00:00:00 → 00:00:03 คุณหมอคะก็คือเรื่องของสั่นสันนิบาต
00:00:03 → 00:00:06 เรื่องของากกินสันมันใช่โรคเดียวกันมยคะ
00:00:06 → 00:00:10 คุณหมอคะที่คนเขาเข้าใจกันค่ะอ่าหมายถึง
00:00:10 → 00:00:12 ว่าโรคสั่นสันนิบาตแโรคากกินสันใช่มั้ย
00:00:12 → 00:00:16 ค่ะๆอ่าคืออันนี้ต้องยอมรับว่าคือไอ้ไอ้
00:00:16 → 00:00:19 คำว่าโลกสสันนิบาทเนี่ยผมก็เพิ่งได้ยิน
00:00:19 → 00:00:22 วันวันนี้แหละฮะคือมันคงเป็นอ่าศัพท์ที่
00:00:22 → 00:00:25 ชาวบ้านอาจจะเรียกกันนะครับแต่ว่าในในใน
00:00:25 → 00:00:27 ความหมายเคือคงเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรค
00:00:27 → 00:00:30 เดียวกับโรคอินสันนะครับแต่ว่าผมก็ไม่แแน
00:00:30 → 00:00:34 ใจในเชิงรากศัพท์ว่าเอ่อมันเกิดคำว่าสั่ง
00:00:34 → 00:00:36 สันนิบาตนี้มันมันมาได้ยังไงอันนี้อาจะ
00:00:36 → 00:00:39 ต้องถามนักศาสตร์อันนี้ผมไม่แน่ใจค่ะคือ
00:00:39 → 00:00:42 คือชาวบ้านก็เห็นว่าอาการของโรคเในลักษณะ
00:00:42 → 00:00:45 เด่นเนี่ยก็คือลักษณะของการสั่นแล้วอือ
00:00:45 → 00:00:49 ครับก็มีมีคำที่เกี่ยวข้องกับการสั่นก็
00:00:49 → 00:00:52 คือสันนิบาตสันนิบาตครับลูกนกอะไรประมาณ
00:00:52 → 00:00:55 เนี้ยนะไม่ต่อเนื่องกันไปนะคะจริงๆแล้ว
00:00:55 → 00:00:57 มันคือยังไงคุณหมออธิบายให้ฟังในลักษณะ
00:00:57 → 00:00:59 ของว่าเรามาทำความเข้าใจกับมันจริงๆจังๆ
00:00:59 → 00:01:02 เลยนะคะพิสันมันเป็นโรคที่เกิดจากอะไร
00:01:02 → 00:01:06 อย่างอย่างไรคะคุณหมอคะครับก็อ่าต้อง
00:01:06 → 00:01:09 เริ่มจากคำว่าปารกินสันก่อนนะฮะคือคำว่า
00:01:09 → 00:01:12 โรคปากกินสันเนี่ยไม่เท่ากับสลุมอาการปาก
00:01:12 → 00:01:16 กินสันนะครับผมคือคือในคนไข้ที่เป็นโรค
00:01:16 → 00:01:18 ปากกินสันเนี่ยมักจะมีกลุ่มอการปากิสันนะ
00:01:18 → 00:01:20 ครับซึ่งกลุ่มอาการปากิสันเนี่ยเกิดจาก
00:01:20 → 00:01:23 ได้หลายสาเหตุนะครับอ่านอกจากโรคปาก
00:01:23 → 00:01:24 กินสันแล้วที่ทำให้เกิดกลุ่มประการ
00:01:25 → 00:01:27 ปากีสตานเนี่ยนะครับก็อาจจะมีโรคอื่นๆที่
00:01:27 → 00:01:30 ทำให้มีเกิดกลุ่มอารปากีสตานร่วมด้วย
00:01:30 → 00:01:32 อย่างเช่นอ่าเส้นเลือดสมองตีบางจุดเนี่ย
00:01:32 → 00:01:34 ก็ทำให้เกิดกลุ่มประการปกินสันได้หรือว่า
00:01:34 → 00:01:36 น้ำคั่งในสมองเนี่ยก็ทำให้เกิดกลุ่ม
00:01:36 → 00:01:39 ประการปกินสันได้หรือว่าการกินยาบางชนิด
00:01:39 → 00:01:41 ก็ทำให้เกิดกลุ่มประการปากกินสันได้ซึ่ง
00:01:41 → 00:01:43 ไอ้คำว่ากลุ่มประการปากินสันเนี่ยก็อย่าง
00:01:43 → 00:01:46 เช่นอาจจะมีอาการเคลื่อนไหวช้านะครับมี
00:01:46 → 00:01:49 อาการแข็งเกรงนะครับหรือมีอาการสั่นขณะ
00:01:49 → 00:01:52 พักเป็นต้นครับผมอ๋อแสดงว่าโรคพิสันกับ
00:01:52 → 00:01:55 กลุ่มอาการพิสันเป็นคนละส่วนกันใช่มคะคุณ
00:01:55 → 00:01:58 หมอใช่ครับคือเรากำลังจะพูดถึงถ้าเราพูด
00:01:58 → 00:02:00 ถึงอาการเนี่ยก็จะเรียกว่ากลุ่มันแต่ว่า
00:02:00 → 00:02:04 ถ้าเราพูดถึงตัวโรคก็จะเรียกว่าโรคปิตัน
00:02:04 → 00:02:07 ครับซึ่งมันเป็นอ่าเหมือนว่าโรคโรคพิสัน
00:02:07 → 00:02:08 เนี่ยทำให้เกิดกลุ่มอการปากีสถานครับแต่
00:02:08 → 00:02:10 กลุ่มประการปากีสถานเนี่ยอาจจะเกิดจากโรค
00:02:10 → 00:02:14 อื่นๆก็ได้อือื
00:02:14 → 00:02:19 ออหซึ่งึซึ่งก็อ่ะเราทิ้งความสับสนความงง
00:02:19 → 00:02:20 กันเอา
00:02:20 → 00:02:24 ไว้แล้วทีนี้ทีนี้เอ่อผมน่ะรู้จักเจ้าโรค
00:02:25 → 00:02:28 เนี้ยพี่นกคุณหมอคจากจากจากเคสนึงเลยก็
00:02:28 → 00:02:30 คือเคสของนักมวย
00:02:30 → 00:02:34 ดังมูเอ่อมูฮัมหมัดอาลีอออันนี้เข่าคือก็
00:02:34 → 00:02:37 คือคือเป็นเป็นโรค
00:02:37 → 00:02:41 นี้โดยตรงใช่มั้ยฮะมันมันมันเเกิดในช่วง
00:02:41 → 00:02:43 ของกระทมกระเทือนเออจากการชกอะไรงงี้ใช่
00:02:43 → 00:02:46 มั้ยฮะช่วงสูงวัยของเาแล้วด้วยอือ่าเอ๊
00:02:46 → 00:02:49 เดี๋ยวถ้าที่เขาเป็นนักมวยที่โดนกระแทก
00:02:49 → 00:02:52 ศีรษะดซ้ำใช่มั้ยฮะใช่ครับน่าจะต้องโดน
00:02:52 → 00:02:54 เยอะเลยลค่ะผมอันนี้ผมผมไม่แน่ใจในในใน
00:02:54 → 00:02:56 แง่ของประวัติศาสตร์เหมือนกันนะแต่เท่า
00:02:56 → 00:02:59 ที่ผมเข้าใจเนี่ยคือคนในนักมวยคนนั้นคือเ
00:02:59 → 00:03:03 มีกลุ่มอาการปากินสันแต่ว่าเป็นโรคปา
00:03:03 → 00:03:04 กินสันหรือเปล่าอันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือน
00:03:04 → 00:03:07 กันแต่ว่าคือมันจะมีเทอมเทอมนึงที่ที่ที่
00:03:07 → 00:03:10 คนไข้เนี่ยมีกลุ่มอาการปากินสันจากการที่
00:03:10 → 00:03:14 มีสมองกระทบกระเทือนบ่อยๆครับผมอืครับอ๋อ
00:03:14 → 00:03:17 เป็นกลุ่มอาการทีนี้พิสันเนี่ยจริงๆแล้ว
00:03:17 → 00:03:20 คนก็เข้าใจว่าเอ๊ะมันเกิดจากสาเหตุที่มา
00:03:20 → 00:03:23 จากส่วนไหนของร่างกายกันจริงๆมันคือทาง
00:03:23 → 00:03:26 ระบบประศาสใช่มั้ยคะคุณหมอคะอ้อโอเคครับ
00:03:26 → 00:03:28 งั้นก็ถ้าสมมุติว่าเราระบุไปที่โรค
00:03:28 → 00:03:32 ปากีสตานเโรคาเนี่ยเป็นเป็นความเสื่อมของ
00:03:32 → 00:03:35 ระบบประสานอืครับคือหมายถึงว่าเป็นความ
00:03:35 → 00:03:39 เสื่อมที่ตัวเซลล์สมองนะครับอ่ะเอางี้
00:03:39 → 00:03:41 ก่อนคือปกติเนี่ยอ่าโรคปลากกินสันเนี่ย
00:03:41 → 00:03:43 อาจจะต้องแยกอีกนะฮะเป็นโรคปากินสันแท้
00:03:43 → 00:03:47 หรือโรคปากินสันเทียมโรคปากกินสันแท้
00:03:47 → 00:03:49 เนี่ยมักจะเป็นโรคที่เราเจอกันบ่อยๆนะ
00:03:49 → 00:03:51 ครับอ่าเวลาเราพูดโรคปากกินสันเนี่ยเรา
00:03:51 → 00:03:53 มักจะหมายถึงโรคปากินสันแท้มากกว่าเพราะ
00:03:53 → 00:03:54 ว่ามันเจอค่อนข้างบ่อยนะครับผมเทียบกับ
00:03:55 → 00:03:57 โรคปากินเทียมที่เจอน้อยกว่านะครับอันนี้
00:03:57 → 00:03:59 ผมจะพูดถึงเฉพาะโรคปากิแท้เพียงอย่าง
00:03:59 → 00:04:01 เดียวนะครับอืโรคภิสาแท้เนี่ยก็คือเกิด
00:04:01 → 00:04:05 จากความเสื่อมของระบบประสาทนะครับซึ่งตัว
00:04:05 → 00:04:07 เซลล์ประสาทหรือว่าตัวระบบประสาทตรงนั้น
00:04:07 → 00:04:10 เนี่ยก็คือเป็นเซลล์ตัวที่สร้างสารตัวนึง
00:04:10 → 00:04:13 ที่ชื่อว่าโดปามีนนะครับซึ่งสารโดปามีน
00:04:13 → 00:04:15 ตัวเนี้ยนะครับเซลล์สมองตัวเนี้ยที่สร้าง
00:04:15 → 00:04:18 สารโดปามีนเนี่ยมันมีจำนวนลดลงเนื่องจาก
00:04:18 → 00:04:23 การเสื่อมนะครับของระบบประสาทนะครับพออ่า
00:04:23 → 00:04:25 คนไข้เนี่ยมีสารโดปามีนตัวเนี้ยลดลงนะ
00:04:25 → 00:04:29 ครับซึ่งไอ้โดปามีนเนี่ยมันจะมีผลอ่าทำ
00:04:29 → 00:04:31 ให้มนุษย์เนี่ยเคลื่อนไหวได้นะครับนะพอ
00:04:31 → 00:04:33 โดปามีนเนี่ยมันลดลงเนี่ยก็ทำให้คนไข้
00:04:34 → 00:04:36 เนี่ยมีมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวนะครับ
00:04:36 → 00:04:38 อย่างเช่นมีปัญหาการเคลื่อนไหวช้านะครับ
00:04:38 → 00:04:40 มีปัญหาเรื่องการแข็งเกร็งนะครับหรือว่า
00:04:40 → 00:04:43 มีอาการสั่นขณะพัดนะครับผมซึ่งคนไข้ปาร
00:04:43 → 00:04:46 กินสันแพ้เนี่ยไม่จำเป็นต้องมีอาการสั่น
00:04:46 → 00:04:48 ทุกคนนะครับแต่ว่าโดยส่วนใหญ่มักจะมี
00:04:48 → 00:04:53 อาการสั่นออ๋อเค้าจะเริ่มยังไงคะคุณหมอ
00:04:53 → 00:04:57 ว่าเมื่อสารโดปามีนที่ที่มันเอ่อสัมพันธ์
00:04:57 → 00:05:00 กับเรื่องของการเคลื่อนไหวเนี่ยมันลดลงไป
00:05:00 → 00:05:02 เนี่ยมันเริ่มต้นนจากอะไรคะคุณหมอมันจะ
00:05:02 → 00:05:05 มันเริ่มต้นจากอะไรใช่มั้ยฮะคืออ่าใช้คำ
00:05:05 → 00:05:07 ว่าเราก็ต้องไปดูปัจจัยเสี่ยงนะครับ
00:05:08 → 00:05:11 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคปสันนะครับผม
00:05:11 → 00:05:13 ซึ่งมันก็จะมีแยกเป็นปัจจัยเสี่ยงกับ
00:05:13 → 00:05:16 ปัจจัยป้องกันอีกนะครับผมปัจจัยเสี่ยง
00:05:16 → 00:05:18 เนี่ยอย่างแรกคืออายุครับคือหมายถึงว่า
00:05:18 → 00:05:21 คือพอคนเราอายุเนี่ยอายุเยอะเนี่ยคือกลไก
00:05:21 → 00:05:24 ป้องกันอะไรสักอย่างของร่างกายเนี่ยมัน
00:05:24 → 00:05:27 มันเสื่อมลงนะครับคือสุดท้ายแล้วเนี่ยตัว
00:05:27 → 00:05:30 อ่าเซลล์ประสาทส่วนเนี้ยมันก็เสื่อมเร็ว
00:05:30 → 00:05:32 กว่าคนอื่นนะครับคือพอเสื่อมเร็วกว่าคน
00:05:33 → 00:05:35 อื่นเนี่ยมันก็ทำให้อ่าเือประสาทที่มัน
00:05:35 → 00:05:37 สร้างโดปามีนเนี่ยนะครับเสื่อมลงเนี่ยอ่า
00:05:37 → 00:05:40 ปริมาณโดปามีนก็ลดลงก็ทำให้มีผลต่อการ
00:05:40 → 00:05:42 เคลื่อนไหวอันนี้คือปัจจัยอย่างแรกคือ
00:05:42 → 00:05:44 อายุครับผมซึ่งเราเป็นเป็นปัจจัยที่เรา
00:05:44 → 00:05:47 หลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่มั้ยฮะอือันที่ 2 ก็
00:05:47 → 00:05:52 คือปัจจัยทางธุกรรมนะครับคือในคนไข้ปา
00:05:52 → 00:05:54 ทินสารบางคนเนี่ยนะครับโดยเฉพาะโรคอ่าคน
00:05:54 → 00:05:57 ไข้ที่เป็นโรคปากิสันโดยที่มีอาการตั้ง
00:05:57 → 00:05:59 แต่อายุน้อยๆนะครับคำว่าอายุน้อยๆคือคือ
00:05:59 → 00:06:01 อาจจะเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุน้อยกว่า
00:06:01 → 00:06:05 ประมาณ 40 ปีหรือ 50 ปีนะครับผมอาประมาณ
00:06:05 → 00:06:08 คนไข้กลุ่มนึงเนี่ยนะครับมักจะอ่ามีเป็น
00:06:08 → 00:06:11 โรคปาริสาที่เกิดจากการถ่ายทอดทางดุกอนะ
00:06:11 → 00:06:14 ครับคือหมายถึงว่าคือสมมุติว่าอ่าเรามี
00:06:14 → 00:06:16 ประวัติครอบครัวคุณพ่อเป็นหรือคุณแม่เป็น
00:06:16 → 00:06:18 โรคปากีสถานแล้วเป็นตั้งแต่อายุน้อยเนี่ย
00:06:18 → 00:06:21 นะครับอ่าถ้าตัวเราเองเนี่ยนะฮะเ่าก็จะ
00:06:21 → 00:06:24 เพิ่มความเสี่ยงนะครับในการเกิดโรคพิสัน
00:06:24 → 00:06:27 มากกว่าทั่วไปนะครับซึ่งเกิดจากแทาง
00:06:27 → 00:06:30 ธุกรรมอนะครับผมอือ่าปัจจัยที่ 3 นะครับ
00:06:30 → 00:06:33 ก็คือเรื่องเพศนะครับจริงๆอ่ะอ่าอันเนี้ย
00:06:33 → 00:06:35 โรคากิเนี่ยจะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
00:06:35 → 00:06:37 แต่ว่าอัตราส่วนมันไม่ได้ต่างกันมากนะ
00:06:37 → 00:06:40 ครับแค่มากกว่ากันนิดหน่อยอืนะครับผมอ่า
00:06:40 → 00:06:45 ปัจจัยที่ 4 นะครับก็คืออ่าพวกอ่าการิ
00:06:45 → 00:06:48 ร่างกายเราเนี่ยสัมผัสสารพิษบางอย่างนะ
00:06:48 → 00:06:51 ครับโดยเฉพาะพวกสารพิษยาฆ่าแมลงนะครับผม
00:06:51 → 00:06:54 พวกยาฆ่าแมลงพวกเนี้ยมันจะไปทำลายเซลล์
00:06:54 → 00:06:56 ประสาทส่วนเนี้ยนะครับผมทำให้เกิดการ
00:06:56 → 00:07:00 เสื่อมของระบบประสาทส่วนนี้นะครับผม
00:07:00 → 00:07:03 ก็คือเกี่ยวกับการกระทบกระเทือนนะครับที่
00:07:03 → 00:07:07 ที่อาจจะสัมพันกันกับที่อ่าในในเคสนักมวย
00:07:07 → 00:07:08 ที่อาจจะเคยบอกไปฮะหรือว่าการกระทบ
00:07:08 → 00:07:11 กระเทือนที่สีสะรุนแรงหรือเนี่ยก็เพิ่ม
00:07:11 → 00:07:14 ความเสี่ยงในการเกิดโรคปาจิสันนะครับผม 6
00:07:14 → 00:07:17 เนี่ยก็คืออ่าอย่างเช่นถ้าคงไข้มีโรค
00:07:17 → 00:07:19 ประจำตัวบางอย่างนะครับอย่างเช่นเป็นเบา
00:07:19 → 00:07:22 หวานนะครับหรือว่าน้ำหนักเยอะนะครับหรือ
00:07:22 → 00:07:25 ว่าเป็นโรคอ่าพวก Syndrome นะครับซึ่งคน
00:07:25 → 00:07:27 ไข้กลุ่มเก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด
00:07:27 → 00:07:31 โรคปจุบันนะครับแล้วก็อลุ่มนะครับก็คือคน
00:07:31 → 00:07:35 ไขที่มีระดับของวิตามินต่ำกว่าคนทั่วไปนะ
00:07:35 → 00:07:37 ครับซึ่งอันเนี้ยก็คือเป็นปัจจัเสียงทั้ง
00:07:37 → 00:07:39 หมดนะครับแต่ว่าหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่
00:07:39 → 00:07:42 สุดเนี่ยหลีกเลี่ยงไม่ได้เก็คืออายุครับ
00:07:42 → 00:07:45 เอ้าก็คืออายุมันก็มามาตามปกตินะคะคุณหมอ
00:07:45 → 00:07:48 ก็คือทุกคนสามารถเพราะฉะนั้นในผู้สูงอายุ
00:07:48 → 00:07:53 ที่ 65 ขึ้นไปเนี่ยก็คือมองไว้เลยว่านี่
00:07:53 → 00:07:56 คือความเสี่ยงนึงของพาร์กินสันเขาต้องเ
00:07:56 → 00:08:00 ต้องทำยังไงะคุณหมอที่จะเอ่อต่อต้านตรง
00:08:00 → 00:08:04 นี้ได้ให้โดปามีนมันไม่อ๋อมันไม่พร่องอ่า
00:08:04 → 00:08:07 คือเอคือหมายถึงว่าในคนที่อายุเยอะใช่
00:08:07 → 00:08:10 มั้ยฮะคืออายุมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง
00:08:10 → 00:08:12 ไม่ได้เออนะครับแล้วแล้วแล้วแล้วถ้าเรามา
00:08:12 → 00:08:16 ถามว่าเอ๊ะแล้วทำไมคนที่อายุเท่ากันคนที่
00:08:16 → 00:08:18 เป็นปากีสถานกับอีกคนนึงถึงไม่เป็น
00:08:18 → 00:08:20 ปากีสถานใช่มั้ยฮะคือเราก็ยังไม่ได้มีข้อ
00:08:20 → 00:08:23 มูลระดับเซลล์ชัดเจนว่าเอ๊ะแล้วทำไมคนนี้
00:08:23 → 00:08:24 ถึงเนคนนี้ถึงไม่เป็นนะครับเชื่อว่ามันก็
00:08:24 → 00:08:27 คงมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยที่ผมบอกไปและอาจ
00:08:27 → 00:08:29 จะมีปัจจัยอื่นมากกว่านี้ที่เรายังไม่ร
00:08:29 → 00:08:34 ครับอ๋ออืนอกจากอายุมันจะมีส่วนอืในเชิง
00:08:34 → 00:08:36 ลึกก็ยังต้องวิเคราะห์หลายๆด้านหลายๆ
00:08:36 → 00:08:40 อย่างผสมกันไปออจะไม่ใช่อายคือถ้ามันคือ
00:08:40 → 00:08:42 ถ้ามันเป็นในระดับก็จะค่อนข้างลึกแล้วว่า
00:08:42 → 00:08:44 เอ๊ะทำไมคนนี้ถึงเป็นคนนี้ถึงไม่เป็นครับ
00:08:44 → 00:08:46 ผมแต่ว่าอายุเนี่ยเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่าง
00:08:46 → 00:08:48 หนึ่งของการถกลายเป็นรูค่ะซึ่งอายุเรามัน
00:08:48 → 00:08:50 เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี้ยงไม่ได้อคุณคุณ
00:08:50 → 00:08:53 หมอสาเหตุนึงที่คุณหมอบอกว่ามันเด่นชัดก็
00:08:53 → 00:08:56 คือเรื่องของสัมผัสสารพิษนนี่ก็คือยาฆ่า
00:08:56 → 00:09:00 แมลงอันนี้มันคือยาฆ่าแมลงแบบเอ่อที่เรา
00:09:00 → 00:09:03 ฉีดยุงอะไรอย่างงี้เหรอคะคุณหมอคะอ๋อถ้า
00:09:03 → 00:09:06 เป็นยาฆ่าแมลงอ่ายาฆ่าแมลงที่ฉีดยุงที่
00:09:06 → 00:09:09 ฉีดตามบ้านเนี่ยอ่าอันเนี้ยไม่ได้มีผลนะ
00:09:09 → 00:09:12 ฮะมันจะเป็นยา่ามแมลงในระดับที่ในระดับ
00:09:12 → 00:09:15 เกษตรกรระดับประสูสัตว์อย่างเงี้ยครับอ๋อ
00:09:15 → 00:09:19 ต้องระดับใหญ่ขนาดนั้นอพวกสเคมีในการก
00:09:20 → 00:09:22 ทั้งหลายุงอันยอาจะไล้อย่างเงี้ยอาจจะไม่
00:09:22 → 00:09:26 ได้ไม่ได้มีผลขนาดนั้นครับอือทำไมครับสาร
00:09:26 → 00:09:29 เคมีเหล่านั้นมันมันแรงหรือว่ามันคามคถี่
00:09:29 → 00:09:32 หรือด้วยการสะสมของสารเหล่านั้นในร่างกาย
00:09:32 → 00:09:36 หรอครับอ่าหมายถึงว่าทำไมสารพิษถึงไป
00:09:36 → 00:09:42 ทำลายเปสาใช่ใช่ครับทำไมเหรอฮะเ่ามันแรง
00:09:42 → 00:09:45 กว่ายาฆ่ามารงอธิบายไม่ได้นะว่าว่าเหมือน
00:09:45 → 00:09:47 ถึงว่าพอสาธิเราเข้าไปแล้วทำไมมันถึงไป
00:09:47 → 00:09:50 ทำลายเือประสาทส่วนนี้ทำไมมันถึงไม่ไป
00:09:50 → 00:09:52 ทำลายประสาทส่วนอื่นนี้ผมว่ามันมันจะค่อน
00:09:52 → 00:09:55 ข้างลึกพอสมควรอืแต่ว่าคนที่เขาเป็น
00:09:55 → 00:09:58 พาร์กินสันเนี่ยในประวัติของเขาก็จะมี
00:09:58 → 00:10:00 ลักษณะของการสัมผัสสารพิษยาฆ่าแมลงนี้
00:10:01 → 00:10:05 อยู่ใช่มั้ยคะอือ่าไม่เ่อคือมันอ่าต้อง
00:10:05 → 00:10:07 ใช้คำว่าไม่จำเป็นครับมันเป็นแค่ปัจจัย
00:10:07 → 00:10:12 เสียงแต่มันไม่ใช่สาเหตุปัเสงอ๋อเราเรา
00:10:12 → 00:10:14 เราเราเราต้องแยกระหว่างคำว่าปัจจัยเสียง
00:10:14 → 00:10:18 กับคำว่าสาเหตุอ๋อๆเป็นปัจจัยเสี่ยงมี
00:10:18 → 00:10:22 หลากหลายอย่างคุณหมอคะไอ้โดปามีนเนี่ยใน
00:10:22 → 00:10:25 ลักษณะของคนธรรมดาทั่วไปเนี่ยมันมันก็จะ
00:10:25 → 00:10:26 เกิด
00:10:26 → 00:10:29 เอ่อคือสภาวะของมัน
00:10:29 → 00:10:32 เกิดจากอย่างไรแล้วก็ช่วยอะไรแล้วก็ทำไม
00:10:32 → 00:10:36 มันถึงได้ทำให้เมื่อมันมันไม่มีมันพล่อง
00:10:36 → 00:10:39 ไปทำให้เราเกิดเรื่องของพาร์กินสันคะคุณ
00:10:39 → 00:10:42 หมอคะหมายถึงว่าทำไมโดปามีนตัดลงสนานั้น
00:10:42 → 00:10:45 ทำให้เกิดอาการพาร์กินสันนะฮโอ้โหผมว่า
00:10:45 → 00:10:47 อันนี้มันน่าจะเป็นระดับอ่าวิทยาศาสตร์
00:10:47 → 00:10:51 ที่อ่าสำหรับเอาไว้สอนนักเรียนแพทย์ซึ่ง
00:10:51 → 00:10:55 มันต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษนะฮะพอพอเข้า
00:10:55 → 00:10:58 ใจง่ายๆว่าเราเรามีโดปามีนกันทุกคนใช่
00:10:58 → 00:11:03 มั้ยคะในตั้งแต่เด็กๆเออเด็กจนวัยผู้ใหญ่
00:11:03 → 00:11:06 อืทีนี้พอมันพร่องไปเนี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง
00:11:06 → 00:11:09 ที่ทำให้เกิดคือๆคือคือต้องอ่ะคือถ้าเอา
00:11:09 → 00:11:11 อธิบายง่ายๆเนี่ยคือโดปามีนเเป็นหนึ่งใน
00:11:12 → 00:11:15 สารสื่อประสาทสำคัญที่อือที่มนุษย์เนี่ย
00:11:15 → 00:11:18 ใช้ในการเคลื่อนไหวคือพอระดับโดมินเนี่ย
00:11:18 → 00:11:21 มันจนถึงระดับนึงเนี่ยนะครับจะทำให้การ
00:11:21 → 00:11:23 เคลื่อนไหวเนี่ยมันลำบากมากขึ้นนะครับทำ
00:11:23 → 00:11:25 ให้มีอาการเคลื่อนไหวช้านะครับหรือว่า
00:11:25 → 00:11:28 อาการขณะพักนะครับซึ่งมันเป็นผลจากการที่
00:11:28 → 00:11:29 ระดับโดปามีน
00:11:29 → 00:11:31 ที่ไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเนี่ยมัน
00:11:31 → 00:11:35 มันลดลงนะครับผมออือันนี้เป็นประสบการณ์
00:11:35 → 00:11:36 แต่ว่าคือจริงๆอ่ะคือโดปามีนเนี่ยมันไม่
00:11:36 → 00:11:38 ได้มีผลต่อการเคลื่อนหมายเพียงอย่างเดียว
00:11:38 → 00:11:40 เหมว่าสารสื่อประสาทโบมีเนี่ยมันก็มีผล
00:11:40 → 00:11:43 ต่ออ่าสมองอือส่วนอื่นในร่างกายเราด้วยนะ
00:11:43 → 00:11:47 ฮอย่างเช่นอ่าคำว่าอ่าอ่ามันเป็นสารซื่อ
00:11:47 → 00:11:50 ประสาทที่ทำให้เกิดความสุขนะฮะเ่าว่าในใน
00:11:50 → 00:11:53 ในอีกในอีกพวนึงนะฮะหรือ reward System
00:11:53 → 00:11:56 เนี่ยนะฮะก็ดก็จะอ่าไป involve ในส่วน
00:11:56 → 00:11:58 นั้นเหมือนกันแต่ว่าอันนี้ที่ผมพูดถึงเ
00:11:58 → 00:12:01 อันนี้พูดถึงเฉพาะโดปามีนที่ involve ใน
00:12:01 → 00:12:03 ในในมออหรือว่าการเคลื่อนไหวนะครับ
00:12:03 → 00:12:06 เคลื่อนไหวอันนี้เป็นเป็นประสบการณ์พอ
00:12:06 → 00:12:08 เริ่มถามถามลึกผมอาจจะเริ่มเริ่เริ่มใช้
00:12:08 → 00:12:10 สับแพทออกมาะบางทีมันจะใช้คำภาษาไทยไม่
00:12:10 → 00:12:13 ค่อยได้ลไม่เป็นไรค่ะคุณมอก็คือคุณพ่อ
00:12:13 → 00:12:15 เป็นปากกินสันเอาง่ายๆก็คือสังเกตจากคุณ
00:12:15 → 00:12:18 พ่อเนี่ยลักษณะแรกเนี่ยก็คือจะสั่นแล้วก็
00:12:18 → 00:12:21 จะยกเอ่อมือเนี่ยที่จะตักอาหารเข้าปาก
00:12:21 → 00:12:27 เนี่ยช้ามากแล้วก็จะเอ่อลำบากก็เป็นไปตาม
00:12:27 → 00:12:29 ลำดับขั้นจนกระทั่งต้องนอนติดเตียอะไร
00:12:29 → 00:12:32 ต่างๆนานานี้คือคุณพ่อากกินสันแล้วสุด
00:12:32 → 00:12:35 ท้ายเก็เสียชีวิตไปเมื่อ 3 3-4 ปีก่อน
00:12:36 → 00:12:41 นี้นะคะก็เป็นสาเหตุต่างๆที่ที่เราก็อืม
00:12:41 → 00:12:44 กรพันธ์ตรงนี้เนี่ยจะส่งผลมายังไงบ้างก็
00:12:44 → 00:12:48 ไม่รู้นะคะเราก็พยายามแต่คุณพ่อเป็นเอ่อ
00:12:48 → 00:12:51 เป็นคนที่คล้ายๆกับว่าได้รับาอย่างที่คุณ
00:12:51 → 00:12:55 หมออาจจะบอกว่ามีมีส่งผลได้ในเรื่องของ
00:12:55 → 00:12:58 เอ่อสมัยก่อนเขาเรียกยานัดนะคุณหมอเรื่อง
00:12:58 → 00:13:03 ของอืยายยาอะไรอย่างแรงยานัดที่ใช้เป็นผง
00:13:03 → 00:13:06 ๆแล้วก็เข้าไปนัดยาเข้าทางจมูกเข้าทาง
00:13:06 → 00:13:08 จมูกเอออันนั้นไม่รู้ว่าจะมีผลหรือเปล่า
00:13:08 → 00:13:13 แต่ว่าเป็นอะไรที่รุนแรงที่ที่คือเห็น
00:13:13 → 00:13:16 ภาวะที่แตกต่างจากคนอื่นที่ไม่รู้จะส่งผล
00:13:16 → 00:13:18 อย่างงั้นหรือเปล่าอนะคะก็คือคุณคุณพ่อ
00:13:18 → 00:13:21 เป็นเป็นปากีสตานตอนอายุเท่าไหร่อ่ะครับ
00:13:21 → 00:13:25 ตอนตอนน่าจะซักเอ่อ 70 แล้วค่ะคุณหมอคะ
00:13:25 → 00:13:30 อ้อโอเคโออครับค่ะแล้วก็เริ่มส่งผลไปใน
00:13:30 → 00:13:33 ส่วนต่างๆจนกระทั่งคือเราเราเห็นลำดับ
00:13:33 → 00:13:36 ขั้นของการเป็นแล้วก็ต้องจักสั่นจากจนที่
00:13:36 → 00:13:39 ตักข้าวเอ๊ะทำไมถึงได้ตักเป็นแบบว่าช้า
00:13:39 → 00:13:42 มากเลยแล้วคุณพ่อก็จะคามรู้สึกว่าเออทำไม
00:13:42 → 00:13:45 ถึงได้เป็นขนาดนี้แล้วก็คุณหมอก็ได้รับ
00:13:46 → 00:13:48 เอ่ออธิบายเราตลอดนะคะว่าเป็นยังไงทำไม
00:13:48 → 00:13:51 ถึงเป็นขนาดนี้แล้วก็อวัยวะภายนอกแล้วไม่
00:13:52 → 00:13:54 ไม่เคลื่อนไหวแล้วหมายถึงภายในเนี่ยก็จะ
00:13:54 → 00:13:57 แอนตี้อีกคือเข้าคั้น ICU หลายรอบเลยที
00:13:57 → 00:14:01 เดียวนะคะอโรคที่ไม่รู้ว่าในสภาวะของคน
00:14:01 → 00:14:03 ไทยเรานี่เจอพาร์กินสันเยอะมั้ยคะคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:08 คะอ่าถ้าถามเป็นจำนวนประชากรเนี่ยฮะอัน
00:14:08 → 00:14:12 นี้ผมอ่าไม่ไม่ไม่ได้มีข้อมูลนะฮะว่าหมาย
00:14:12 → 00:14:15 ถึงว่าไม่ไม่ได้มีข้อมูลตอนนี้นะฮะว่าว่า
00:14:15 → 00:14:18 ว่าอ่าเหมว่าถแสนคนเป็นกี่คนประมาณนี้แต่
00:14:18 → 00:14:20 ว่าก็ถามว่าเป็นโรคอ่าต้องใช้คำว่าเป็น
00:14:20 → 00:14:23 โรคความเสื่อของระบบประสาทที่พบได้บ่อย
00:14:23 → 00:14:26 เป็นอันดับ 2 นะครับอ่าเพราะว่าโรคที่เจอ
00:14:26 → 00:14:30 บบ่อยอันดับที่ 1 คืออัลไซเมอร์ค่ะครับ
00:14:30 → 00:14:32 ครับคือคือคงคงประมาณนี้แต่ถ้าตัวเลข
00:14:32 → 00:14:34 ละเอียดละเอียดนี่ผมผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
00:14:34 → 00:14:35 ออ
00:14:35 → 00:14:40 ออซึ่งลักษณะอาการที่ปปรากฏของโรคปากีส
00:14:40 → 00:14:44 เองเนี่ยมันก็มีสเต็ปของเขาปรากฏออกมาใช่
00:14:44 → 00:14:46 มั้ยเป็นระยะนู่นระยะนี้ระยะนั่นเราจะ
00:14:46 → 00:14:49 สังเกตได้ใช่มั้ยคะเออเราจะดูยังไงใช่อ่า
00:14:49 → 00:14:53 คือจริงๆเนี่ยอ่าการวินิจฉัยโรคสันในใน
00:14:53 → 00:14:55 ปัจจุบันเนี่ยนะฮะคือเราวินิจฉัยจากอาการ
00:14:55 → 00:14:57 ทางการเคลื่อนไหวนะครับก็คือเป็นอาการดัง
00:14:57 → 00:14:59 กล่าวที่ที่พูดมาก็คือคืออย่างเช่นอ่ะ
00:14:59 → 00:15:02 เคลื่อนไหวช้าทำไปช้าลงนะครับอาการแข็ง
00:15:02 → 00:15:04 เกงหรือมีอาการสั่นนะครับซึ่งอาการสั่นใน
00:15:04 → 00:15:08 คนไข้ปากิสันนะมักจะสั่นเยอะในขณะที่มือ
00:15:08 → 00:15:11 อ่าในในในขณะที่ไม่ได้ใช้งานนะครับเหมือน
00:15:11 → 00:15:13 ว่าอย่างเช่นนั่งดูทีวีเนี่ยแต่ว่าถ้า
00:15:13 → 00:15:15 สมมุติใช้งานเนี่ยทำนนนทำนี่เนี่ยจะสั่น
00:15:15 → 00:15:18 น้อยลงนะครับผมแล้วก็อ่าซึ่งการวินิจฉัย
00:15:18 → 00:15:20 เราเราวินิจฉัยจากอาการทางการเคลื่อนไหว
00:15:21 → 00:15:23 นะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยในคนไข้ปากกีสา
00:15:23 → 00:15:25 เนี่ยนะครับเมื่อเราถามย้อนกลับไปเนี่ยคน
00:15:25 → 00:15:28 ไข้แทบจะทุกคนเลยจริงๆมีอาการที่ไม่
00:15:28 → 00:15:30 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเกิดนำมาก่อน
00:15:30 → 00:15:33 แล้วนะครับยกตัวอย่างเช่นอ่าคนไข้ปาก
00:15:33 → 00:15:35 กินสันเนี่ยบางคนเนี่ยเขาอาจจะมีอารค้อง
00:15:35 → 00:15:38 ผูกนะครับบางคนเนี่ยเขาอาจจะมีอาการกังวล
00:15:38 → 00:15:40 ง่ายหรือซึมเศร้าง่ายนะครับผมหรือว่าบาง
00:15:40 → 00:15:43 คนเนี่ยมีอาการนอนละเมอเตะต่อยนะครับหรือ
00:15:43 → 00:15:45 ว่าบางคนเนี่ยจมูกไม่ได้กลิ่นนะครับผม
00:15:45 → 00:15:48 ซึ่งอันเนี้ยมันอาการนำหลายๆอาการที่ที่
00:15:48 → 00:15:50 อาจจะเกิดมาก่อนก่อนที่คนไข้จะมีอาการทาง
00:15:50 → 00:15:54 การเคลื่อนไหวนะครับผมอครับเอออาการที่เ
00:15:54 → 00:15:57 บอกว่าเวลานอนแล้วเวลาเปลี่ยนท่านี่จะแบบ
00:15:57 → 00:15:59 ว่ารุนแรงอะไรอย่างเงี้เหรอคะคุณหมอจะแบบ
00:15:59 → 00:16:02 อ่าก็มันก็จะมีอาการเหมือนเป็นละเมอคือ
00:16:02 → 00:16:04 มันเป็นละเมอเตะหน่อยฮะเหมือนคนไข้บางบาง
00:16:04 → 00:16:07 ทีเขาอาจจะบอกว่าอ่าบางทีเหมือนคือเ้าฝัน
00:16:07 → 00:16:11 นะฮะแล้วก็อ่าเค้าเหมือนสมมุติเฝันเห็น
00:16:11 → 00:16:14 โจรนะฮะเขาก็จะวิ่งหนีใช่มั้ยฮะเหมือนว่า
00:16:14 → 00:16:17 ในในฝันอ่ะเออคครับตอนที่เอยู่บนเปียง
00:16:17 → 00:16:19 เนี่ยเคก็ทำท่าวิ่งได้นะครับผมซึ่ง
00:16:19 → 00:16:22 อันเนี้ยมันเป็นลักษณะที่ที่มันผิดปกติอ
00:16:22 → 00:16:25 ก็เหรอครับอ๋อแล้วคนที่นอนใกล้ๆจะสังเกต
00:16:25 → 00:16:27 ได้เลยใช่มั้ยคะจะเห็นเลยใช่ครับคือคือคน
00:16:27 → 00:16:31 ไข้เบางคนเเเก็บอกได้ว่าเนี่ยบางทีเฝันนะ
00:16:31 → 00:16:32 ครับแล้วก็เเหมือนรู้สึกว่าเหมือนตัวเอง
00:16:33 → 00:16:35 เหมือนสามารถตอบสนองหรือต่อสู้กับความฝัน
00:16:35 → 00:16:37 นั้นได้นะฮะ
00:16:37 → 00:16:42 อืเออมันมาจากซึ่งซึ่งซึ่งในในในในคือใน
00:16:42 → 00:16:44 ความเป็นจริงเนี่ยอย่างเช่นอ่าคือเขา
00:16:44 → 00:16:47 เรียกอ่าอ่าคือถ้าถ้าจะใช้ภาษาอังกฤษก็
00:16:47 → 00:16:51 คือเป็นความผิดปกติของการนอนหลับในในระยะ
00:16:51 → 00:16:55 เร็มนะฮซึ่งในคนปกติในในระยะเ็มเนี่ยนะ
00:16:55 → 00:16:56 ครับร่างกายจะเคลื่อนไหวไม่ได้นะครับยก
00:16:57 → 00:17:00 ตัวอย่างเช่นอ่าบางคนผีอำใช่มั้ยฮะคือผี
00:17:00 → 00:17:02 อำอย่างเช่นว่าฝันอาจจะเห็นอะไรที่มันดู
00:17:02 → 00:17:04 น่ากลัวแล้วตัวเองขยับไม่ได้เนี่ยฮะอัน
00:17:04 → 00:17:07 นี้คือมันเป็นเป็นเป็นสิ่งที่เจคนปกตินะ
00:17:07 → 00:17:10 ครับเพราะว่าในช่วงเร็มอ่าการรหลับในช่วง
00:17:10 → 00:17:12 เร็มเนี่ยร่างกายขยับไม่ได้นะครับแต่ว่า
00:17:12 → 00:17:15 ในคนไข้ปาริสาบางคนเนี่ยที่มีความผิดปกติ
00:17:15 → 00:17:17 ของการนอนหลับตรงนี้เนี่ยนะครับครับอ่า
00:17:17 → 00:17:19 คือเขาฝันเห็นโนเห็นนี่นะครับถ้าคนปกติเค
00:17:19 → 00:17:22 ขยับไม่ได้แต่คนปากีสตานเาขยับได้ซึ่งอัน
00:17:22 → 00:17:26 นยมันเป็นมันถว่าเป็นความผิดปกติออืแล้ว
00:17:26 → 00:17:28 ที่เขบอกว่าผู้สูงอายุหลายคนเนี่ยมีหลัง
00:17:28 → 00:17:33 งอหลังหลังงอหลังค่อมคือรู้สึกผิดปกติไป
00:17:33 → 00:17:35 เลยอ่ะสมมุติว่า 65 ขึ้นไปแล้วเนี่ยเรา
00:17:35 → 00:17:38 เราบอกเได้มั้ยคะใช่อาการเริ่มต้นของ
00:17:38 → 00:17:42 ปากีสถานหรือไม่คะคุณหมอคะอ่าก็ต้องแยก
00:17:42 → 00:17:44 ก่อนว่าอาการคือเอาเงี้ยครับคืออาการหลัง
00:17:44 → 00:17:47 งอหลังค่อมเนี่ยนะครับไม่ไม่จำเป็นต้อง
00:17:47 → 00:17:49 เป็นปากีสตานอนะครับแต่ว่าอาจจะเป็นส่วน
00:17:49 → 00:17:51 หนึ่งของปากีสตานก็ได้นะครับคือถ้าแยก
00:17:51 → 00:17:54 ก่อนนะครับคือคนไข้ปากกินสันเนี่ยนะครับ
00:17:54 → 00:17:56 ก่อนที่เขาจะมีหลังงอหลังค่อมเนี่ยเามัก
00:17:56 → 00:17:59 จะมีอาการอื่นนำมาก่อนอย่างเช่นเพื่อนอ
00:17:59 → 00:18:02 ช้าอแข็งเกงอารสั่นนะครับแล้วก็ไอหลังม
00:18:02 → 00:18:03 หลังค่อมเนี่ยมจะเป็นอาการที่เกิดมาตาม
00:18:03 → 00:18:07 หลังอนะครับแต่ว่าถ้าในพูดถึงในพู้สูง
00:18:07 → 00:18:09 อายุทั่วๆไปนะครับที่ไม่ได้เป็นปากกินสัน
00:18:09 → 00:18:12 ที่มีเฉพาะอาการหลังงอหลังพ่อมเพียงอย่าง
00:18:12 → 00:18:14 เดียวนะฮะจริงๆคนไข้เขาอาจจะเป็นอาจจะ
00:18:14 → 00:18:17 เป็นกระดูกเสื่อมหถือว่าเป็นกระดูกเสื่อ
00:18:17 → 00:18:19 กระดูกสัหลังเสื่อมทำให้มันมีการงอการคด
00:18:20 → 00:18:22 การค่อมนะครับซึ่งคนไข้กลุ่มนี้เนี่ยไม่
00:18:22 → 00:18:27 ใช่ากินสารอือครับอ๋อมันไม่ใช่เสมอไปอื
00:18:27 → 00:18:29 ใช่ครับคือแค่หลังพอหลังคอมเนี่ยคงยังบอก
00:18:29 → 00:18:31 ไม่ได้ว่าไปอีสาเราต้องมาแยกก่อว่าคนไข้
00:18:31 → 00:18:34 เนี่ยเป็นความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อ
00:18:34 → 00:18:36 หรือกล้ามเนื้ออ่าหรือเป็นความผิดปกติของ
00:18:36 → 00:18:40 ระบบกระดูกหรือเป็นความสสของระบบสาสตรออื
00:18:40 → 00:18:45 ทีนี้อือเมื่อเรานำผู้สูงอายุอ่าอาจจะ
00:18:45 → 00:18:47 เริ่มมีอาการเราสังเกตเห็นมีอาการสั่น
00:18:47 → 00:18:50 บ้างทำนู่นทำนี่หรืออะไรอย่างเงี้ยเราพาเ
00:18:50 → 00:18:52 ไปตรวจเนี่ยได้ใช่มั้ยคะคุณหมอคะอ๋อได้
00:18:52 → 00:18:55 ได้ได้ได้เลยครับอ่าเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:18:55 → 00:18:57 เนี่ยอ่าพอผู้สูงอายุมีอาการสั่นเนี่ยนะ
00:18:57 → 00:18:59 ครับก็จริงๆก็ถ้าถามว่าคือถ้าไม่เคยเป็น
00:18:59 → 00:19:01 มาก่อนแล้วก็อยู่ๆสั่นขึ้นมาเนี่ยนะครับ
00:19:01 → 00:19:03 ผมว่าก็แนะนำไปสนเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:19:03 → 00:19:06 อ่าการสั่นเนี่ยอ่าแค่อาการสั่นอย่าง
00:19:06 → 00:19:08 เดียวเนี่ยยังบอกไม่ได้ว่าเป็นปากินสัน
00:19:08 → 00:19:10 หรือเปล่านะครับเพราะว่าจริงๆอาการสั่น
00:19:10 → 00:19:12 เนี่ยมันมีอ่าหลายโรคมากๆนะครับซึ่ง
00:19:12 → 00:19:14 อันเนี้ยจะต้องให้หมอเป็นคนตรวจดูว่า
00:19:14 → 00:19:17 อาการสั่นที่ผิดปกติเนี่ยน่าจะมีสาเหตุมา
00:19:17 → 00:19:20 จากอะไรอื
00:19:20 → 00:19:24 อืมันมันจะเป็นระยะต้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
00:19:24 → 00:19:26 คุณหมอจะรู้ได้เลยใช่มั้ยคะถ้าตรวจอ่ะใช่
00:19:26 → 00:19:29 ๆครับก็คือก็ต้องมามาซักประวัติตรวจร่าง
00:19:29 → 00:19:32 กายนะครับแล้วก็ต้องเห็นเห็นการสั่นซึ่ง
00:19:32 → 00:19:34 พอเราวิเคราะห์หรือเราตรวจร่างกายคนไข้
00:19:34 → 00:19:36 ที่มีอาการสั่นเนี่ยเราก็จะได้ข้อมูลพอสม
00:19:36 → 00:19:39 ควรว่าคนไข้หน้าคือเป็นโรคอะไร
00:19:39 → 00:19:43 อืเพราะฉะนั้นมันมันก็สามารถจะให้ยาแล้ว
00:19:43 → 00:19:46 ก็ช่วยในการดูแลไม่ให้โรคกำเริบไปได้ใช่
00:19:47 → 00:19:49 มั้ยคะคุณหมอถ้าเกิดในระยะต้นๆรคพาก
00:19:49 → 00:19:51 กินสันใช่มั้ยอืมลากกินสันค่ะครับก็คือ
00:19:52 → 00:19:54 อย่างอย่างที่บอกไปนะคือตอนแรกที่ผมพูดไป
00:19:54 → 00:19:56 แล้วก็คือมันจะมีปัจจัยเสี่ยงนะฮะในการ
00:19:56 → 00:20:01 เกิดโรคใช่มั้ยฮะอเ่อจริงๆเนี่ยถ้าอันนี้
00:20:01 → 00:20:04 คือในกรณีที่ยังเที่ยังไม่เกิดโลกนะการ
00:20:04 → 00:20:06 หลีกเลี่ยงปัจจยเสี่ยงที่เราหลีกเลี่ยง
00:20:06 → 00:20:07 ได้นะครับก็จะลดความเสียงในการเกิดอ่า
00:20:07 → 00:20:10 เป็นโรคปากอีสานนะครับแต่เมื่อไรก็ตามเรา
00:20:10 → 00:20:12 เป็นโรคปากอีสานแล้วนะครับก็คือความ
00:20:12 → 00:20:14 เสื่อมของระบบประสาทมันดำเนินไปแล้วเนี่ย
00:20:14 → 00:20:17 นะครับปัจจุบันเนี่ยมันยังไม่มีข้อมูลนะ
00:20:17 → 00:20:20 ฮะก็คือยังไม่มีวิธีการใดๆที่จะไปหยุด
00:20:20 → 00:20:23 ความเสื่อมหรือว่าจะไปชะลอความเสื่อมนะ
00:20:23 → 00:20:25 ครับการรักษาทั้งหมดเนี่ยมันเป็นการรักษา
00:20:25 → 00:20:27 ตามอาการทั้งหมดนะครับทำให้อาการให้ดี
00:20:27 → 00:20:30 ขึ้นทำให้คนไข้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทำให้คน
00:20:30 → 00:20:33 ไข้สามารถอ่าประกอบกิจวัตรชีวิตประจำวัน
00:20:33 → 00:20:39 ได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุดครับอือืแต่ก็
00:20:39 → 00:20:44 ควรจะไปพบแพทย์อืออือใช่ครับใช่ครับใช่ๆ
00:20:44 → 00:20:48 อืเอ่อผู้ป่วยแต่ละระยะระยะเริ่มต้นระยะ
00:20:49 → 00:20:52 กลางระยะเอ่อหนักแล้วเนี่ยการรักษาก็ก็
00:20:52 → 00:20:54 แตกต่างตามอาการอย่างที่คุณหมอว่าไปใช่
00:20:54 → 00:20:58 มั้ยฮะแสดงว่าสเต็ปแรกถ้าเข้าสู่การรักษา
00:20:58 → 00:21:01 เลยจริงๆมันมันจะต้องสามารถที่บรรเทาหรือ
00:21:01 → 00:21:05 ว่าเอิ่มด้วยยาก่อนได้ได้ใช่มั้ครับอือ
00:21:05 → 00:21:07 คือหมายถึงว่าถ้าสมมุติว่าเข้าเข้ามา
00:21:07 → 00:21:10 รักษาก่อนดยที่อาการ่่ยังไม่มากค่ะครับ
00:21:10 → 00:21:13 คืออย่างที่บอกไปนะปัจจุบันเี่มันยังไม่
00:21:13 → 00:21:16 มีวิธีการที่จะไปหยุดความเสื่อมหรือชะลอ
00:21:16 → 00:21:18 ความเสื่อมแต่ครับถ้าสมมุติว่าคุณอาการ
00:21:18 → 00:21:20 น้อยมากๆนะครับหมายถึงว่าคุณยังไม่ได้รู้
00:21:20 → 00:21:22 สึกว่ามันบกพร่องในการอ่าประกอบกิจวัตร
00:21:22 → 00:21:24 ชีวิตประจำวันคุณยังไม่รู้สึกว่ามันกระทบ
00:21:24 → 00:21:27 คุณภาพชีวิตนะครับการรักษายังอาจจะยังไม่
00:21:27 → 00:21:30 จำเป็นต้องยาก็ได้นะครับผมเราก็อาจจะเป็น
00:21:30 → 00:21:33 การรักษาด้วยการไม่ใช้ยานะครับซึ่งมัน
00:21:33 → 00:21:36 เป็นส่วนสำคัญเลยนะในคนไข้ที่เป็นโรคาม
00:21:36 → 00:21:39 กินสารนะครับก็คือการออกกำลังกายมันช่วย
00:21:40 → 00:21:42 ยังไงครับต่อออกกำลังกายมันช่วยได้ออ่า
00:21:42 → 00:21:44 โอเคครับก็คือถ้าพูดถึงการออกกำลังกาย
00:21:44 → 00:21:46 เนี่ยครับก็จริงๆเนี่ยในคนไข้ที่เป็นโรค
00:21:46 → 00:21:48 จิงสันแล้วเนี่ยนะฮะการออกกำลังกายเนี่ย
00:21:48 → 00:21:52 มักจะทำให้อาการการเคลื่อนไหวดีขึ้นนะ
00:21:52 → 00:21:54 ครับซึ่งข้อมูลการออกกำลังกายก็คือมีมาก
00:21:54 → 00:21:57 มายนะจะออกกำลังกายอ่าแบบใดก็ตามนะครับผม
00:21:57 → 00:21:59 แล้วก็อีกในแง่เนี่ยจริงๆเนี่ยการออก
00:21:59 → 00:22:02 กำลังกายเนี่ยถือเป็นปัจจัยป้องกันนะครับ
00:22:02 → 00:22:05 ในการเกิดโรคความกินสันด้วยนะครับออ๋อ
00:22:05 → 00:22:07 เป็นปัจจัยป้องกันได้ด้วยก็คือคนที่ยัง
00:22:07 → 00:22:10 ไม่มีเออไม่ใช่ครับคือเราจะมีปัจจัยสิกับ
00:22:10 → 00:22:12 กับปัจจัยป้องกันอันเนี้ยมันเป็นปัจจัย
00:22:12 → 00:22:15 ก่อนที่จะเกิดโรคนะครับหมายถึงว่าคนไข้
00:22:15 → 00:22:18 อ่าในคนที่ออกกำลังกายนะครับอย่างสม่ำ
00:22:18 → 00:22:19 เสมอเนี่ยนะครับ
00:22:19 → 00:22:22 อ่าเทียบกับคนที่ไม่ออกกำลังกายเนี่ยนะคน
00:22:22 → 00:22:25 ที่ออกกำลังกายเนี่ยมีโอกาสเกิดโรคปิสา
00:22:25 → 00:22:27 น้อยกว่าคนที่คนที่อ่าไม่ออกกำลังกาย
00:22:27 → 00:22:30 อย่างเงี้ยเป็นต้นอืออนั่นเป็นวิธีที่
00:22:30 → 00:22:33 สำคัญที่ช่วยได้ไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบ
00:22:33 → 00:22:36 ไหนใช่มั้ยคะคุณหมอออกกำลังกายแบบก็เป็น
00:22:36 → 00:22:39 เป็นสิ่งที่จริงๆการออกกำลังกายก็มันก็
00:22:39 → 00:22:41 เป็นที่ดีต่อร่างกายอยู่แล้วไม่ไม่ใช่แค่
00:22:41 → 00:22:44 โรคปากินสันอย่างเดียวนะฮะก็แทบจะอ่าดีดี
00:22:44 → 00:22:47 กับสุขภาพอ่าแล้วก็ลดปัจจัยเสี่ยงแค่จะ
00:22:47 → 00:22:50 หลายๆโรคนะฮะโรคเส้นเรือสมองตีบโรคเส
00:22:50 → 00:22:52 เรืองัวใจตีบอะไรมากมายครับอนั่นมันหมาย
00:22:53 → 00:22:55 ถึงเวลาออกกำลังกายเนี่ยมันมีสารแห่งความ
00:22:55 → 00:22:59 สุขที่ออกมาด้วยนั่นก็คือคล้ายๆกับพี่
00:22:59 → 00:23:02 น้องของโดปามีนใช่มั้ยคะคุณหมอสารต่างๆ
00:23:03 → 00:23:05 ที่ออกมาเวลาออกกำลังกายจริงๆอ่าใช่ครับ
00:23:05 → 00:23:07 คือหมายถึงว่าการออกกำลังกายมันจะหลั่ง
00:23:07 → 00:23:10 สารก็คืออย่างเช่นเอนโดฟินใช่มั้ยโปิผมก็
00:23:10 → 00:23:13 เข้าใจว่าน่าจะหลันะฮะแต่ว่าออแต่ว่าถ้า
00:23:13 → 00:23:17 ถามว่ากลไกนี้เป็นกลไกที่ทำให้เกิดโรค
00:23:17 → 00:23:19 พาร์กินสันน้อยกว่าประชากรทั่วไปหรือ
00:23:19 → 00:23:22 เปล่าอันนี้ผมเข้าใจว่าอาจจะไม่ใช่นะฮะ
00:23:22 → 00:23:23 มันอาจจะซักซ้อนกว่านั้นหรือว่าเอออาจจะ
00:23:24 → 00:23:26 ไม่อาจจะไม่ใช่กลไกดังกล่าวแต่ว่าถามว่าอ
00:23:26 → 00:23:29 ออกพลังกายมันก็ก็อาจจะกระตุ้นการหลังสาร
00:23:29 → 00:23:32 อะไรต่างๆเอ่อในในพวกที่ที่ที่กลับมาครับ
00:23:32 → 00:23:36 อือ๋อเพราะฉะนั้นเออกลายเป็นออกกำลังกาย
00:23:36 → 00:23:40 นี่คือยาของของโรคพาร์กินสันเลยนะเป็น
00:23:40 → 00:23:43 เป็นยาของหลากหลายต่างหลากหลายโรคอ่าหมาย
00:23:43 → 00:23:44 ถึงว่าเป็นยามั้ยก็เรียกว่าเป็นปัจจัย
00:23:45 → 00:23:46 ป้องกันจะดีกว่านะฮะซึ่งมันก็ไม่ใช่เฉพาะ
00:23:46 → 00:23:48 โรคปากกินสันเพียงอย่างเดียวมันก็ดีต่อ
00:23:48 → 00:23:51 สุขภาพ overall ดีกว่าสุขภาพทุกด้านดีต่อ
00:23:51 → 00:23:53 อะไลๆโลกครับ
00:23:53 → 00:23:58 อืค่ะเมื่อคนไข้มาถึงระยะที่เ้าจะต้องรับ
00:23:58 → 00:24:01 ประทานยาเข้าไปแล้วเนี่ยครับเขาสามารถจะ
00:24:01 → 00:24:04 คงอยู่ตรงนั้นไปได้จนเาไม่ลุกลามได้มั้ย
00:24:04 → 00:24:07 คะคุณหมอถ้าเขาอ้ออ่าครับก็อย่างอย่างที่
00:24:07 → 00:24:10 บอกไปนะครับความเสื่อมของระบบประสาทมันก็
00:24:10 → 00:24:13 ยังคงเสื่อมอยู่ช้าๆนะครับในเมื่อเราเป็น
00:24:13 → 00:24:15 โรคปากีสแล้วนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:24:15 → 00:24:18 ให้ยาไปนะครับเราก็จะต้องปรับยาตามอาการ
00:24:18 → 00:24:22 คนไข้ที่อาจจะแย่ลงนะครับหรือว่าเข้าสู่
00:24:22 → 00:24:24 ระยะหลังของโลกนะครับคือจริงๆคือพอเป็น
00:24:24 → 00:24:27 ปากีสถานแล้วเนี่ยมันก็จะแบ่งอีกเป็นระยะ
00:24:27 → 00:24:29 ต้นกับระยะหลังใช่มั้ยฮะระยะเเนี่ยคนไข้
00:24:29 → 00:24:31 ก็อาจจะยังกินยาไม่เยอะนะครับผมอาจจะปรับ
00:24:31 → 00:24:34 ยาไม่ยากนะครับพอเข้าสู่ระยะหลังเนี่ยคน
00:24:34 → 00:24:37 ไข้อาจจะมีการตอบสนองต่อยาไม่สม่ำเสมอนะ
00:24:37 → 00:24:39 ครับคนไข้อาจจะต้องเพิ่มยามากขึ้นกินยา
00:24:39 → 00:24:42 มากขึ้นหรือมีอาการอะไรที่มันเป็นภาวะ
00:24:42 → 00:24:47 แทรกซ้อนที่มากขึ้นจะรักษายากขึ้นครับอือ
00:24:47 → 00:24:49 มันต้องดูมันต้องดูหน้างานอีกทีนึงเนอะ
00:24:49 → 00:24:51 ว่าจะเป็นยังไงอใช่ครับก็คือสุดท้ายแล้ว
00:24:51 → 00:24:54 เราอ่าเวลาคนไข้ปากีสถานเราดูแลอ่าเวลาคน
00:24:54 → 00:24:57 ไข้มาตรวจเนี่ยนะฮะเราก็จะถามอาการดยหลัก
00:24:57 → 00:24:59 ว่าอาการวันเนี้ยมันมีอาการอะไรที่มันแย่
00:24:59 → 00:25:03 ลงนะครับแล้วเราก็แก้ไขอาการให้ออ่าให้
00:25:03 → 00:25:05 อาการเค้าเนี่ยกลับมาดีขึ้นนะครับให้
00:25:05 → 00:25:08 คุณภาพีวิตเคกลับมาดีขึ้นให้ความบกพร่อง
00:25:09 → 00:25:11 ในการใช้กิจวัตรชีวิตประจำวันของเาเนี่ย
00:25:11 → 00:25:13 กลับมาดีขึ้นให้ใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด
00:25:13 → 00:25:16 ซึ่งปัจจุบันเนี่ยอ่าวิธีการรักษาปิสา
00:25:16 → 00:25:18 เนี่ยก็ค่อนข้างอ่าเรียกว่าเจริญก้าวหน้า
00:25:18 → 00:25:20 มากๆนะครับมีวิธีการมากมายเลยที่ทำให้คุณ
00:25:20 → 00:25:25 ให้อากาศดีขึ้นครับอืออืฟังดูแล้วถ้าเจอ
00:25:25 → 00:25:29 ในเออระยะต้นมันก็จะดูที่เป็นโรคโลคที่
00:25:29 → 00:25:33 ไม่รุนแรงมากมายนะคะคุณหมออ่าใช่อือ่าใช่
00:25:33 → 00:25:35 ก็จริงๆก็ต้องใช้คำว่าปัจจุบันเรามีวิธี
00:25:35 → 00:25:38 การรักษาที่ที่ที่ค่อนข้างดีพอสมควรครับ
00:25:38 → 00:25:45 อืครับอืเอ่อจากข้อมูลที่ที่มีข้อมูล
00:25:45 → 00:25:48 เพิ่มเติมเข้ามาเนี่ยเขาบอกว่าเอ่อถ้าถ้า
00:25:48 → 00:25:51 ถึงขั้นที่เ่อการรักษาต้องไปถึงขั้นผ่า
00:25:51 → 00:25:54 ตัดก็มีอยู่พอสมควรใช่มั้ยครับคุณหมออ่า
00:25:54 → 00:25:58 จริงๆก็อ่าการรักษาด้วยการผ่าตัตเนี่ยก็
00:25:58 → 00:26:02 เป็นหนึ่งในวิธีการนะครับที่จะอ่าทำให้
00:26:02 → 00:26:05 อาการนะครับของคนไข้ปลากินสัตดีขึ้นนะ
00:26:05 → 00:26:06 ครับอย่างที่บอกไปเราไม่มีวิธีการรักษา
00:26:07 → 00:26:09 ให้หายขาดนะครับถึงแม้จะเป็นการผ่าสัตว์
00:26:09 → 00:26:12 ก็ทำการผ่าสัตว์เนี่ยก็เป็นการรักษาเพื่อ
00:26:12 → 00:26:15 ให้อาการของคนไข้ปากกินสาเนี่ยดีขึ้นเช่น
00:26:15 → 00:26:19 เดียวกันถามว่ามีมั้ยมีครับอื
00:26:19 → 00:26:24 อืค่ะเหมือนกับการประคับประคองให้เอ่อ
00:26:24 → 00:26:28 สามารถเอ่อใช้ชีวิตประจำวันได้แต่ไม่ถึง
00:26:28 → 00:26:31 กับขายอ่าก็ก็จะใช้คำว่าอ่าคือคำว่า
00:26:31 → 00:26:34 ประคับประคองมันอาจจะดูหมายถึงว่าอาจจะ
00:26:34 → 00:26:38 ฟังดูอ่าหมายถึงว่าอาจจะอ่าใช้คำว่าทำให้
00:26:38 → 00:26:41 อาการคไข้เนี่ยอ่าอ่ากลับมาใช้ชีวิตได้
00:26:42 → 00:26:46 ใกล้เคียงคนปกติจะจะดีกว่าอืครับอืคุณพี่
00:26:46 → 00:26:47 พูนสุขก็
00:26:47 → 00:26:51 เอ่อถามมานะคะทาง LINE เรียนถามอาจารย์
00:26:51 → 00:26:55 ว่าระยะต้นถ้าเป็นพิสันเเมีทางหายมั้ยคะ
00:26:55 → 00:26:58 คุณหมอคะถ้าเราได้เข้ารับการรักษาแต่นเิ
00:26:58 → 00:27:02 อืครับคือคืออย่างอ่าคำว่าหายเคือเราก็
00:27:02 → 00:27:06 ต้องถามว่าตัวโรคหายหรืออาการหายคือถ้า
00:27:06 → 00:27:08 ตัวโรคหายเนี่ยอย่างที่บอกไปเราไม่มีวิธี
00:27:08 → 00:27:10 การที่จะไปหยุดความเสื่อมหรือชะลอความ
00:27:10 → 00:27:12 เสื่อมครับตัวโรคมันก็ยังคงดำเนินอยู่
00:27:12 → 00:27:15 ครับออแต่อาการหายมั้ยก็อย่างที่บอกครับ
00:27:15 → 00:27:17 อาการหายเนี่ยอ่าถามว่าอาการหายได้มยถ้า
00:27:17 → 00:27:19 อาการยังเป็นไม่เยอะเนี่ยเราสามารถให้ยา
00:27:19 → 00:27:22 จนอาการเนี่ยดีขึ้นจนใกล้เคียงปกติได้
00:27:22 → 00:27:27 ครับอ๋อก็คือหมั่นสังเกตคนใกล้ชิดนะคะมี
00:27:27 → 00:27:30 อะไรก็ไปหหหมอแล้วก็การรับประทานยาการ
00:27:30 → 00:27:33 ช่วยครับก็จริงๆก็ถ้ามีอาการผิดปกติก็อาจ
00:27:33 → 00:27:36 จะต้องอ่ามามามาตรวจนะฮะแล้วก็ดูว่าเรา
00:27:36 → 00:27:39 เป็นโรคอะไรนะครับถ้าเกิดคนเราอายุไปถึง
00:27:39 → 00:27:42 ไปถึง 70 แล้วนะคะคุณหมอเอ่อดำเนินมาจน
00:27:42 → 00:27:44 ขนาดนี้เนี่ยมีโอกาสจะไปเป็นากกินสันได้
00:27:44 → 00:27:47 มั้ยคะบางคนก็บอกว่าเอ้ย 60-70 ไม่เป็น
00:27:47 → 00:27:50 โรคอะไร 70 ไปเนี่ยไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว
00:27:50 → 00:27:53 จริงมั้ยคะคุณหมอต้องดูแลไม่ผมคือจริงๆ
00:27:53 → 00:27:56 ใช่ใช่ครับคือไม่ใช่ครับคืออายุมันเป็น
00:27:56 → 00:27:58 สิ่งที่ปัจจจุบันเรายังหลิงเลี้ยงไม่ได้
00:27:58 → 00:28:00 อ๋อเพราะฉะนั้นเนี่ยเราไม่มีคางหมายถึง
00:28:00 → 00:28:02 ว่าเราไม่สามารถทำลายอนาคตได้เพราะฉะนั้น
00:28:02 → 00:28:04 เนี่ยยิ่งอายุเยอะมันก็เป็นปัเเสี่ยงเช่น
00:28:04 → 00:28:05 เดียวกันคือไม่ใช่แค่โลกปากีสตานเพอย่าง
00:28:05 → 00:28:08 เดียวโรคอื่นๆอย่างเช่นอัลไซเมอร์หรือโรค
00:28:08 → 00:28:11 อะไรที่อซเสี่ยงคืออายุเนี่ยนะครับมันก็
00:28:11 → 00:28:13 มันก็เมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยังหลีกเลี่ยง
00:28:13 → 00:28:17 ไม่ได้ในปัจจุบันครับอืดูแลสุขภาพกันไป
00:28:17 → 00:28:22 เรื่อยๆอืครับคุณผู้ฟังสอบถามมาทางหน้า
00:28:22 → 00:28:25 ไลฟ์สดของเรานะครับเนว FM 100.5 นะพี่โก
00:28:25 → 00:28:29 คุณหมอค่ะเอ่อถามมาว่าเอ่อคนที่ติดสุรา
00:28:29 → 00:28:32 เขาก็มีลักษณะอาการมือสั่นเหมือนกันทำไม
00:28:32 → 00:28:36 ถึงเออสั่นเป็นมันเชื่อมกับภากีสถานมั้ย
00:28:36 → 00:28:38 หรือว่ามันเป็นของอาการที่ต้องรับประทาน
00:28:38 → 00:28:43 สุราอือ่าก็ต้องถามก่อนว่าคือในคนไข้ที่
00:28:43 → 00:28:45 กินสุราเนี่ยแล้วมีการสั่นเนี่ยนะครับ
00:28:45 → 00:28:48 ส่วนใหญ่มักจะเป็นการขาดสุรานะครับคือ
00:28:48 → 00:28:51 เหมือนว่าคนไข้เคอาจจะกินกินอ่ากินสุรามา
00:28:51 → 00:28:54 นานนะฮะแล้วก็อ่าอาจจะอ่าวันนั้นอาจจะไม่
00:28:54 → 00:28:58 ได้กินสุรานะครับแล้วก็ทำให้มีการขาดสุรา
00:28:58 → 00:28:59 ซึ่งอาการสั่นที่เป็นส่วนหนึ่งของอาการ
00:28:59 → 00:29:01 ขาดสุราเนี่ยนะครับก็ก็มีได้นะซึ่งเป็น
00:29:01 → 00:29:04 ส่วนหนึ่งของของอาการขาดสุรานะครับซึ่ง
00:29:04 → 00:29:06 มันก็อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วยนะคงไม่
00:29:06 → 00:29:08 ได้มีอาการสั่นอย่างเดียวนะครับอาจจะ
00:29:08 → 00:29:11 สับสนนะครับกระวนกระวายนะครับอ่าเป็นต้น
00:29:11 → 00:29:15 นะครับซึ่งอันเนี้ยไม่ไม่ใช่อาการสั่นที่
00:29:15 → 00:29:18 เกิดจากโรคมาดินสาครับ
00:29:18 → 00:29:19 อื
00:29:19 → 00:29:24 อืก็ก็มันเป็นคนละโรคเป็นคนแต่อาการมัน
00:29:24 → 00:29:27 มันมันออกอาจจะออกมาลักษณะสั่นเหมือนกัน
00:29:27 → 00:29:31 เอออคือใช่ครับคืออย่างอย่างอย่างที่บอก
00:29:31 → 00:29:33 ไปคือคำว่าสั่นเนี่ยคือถ้าเขียนแค่สเสือ
00:29:33 → 00:29:35 ไม่เห็นอากาศไ้เอกบหนูสั่นอย่างเดียว
00:29:35 → 00:29:37 เนี่ยมันมันมันกว้างเกินกว่าที่จะบอกว่า
00:29:37 → 00:29:42 เป็นปเป่าอครับอือๆแต่ว่าช่วงนี้งดเหล้า
00:29:42 → 00:29:47 เข้าพรรษานะคะสุราก็แปลว่าเล้านะคะก็
00:29:47 → 00:29:50 คือคุณผู้ฟังหลายคนเนี่ยก็เห็นคนใกล้ชิด
00:29:51 → 00:29:55 เนี่ยมีการอดแล้วเข้าพรรษาแล้วเก็จะ
00:29:55 → 00:29:58 สามารถทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นเลยเลยนะ
00:29:58 → 00:30:00 คะคุณหมอเรื่องของสุราานี่สัมพันธ์กับปาก
00:30:00 → 00:30:04 กินสันบ้างมั้ยคะอาจากข้อมูลแอลกอฮอล์กับ
00:30:04 → 00:30:06 ปากกินสันเนี่ยยังไม่มีความสัมพันธ์กันนะ
00:30:06 → 00:30:07 ฮะอ๋อ
00:30:07 → 00:30:10 อืแต่ว่าแต่ว่าแต่ว่าจะมีในประเด็นของ
00:30:10 → 00:30:14 กาเฟอีนนะครับกาเฟอีนกาแฟเนี่ยเหรอคะกาแฟ
00:30:14 → 00:30:17 นะครับซึ่งการที่เราได้รับกาเฟอีนเนี่ย
00:30:17 → 00:30:20 หรือการกินกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ
00:30:20 → 00:30:23 เป็นปัจจัยป้องกันนะฮะของการเกิดโรคพิสัน
00:30:23 → 00:30:28 อ๋อเป็นตัวดีเหรอคะในความในความที่คำที่
00:30:28 → 00:30:31 บอกว่าในปริมาณที่เหมาะสมคือยังไงคะคุณ
00:30:31 → 00:30:34 หมอปริมาณที่เหมาะสมนี้ผมผมไม่แน่ใจ
00:30:34 → 00:30:36 เหมือนกันว่ากี่มิลลิกรัมต่อวันอะไรเงี้ย
00:30:36 → 00:30:39 ไม่แน่ใจแต่ว่าคือไม่มากไปอ่าใช่คือคือ
00:30:39 → 00:30:42 ไม่ได้มากจนจนที่เรากินแล้วแล้วเกิดผล
00:30:42 → 00:30:44 ข้างเคียงของกาเฟอีนอ่ะอย่างเช่นกินแล้ว
00:30:44 → 00:30:46 ใจใ่หรอะไรประมาณเยันนั้นผมว่าอาจจะมาก
00:30:46 → 00:30:48 เกินไปหมายแต่ว่าในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว
00:30:48 → 00:30:50 กันแต่ว่าตัวเลขนี่ผมผมผมจำไม่ได้ว่าว่า
00:30:50 → 00:30:53 คือเท่าไหร่ออมันไปส่วนช่วยยังไงคุณหมอ
00:30:53 → 00:30:55 มันกระตุ้นให้เกิดสมองทำงานกระฉับกระเฉง
00:30:55 → 00:30:59 อะไรอย่างงั้นน่าจะแต่ว่ากนไกของ
00:30:59 → 00:31:03 ค่ะอืออันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับน
00:31:03 → 00:31:05 น่าน่าจะพอสมควรออ๋อแต่เคเคยมีงานวิจัย
00:31:05 → 00:31:08 ว่ามันช่วยได้บ้างใช่่มั้ยคะอ่าถูกต้อง
00:31:08 → 00:31:10 ครับอ่าอันนี้มีงานวิจัยรองรับแน่นอนว่า
00:31:10 → 00:31:12 การกินกาเฟอีนอย่างสม่ำเสมอเนี่ยเป็น
00:31:12 → 00:31:16 ปัจจัยป้องกันของโรคปิสาเอาละทุกคนนี่ก็
00:31:16 → 00:31:19 น่าจะมีการกินกาแฟกันอย่างน้อยก็เกิน
00:31:19 → 00:31:24 ครึ่งนะเออกาแฟดำเนาะอย่าไปทำอะไรให้มี
00:31:24 → 00:31:27 เอ่อความหวานอะไรมากมายนะคะใช่เออันเรา
00:31:27 → 00:31:28 ต้องระวังเหมือนกันเพราะว่าอย่างที่บอกไป
00:31:28 → 00:31:31 ถ้าเป็นเบาหวานก็กลายเป็นปาเซเสียงของโลค
00:31:31 → 00:31:35 ปากีสถานละอือ๋อเ้าบอกว่าเรื่องของการ
00:31:35 → 00:31:37 บริโภคอาหารสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสันเนี่ย
00:31:37 → 00:31:40 ก็จะต้องมีคำแนะนำจากแพทย์ด้วยใช่มั้คะ
00:31:40 → 00:31:46 คุณหมอต้องมีรับประทานพวกเอ่อผักผลไม้ให้
00:31:46 → 00:31:50 ให้มีเอ่อคล้ายๆกับว่าวิตามินอะไรเพิ่ม
00:31:50 → 00:31:52 เติมด้วยหรือไงคะคือถ้าสมมุติว่าเราเป็น
00:31:52 → 00:31:54 โรคปลากินสัตแล้วใช่มั้ยฮะจริงๆเนี่ยคำ
00:31:55 → 00:31:58 แนะนำในการรับประทานอาหารของคนไข้ปากินั
00:31:58 → 00:32:01 เนี่ยก็ไม่ได้ต่างจากคนนทั่วๆไปนะหมายถึง
00:32:01 → 00:32:03 ว่าเราก็อาจจะแนะนำให้กินอาหารครบ 5 หมู่
00:32:03 → 00:32:07 กินผักผลไม้สม่ำเสมอนะครับผมแล้วก็อ่า
00:32:07 → 00:32:10 อย่างอย่างที่บอกถ้าคนไข้เขามีโรคร่วม
00:32:10 → 00:32:12 อื่นๆร่วมด้วยอย่างเช่นเบาหวานที่ผมบอกไป
00:32:12 → 00:32:14 ใช่มยเบาหวานเป็นปเสี่งใช่มยเราก็ต้องไป
00:32:14 → 00:32:17 ดูอาหารที่อ่าสำหรับคนไข้เบาหวานนะครับ
00:32:18 → 00:32:20 แต่ถ้าสมมุติอ่าเกี่ยวกับากินสัตโดยตรง
00:32:20 → 00:32:23 เนี่ยนะครับไม่ได้มีหมายถึงว่าไม่มีอาหาร
00:32:23 → 00:32:26 เสริมหรือไม่มีอาหารประเภทไหนชัดเจนนะ
00:32:26 → 00:32:29 ครับคือขอแค่ว่าถ้าเรากินอารครบ 5 หมู่
00:32:29 → 00:32:31 อย่างสม่ำเสมอนะครับไม่ขาดวิตามินอะไร
00:32:31 → 00:32:34 เนี่ยนะฮะก็ก็ก็คือเป็นคำแนะนำทั่วๆไปใน
00:32:34 → 00:32:36 ในคุณไข้ปากีสตานครับออืออือ
00:32:36 → 00:32:40 อืคนทั่วไปก็ต้องกินอาหารที่บำรุงสุขภาพ
00:32:40 → 00:32:44 มีเอ่อผักผลไม้เยอะอยู่แล้วสพปากกินสัน
00:32:44 → 00:32:46 อย่างเดียวไม่ได้มีคำแนะนำอะไรอะไรอะไร
00:32:46 → 00:32:49 ที่ที่มันชัดเจนนะฮะเพราะฉะนั้นเท่าที่
00:32:49 → 00:32:51 ฟังตอนนี้ก็คือ 1 ออกกำลังกายเคลื่อนไหว
00:32:51 → 00:32:54 ร่างกายนะคะช่วยได้ครับเช่วยกระตุ้นร่าง
00:32:54 → 00:32:56 กายเคลื่อนไหวแล้วก็ทานกับเอ่อคาเฟอีนที่
00:32:56 → 00:33:01 ปริมาณในระดับพอดีครับอืการนอนหลับเกี่ยว
00:33:01 → 00:33:05 มั้ยคะคุณหมอพักผ่อนสมองให้ปราสาทเราได้
00:33:05 → 00:33:08 มีการเอ่อการนอนหลับใช่มั้ยเหมือนถึงว่า
00:33:08 → 00:33:11 คือข้อมูลเนี่ยเหมือนถึงว่าคือถ้าพูดถึง
00:33:11 → 00:33:14 การนอนหลับเนี่ยนะฮะค่ะก็ต้องใช้คำว่าการ
00:33:14 → 00:33:16 นอนหลับเนี่ยมันไม่ได้มีข้อมูลว่าเป็น
00:33:16 → 00:33:18 ปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นปัจจัยป้องกันของโรก
00:33:19 → 00:33:22 ปิตันชัดเจนนะฮะแต่ว่าการนอนหลับเนี่ยอาจ
00:33:22 → 00:33:27 จะเป็นส่วนหนึ่งของของโรกปาจิสันอือือที่
00:33:28 → 00:33:29 ผมบอกไปใช่มั้ยฮะว่าคนไข้ปากกินสันบางคน
00:33:29 → 00:33:32 มีนอนละเมอมั้ยฮะแต่ว่าคนไข้ปากกินสันบาง
00:33:32 → 00:33:34 คนเนี่ยก็อาจจะนอนหลับไม่ค่อยสนิทนะครับ
00:33:34 → 00:33:37 หรือคนไข้บางคนเนี่ยมีอาการนอนหลับเยอะนะ
00:33:37 → 00:33:38 ครับซึ่งอันเนี้ยเรากำลังมองว่ามันเป็น
00:33:38 → 00:33:42 ส่วนหนึ่งของโรคปากกินสันมากกว่าที่อ่า
00:33:42 → 00:33:44 ไอ้การนอนเนี่ยมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือ
00:33:44 → 00:33:46 เป็นปัจจัยป้องกันในการเกิดโรคความจ
00:33:46 → 00:33:52 อื้อหืออืเออเสังเกตได้อย่านอนอย่านอน
00:33:52 → 00:33:55 ละเมอใบมันห้ามไม่ได้แต่ว่าจริงๆคือคือ
00:33:55 → 00:33:58 อันๆใช่อันนี้มันเป็นความมันเกิดจากความ
00:33:58 → 00:34:01 เสื่อมของระบบประสาทที่ไปควบคุมซึ่งมันก็
00:34:01 → 00:34:06 ใช่ฮะใชเหนือการควบคุมได้การทรงตัวค่ะคุณ
00:34:06 → 00:34:10 ย้อนกลับไปก็คือเราออกกายใช่เป็นประจำแต่
00:34:10 → 00:34:11 ว่าแต่ว่าการการนอนหลับอย่างเพียงพอเนี่ย
00:34:11 → 00:34:14 มันก็เป็นเป็นสิ่งที่ดีต่อต่อร่างกายอยู่
00:34:14 → 00:34:16 แล้วนะครับหถว่าออาจจะพูดถึงโรคอื่นๆนะ
00:34:16 → 00:34:18 ครับจริงๆการนอนหลับอย่างเพียงพอเนี่ยก็
00:34:19 → 00:34:22 เ่ามันมันก็ดีต่อสุขภาพในในด้านอื่นๆอยู่
00:34:22 → 00:34:24 อยู่อยู่แล้วครับ
00:34:24 → 00:34:29 อืมเรื่องของการทรงตัวผิดปกติเราเราจะ
00:34:29 → 00:34:31 สามารถสังเกตตัวเองได้มั้คะในผู้สูงอายุ
00:34:31 → 00:34:34 เนี่ยเช่นเราก็เดินของเราอยู่ปกติแล้วเรา
00:34:34 → 00:34:36 จะมีมันเกี่ยวกับอาการเวียนหัวหรือยังไง
00:34:36 → 00:34:39 มยคะคุณหมอที่ทำให้
00:34:40 → 00:34:43 เอ่อเราจะสังเกตว่าเราจะเป็นากิสันมั้ยเา
00:34:43 → 00:34:47 บอกว่าลักษณะที่เป็นระยะของภิสาในระยะที่
00:34:47 → 00:34:51 3 มีอาการทรงตัวผิดปกติอ่าเราจะรู้ตัว
00:34:51 → 00:34:54 มั้ยคะก็คือในในในในคนไข้ปากีสตานเนี่ย
00:34:55 → 00:34:58 ครับเมื่อเข้าสู่อาจจะต้องต้องต้องระดับ
00:34:58 → 00:35:00 นึงนะฮะในระยะต้นเนี่ยการทรงตัวยังยัง
00:35:00 → 00:35:02 ค่อนข้างดีอยู่อันนี้เรากำลังพูดถึง
00:35:02 → 00:35:04 ปาริสาแท้นะฮะเพราะว่าเราต้องแยกกับปากิน
00:35:04 → 00:35:07 สาเทมิในโรคปลากกินสันเทียมเนี่ยการทรง
00:35:07 → 00:35:09 ตัวเนี่ยจะเป็นสิ่งที่แยกตั้งแต่แรกๆนะ
00:35:09 → 00:35:11 ครับถ้าเราระบระบุเฉพาะปลากกินสันแท้
00:35:11 → 00:35:13 อย่างเดียวเนี่ยการทรงตัวเนี่ยมักจะเป็น
00:35:13 → 00:35:16 อาการที่ตามมาทีหลังครับอ๋ออืถ้าเทียมมัน
00:35:16 → 00:35:20 จะเป็นยังไงคะเทียมมันก็จะมีโอมันก็จะมี
00:35:20 → 00:35:23 อีกอีกอ่าอีกหลายโรคเลยที่คือหมายถึงว่า
00:35:23 → 00:35:25 ปลากินสันเทียมเนี่ยคือเป็นความเสื่อมของ
00:35:25 → 00:35:28 ระบบประสาทเหมือนกันค่ะนะแต่แต่ว่าอาการ
00:35:28 → 00:35:31 เนี่ยมันจะค่อนข้างแตกต่างจากพินสันแท้
00:35:31 → 00:35:33 อยู่ระดับนึงนะครับอย่างเช่นอย่างที่บอก
00:35:33 → 00:35:36 ไปการทรงตัวนะครับการทรงตัวแย่ลงเนี่ยมัก
00:35:36 → 00:35:38 อาจจะเป็นอ่าเหมือนแต่ว่าคนไข้ถ้าสมมุติ
00:35:38 → 00:35:40 มีการทรงตัวแย่ลงตั้งแต่แรกเนี่ยนะครับ
00:35:40 → 00:35:42 อ่าอาจจะเป็นบกินสันเทียมมากกว่าเป็นบกิน
00:35:42 → 00:35:44 สันแท้นะครับผมแล้วก็ปกินสารเทียมเนี่ยก็
00:35:44 → 00:35:48 มักจะอ่าตอบสนองต่อยาน้อยกว่าปกินสันแพ้
00:35:48 → 00:35:51 แล้วก็คุณภาพชีวิตเนี่ยนะครับอ่าของคนไข้
00:35:51 → 00:35:53 ปากีสถานเทียมเนี่ยมักจะแย่กว่าคุณไข้
00:35:53 → 00:35:55 ปากีสถานแท้อื
00:35:55 → 00:36:00 อืเป็นอย่างไปแทนที่จะคำว่าคำว่าเียมน่า
00:36:00 → 00:36:03 จะดูน้อยกว่าอะไรงี้กเออแทนที่เาจะอาการ
00:36:03 → 00:36:05 เบากใช่ครับอันนี้เราเลยเรียกว่าเป็น
00:36:05 → 00:36:07 ปากีสถานเทียมครับเพราะว่าคืออาการคล้ายๆ
00:36:07 → 00:36:09 ปากีสถานแท้แต่ว่าพอเราเจาะลึกเข้าไป
00:36:09 → 00:36:11 เนี่ยปรากฏว่ามันไม่เหมือนกันนะครับแล้ว
00:36:11 → 00:36:13 ก็เป็นความเสื่อมของระบบประสาทอาจจะมี
00:36:14 → 00:36:16 ความแตกต่างกันนะครับแล้วก็การตอบสนองต่อ
00:36:16 → 00:36:19 ยาก็แตกต่างกันแล้วเรารักษาเ้าไงคะากิสัน
00:36:19 → 00:36:22 เทียมเหมือนกันครับคือการรักษาปากิสาน
00:36:22 → 00:36:23 เทียมก็เหมือนปากินสานแท้ครับก็เป็นความ
00:36:23 → 00:36:25 เสื่อมเหมือนกันก็ยังไม่มีวิธีการหยุด
00:36:25 → 00:36:27 ความเสื่อมหรือชะลอความเสื่อเหมือนกันก็
00:36:27 → 00:36:30 รักษาตามอาการก็ขึ้นกับว่าคนไข้เคมีอาการ
00:36:30 → 00:36:32 อะไรตามอาร
00:36:32 → 00:36:39 อือือก็ก็ก็ประหลาดิมีทั้งแท้มีทั้งเทียม
00:36:39 → 00:36:42 นะคะแล้วก็เพราะฉะนั้นในความเสื่อมของ
00:36:42 → 00:36:46 เมื่อร่างกายอายุเอ่อ 65 ขึ้นก็ให้สังเกต
00:36:46 → 00:36:48 ต่างๆเหล่านี้อาการสั่นเกร็งเคลื่อนไหว
00:36:48 → 00:36:53 ช้าทรงตัวไม่ดีนะคะนอนนอนเอ่อเค้าเรียก
00:36:53 → 00:36:57 ว่าละเมอใช่มั้ยคะคุณหมอนอนมักจะละเมอถึง
00:36:57 → 00:36:59 ขอขนาดว่าแบบอย่างที่บอกมีการเหมือนตอบ
00:36:59 → 00:37:01 สนองหรือรู้สึกว่าเหมือนแบบต่อสู้กับความ
00:37:01 → 00:37:05 ฝันมีต่อสู้กับความฝันเจะเจะรู้สึกกัน
00:37:05 → 00:37:09 อย่างงี้ไม่ในจำนวนผู้ป่วยักอินสัน
00:37:09 → 00:37:14 นี่คือ 50% ขึ้นเลยใช่มั้ยคะถ้าถามเค้าก็
00:37:14 → 00:37:17 จะรู้สึกฝันอ 50 50% มั้ยตัวเลขผมไม่แน่
00:37:17 → 00:37:21 ใจนะแต่ว่าก็อ่าหลัก 10% แน่นอนคือเหยึง
00:37:21 → 00:37:22 ว่าหลักหลหลัก10ิแน่นอนแต่ผมจะไม่ได้ว่า
00:37:22 → 00:37:24 กี่เปอร์เซ็นต์แต่ว่าเจอได้ค่อนข้างเยอะ
00:37:24 → 00:37:29 ครับออ๋อเจอเยอะอืโอ๊ฝันต่อสู้กับความฝัน
00:37:29 → 00:37:33 เปล่าไม่ต่อสู้กับความฝันเลยครับมันเป็นอ
00:37:33 → 00:37:36 คำอธิบายที่ไม่ไม่ไม่เจอยังไม่เคยยังไม่
00:37:36 → 00:37:38 เคยแบบที่เข้าใจยากเหมือนกันนะคะคุณหอ
00:37:38 → 00:37:41 เนาะเออแต่เราไม่เคยเจอว่าถ้าถ้าเป็นภาษา
00:37:41 → 00:37:45 แพทย์ก็คือเป็นเป็นภาวะละเมินในช่วงเรม
00:37:45 → 00:37:49 สลปเออก็มันก็จะยิ่งๆๆอ่ามันจะแสดงว่าพวก
00:37:49 → 00:37:51 นี้จะไม่หลับเลยละถ้าอย่างงั้นน่ะก็คือ
00:37:51 → 00:37:54 หลับไม่ลึกหลับเหลับตรงไขเหลับครับ
00:37:54 → 00:37:58 อ๋อหลับแต่ว่าตื่นมาแล้ว
00:37:58 → 00:38:02 เหนื่อยตื่นมาแล้วเียไงฝันแบบโอมันออก
00:38:02 → 00:38:06 แอคชั่นเยอะหนีนู่นหนีนั่นหนีนี่นะเนอะก็
00:38:06 → 00:38:08 น่าจะเหนื่อยเนอะสุดท้ายนี้นะคะคุณหมอมี
00:38:08 → 00:38:10 อะไรที่จะแนะนำให้ผู้สูงอายุอย่างไรบ้าง
00:38:10 → 00:38:14 ควรบำรุงสมองอย่างไรไม่ให้ขาดสารสำคัญที่
00:38:14 → 00:38:17 หรือว่าปฏิบัติร่างเอ่อปฏิบัติตัวยังไง
00:38:17 → 00:38:20 ออกกำลังกายอะไรนะครับเพื่ออ๋อครับป้อง
00:38:20 → 00:38:24 กันเอ่อก็ครับก็อย่างที่บอกไปนะครับก็อ่า
00:38:24 → 00:38:27 การกินอาหารเนี่ยก็กินอาหารอ่าที่มี
00:38:27 → 00:38:29 ประโยชน์ต่อร่างกายนะครับผมกินอาหารได้
00:38:29 → 00:38:32 ครบ 5 หมู่นะครับอกินผักผลไม้พอสมควรนะ
00:38:32 → 00:38:34 ครับผมเพราะฉะนั้นการกินอาหารเนี่ยอาจจะ
00:38:34 → 00:38:38 ไม่ได้อ่าไม่ได้เหมือนว่าไม่ได้มีวิธีการ
00:38:38 → 00:38:41 กินอาหารอะไรที่ชัดเจนนะครับนอกเหนือจาก
00:38:41 → 00:38:46 การกินอาหารที่อ่าที่ทำให้คนสุขภาพดีทั่ว
00:38:46 → 00:38:48 ๆไปนะครับผมแต่ว่าอีกเรื่องนึงก็คือการ
00:38:48 → 00:38:50 ออกกำลังกายนะครับการออกกำลังกายเนี่ยผม
00:38:50 → 00:38:52 ว่าเป็นเรื่องเรื่องเรื่องสำคัญเหมือนกัน
00:38:52 → 00:38:53 ก็คือออกกำลังกายเนี่ยนะครับอย่างที่บอก
00:38:53 → 00:38:56 ไปก็คือเป็นปัจจัยป้องกันในการเกิดโรกภาก
00:38:56 → 00:38:57 กีสานะครับหรือว่าถึงแม้ว่าคุณจะเป็น
00:38:57 → 00:38:59 ปากีสถานแล้วนะครับการออกกำลังกายเนี่ยก็
00:38:59 → 00:39:02 ทำให้อาการทางปากีสถานเนี่ยเบาลงนะครับผม
00:39:02 → 00:39:06 ออกกำลังกายเนี่ยก็อ่าแนะนำว่าก็อาจจะออก
00:39:06 → 00:39:09 กำลังกายประมาณ 3-5 วันนะครับต่อสัปดาห์
00:39:09 → 00:39:11 นะครับผมซึ่งอาจจะต้องเหนื่อยบนึงนะครับ
00:39:11 → 00:39:14 ผมแต่ว่าใดๆก็ตามเลยนะครับคือเข้าใจว่า
00:39:14 → 00:39:17 ผู้สูงอายุเนี่ยมันก็เหมือนถึงว่าอ่าผู้
00:39:17 → 00:39:19 สูงอายุเนี่ยก็จะมีข้อจำกัดอลายๆอย่างนะ
00:39:19 → 00:39:22 ครับก็อาจจะอ่าออกกำลังกายเท่าที่ได้นะ
00:39:22 → 00:39:25 ครับผมแต่ว่าออกกำลังกายก็ดีกว่าไม่ออกนะ
00:39:25 → 00:39:28 ครับผมอืครับอืดีที่สุดนะเป็นยาออีกสัก
00:39:29 → 00:39:32 นิดนึงคุณหมอเอ่อโดยรวมแล้วสรุปแล้วถ้าคน
00:39:32 → 00:39:36 ที่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคักกินสันเนี่ยเอ่อ
00:39:36 → 00:39:40 อาจจะไม่ไม่อยากให้ตกใจจนเกินไปไม่อยาก
00:39:40 → 00:39:43 ให้กังวลจนเกินไปเพียงแต่ว่าถ้าถ้าดูแล
00:39:43 → 00:39:46 ตัวเองอย่างเหมาะสมแล้วก็
00:39:46 → 00:39:50 เอ่อเติมปัจจัยที่ทำให้โรคนี้มันมันส่งผล
00:39:51 → 00:39:53 กระทบต่อตัวเองน้อยลงเข้าไปได้เขาก็ยัง
00:39:53 → 00:39:55 สามารถทำอะไรได้ตามปกติเหมือนเดิมใช่มั้ย
00:39:55 → 00:40:00 ฮะตามรูปแบบชีวิตที่ที่เหมือนปชนทั่วไปคน
00:40:00 → 00:40:02 ธรรมดาทั่วไปไม่ได้เป็นโรค
00:40:02 → 00:40:06 อะไรครับก็ก็ใช่ครับก็ต้องบอกว่าอ่า
00:40:06 → 00:40:08 วิทยาศาสตร์นะครับในปัจจุบันเนี่ยก็ก้าว
00:40:08 → 00:40:11 หน้ามากขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยออ่ายา
00:40:11 → 00:40:14 รักษาหรือวิธีการรักษานะครับอ่าคนไข้ปา
00:40:14 → 00:40:17 กินสันเนี่ยนะครับให้มีอาการดีขึ้นให้มี
00:40:17 → 00:40:19 คุณภาพชีวิตดีขึ้นนะครับก็ปัจจุบันเนี่ย
00:40:19 → 00:40:22 เราก็มีวิธีการรักษาเหล่านั้นเยอะพอสมควร
00:40:22 → 00:40:26 นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยก็อาจจะอ่าคิดว่า
00:40:26 → 00:40:29 ก็อ่าอาจจะไม่ต้องกังวลไปนะครับก็อ่าอยาก
00:40:29 → 00:40:32 ให้มั่นใจว่าการรักษาในทางการแพทย์แผน
00:40:32 → 00:40:35 ปัจจุบันเนี่ยนะครับมีเยอะนะครับพอสมควร
00:40:35 → 00:40:39 ครับอืมค่ะก็ถ้ามีอะไรยังไงเนี่ยคุณผู้
00:40:39 → 00:40:42 ฟังสามารถที่จะเข้าไปในเว็บไซต์ของกรมการ
00:40:42 → 00:40:44 แพทย์ได้ใช่มั้ยคะเอ้ยของสถาบันปราสาท
00:40:44 → 00:40:47 วิทยานะคะกรมการแพทย์อ๋อครับได้เลยครับ
00:40:47 → 00:40:49 ได้เลยครับ Facebook ครับผมอเพื่อจะศึกษา
00:40:49 → 00:40:52 เรื่องนี้นะคะวันนี้ต้องขอขอบพระคุณคุณ
00:40:52 → 00:40:56 หมอมากเลยนะคะที่ให้ความรู้กับเราได้เข้า
00:40:56 → 00:40:58 ใจถึงทั้งากกินสันทั้งากกินสันเทียมนะคะ
00:40:58 → 00:41:01 ทั้งเอ่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆแล้วก็สิ่งที่
00:41:01 → 00:41:03 เราควรจะต้องทำกันนะคะเรื่องของการรับ
00:41:03 → 00:41:06 ประทานอาหารการออกกำลังกายที่ดีนะคะครับ
00:41:06 → 00:41:10 ขอบพระคุณมากค่ะคุณหมอคะครับๆสัคุณหมอส
00:41:10 → 00:41:14 ครับๆๆสวัสดีครับครับสวัสดีครับค่ะคุณหมอ
00:41:14 → 00:41:18 สุรเชษฐนะคะเอ่อรุจิรัตน์สววงนะคะนาย
00:41:18 → 00:41:23 แพทย์สถาบันปราสาทวิทยากรมการแพทย์