00:02:26 รวมทั้งพวกกลูโคซิโนเลตในผัก เช่นบล็อกเคอรี่ หรือว่าแทนนินที่อยู่ในไวน์ ถ้าพูดถึง
00:02:26 → 00:02:31 เรื่องรสชาติพื้นฐานนะครับ เปรี้ยว หวาน เค็ม อูมามิ แล้วก็รสขมแล้ว รสขม
00:02:31 → 00:02:37 เป็นรสที่มีความหลากหลายมากที่สุดเลยคือ รสขมอ่ะมีหลายแบบนะครับ ทุกคนก็คงนึกออก
00:02:37 → 00:02:43 เช่นกาแฟก็มีความขมไม่เหมือนกับดาร์ก ช็อกโกแลต รสขมของผักคะน้าก็ไม่เหมือนรสขม
00:02:43 → 00:02:49 ของส้มโอ หรือว่ารสขมของเบียร์หรือเหล้า แต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างกัน ที่เป็นแบบ
00:02:49 → 00:02:55 เนี้ยเพราะมีปัจจัยที่ทำให้รสขมมีความ หลากหลายครับ นอกจากสารก่อความขมที่มีความ
00:02:55 → 00:03:00 แตกต่างกันแล้ว ตามที่เล่าไปแล้วนะครับ ตัวรับรสขมของคนเราก็มีหลากหลายเฉด อย่างเช่น
00:03:00 → 00:03:06 ที่แสดงอันนี้นะครับ ก็จะเห็นว่ารสขม มีตัวรับประมาณ 25 แบบ คือมากที่สุดเลย
00:03:06 → 00:03:12 เมื่อเทียบกับรสอื่นๆ ก็เลยทำให้การรับรู้ รสขม มีความแตกต่างกัน อีกปัจจัยนึงก็
00:03:12 → 00:03:18 คือขึ้นอยู่กับว่าสารก่อรสขมนั้นจับกับ ตัวรับรสขมแน่นหนาแค่ไหน หรือสารให้รส
00:03:18 → 00:03:24 ขมนั้นน่ะอยู่ทนนานหรือว่าสลายไปได้เร็ว รสขมบางอย่างสลายไปได้เร็วเมื่อเจอ
00:03:24 → 00:03:30 น้ำลายอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ก็เลยทำให้รสขมมีความแตกต่างกัน แล้วก็
00:03:30 → 00:03:36 มีลักษณะเฉพาะตัวครับ มีคำพูดว่าถ้าเรา กินของขม แสดงว่าเราแก่แล้ว อันนี้ก็
00:03:36 → 00:03:42 น่าสนใจนะครับว่าทำไมพอเราอายุมากขึ้น ถึงกินของขมได้ดีขึ้น ที่เป็นอย่างนี้
00:03:42 → 00:03:46 ก็เพราะว่าพอเราอายุมากขึ้นนะครับ จำนวนต่อมรับรสที่ลิ้นของเราก็จะลดลง
00:03:46 → 00:03:53 และฟังก์ชั่นการทำงานของตัวรับรสของเรา ก็ลดลงอีกด้วย แถมการส่งสัญญาณไปที่สมองก็
00:03:53 → 00:03:59 ทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม ทั้งหมดก็คือ เหตุผลว่าทำไมพอเราแก่ตัวลง ความขมก็
00:03:59 → 00:04:04 เหมือนจะจางๆไป ไม่เข้มข้นเหมือนสมัยที่ เราเป็นเด็ก อีกอย่างนึงนะครับก็คือเรื่อง
00:04:04 → 00:04:10 ของประสบการณ์ชีวิตทำให้คนที่อายุมากขึ้น มีการเรียนรู้ว่าการกินของขมก็ไม่
00:04:10 → 00:04:16 ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป เช่นเรารู้ว่า สมุนไพรหลายอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีรสขม
00:04:16 → 00:04:21 แต่ก็มีประโยชน์กับสุขภาพ หรือว่าการที่รส ขมไปผูกกับของที่ชอบเช่นกาแฟ
00:04:21 → 00:04:27 ช็อกโกแลต หรือว่าเบียร์ ก็เลยทำให้ผู้ใหญ่ มองรสขมต่างกับเด็กๆ เด็กอาจจะ
00:04:27 → 00:04:32 ไม่ชอบรสขมเพียงเพราะเรื่องของ สัญชาติญาณ แต่ว่าประสบการณ์หรือว่าการ
00:04:32 → 00:04:37 เรียนรู้พวกนี้แหละครับที่จะทำให้ผู้ใหญ่ ยอมรับรสขมได้มากขึ้น ทุกท่านมีความ
00:04:37 → 00:04:42 เห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับคิดว่า จริงไหมครับว่าถ้าชอบกินของขมแสดงว่า
00:04:42 → 00:04:48 เราแก่แล้ว หรือว่าตอนเด็กๆเคยเกลียดรสขม แต่พอโตขึ้นกลับชอบซะงั้น ลองเม้นต์มาเล่า
00:04:48 → 00:04:53 เม้นต์มาแชร์กันนะครับ ตอนผมเด็กๆ มีเหตุการณ์นึงที่จำได้เลยก็คือที่บ้าน
00:04:53 → 00:05:00 ต้มจับฉ่ายมะระ ผมกินน้ำต้มจับฉ่าย แล้วก็รู้สึกว่าขมจัง แต่ผู้ใหญ่บอกว่า
00:05:00 → 00:05:06 หวานอร่อย ผมก็งงว่าหวานยังไงมันขมซะขนาดนี้ ที่ผู้ใหญ่บอกว่าหวานก็ไม่ผิดนะครับ
00:05:06 → 00:05:11 เรื่องเนี้ยนอกจากความแตกต่างกันในเรื่อง ของการรับรสที่ต่างกันในเด็กกับผู้ใหญ่
00:05:11 → 00:05:17 แล้วนะครับ รสขมกับรสหวาน เค้าก็แชร์ กันด้วย สารก่อรสขมบางอย่างเช่นในมะระ
00:05:17 → 00:05:21 สามารสกระตุ้นตุ่มรับรสหวานได้ เหมือนกัน กระตุ้นแบบอ่อนๆทำให้เรารู้สึก
00:05:21 → 00:05:27 หวานได้ หรือใครที่กินดาร์กช็อกโกแลตนะครับ ก็ลองสังเกตดูนะครับจะมีรสหวานอ่อนๆอยู่
00:05:27 → 00:05:31 ก็เพราะว่าสารรสขมในดาร์กช็อกโกแลต ก็สามารสกระตุ้นตุ่มรับรสหวานได้เหมือนกัน
00:05:31 → 00:05:38 และในทางตรงกันข้ามนะครับ หวานก็ขมได้ เช่นชะเอมเทศ จะมีสารที่ชื่อว่าไกลเซอร์ไรซิน
00:05:38 → 00:05:44 ซึ่งสารตัวนี้หวานกว่าน้ำตาล 50-100 เท่า ที่บางคนก็เอาชะเอมเทศมาใส่ในเก๊กฮวยก็
00:05:44 → 00:05:50 ทำให้เก๊กฮวยรู้สึกหวานโดยที่ไม่ต้องใส่ น้ำตาล แต่เจ้าไกลเซอร์ไรซินก็กระตุ้นตุ่มรับ
00:05:50 → 00:05:56 รสขมได้เหมือนกัน ถ้าลองสังเกตนะครับก็จะ รู้สึกว่ามีรสขมจางๆซ่อนอยู่ เหมือนกับพวก
00:05:56 → 00:06:01 น้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล พวกเนี้ยก็จะมี น้ำตาลเทียมอยู่ น้ำตาลเทียมจะกระตุ้น
00:06:01 → 00:06:07 ได้ทั้งรสหวานและรสขม ตอนเราดื่มน้ำอัดลม พวกเนี้ยเราจะไม่รู้สึกขมเพราะว่ารสหวาน
00:06:07 → 00:06:13 มันเด่นมาก และสารที่ใส่ในน้ำอัดลมกับความ เป็นกรดของน้ำอัดลมก็จะกดรสขมทำให้
00:06:13 → 00:06:19 รสขมไม่ชัดเจน แต่ถ้าเราดื่มหมดแล้ว ลองเอาขวดหรือกระป๋องไปใส่น้ำเปล่า
00:06:19 → 00:06:24 แล้วลองดื่มดูนะครับ จะรู้สึกเลยว่าขมโดย เฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีน้ำตาลเทียมตัวที่
00:06:24 → 00:06:30 ชื่อว่าอะซีซัลเฟมโพแทสเซียม ซัคคาริน หรือว่า พวกหญ้าหวาน พวกเนี้ยจะยิ่งขมมากเป็นพิเศษ
00:06:30 → 00:06:35 โดยเฉพาะตัวซัคคารินนะครับ ตัวเนี้ยยิ่งใส่ มากนอกจากจะยิ่งหวานมากแล้ว ความขมก็
00:06:35 → 00:06:41 จะยิ่งเด่นชัดขึ้นด้วย เคยทานผลไม้รถเข็น แล้วรู้สึกหวานๆขมๆไหมครับ นั่นแหละครับก็
00:06:41 → 00:06:48 คือสารพวกนี้ ความขมช่วยให้เจริญอาหาร ในยุโรปโดยเฉพาะในอิตาลี ฝรั่งเศส
00:06:48 → 00:06:53 เยอรมัน แล้วก็สเปน มีวัฒนธรรมการดื่ม เครื่องดื่มก่อนอาหารเพื่อช่วยให้เจริญ-
00:06:53 → 00:06:59 อาหารที่เรียกว่า Bitter aperitif, aperitif ในภาษาฝรั่งเศสหรือว่า aperitivo
00:06:59 → 00:07:04 ในภาษาอิตาลี ก็มาจากรากศัพท์ภาษาลาตินคำ เดียวกันหมายถึงเปิด ก็คือเตรียมพร้อมก่อน
00:07:04 → 00:07:10 ที่จะเริ่มทานอาหาร ซึ่งเจ้า bitter aperitif เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลายอย่างรวม
00:07:10 → 00:07:15 ทั้งพวกสมุนไพร ดื่มเพื่อช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยในการย่อยครับ เรื่องรสขมที่
00:07:15 → 00:07:20 ช่วยในการเจริญอาหาร อธิบายได้จาก คุณสมบัติของความขมหลายอย่างเลยนะครับ
00:07:20 → 00:07:25 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการช่วยให้น้ำลายออก มามากขึ้น ช่วยในการย่อย หรือว่าทำให้น้ำย่อย
00:07:25 → 00:07:31 ออกมามากขึ้นนั่นเอง รสขมดีกับ สุขภาพยังไง อย่างที่ทราบกันนะครับว่า
00:07:31 → 00:07:35 ตัวรับรสขม ไม่ได้อยู่เฉพาะที่ลิ้น ตัวรับความขมยังอยู่ที่อื่นๆด้วยนะครับ
00:07:35 → 00:07:41 เช่นในปอด สมอง ทางเดินอาหาร หรือว่าในระบบ ภูมิคุ้มกัน เดี๋ยวผมจะเล่าให้เห็นภาพ
00:07:41 → 00:07:46 กว้างๆนะครับว่าประโยชน์ของรสขม มี อย่างอื่นอีกมากมายเลย สารบางอย่างนะครับ
00:07:46 → 00:07:51 เช่นซัคคารินหรือว่าคลอโรควินจะ กระตุ้นตัวรับความขมที่ปอด จะทำให้กล้ามเนื้อ
00:07:51 → 00:07:57 แถวๆปอดคลายตัว ทางเดินหายใจ โล่งและการกำจัดเมือกหรือว่าสารคัดหลั่ง
00:07:57 → 00:08:02 ในปอดก็ทำได้ดีขึ้น เพราะว่าจะทำให้การทำ งานของซีเลีย (Cilia) หรือว่าตัวช่วยพัดโบกเมือก
00:08:02 → 00:08:07 หรือว่าพวกสารคัดหลั่งพวกเนี้ยทำงานได้ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์นะครับยังพบว่าในสมอง
00:08:07 → 00:08:12 มีตัวรับความขมกระจายอยู่ในหลายส่วน ของสมองเลย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้อง
00:08:12 → 00:08:17 กับการควบคุมความอยากอาหารและเกี่ยวกับ พฤติกรรมของเรา ที่จะหลีกหนีหรือว่าไม่ชอบ
00:08:17 → 00:08:22 ความขมนั้นเอง ซึ่งตรงเนี้ยก็เป็นการป้อง กันตัวเองจากสารพิษหรือว่าอันตรายนั่นละครับ
00:08:22 → 00:08:28 ในทางเดินอาหารนะครับ สารก่อความขม จะกระตุ้นให้มีการหลั่งโคลีซีสโตไคนิน (CCK)
00:08:28 → 00:08:33 ทำให้อาหารในกระเพาะเคลื่อนตัวช้าลง ทำให้ เราไม่หิวเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยให้มี
00:08:33 → 00:08:40 การหลังฮอร์โมน 2 ตัวครับก็คือ GLP-1 แล้ว ก็ Peptide YY ซึ่งช่วยในการปรับระดับน้ำตาล
00:08:40 → 00:08:46 ในเลือดด้วย สารที่มีรสขมบางอย่างนะครับจะ ช่วยลดการอักเสบได้ เช่นเคอร์คูมินที่อยู่
00:08:46 → 00:08:51 ในขมิ้นก็อาจจะช่วยในเรื่องของ โรครูมาตอยด์ โรคภูมิต้านตัวเอง หรือว่า
00:08:51 → 00:08:57 โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือสารสกัดจากมะระนะครับ ก็มีการศึกษาว่าช่วยในการป้องกันมะเร็งช่องปาก
00:08:57 → 00:09:02 และก็ยังมีคุณสมบัติในการยับยั้ง เชื้อแบคทีเรียได้ด้วย จะเห็นนะครับว่า
00:09:02 → 00:09:07 รสขม ถ้าโดยสัญชาตญาณแล้วเราก็จะ หลีกเลี่ยงหนีมัน แต่ด้วยประสบการณ์แล้วก็
00:09:07 → 00:09:13 อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เรายอมรับรสขม ได้มากขึ้น รสขมไม่ใช่เป็นแค่รสชาตินะครับ
00:09:13 → 00:09:19 แต่ยังมีผลทางด้านสุขภาพอื่นๆด้วยเช่น กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ควบคุม
00:09:19 → 00:09:25 ระดับน้ำตาลในเลือด หรือว่าช่วยในการลดการ อักเสบ ขอจบเรื่องรสขมแค่นี้นะครับ คลิปนี้
00:09:25 → 00:09:31 ถ้าชอบก็รบกวนช่วยกดถูกใจ แล้วก็รบกวนช่วย แชร์ด้วยนะครับ ท่านที่ติดตามคลิปตั้งแต่
00:09:31 → 00:09:36 แรกๆก็อาจจะสังเกตเห็นว่าผมจะเอาความเป็น วิชาการหนักๆออกไปเยอะมากเลย เพื่อให้คนดู
00:09:36 → 00:09:41 ดูแล้วรู้สึกสบายขึ้นแล้วก็เข้าใจ ได้ง่ายขึ้น ใครมีความเห็นข้อเสนอแนะอะไร
00:09:41 → 00:09:48 ก็ฝากเม้นต์มาได้เลยนะครับ ขอบคุณที่รับชม พบกันใหม่ในคลิปต่อไป สวัสดีครับ
00:09:48 → 00:09:54 [เพลง]